Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

ผบ.ตร.ขอบคุณตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่เต็มกำลังความสามารถ ทุ่มเท เสียสละ มอบความสุขเทศกาลสงกรานต์ให้คนไทย

วันนี้(19 เม.ย.66 )ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึง กรณี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มีวิทยุด่วนที่สุด ในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอบคุณตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ใจความว่า 

“ตามที่ ตร. ได้กำหนดมาตรการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ดูแลรักษาความปลอดภัยในการจัดงานรื่นเริง การเล่นน้ำในสถานที่ต่างๆ อำนวยการจราจรและการลดอุบัติเหตุทางถนน ตลอดจนจัดทำโครงการประชารัฐร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนฯ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันเหตุร้าย ให้ประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศสามารถเฉลิมฉลองในเทศกาลสงกรานต์ได้อย่างมีความสุข ซึ่งทุกหน่วยได้นำมาตรการดังกล่าว ไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจนเสร็จสิ้นภารกิจด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ นั้น   

ผลการดำเนินการในทุกด้านสำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดี สามารถป้องกันอาชญากรรม ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ส่งผลให้ประชาชนสามารถจัดกิจกรรม เฉลิมฉลอง และเล่นน้ำตามประเพณีในวันสงกรานต์ได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข อำนวยการจราจรให้เกิดความสะดวก รวมทั้งลดจำนวนอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ในช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้นของเทศกาลสงกรานต์ได้ตามค่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด  ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวเป็นเพราะผู้บังคับบัญชาทุกระดับให้ความสำคัญ ในการควบคุม กำกับ ดูแล  ให้คำแนะนำ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายอำนวยการ และฝ่ายสนับสนุน ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ทุ่มเท เสียสละ ตลอดช่วงวันหยุด  จึงขอขอบคุณผู้บังคับบัญชา และข้าราชการตำรวจทุกนาย  และขอให้มีความภาคภูมิใจในการปฏิบัติภารกิจที่ผ่านมาด้วยกัน” 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ตำรวจยุคใหม่ ทำสื่อให้โดนใจ ต้านภัยไซเบอร์” เพื่อระดมสมองข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ ในการต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พลตำรวจเอก สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ/หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จัดให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อระดมสมองข้าราชการตำรวจทั่วประเทศในการผลิตสื่อสร้างสรรค์ เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  และประชาสัมพันธ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในหัวข้อ “ตำรวจยุคใหม่ ทำสื่อให้โดนใจ ต้านภัยไซเบอร์” โดยมีวิทยากรในวงการโฆษณา ในวันพุธที่ 19 เมษายน 2566 ณ อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มี พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธี

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ปัจจุบันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้เกิดขึ้นจำนวนมาก ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน  ได้รับแจ้งในระบบรับแจ้งความออนไลน์กว่าสองแสนคดี  ความเสียหายกว่าสามหมื่นล้านบาท ส่งผลกระทบกับประชาชนอย่างมาก  พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้มีนโยบายให้เร่งเสริมสร้างให้ตระหนักรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ ให้กับนักเรียน นักศึกษา  และประชาชนทั่วไป ให้มีภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์ ให้สามารถป้องกันตนเองมิให้ตกเป็นเหยื่อภัยดังกล่าวได้ หรือเรียกว่า เป็นการสร้าง“วัคซีนไซเบอร์” ให้กับประชาชน

โดยมี พลตำรวจเอก รอย อิงคไพโรจน์  รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางทางเทคโนโลยีสารสนเทศ และ พลตำรวจเอก สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ/รองผู้อำนวยการศูนย์ และหัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว  ซึ่งได้เล็งเห็นว่าการสร้างสื่อเพื่อเสริมสร้างการตระหนักรู้หรือรู้เท่าทันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นเรื่องจำเป็น  หากมีการสื่อสารที่ดี ย่อมมีการรับรู้ที่ดี  และช่วยให้เกิดผลสำเร็จได้ง่ายยิ่งขึ้น ประกอบกับเทคนิคในการสื่อสารปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปมาก

‘เจ้าของสวน’ ใจป้ำ!! แจกทุเรียนให้กินฟรีกว่า 400 กก. ฉลองวันเกิดครบ 46 ปี ลั่น!! วันนี้ใครขอซื้อไม่ขาย

เมื่อวันที่ 18 เม.ย.66 ที่บ้านพักของนายใกล้รุ่ง อินทร์แก้ว อายุ 46 ปี เจ้าของสวนทุเรียนและพ่อค้าขายทุเรียน ที่ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิทขาเข้าเมืองตราด ต.วังกระแจะ อ.เขาสมิง จ.ตราด พร้อมครอบครัวและทีมงาน กำลังทำการปอกทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ชะนี พวงมณี กว่า 400 กิโลกรัม เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา เนื่องในโอกาสวันเกิดครบรอบ 46 ปี

‘สธ.’ เตรียมรับมือ ‘โอมิครอน’ สายพันธุ์ใหม่ ‘หมอยง’ ชี้ แพร่หนัก มิ.ย. เผย 1 พ.ค. นี้ รณรงค์ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ควบ วัคซีนโควิด-19 

เมื่อวันที่ 18 เม.ย.66 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมติดตามสถานการณ์โควิด-19 ที่กระทรวงสาธารณสุข ว่า เทศกาลสงกรานต์มีประชาชนออกไปร่วมกิจกรรมจำนวน อาจทำให้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้ แต่ไม่ได้มีนัยยะสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไปร่วมกิจกรรมสงกรานต์ขอให้อยู่ห่างจากกลุ่มเสี่ยง ขณะนี้สายพันธุ์ที่ระบาดในไทย ยังเป็นลูกผสมโอมิครอน XBB.1.5 ส่วนลูกผสม XBB.1.16 ส่วนการกลายพันธุ์ก็เป็นไปตามธรรมชาติ โดยองค์การอนามัยโลกจัดให้อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่ต้องติดตาม ไม่ใช่สายพันธุ์ที่ต้องกังวล แต่อาจติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

“ขณะที่การฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ประชุมวันนี้มีความเห็นว่าจะให้ฉีดเป็นวัคซีนประจำปีเหมือนไข้หวัดใหญ่ ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ จะรณรงค์ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่พร้อมกับวัคซีนโควิด-19 ทั่วประเทศ”

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “สร้างอาชีพ สร้างชีวิต” ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาสในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ในโครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี

วานนี้ (วันอังคารที่ 18 เมษายน 2566) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นเพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่มีฐานะยากจน มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม ในโครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี
จำนวน 9 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 151,890 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นหนึ่งพันแปดร้อยเก้าสิบบาทถ้วน) เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน โดยมี นางจินตนา จันทร์บำรุง อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว นางฤทัย ใหม่จันทร์ทอง  ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ และนายโสภณ แก้วล้อมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา เป็นประธานร่วมในพิธี ณ บริเวณศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา จังหวัดขอนแก่น

นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี มูลนิธิป่เต็กตึ๊ง ร่วมกับ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมูลนิธิฯ กำหนดมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีฐานะยากจน มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ รวม 8 ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสงขลา จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดลำพูน จังหวัดลำปาง จังหวัดเชียงราย และจังหวัดพิษณุโลก ให้ได้มีวัสดุอุปกรณ์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว เพื่อเป็นการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป โดยเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ดำเนินการมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี จำนวน 1 ราย และในวันที่ 27 เมษายน 2566 มูลนิธิฯ กำหนดมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรี จำนวน 3 ราย โดยมี ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา เป็นผู้แทนมูลนิธิฯ มอบเป็นลำดับต่อไป รวมมอบ 3 จังหวัด คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 220,940 (สองแสนสองหมื่นเก้าร้อยสี่สิบบาทถ้วน)

เกิดเหตุไฟไหม้ ‘อาคารชาร์จไฟรถกอล์ฟ’ ศูนย์กีฬา รร.จปร. คาดเสียหายหลายล้านบาท เหลือเพียงดับเถ้าถ่าน-ลดอุณหภูมิความร้อน

(19 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ศูนย์พัฒนากีฬา รร.จปร. อาคารชาร์จไฟรถกอล์ฟ เพลิงระดับ 5 ใกล้ลามขึ้นเขา เจ้าหน้าที่กำลังเร่งระดมเข้าพื้นที่ เบื้องต้นรถกอล์ฟอยู่ในอาคาร 100 กว่าคัน คาดว่าน่าจะเสียหายหลายล้านบาท ในพื้นที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 

‘โรงรับจำนำ’ จ.ขอนแก่น เนื้อหอม!! หลังชาวบ้านแห่จำนำกันพรึ่บ คาดเงินหมดหลังเที่ยวสงกรานต์ จนท.ตุนเงินสำรองกว่า 148 ลบ. ให้ ปชช.

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 66 ที่สถานธนานุบาลเทศบาลนครขอนแก่น แห่งที่ 1 ซึ่งวันนี้เปิดทำการเป็นวันแรก หลังหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบว่าประชาชนชาวจังหวัดขอนแก่นได้ทยอยนำทรัพย์สินที่มีค่ามาจำนำกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะทองคำรูปพรรณที่ขณะนี้มีราคาสูง รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือน ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น โทรทัศน์ เครื่องมือการเกษตร เครื่องมือช่าง เครื่องดนตรีประเภทพิณ หม้อทำครัว และ หม้อก๋วยเตี๋ยว ก็ได้นำมาจำนำ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในครอบครัว หลังหมดเงินไปกับการเที่ยวพักผ่อน เฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่บางส่วนนำเงินที่บุตรหลานมอบให้ช่วงกลับมาเยี่ยมบ้านสงกรานต์ มาส่งดอกเบี้ยและไถ่ถอนทรัพย์สินมีค่า โดยเจ้าหน้าที่ได้เตรียมเงินสดกว่า 148 ล้านบาท ไว้ให้บริการประชาชน

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยมิจฉาชีพปลอมบัญชีไลน์เป็นคนรู้จักหลอกลวงยืมเงิน

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. ขอฝากเตือนภัยประชาชน กรณีมิจฉาชีพปลอมบัญชีสื่อสังคมออนไลน์เป็นบุคคลที่เรารู้จัก บุคคลในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท หรือบุคคลอื่น เพื่อหลอกลวงยืมเงิน หรือให้โอนเงินให้โดยอ้างเหตุผลต่างๆ ดังนี้

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีผู้เสียหายซึ่งเป็นภรรยาของนักร้องเพลงร็อกชื่อดัง ถูกมิจฉาชีพใช้บัญชีไลน์ปลอมของบุตรชายติดต่อเข้ามาพูดคุย สร้างความน่าเชื่อถือโดยการใช้ชื่อบัญชี ภาพโปรไฟล์ปลอม ใช้ความรัก และใช้คำพูดที่ดูน่าสงสาร เพื่อหลอกลวงผู้เสียหายให้เชื่อว่าเป็นบุตรชายของตนจริง กระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อรีบโอนเงินให้มิจฉาชีพจำนวนหลายแสนบาท ต่อมาทราบว่าถูกหลอกลวงจึงไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้สืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย 

ทั้งนี้จากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.65 – 16 เม.ย.66 พบว่า การหลอกลวงเป็นบุคคลอื่นเพื่อยืมเงินนั้น มีประชาชนแจ้งความร้องทุกข์กว่า 8,342 เรื่อง หรือคิดเป็น 3.48% ของจำนวนเรื่องการรับแจ้งความออนไลน์ทั้งหมด และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 312 ล้านบาท  

การกระทำในลักษณะดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายความผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนฯ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” หรือความผิดฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบงานในด้านการป้องกันปราบปราม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงเป็นบุคคลอื่นเพื่อยืมเงิน โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง เพราะถือเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน

ที่ผ่านมา บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบมาโดยตลอด มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

โฆษก บช.สอท. กล่าวอีกว่า นอกจากการปลอมบัญชีสื่อสังคมออนไลน์เพื่อหลอกลวงประชาชนในลักษณะดังกล่าวแล้ว มิจฉาชีพยังใช้วิธีการสุ่มโทรศัพท์ไปหาเหยื่อ โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่ได้จากการค้นหาผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ หรือผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น Whoscall, Get Contact เป็นต้น เริ่มจากการถามไถ่ว่าเหยื่อเป็นอย่างไรบ้าง รู้หรือไม่ว่าผู้ใดโทรมา เพื่อหลอกลวงให้เหยื่อพูดชื่อของบุคคลนั้นออกมาแล้วทำการสวมรอยทันที โดยอ้างว่าได้เปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ใหม่ ขอให้เหยื่อลบหมายเลขเดิมแล้วบันทึกเบอร์ดังกล่าวเอาไว้ ต่อมามิจฉาชีพจะโทรศัพท์หาเหยื่ออีกครั้งเพื่อขอยืมเงิน อ้างเหตุผลต่างๆ เช่น ต้องใช้เงินด่วนไม่ได้เอาเงินมา บิดามารดาเจ็บป่วย เพื่อขอยืมเงินจากเหยื่อ และสัญญาจะคืนให้ในเวลาไม่นาน สุดท้ายก็หลบหนีไป เพราะฉะนั้นการทำธุรกรรมการเงินใดๆ ต้องรู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพ และมีสติอยู่เสมอ

‘เฌอเอม’ ตอบคำถามไม่ตายไมค์ เอาชนะใจกรรมการ คว้าตำแหน่ง มิสแกรนด์ ‘ขวัญใจเชียงใหม่’ ไปครอง

(19 เม.ย.66) แรงไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ สู้กันยิบตา ในที่สุด เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์ มิสแกรนด์ลำพูน คว้าตำแหน่ง มิสแกรนด์ ขวัญใจเชียงใหม่ ไปครอง เฉือนชนะคู่จับมือตัวเต็งอย่าง มิสแกรนด์สงขลา และ มิสแกรนด์กรุงเทพมหานคคร ไปได้แบบสะใจกองเชียร์ที่สุด ด้วยคุณสมบัติ 3B ครบเครื่อง ตอบคำถามได้โดนใจกรรมการที่สุด

สำหรับบรรยากาศการประกวด มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2023 รอบ ขวัญใจเชียงใหม่ ถือเป็นรอบสำคัญที่สุดของการเก็บตัวผู้เข้าประกวดทั้ง 77 จังหวัด ที่จังหวัดเชียงใหม่ ค่ำคืนนี้จึงเต็มไปด้วยกองเชียร์ และชาวด้อมมาพร้อมป้ายไฟ และเสียงเชียร์แน่น ศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่ รวมถึงแฟนนางงาม Grand Family ทั่วโลกที่กำลังรับชมทาง YouTube Channel : Grand TV

เปิดเวทีด้วยผู้เข้าประกวด 77 จังหวัด สวยงาม อ่อนช้อยในชุดพื้นเมือง โดยร้านชุดไทยเชียงใหม่ บาย อ๊อด ทวี และ ร้านหงสาวดี เชียงใหม่ ตามมาด้วยการแสดงคณะแสนหลวง เปิดตัวผู้เชิญมงกุฎ “Symbolic of Chiang Mai” ที่สุดอลังการ อิงฟ้า วราหะ มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2022 และ อิสเบลล่า เมนิน มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2022 โดยมงกุฎ Symbolic of Chiang Mai ได้รับแรงบันดาลใจมาจากร่มบ่อสร้าง อุตสาหกรรมขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงใหม่ แต่งแต้มลวดลายดอกไม้ ผสมผสานกับศิลปะลายหม้อดอก สัญลักษณ์มงคลของชาวล้านนา หมายถึงความเจริญรุ่งเรืองและอุดมสมบูรณ์

แชมป์ สกุล ลิมปภานนนท์ ควงคู่ ชาล็อต ออสติน รับหน้าที่พิธีกร หลังชมความงดงามของชุดพื้นเมืองแล้ว ต่อด้วยความสง่างามในชุดราตรี เพื่อให้คณะกรรมการได้ลงคะแนน แต่ก่อนจะทราบผลผู้เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย พิธีกรประกาศรางวัลพิเศษ 2 รางวัล คือ ชุดชาติพันธุ์ล้านนา ยอดเยี่ยม สนับสนุนรางวัลโดย Camellia ได้แก่ มิสแกรนด์สงขลา

รางวัล Miss Siripanna Villa Resort and Spa สนับสนุนโดย โรงแรมสิริปันนา วิลล่า รีสอร์ท และ สปา ได้แก่ มิสแกรนด์ กรุงเทพมหานคร สองพิธีกรประกาศผลผู้เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย แต่ด้วยผลโหวตที่มีคะแนนเท่านั้นทำให้มีสาวงามผ่านเข้ารอบถึง 18 คน ได้แก่ มิสแกรนด์ ชุมพร ,นครพนม ,แพร่ , สระบุรี , นครศรีธรรมราช , ลพบุรี , ลำพูน , สงขลา , สุรินทร์ , อำนาจเจริญ , ขอนแก่น , กรุงเทพมหานคร , สุพรรณบุรี , หนองบัวลำภู , ชัยนาท , เลย , นครปฐม และ ภูเก็ต ร่วมแสดงทัศนติ ในหัวข้อ “ปัจจุบันผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นมาจากการแต่งตั้งจากส่วนกลาง แต่ในอนาคตมีแนวคิดที่ว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดจะมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากคนในท้องถิ่น ในความคิดของคุณคิดว่า แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรและคุณเห็นด้วยกับวิธีการใดในการได้มาของผู้ว่าราชการจังหวัด” ซึ่งผู้เข้ารอบทั้ง 18 คน แสดงทัศนคติได้อย่างยอดเยี่ยมและตรงไปตรงมา

จากนั้นพิธีกรประกาศปิดโหวต รางวัลขวัญใจมหาชนเชียงใหม่ ซึ่งจะได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท สนับสนุน โดย BearBeary และผ่านเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย ไปเป็นคนแรก ได้แก่ มิสแกรนด์เลย “สแน็ก อัจฉรีย์ ศรีสุข” ตามมาด้วยอีก 4 คน ได้แก่ มิสแกรนด์สงขลา , ลำพูน , กรุงเทพมหานคร , แพร่ และอีก 2 สาวงามที่ผ่านเข้ามาคือ สระบุรี และ ภูเก็ต สู่รอบการตอบคำถามที่สุดแสนร้อนแรงที่ว่า “จงอธิบายความหมายของคำว่า ประยุทธ์ จันทร์โอชา!!?” ซึ่งคำตอบของทั้ง 7 คนทำเอาแฟนนางงามเฮสนั่นฮอลล์เพราะ “โดนใจ” เหลือเกิน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top