Tuesday, 8 July 2025
NEWS FEED

‘ลุงตู่’ ปลื้ม จุฬาฯ-มหิดล-มช.-มข.  ขึ้นท็อป 100 ด้านความยั่งยืนปี 2566

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยินดีที่ Times Higher Education (THE) ผู้จัดอันดับสถาบันอุดมศึกษาที่ดีที่สุดโลกที่เป็นที่ยอมรับแห่งหนึ่ง ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่มีการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) หรือ THE Impact Rankings ประจำปี 2566

โดยมีสถาบันอุดมศึกษาทั่วโลก เข้าร่วมการจัดอันดับทั้งสิ้น 1,591 แห่ง จาก 112 ประเทศ และสถาบันอุดมศึกษาไทยเข้ารับการจัดอันดับทั้งสิ้น 65 แห่ง เพิ่มขึ้นจากเดิมในปี 2022 ที่มีจำนวน 52 แห่ง โดยสถาบันอุดมศึกษาไทยในปีนี้ที่ติดอันดับ Top 100 แบบคะแนนรวม มีจำนวน 4 สถาบัน เพิ่มจากปีที่แล้วที่ติดอันดับ Top 100 มีจำนวน 2 สถาบัน ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ติดอันดับที่ 17 มหาวิทยาลัยมหิดล ติดอันดับที่ 38 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ติดอันดับที่ 74 และมหาวิทยาลัยขอนแก่น ติดอันดับที่ 97 นอกจากนี้ ยังมีสถาบันอุดมศึกษาของไทย ที่ได้รับการจัดอันดับ Top 10 ของโลกในด้านต่าง ๆ อีก 6 ประเด็น ดังนี้ 

มหาวิทยาลัยมหิดล อันดับที่ 3 ใน SDG3 เรื่องสร้างหลักประกันว่าคนมีชีวิตที่มีสุขภาพดีและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกวัย รวมทั้งอันดับ 5 ใน SDG7 เรื่องสร้างหลักประกันให้ทุกคนสามารถเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่ที่ยั่งยืนในราคาที่ย่อมเยาว์ และยังได้อันดับ 5 ใน SDG17 เรื่องเสริมความเข้มแข็งให้แก่กลไกการดำเนินงานและฟื้นฟูหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ,มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้อันดับที่ 4 ใน SDG1 เรื่องขจัดความยากจนทุกรูปแบบในทุกพื้นที่,มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อันดับที่ 7 ใน SDG5 เรื่องบรรลุความเท่าเทียมระหว่างเพศ และเสริมอำนาจให้แก่สตรีและเด็กหญิง และมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้อันดับที่ 9 ใน SDG2 เรื่องยุติความหิวโหย บรรลุความมั่นคงทางอาหารและยกระดับโภชนาการและส่งเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืน

“นายกฯ ยินดีและชื่นชมสถาบันอุดมศึกษาของไทย ที่มีความโดดเด่นไม่แพ้ชาติใด ทุกสถาบันต่างมีความแตกต่างและความเป็นเลิศที่เฉพาะตัว โดยเฉพาะการมุ่งสู่ความยั่งยืนในทุก ๆ ด้าน รวมทั้งสถาบันอุดมศึกษาของไทยมีการพัฒนาต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล ทั้งนี้ ประเทศไทยมีสถาบันอุดมศึกษาที่มีพื้นฐานที่ดี ในการทำงานที่ตอบโจทย์ของประเทศรวมทั้งความยั่งยืนที่กำหนดโดยสหประชาชาติ ซึ่งรัฐบาล และ อว. พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มกำลังเพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาไทยก้าวสู่ความสำเร็จและเป็นกลไกสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ เพื่อเป้าหมายการพัฒนาประเทศสู่ความยั่งยืนต่อไป” นายอนุชา กล่าว

“อลงกรณ์”หวังประเทศเดินหน้าตามครรลองประชาธิปไตย วอนหยุดปลุกระดมสร้างความเกลียดชังหวั่นซ้ำรอย 6 ตุลาฯ.19

นายอลงกรณ์ พลบุตร รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เขียนเฟสบุ๊ควันนี้เรื่อง “ สปิริตประชาธิปไตย Spirit of Democracy “อย่างน่าสนใจโดยมีใจความดังนี้

“สปิริตประชาธิปไตย Spirit of Democracy” ประชาธิปไตยเป็นระบอบการเมืองการปกครองที่เรียบง่ายและมีสปิริต ประชาชนเลือกตั้งเสร็จ ใครชนะก็เป็นรัฐบาล ใครแพ้ก็เป็นฝ่ายค้าน

พรรคก้าวไกลชนะได้เสียงอันดับ1มีสิทธิ์และความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลโดยต้องรวมเสียงให้ได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร แต่ถ้าทำไม่ได้ก็เป็นสิทธิ์ของพรรคเพื่อไทยอันดับ2และพรรคภูมิใจไทยอันดับ3ในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป ผมหวังว่าวุฒิสมาชิกจะสนับสนุนแนวทางนี้ของสภาผู้แทนราษฎรในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

เมื่อจัดตั้งรัฐบาลได้มีนายกรัฐมนตรีแล้วก็ให้ทำงาน 4 ปี  ฝ่ายค้านทำหน้าที่ถ่วงดุลตรวจสอบรัฐบาล 
แต่ละฝ่ายมีโอกาสทำงานเท่ากันในการพิสูจน์ผลงานแล้วตัดสินด้วยคะแนนเสียงของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไปประชาธิปไตยต้องมีสปิริต รู้แพ้รู้ชนะเหมือนแข่งกีฬา 

ถ้าเราไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง แล้วเราจะให้ประชาชนมาออกเสียงลงคะแนนทำไม การยอมรับผลการเลือกตั้งเป็นหลักการสำคัญในระบอบประชาธิปไตย ที่น่าวิตกคือมีการปล่อยข่าวเฟคนิวส์ข่าวดีลลับข่าวฐานทัพอเมริกัน ข่าวอเมริกาหนุนหลัง ข่าวรัฐบาลแห่งชาติ ข่าวเลือกตั้งโมฆะมีคลิปปลุกระดมสร้างความเกลียดชังมุ่งดิสเครดิตฝ่ายตรงข้ามออกมาถี่ยิบทั้งในสื่อหลักสื่อโซเชียล เหมือนการปลุกผีคอมมิวนิสต์ในเหตุการณ์6ตุลา2519   

ข่าวสารเหล่านี้สร้างความความแตกแยกในบ้านเมือง ไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยประชาธิปไตยไม่ได้สร้างด้วยความเกลียดชังแต่สร้างด้วยการเคารพในความเห็นต่างอย่างมีเหตุผลด้วยสันติวิธีและขันติธรรม การเปลี่ยนผ่านอำนาจจากรัฐบาลหนึ่งสู่อีกรัฐบาลหนึ่งควรเป็นไปโดยราบรื่นและรวดเร็วประเทศกำลังเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจอย่าซ้ำเติมด้วยวิกฤติการเมือง หนทางเดียวคือช่วยกันทำให้ประเทศของเราเดินไปข้างหน้าตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยครับ

เพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้โพสต์ข้อความแจ้งเกี่ยวกับ การปิดเส้นทางการจราจรงาน Pride Parade 2023

เพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้โพสต์ข้อความแจ้งเกี่ยวกับ การปิดเส้นทางการจราจรงาน Pride Parade 2023 โดยมีใจความว่า ...

กทม.แจ้งปิดการจราจรบางเส้นทางวันนี้ งาน Pride Parade 2023 
เนื่องด้วยกิจกรรม Pride Parade 2023 จะมีการปิดการจราจร ถนนพระรามที่ 1 ขาออก ‘ฝั่งโลตัสพระรามที่ 1 ถึงเซ็นทรัลเวิลด์’ ในวันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายนนี้ ตั้งแต่เวลา 14.00-18.00 น. (หรือจนกว่าขบวนพาเหรดจะแล้วเสร็จ)

กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ Bangkok Pride เริ่มต้นเฉลิมฉลองเทศกาลเดือนแห่งความภาคภูมิใจในความหลากหลายทางเพศ ด้วยขบวน #PrideParade2023 ซึ่งจะมีการเคลื่อนขบวนจากหอศิลปกรุงเทพฯ ผ่านศูนย์การค้าสยาม (สยามดิสคัฟเวอรี สยามเซ็นเตอร์ สยามพารากอน) และสิ้นสุดที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

โดยจะมีการปิดการจราจรถนนพระรามที่ 1 เฉพาะฝั่งขาออก และปิดการจราจรแยกปทุมวันช่วงละ 10 นาที เพื่อสลับให้ขบวนพาเหรดเดินผ่าน ทั้งนี้ถนนพระรามที่ 1 ฝั่งขาเข้า หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สยามสแควร์วัน มุ่งหน้าสนามกีฬาแห่งชาติ ยังสัญจรได้ตามปกติ
กรุงเทพมหานคร จึงแนะนำให้ผู้ที่จะสัญจรผ่านในวันและบริเวณดังกล่าวโปรดหลีกเลี่ยงเส้นทาง และรณรงค์ให้ผู้ที่จะเดินทางมาร่วมงานรวมถึงบริเวณโดยรอบใช้ขนส่งสาธารณะ ซึ่งสามารถใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ลงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ หรือ สถานีสยาม หรือรถประจำทางอีก 27 สาย ที่ยังคงให้บริการตามปกติ  

ส่วนประชาชนที่ใช้บริการป้ายหน้าเทคโนฯ ปทุมวัน, หอศิลปฯ, สยามเซ็นเตอร์ และ วัดปทุมฯ กรุงเทพมหานครได้ส่งแผนหลีกเลี่ยงเส้นทาง (ตามรูป) ไปยังผู้เดินรถสาย 15 16 25 40 47 48 54 73 79 204 501 508 และ 1-63 เพื่อให้ประชาชนเปลี่ยนไปใช้บริการได้ที่ป้ายใกล้เคียงจุดเดิมมากที่สุด  
ทั้งนี้ ระยะเวลาและเส้นทางการจราจรอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมของสถานการณ์  

4 มิถุนายน พ.ศ. 2490  วันสถาปนา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นับเป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่ 2 ของประเทศไทย

คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นหน่วยงานระดับคณะวิชาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีพระราชกฤษฎีกาประกาศตั้งเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2490 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2490 โดยสังกัดอยู่ภายใต้มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ จนกระทั่งถูกโอนมาสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี พ.ศ. 2510 เป็นคณะแพทยศาสตร์แห่งที่ 2 ของประเทศไทย ถือกำเนิดจากพระราชปรารภในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 

การดำเนินการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์แห่งนี้เริ่มขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงเพียงแปดเดือนเท่านั้น ถือเป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทย ประสบความยากลำบากทางการเมืองและเศรษฐกิจ อีกทั้งจำเป็นต้องมีการบูรณะบ้านเมืองที่เสียหายจากการทิ้งระเบิด คณะแพทยศาสตร์แห่งนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาวงการสาธารณสุขของประเทศ ในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต ควบคู่ไปกับการพัฒนามาตรฐานแพทยศาสตรศึกษา 

ปัจจุบันคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นศูนย์ความร่วมมือขององค์การอนามัยโลก 3 สาขา ได้แก่ ศูนย์ความร่วมมือด้านแพทยศาสตรศึกษา ศูนย์ความร่วมมือด้านการวิจัยการสืบพันธุ์ของมนุษย์ ศูนย์ความร่วมมือด้านการวิจัยและฝึกอบรมด้านไวรัสและโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

‘รถไฟฟ้าสายสีเหลือง’ รถไฟฟ้าโมโนเรลสายแรกของไทย ลดต้นทุนด้วยระบบควบคุมอัตโนมัติ เปิดให้บริการฟรี 1 เดือน!!

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 66 ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ‘ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ - Dr.Samart Ratchapolsitte’ ในหัวข้อ “ว้าววว...รถไฟฟ้าสายสีเหลือง โมโนเรลสายแรกของไทย” ระบุว่า…

น่าดีใจที่วันนี้ (3 มิ.ย. 66) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดให้ประชาชนทดลองใช้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองฟรีเป็นเวลา 1 เดือน หลายคนสงสัยว่าทำไมรถไฟฟ้าสายสีเหลืองต้องเป็นโมโนเรล ?

1.) ทำไมต้องเป็นโมโนเรล ?
โมโนเรล (Monorail) คือรถไฟฟ้า แต่เป็นรถไฟฟ้าที่วิ่งคร่อมรางโดยใช้รางเดี่ยว หรืออาจจะแขวนห้อยอยู่ใต้รางก็ได้ แต่ที่นิยมใช้กันมากก็คือ แบบคร่อมราง สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นผู้กำหนดว่า โครงข่ายรถไฟฟ้าเส้นทางใด ควรใช้รถไฟฟ้าประเภทไหน โดยพิจารณาจากการคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสาร หากเส้นทางใดคาดว่าจะมีผู้โดยสารมาก สนข. ก็จะใช้รถไฟฟ้าขนาดหนัก ซึ่งมีความจุมากกว่า ดังเช่น รถไฟฟ้า BTS หรือ รถไฟฟ้า MRT เป็นต้น

สำหรับสายสีเหลือง สนข. คาดว่าจะมีผู้โดยสารไม่มากจึงเลือกใช้โมโนเรล ซึ่งมีความจุน้อยกว่า หากเลือกใช้รถไฟฟ้าขนาดหนักก็จะเป็นการลงทุนเกินความจำเป็น สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ โดยทั่วไปวงเงินลงทุนโมโนเรลจะถูกกว่ารถไฟฟ้าขนาดหนักประมาณ 40%

2.) ถึงวันนี้รถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ มีกี่ประเภท?
มี 3 ประเภท ได้แก่

(1) รถไฟฟ้าขนาดหนัก มี 5 สาย ประกอบด้วย สายสีเขียว สีน้ำเงิน แอร์พอร์ตลิงก์ สีม่วง และสีแดง

(2) รถไฟฟ้า APM (Automated People Mover) มี 1 สาย คือ สายสีทอง APM เป็นรถไฟฟ้าไร้คนขับ ใช้ล้อยางวิ่งบนพื้นคอนกรีตโดยมีรางเหล็กวางอยู่ตรงกลางระหว่างล้อซ้ายขวาเพื่อช่วยนำทาง เลี้ยววงแคบและไต่ทางลาดชันได้ดี กินพื้นที่น้อยเนื่องจากใช้โครงสร้างขนาดเล็ก APM เป็นที่นิยมใช้ในพื้นที่ที่มีผู้โดยสารไม่มาก โดยเฉพาะในสนามบินเพื่อขนผู้โดยสารเครื่องบินไปมาระหว่างเทอร์มินัลกับเทอร์มินัล หรือระหว่างเทอร์มินัลกับอาคารเทียบเครื่องบินรอง (อาคารรอขึ้นเครื่องบิน) ดังเช่นที่ใช้ในสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อขนผู้โดยสารเครื่องบินระหว่างเทอร์มินัล 1 กับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1

(3) โมโนเรล มี 2 สาย ประกอบด้วยสายสีเหลือง และสายสีชมพู (ยังไม่เปิดให้บริการ) เป็นรถไฟฟ้าไม่ใช้คนขับเช่นเดียวกับ APM ใช้ล้อยางวิ่งบนรางคอนกรีต (หรือรางเหล็ก) เพียงรางเดียว เลี้ยววงแคบและไต่ทางลาดชันได้ดี กินพื้นที่น้อยเนื่องจากใช้โครงสร้างขนาดเล็ก โมโนเรลเป็นที่นิยมใช้ในพื้นที่ที่มีผู้โดยสารไม่มากเช่นเดียวกัน แต่มักนิยมใช้ขนผู้โดยสารไปป้อนให้กับรถไฟฟ้าขนาดหนักที่สามารถขนผู้โดยสารได้มากกว่า พูดได้ว่าใช้โมโนเรลสำหรับรถไฟฟ้าสายรองเพื่อขนผู้โดยสารไปป้อนให้รถไฟฟ้าสายหลัก ดังเช่นรถไฟฟ้าสายสีเหลืองซึ่งเป็นโมโนเรลที่ขนผู้โดยสารริมถนนลาดพร้าวไปป้อนให้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT) ที่สถานีลาดพร้าว

3.) ใครเป็นผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง?
บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ร่วมกับพันธมิตรเป็นผู้ชนะการประมูล โดยชนะ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เนื่องจาก BTSC ขอรับเงินสนับสนุนสุทธิจาก รฟม. (เงินสนับสนุนจาก รฟม. ลบด้วย เงินตอบแทนให้ รฟม.) โดย BTSC ขอรับเงินสนับสนุนสุทธิ 22,087.06 ล้านบาท ในขณะที่ BEM ขอรับเงินสนับสนุนสุทธิ 157,721.81 ล้านบาท หรือ BTSC ขอรับเงินสนับสนุนสุทธิจาก รฟม. ต่ำกว่า BEM มากถึง 135,634.75 ล้านบาท BTSC จึงคว้าชัยชนะไป โดย BTSC ได้รับสิทธิ์ในการบริหารจัดการเดินรถเป็นเวลา 30 ปี

4.) ถ้าโมโนเรลเสีย ผู้โดยสารต้องทำอย่างไร?
ในกรณีฉุกเฉิน ผู้โดยสารจะต้องลงจากโมโนเรลไปที่ทางเดินระหว่างรางทั้งสอง (รางขาไปและขากลับ) ทางเดินเป็นตะแกรงเหล็กกัลวาไนซ์เพื่อให้ผู้โดยสารเดินไปสู่สถานีที่ใกล้ที่สุด ความสูงจากพื้นโมโนเรลถึงทางเดินเกือบ 2 เมตร ดังนั้น จะต้องลงทางบันไดที่พาดจากประตูโมโนเรลไปที่ทางเดิน บันไดดังกล่าวจะถูกเก็บไว้บนรถและบนทางเดินตลอดทาง ส่วนผู้โดยสารที่ใช้วีลแชร์จะต้องช่วยกันอุ้มลงมาที่ทางเดินแล้วเข็นไปที่สถานี

5.) สรุปและข้อเสนอแนะ
(1) โมโนเรลไม่ใช้คนขับ แต่ใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติซึ่งจะช่วยลดข้อผิดพลาด หรือข้อบกพร่องที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ (Human Error) ได้ ทำให้มีความปลอดภัยสูง แต่การไม่ใช้คนขับทำให้ต้องลงทุนงานระบบควบคุมเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวจะช่วยทำให้ค่าใช้จ่ายในการประกอบการเดินรถถูกลง

(2) โมโนเรลใช้ล้อยาง ไม่ใช่ล้อเหล็ก เพื่อลดเสียงดังและการสั่นสะเทือนที่สร้างความรำคาญต่อผู้อยู่อาศัยริมทาง มีความนุ่มนวลในการขับขี่ดีกว่า และช่วยให้สามารถเร่งความเร็วหรือเบรกได้อย่างรวดเร็วในระยะทางสั้นๆ ทำให้ขบวนรถไฟฟ้าสามารถวิ่งต่อเนื่องใกล้ๆ กันได้

(3) เพื่ออำนวยความสะดวก ประหยัดเวลา และลดค่าเดินทางให้ผู้โดยสาร รฟม. ควรพิจารณาต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองจากสถานีลาดพร้าว บริเวณทางแยกรัชดา-ลาดพร้าว วิ่งบนถนนรัชดาภิเษกไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีรัชโยธิน ซึ่งจะช่วยให้ผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียวได้แบบไร้รอยต่อ เดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็วขึ้น

‘รศ.อัศวิณีย์’ หวั่น สถานศึกษากลายเป็นที่บ่มเพาะความแตกแยก สอนเรียกร้องประชาธิปไตยด้วยวิธีเผด็จการ อ้างสิทธิเพื่อละเมิดผู้อื่น

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย 66 รศ.อัศวิณีย์ หวานจริง อดีตคณบดีคณะวิจิตรศิลป์ ภาควิชาศิลปะไทย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ‘Asawinee Wanjing’ ถึงเรื่องการให้ความสำคัญกับสถานศึกษา ก่อนจะกลายเป็นแหล่งบ่มเพราะเผด็จการในคราบนักประชาธิปไตย สร้างความแตกแยกให้ประเทศชาติบ้านเมือง โดยระบุว่า…

“วันใดที่การศึกษา เป็นเพียงสถานสร้างวิชา ละเลยคุณธรรม บ่มเพาะความก้าวร้าว พัฒนาการต่อต้าน สร้างความแตกแยก ชี้นำคำลวง ให้โกหกกลายเป็นถูก สอนเรียกร้องประชาธิปไตยด้วยวิธีเผด็จการ สนับสนุนใช้อำนาจกฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ให้สิทธิเสรีภาพในการละเมิดผู้อื่น ใครใคร่ละเลยปล่อยเยาวชนตกเป็นเครื่องมือ บำเรอความใคร่อุดมการณ์ จินตนาตนเป็นนักสู้ ผู้สอนแอบหลังเด็กบังหน้า อ้างวิชาการ ไปปะทะและทำลาย ใครหมดความหมายย้ายคนใหม่ ทนอยู่ได้ อยู่รักษาตัวให้รอดเป็นยอดดี

ผู้บริหารปิดตา ไม่มอง ไม่รู้ ไม่ดู ไม่เห็น ไม่ฟัง ไม่ได้ยิน เพื่อไม่เดือดร้อน เพราะภาระงานมาก เร่งทำ Ranking หารายได้บริหารงบ ปล่อยแกนนำนักศึกษาจะนำไหนก็นำไป ขอให้จ่ายครบจบส่งออก คืนปัญหาสู่สังคม ไปกัดเซาะโครงสร้าง สถาบันแตกร้าว สุดท้ายพุพองในบ้าน ให้ครอบครัวคอยเยียวยา เมื่อนั้นคือ ความอัปยศทางการศึกษา เข้าสู่กลียุคอย่างแท้จริง

ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่จะให้ความสำคัญกับสถานศึกษา ก่อนจะกลายเป็นแหล่งบ่มเพราะสร้างปัญหา การละเลยเห็นประกายไฟเป็นเรื่องเล็กน้อยปล่อยให้ลุกลาม สุดท้ายก็จะไม่เหลืออะไรเลย

‘นนอ.กฤตวัฒน์ สุอุทัย’ นร.ทุนกองทัพอากาศ จบการศึกษาจากสหรัฐฯ ได้รับเลือกเป็นนายทหารเกียรติศักดิ์ และหัวหน้ากองพันที่ 1 แห่ง ‘USAFA’

(3 มิ.ย. 66) รายงานข่าว จากกองทัพอากาศเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา โรงเรียนนายเรืออากาศสหรัฐอเมริกา (United States Air Force Academy : USAFA) จัดพิธีจบการศึกษาของนักเรียนนายเรืออากาศสหรัฐอเมริกา รุ่นที่ 2023 โดยในปีนี้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา เดินทางมาเป็นประธานในพิธีและร่วมแสดงความยินดีแก่ผู้สำเร็จการศึกษาด้วยตนเอง สำหรับการเดินทางมาเป็นประธานในพิธีจบการศึกษาของประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเป็นการหมุนเวียนกันในแต่ละปีระหว่างโรงเรียนนายร้อยทหารบกสหรัฐฯ (The United States Military Academy หรือ Westpoint) โรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ (United States Naval Acdemy) และโรงเรียนนายเรืออากาศสหรัฐฯ (United States Air Force Academy)

ซึ่งในปีนี้ เป็นวงรอบการเป็นประธานในพิธีจบการศึกษาของโรงเรียนนายเรืออากาศฯ นอกจากประธานาธิบดี โจ ไบเดนแล้ว มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพอากาศสหรัฐฯ มาร่วมเป็นเกียรติในการแสดงความยินดีกับผู้จบการศึกษาซึ่งประกอบด้วย นายแฟรง แคนดอล Secretary of the Air Force, พล.อ.อ.ชาร์ล บราวน์ จูเนียร์ Chief of Staff of the Air Force, พล.อ.อ.แชนซ์ ซอลท์แมน Chief of Space Force ถือว่าเป็นพิธีจบการศึกษาที่ได้รับเกียรติเป็นอย่างสูง

สำหรับผู้จบการศึกษาของโรงเรียนนายเรืออากาศสหรัฐฯ ในปีนี้มีจำนวนทั้งหมด 921 คน ประกอบด้วยนักเรียนต่างชาติ 12 คน และหนึ่งในนั้นคือ นักเรียนนายเรืออากาศ กฤตวัฒน์ สุอุทัย ซึ่งเป็นนักเรียนทุนของกองทัพอากาศ

นักเรียนนายเรืออากาศ กฤตวัฒน์ สุอุทัย เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 58 และเป็นนักเรียนนายเรืออากาศรุ่นที่ 65 เกิดเมื่อ 10 พ.ค. 2542 อายุ 24 ปี นนอ.กฤตวัฒน์ฯ เข้ารับการศึกษาระดับปริญญาตรี ณ United States Air Force Academy ในสาขา Computer Science and Cyber Science โดยมีเกียรติประวัติระหว่างการศึกษา นนอ.กฤตวัฒน์ฯ มีความสนใจในการบินและได้เข้าร่วมชมรมนักบินเครื่องร่อนของโรงเรียน จนมีความชำนาญและได้เป็นครูสอนการบินเครื่องร่อนให้กับนีกเรียนรุ่นต่อมา โดยทำการสอนศิษย์การบินเครื่องร่อนรวมทั้งสิ้น 117 เที่ยวบิน นอกจากนี้ นนอ.กฤตวัฒน์ฯ ยังได้รับเลือกเป็นนายทหารเกียรติศักดิ์ (Honor Officer) และหัวหน้ากองพันที่ 1 (Squadron 1 Commander) ขณะศึกษาในชั้นปีที่ 4 ถือเป็นเกียรติประวัติอันสำคัญยิ่งของนักเรียนทุนจากกองทัพอากาศ

‘United States Air Force Academy’ ถือเป็นสถานบันผลิตนายทหารหลักของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เป็นสถาบันที่ผลิตผู้นำชั้นแนวหน้าอย่างเช่น พล.อ.อ.ชาร์ล บราวน์ จูเนียร์, Chief of Staff of the Air Force ผู้ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน ให้ดำรงตำแหน่ง ‘Chairman of the Joint Chiefs’ คนต่อไป ซึ่งนับเป็นตำแหน่งสูงสุดทางทหารของกองทัพสหรัฐฯ ทั้งนี้กองทัพอากาศไทยได้คัดเลือกนักเรียนนายเรืออากาศเข้ารับการศึกษาในสถาบันแห่งนี้ทุกปี โดยสหรัฐฯ เสนอที่นั่งให้กับนักเรียนนายเรืออากาศของไทยปีละ 1 ที่นั่ง ซึ่งนักเรียนนายเรืออากาศที่ได้รับการคัดเลือกจากกองทัพอากาศตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้สร้างชื่อเสียงและแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ ทั้งด้านการศึกษาและความเป็นทหารได้อย่างดีเยี่ยม ได้รับความไว้วางใจจากกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในการให้ที่นั่งศึกษาในทุกๆ ปี

ทุนยักษ์ใหญ่

รัตนาวะดี (Gulf), เจียรวนนท์ (CP Group), จิราธิวัฒน์ (Central Group) และ สิริวัฒนภักดี (TCC Group) คือกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ที่กุมสัดส่วนหุ้นไทยรวมกันถึง 20%
 

9 ร้านอาหารไทย ติดโผ 50 ร้านยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ปี 2023 ผ่านการจัดอันดับโดย The World's 50 Best Restaurants

ประเทศไทยกวาด 9 ร้าน จาก 50 อันดับร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี 2023 ซึ่งประกาศโดยเว็บไซด์ The Worlds 50 Best Restaurants จะมีร้านอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!!

อันดับที่ 1 ของเอเชีย : Le Du
‘Le Du’ พยายามไต่อันดับสู่ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียมาตั้งแต่ปี 2560 จนมาถึงจุดสูงสุดในปี 2566 ด้วยฝีมือของเชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร เชฟเจ้าของร้านอาหารนำเสนออาหารไทยสมัยใหม่ชั้นเลิศตามวัตถุดิบของประเทศ มรดกทางการเกษตรที่ไม่ธรรมดาและเทคนิคการทำอาหารที่มีอายุหลายศตวรรษ - และรูปแบบอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้นักวิจารณ์และนักชิมจากทั่วทั้งทวีปประทับใจ

พิกัด 399/3 Silom Soi 7, Bangrak, Bangkok 10500, Thailand
Contact : https://www.instagram.com/ledubkk/
โทร. +66 092 919 9969

อันดับที่ 3 ของเอเชีย : Nusara
‘นุสรา’ ได้รับความนิยมอย่างมากตั้งแต่เปิดตัวในปี 2563 โดยเสิร์ฟอาหารไทยต้นตำรับที่มีการพลิกโฉม ซึ่งสะท้อนถึงการปรับปรุงสูตรอาหารของครอบครัวและประเพณีการทำอาหารของเชฟให้ทันสมัย นุสรา ชิมอาหาร 12 คอร์สผ่านอาหารว่างที่สลับซับซ้อน เช่น ปลาแมคเคอเรลกับมะพร้าวและแตงกวา หอยเชลล์ฮอกไกโดกับข้าวโพดหวานและไข่แดง ซุปต้มยำกุ้ง รวมถึงแกงกะหรี่ปูอันเป็นเอกลักษณ์ที่นำเสนอบนใบพลูกรุบกรอบพร้อมไข่แมงดาทะเล จากนั้นมีคอร์สสไตล์ครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น ได้แก่ Bumbai Neua แก้มเนื้อนุ่มในแกงกะหรี่สไตล์บอมเบย์พร้อมแตงกวาดอง อาหารแต่ละจานมีสีสันสดใสพอ ๆ กับถ้วยชามที่สวยงามที่เสิร์ฟ

พิกัด 22 Maha Rat Road, Phra Borom Maha Ratchawang, Phra Nakhon, Bangkok 10200, Thailand
Contact : https://www.instagram.com/nusarabkk/?hl=en
โทร. +66 97 293 5549

อันดับที่ 5 ของเอเชีย : Gaggan Anand
‘Gaggan Anand’ เชฟผู้รักสังคมแบบกัลกัตตาปิดร้านอาหารในกรุงเทพฯ ของเขา ซึ่งได้รับการโหวตให้เป็นที่ 1 ใน 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียเป็นประวัติการณ์ถึง 4 สมัย ตั้งแต่ปี 2558-2561 ในเดือนสิงหาคม 2562 ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน เขาได้เปิดร้านรูปแบบใหม่ของ ร้านอาหารที่มีชื่อแตกต่างกันเล็กน้อยในพื้นที่ใหม่ซึ่งปกคลุมด้วยใบไม้ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงเทพฯ หลังจากเปิดตัวในอันดับที่ 5 ในปี 2021 และได้รับรางวัล Highest New Entry Award ก็ผ่านช่วงเวลาของการปิดชั่วคราว แต่ก็กลับมาพร้อมกับการกลับมาติดอันดับ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียประจำปี 2023

พิกัด 68 Sukhumvit 31, Khlong Tan Nuea, Watthana, Bangkok 10110, Thailand 
Contact : https://www.instagram.com/gaggan_anand/?hl=en
โทร. +66 98 883 1022

อันดับที่ 9 ของเอเชีย : Sorn
ไอซ์ ศุภักษร จงศิริ เชฟผู้มีอุปการะคุณของศรเติบโตมาคลุกคลีกับการทำอาหารปักษ์ใต้ของคุณยาย ไอซ์จึงไม่ได้แค่ทำอาหารปักษ์ใต้เท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนรสชาติและความทรงจำที่เขาได้พบเจอกับวัฒนธรรมทางใต้ที่หลากหลายให้กลายเป็นอาหารแปลกใหม่ที่ไม่เหมือนใคร กระบวนการคิดของเขาช่างเหลือเชื่อและเครื่องปรุงของเขาก็ระเบิดออกมาโดยไม่ประนีประนอมกับความร้อนของพริกและเครื่องเทศ

‘ศร’ ถูกกล่าวหาว่า เป็นร้านอาหารที่จองยากที่สุดในประเทศไทย และหนึ่งในเหตุผลที่ดีว่าทำไมร้านถึงให้บริการไร้ที่ติ ทีมงานหน้าร้านได้รับการฝึกฝนให้สื่อสารเรื่องราวและความทรงจำที่เชฟใส่ลงไปในอาหารทุกจานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะได้รับแรงบันดาลใจจากความรักและความหลงใหลในภาคใต้ของไอซ์

พิกัด 56, Sukhumvit 26, Bangkok 10110, Thailand 
Contact : https://www.instagram.com/sornfinesouthern/
โทร. +66 099 081 1119

อันดับที่ 22 ของเอเชีย : Sühring 
‘Sühring’ ได้รับการออกแบบให้ดูเหมือนบ้าน ร้านอาหารตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบใจกลางกรุงเทพฯ มีพื้นที่รับประทานอาหาร 4 แบบ ได้แก่ เรือนกระจกที่มองเห็นสวนเขียวขจี และครัวแบบเปิดที่ผู้รับประทานอาหารสามารถชมเชฟทำอาหารได้ ในช่วงที่เกิดโรคระบาด ทีมงานได้ปรับปรุงพื้นที่ด้วยผ้าปูที่นอนและจานชามใหม่ และสร้างระยะห่างระหว่างห้องรับประทานอาหารหลักสองห้องมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะสำหรับแขก

พิกัด No. 10, Yenakat Soi 3, Yannawa, Chongnonsi, 10120 Bangkok, Thailand 
Contact : https://www.instagram.com/restaurant_suhring/
โทร. +66 0 2107 2777

อันดับที่ 33 ของเอเชีย : Ms. Maria & Mr. Singh 
‘Ms. Maria & Mr Singh’ เปิดตัวใน 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียในปี 2566 หลังจากเปิดตัวในปี 2563 Ms. Maria & Mr Singh เป็นร้านอาหารอินเดียผสมเม็กซิกันบรรยากาศสบายๆ จาก Gaggan Anand เชฟและเจ้าของร้านแห่งเดียวที่ครองตำแหน่งผู้นำ รายการตั้งแต่ปี 2015 ถึง 2018 ร้านอาหารได้ย้ายไปยังตำแหน่งใหม่ในเดือนมีนาคม 2023 โดยมีพื้นที่โต๊ะสำหรับเชฟและครัวแบบเปิดที่คึกคักซึ่งดำเนินการโดยมือขวาของ Anand เชฟ Rydo Anton
.
พิกัด 2nd Floor of Gaggan Anand Restaurant, 68 Sukhumvit 31, Sukhumvit Road, Klongton-Neu, Wattana, Bangkok 10110, Thailand 
Contact : https://www.instagram.com/mariaandsingh/?hl=en
โทร. +66 91 698 6688

อันดับที่ 35 ของเอเชีย : Potong
‘โปตง’ ได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดในปี 2564 เป็นร้านอาหารชั้นเลิศในอาคารหลายชั้นแคบๆ จากเชฟพิชญา 'แพม' อุทานธรรม เสิร์ฟเมนูอาหารไทย-จีนนวัตกรรมใหม่ 20 คอร์สใจกลางไชน่าทาวน์ของกรุงเทพฯ

อาหารที่ Potong ให้ความสำคัญกับองค์ประกอบทั้ง 5 ได้แก่ เกลือ กรด เครื่องเทศ เนื้อสัมผัส และ Maillard ซึ่งเป็นปฏิกิริยาทางเคมีของน้ำตาลรีดิวซ์ที่ก่อให้เกิดรสชาติที่โดดเด่น ความเอร็ดอร่อยเริ่มต้นด้วยเนื้อสัตว์ที่ทำเองและส้มแมนดารินที่เป็นสัญลักษณ์ ก่อนจะผ่านหอยนางรมกับปลาหมึกดำและไข่มุกดำ และขาเป็ดไทย-จีนกับพริกไทยเสฉวน การชิมจะนำผู้รับประทานอาหารผ่านความทรงจำและอารมณ์ในการทำอาหารของเชฟแพม

พิกัด 422 Vanich Road, Bangkok, 10100, Thailand 
Contact : https://www.instagram.com/restaurant.potong/?hl=en
โทร. +66 82 979 3950

อันดับที่ 38 ของเอเชีย : Raan Jay Fai
ในเมนูคุณจะพบกับอาหารไทยริมทางที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน พลาดไม่ได้กับผัดขี้เมาทะเล – ซีฟู้ดผัดขี้เมาทะเลที่ผัดแบบแห้งกรอบเป็นพิเศษ – หรือที่ทุกคนต้องลองอย่าง ไข่เจียวปู้ ไข่เจียวปูสูตรดังของเจ๊ฝ้ายที่มีไข่ปูขนาดใหญ่ถึง 600 กรัม เนื้อปูขาวสดคุณภาพดีที่สุด แม้ว่าราคาอาจสูงกว่าพ่อค้าเร่รุ่นราวคราวเดียวกัน แต่วัตถุดิบสุดหรูของร้านร้านเจ๊ไฟรับประกันประสบการณ์การทำอาหารที่น่าจดจำบนถนนในกรุงเทพฯ

พิกัด 327 Maha Chai Rd, Samran Rat, Phra Nakhon, Bangkok 10200, Thailand 
Contact : https://www.instagram.com/jayfaibangkok/?hl=en
โทร. +66 2 223 9384

อันดับที่ 46 ของเอเชีย : Baan Tepa
ได้รับอิทธิพลมาจากช่วงเวลาของเธอที่บลูฮิลล์ที่สโตนบาร์นส์ เชฟและเจ้าของร้านตามชุดารี เทพคำ ได้สร้างประสบการณ์ร้านอาหารและสวนในกรุงเทพฯ ที่สนับสนุนผลผลิตในท้องถิ่นและความหลากหลายทางชีวภาพของไทย Baan Tepa เปิดให้บริการในปี 2563 มีห้องรับประทานอาหารแบบครัวเปิด โต๊ะสำหรับเชฟ และสวนอาหารออร์แกนิกที่ผู้เข้าพักสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรและเครื่องเทศในท้องถิ่นก่อนนั่งรับประทานอาหาร

เมนูชวนชิม 9 คอร์สของบ้านเทพาจะพานักชิมเดินทางไปทั่วประเทศ เริ่มจากอาหารว่างจากภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง เข้าคอร์สอย่างหมึกดำผัดตะไคร้ ปูนิ่มไข่ปลา แกงแกะเครื่องดอง

พิกัด 2369 Ramkhamhaeng Rd, Hua Mak, Bang Kapi District, Bangkok 10240, Thailand 
Contact : https://www.instagram.com/baantepabkk/?hl=en
โทร. +66 98 696 9074

หนุ่มอัดคลิประบายความในใจ ขอคนไทยหยุดทะเลาะกัน ชี้!! หากไม่เลิกแบ่งแยก ประเทศชาติก็ไม่มีวันเปลี่ยน

เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกท่านหนึ่ง ชื่อ ‘tulipsincere’ ออกมาโพสต์คลิป ระบายความในใจ พร้อมดึงสติคนไทย ให้หยุดทะเลาะ เลิกแบ่งพรรคแบ่งพวกกัน เพราะสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยในตอนนี้ มีความคุกรุ่นอย่างมาก ตนจึงอยากให้คนไทยตระหนักถึงว่า แก่นแท้ของประชาธิไตย ว่า แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร โดยผู้ใช้ติ๊กต็อกได้ระบุว่า…

“สวัสดีพี่น้องชาวประชาธิปไตย ชาวเพื่อไทย ชาวก้าวไกล แอบแปลกใจ เพราะตอนที่เรามีลุง พวกเรารักกันดี แต่ตอนที่ไม่มีลุง พวกเราเอาแต่ทะเลาะกัน นับเป็นความน่าเหนื่อยใจที่หากเราแข่งกันทั้งคู่ ไม่ยอมอ่อนให้กัน ในฐานะที่ผมไม่ได้แบ่งฝักแบ่งฝ่าย และมองแบบเป็นกลาง ทุกพรรคต้องเคลียร์ใจกันคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นก้าวไกล เพื่อไทย ไทยสร้างไทย หรือพรรคอื่น ๆ ไม่ใช่ปล่อยให้ลูกพรรคของทุกฝ่ายออกมาคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้นในสถานการณ์ตอนนี้ แล้วจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เพราะประชาชนคงจะไม่สามารถไว้ใจหรือเชื่อใจได้ เพราะฉะนั้น ควรกลับไปมีลุงเหมือนก่อนหน้านี้คงจะดีกว่า แล้วเราทุกคนก็เป็นฝ่ายค้านกันให้หมด ทุกพรรคก็ดูจะสามัคคีกันดีกว่าตอนนี้”

ผู้ใช้ติ๊กต็อก ยังได้กล่าวเพิ่มเติม อีกว่า หากไปมองย้อนกลับไป ทุกคนต่างว่าลุงเป็นเผด็จการ แต่ตอนนี้พวกเราทุกคนในวันนี้ ก็อยากให้พรรคแต่ละพรรคเป็นไปในแบบที่ตัวเองชอบ เหมือนหลงลืมไปว่า การบังคับคนอื่น ด่าทอคนที่เห็นต่าง ไม่ยอมรับสิ่งต่างๆ นั้น ทำให้พวกเราเป็นประชาธิปไตยอย่างไร หรือว่าตอนนี้ พวกเรากำลังเป็นเผด็จการในแบบที่พวกเราเคยด่า?

“หากยังเป็นแบบนี้กันอยู่ ไม่มีทางที่ประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลง หรืออาจจะกลับไปหนักกว่าสถานการณ์เดิม ฝากให้พวกเราทุกคนกลับไปคิดอีกครั้ง ว่าประชาธิปไตยคืออะไร ความเห็นต่างคืออะไร และการแยกแยะคืออะไร เพราะพวกเราอาจจะกำลังเป็นคนในแบบที่พวกเราด่ากันอยู่”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top