Thursday, 10 July 2025
NEWS FEED

เสริมสร้างความสัมพันธ์ ทร.เกาหลีใต้ - นย.ไทย “มิตรภาพข้ามท้องทะเล คณะกองทัพเรือเกาหลีใต้เยี่ยมคำนับ ผบ.นย. เสริมสร้างความสัมพันธ์ ทร.เกาหลีใต้ - นย.ไทย ”

เมื่อวานนี้ (11 พ.ย.67) พล.ร.ท.อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ผบ.นย.) พร้อมด้วย คณะผู้บังคับบัญชากองบัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ให้การต้อนรับ น.อ.Kwon Younggu ผบ.เรือ Kang Gam Chan และคณะ (ทร.เกาหลีใต้) ในโอกาสเดินทางเข้ามาเยี่ยมคำนับ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ณ ห้องชลยุทธโยธิน กองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี โดยได้มีการสนทนาหัวข้อต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 กองทัพ

ในการนี้ น.อ.Kwon Younggu และหมู่เรือ ทร.เกาหลีใต้ อยู่ระหว่างการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ ณ ประเทศโอมาน ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรอาหรับ มีพรมแดนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทางตะวันตกติดกับซาอุดีอาระเบีย และทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับเยเมน

การสร้างจุดสมดุลระหว่างการควบคุมและการห้าม: บทเรียนจากนโยบายบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลก

อังกฤษเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่ทั่วโลกที่มีมาตรการควบคุมการใช้และการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมาย และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นประเทศต้นแบบที่สนับสนุนให้ผู้สูบบุหรี่หันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทนการสูบบุหรี่ หรือเพื่อลดหรือเลิกการสูบบุหรี่ ทั้งนี้ นโยบายนี้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ทำให้อัตราผู้สูบบุหรี่ลดลงอย่างมาก จาก 17% เหลือเพียง 11% ในช่วงระยะเวลากว่า 10 ปี อย่างไรก็ตาม การใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นได้นำมาสู่ความกังวลในเรื่องการติดบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลอังกฤษพิจารณามาตรการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้น

รายงานของ The Times ประเทศอังกฤษเปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังพิจารณานโยบายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบทางลบตามมาโดยไม่ตั้งใจ เช่น เกิดการซื้อขายกันในตลาดมืดหรือตลาดใต้ดินเพิ่มขึ้น Caitlin Notley จากมหาวิทยาลัย East Anglia เตือนว่ามาตรการที่เข้มงวดเกินไปอาจทำให้ผู้สูบบุหรี่สับสน และไม่สามารถเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพให้กับตนเองได้ ขณะที่ Christopher Snowdon จากสถาบัน Institute for Economic Affairs ชี้ว่าการเพิ่มภาษีและการจำกัดการใช้บุหรี่ไฟฟ้าอาจนำไปสู่การค้าใต้ดินที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในออสเตรเลียก็เป็นได้

ในอีกด้านหนึ่ง การควบคุมในระดับที่สมดุลระหว่างการส่งเสริมการเลิกบุหรี่และการป้องกันเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้ายังถือเป็นแนวทางที่เหมาะสม อาทิ สหรัฐอเมริกาที่มีแนวทางการควบคุมแบบสมดุล โดยข้อมูลล่าสุดจากการสำรวจเยาวชนแห่งชาติ (National Youth Tobacco Survey) ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ปี 2024 พบว่าอัตราการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบและนิโคตินในกลุ่มนักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยการสูบบุหรี่แบบเดิมลดลงอย่างมากจนแทบไม่มีแล้ว ขณะที่การใช้บุหรี่ไฟฟ้าลดลงกว่า 70% จากจุดสูงสุดในปี 2019 แสดงให้เห็นว่ามาตรการควบคุมที่รอบคอบสามารถลดการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนได้

ในขณะที่ประเทศไทยซึ่งใช้นโยบายห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวด ส่งผลให้บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมายทั้งที่สามารถควบคุมได้ด้วย พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ และ พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต ทำให้มาตรการควบคุมที่ใช้อยู่กับบุหรี่แบบดั้งเดิมไม่สามารถใช้ได้กับบุหรี่ไฟฟ้าเลย ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดภาพและข้อความเตือน การห้ามโฆษณา หรือการเก็บภาษี ซึ่งเป็นมาตรการที่ธนาคารโลก หรือ World Bank ระบุว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุดในการควบคุมการบริโภคยาสูบ ตามกรอบยุทธศาสตร์ MPOWER นอกจากนี้ การห้ามนี้ยังทำให้เกิดตลาดมืดในประเทศ เกิดปัญหาการลักลอบซื้อขายที่ทำให้รายได้รัฐสูญหายจำนวนมากจากจำนวนผู้ใช้ที่เพิ่มมากขึ้นเกือบถึง 1 ล้านคนในปัจจุบัน

ในหลายประเทศ การเก็บภาษีบุหรี่ไฟฟ้าเริ่มถูกนำมาใช้เพื่อเป็นหนึ่งในมาตรการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ยกตัวอย่างประเทศจีน ซึ่งจากรายงานล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2022 เผยว่ารัฐบาลจีนกำลังพิจารณาการเก็บภาษีสำหรับผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า โดยมีการกำหนดอัตราภาษีการบริโภคที่ 36% สำหรับการผลิตและนำเข้า และอัตราขายส่งที่ 11% เพื่อเพิ่มรายได้รัฐในขณะที่ยังคงควบคุมการใช้ผลิตภัณฑ์นี้ เช่นเดียวกับสาธารณรัฐมอลตา ประเทศที่เล็กที่สุดในสหภาพยุโรป หนังสือพิมพ์มอลตาทูเดีย์รายงานว่ารัฐบาลจะเริ่มเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะมีผลให้ราคาของน้ำยานิโคตินราคาเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างน้อย 1.30 ยูโรหรือ 26% และจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 500,000 ยูโรจากภาษีนี้ในปีแรก ขณะที่มาเลเซียเองก็กำลังดำเนินการในลักษณะเดียวกัน โดยมีแผนดึงภาษีบุหรี่ไฟฟ้ามาใช้สนับสนุนการรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน

การควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างสมดุลและรอบคอบ แทนที่จะห้ามโดยสิ้นเชิง จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมในการปกป้องเยาวชน ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการสูบบุหรี่แบบดั้งเดิม ในขณะเดียวกันยังช่วยควบคุมการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าในรูปแบบที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบมากขึ้น

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบรางวัลนิสิตนักศึกษา ในการประกวดออกแบบ 'สถานีตำรวจเพื่อประชาชน'

วันนี้ (11 พ.ย.67) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานพิธีมอบรางวัลการประกวดออกแบบ 'สถานีตำรวจเพื่อประชาชน' โดยมี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.นพวัฒน์ อารยางกูร รองจเรตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดโครงการประกวดออกแบบ 'สถานีตำรวจเพื่อประชาชน' เพื่อคัดเลือกแนวความคิดในการออกแบบด้านสถาปัตยกรรมที่เหมาะสมในการให้บริการประชาชน และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาที่มีความสามารถด้านสถาปัตยกรรม เข้าร่วมประกวดเสนอแนวความคิดในการออกแบบ โดยมีเอกลักษณ์และความยั่งยืน ในระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม ถึง 20 กันยายน 2567 และได้ประสานความร่วมมือกับสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในการคัดเลือกผลงานที่ได้รับรางวัล โดยมีผู้ที่ได้รับรางวัล ดังนี้

- รางวัลที่ 1 เงินรางวัล 100,000 บาท ได้แก่ นายสิวรัฐ ขวัญจันทร์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- รางวัลที่ 2 เงินรางวัล 50,000 บาท ได้แก่ นายวัฒนา พรมเสน , นายณัฐปคัลป์ ศรีทรัพย์ , นายคมสัน กลั่นเกษร ,นายชลัมพล ทองแย้ม และนางสาวปวริศา พรมใต้ร์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เขตพื้นที่อุเทนถวาย
- รางวัลที่ 3 เงินรางวัล 30,000 บาท ได้แก่ นางสาวพฤกษฌา ทองอ่วมใหญ่ , นางสาวบัณฑิตา ศิรินิคม , นายอนันดา วัฒนา , นางสาวทิพจุฑา ทวิชศรี และ นายทวีศักดิ์ดา หงอเทียด จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
- รางวัล POPULAR VOTE เงินรางวัล 10,000 บาท ได้แก่ นายวัชรศักดิ์ แรมประชา , นายวรภพ ผิวนวล , นายยุทธพิชัย อ่องลออ และ นายสุรพงษ์ บัวประดิษฐ์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เขตพื้นที่อุเทนถวาย

ทั้งนี้ การประกวดออกแบบ 'สถานีตำรวจเพื่อประชาชน' นั้น นับเป็นก้าวแรกในการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการออกแบบสถานีตำรวจเพื่อให้บริการแก่ประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งผลงานดังกล่าวจะนำไปใช้เป็นต้นแบบในการก่อสร้างสถานีตำรวจทั่วประเทศต่อไป

สรรพสามิต ต้อนรับ กมธ.ฯ เห็นพ้องเดินหน้าเพิ่มโอกาส ลดข้อจำกัด สุราพื้นบ้าน-สุราชุมชน ดันสู่ Soft Power ไทย

กรมสรรพาสามิต นำโดย ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และผู้บริหาร ให้การต้อนรับคณะกรรมธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานกรรมาธิการ ซึ่งมีสาระสำคัญเพื่อกำหนดกรอบการออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการออกใบอนุญาตผลิตสุรา จะต้องมีการส่งเสริมการประกอบอาชีพของผู้ประกอบการรายย่อย ให้นำสินค้าเกษตรในท้องถิ่นมาแปรรูปเป็นสุราพื้นบ้านที่มีมูลค่าสูงขึ้น สร้างรายได้ให้ชุมชน และสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม

ดร. เผ่าภูมิ เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังและคณะกรรมาธิการฯ เห็นพ้องในการสนับสนุนการลดข้อจำกัดต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้นำผลผลิตทางการเกษตรในท้องถิ่น มาแปรรูปผลิตภัณฑ์เป็นสุราพื้นที่บ้าน-สุราชุมชน ซึ่งนอกจากสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมแล้ว ยังเป็นการพัฒนาสุราชุมชนที่มีเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น ให้เป็น Soft Power ของไทยได้ ที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้พิจารณาหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการผลิตสุราที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งได้มีการแก้ไขปลดล็อค เปิดโอกาสให้สุราชุมชนขนาดเล็กที่มีศักยภาพสามารถขยายกำลังการผลิตเป็นขนาดกลางได้ รวมถึงได้มีการยกเลิกเงื่อนไขการกำหนดขนาดกำลังการผลิตขั้นต่ำและยกเลิกการกำหนดทุนจดทะเบียนสำหรับเบียร์ ทำให้มีโรงอุตสาหกรรมสุราพื้นบ้านขนาดกลาง และโรงอุตสาหกรรมเบียร์ ประเภทผลิตเพื่อขาย ณ สถานที่ผลิต (Brewpub) ที่มีมาตรฐานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตกำลังจะปรับปรุงเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถขอใบอนุญาตผลิตสุราได้สะดวกขึ้นมากขึ้นอีกในระยะเวลาอันใกล้นี้ในอีก 3 ประเด็น โดยยังคงมุ่งเน้นและให้ความสำคัญเกี่ยวกับมาตรการในการควบคุมคุณภาพของสุราเพื่อมิให้มีสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานออกมาสู่ผู้บริโภค รวมถึงการสร้างสมดุลเพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมด้วย

ด้านนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ กล่าวว่า กรรมาธิการในคณะนี้ประกอบด้วยผู้แทนทั้งจากภาคการเมือง ราชการ นักวิชาการ และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง มาร่วมกันพิจารณากฎหมาย และที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากตัวแทนผู้ประกอบการสุราชุมชน ที่จังหวัดชัยภูมิและนครราชสีมา จึงได้รับนำปัญหาต่างๆ ซึ่งเป็นความต้องการของพี่น้องประชาชนที่อยากจะประกอบอาชีพให้ถูกต้อง มาใช้ปรับปรุงกฎหมายให้มีความทันสมัย และเหมาะสมกับบริบทของการส่งเสริมสุราชุมชนในปัจจุบันตามนโยบายของรัฐบาลมากขึ้น โดยการแก้พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิตครั้งนี้ จะเป็นเหมือนหลักประกันทางโอกาสของกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย ว่าจะสามารถเข้าถึงสิทธิในการเป็นผู้ผลิตสุราได้ เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่แค่การสร้างอาชีพเท่านั้น แต่จะเป็นการยกระดับการแปรรูปสินค้าเกษตร ให้ครัวเรือนเกษตรกรมีทางเลือกในการสร้างรายได้ที่มากขึ้น และการส่งเสริมวัฒนธรรมสุราชุมชนที่อยู่กับสังคมมายาวนานนี้ จะสร้างเอกลักษณ์ให้แต่ละพื้นที่ ส่งต่อการสร้างเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมอาหารต่อไป

“หนาวนี้ ให้ป่อเต็กตึ๊งดูแล..” มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งมอบไออุ่นจากผู้มีจิตศรัทธา จัดงบฯ กว่า 34.6 ล้านบาท กระจ่ายทีมลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค บรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร 4 ภาค 43 จังหวัด

ระหว่างเดือน พฤศจิกายน -  ธันวาคม 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิฯ ห่วงใยผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร มอบหมายให้ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จัดทีมสังคมสงเคราะห์ 

นำโดย  นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน ลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบ “ภัยหนาว” ในถิ่นทุรกันดาร ครอบคลุมพื้นที่ ภาคเหนือ  ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้  รวมการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวทั้งสิ้น  4 ภาค  43 จังหวัด 

ผ้าห่มกันหนาวพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภครวม 51,500 ชุด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 34,637,500 บาท (สามสิบสี่ล้านหกแสนสามหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยบาทถ้วน)  โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วยมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนในบางพื้นที่ฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา คัดกรองเบาหวาน ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ  

โดยมูลนิธิฯ ได้เริ่มออกเดินช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวภาคเหนือ และอีสาน ในระหว่างวันที่ 4 พฤศจิกายน – 20 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ติดต่อสอบถาม ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง www.facebook.com/atpohtecktung

โดยในวันนี้ (วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567) นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำทีมลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่อำเภอสารภี อำเภอหางดง อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอบ้านธิ และอำเภอเมือง จังหวัดลำพูน มอบผ้าห่มกันหนาว พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา ฯลฯ บรรจุลงกระเป๋าผ้า รวมจำนวน 1,950 ชุด โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วยมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

โครงการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยหนาว เป็นโครงการที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 60 ปี โดยตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาการดำเนินงานอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เครื่องอุปโภคบริโภค สละแรงกาย แรงใจ สมทบทุน ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่าง ๆ ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ส่งผลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญตลอดไป

ภูมิธรรม บินเยี่ยมทหารเกาะกูด ยืนยันเกาะกูดเป็นของไทย ส่วน MOU44 ต้องเจรจา 2 ส่วน เขตแดนและพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล

เวลา 10.30 น. เมื่อวันที่ (9 พ.ย.67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยพลเอกสนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลเรือเอกไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ และคณะ เดินทางด้วยอากาศยานกองทัพเรือจากสนามบินดอนเมือง มายังหน่วยปฎิบัติการเกาะกูด ตรวจเยี่ยมพื้นที่ ทักทาย ให้กำลังใจทหารเรือที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมมอบสิ่งของบำรุงขวัญ 

เมื่อเดินทางถึง พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินและผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด นายไพรัช สร้อยแสง นายอำเภอเกาะกูด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ 

จากนั้น นายภูมิธรรม สักการะ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เสร็จแล้ว กล่าวกับทหารหน่วยปฎิบัติการเกาะกูด ว่า การเดินทางมาตรวจเยี่ยมในวันนี้ ต้องการรับทราบปัญหาและชีวิตความเป็นอยู่ของกำลังทหารตามแนวชายแดน และมีหน้าที่พิทักษ์รักษาอธิปไตรของประเทศ วันนี้อยากจะมารับรู้สถานการณ์ในพื้นที่ เป็นอย่างไร เนื่องจาก ประชาชนในกรุงเทพมหานคร และบางส่วนของประเทศไทย มีความรู้สึกไม่มั่นใจและกังวลใจว่าอำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด ไม่ใช่ของไทย และวันนี้ที่เดินทางมา เพื่อแสดงให้เห็นว่าเกาะกูด เป็นของประเทศไทยมาตั้งแต่สนธิสัญญาฝรั่งเศษ และกล่าวให้กำลังใจกำลังพลให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง มีความสุข

หลังจากกล่าวเสร็จแล้ว นายภูมิธรรม พร้อมคณะ ไปร่วมประชุมรับฟังบรรยายสรุปและสถานการณ์ปัจจุบัน โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนรับฟังด้วย แต่อนุญาตสื่อมวลชนเก็บภาพบรรยากาศในการประชุมเท่านั้น โดยการประชุมใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนที่นายภูมิธรรม จะออกมาจากห้องประชุม มอบสิ่งของให้กำลังพล และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

โดย นายภูมิธรรม กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ มาในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เนื่องจากเกาะกูด เป็นอธิปไตยของประเทศไทย เป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ ทั้งบนบกและในทะเล และมายืนยันว่าเกาะกูด เป็นของประเทศไทยแน่นอน ไม่ใช่เป็นของประเทศกัมพูชาตาม mou 44 ซึ่งชาวบ้านมาตั้งถิ่นฐานกันมานานแล้ว และจะต้องทำความเข้าใจกันใหม่ในเรื่องนี้ ชาวบ้าน อายุ 80-90 ปี ที่อยู่ที่นี่ ก็ยังรู้สึกผูกพัน ไม่ยอมให้ใครมาล่วงเกิน แต่เมื่อมีความเข้าใจของประชาชนชาวไทยบางส่วน จนทำให้เกิดความสับสน ส่งผลให้การท่องเที่ยวของเกาะกูด ลดลง 20-30% และเมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ได้ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจแล้ว ทำให้การท่องเที่ยวกลับมาสู่ภาวะปกติ 

“นอกจากการมาในครั้งนี้แล้ว มาเพื่อยืนยันว่าเกาะกูดเป็นของไทย มีชาวบ้าน มีกองทหาร มีส่วนราชการ มีตำรวจ และอีกหลายหน่วยงาน ขอให้ทุกท่านสบายใจได้ว่า ที่นี่ประเทศไทย มีธงชาติไทยปักอยู่ทั่วอาณาบริเวณ มีอาวุธยุทโธปกรณ์ป้องกันประเทศอยู่ นอกจากนี้ความสัมพันธ์ทางชายแดนทั้ง 2 ฝั่ง ไปมาหาสู่กันดี ปีละ 4 ครั้ง เป็นความสัมพันธ์ที่ดี ไม่มีอะไรวิกฤตหรือน่ากังวล ส่วนแรงงานกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานที่เกาะกูด 600 กว่าคน ก็เข้ามาทำงานถูกต้องตามกฎหมาย และขอยืนยันว่า เกาะกูดสงบ สวยงาม มีความปลอดภัย อยู่ในความดูแลของฝ่ายความมั่นคง“ นายภูมิธรรม กล่าว

นอกจากการมายืนว่าเกาะกูด เป็นของไทยแล้ว อีกหนึ่งภารกิจ คือ การมาเยี่ยมเยือนกำลังพลตามภารกิจของกระทรวงกลาโหม อยู่แล้ว 

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เข้าใจว่าตนเองน่าจะได้เป็นประธานเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ระหว่างสองประเทศ จะสร้างความมั่นใจได้ว่า เกาะกูดเป็นของไทย  แต่เรื่องจริงคือ ใน MOU ไม่ต้องเจรจาในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เป็นการเจรจาในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล แต่ใน mou ระบุไว้ว่า สองส่วนนี้ ต้องเจรจาไปด้วยกันอย่างสันติ และไม่ต้องกังวลว่า การเจรจานั้นต้องไม่เอื้อนายทุน และต้องเจรจาให้คนไทยทั้งหมดเห็นชอบด้วยและจะต้องเข้าสภาให้ผ่านความเห็นชอบ ซึ่งการแก้ปัญหาจะต้องอยู่บนกฎหมายและประเทศไทยได้ประโยชน์สูงสุด

หลังจากจบภารกิจแล้ว นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะเดินทางกลับกรุงเทพมหานครทันทีในเวลา 13.00 น.

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการตำรวจทั่วประเทศดูแลความปลอดภัยช่วงเทศกาลลอยกระทงอย่างเข้มงวด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนป้องกันอันตราย โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น

(11 พ.ย.67) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตำรวจหน่วยต่างๆ ทั่วประเทศ ดำเนินการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว ในวันลอยกระทง ประจำปี พ.ศ.2567 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ โดยกำชับให้หน่วยปฏิบัติดำเนินการตามมาตรการต่างๆ อย่างเข้มงวด 

มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ได้กำชับให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภทก่อนวันลอยกระทง ระหว่างวันที่ 8 – 14 พฤศจิกายน 2567 พร้อมกวดขันจับกุมผู้เล่นดอกไม้เพลิง พลุ และประทัด ในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ หรือในลักษณะที่น่าจะเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ในส่วนของผู้ผลิต หรือผู้จำหน่ายดอกไม้เพลิง พลุ และประทัดที่ได้รับอนุญาต ให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากตรวจพบว่ามีการลักลอบผลิต จำหน่าย โดยผิดกฎหมาย ให้ดำเนินคดีทันที ในกรณีที่เป็นเด็กให้ดำเนินการกับผู้ปกครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 เพื่อให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนรับผิดชอบด้วย

กำชับหน่วยปฏิบัติให้เข้มงวดกวดขันป้องกันการฉวยโอกาสของผู้ไม่หวังดีหรือผู้เสียผลประโยชน์ ก่อเหตุร้ายในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นกรณีพิเศษ โดยเพิ่มความเข้มในการตรวจตรารักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ สถานที่ที่มีชาวต่างชาตินิยมเดินทางไปท่องเที่ยว รวมทั้งสวนสาธารณะ แหล่งชุมชน พร้อมประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวางแผนร่วมปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๆ หรือสถานที่ที่คาดว่าจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวไปร่วมงานประเพณีลอยกระทงจำนวนมาก เพื่อป้องกันการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ การหลอกลวงขายสินค้าหรือบริการของกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งต้มตุ๋น ผู้มีอิทธิพลหรือกลุ่มผู้มีอิทธิพล รวมถึงการกระทำอนาจารที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมทั้งให้เพิ่มความเข้มในตรวจตราการกระทำผิดในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในประเทศ จัดกำลังสนับสนุนการปฏิบัติของตำรวจท้องที่ในการตรวจสอบสถานบันเทิงไม่ให้มีการใช้ยาเสพติดชนิดต่าง ๆ และประสานหน่วยในพื้นที่ที่มีพื้นที่รับผิดชอบติดแนวชายแดนในการป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์

สำหรับการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ให้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกและจัดการจราจร ประจำในบริเวณสถานที่ที่คาดว่าจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวมาร่วมงานประเพณีลอยกระทง และเส้นทางหลักที่คาดว่าจะมีปัญหาจราจร

นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว ในการป้องกันอาชญากรรมหรืออันตรายที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันลอยกระทง โดยห้ามเล่นดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด และโคมลอย อันก่อความเดือดร้อนรำคาญหรือเป็นอันตรายแก่ผู้อื่น การยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควร การแต่งกายที่เหมาะสมไม่ควรประดับของมีค่าหรือนำทรัพย์สินติดตัวไปจำนวนมาก เพื่อป้องกันมิให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสประทุษร้ายต่อทรัพย์ได้ ให้ระมัดระวังการใช้บริการโป๊ะ ท่าเทียบเรือ หรือพื้นที่ที่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวหนาแน่น เพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และให้ผู้ปกครองกำชับบุตรหลานให้ระมัดระวังเพื่อมิให้ถูกหลอกลวงไปในทางมิชอบหรือประพฤติตนไม่สมควร รวมถึงไม่ควรปล่อยให้เด็กไปเที่ยวงานโดยลำพัง ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำคลิปประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ทางสื่อต่างๆ เพื่อสร้างความรับรู้ดังกล่าวให้กับพี่น้องประชาชนด้วย 

หากพี่น้องประชาชนต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเบาะแส เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับอาชญากรรมต่างๆ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 หรือสายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รอง นรม. / รมว.กห. ลงพื้นที่ฐานปฏิบัติการเกาะกูด ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ และดูแลความเป็นอยู่ ยืนยันพื้นที่เกาะกูดเป็นของไทย 100% 

พลตรีธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (รอง นรม. / รมว.กห.)  พร้อมด้วย พลเอกสนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และพลเอกไตรศักดิ์ อินทรรัสมี เลขานุการ รมว.กห. ลงพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา บริเวณเกาะกูด อ.เกาะกูด จ.ตราด โดยมี พลเรือเอกไพโรจน์ เฟื่องจันทร์  เสนาธิการทหารเรือ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือให้การต้อนรับ

โดยได้เรียนเชิญ รอง นรม./รมว.กห. ขึ้นแท่นรับความเคารพ และเข้ารับฟังการบรรยายสรุป ตรวจพื้นที่และการปฏิบัติงานของหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด พร้อมพบปะกำลังพล มอบเครื่องอุปโภคบริโภค สิ่งของเครื่องใช้ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ โอกาสนี้ได้ร่วมหารือพูดคุยกับหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนในพื้นที่ที่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

ในโอกาสนี้ รอง นรม./รมว.กห. ได้กล่าวให้โอวาทกับกำลังพลหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด ตอนหนึ่งว่า ขอให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง และยืนยันพร้อมสนับสนุนในส่วนที่มีความขาดแคลน เพื่อให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มขีดความสามารถ ซึ่งหน่วยมีความพร้อมในการปฎิบัติหน้าที่ทั้งการบรรเทาสาธารณภัยและงานพัฒนาต่างๆ ที่ทำร่วมกับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับยืนยันว่าเกาะกูดเป็นของไทย แต่ขณะนี้เนื่องจากมีการเตรียมที่จะเจรจาตามกรอบของเอ็มโอยู 44 จึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนขึ้นในสังคม แต่ขอย้ำให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ของตนเองต่อไป

รอง นรม./รมว.กห. ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทัพเรือ ได้จัดกำลังดูแลอธิปไตยของชาติทางทะเลด้านตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่เกาะกูด มาตั้งแต่อดีต และเมื่อไทยประกาศไหล่ทวีป เมื่อปี พ.ศ.2516 กองทัพเรือ ได้ดูแลมาอย่างต่อเนื่อง ยังไม่ปรากฏปัญหาในพื้นที่ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชน สำหรับปัญหาในเรื่องระบบสาธารณูปโภคจะร่วมกันพัฒนาและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เพื่อ พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน

สำหรับ การอ้างสิทธิ์ในพื้นที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นสากล จะต้องใช้ MOU 44 มาเจรจากันในเรื่องที่ยังไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจน สิ่งสำคัญที่สุดคือ การจัดสรรผลประโยชน์ทางทะเล ซึ่งข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ที่สุดคืออยู่บนความพึงพอใจของสองประเทศ และประชาชนต้องได้รับประโยชน์สูงสุด 

โดยได้กล่าวทิ้งท้ายว่า การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อยืนยันว่าที่แห่งนี้เป็นของไทย และมีกำลังพลของกองทัพเรือและหน่วยงานราชการในการพิทักษ์รักษาอธิปไตย ใครจะรุกล้ำไม่ได้ และขอให้ประชาชนมีความสบายใจและมั่นใจขึ้นว่า รัฐบาลจะรักษาพื้นที่ไว้ไม่ให้เสียพื้นที่แม้แต่ตารางนิ้วเดียว  

บิ๊กอุ้ย ติวเข้มมัคคุเทศก์จิตอาสา พร้อมเปิดพระราชวังเดิมรับ ปชช. ธันวาคม นี้

พลเรือเอกชาติชาย ศรีวรขาน อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ ประธานมูลนิธิ อนุรักษ์โบราณสถาน ในพระราชวังเดิม ร่วมกับกลุ่มพลังดี โดย คุณขจรศักดิ์ เชาวเจริญรัตน์ จัดอบรมมัคคุเทศก์ จิตอาสา จำนวน 43 คน เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม และ 9 พฤศจิกายน 2567

โดยมีคุณศุภวรรณ ชวรัตนวงศ์ หัวหน้าสำนักงานและนักวิชาการมูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม เป็นวิทยากร

ทั้งนี้ ได้บรรยายความเป็นมาของพระราชวังเดิม  ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ท้องพระโรง พระตำหนักเก๋งคู่หลังใหญ่ ศาลศีรษะปลาวาฬ และป้อมวิไชยประสิทธิ์

สำหรับการอบรมในครั้งที่สอง เมื่อ 9 พฤศจิกายน 2567 นั้น ช่วงเช้า มัคคุเทศก์จิตอาสาได้รับข้อมูลจากวิทยากรเพิ่มและลึกขึ้น มีการทบทวนซ้ำข้อมูล รวมถึงจุดที่ควรเน้นย้ำกับนักท่องเที่ยว และได้เข้าศึกษาพระตำหนักเก๋งคู่ (หลังใหญ่) ภายในอุดมด้วย รูปวาดอธิบายการค้าขาย เส้นทางการรบ และการทำนุบำรุงบ้านเมือง แผนที่กรุงธนบุรี  สินค้าที่ค้าขายในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

ช่วงบ่าย เป็นการฝึกมัคคุเทศก์ภาคปฏิบัติ ได้เห็นพัฒนาการของผู้เข้าอบรมชัดเจน สามารถพูดได้ยาวและเรียงลำดับได้ดี มีการบันทึกคลิปช่วงฝึกฝน ทุกคนได้เห็นผลงานคลิปนำชมพระราชวังกรุงธนบุรี ของตัวเอง ก็เกิดรอยยิ้มแห่งความมั่นใจในความพร้อมที่จะร่วมเป็นมัคคุเทศก์จิตอาสา นำชมพระราชวังแห่งนี้  

พระราชวัง กรุงธนบุรี กำหนดเปิดให้เข้าชม ระหว่างวันที่ 14 - 28 ธันวาคมนี้ มัคคุเทศก์พลังดีจิตอาสาทั้ง 2 วัย (ผู้สูงวัยและเยาวชน) พร้อมแล้วที่จะต้อนรับทุกท่าน

ผู้บัญชาการทหารบก ต้อนรับ นายกสมาคม นายทหารนอกประจำการ และคณะ

พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์​ ผู้บัญชาการทหารบก ให้การต้อนรับพลเอกวินัย ภัททิยกุล นายกสมาคมนายทหารนอกประจำการ และคณะกรรมการฯ ณ ห้องรับรอง กองบัญชาการกองทัพบก 

โดยได้แสดงความยินดี ในโอกาสที่มี พระบรมราชโองการโปรดเกล้า ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก

นอกจากนั้น ยังได้มีการหารือถึงความร่วมมือในการดำเนินการเพื่อประโยชน์ของนายทหารนอกประจำการ โดยสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของสมาคมนายทหารนอกประจำการได้แก่
1.เป็นศูนย์กลางการติดต่อและประสานงาน เผยแพร่ข้อมูลและข่าวสารให้กับสมาชิกและนายทหารนอกประจำการ
2.ส่งเสริมความสามัคคีและผดุงเกียรติยศ และชื่อเสียง ของนายทหารนอกประจำการ
3.เพื่อจัดสวัสดิการ  กิจกรรมนันทนาการ การบริการด้านสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้แก่สมาชิกและครอบครัว
4.เพื่อแสวงหาและรักษาสิทธิประโยชน์ ให้แก่สมาชิกและนายทหารนอกประจำการ
5.เพื่ออนุเคราะห์สมาชิกที่เจ็บป่วยหรือเสียชีวิต
6.สนับสนุนกิจกรรมเพื่อการกุศล หรือเพื่อสาธารณประโยชน์
7.ดำเนินการหรือร่วมมือกับองค์กรอื่น ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อ ประโยชน์ของนายทหารนอกประจำการ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top