Monday, 17 March 2025
NEWS FEED

หากย้อนกลับไปในช่วงแรกๆ ที่มีดีลการเจรจาซื้อคืน ‘เทสโก้ โลตัส’ กลับคืนอก เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ แห่งอาณาจักรซีพี

จะเห็นได้ว่าทุกบทสัมภาษณ์จะมีตอนหนึ่งที่พูดถึง ‘เทสโก้ โลตัส’ ที่เปรียบเสมือนลูกรัก แต่ต้องตัดใจขายไปในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง และเมื่อวันนึงมีโอกาสซื้อคืนกลับมาก็ย่อมไม่ปล่อยให้หลุดลอยไป

“ความจริงเทสโก้ โลตัสเป็นลูกของผม ตอนวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ผมขายไป ฝากให้คนอื่นเลี้ยง ในครั้งนี้เจ้าของที่เคยเลี้ยงลูกผมจะขายลูกกลับคืนมา ผมก็ต้องซื้อ แต่ผมจะซื้อต่อเมื่อต้องเป็นประโยชน์ ถ้าซื้อแล้วไม่เป็นประโยชน์ก็ไม่ซื้อ ผมตั้งใจให้เทสโก้ โลตัสเป็นที่กระจายสินค้าของสดของซีพี ทำให้ของดีราคาถูกกระจายไปทั่วประเทศไทยได้ดีขึ้น ผมเชื่อว่าผมมีความสามารถซื้อกลับมาแล้วเลี้ยงลูกให้ดีกว่าเดิม เอาเทคนิคใหม่ๆ เข้ามา แล้วก็พัฒนาให้เข้ากับยุค 4.0” ธนินท์ กล่าว

นั่นคือคำพูดของเจ้าสัวธนินท์ในอดีต ที่นำมาสู่การควบรวมค้าปลีกขนาดยักษ์ระหว่าง ซีพี-เทสโก้ โลตัส ไว้ด้วยกันในประเทศไทยเป็นผลสำเร็จ ด้วยมูลค่าดีลสูงถึง 338,445 ล้านบาท ซี่งหลังจากการควบรวมเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการจะทำให้กลุ่มซีพีได้เทสโก้โลตัส ที่มีสาขาในไทย 2,100 แห่ง และในมาเลเซียอีก 74 แห่ง รวมถึงพนักงานกว่า 60,000 คน

อย่างไรก็ตาม ดีลครั้งนี้สร้างความไม่สบายใจต่อตลาดค้าปลีกไทย โดยเฉพาะรายย่อย ที่เชื่อว่าจะทำให้ทุนใหญ่กระหน่ำตลาดและผูกขาดแบบกินรวบ

ถึงกระนั้น ด้านนักวิเคราะห์ ก็ยังมองว่าดีลดังกล่าวไม่ถึงขั้นผูกขาด โดยแหล่งข่าวจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มองว่า ฝ่ายวิจัยเคยทำการศึกษาภาพรวมส่วนแบ่งตลาดกลุ่มค้าปลีก โดยพิจารณากรณีเครือข่ายที่ CPALL มีในปัจจุบัน (CPALL+MAKRO) แล้ว จะพบว่ามีส่วนแบ่งตลาดราว 31.9% และหากรวมกับ Tesco อีกราว 11.6% เข้าไปอีก ก็จะมีส่วนแบ่งตลาดรวม 43.5%

ทั้งนี้ระดับส่วนแบ่งตลาดดังกล่าว ไม่ถือเป็นการควบรวมที่อาจเข้าข่ายกรณีผูกขาดตามคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า หรือ กขค. ที่ระบุว่าหลังควบรวมแล้วต้องครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% จึงจะเข้าข่าย

อย่างไรก็ตาม มีการประเมินว่า หากมองส่วนแบ่งตลาดจากกลุ่มทุนใหญ่ เช่น ซีพี (เทสโก้/แมคโคร) + บิ๊กซี (BJC) และ CRC (เซ็นทรัล) จะสูงมากกว่าครึ่งของตลาด ซึ่งทำให้ธุรกิจค้าปลีกรายย่อยยังรู้สึกถึงอำนาจในการต่อรองตลาดอยู่ดี แม้กลุ่มทุนแต่ละฝ่ายจะชวนให้มองทฤษฏีการแบ่งประเภทตลาด Modern Marketing Concept ที่แต่ละประเภทจะมีส่วนแบ่งการตลาดต่างกัน และกลุ่มเป้าหมายลูกค้าแตกต่างกันก็ตาม

หลังจากเมื่อวานนี้ที่จังหวัดสมุทรสาคร พบผู้ติดเชื้อ โควิด-19 รอบใหม่ถึง 548 ราย และผู้ว่าราชการจังหวัดก็ได้สั่งมาตรการเข้ม (ล็อกดาวน์กลายๆ) ในเขตเมืองไปเรียบร้อยแล้ว จนถึงวันที่ 3 มกราคมปี 2564

ล่าสุดนี้ มีความเห็นมาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่าง ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่อยากให้เลื่อนการฉลองปีใหม่ไปก่อน เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัส

ขณะที่ด้าน รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แสดงความเห็นพร้อมข้อเสนอ 3 ให้ปิดจังหวัดสมุทรสาคร และตรวจทุกคนที่อยู่ในจังหวัด และบังคับใส่หน้ากาก 100% รวมถึงทั้งสมุทรสาครและจังหวัดใกล้เคียง ควรเตรียมรับมือการลักลอบออกนอกจังหวัด เพราะจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และจะนำไปสู่ความเสี่ยงต่อการเกิดเคสติดเชื้อแบบดาวกระจายในอีกสองสัปดาห์ถัดจากนี้

ที่มา:

https://www.facebook.com/yong.poovorawan/posts/4994230110619566

https://www.facebook.com/thiraw/posts/10221434112554726

กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งอุณหภูมิลดลง 2-3 องศาเซลเซียส

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2563 โดยพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนแล้ว ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิลดลงอีก 2-3 องศาเซลเซียส และมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรงส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลงด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมไว้ด้วย ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ที่มา: https://www.tmd.go.th/daily_forecast.php

สื่อพม่ารายงานสถานการณ์แรงงานพม่าที่ลำบากหนัก หลังจากที่รัฐบาลไทยทั้งปิดชายแดนพม่าสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 ที่กำลังเป็นปัญหาอย่างหนักในพม่า

เนื่องจากมีแรงงานพม่าที่กำลังรอเข้ามาทำงานในไทยตกค้างอยู่มากถึง 60,000 คน

นายอู เซียน เทห์ ผู้อำนวยการเครือข่ายภาคแรงงานพม่าซึ่งมีสำนักงานทั้งในไทย และพม่า กล่าวกับสื่อของพม่าว่า ทางหน่วยงานไม่สามารถประสานงานให้ทางการไทยเปิดด่านสำหรับแรงงานที่ตกค้างในช่วงนี้ได้ เพราะประเทศไทยกำลังตื่นตัวเรื่องการระบาด Covid-19 ระลอกใหม่ในประเทศ

ปัญหาจึงตกอยู่กับกลุ่มคนงานเหล่านี้ ที่สมัครงานผ่านทางเอเจนซี ต้องจ่ายค่านายหน้า ค่าบริการ และค่าเอกสารเป็นเงินก้อนโตเพื่อจะได้เข้ามาทำงานในไทย และหลายคนต้องไปกู้หนี้ยืมสินมา จนเป็นหนี้ก้อนโตที่ยังต้องผ่อนชำระค่าดอกเบี้ยทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้งานทำ

ฝ่ายภาคีภาคแรงงานชาวพม่าจึงต้องการให้รัฐบาลพม่าเข้ามาดูแล โดยออกมาตรการให้บริษัทจัดหางานในพม่าคืนเงินค่ามัดจำ และค่าดำเนินการให้แก่แรงงานพม่าก่อนจนกว่าด่านชายแดนไทยจะเปิด

วิกฤติ Covid-19 นี้นอกจากจะกระทบกับแรงงานที่ตกค้างในพม่าแล้ว แรงงานพม่าในไทยก็กำลังจะเจอปัญหาใหญ่ เมื่อพบการระบาดที่ตลาดค้าส่งกุ้งที่ตลาดมหาชัย สมุทรสงคราม ที่มีแรงงานต่างด้าวอยู่เป็นจำนวนมาก

และหากการแพร่ระบาดบานปลาย อาจต้องปิดตลาดสดในมหาชัยในระยะยาว ที่จะส่งผลให้แรงงานต่างด้าวจำนวนมากต้องขาดรายได้

สื่อพม่าให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมีแรงงานพม่ามากถึง 4 ล้านคนเดินทางไปทำงานเป็นแรงงานต่างด้าวในหลายประเทศ และมากกว่าครึ่งหนึ่งทำงานอยู่ในประเทศไทย การทำงานใช้แรงงานในต่างแดนยังคงเป็นที่นิยมของชาวพม่า เนื่องจากได้ค่าแรง และสวัสดิการที่ดีกว่าทำงานในพม่า

แต่เนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 ทั้งในพม่าเอง และประเทศเพื่อนบ้านในย่านอาเซียน ที่เป็นตลาดแรงงานที่สำคัญของชาวพม่ายังคงไม่น่าไว้ใจ จึงทำให้แรงงานจำนวนมากถูกเลิกจ้าง หรือพักงานโดยไม่มีกำหนด และด้วยข้อบังคับในกฏหมายแรงงานต่างด้าว รวมถึงสัญญาการจ้างงานที่ทำผ่านนายหน้า ทำให้แรงงานพม่าไม่สามารถเปลี่ยนนายจ้าง หรือย้ายสถานที่ทำงานได้อย่างอิสระ

จึงกลายมาเป็นฝันร้ายของแรงงานพม่าหลายร้อย หลายพันครอบครัวที่ยังคงดิ้นรน หาเงินเลี้ยงชีพให้รอดในยุค Covid-19 ครองโลก ที่ยังไม่รู้จะผ่านพ้นไปเมื่อไหร่


แหล่งข่าว

https://www.mmtimes.com/news/myanmar-govt-urged-ask-thailand-allow-entry-60000-workers.html

คำแถลงข่าว สถานการณ์โรคโควิด-19 จ.สมุทรสาคร โดยอธิบดีกรมควบคุมโรค วันที่ 19 ธันวาคม 2563

สวัสดีพี่น้องประชาชน ที่รับชมการถ่ายทอดการแถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 จ.สมุทรสาคร

กระทรวงสาธารณสุขขอรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ที่พบผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 หรือ โรคโควิด-19 ซึ่งศบค ได้รายงานตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม พบผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นเพศหญิง อายุ 67 ปี อาชีพแม่ค้าในตลาดกลางกุ้ง อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร และหน่วยงานในพื้นที่ ดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม และพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เป็น 13 ราย

ซึ่งมีทั้งคนไทยและแรงงานต่างชาติที่ทำงานในตลาดแห่งนี้ สถานการณ์ล่าสุดเมื่อมีการตรวจคัดกรองในกลุ่มแรงงานต่างด้าว จำนวน 1,192 ราย พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 516 ราย คิดเป็นร้อยละ 43 ของผู้ที่ได้รับการตรวจทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบผู้ที่ไปรับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลอีกจำนวนหนึ่งในหลายจังหวัด ทำให้ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 548 ราย ซึ่งมากกว่าร้อยละ 90 เป็นผู้ติดเชื้อที่มีไม่มีอาการหรืออาการน้อยมาก และส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างชาติ

จากการประเมินสถานการณ์ทางด้านสาธารณสุข ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อมั่นได้ว่า จะสามารถรับมือกับสถานการณ์ครั้งนี้ได้โดยความร่วมมือของประชาชน เนื่องจากส่วนใหญ่ยังเป็นการระบาดในพื้นที่จำกัด และไม่มีผู้ป่วยรุนแรง แม้ว่ามีแนวโน้มที่จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในชุมชนต่างชาติที่อยู่รอบ ๆ ตลาดกลางกุ้ง ด้วยมีการพักอาศัยอย่างหนาแน่น แต่เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการเกิดอาการป่วยรุนแรง เพราะเป็นวัยทำงานสุขภาพแข็งแรง

สำหรับมาตรการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค

• กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร และโรงพยาบาลสมุทรสาคร ได้ดำเนินการเฝ้าระวัง สอบสวนและค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชน อย่างรวดเร็วตั้งแต่พบผู้ป่วยรายแรก ทั้งนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย ทำให้สามารถสนับสนุนการเก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อแล้ว 2,700 รายอย่างรวดเร็ว

• กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อ และนำเข้าสู่การดูแลเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และให้การรักษาต่อไป

• ขอความร่วมมือประชาชน ที่พักผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่พบผู้ป่วย เช่น ตลาดกลางกุ้ง และที่พักบริเวณรอบ ๆ ให้ดำเนินการตามแนวทางที่ฝ่ายปกครองกำหนดอย่างเคร่งครัด

• ส่วนประชาชนในจังหวัดสมุทรสาคร ที่พักอาศัยอยู่นอกพื้นที่ดังกล่าว ขอความร่วมมืองดเดินทางออกนอกจังหวัดสมุทรสาคร

• ประชาชนต่างจังหวัดที่เคยมาติดต่อค้าขายที่ตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม เป็นต้นมา ขอให้เฝ้าระวังสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน (ไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส) โดยสวมหน้ากากตลอดเวลา และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้อื่น ไม่ควรไปในที่ชุมชน หากเริ่มมีอาการป่วยทางเดินหายใจ ให้รีบไปรับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน โดยหลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยรถสาธารณะ และขอให้สวมหน้ากากขณะเดินทาง หากพี่น้องประชาชนมีข้อสงสัยให้ติดต่อได้ที่สายด่วน 1422 กรมควบคุมโรค

กระทรวงสาธารณสุข เสนอต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร ในการบริหารจัดการเพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดในครั้งนี้ให้สงบ และกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ด้วยมาตรการที่เด็ดขาด และรวดเร็วมีประสิทธิภาพ โดยการควบคุมการเข้าออกพื้นที่และกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเคร่งครัดในพื้นที่ระบาดของโรคในพื้นที่เสี่ยง

UN ออกมาแสดงตัวอย่างไว หลังประเทศไทยได้มีการบังคับใช้ ม.112 ต่อกลุ่มผู้ทำผิดกฎหมายในมาตราดังกล่าว ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา

อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ UNOHCHR ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อการใช้ ม.112 ต่อผู้ชุมนุมในไทยนั้น ในเบื้องต้นได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อชี้แจงดังนี้

1.กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทยไม่ได้พุ่งเป้าไปที่การจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน การใช้เสรีภาพทางวิชาการ หรือการถกเถียงเกี่ยวกับระบอบกษัตริย์ในฐานะสถาบัน กฎหมายนี้มีอยู่ในหลายประเทศทั่วโลกในรูปแบบต่างๆ ซึ่งรวมถึงในประเทศไทยก็เพื่อให้ความคุ้มครองสิทธิและชื่อเสียงของพระมหากษัตริย์ พระราชินี มกุฎราชกุมาร หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในลักษณะเดียวกับกฎหมายหมิ่นประมาทสำหรับพลเมืองไทยทุกคน

2.สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามกระบวนกฎหมายอาญาในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทั้งนี้หากมีการดำเนินการในกรณีดังกล่าวก็จะเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนตามกฎหมาย ซึ่งในกรณีจำนวนมากก็จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ

3.ต่อกรณีการตั้งข้อหาผู้ประท้วงวัย 16 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ได้มีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของศาลเยาวชน ยิ่งกว่านั้นมันก็เป็นไปตามที่โฆษกของสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งประชาชาติที่ได้ระบุระหว่างการแถลงข่าวเองว่า ศาลได้ปฏิเสธคำขอให้มีการคุมขัง พร้อมกับอนุญาตให้ประกันตัวแบบมีเงื่อนไข

4.ขอย้ำอีกครั้งว่าในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ผู้ประท้วงไม่ได้ถูกจับกุมเพียงเพราะใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบ แต่ผู้ที่ถูกจับกุมได้ละเมิดกฎหมายอื่นๆ ของไทยซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการปล่อยตัวแล้ว

อนุชา กล่าวอีกว่า รัฐบาลไทยมิได้ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก ตราบใดที่การชุมนุมดำเนินการด้วยความสงบ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในระบอบประชาธิปไตย การใช้สิทธิและเสรีภาพดังกล่าวต้องดำเนินการภายใต้กฎหมายและต้องเคารพสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นด้วย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของรัฐ

รัฐบาลสนับสนุนการใช้เสรีภาพในการแสดงออกที่สร้างสรรค์ ไม่ก้าวร้าวหรือมีลักษณะดูหมิ่นเหยียดหยามผู้อื่น หรือใช้คำพูดที่สร้างความเกลียดชังอันเป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่น รวมทั้งสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ โดยเคารพมุมมองของผู้ที่เห็นต่าง

บทบาทของเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะนี้คือการให้ดูแลการชุมนุมให้เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย โดยใช้ความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ เพื่อรักษาความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมชุมนุมและประชาชนที่สัญจรในบริเวณโดยรอบที่ชุมนุม สำหรับกรณีการดำเนินคดีผู้ชุมนุมบางรายนั้น เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายและพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาที่ละเมิดกฎหมาย โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด และผู้ถูกกล่าวหาสามารถต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม

รัฐบาลยังมีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้ชุมนุมจะเข้าร่วมคณะกรรมการสมานฉันท์ที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐสภา เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และนำมาสู่การหาทางออกในการแก้ไขปัญหาความเห็นต่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบันของประชาชนทุกกลุ่ม และนำความสงบสุขกลับสู่สังคมไทย

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีสารแสดงความยินดีไปยังนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในโอกาสครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ

สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ทำเนียบรัฐบาล กทม. ๑๐๓๐๐

๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๓

เรียน ฯพณฯ นายทองลุน สีสุลิด

ในวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวจะครบรอบ ๗๐ ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ผมในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวไทย ขอร่วมแสดงความยินดีและส่งความปรารถนาดีมายังท่านและประชาชนลาว

ไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นสองรัฐที่มีความใกล้ชิดกันอย่างแนบแน่นคนไทยคนลาวอยู่เคียงข้างกันมาแต่โบราณกาล มีความเข้าใจและผูกพันกันด้วยความใกล้ชิดทางภาษาและวัฒนธรรม ในช่วง ๗๐ ปีที่ผ่านมาของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและรัฐสมัยใหม่ ไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้ผ่านบทพิสูจน์ของกาลเวลาและได้พัฒนาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดแน่นแฟ้นให้ครอบคลุมทุกมิติบนพื้นฐานของความเข้าใจและเชื่อใจกันซึ่งนำประโยชน์มาสู่ทั้งสองฝ่าย

ผมจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ในการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย – ลาว ครั้งที่ ๓ ที่นครหลวงเวียงจันทน์เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ ไทยกับลาวได้เห็นพ้องยกระดับความสัมพันธ์เป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญที่ทั้งสองประเทศมีต่อกันอย่างแท้จริง และจะเป็นแนวทางที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป ด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจที่มีต่อสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเสมอมา

ผมขอให้คำมั่นว่าจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับท่านและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในการพัฒนาความสัมพันธ์ไทย – ลาว ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ยิ่งขึ้นไป โดยจะมุ่งเน้นการเสริมสร้างความร่วมมือที่มีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนของทั้งสองประเทศ

ในขณะที่ไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวต่างได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-๑๙ ผมรู้สึกยินดีที่ทั้งสองประเทศยังคงความร่วมมือที่ใกล้ชิดและมีความมุ่งมั่นที่จะจับมือและก้าวไปข้างหน้าด้วยกันแม้ในยามยากลำบาก ผมพร้อมจะร่วมมือกับท่านเพื่อช่วยผลักดันการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศและของภูมิภาคต่อไป

สุดท้ายนี้ ผมขออวยพรให้ท่าน รัฐบาลและพี่น้องประชาชนชาวลาวประสบความสุขสวัสดีและความเจริญรุ่งเรืองสืบไป

ขอแสดงความนับถือ

(พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา)

นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย

********************************

ด้านนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ก็ได้มีสารแสดงความยินดีมายัง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

**********************

สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

สันติภาพ เอกราช ประชาธิปไตย เอกภาพ วัฒนาถาวร

นายกรัฐมนตรี

นครหลวงเวียงจันทน์

วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๓

ฯพณฯ

เนื่องในโอกาสครบรอบ ๗๐ ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างลาวและไทย ในนามรัฐบาลและประชาชนแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กล่าวคือ ในนามส่วนตัว ข้าพเจ้ามีความปีติยินดี ส่งคำแสดงความยินดีอันอบอุ่น และพรชัยอันประเสริฐมายัง ฯพณฯ และโดยผ่าน ฯพณฯ ไปยังรัฐบาล และประชาชนไทยทุกถ้วนหน้า

ตลอดระยะเวลา ๗ ทศวรรษ แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการร่วมกันระหว่างสองประเทศลาวและไทย สายสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมืออันดีงามดังกล่าวได้รับการพัฒนา และเพิ่มพูนอย่างต่อเนื่องในแต่ละด้านเป็นก้าวๆ ตลอดมา

เห็นได้จากผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองประเทศได้มีการแลกเปลี่ยนเยี่ยมเยือนซึ่งกันและกันอย่างเป็นปกติ กลไกร่วมมือต่างๆ ได้รับการจัดตั้งขึ้น และมีการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิผล ทั้งในระดับส่วนกลางและท้องถิ่น ซึ่งทั้งหมดนั้น ได้สร้างเงื่อนไขเอื้ออำนวยให้แก่การเพิ่มพูนทวีคูณความสัมพันธ์ลาว-ไทย

ข้าพเจ้าให้ความสำคัญต่อสายสัมพันธ์ร่วมมือและการสนับสนุนซึ่งกันและกันเป็นอย่างสูง ทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี ได้แก่ ความร่วมมือทางด้านการค้า-การลงทุน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความร่วมมือด้านสาธารณสุข การเกษตร และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางบกข้ามแม่น้ำโขงเพื่อเชื่อมโยงกับอนุภูมิภาคที่พิเศษ สองประเทศเรามีสะพานข้ามแม่น้ำโขงถึง ๔ แห่ง และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศของพวกเราตั้งแต่เหนือจรดใต้

สิ่งดังกล่าวได้กลายเป็นปัจจัยอันสำคัญในการเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของสองประเทศของพวกเรา เพื่อนำผลประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมมาสู่ประชาชนสองชาติลาวและไทย ซึ่งก็คือของภูมิภาคอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สองประเทศของพวกเรายังได้สนับสนุนและช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิดในการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ก็คือ ในระยะที่มีการระบาดของโรคโควิด-๑๙ ซึ่งได้เป็นส่วนสำคัญเข้าในการกระชับสายสัมพันธ์มิตรภาพ และความร่วมมือระหว่างสองประเทศลาวและไทยให้นับวันยิ่งหยั่งลึกและแน่นแฟ้นยิ่งๆ ขึ้น

ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นว่า ด้วยความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดของสองฝ่ายภายใต้กลไกความร่วมมือลาว-ไทย ไทย-ลาว ที่มีอยู่ สายสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือที่ดีงามดังกล่าวจะได้รับการสานต่อเพิ่มพูนยิ่งๆ ขึ้น เพื่อก้าวไปสู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อความเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่จะนำเอาผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมมาสู่ประชาชนสองชาติ กล่าวคือ เพื่อสันติภาพ เสถียรภาพ และความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในภูมิภาค และในโลก

ในบรรยากาศแห่งความเบิกบานสนุกสนานและมีความหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์นี้ ข้าพเจ้าขออวยพรให้สายสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมืออันดีงามในฐานะบ้านใกล้เรือนเคียงระหว่างสองประเทศของพวกเรา จงมั่นคงยืนยงอย่างแข็งแกร่งและผลิดอกออกผลอย่างไม่หยุดยั้ง และขออวยพรชัยอันประเสริฐมายัง ฯพณฯ จงมีสุขภาพแข็งแรง มีความผาสุก และประสบผลสำเร็จในภารกิจอันสูงส่งของ ฯพณฯ

ด้วยความนับถืออย่างสูง

ทองลุน สีสุลิด

******************************

ที่มา: หนุ่มโคราช รายงานจาก สปป.ลาว

ซูกซ์ (Zoox) บริษัทใต้ร่วมเงาของ อะเมซอน (Amazon) ยักษ์ค้าปลีกออนไลน์แห่งสหรัฐอเมริกาของ เจฟฟ์ เบโซส์ ได้เปิดตัวรถแท็กซี่ขับเคลื่อนตัวเองอัตโนมัติหรือที่เรียกกันว่าโรโบแท็กซี่ (Robotaxi) รุ่นใหม่ล่าสุดเป็นของตัวเอง

ความพิเศษของ โรโบแท็กซี่ จาก Zoox นั้น อยู่ที่พลังขับเคลื่อนไฟฟ้า 4 ล้อ ที่สามารถขับขี่ได้ด้วยตัวเองแบบ ‘อัตโนมัติแบบไร้คนขับ’ ซึ่งตอนนี้ทางบริษัทกำลังทดสอบรถดังกล่าวที่เป็นต้นแบบในแคลิฟอร์เนีย และเนวาดา

Zoox นั้นเป็นบริษัทพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองที่ Amazon เพิ่งซื้อกิจการมาในเดือนมิถุนายน 2020 รถไฟฟ้าของ Zoox สามารถวิ่งได้ทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว เบื้องต้นบริษัทตั้งชื่อรถอัจฉริยะนี้ว่า Zoox ตามชื่อของบริษัทที่มีอายุเกิน 6 ปีแล้วในวันนี้

รถ Zoox ใช้รูปแบบ Carriage ทรงรถม้า ตัวรถสามารถขับเคลื่อนตัวเองได้แบบอิสระ รองรับผู้โดยสารได้ 4 คน สีเบื้องต้นของรถคือสีเขียวมินต์ ตัวรถกะทัดรัดด้วยความยาว 3.63 เมตร สามารถเคลื่อนไหวแบบ bidirectional สองทิศทาง มาพร้อมกับชุดแบตเตอรี่ 2 ก้อนที่ให้พลังงานเพียงพอสำหรับรถวิ่งเป็นเวลา 16 ชั่วโมงก่อนการชาร์จครั้งต่อไป

ภายในรถ Zoox มีม้านั่งสองแถว ตัวรถไม่มีพวงมาลัย สามารถแล่นด้วยความเร็วสูงสุด 75 ไมล์ต่อชั่วโมง ระหว่างเดินทางผู้โดยสารสามารถชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สายได้ รวมถึงฟังเพลงผ่านแผงควบคุมส่วนตัวที่สามารถตั้งค่าเพลงและเครื่องปรับอากาศในรถ

ตามข้อมูลจากบริษัท รถ Zoox ยังมีหน้าจอสัมผัสติดไว้ประจำแต่ละที่นั่ง เพื่อให้ผู้โดยสารตรวจสอบเวลาที่มาถึง สถานที่ปลายทาง และเส้นทางที่เดินทางได้แบบปลอดภัย จุดนี้ Zoox ย้ำว่ารถอัจฉริยะสามารถจัดการกับความท้าทายบนท้องถนนที่หลากหลาย เช่น การหลบเบี่ยงรถที่จอดริมทาง การชะลอเพื่อผ่านทางแคบ รวมถึงการยูเทิร์นที่ไม่ปกติ

ปัจจุบัน Zoox ระบุว่า กำลังทดสอบรถต้นแบบในซานฟรานซิสโกและฟอสเตอร์ซิตีในรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมถึงในลาสเวกัส รัฐเนวาดาด้วย เป็นการทดสอบแบบไร้คนขับที่รถขับเคลื่อนตัวเองเต็มรูปแบบ เบื้องต้น ยังไม่มีการเปิดเผยกำหนดการทำตลาดเชิงพาณิชย์ในขณะนี้

แต่ทว่าการเปิดตัวดังกล่าว ก็ยังถือว่าล่าช้ากว่าในเมืองจีนที่เริ่มมีการทดลองให้บริการโรโบแท็กซี่ไปแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน 2020 โดยบริษัท AutoXเป็นรายแรกที่นำเอารถแท็กซี่ไร้คนขับแบบสมบูรณ์ลงสู่ท้องถนนของประเทศในเมืองเซินเจิ้น

รับชมเพิ่มเติม: https://www.youtube.com/watch?v=3r7PEl0tMSk&feature=emb_logo

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเสื้อสะท้อนแสงจราจร และเสื้อชูชีพ ให้ส่วนราชการนำไปใช้ในภารกิจช่วยเหลือประชาชนอย่างปลอดภัย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเสื้อสะท้อนแสงจราจร และเสื้อชูชีพพระราชทานให้กับส่วนราชการต่างๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สวมใส่ระหว่างปฏิบัติภารกิจการบรรเทาสาธารณภัยและช่วยเหลือประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้อย่างปลอดภัย

สำหรับกองทัพบก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ได้พระราชทานเสื้อสะท้อนแสงจราจร จำนวน 2,000 ชุด และเสื้อชูชีพพระราชทาน จำนวน 2,000 ชุด ให้กับกองทัพบก

โดยเมื่อ 18 ธันวาคม 2563 พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ประกอบพิธีต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ณ กองบัญชาการกองทัพบก ในการส่งมอบเสื้อพระราชทานดังกล่าวให้กับ ผู้บังคับหน่วยในสังกัดกองทัพภาคที่1-4 , หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก ,หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ,กรมการทหารช่าง, กองพลที่ 1รักษาพระองค์ ,กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์

เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กำลังพลได้สวมใส่ในขณะปฏิบัติหน้าที่ในงานด้านงานด้านบรรเทาสาธารณภัยและช่วยเหลือประชาชน ได้อย่างปลอดภัย

การได้รับสิ่งอุปกรณ์ดังกล่าวนำมาซึ่งความปลาบปลื้มใจแก่กำลังพลกองทัพบก ในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงห่วงใยในความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ที่ออกปฏิบัติงานในสถานการณ์วิกฤติต่างๆเพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชนทั้งภัยธรรมชาติ อุบัติภัย หรือการออกปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยง และจำเป็นที่จะต้องมีอุปกรณ์เครื่องป้องกันที่เหมาะสมเพียงพอให้เกิดความปลอดภัย ทั้งแก่ตนเองและประชาชน จึงได้พระราชทานสิ่งอุปกรณ์เพิ่มเติม

สำหรับ เสื้อสะท้อนแสงจราจรมีสีดำคาดขาว ส่วนเสื้อชูชีพเป็นสีส้ม ทั้ง2แบบ ด้านหน้าอกเสื้อปักตราพระปรมาภิไธย “ว.ป.ร.” ด้านหลังพิมพ์ข้อความ “หน่วยพระราชทาน กองทัพบก”

ประชาธิปัตย์ เฟ้นหาคนรุ่นใหม่ร่วมงานพรรค จัดอบรมยุวประชาธิปัตย์รุ่น 6 คึกคัก เน้นสร้างอุดมการณ์ประชาธิปไตย และทันสมัย

ดร.สรรเสริญ สมะลาภา รองหัวหน้าพรรคและผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการเยาวชนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานในการอบรมยุวประชาธิปัตย์ รุ่นที่ 6 กรุงเทพมหานคร โดยมีเยาวชนคนรุ่นใหม่สนใจเข้าร่วมอบรม 120 คน

โดยมีนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค และเลขานุการประธานรัฐสภา นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนขัย รองโฆษกพรรคและโฆษกรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายพนาสิน จึงสวนันทน์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เข้าร่วมด้วย

ดร.สรรเสริญ ระบุการอบรมดังกล่าว จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 ธันวาคม 2563 และมีเนื้อหาการอบรมที่ครอบคลุมทั้งทางด้านพื้นฐานการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย เศรษฐกิจทันสมัยกับการเมืองยุคใหม่ กลยุทธ์การสื่อสารการเมืองในยุคออนไลน์ การแบ่งปันประสบการณ์ทางการเมืองและการทำงานในพื้นที่จากอดีตผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร

รวมถึงกิจกรรมเวิร์คชอปที่เปิด โอกาสให้ผู้เข้าอบรมได้แสดงความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ พรรคฯประชาธิปัตย์ พร้อมเปิดพื้นที่ให้ยุวประชาธิปัตย์ที่ผ่านการอบรม สามารถร่วมงานกับพรรคได้ตามศักยภาพและความถนัด เพื่อเสริมทัพคนรุ่นใหม่ ให้มาร่วมขับเคลื่อนพรรคภายใต้แนวคิดอุดมการณ์ ทันสมัย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top