Tuesday, 10 June 2025
NEWS FEED

จับแก๊งลักทรัพย์โรงแรมเกาะสมุย 9 ราย ร่วมกันวางแผน-ลักทรัพย์ร่วมเดือน

จากกรณีเมื่อวันที่ 2 ก.ย.65 ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจาก นางวารี โชคคณาพิทักษ์ ว่า ตนเป็นเจ้าของโรงแรมบลูลากูน เดอะ ทีค วิง ตั้งอยู่ที่ ม.2 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีคนร้ายเข้าไปลักเอาทรัพย์สินภายในโรงแรมดังกล่าวจนได้รับความเสียหายมากกว่า 70 ล้านบาท ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น 

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ควบคุมดูแล การสืบสวนคดีดังกล่าว เนื่องจากเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชนอย่างมาก รวมทั้งเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายสูง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 และ พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ให้เร่งทำการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุดังกล่าวนำมาดำเนินคดีโดยเร็ว 
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เบื้องต้นทราบว่า สถานที่ตั้งของโรงแรมดังกล่าว ได้ถูกเช่าเพื่อนำไปทำเป็นโรงแรมตั้งแต่ปี 2533 ภายใต้สัญญาเช่า 30 ปี ครบกำหนดเมื่อปี 2563 โดยผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน ได้รับพื้นที่ดังกล่าวคืนพร้อมสิ่งปลูกสร้าง (โรงแรมและทรัพย์สินภายในโรงแรมทั้งหมด) เมื่อประมาณปลายปี 2564 ซึ่งทางผู้เสียหายได้มีการจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยมาดูแลในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะปล่อยทิ้งร้างหลังจากหมดสัญญาจ้างกับพนักงานรักษาความปลอดภัย ต่อมาเมื่อวันที่ 22 ส.ค.65 ผู้เสียหายได้เข้าไปตรวจดูภายในโรงแรมพบว่า มีทรัพย์สินภายในโรงแรมสูญหายไปเป็นจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 23.5 ล้านบาท จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.บ่อผุด ภ.จว.สุราษฎร์ธานี

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนทราบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้เช่าเดิมที่เพิ่มส่งมอบที่ดินคืนให้แก่ผู้เสียหาย และได้วางแผนกลับมาลักเอาทรัพย์สินภายในโรงแรมดังกล่าว เพื่อนำไปขายต่อ เจ้าหน้าที่สืบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 9 ราย ประกอบด้วย 

1. นายโอมชัยศักดิ์ หรือโอม จันทร์แจ่ม อายุ 50 ปี เป็นผู้วางแผน
2. น.ส.ณัชชา หรือแพท โนภูเขียว อายุ 31 ปี เป็นผู้วางแผน
3. น.ส.ขวัญใจ หรือน้อย นิยม อายุ 40 ปี เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
4. นายอภิพัฒน์ หรือโอ๊ต จันทร์แจ่ม อายุ 33 ปี บุตรชายของนายโอมชัยศักดิ์ฯ เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
5. นายกฤษณะ หรือหนุ่ย ขำเมือง อายุ 33 ปี เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
6. Mr.Thuya Soe อายุ 23 ปี สัญชาติเมียนมาร์ เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
7. Mr.Min Phyo Aung อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมาร์ เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
8. Mrs.Phyu อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมาร์ เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
9. น.ส.ภัคจิรา ประยูรชาญ อายุ 42 ปี เป็นผู้รับซื้อของที่ได้มาจากการลักทรัพย์

โดยจากการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว สามารถยึดทรัพย์สินของกลางในคดีได้หลายรายการ ได้แก่ รถที่ใช้ในการก่อเหตุจำนวน 2 คัน รถบรรทุก 6 ล้อ จำนวน 1 คัน ชุดถังแก๊สที่ใช้ในการตัดเหล็ก จำนวน 1 ชุด ท่อนเหล็ก วงกบประตู บานหน้าต่างไม้ แผ่นเมทัลชีท ที่ได้จากการลักมาจากที่โรงแรมจำนวนมาก 

มูลค่าทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายประมาณการในครั้งแรกประมาณ 17,548,000 บาท ขณะนี้สามารถติดตามกลับมาได้จำนวน 381 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 659,000 บาท และตรวจพบทรัพย์สินในที่เกิดเหตุที่ยังไม่สูญหายจำนวน 1,001 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,557,500 บาท สรุปความเสียหายเบื้องต้นคิดมูลค่าประมาณ 14,334,500 บาท 
โดยกลุ่มผู้ต้องที่ร่วมกันก่อเหตุนี้จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร” อัตราโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท

ครบรอบ 2 ปี วันคล้ายวันสถาปนา กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ - Cyber Cop Thailand

วันที่ 9 ก.ย. 65 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เป็นประธานพิธี เดินตรวจแถวกองเกียรติยศ บช.สอท. (ในชุดเครื่องแบบสนาม ตามสภาพงานและสนามภูมิประเทศ) ซึ่งแสดงออกถึง แนวคิดของ ผบ.ตร. ในการพัฒนาเครื่องแบบของข้าราชการตำรวจให้มีประสิทธิภาพ คล่องตัว ทันสมัย เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งได้กำหนดให้ ข้าราชการตำรวจ สวมเครื่องแบบชุดสนามฯ เพื่อเป็นการแสดงมุทิตาจิตและยกย่องเชิดชูเกียรติ เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการและวันคล้ายวันสถาปนา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครบรอบปีที่ 2

โดยมี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษณ์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.มนเทียร พันธ์อิ่ม รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร รอง ผบช. ปรก. บช.สอท. และข้าราชการตำรวจในสังกัดให้การต้อนรับ

ก่อนจะขึ้นเวทีอวยพรเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา โดยมีนายเอกพันธ์ วรรณสุทธิ หรือ เพียว เดอะวอยซ์ ร่วมร้องเพลง The rose ของ Westlife และเพลง Somewhere over the rainbow ของ Branden Sipes 

และ การขับร้องบทเพลง “เธอผู้ไม่แพ้” โดย ข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งได้รับโอกาสจาก ผบ.ตร. ให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ที่ยังคงเล็งเห็นคุณค่า ไม่ทอดทิ้งผู้ใต้บังคับบัญชา สร้างขวัญกำลังใจ ในความเสียสละและเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณงามความดีที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชน ได้แก่ พ.ต.อ.ยงยุทธ เรืองเดช รอง ผบก.กม., พ.ต.ท.สุขสันต์ สุดสง่า รอง ผกก.3 บก.สอท.2, พ.ต.ท.นำพล  ทองภูสวรรค์  รอง ผกก.1 บก.สอท.4

สำหรับงานวันคล้ายวันสถาปนา บช.สอท. ครบรอบปีที่ 2 ได้กำหนดให้มีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ศาลพระภูมิและศาลตายาย ประจำที่ทำการ, ตรวจแถวกองเกียรติยศ และ พิธีสงฆ์ ถวายเครื่องไทยธรรม ภัตตาหาร แด่พระภิกษุสงฆ์ วัดท่าไม้ เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล ความสามัคคี ความเป็นปึกแผ่นอันหนึ่งอันเดียวกัน ของข้าราชการตำรวจในสังกัด บช.สอท.

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกความร่วมมือ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เชื่อมต่อ 'แอปแทนใจ' และ 'แอป My GPF' เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ข้าราชการตำรวจ

(9 ก.ย. 65) ณ ห้องพรหมนอก ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ โดย ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญ เป็นผู้แทนฯ ลงนาม โดยมี พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, คุณบุญเลิศ อันประเสริฐพร รองเลขากลุ่มงานปฏิบัติการ รักษาการในตำแหน่งรองเลขากลุ่มงานสมาชิกสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร และคุณรณชัย วินทวาร ผู้ช่วยเลขาธิการ กลุ่มงานเทคโนโลยีสารสนเทศ และรักษาในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการ กลุ่มงานยุทธศาสตร์องค์กรและการวิจัย เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามฯ

สำหรับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ได้มีเจตนารมณ์ร่วมกันในการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่าง แอปพลิเคชัน “แทนใจ”  และ แอปพลิชัน “MY GPF”  เพื่อให้ข้าราชการตำรวจผู้ใช้แอปพลิเคชันแทนใจ และเป็นสมาชิกของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สามารถเข้าถึงข้อมูลและสิทธิประโยชน์ของข้าราชการตำรวจ สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยมีรายละเอียด ดังนี้...

'จุรินทร์' ดันไทยศูนย์กลางค้าอัญมณีของโลก ขณะที่ยอดขายแตะ 3 พันล้าน ด้านแบรนด์ PSG เชื่อมั่นช่วยธุรกิจจิวเวลรี่กลับมาฟื้นตัวเร็วขึ้น

วันที่ 9 กันยายน ที่อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์และการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานแสดงอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 67 (Bangkok gems and Jewelry fair :BGJF 67th Edition) เป็นงานแสดงและเป็นเวทีการค้าสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยได้พบเจรจาการค้ากับผู้ซื้อจากทั่วโลก

นายจุรินทร์ กล่าวว่า งานแสดงสินค้า อัญมณีและเครื่องประดับ Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 67 เป็นการจัดงานในรอบ 2 ปี ซึ่งอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทย เผชิญความท้าทายต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง โดยมอบนโยบายให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการส่งออกเชิงรุก มีเป้าหมายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้า อัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญของโลก มุ่งเน้นรักษาตลาดเดิม เปิดตลาดใหม่ และฟื้นฟูตลาดเก่าที่เคยเป็นตลาดสำคัญ 

ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 29.8 ในปี 2564 ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ถึง 4 เท่า สามารถนำรายได้เข้าประเทศ 194,950 ล้านบาท และในปี 2565 ตั้งเป้าไว้ที่ 234,000 ล้านบาท ซึ่งช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ การส่งออกมีมูลค่าสูงถึง 149,842 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 50.64

"อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก เนื่องจากมีผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ที่อยู่ในอุตสาหกรรมถึงกว่าร้อยละ 90 มีการจ้างแรงงานในห่วงโซ่อุปทานถึงกว่า 664,000 คน นอกจากนี้ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยยังมีความโดดเด่นในด้านต่างๆ ที่มีทั้งความเชี่ยวชาญด้านการผลิต ช่างฝีมือที่เปี่ยมด้วยทักษะและฝีมืออันประณีตในการคัดสรร การเจียระไน การขึ้นรูป รวมถึงการออกแบบ จึงผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้ซื้อจากทั่วโลกเดินทางมาเจรจาการค้ามากกว่า 15,000 ราย คาดว่าจะมียอดการซื้อขายภายในงานสูงถึง 3,000 ล้านบาท"

ด้าน คุณปารณีย์ อำนวยรักษ์สกุล กรรมการ บริษัท ปิยะสยามกรุ๊ป (2001) แบรนด์ PSG Jewelry หนึ่งในผู้ประกอบการกล่าวว่า การจัดการแสดงในครั้งนี้ ทางแบรนด์ PSG เชื่อมั่นว่าการจัดแสดงครั้งนี้จะทำให้ธุรกิจจิวเวลรี่ กลับมาฟื้นตัวอีกครั้งนับเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ประกอบการรวมถึงคนในแวดวงอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลกได้มาพบและเจรจาธุรกิจกัน

กองทัพเรือ ร่วม ม.บูรพา ลงนาม (MOU) ผลิตแพทย์เพิ่มรองรับเมืองการบิน และ EEC สอดคล้องกับความต้องการด้านสุขภาพของท้องถิ่น

(9 ก.ย.65) พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ มอบหมายให้ พลเรือโท ชลธร สุวรรณกิตติ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เป็นผู้แทนร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกองทัพเรือ กับมหาวิทยาลัยบูรพา ในการผลิตแพทย์เพิ่มตามโครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย ปี 2561 - 2570

โดยมี รศ.ดร.วัชรินทร์ กาสลัก อธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา พร้อมคณบดีคณะแพทยศาสตร์, พลเรือตรี อานัน นิ่มนวล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ, ผู้บริหาร และคณาจารย์ ร่วมเป็นเกียรติและสักขีพยาน ณ ห้องประชุมภูหลวง หอประชุมโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดทำบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ ได้รับความเห็นชอบตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งความร่วมมือกันระหว่าง โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯและคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ในครั้งนี้ ประกอบด้วย กิจกรรมด้านวิชาการ ด้านการวิจัย การพัฒนาบุคลากร และร่วมกันดำเนินกิจกรรมโครงการอื่นๆ ตามที่ทั้ง 2 สถาบันเห็นสมควร อันจะช่วยพัฒนาองค์ความรู้ วิชาการทางการแพทย์ให้ทันสมัย และยังสามารถผลิตบัณฑิตแพทย์ให้มีคุณภาพและจริยธรรม สอดคล้องกับความต้องการด้านสุขภาพของท้องถิ่น และเพิ่ม คุณภาพการให้บริการด้านสุขภาพกำลังพลทหารเรือ และประชาชนทั่วไป

 

พลเรือโท ชลธร สุวรรณกิตติ กล่าวว่า นับเป็นประวัติศาสตร์สำคัญของ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ที่จะได้มีความร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ในการเป็นสถาบันหลักร่วมผลิตแพทย์ชั้นคลินิก เป็นก้าวสำคัญที่จะนำพาโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ไปสู่การเป็น Academic Hospital การศึกษาและวิจัยทางการแพทย์

'วราวุธ' มอบนโยบายให้ ปม.และ อส. ผนึกกำลังช่วยกันในการดูแลป้องกันรักษาป่า

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงาน ให้กับผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ และ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมทั้งเป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การโอน ภารกิจ หน่วยงาน พื้นที่และทรัพยากรการบริหาร ระหว่างกรมป่าไม้ กับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชโดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้บริหารของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมงาน

วันนี้ (9 กันยายน 2565) กรมป่าไม้ ร่วมกับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดการประชุม
รับมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินงานให้กับสองหน่วยงาน เพื่อให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานตามแผนงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด สำหรับการลงนามในบันทึกข้อตกลง การส่งมอบ - รับมอบ ภารกิจ หน่วยงาน พื้นที่และทรัพยากรการบริหาร ระหว่างกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยมีนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วยนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งเป็นการลงนามในการดำเนินการระหว่างสองหน่วยงานให้ถูกต้องตามภารกิจและอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของแต่ละหน่วยงาน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้กรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกันดำเนินการตรวจสอบ และพิจารณาในการดำเนินการ โดยให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินการโอนพื้นที่และหน่วยงาน อัตรากำลังให้กับกรมป่าไม้ อาทิ สถาบันประชารัฐพิทักษ์ป่า จังหวัดแพร่ อาคารหอพรรณไม้ และหน่วยงานของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่อยู่นอกเขตป่าอนุรักษ์ เช่น ฐานปฏิบัติการป้องกันรักษาป่า หน่วยป้องกันรักษาป่า โครงการพระราชดำริ หน่วยควบคุมไฟป่า หน่วยจัดการต้นน้ำ ฯลฯ ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2565 

'อลงกรณ์' เดินลึกรุกพัฒนาเพชรบุรีคิกออฟโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนทุกตำบลเป็นจังหวัดแรก

'อลงกรณ์' เดินลึกรุกพัฒนาเพชรบุรีคิกออฟโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนทุกตำบลเป็นจังหวัดแรก พร้อมผนึกศูนย์ AIC มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีร่วมขับเคลื่อนเขตส่งเสริมเกษตรอุตสาหกรรมอาหาร 'เพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์' และตั้งคณะกรรมการพัฒนาแบรนด์จังหวัดเพชรบุรีเพื่อส่งเสริมการสร้างแบรนด์ของสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูง

รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งว่า วันนี้นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะได้ลงพื้นที่ตรวจราชการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี โดยมี นายธรรมนูญ ศรีวรรธนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี  ผศ. พจนารถ บัวเขียว รองอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์การพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ดร.จุฑามาศ ทะแกล้วพันธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันเกลือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี  นางสาวศิริวรรณ เครือเล็ก เกษตรและสหกรณ์จังหวัดเพชรบุรี ร.ต.อาณัติ หุ่นหลา เกษตรจังหวัดเพชรบุรี และนายสันฑ์ จรเจริญ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี สำนักงานชลประทานที่ 14 นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุม โดยในภาคเช้าเป็นการประชุมหารือและรับทราบผลการดำเนินงานของศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมจังหวัดเพชรบุรี ศูนย์ความเป็นเลิศเกลือทะเล ศูนย์ความเป็นเลิศเกษตรอินทรีย์ และโครงการฟู้ดวัลเลย์จังหวัดภาคกลางตอนล่างรวมทั้งความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีในการขับเคลื่อนโครงการเพชรบุรีฟู้ดวัลเลย์ (Petchburi Food Valley) ภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันตก (Western Economic Corridor) ซึ่งจะมีการนำเสนอโครงการต่อคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในเดือนตุลาคม และยังได้รับฟังรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรฯ.จากเกษตรและสหกรณ์จังหวัดและส่วนราชการต่างๆโดยนายอลงกรณ์ได้แสดงความยินดีที่ศูนย์ AIC เพชรบุรีได้รับรางวัลศูนย์ AIC สมรรถสูงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศและชื่นชมผลการปฏิบัติงานในปีงบประมาณ 2565 ของหน่วยงานในสังกัดตลอดจนการขับเคลื่อนโครงการ 'เพชรบุรีโมเดล' เพื่อเป็นต้นแบบตัวอย่างการปฏิรูปภาคเกษตรกรรมแบบครบวงจรตั้งแต่การผลิตการแปรรูปและการตลาดทั้งออนไลน์ออฟไลน์และตลาดกลางสินค้าเกษตร 

ทั้งนี้นายอลงกรณ์ได้ประกาศคิกออฟ โครงการสำคัญที่เป็นอีกคานงัดการปฏิรูปภาคเกษตรของกระทรวงเกษตรฯ.เป็นครั้งแรกในวันนี้ที่จังหวัดเพชรบุรีได้แก่ โครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล  ภายใต้แนวคิด บริหารโดยชุมชน เป็นของชุมชน และเพื่อชุมชน โดยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนทุกตำบลของจังหวัดเพชรบุรีเรียบร้อยแล้วจะเป็นกลไกพัฒนาหมู่บ้านตำบลแบบบูรณาการทุกภาคส่วนตามแผนพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล ควบคู่กับการเดินหน้าโครงการเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง “เพชรบุรีสีเขียว” (Green Petchburi) วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมระบบเกษตรกรรมยั่งยืนในรูปแบบต่างๆ เช่น เกษตรอินทรีย์ เกษตรทฤษฎีใหม่ วนเกษตร เกษตรธรรมชาติ เกษตรผสมผสาน โดยมีการวางโครงสร้างและระบบแบบมีส่วนร่วมในการพัฒนาภาคเกษตรในพื้นที่เมืองและพื้นที่ชุมชนซึ่งทั้ง2โครงการขับเคลื่อนโดยคณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนแห่งชาติ ซึ่งมี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานและมีที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ.เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนครอบคลุม 77 จังหวัด 

ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ ยังแจ้งให้ทราบถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาแบรนด์จังหวัดเพชรบุรีเป็นชุดแรกเพื่อส่งเสริมการสร้างแบรนด์ของสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูง

นอกจากนี้ยังได้หารือการเตรียมงาน "สร้างการรับรู้สู่เกษตรกรและการขับเคลื่อนงานแปลงใหญ่จังหวัดเพชรบุรี" และ "โครงการมอบกรรมสิทธิ์และไถ่ชีวิตโคกระบือ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565" โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ มาเป็นประธานในวันที่15กันยายนที่จะถึงนี้

สำหรับช่วงบ่ายที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.และคณะได้ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำของ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี สำนักงานชลประทานที่ 14 ในการขุดลอกผักตบชวาในคลองระบายน้ำ D25 พื้นที่ ต่อเนื่องตำบลช่องสะแก หมู่ที่ 6 ตำบลบางแก้ว อำเภอบ้านแหลม และพื้นที่ หมู่ที่ 2 ตำบลบางจาน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี และตลองD.18 เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับปัญหาน้ำท่วม ต่อจากนั้นได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าการดำเนินงานวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียง ตำบลช่องสะแก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี มีนายสุพจน์ กลิ่มพ่วง เป็นประธาน ดำเนินกิจกรรมปลูกผักเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษแบบยกแคร่ (ผักสลัด) และแบบโรงเรือนอัจฉริยะ ซึ่งเป็นต้นแบบงานวิจัยในพื้นที่ ได้รับงบประมาณและการสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช. ) มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด มีกิจกรรมการแปรรูปอาหาร ข้าวเกรียบงาน้ำตาลโตนด กิมจิ (การแปรรูปกิมจิ ดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขอ อย.) การทำผักเคลผง (สำหรับโรยข้าว) และผักเคลคีโต ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และการทำปุ๋ยชีวภาพ (ปุ๋ยโบกาฉิ ดินปลูกต้นไม้) และการดำเนินงานของศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่จังหวัดเพชรบุรี ( young smart farmer )ซึ่งมีการดำเนินกิจกรรม ไข่ไก่อารมณ์ดี ไข่ไก่ชน การขายทำตลาดออนไลน์ขายสินค้าผ่าน shopee Lazada เช่น ต้นตำแยแมวหรือกัญชาแมว ตู้ฟักไข่ไก่จากลังโฟม (ฟักไก่ชน) โคมไฟจากก้านตาลควบคุมการเปิดปิดด้วยสมาร์ทโฟน ฯลฯ เป็นการดำเนินกิจกรรมโดยใช้หลักตลาดนำการผลิต และมีการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและการมีพัฒนารถโมบายและร้านค้าชุมชน เพื่อจำหน่ายผลผลิตการเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภค

'เสี่ยเฮ้ง' หารือทูตไทยในสวีเดนดูแลคนงานไทย พร้อมเล็งเปิดตลาดใหม่ให้กับแรงงานไทย

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน, พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน, นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง), นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน, นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน และคณะ เข้าเยี่ยมคารวะ นางกาญจนา ภัทรโชค เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ในโอกาสเดินทางเยือนสวีเดนเพื่อประชุมหารือรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนรับฟังสภาพปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะที่เกี่ยวข้องกับแรงงานไทยในสวีเดน ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม ในประเด็นการผลักดันให้แรงงานไทยในสวีเดนได้รับการคุ้มครอง สิทธิประโยชน์ และสวัสดิการตามกฎหมาย ตลอดจนแนวโน้มความต้องการแรงงานต่างชาติเข้าไปทำงานในสวีเดน หรือแถบสแกนดิเนเวีย เพื่อเพิ่มโอกาสในการผลักดันให้แรงงานไทยไปทำงานในสวีเดนมากขึ้น และการขยายตลาดแรงงานไทยในสวีเดนอีกด้วย 

นายสุชาติ กล่าวว่า ผมขอขอบคุณท่านเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงสตอกโฮล์มที่ให้การดูแลแรงงานไทยที่มาทำงานเก็บผลไม้ป่าตามฤดูกาลเป็นอย่างดี และให้ความร่วมมือในการติดตาม ดูแลแรงงานไทยที่เดินทางมาเก็บผลไม้ป่าในสวีเดนในแต่ละฤดูกาลให้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย มีสภาพความเป็นอยู่ที่ถูกสุขลักษณะ สามารถเข้าถึงระบบรักษาสุขภาพหากเกิดกรณีเจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุขณะทำงานอยู่ในสวีเดน

แด่แฟนตัวยง ชัยชนะแด่แฟนบอลอาร์เซนอลผู้จากไป ขอพระเจ้าโปรดคุ้มครององค์ราชินีสู่สวรรค์

จากเฟซบุ๊กเพจ Arsenal in Thailand อาร์เซนอลไทย ได้โพสต์ถึงชัยชนะของทีมปืนใหญ่ 'อาร์เซนอล' เหนือ 'เอฟซี ซูริค' ด้วยสกอร์ 2-1 แด่แฟนบอลอาร์เซนอลผู้หนึ่งที่ต้องจากไป ระบุว่า...

เป็นหนึ่งเกมที่นอกเหนือจากสามคะแนนที่ได้รับแล้ว วันนี้คงจะเป็นหนึ่งวันที่แฟนบอลหลายคนจดจำได้ไม่ลืม เมื่อ อาร์เซนอล เป็นหนึ่งในสโมสรที่ลงเล่นในช่วงเวลาแห่งการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่สอง แห่งสหราชอาณาจักรผู้ซึ่งเป็นที่รักของประชาชนชาวอังกฤษ และใครหลายคนในโลกด้วยพระชนมพรรษา 96 พรรษาและช่วงครึ่งหลังของเกมก่อนที่เกมจะเริ่มต้นขึ้น นักเตะและทีมงานอาร์เซนอลทุกคนมีการสวมปลอกแขนสีดำ และทั้งสองสโมร รวมถึงแฟนบอลในสนามต่างยืนไว้อาลัย (Minute’s Silence) ให้กับความสูญเสียครั้งนี้

หลังจบเกมนี้ อาร์เซนอล ยกเลิกการสัมภาษณ์ใด ๆ หลังเกมการแข่งขัน ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเพื่อเป็นการให้ไว้อาลัย และพรีเมียร์ ลีก กำลังอยู่ในช่วงของการประชุมว่าเกมฟุตบอลอังกฤษในช่วงสุดสัปดาห์นี้จะมีการยกเลิกเกมการแข่งขันหรือไม่ ต้องรอติดตามกันต่อไป

วงการฟุตบอล กับราชวงศ์อังกฤษ มีความใกล้ชิดผูกพันกันระดับหนึ่ง แต่ก็เป็นความผูกพันที่ยาวนาน ขณะที่สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่สองต่างทรงชื่นชอบฟุตบอลไม่น้อย ในวันที่อังกฤษคว้าแชมป์โลกในปี 1966 พระองค์คือผู้มอบถ้วย จูลล์ ริเมส์ ให้กับ บ๊อบบี้ มัวร์ กัปตันทีมชูขึ้นฟ้าในฐานะของแชมป์โลก สมัยแรกและยังคงเป็นสมัยเดียวของประเทศ

สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่สอง มีข่าวลือออกมาว่าพระองค์ทรงเป็นแฟนบอลของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด หรือมิลล์วอลล์ แต่ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด คือ 'อาร์เซนอล'

God Save the King รู้จัก ‘พระเจ้าชาร์ลสที่ 3’ กษัตริย์องค์ใหม่แห่งราชวงศ์อังกฤษ

วันที่ 8 กันยายน 2565 บีบีซี รายงานว่า สหราชอาณาจักรเข้าสู่รัชสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 หลังสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จสวรรคต และมีผลให้คำถวายพระพรและเพลงชาติของอังกฤษ เปลี่ยนจาก God Save the Queen เป็น God Save the King

สำหรับพระราชประวัติ พระเจ้าชาร์ลส์ ที่ 3 พระชนมพรรษา 73 พรรษา พระราชสมภพ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 1948 (พ.ศ. 2491) เป็นพระราชโอรสองค์โตของควีนเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป มีพระขนิษฐา 1 พระองค์คือ เจ้าหญิงแอนน์ และพระอนุชา 2 พระองค์ คือเจ้าชายแอนดรูว์ และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด 

ทรงได้รับการสถาปนาให้เป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ เมื่อพระชันษา 10 ปี และขึ้นเป็นมกุฎราชกุมาร รัชทายาทลำดับที่ 1 เมื่อเจริญพระชันษา 21 ปี

ทรงเป็นพระราชวงศ์พระองค์แรกที่เข้าศึกษาที่โรงเรียน ณ โรงเรียนฮิลล์ เฮ้าส์ กรุงลอนดอน จากนั้นศึกษาต่อโรงเรียนเตรียมความพร้อมด้านวิชาเคมีในเมืองเบิร์กเชอร์ และทรงสำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์

เมื่อครั้งวัยหนุ่ม ทรงถูกจับตาเรื่องการเลือกคู่ครองและเป็นข่าวหลายครั้ง รวมถึงกับคามิลลา ปาร์กเกอร์ โบวลส์ ที่มีข่าวว่าสนิทสนมเป็นพิเศษ แต่ไม่อาจลงเอยได้ เพราะติดขัดที่กฎระเบียบราชสำนัก

ต่อมาทรงหมั้นกับ เลดี้ ไดอานา แห่งตระกูลสเปนเซอร์ วัย 19 ปี หญิงที่เจ้าชายฟิลิป พระบิดาสนับสนุน ขณะที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มีพระชนมพรรษา 30 พรรษา โดยมีพระราชพิธีอภิเษกสมรสวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 ที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก

เจ้าหญิงไดอานาทรงมีพระโอรสกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ 2 พระองค์ คือเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี ท่ามกลางชีวิตสมรสที่มีปัญหาและเป็นข่าวอื้อฉาวอย่างต่อเนื่อง โดยมี คามิลลา ปาร์กเกอร์ โบวลส์ เข้ามาพัวพันด้วย

ปี 1996 (พ.ศ. 2539) ทั้งสองพระองค์หย่าร้างกัน และหนึ่งปีต่อมา เจ้าหญิงไดอานาก็สิ้นพระชนม์ในอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส วันที่ 31 ส.ค. กลายเป็นเหตุการณ์ช็อกไปทั่วโลก และราชวงศ์อังกฤษต้องปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อขานรับความโศกเศร้าของประชาชนต่อการจากไปของเจ้าหญิงไดอานา

แปดปีจากนั้น หลังจากสังคมเปลี่ยนไปและมีกระแสต้านลดลง เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงอภิเษกอีกครั้งกับ คามิลลา วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2005 (พ.ศ. 2548) โดยคามิลลาทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ 

ในพระราชพิธีฉลองควีนครองราชย์ครบ 70 ปีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ควีนทรงมีพระราชกระแสรับสั่ง หวังให้คามิลลาขึ้นเป็นราชินี เคียงข้างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เมื่อขึ้นครองราชย์

อย่างไรก็ตาม หลังควีนเสด็จสวรรคตวันที่ 8 กันยายน คำที่ใช้เรียก คามิลลา ในนาทีที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงขึ้นเป็นกษัตริย์ พระเจ้าชาร์ลส์ ที่ 3 ยังคงเป็นคำว่า queen consort ซึ่งหมายถึงราชินีคู่สมรส

สำหรับการตัดสินพระทัยแรกของพระองค์ คือการเลือกพระนามที่จะทรงใช้ในฐานะกษัตริย์ 4 ชื่อ จากพระนามเต็ม ชาร์ลส์ ฟิลิป อาเธอร์ จอร์จ และพระองค์ทรงเลือกใช้พระนาม 'ชาร์ลส์' 

ทั้งนี้ ทรงเป็นกษัติร์ย์แห่งสหราชอาณาจักรพระองค์ที่ 3 ที่เลือกใช้พระนาม ชาร์ลส์ จึงมีพระนามในฐานะกษัตริย์ว่า “สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3” หรือ “พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3”

คาดว่าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะทรงได้รับการประกาศให้เป็นกษัตริย์อย่างเป็นทางการในวันเสาร์นี้ (10 ก.ย.) โดยสภาภาคยานุวัติหรือสภาการสืบราชบัลลังก์ ประกอบด้วยคณะองคมนตรี คณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอาวุโสทั้งในอดีตและปัจจุบัน ข้าราชการระดับ ข้าหลวงใหญ่เครือจักรภพ และนายกเทศมนตรีลอนดอน

ในพิธีการ ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นที่พระราชวังเซนต์เจมส์ในลอนดอน ประธานองคมนตรีแห่งสภาองคมนตรีจะประกาศการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และประกาศการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3

จากนั้น พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะเสด็จร่วมพิธีการกับสภาภาคยานุวัติ เพื่อทรงประกาศพระปฐมบรมราชโองการ ซึ่งมักมีข้อความตามธรรมเนียมโบราณปะปนอยู่ด้วย เช่น จะทรงปฏิญาณว่า จะอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนจักรแห่งสกอตแลนด์ ตามธรรมเนียมที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18

ต่อจากนั้น จะมีการอ่านประกาศต่อสาธารณชนจากระเบียงเหนือลาน Friary Court ในพระราชวังเซนต์เจมส์ ว่า พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เป็นประมุขแห่งสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพพระองค์ใหม่อย่างเป็นทางการ โดยจะมีเสียงสรรเสริญขึ้นว่า “ขอพระเจ้าคุ้มครองพระราชา (God save the King)” และจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1952 ที่เพลงชาติของสหราชอาณาจักร ซึ่งมีชื่อเดียวกับข้อความสรรเสริญดังกล่าว จะเปลี่ยนเนื้อที่ร้องว่า “God save the Queen” เป็น “God Save the King”

นอกจากนี้ จะมีการยิงสลุตในไฮด์พาร์ก หอคอยแห่งลอนดอน และขบวนเรือหลวง และคำประกาศที่ว่าพระเจ้าชาร์ลส์เป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่จะถูกอ่านในเอดินบะระ คาร์ดิฟฟ์ และเบลฟาสต์ ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top