Tuesday, 10 June 2025
NEWS FEED

'ปวีณา' พาผู้เสียหาย ร้อง 'บิ๊กโจ๊ก' ถูกหลอกค้าประเวณี-หลอกทำงานต่างประเทศ

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี พาผู้เสียหายวัย 16 ปี ที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศเมียนมา พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานการสนทนาหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ต และโทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อพูดคุยเข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้สืบสวนติดตามและดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายข้ามชาติกลุ่มนี้

โดย นางปวีณา เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา ครอบครัวเหยื่อวัย 16 ปี ได้ร้องทุกข์เข้ามายังมูลนิธิปวีณา หลังลูกสาวถูกหลอกให้ไปทำงานที่ร้านคาราโอเกะและถูกบังคับให้ค้าประเวณี ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ทางมูลนิธิจึงพาครอบครัวผู้เสียหายไปร้องทุกข์ที่กรมการกงสุลฯ และประสานทหารเมียนมาชุด TBC ที่ดูแลพื้นที่แม่สอดเมียวดีเข้าไปพาตัวออกมาจากร้านคาราโอเกะที่ถูกหลอกไปทำงาน จนสามารถพาตัวเหยื่อกลับมายังประเทศไทยได้เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา 

ขณะที่ แม่ของเหยื่อผู้เสียหายวัย 16 ปี เล่าว่าลูกสาวได้ถูกคนไทยทักมาใน Facebook ชักชวนให้ไปทำงานร้านคาราโอเกะ อ้างว่าจะให้ค่าตอบแทนทำงาน 5 วัน จำนวนเงิน 50,000บาท ลูกสาวจึงมาขอตนว่าอยากไปทำงาน ตนถึงให้ไป แต่ปรากฏว่าลูกสาวทักข้อความมาบอกว่าตัวเองถูกหลอกและถูกบังคับให้ค้าประเวณี ก่อนบอกว่าอยากตาย ตนจึงรีบไปแจ้งความตำรวจแต่ก็ไม่มีความคืบหน้าจึงตัดสินใจร้องขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณา

ด้าน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ บอกว่าเบื้องต้นได้พาเหยื่อเขาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยได้รับหลักฐานโทรศัพท์มือถือที่เป็นข้อมูลสำคัญในการติดต่อกับเครือข่ายนี้ โดยเบื้องต้นมองว่าจะต้องสืบถึงตัวชาวไทยที่เป็นนกต่อในประเทศ ก่อนขยายผลไปหาเครือข่ายในต่างประเทศต่อไป โดยมองว่าหากไม่มีคนไทยที่หลอกคนไทยด้วยกันเองตั้งแต่แรกก็จะไม่มีคนถูกหลอกไปเป็นค้ามนุษย์ในลักษณะนี้

รอง ผบ.ตร. ชื่นชมตำรวจจราจรช่วย 1 ชีวิต พาชายหมดสติส่งโรงพยาบาล

พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัล ให้แก่ ด.ต.ชัยวัฒน์ นรารักษ์ ตำรวจฝ่ายจราจรของ สน.บุคคโล ที่ได้เข้าช่วยเหลือชายที่ป่วยใกล้เป็นลมหมดสติอยู่ภายในรถที่จอดอยู่ข้างถนนนานกว่า 40 นาที พาไปส่งรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ได้อย่างปลอดภัย

โดย เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 9 ก.ย. 65 ด.ต.ชัยวัฒน์ นรารักษ์ ผบ.หมู่งานจราจร สน.บุคคโล ได้ขับรถตรวจตราพบรถกระบะจอดเปิดไฟส่งสัญญาณฉุกเฉินอยู่บริเวณหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาดาวคะนอง จึงเข้าตรวจสอบ พบคนขับรถปรับเบาะเอนนอนกุมหน้าอกอยู่ภายใน ด.ต.ชัยวัฒน์ฯ จึงได้ประสานหน่วยกู้ชีพให้การช่วยเหลือ และเนื่องจากการจราจรในช่วงเวลาดังกล่าวค่อนข้างติดขัด ด.ต.ชัยวัฒน์ฯ เกรงว่าผู้ป่วยจะไม่ปลอดภัย จึงตัดสินใจย้ายผู้ป่วยไปนอนเบาะซ้าย และขับรถพาผู้ป่วยไปส่งที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง โดยมีตำรวจจราจรของ สน.บุคคโล และเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัย คอยอำนวยความสะดวกเส้นทางการจราจรนำผู้ป่วยไปถึงโรงพยาบาลได้อย่างทันท่วงที 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ได้แสดงความชื่นชมต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ ด.ต.ชัยวัฒน์ฯ ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความใส่ใจประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือบนท้องถนน และสามารถใช้ไหวพริบแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยมอบประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัล พร้อมทั้งให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต่อไป

พร้อมกันนี้ รอง ผบ.ตร. ได้กำชับถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ ใส่ใจให้ความช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ตรวจตรารักษาความสงบ ให้ความคุ้มครองดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

'อลงกรณ์' นำทีมชลประทานลอกคลองป้องกันน้ำท่วมเพชรบุรีล่วงหน้า พร้อมติดตามความคืบหน้าโครงการบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่าง6อำเภอ

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และคณะประกอบด้วยนายพิเชษฐ์ จันทร์เต็มดวง อาสาสมัครชลประทาน(อสชป.) นายศราวุฒิ พุ่มจิตร และนายลือชัย พลายเผือก อดีตกำนันตำบลนาพันสาม ทีมงานเพชรบุรีโมเดลลงพื้นที่ตำบลนาพันสาม อำเภอเมืองเพชรบุรีติดตามความคืบหน้าการลอกคลองกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในคลอง D18เพื่อช่วยเหลือจังหวัดเพชรบุรีในการป้องกันน้ำท่วมล่วงหน้าโดยมี นายปริญญา คัชมาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่14 นายบุญลือ คงชอบ รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 14 นายอำนาจ ถี่ถ้วน ผู้อำนวยการส่วนเครื่องจักกล สำนักงานชลประทานที่14 นายสันต์ จรเจริญ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี ให้การต้อนรับและรายงานผลการดำเนินการกำจัดสิ่งกีดขวางทางระบายน้ำในคลองสายหลักของชลประทานและท้องถิ่นตามข้อเสนอของอดีต ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ได้แก่ นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ดร.กัมพล สุภาแพ่งและนายอรรถพร พลบุตร

นอกจากนี้ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรและคณะยังได้รับคำแนะนำจากพระครูพิศาลวัชรกิจ เจ้าอาวาสวัดนาพรม ในการลงพื้นที่ตำบลนาพันสามอีกด้วย

จากนั้นจึงเดินทางไปดูความคืบหน้าการพัฒนาคลอง ดี.18 ตามโครงการบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเพชรบุรีตอนล่างและการขุดลอกคลองกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในพื้นที่ตำบลไร่มะขาม อำเภอบ้านลาดโดยมีนายสุทธิพงษ์ พรหมมาตร์ นายกฯ. และคณะผู้บริหารอบต.ไร่มะขามรวมทั้งผู้ใหญ่บ้านหมู่1ให้การต้อนรับ

ทั้งนี้นายอลงกรณ์ได้แสดงความชื่นชมและขอบคุณแทนพี่น้องชาวเพชรบุรีที่หน่วยงานชลประทานทำงานได้อย่างคืบหน้ามีประสิทธิภาพในพื้นที่คลองดี.18เช่นเดียวกับการดำเนินการที่คลองดี.25ในพื้นที่ตำบลบางจาน อำเภอเมืองและตำบลบางแก้ว อำเภอบ้านแหลมซึ่งตนลงไปตรวจราชการเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็สามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายใน3วัน เหลือเพียงส่วนการกำจัดผักตบชวาบริเวณต้นคลองดี.25ซึ่งมีขนาดเล็กและแคบในพื้นที่ตำบลช่องสะแกนั้นทางท้องถิ่นจะเป็นผู้ดำเนินการต่อไป

การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน 'คิงส์คัพ' ครั้งที่ 48 ประจำปี 2565

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2565 ที่ ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และนางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ร่วมกันแถลงข่าวการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน "คิงส์คัพ" ครั้งที่ 48 ประจำปี 2565 ซึ่งสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้กำหนดจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 22 และวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2565 ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ 

นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่  กล่าวว่า ในโอกาสที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 48 จังหวัดเชียงใหม่มีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งทั้งสนามแข่งขันที่เคยจัดการแข่งขันกีฬาในระดับนานาชาติมาแล้วรวมถึงความพร้อมทางด้านการคมนาคม โรงแรมที่พัก แหล่งท่องเที่ยวตลอดจนร้านอาหารต่างๆ มากมาย  การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 48 ครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ และกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะข้าวซอย ที่ถือเป็น SOFT POWER อาหารไทยที่เผยแพร่ไปสู่นานาชาติ ขอขอบคุณที่ได้มอบหมายให้จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันฟุตบอลในรายการสำคัญนี้ และจังหวัดเชียงใหม่พร้อมแล้วที่จะเป็นเจ้าภาพที่ดี ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพครั้งที่ 48 ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปีต่อไป

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าในนามของประธานอำนวยการจัดการแข่งขัน ที่ได้ขอรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 48 ในครั้งนี้ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ พร้อมด้วยส่วนราชการต่างๆ องค์กรภาครัฐและเอกชนภายในจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมแล้วที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลในรายการสำคัญนี้ และขอขอบคุณทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงใหม่ที่ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในรายการนี้ ในนามขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ต้องขอขอบคุณสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ได้ให้โอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในรายการนี้ และทางเจ้าภาพพร้อมแล้วที่จะจัดการแข่งขันให้บรรลุเป้าหมายและเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนไทยทั่วประเทศ แฟนบอลในภาคเหนือ และแฟนบอลในจังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าร่วมชมการแข่งขันฟุตบอลรายการนี้ได้อย่างทั่วถึง และร่วมเชียร์นักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทยต่อไป

‘SEED Thailand ภาคใต้' ปลุกปั้นผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่ ส่งต่อ 'ความคิด-พลังบวก' สรรสร้างเยาวชนพันธุ์ D

โครงการ ‘SEED Thailand’ ภาคใต้ อีกหนึ่งโครงการสร้างสรรค์ดีๆ ที่ใช้ 'ใจ' เป็นเครื่อง 'บันดาลแรง' สู่การสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ จากผู้นำเยาวชนรุ่นใหม่ เพื่อนำพลังบวกไปสร้างสรรค์ท้องถิ่น ส่งต่อความคิด สร้างเยาวชนพันธุ์ D ปลุกจิตวิญญาณ การเป็นต้นแบบแก่เยาวชน ในนิยาม DNA SEED Thailand

โดยไม่นานมานี้ เยาวชนรุ่นใหม่ระดับผู้นำหัวกะทิเกือบร้อยชีวิต ที่มาจากเกือบทุกจังหวัดของภาคใต้ ได้เข้ามาร่วมอบรมที่ โรงแรม คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 9 - 11 กันยายน 2565 ในหัวข้อ “การสร้างผู้นำยุคใหม่ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์” โดยมีวิทยากรมากมาย อาทิ พันเอกวันชนะ สวัสดี หรือที่เราเรียกันว่า ‘ผู้พันเบิร์ด’ ผู้รับบทพระนเรศวรในมหากาพย์ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ในหัวข้อ Soft Power, นายอรรทิตย์ฌาณ คูหาเรืองรอง พิธีกรรายการช่อง NBT ในหัวข้อ ทักษะการสื่อสารเห็นอกเห็นใจ, นายชนะชัย ประมวลทรัพย์ คณะทํางานเฉพาะกิจส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเครือข่ายเยาวชน สํานักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในหัวข้อ นักข่าวเยาวชนท้องถิ่น, นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ เลขาธิการมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม ในหัวข้อ ทักษะการเป็นผู้นำและการดำเนินชีวิต โดยมี นางสาว ปาริสา สัทอินทรีย์ ประธาน SEED Thailand เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้

กิจกรรมครั้งนี้มุ่งให้ที่จะพัฒนาศักยภาพของผู้นำเยาวชนให้เป็นต้นแบบของเยาวชนคนอื่น ๆ เพราะ ‘ผู้นำ’ เปรียบเสมือนเสาหลักของเยาวชน การพัฒนาทักษะทางความสามารถตลอดจนฝึกจิตใจให้แข็งแกร่ง จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชนได้

นายณัฐพล นาคโชติ สาขาวิชาการพัฒนาสังคม ตำแหน่ง ประธานนักศึกษาสาขาวิชาการพัฒนาสังคมและประธานชมรมค่ายอาสาพัฒนาและบำเพ็ญประโยชน์ ได้กล่าวถึงประสบการณ์ระหว่างเข้าร่วมกับ SEED THAILAND ภาคใต้ ว่า...

“เหตุผลที่ผม…เข้าร่วมโครงการ SEED Thailand เพราะรู้จักผ่านเพจเฟซบุ๊ก เห็นว่ากิจกรรมมันน่าสนใจ  แล้วก็อาจารย์แนะนำมาด้วยจึงมั่นใจ เราอยากมาหาประสบการณ์ใหม่ๆ มาดูว่าเพื่อนๆ ผู้นำแต่ละคนเขาคิดยังไง เพราะแต่ละคนก็เป็นแกนนำในด้านต่างๆ และมีความคิดที่หลากหลาย มันน่าสนใจมากๆ”

นอกจากนั้น นายแวอาฟีรดาวส์ แวอาลี พิธีกรแห่งสงขลานครินทร์ รุ่นที่ 64 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ยังได้กล่าวว่าการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของ SEED น่าสนใจ ตลอดกิจกรรมเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ดีระหว่างเยาวชนระดับผู้นำในท้องถิ่น

“ผมรู้จักผ่านรุ่นพี่ที่เคยมา ชื่อพี่ดาว รุ่นพี่ SEED Thailand เลยตัดสินใจมาเพราะผมชอบเข้าค่ายและรูปแบบการจัดกิจกรรมน่าสนใจมาก ๆ ผมอยากมีเครือข่ายไว้คอยช่วยกันทำงานในท้องถิ่น การเป็นแกนนำนักเรียนและทำกิจกรรมในองค์การนักศึกษามันทำให้เราต้องหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่ตลอด โดยเฉพาะโลกออนไลน์มีส่วนสำคัญในการพัฒนาองค์กรอย่างมาก อย่างถ้าเราใช้สื่อเป็น รู้จักมันมากขึ้น ใช้ให้พอดี ใช้ให้ถูกทาง เพื่อนหลายๆ คนที่มางานนี้มีความสามารถมากๆ ผมว่าการเจอเพื่อนใหม่ ๆ มีเครือข่ายเพื่อน ๆ ที่มีความสามารถ ทำให้เด็กตัวเล็กทำอะไรได้เยอะมาก”

รมว.พม. แถลงเปิดตัวโครงการ Special Care บริการล้างแอร์ที่ใส่ใจฯ หนุนคนพิการสร้างอาชีพ สู้วิกฤตโควิด - 19

วันนี้ 12 ก.ย. 65 เวลา 10.30 น. "นายจุติ ไกรฤกษ์ " รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ Special Care บริการล้างแอร์ที่ใส่ใจ โดยคนพิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย พร้อมทั้งรับมอบสิทธิ์ล้างแอร์จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง พม. กับ บริษัท แซนด์บ๊อกซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด / วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก / สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย / การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย / สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้คนพิการได้มีอาชีพ มีรายได้ สามารถพึ่งพาตนเองและเลี้ยงดูครอบครัวได้ ทั้งนี้ "นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ" อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กล่าวรายงานถึงการขับเคลื่อนงานและ

การสนับสนุนโครงการฯ พร้อมด้วย คณะผู้บริหารกระทรวง พม. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ชาวเน็ตรุมจวก!! หนุ่มเทน้ำเต้าหู้ลงท่อระบายน้ำ อ้าง "มันจะตันได้ไง มันเป็นของเหลว"

เป็นที่พูดถึงอย่างหนักหน่วงในโซเชียลมีเดียไทยเลยก็ว่า เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ 'Red Skull' ได้นำคลิปวิดีโอของผู้ใช้ติ๊กต๊อก 'พ่อค้า เต้าหู้' ที่ปรากฏเป็นภาพของเจ้าของร้านขายน้ำเต้าหู้กำลังเทน้ำเต้าหู้ทั้งหม้อลงในท่องระบายน้ำ พร้อมระบุข้อความสั้น ๆ ว่า "เมื่อวานขายไม่ดีเลยครับ เหลือเยอะมาก เททิ้งหมดเลยครับ เพราะวันนี้หยุดร้าน 1 วัน" 

ทั้งนี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ 'Red Skull' ได้เขียนข้อความวิจารณ์คลิปดังกล่าวว่า "เทลงท่อเฉยเลย สุดท้ายกลายเป็นก้อนไขมันอุดอยู่ในท่อระบายน้ำ เขารณรงค์ไม่ให้ทิ้งลงท่อระบายน้ำอยู่ เหลือมากก็แจกสิ แปปเดียวก็หมด ได้ใจคนด้วย มีวิธีจัดการเยอะแยะที่ดีกว่าเทลงท่อ"

นอกจากนี้ ได้มีผู้ใช้งานติ๊กต๊อกเข้าไปคอมเมนต์ในคลิปต้นทางว่า "ท่อตันน้ำท่วมอีก" ซึ่งเจ้าของคลิปก็ได้เข้ามาตอบว่า "มันจะตันได้ไงมันเป็นของเหลว"

ชาวสงขลากว่าครึ่งพัน แห่ให้กำลังใจพร้อมชื่นชมในสปิริตนักการเมืองของนายนิพนธ์ รองหน.ปชป.

วันที่ 10 กันยายน 2565 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดบ้านพัก ณ ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ต้อนรับตัวแทนมวลชน กว่า 500 คนทั้งกลุ่มอาชีพ ตัวแทนสมาคม กำนันผู้ใหญ่บ้าน และพี่น้องประชาชน ในจังหวัดสงขลา ที่นำดอกไม้มามอบให้กำลังใจในการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อแสดงสปิริตของนักการเมือง ในการเตรียมการเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมในเรื่องของการฮั้วประมูลรถ อบจ.สงขลา 

นายนิพนธ์ กล่าวว่า ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มาให้กำลังใจ ซึ่งทุกคนคงทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว ในช่วงสองปีที่ผ่านมาสื่อมวลชนทุกแขนงได้ลงในรายละเอียดของผม รวมถึงการประชุมถ่ายทอดในรัฐสภาก็ได้อธิบายถึงรายละเอียดทุกขั้นตอนหมดแล้ว ทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับกรณีนี้ ทั้งนี้ให้พี่น้องสบายใจได้ว่าทาง ป.ป.ช.ได้ชี้มูลผมฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้ชี้มูลว่าทุจริต ซึ่งมันก็คล้ายกับในเรื่องของบริษัทฟ้องกทม.ไม่จ่ายเงินในเรื่องของรถไฟฟ้า บีทีเอส ซึ่งก็เป็นเรื่องของทางแพ่งที่ยังสู้กันอยู่ ไม่มีเจตนากระทำความผิดเพราะมีเรื่องร้องเรียน ว่าการซื้อรถมันทุจริต โดยเฉพาะการยื้อเรื่องของการขยายระยะเวลานั้นมันไม่ชอบด้วยกฏหมาย

ดังนั้นคนที่มาซื้อซองหลังหมดการขยายระยะเวลาแล้วจึงไม่ชอบด้วยกฏหมาย ในการซื้อซองประมูล จึงไม่มีสิทธิ์มาประมูลจนในที่สุดมีคนมาร้องว่ามีการฮั้วประมูล ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะผู้ชนะการประมูลไปฮั้วกับบริษัทผีที่อยู่ต่างประเทศ รวมถึงออกเอกสารปลอม จนขณะนี้ผู้ฮั้วประมูลทั้ง 3 ครั้ง ตำรวจสั่งฟ้องหมดแล้วว่าใช้เอกสารปลอม และมีการฮั้วประมูล ซึ่งบริษัทผู้ฮั้วประมูลขณะนี้ได้หนีออกต่างประเทศเกือบหมด และบางคนก็ถูกฟ้อง และถูกคุมขัง ดังนั้นการที่ผมไม่จ่ายจึงมีเหตุผลว่าทำไมถึงไม่จ่าย เพราะมันมีการฮั้วประมูลเกิดขึ้น พี่น้องจึงสบายใจได้ว่าการที่ผมไม่จ่ายเงินนั้นจึงไม่มีความผิด

'อัษฎางค์' ชี้!! 3 ปัจจัยที่ทำให้ฝรั่งดูเจริญกว่าไทย พร้อมเปิดอีกมุม 'ค่าครองชีพ-ค่าแรง-ย้ายประเทศ'

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก 'เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค' โดยระบุว่า...

“ค่าครองชีพ ค่าแรง ย้ายประเทศ”

จะเล่าอะไรให้ฟัง จากคนที่มีประสบการณ์อยู่ในออสเตรเลียมากว่า 20 ปี

ผมมาออสเตรเลียครั้งแรกก็ติดใจสิ่งแวดล้อมของประเทศเขา

สิ่งแวดล้อมในที่นี้คือ บ้านเรือน ผู้คน รวมถึงสิ่งแวดล้อมทางการศึกษา

ผมก็กลับไปหอบครอบครัวมาอยู่ออสเตรเลีย อยากให้ลูกโตมาในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ 

แต่ไม่ได้ย้ายประเทศ เพราะเมืองไทยมันห่วย รัฐบาลไทยมันห่วย สถาบันพระมหากษัตริย์เอาเปรียบประชาชน ไม่มีเรื่องพวกนี้ 

ผมรักเมืองไทย รักความเป็นไทย และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดสำหรับผมเกี่ยวกับเมืองไทย คือ การเมือง 

การเมืองไทยที่มีนักการเมือง (บางส่วนหรือส่วนใหญ่) ที่มักอ้างว่าเป็นตัวแทนประชาชน อ้างว่าเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อชาติและประชาชน ทั้งที่เขาทำทุกอย่างเพื่อตนเองและพวกพ้อง

แต่การย้ายประเทศของผม เกิดจากแรงบันดาลใจจากคนรุ่นก่อนๆ และการอยากผจญภัย ซึ่งมันมีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน 

ย้ายมาอยู่เมืองฝรั่ง เพราะอยากรู้ว่า ฝรั่งเจริญกว่าไทยตรงไหน ได้อย่างไร ก็ลองมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเขาเลย ให้มันรู้กันไป

>> แค่เพียงไม่กี่เดือน ผมก็ได้คำตอบว่า ฝรั่งเจริญก้าวหน้ากว่าไทยเพราะ...

***หนึ่ง ไม่มีคอร์รัปชัน (จริงๆ มีแต่น้อยกว่าไทยหลายเท่า)

คอร์รัปชัน คือ ปัญหาอันดับ 1 ที่กีดกั้นความเจริญก้าวหน้าของชาติ

***สอง การศึกษาที่มุ่งเน้นให้นักเรียนนักศึกษา หาคำตอบหรือทางแก้ไขปัญหา และคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ไม่ใช่ท่องจำบทเรียน ที่เขียนกันไว้มานานแสนนาน มีแต่การจดจำ คัดลอก เลียนแบบ ซึ่งสร้างปัญหาต่อคนไทยอยู่ทุกวันนี้ เพราะลองถ้าเชื่อใครเข้าแล้ว จะเชื่อเขาแบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่รู้ถูกรู้ผิด แยกแยะดีชั่วไม่ได้ 

***สาม การสร้างจิตสำนึกให้พลเมืองของเขาเข้าใจใน ”หน้าที่พลเมือง” ตั้งแต่เป็นเด็กน้อย

>> ผมว่า 3 สิ่งนี้คือหัวใจสำคัญ 

พลเมืองต้องรู้จักหน้าที่ของตน ต้องมีจิตสำนึก ต้องแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ ต้องซื่อสัตย์ต่อตนเอง ต่อผู้อื่น ต่อหน้าที่รับผิดชอบของตน

สิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่ผมตามหา และพาครอบครัวโดยเฉพาะลูกน้อยที่จะเป็นอนาคตของประเทศชาติและของสังคมโลก ให้มารับการฝึกฝน อบรม บ่มนิสัย ในสิ่งเหล่านั้น

ผมไม่ได้ย้ายประเทศเพราะ ค่าแรงงานเมืองไทยต่ำ ค่าครองชีพสูง ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ต่างๆ นานา

ไม่ได้ย้ายประเทศเพราะ มาอยู่เมืองนอกแล้วจะทำให้กินจิ้มจุ่มได้ 4 หม้อ หรือกินส้มตำได้ 7 จาน ซึ่งผิดกับตอนอยู่เมืองไทยที่กินจิ้มจุ่มได้แค่ 1 หม้อกินส้มตำได้แค่ 1 จาน 

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตผมทันทีที่ย้ายประเทศคือ ผมไม่สามารถเดินมาปากซอยหรือซอยถัดๆ ไปแล้วมีร้านอาหารเป็นร้อยให้เลือกกิน ในราคาที่กินได้ จนถึงดึกดื่นเที่ยงคืน

แต่ผมอยู่เมืองนอก 5-6 โมงเย็น ห้างร้านปิดหมด แหล่งที่จะมีร้านอาหารขายถึงมืดนั้นมีอยู่เป็นจุดๆ ในเขตชุมชนที่ห่างไกลออกไปเท่านั้น

อยากกินบะหมี่หมูแดง ส้มตำ ข้าวมันไก่ ต้องขับรถไปหลายกิโลหรือหลายสิบกิโล ถึงจะมี หรือทั้งเมืองอาจมร้านขายส้มตำเพียงร้านเดียว

คนไทยที่มีรายได้เท่ากับหรือใกล้เคียงกับฝรั่ง คือคนไทยที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ วันละ 2-3 jobs นอนวันละ 4-5 ชั่วโมง จนไม่มีเวลาจะทำกิจกรรมอื่นๆ เลย 

ไอ้เรื่องที่จะออกไปกินจิ้มจุ่มได้ 4 หม้อ หรือกินส้มตำได้ 7 จาน นานๆ จะเกิดขึ้นเสียที ไม่ใช่เพราะไม่มีเงิน แต่เพราะไม่มีเวลา

ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ก็ให้นึกถึงภาพแรงงานพม่าที่เข้ามาทำงานในเมืองไทย คนพวกนั้นหาเงินได้มากกว่าคนไทยอีกจำนวนมาก แล้วดูความเป็นอยู่ของเขาซิ ทำงานอย่างเดียว เก็บเงินส่งกลับบ้าน ส่วนชีวิตตัวเอง อยู่อย่างอัตคัดหรืออย่างประหยัดสุดๆ ค่าแรงในเมืองไทยของแรงงานพม่า ก็ทำให้เขามีเงินกินจิ้มจุ่มได้ 4 หม้อเหมือนกัน แต่นานๆ เขาถึงจะมีโอกาสได้กินเสียที

ถามจริงว่า แบบไหนน่าจะมีความสุขมากกว่ากัน ระหว่างหาเงินได้มาก แต่เวลาทั้งหมดในแต่ละวันของชีวิตหมดไปกับการทำงานหาเงิน กับหาเงินได้น้อยนิด แต่เป็นความน้อยที่มีเวลาและเงินมากพอที่ออกไปกินอะไรที่อยากกินได้ตลอดเวลาทุกวัน

ผมมาอยู่ออสเตรเลียไม่กี่ปี ผมก็มีรายได้เป็นแสน ในขณะที่เพื่อนในเมืองไทยยังมีเงินเดือนหลักหมื่นต้นๆ

ผ่านไป 20 กว่าปี เพื่อนๆ ในเมืองไทยที่เคยกินเงินเดือนหมื่นต้นๆ ตอนนี้ บางคนเป็นเจ้าของกิจการ บางคนเป็นผู้อำนวยการ บางคนเป็นรองประธาน บางคนเป็น CEO ไปแล้ว เงินเดือนเป็นแสนเป็นล้านแล้ว

>> มาอยู่เมืองนอกแล้วจะมีอนาคตดีกว่าคนอยู่เมืองไทยจริงหรือ ?

คำตอบ คือ ไม่เสมอไป มีทั้งดีและไม่ดี ก็เหมือนอยู่เมืองไทย มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง

คนที่อยู่เมืองนอกจะมีสักกี่คนที่ได้เป็นผู้บริหารใหญ่ในบริษัทฝรั่ง ! ส่วนใหญ่ยังคงมีอาชีพเดิม ทำงานแบบเดิมๆ อย่างที่เคยทำ

>> ชีวิตในเมืองนอก ดีกว่า ในเมืองไทยจริงหรือ ?

ค่าแรงแพง มันหมายความว่า ทุกอย่างก็แพงตามกันไปหมด ไม่ใช่ว่าเราได้ค่าแรงแพงแล้วเราจะจ่ายเงินซื้อของได้ทุกอย่าง

ยกตัวอย่างง่ายๆ สักเรื่องสองเรื่อง

ห้างร้านปิดตั้งแต่เย็นเพราะอะไร เคยรู้กันบ้างมั้ย?

ห้างร้านทั้งใหญ่น้อย ปิด 5 หรือ 6 โมงเย็นเพราะถ้าไม่ปิด เจ้าของธุรกิจต้องจ่ายค่าแรงพนักงานเป็นเท่าตัว พอค่าแรงแพง เจ้าของธุรกิจก็จ่ายไม่ไหว คนจะไปซื้อของก็จ่ายไม่ไหวเหมือนกัน

สมัยแรกๆ ที่มาอยู่ที่นี่ ผมเคยขับรถ(มือสอง)แล้วโดนชน 2 ครั้ง ทั้ง 2 คัน บริษัทประกันไม่จ่ายค่าซ่อมให้ แต่จ่ายเป็นราคาประเมินตามราคาตลาด ให้ไปซื้อคันใหม่ เพราะค่าแรงที่จะซ่อมแพงเหมือนไปซื้อใหม่

ผมเคยทำงาน 2 Jobs ได้เงินเดือนเยอะมาก แต่พอสิ้นปี จ่ายภาษีแล้วตกใจ ปีต่อไป ผมเลิกทำงานแบบนั้นเลย เพราะเหมือนว่า เราทำงานเพื่อจ่ายให้รัฐบาล แล้วรัฐบาลเอาเงินของเราที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำนั้น ไปเลี้ยงคนออสซี่ที่ไม่ทำงาน 

เหมือนที่เด็กสามนิ้วเรียกร้องรัฐสวัสดิการนั้นแหละ สวัสดิการ ที่เอาเงินจากคนที่รายได้มาก จากที่เขาทำงานหนัก ไปให้คนมีรายได้น้อย ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือคนไม่ยอมไปทำงาน นี่แหละความเท่าเทียมกันกับรัฐสวัสดิการ

แล้วคนไทยในออสเตรเลียทำอย่างไรรู้มั้ย เขาก็หางานที่รับเป็นเงินสด เพื่อหลบภาษี หลบทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ซึ่งมันคือการคอรัปชั่น แล้วมันจะหวนไปบั่นทอนประเทศชาติในที่สุด

แจ้งรัฐบาลว่ามีรายได้น้อย เพื่อรับสวัสดิการจากรัฐ แต่แอบทำงานมีรายได้มหาศาล รับทั้งขึ้นทั้งล่องตามวิถีคอรัปชั่นโกงๆ แบบไทย

คนไทยทำกันแบบนี้ไง เหมือนในเมืองไทย พ่อค้าแม่ขายหาเงินกันได้มากๆ ทั้งนั้น แต่แจ้งว่ารายได้ต่ำ เพื่อเลี่ยงภาษี แล้วก็เรียกร้องรัฐสวัสดิการ แต่ไม่มีใครคิด ว่าในเมื่อทุกคนทำแบบนี้ รัฐจะมีรายได้ที่ไหนไปทำรัฐสวัสดิการ

สมัยผมมาแรกๆ ยังเรียนหนังสือ รู้มั้ยมื้อกลางวันผมกิน แมคโดนัลด์ แทบทุกวัน เมืองไทยเป็นของแพงใช่มั้ย เป็นร้านที่คนจนๆ ไม่มีปัญญาเข้าใช่มั้ย

แต่ในเมืองนอก มันคืออาหารราคาถูก อาจจะพูดได้ว่า เหมือนข้าวไข่เจียวหรือข้าวแกงในเมืองไทยดีๆ นั้นเอง

ผมกินแมคโดนัลด์ เพราะมันไม่ถึง 10 เหรียญ ในขณะที่ข้าวผัดกระเพราไข่ดาวกับโค้กสักแก้วต้องมี 20 เหรียญ

20 เหรียญสมัยนั้นคือ 600 กว่าบาท

กองทัพเรือ ระดมสรรพกำลังเพิ่มเติม เร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จากเหตุน้ำท่วมระยอง อย่างต่อเนื่อง

(9 ก.ย.65) กองทัพเรือ โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ฐานทัพเรือสัตหีบ และหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์ให้การสนับสนุนเทศบาลตำบลทับมา เทศบาลนครระยอง เทศบาลตำบลแกลงกะเฉด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง และเทศบาลตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ในการร่วมบรรจุกระสอบทรายกั้นน้ำ และแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน รวมถึงการลำเลียงกระสอบทรายไปวางในพื้นที่ต่างๆ การแจกจ่ายสิ่งของจำเป็น เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน 

อีกทั้ง ยังได้จัดรถครัวสนามเพื่อประกอบอาหารจัดเลี้ยง ให้แก่ผู้ประสบภัย และจัดเจ้าหน้าที่พยาบาล ออกให้บริการประชาชน แจกจ่ายยา พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพ ในห้วงสถานการณ์น้ำท่วม ตลอดจนจัดเรือท้องแบน เรือพาดท้ายเพลายาว และเรือท้องแข็ง ออกให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามพื้นที่ต่างๆ 

ในการนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ยังได้สนับสนุนกำลังพลร่วมกับมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ประกอบอาหารจัดเลี้ยงผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยจัดอาหารมื้อเที่ยงและมื้อเย็น มื้อละ 5,000 กล่อง 

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่เทศบาลตำบลบ้านนา อ.แกลง จ.ระยอง ในวันนี้บางพื้นที่ระดับน้ำได้เริ่มลดลงแล้ว ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทัพเรือภาคที่ 1 จึงได้จัดกำลังพลเข้าร่วมทำการฟื้นฟู และทำความสะอาดในพื้นที่ดังกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top