Saturday, 12 October 2024
ภาคกลางไทม์

กรุงเทพฯ - ม.เกษตร ผนึกกำลัง! ซีพีเอฟ ซีพีพี ยกระดับงานวิจัย - การศึกษาของชาติ นำร่องการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์กัญชา และอาหารเพื่อนักกีฬา

ดร.จงรักษ์ วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding – MoU) และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Memorandum of Agreement – MoA) กับนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ นายสุเมธ ภิญโญสนิท ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โปรดิ๊วส จำกัด หรือ ซีพีพี บริษัทในเครือซีพี

เพื่อยกระดับงานวิจัยด้านอาหารและการเกษตร ควบคู่กับพัฒนาการศึกษาของประเทศให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ภายใต้กรอบความร่วมมือ 3 ด้าน คือ ด้านการพัฒนาหลักสูตร ด้านพัฒนางานวิจัย และด้านการจัดกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นเปิดโอกาสให้นิสิตได้แสดงศักยภาพของตนเอง ได้เรียนรู้ผ่านการปฏิบัติและการลงมือทำจริง ช่วยสร้างบัณฑิตที่มีคุณภาพ มีทักษะความรู้ที่ตรงตามความต้องการของตลาด

โดยมีคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัย และบริษัท ร่วมด้วย ได้แก่ รศ.ธานี ศรีวงศ์ชัย คณบดีคณะเกษตร รศ.อภิสิฎฐ์ ศงสะเสน คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ นางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล และ ดร.สมหมาย เตชะศิรินุกูล รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ซีพีเอฟ

การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ประกอบด้วย MoU และ MoA ซึ่งนำไปสู่สัญญาให้ทุนอุดหนุนโครงการวิจัยการปรับปรุงพันธุ์กัญชาไทยให้มีคุณภาพและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น มีส่วนร่วมสนับสนุนให้อุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรมอาหารของไทย ขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ และมีความเหมาะสมกับบริบทความต้องการของคนไทย เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ และเพื่อส่งเสริมให้คนไทยได้บริโภคอาหารที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านความร่วมมือในการดำเนินโครงการวิจัยต่าง ๆ อาทิ อาหารเพื่อนักกีฬา อาหารเพื่อผู้สูงวัย จุลินทรีย์โปรตีนทางเลือก อาหารจากวัตถุดิบท้องถิ่น เป็นต้น เพื่อยกระดับงานวิจัยสู่การใช้งานจริงในเชิงอุตสาหกรรม

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือด้านวิชาการ การศึกษาวิจัย รวมถึงการดำเนินกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาชุมชน กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันการศึกษาชั้นนำที่มีความเป็นเลิศในด้านการเกษตร และวิทยาศาสตร์อาหาร จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ รวมถึงองค์กรทั้ง 2 ฝ่าย ในการนำองค์ความรู้ต่อยอดด้านงานวิจัย ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารของไทยบนเวทีโลก

"ซีพีเอฟมุ่งมั่นส่งมอบอาหารปลอดภัย สร้างความมั่นคงทางอาหาร โดยทุ่มเทพัฒนานวัตกรรมที่มุ่งเน้นสุขโภชนาการ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์ผู้บริโภคในอนาคต โดยมีเป้าหมายให้คนไทยมีสุขภาพและสุขภาวะที่ดี นอกจากนั้น ยังส่งเสริมการนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาใช้ผลิตเชิงอุตสาหกรรม ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น" นายประสิทธิ์กล่าว

ด้านนายสุเมธ ภิญโญสนิท ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีพีกล่าวเสริมถึงความมุ่งมั่นขององค์กร “ในฐานะของบริษัทที่เป็นดั่งต้นน้ำของธุรกิจการเกษตรภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์  ซีพีพีทำงานอย่างใกล้ชิดกับเกษตรกรของไทย  ด้วยเหตุนี้เอง ปรัชญาในการดำเนินธุรกิจคือ “เกษตรกร คือ คู่ชีวิต” เพราะเราต้องการดูแลให้มีความเป็นอยู่ที่ดี เรามุ่งพัฒนาอาชีพให้กับเกษตรกรไทยให้มีประสิทธิภาพและมีความเป็นเลิศไม่แพ้ชาติอื่น  บริษัทต้องการเห็นเกษตรกรไทยมีรายได้ที่คงที่และยั่งยืน  จึงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้การดำเนินธุรกิจแบบ Business-to-Customer (B2C) ของเกษตรกรไทยมีรูปแบบที่ครบวงจร มีคุณภาพและมาตรฐานตั้งแต่การผลิตไปจนการนำผลิตภัณฑ์ออกมาสู่ตลาด รวมถึงการส่งเสริมการพัฒนาเรื่องน้ำเพื่อการเกษตร การดูแลทางด้านการตลาดให้แก่เกษตรกรผ่านนโยบารับซื้อคืน และให้การสนับสนุนปัจจัยต่าง ๆ สำหรับการเกษตร เช่น เมล็ดพันธุ์พืชคุณภาพ ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้มาตรฐาน บริการการเกษตร เทคโนโลยีเกษตรกรสมัยใหม่ เป็นต้น เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิต และลดต้นทุนให้แก่เกษตรกรไทย

"ซีพีพีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสจับมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การผนึกกำลังระหว่างซีพีพีและซีพีเอฟในครั้งนี้ จะแตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะจะเป็นการนำองค์ความรู้ที่เรามีจากประสบการณ์ของพวกเราในฐานะผู้ประกอบการ มาผนวกรวมกับองค์ความรู้จากผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรฯ ซึ่งเป็นสถาบันวิชาการชั้นนำ ที่มากไปด้วยนิสิตและคณาจารย์ที่รอบรู้ และเปี่ยมด้วยความสามารถ  มีความเชื่อมั่นว่า พวกเราจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่อุตสาหกรรมเกษตรของประเทศไทยได้แน่นอนจากการจับมือกัน” นายสุเมธกล่าว

กรุงเทพฯ - กระทรวงเกษตรฯ เตรียมจำหน่ายหมูเพื่อประชาชน ภายใต้โครงการ “เกษตรช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ” ในราคาถูกกว่าท้องตลาด มั่นใจด้วยคุณภาพดี การันตีด้วยมาตรฐานปศุสัตว์ OK ณ ลานกิจกรรมตลาดริมน้ำ อ.ต.ก.

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “เกษตรช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ” โดยมีดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ นายปณิธาน มีไชยโย รักษาการผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) นายฉันทานนท์ วรรณเขจร โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าร่วม ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผ่านระบบการประชุมทางไกลออนไลน์ (ZOOM Meeting)

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาหมูแพง ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน โดยเฉพาะกับประชาชนผู้บริโภค รวมไปถึงผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่ต่างได้รับความเดือดร้อน จากปัญหาราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวสูงขึ้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จึงได้จัดโครงการ “เกษตรช่วยประชาชนลดค่าครองชีพ” ที่กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 - 19 กุมภาพันธ์ 2565 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด ณ ลานกิจกรรมตลาดริมน้ำ อ.ต.ก. เลียบคลองบางซื่อ ถ.พหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน ลดภาระค่าใช้จ่าย และบรรเทาความเดือดร้อนจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ด้วยการจัดจำหน่ายหมูเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นหมูเนื้อแดง คุณภาพดี การันตีด้วยมาตรฐานปศุสัตว์ OK ในราคาถูกกว่าท้องตลาด เพียงกิโลกรัมละ 140 บาท ซึ่งจะนำมาจำหน่ายที่ตลาด อ.ต.ก. จำนวน 150,000 กิโลกรัม โดยกำหนดซื้อได้คนละไม่เกิน 5 กิโลกรัม เพื่อให้ทั่วถึงกันทุกคน

ปทุมธานี - ‘นายกแจ๊ส’ บริหารงาน 1 ปี ปปช.ประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสได้ 94.76 จากเดิมที่ไม่ผ่านสักปี!!

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 09:00 น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี , นายสิระพงษ์ สิริโพธินันท์ รองนายก อบจ.ปทุมธานี , นางรุจศลักษณ์ ธูปกระจ่าง ตั้งวงษ์เลิศ เลขานุการนายก อบจ.ปทุมธานี , พล.ต.ท.อดุลย์ รัตนภิรมย์   ที่ปรึกษาพิเศษนายก อบจ.ปทุมธานี , นายธนศักดิ์ แป้นมุข ที่ปรึกษานายก อบจ.ปทุมธานี , นางจีระกิต อิศรวิชิตชัยกุล รองปลัด อบจ.ปทุมธานี , นางสาวกฤษฏาพร นาคถนอม หัวหน้าสำนักปลัด อบจ.ปทุมธานี ร่วมประชุมหารือนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเพื่อประชาชน หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยผลคะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564

ซึ่งได้ดำเนินการประเมิน องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้คะแนน 94.76 ระดับการประเมิน A เปรียบเทียบปีที่ผ่านมา +33.47  ซึ่งที่ผ่านมาทาง อบจ.ปทุมธานีไม่เคยผ่านเกณฑ์การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส เช่น ปี พ.ศ. 2561 ได้ 79.37 ระดับ B ไม่ผ่านการประเมิน , ปี พ.ศ. 2562 ได้ 82.90 ระดับ B ไม่ผ่านการประเมิน , ปี พ.ศ. 2563 ได้ 61.29 ระดับ D ไม่ผ่านการประเมินในการดำเนินงานการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส มีการเก็บข้อมูลจาก 3 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 การเก็บข้อมูลจากบุคลากรในหน่วยงานภาครัฐ มี 5 ตัวชี้วัด ได้แก่ ตัวชี้วัดที่ 1 การปฏิบัติหน้าที่ , ตัวชี้วัดที่ 2 การใช้งบประมาณ , ตัวขชี้วัดที่ 3 การใช้อำนาจ , ตัวชี้วัดที่ 4 การใช้ทรัพย์สินของราชการ , ตัวชี้วัดที่ 5 การแก้ไขปัญหาการทุจริต ในส่วนที่ 2 การเก็บข้อมูลจากผู้รับบริการหรือผู้ติดต่อหน่วยงานภาครัฐ โดยสอบถามการรับรู้ และความคิดเห็นใน 3 ตัวชี้วัด ได้แก่ ตัวชี้วัดที่ 6 คุณภาพการดำเนินงาน , ตัวขชี้วัดที่ 7 ประสิทธิภาพการสื่อสาร , ตัวชี้วัดที่ 8 การปรับปรุงการทำงาน และส่วนที่ 3 การเปิดเผยข้อมูลทางเว็บไซต์ของหน่วยงาน เป็นการตรวจสอบระดับการเปิดเผยข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐที่เผยแพร่ไว้ ทางหน้าเว็บไซต์หลักของหน่วยงาน มี 2 ตัวชี้วัด ได้แก่ ตัวชี้วัดที่ 9 การเปิดเผยข้อมูล , ตัวชี้วัดที่ 10 การป้องกันการทุจริต

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า เราพึ่งจะเข้ามาทำงานได้ 1 ปี ซึ่งการประเมินความโปร่งใสของ ปปช.จะมีเกรด A B C ที่มา อบจ.ปทุมธานีอยู่ในระดับ C ถือว่าไม่ผ่านคะแนนความโปร่งใส เราจึงได้ดูย้อนไปในปีก่อน ๆ ก็ไม่ผ่านเลย เมื่อเรามาทำงานจึงมาดูว่าสาเหตุอะไรที่คะแนนถึงตกต่ำ ตั้งแต่วันแรกที่มารับตำแหน่งจึงได้หารือกับทีมงานผู้บริหารและหัวหน้าส่วนที่เกี่ยวข้องทุกคน มีประเด็นอะไรบ้างที่ทำให้ อบจ.ปทุมธานี ไม่ผ่านการประเมินความโปร่งใส ซึ่งคะแนนตรงนี้ไม่ใช้เพียงแค่การประเมินการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเดียว มีหลายองค์ประกอบกัน ทั้งงานเก่าที่ตกค้าง การประสานงานกับภายนอกหลายภาคส่วน หลายกองงานที่เรียกประชุม มีการวางแผนแต่ละกอง ในการปิดจุดอ่อนตรงนี้ อะไรที่แก้ไขได้ต้องรีบแก้และให้เร็ว เมื่อมีความโปร่งใส พี่น้องประชาชนต้องสามารถตรวจสอบได้ ต้องขอบคุณพี่น้องใน อบจ. หัวหน้าทุกหน่วยงาน ที่ช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จนคะแนนไต่ขึ้นมาที่ 94.76 อยู่ระดับ A หากได้คะแนน 95 เราจะได้ AA ถือว่าสูงสุด ผมจึงขอหารือกับน้อง ๆ ตลอดจนเพื่อนร่วมงาน จากที่ผ่านมาได้ร่วมกันทำงานเพียงปีเดียวเราขยับขึ้นมาถึงขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าพนักงานในองค์กร พร้อมแล้วที่จะร่วมเดินกันไปข้างหน้าร่วมพัฒนาเมืองปทุมธานีของเราให้เป็นเมืองที่น่าอยู่น่าอาศัย คิดว่าองค์กรของเราจะขยับไประดับ AA แน่นอน ดังนั้นความดีความสำเร็จครั้งนี้มาจากเพื่อนร่วมงานทั้งหมดที่ช่วยกัน

นางสาวกฤษฏาพร นาคถนอม หัวหน้าสำนักปลัด อบจ. ปทุมธานี กล่าวว่า การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ ในปี 2564 ทาง อบจ.ปทุมธานีได้คะแนนเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ  A เนื่องมาจากว่าการปฏิบัติหน้าที่ในการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน และความโปร่งใส รวมถึงความเสมอภาคของประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วม เน้นไปที่ภายในและภายนอก โดยการตรวจสอบภายในคือข้าราชการเจ้าหน้าที่ด้วยกัน ส่วนภายนอกคือผู้ที่มาติดต่อประสานงานกับ อบจ. มีความเชื่อใจในการประเมินประสิทธิภาพของ อบจ.และผู้บริหารของเราจึงได้คะแนนเพิ่มขึ้นมาในปีนี้

สำหรับในปี 2565 ทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ รูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ได้วางนโยบายในการทำงานเพื่อให้คะแนนได้เพิ่มขึ้นมาโดยมุ่งเน้นประสิทธิภาพในการทำงานต้องเพิ่มมากขึ้น นางจีระกิต อิศรวิชิตชัยกุล รองปลัด อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า การทำงานของ อบจ.ปทุมธานี  ได้ทำตามนโยบายของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ รูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ทีมุ่งเน้นตามภาพรวมของประชาชนเป็นหลักที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากภาครัฐมากที่สุด เช่นเรื่องของถนนเส้นทางต่าง ๆ ด้านสาธารณภัย ที่สำคัญคือการใช้งบประมาณของท่านนายก อบจ.ปทุมธานีที่ใช้อย่างคุ้มค่า และสามารถตรวจสอบได้ ท่านให้ความสำคัญกับภาคประชาชนที่สามารถเข้ามาตรวจสอบการทำงานของเราได้ ทุกภาคส่วนจึงยอมรับว่าท่านมีความโปร่งใสในรูปของการปฏิบัติงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างทั่วถึงง

พิษณุโลก - ม.นเรศวร เปิดหอเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พร้อมเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ และอนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญาช่างสิบหมู่

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.00 น. ศูนย์แสดงนิทรรศการและการประชุมนานาชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก  ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีเปิดหอเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หอพระไตรปิฎก และห้องนิทรรศการช่างสิบหมู่

โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.กาญจนา เงารังษี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร  พร้อมด้วย นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และผู้บริหารจากมหาวิทยาลัย ให้การต้อนรับ

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดแสดงพระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช รวมทั้งเป็นการพัฒนามหาวิทยาลัยให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ และอนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญาช่างสิบหมู่ให้คงอยู่สืบไป ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการและการประชุมนานาชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก

หลังจากนั้น เยี่ยมชมหอเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (King Naresuan the Great Hall of Honor) จัดแสดงพระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตั้งแต่พระองค์พระราชสมภพ ศึกเมืองคังมีแผ่พระบรมเดชานุภาพ ประกาศอิสรภาพ และสงครามยุทธหัตถีระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับพระมหาอุปราชา

หอพระไตรปิฎก มหาวิทยาลัยนเรศวร (Tripitaka Hall) จัดแสดงพระไตรปิฎก ที่เป็นหลักคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และรวบรวมบันทึกหลากหลายภาษาของหลายชนชาติ เช่น ภาษาพม่า ภาษาฮินดี ภาษาจีน และอื่น ๆ  ทั้งในรูปแบบหนังสือ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ห้องนิทรรศการช่างสิบหมู่ (Ten Divisions Of Traditional Thai Crafts) จัดแสดงงานศิลปกรรมต่าง ๆ ในหัวข้อ “มหาวิทยาลัยนเรศวรกับงานช่างสิบหมู่” เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญางานช่างสิบหมู่ที่เกิดจากการวิจัย ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ มาจัดแสดงในรูปแบบของนิทรรศการ เพื่อแสดงความก้าวหน้าทางด้านศักยภาพ และพัฒนาการด้านต่าง ๆ ตามพันธกิจของมหาวิทยาลัย และชมสาธิตการดุนโลหะดอกเสลาและดอกรวงผึ้งแบบประยุกต์ การปักไทย โดยศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยนเรศวร

 

นครนายก - สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ จัดประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายก

ที่แก่งน้ำซับ รีสอร์ท ตำบลหินตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก นายศิริรัฐ เข็มนาค นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายก คุณวกุล เข็มนาค รองนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายก นายสว่าง ทองไพ ผู้ประสานงานสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ พร้อมคณะ จัดการประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายก

โดยมีคณะกรรมการบริหารสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายก เข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงระเบียบวาระในการประชุมเช่นการแต่งตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติม พิจารณาแบ่งอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของคณะกรรมการสมาคม พิจารณาการจัดทำแผนเพื่อการขับเคลื่อนสมาคมฯให้เกิดการบูรณาการทั้งจังหวัดและกลุ่มจังหวัดฯลฯ เป็นต้น

ตามที่สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายก โดยมีมติที่ประชุมมอบหมายให้นายศิริรัฐ เข็มนาค ตำแหน่งนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายก ได้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายก ต่อนายอำเภอเมืองนครนายก เพื่อให้จังหวัดนำเสนอต่อนายทะเบียนสมาคมจังหวัดนครนายกพิจารณา บัดนี้ นายทะเบียนสมาคมจังหวัดนครนายก ได้พิจารณารับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและบริการนครนายกให้มีฐานะนิติบุคคลแล้ว

สุโขทัย - เทศบาลศรีสัชสุโขทัย จับมือมหาลัยดัง!! สัมมนาพี่ - น้อง - ชุมชนมีส่วนร่วมพัฒนาท้องถิ่น

นายสมศักดิ์ พุ่มชื่น นายกเทศมนตรีเมืองศรีสัชนาลัย เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อพัฒนากลไกการทำงานแบบมีส่วนร่วม โดยใช้ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยชุมชนเพื่อชุมชน (ตำบลท่าชัย–ตำบลศรีสัชนาลัย) โดยชมรมสร้างสุขท่าชัย-ศรีสัชนาลัย ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดกิจกรรมขึ้นระหว่างวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565 ณ ห้องประชุมเทศบาลเมืองศรีสัชนาลัย ตำบลท่าชัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย โดยมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุม อสม. ตัวแทนโรงเรียนในเขตเทศบาลเมืองศรีสัชนาลัย และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมระดมความคิดเห็น

การมีส่วนร่วมของประชาชน ผู้นำท้องถิ่น คนในชุมชน อาสาสมัคร นักเรียน นักศึกษา ในการบริหารงานของเทศบาลฯนั้นเพื่อเป็นการนำเสนอแนวทางการบริหารงานแบบมีส่วนร่วมของประชาชน ชาวชุมชนในพื้นที่และเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนและชาวชุมชนในตำบลท่าชัย และตำบลศรีสัชนาลัย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ดูแลของเทศบาลเมืองศรีสัชนาลัย การให้ประชาชนและชาวชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารงานของเทศบาลฯ รวมถึงการสนับสนุนให้ประชาชนและบุคลากรในองค์กรร่วมกัน รับรู้เกี่ยวกับแนวคิดและความสำคัญของการมีส่วนร่วมในการบริหารงาน การกำหนดแผนการพัฒนา กลไกแผนพัฒนาท้องถิ่นแบบมีส่วนร่วม จึงเป็นแผนการดำเนินงาน และแผนยุทธศาสตร์การพัฒนากลไกการทำงานแบบมีส่วนร่วม เพื่อชุมชนเป็นศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยชุมชนเพื่อชุมชนด้วย

สุโขทัย - อบจ.สุโขทัย มอบชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้แก่ รพ.สต. และหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่จ.สุโขทัย

นายมนู พุกประเสริฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย มอบชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบเร็ว (ชุดตรวจ ATK) จำนวน 27,548 ชุด ให้แก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จากทั้ง 9 อำเภอ สถานศึกษา โรงเรียนในสังกัด อบจ.สุโขทัย และหน่วยงานต่าง ๆ ใน จ.สุโขทัย เพื่อใช้ประโยชน์ในการตรวจขั้นต้น คัดกรองแยกกลุ่มที่ติดเชื้อโควิด-19 ออกจากชุมชนได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งเป็นการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีว่าที่ร้อยเอกเทียนชัย ทองวินิชศิลป และนายเขตพงศ์ กุลนาถศิริ รองนายก อบจ.สุโขทัย ร่วมด้วยบุคลากรในสังกัด อบจ. ประธานสภา รองประธานสภาฯ เลขานุการ สภาฯ สมาชิกสภาฯ บุคลากรทางการแพทย์  ผู้บริหารสถานศึกษา และหัวหน้าส่วนราชการ จากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมรับมอบชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 (ชุดตรวจ ATK) ณ อาคารอเนกประสงค์ อบจ.สุโขทัย

ทั้งนี้ นอกจากโครงการมอบชุดตรวจหาเชื้อโควิด–19 แบบเร็ว (ชุดตรวจ ATK) จำนวน 27,548 ชุด ให้แก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จากทั้ง 9 อำเภอ สถานศึกษา โรงเรียนในสังกัด อบจ.สุโขทัย และหน่วยงานต่าง ๆ ใน จ.สุโขทัยแล้ว นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย ได้ให้ความสำคัญกับประชาชนในพื้นที่ ที่จะจัดหาและส่งมอบชุดตรวจ ATK รวมทั้ง ยา เวชภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ ส่งมอบแก่หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ความช่วยเหลือกับประชาชนให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบ ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย

อยุธยา - มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯอยุธยา เชิญสิ่งของพระราชทาน ไปมอบให้ผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

นายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เชิญสิ่งของพระราชทานไปมอบให้ผู้ประสบอัคคีภัย จำนวน 2 ครอบครัว โดยมี นายกฤษณ์ แก้วทองหลาง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด นายสมยศ เกษสุวรรณ นายอำเภอบางบาล นายสมร่าง จำนงค์ศิลป์ ปลัดอำเภอลาดบัวหลวง ผู้แทนพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดฯ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัด ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธี ดังนี้

ณ หมู่ที่ 6  ตำบลมหาพราหมณ์ อำเภอบางบาล จัดพิธีมอบสิ่งของพระราชทานให้แก่ นายสุรัตน์ วรลักษณ์สิทธิ์ ซึ่งบ้านที่อยู่อาศัยเลขที่ 14/1 ประสบอัคคีภัย เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 เวลา 23.50 น. ได้รับความเสียหายบางส่วน มีผู้ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 3 คน 

กรุงเทพฯ - ‘มูลนิธิมาดามแป้ง’ สนับสนุน 2 หน่วยงาน! อบรมสร้างอาชีพ ตามพันธกิจพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยอย่างยั่งยืน!!

มูลนิธิมาดามแป้ง โดย “มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ สนับสนุนกิจกรรมฝึกอบรมส่งเสริมอาชีพแก่ 2 หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ การอบรมงานช่างพื้นฐาน และการผลิตรถเข็นครัวมาดาม โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และการอบรมงานฝีมือแก่กลุ่มสตรีและแม่เลี้ยงเดี่ยว โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  โดยมี นางพัชราภรณ์  อินทรียงค์ รองประธานกรรมการ นางสาวทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ และคณะกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยผู้แทนจาก 2 หน่วยงาน เข้าร่วมรับมอบเงินสนับสนุน เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2565 

นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า “ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพโดยตรงแล้ว ยังส่งผลต่อสภาวะทางเศรษฐกิจ เกิดผู้ว่างงานจำนวนมาก โดยจากการสำรวจภาวการณ์ทำงานของประชากร สำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา พบตัวเลขน่าหดหู่ใจที่มีผู้ว่างงานทั้งสิ้น 8.7 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 2.25 ซึ่งสูงสุดในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผนวกกับมูลนิธิฯ ของเรา พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังตามพันธกิจหลักที่มีไว้ในการส่งเสริมและสนับสนุนงานด้านการสร้างอาชีพ ซึ่งสอดคล้องและต่อเนื่อง”

“ความร่วมมือกับทั้งสองหน่วยงานรัฐ นอกจากจะช่วยให้มูลนิธิฯ เดินหน้าสานต่องานที่ตั้งใจได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยประสบการณ์ในการทำงานเพื่อพัฒนาอาชีพโดยตรงแล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศเข้าถึงความช่วยเหลือจากมูลนิธิฯ มากยิ่งขึ้น เพราะเราเชื่อว่าการให้อาชีพจะช่วยให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้นอย่างยั่งยืน ด้วยความสามารถในการดูแลตัวเองและครอบครัวในระยะยาว”

นางจินตนา จันทร์บำรุง อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า “เราได้ร่วมงานกับมูลนิธิมาดามแป้งมาแล้ว ในการสนับสนุนทุนประกอบอาชีพแม่เลี้ยงเดี่ยว เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา จึงมองว่าจะเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่ดีต่อเนื่อง ในการเปลี่ยนชีวิตของแม่เลี้ยงเดี่ยวหลาย ๆ คน ที่ประสบความยากลำบาก ในการครองชีพ การดูแลตนเองและครอบครัว ซึ่งการสนับสนุนจากมูลนิธิฯ นั้นไม่ใช่แค่เรื่องของเงินทุนอย่างเดียว แต่การให้ในทุกครั้ง ถือว่าเป็นเรื่องที่เสริมสร้างกำลังใจ เสริมสร้างความเข้มแข็ง ด้วยการส่งต่อความปรารถนาดี ให้แก่ครอบครัวของแม่เลี้ยงเดี่ยว สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวของเขาเอง”

นายณรงค์ชัย เจริญรุจิทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า “ขอบคุณมูลนิธิมาดามแป้ง ที่เห็นความสำคัญของการให้ การให้ที่ยิ่งใหญ่คือการให้โอกาส ซึ่งจะมีคุณค่ายิ่งกว่าถ้าเราให้แก่คนที่ขาดโอกาส การส่งเสริมฝึกฝนอาชีพแก่เด็กนักเรียน นักศึกษา ให้มีประสบการณ์ ทักษะทางปัญญา พร้อมกับปลูกฝังความมีจิตอาสานั้นสำคัญมาก โดยทุกคนยังจะนำเอาความรู้ ความสามารถที่ได้รับมาปรับใช้ และให้บริการกับสังคมได้อย่างยั่งยืน และเขาจะเป็นพลเมืองที่ดีต่อไปอีกด้วย”

การดำเนินงานของ ‘มูลนิธิมาดามแป้ง’ ภายใต้กิจกรรมการสนับสนุนการสร้างอาชีพแก่ 2 หน่วยงาน ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้แก่ การฝึกอบรมอาชีพงานช่างขั้นพื้นฐานวิทยาลัยเทคนิคนนทบุรี จำนวน 500,000 บาท, กิจกรรมผลิตรถเข็นครัวมาดาม เพื่อมอบให้แก่ประชาชนที่ต้องการประกอบอาชีพ จำนวน 1,000,000 บาท และกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่ออบรมงานฝีมือให้แก่กลุ่มสตรีและแม่เลี้ยงเดี่ยว ในศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี จำนวน 500,000 บาท โดยจะเริ่มต้นในระยะที่ 1 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงเดือนมีนาคม โดยวางแผนระยะยาวด้วยการขยายผลความช่วยเหลือ เพื่อส่งเสริมอาชีพไปทั่วประเทศ ตลอดทั้งปี 2565 นี้ ตามพันธกิจของมูลนิธิมาดามแป้ง

สมุทรปราการ - ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือเป็นประธานในพิธีเปิด ‘ร้านค้าสวัสดิการโรงเรียนนายเรือ’ พร้อมให้กำลังพลและครอบครัวมีความสะดวก สุขใจ และปลอดภัย!!

พลเรือโทชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือเป็นประธานในพิธี เปิดร้านค้าสวัสดิการโรงเรียนนายเรือ โดยมี รศ.​ ดร.วัชรีวรรณ​ ทองสะอาด ภริยา พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของโรงเรียนนายเรือ ร่วมพิธีฯ ณ สโมสรโรงเรียนนายเรือ บริเวณบ้านพักข้าราชการ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

สำหรับร้านค้าสวัสดิการ โรงเรียนนายเรือ เป็นหนึ่งในนโยบายของผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ ประจำปีงบประมาณ 2565 ด้านสวัสดิการและสุขภาพ โดยกำหนดให้มีการจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดในพื้นที่ของโรงเรียน เพื่อให้กำลังพลและครอบครัวได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมและสินค้าเพื่อสุขภาพ 

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top