Saturday, 10 May 2025
ภาคกลางไทม์

นนทบุรี - ผบช.ภ.1 ปล่อยขบวน “รถยนต์นำส่งผู้ป่วยนนทบุรี เราจะผ่านวิกฤต COVID-19 ไปด้วยกัน”

วันนี้ (วันพุธที่ 28 ก.ค.64) พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 ประธานฯ และ คุณนฤมล บัวรับพร ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมด้วย นายจัตุรงค์ เสริมสุข สมาชิกวุฒิสภา, พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และ ดร.ชัยรัตน์ จำนงค์การ ประธาน กต.ตร.จว.นนทบุรี(ภาคประชาชน) ร่วมพิธีปล่อยขบวนรถยนต์โครงการ “รถยนต์นำส่งผู้ป่วย นนทบุรี เราจะผ่านวิกฤต COVID-19 ไปด้วยกัน”

พร้อมทั้งมอบถุงห่วงใย เป็นยา เวชภัณฑ์และเครื่องบริโภค เช่น เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว, ยาฟ้าทะลายโจร, ข้าวสาร อาหารแห้ง เป็นต้น เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัวในสังกัดภาค 1 ทั้ง จำนวน 9 จังหวัด โดยมี พ.ต.อ.อริยะ พันธุฟัก รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี, พ.ต.อ.สุวัฒน์ ตันติมาสน์ รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี, พ.ต.อ.เขมพัทธ์ โพธิพิทักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี, พ.ต.อ.ยรรยง สันติปรีชาวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี, คณะแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 1, คณะ กต.ตร.จว.นนทบุรี, ผกก.สภ.ในสังกัด ภ.จว.นนทบุรี และกำลังพลข้าราชการตำรวจ เข้าร่วมพิธีฯ ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ ภ.จว.นนทบุรี


ภาพ/ข่าว  กำพลศิลป์ วงษ์เดือน ผู้สื่อข่าวนนทบุรี

ปทุมธานี - บิ๊กแจ็ส มอบถุงรอดชีพ 4,000 ชุด ให้สสจ.ส่งต่อผู้ป่วยโควิดที่กักตัวที่บ้าน

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2564  ที่อาคารองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และทีมงาน อบจ.ปทุมธานี มอบถุงรอดชีพ จำนวน 4,000 ชุด แก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี โดยมี นายจรูญศักดิ์  สิงหเดช รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี และ นายแพทย์อภิชน จีนเสวก รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ผู้บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของจังหวัดปทุมธานี เป็นผู้รับมอบ เพื่อนำไปส่งมอบให้ประชาชนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่เข้ารับการรักษาโดยกระบวนการกักตัวที่บ้าน (home isolation)

ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี มีผู้ติดเชื้อมากขึ้นรวมถึงมีจำนวนผู้เสียชีวิตที่สูงขึ้นมาก จากสถิติพบว่ามีผู้ติดเชื้อสะสมมากถึง 18,311 ราย มีผู้ที่รักษาหายแล้วจำนวน 8,617 ราย อยู่ระหว่างการรักษา จำนวน 9,371 ราย และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วจำนวน 154 ราย ซึ่งการดูแลรักษาจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มสีประกอบด้วย กลุ่มสีแดง มีอาการรุนแรกและหนักมาก หายใจลำบากจะดูแลรักษาภายในโรงพยาบาล กลุ่มผู้ป่วยสีเหลือง มีอาการปานกลาง เหนื่อยหอบ หายใจเร็ว จะต่องดูแลที่โรงพยาบาลสนาม ส่วนกลุ่มสีเขียวมีอาการเล็กน้อย จะกักกันตัวอยู่ที่บ้าน หรือดูแลภายในศูนย์พักคอย(โรงพยาบาลโควิดชุมชน) ที่อปท.ในพื้นที่จัดตั้งขึ้น โดยสนับสนุน อาหารและยาสมุนไพร

ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า อบจ.ปทุมธานีได้จัดถุงรอดชีพจำนวน 4,000 ชุด จะมี ของจำเป็นสำหรับผู้ป่วย เช่นข้าวสาร อาหาร เจลแอลกอฮอล์ เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด และแมส ซึ่งชุดแรก อบจ.ได้เตรียมไว้จำนวน 500 ชุด จากยอด4,000ชุดทยอยส่งให้พี่น้องประชาชน ได้นำไปใช้ ให้ถึงมือพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด โดยชุดแรกจะนำไปมอบให้ผู้ที่กักตัวที่บ้านในพื้นที่อำเภอคลองหลวง

ส่วน นายแพทย์อภิชน จีนเสวก รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ผู้บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ในชุดแรกทาง สสจ.จะส่งมอบให้ผู้ป่วยที่กักตัวที่บ้านในพื้นที่อำเภอคลวงหลวง ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้อยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนผู้ป่วย โดยจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบดูแล พร้อมกับนำถุงรอดชีพของทาง อบจ.ปทุมธานีได้จัดไว้ไปมอบให้ ในส่วนของศูนย์พักคอยหรือโรงพยาบาลสนามโควิดชุมชน ที่ได้ทยอยเปิดเพื่อรองรับดุแลผู้ป่วยโควิด เบื้องต้นได้เปิดแล้วกว่า 10 แห่ง ทั้ง 7 อำเภอ


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ รายงาน

นนทบุรี - กองทัพบก โดยกรมพลาธิการทหารบก ได้จัดกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญประโยชน์ "มีแล้วแบ่งปัน" เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 69 พรรษา 28 กรกฏาคม 2564

เมื่อ 27 ก.ค.64 เวลา 10.30 น. พลโท กิตติชัย วงศ์หาญ เจ้ากรมพลาธิการทหารบก ได้มอบสิ่งของอุปโภค บริโภค บรรจุถุงยังชีพ จำนวน 200 ถุง และเครื่องพ่นหมอกควันกำจัดยุงลายให้กับประชนชุมชนกาหลง อ.เมือง จว.นนทบุรี ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรงติดเชื้อโควิด-19 และป้องกันโรคไข้เลือดออก

โดยแสดงถึงความห่วงใยแก่ประชาชนให้มีกำลังใจสามารถผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ตามแนวทางของกองทัพบก ที่ทหารเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส ซึ่งการจัดกิจกรรมเป็นไปตามข้อกำหนดฉบับที่ 28 ของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด โดยเจ้ากรมพลาธิการทหารได้มอบสิ่งของ ให้กับผู้นำชุมชนรับไปแจกจ่ายให้กับประชาชนในชุมชนต่อไป ในการนี้ได้เข้าเยี่ยมประชาชนสอบถามสภาพความเป็นอยู่ ชี้แจงการปฏิบัติงานของกองทัพ และให้กำลังใจอดทนต่อสู้ไปด้วยกัน

ปทุมธานี - เผาศพโควิดทั้งวัน ทรุดโทรมหนักเตาเผาวัดชินฯ บิ๊กแจ๊สตั้งกองทุนสร้างเพิ่ม 6 เตา

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2564 เวลา 13:30 น. ที่วัดชินวรารามวรวิหาร ตำบลบางขะแยง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี พระมงคลวโรปการ (หลวงพ่อชำนาญ) เจ้าอาวาสวัดชินวรารามวรวิหาร , พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ร่วมตั้งกองทุนสร้างเตาเผาศพและน้ำมันสำหรับเผาศพผู้ที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ด้าน พระมงคลวโรปการ (หลวงพ่อชำนาญ) เจ้าอาวาสวัดชินวรารามวรวิหาร กล่าวว่า วัดชินวรารามวรวิหารมีเตาเผาหลักจำนวน 2 เตา และมีเตาสำรองอีก 1 เตา เนื่องจากปัจจุบันศพที่เสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 มีจำนวนมากขึ้น และก็เผาทุกวันเตาสำรองก็มีสภาพที่ชำรุดมาก เตาหลักก็เริ่มชำรุดแล้ว เพราะว่ามีศพให้เผาทุกวันวันละไม่ต่ำกว่า 6 ศพ มากที่สุดคือวันละ 9 ศพ อาตมาจึงได้ปรึกษา พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เรื่องการเพิ่มเตาเผาศพจำนวน 4 เตา งบประมาณเตาละ 500,000 บาท

เมื่อคุยกันแล้วท่านนายก อบจ.ปทุมธานี เห็นว่าควรเพิ่มอีก 2 เตา เป็น 6 เตา เพื่อรองรับการเผาศพสำหรับผู้ที่เสียชีวิตด้วยเชื้อโควิด-19 โดยเผาให้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ มาตอนไหนเผาตอนนั้น ในส่วนของเตาที่สร้างขึ้นมาให้นั้นเป็นห้องเผาศพและเผามลภาวะ เป็นเตาเผาไร้ควัน ความสามารถของแต่ละเตาจะสามารถเผาศพได้จำนวน 4 ศพต่อ 1 วัน เพื่อช่วยเหลือญาติโยมที่มีญาติติดเชื้อโควิด-19 แล้วเสียชีวิต ส่วน นางสาวฐิต์ณัฐ สมบัติศิริ หัวหน้าสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดปทุมธานีได้สนับสนุนชุด PPE และอุปกรณ์เกี่ยวกับการป้องกันความปลอดภัยของพระที่ทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อ โดยวันนี้ได้ถวายน้ำมันดีเซล จำนวน 20 ถัง ถังละ 200 ลิตร เนื่องจากพระมงคลวโรปการ (หลวงพ่อชำนาญ) เจ้าอาวาสวัดชินวรารามวรวิหาร มีความต้องการสำรองปริมาณน้ำมันให้เพียงพอ ไว้สำหรับเตรียมเผาศพผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีปริมาณมากขึ้น เนื่องจากทุกวันนี้จะมีศพมาให้เผาอย่างน้อย 6 ศพต่อวัน โดยน้ำมันปริมาณถังละ 200 ลิตรจะเผาได้เพียง 3 ศพ อย่างน้อยในหนึ่งวันทางวัดต้องใช้น้ำมัน 2 ถังเพื่อเผาศพแล้ว ซึ่งทางสำนักงาน วัฒนธรรมจังหวัดปทุมธานีจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น พลังงานจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือทางวัด เนื่องจากทุกวันนี้ พระมงคลวโรปการ (หลวงพ่อชำนาญ) เจ้าอาวาสวัดชินวรารามวรวิหาร ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเกี่ยวกับการเผาศพ

ทางด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ผู้ที่อยากร่วมบุญสมทบทุนสร้างเตาเผาศพ สามารถเข้ามาติดต่อที่วัดชินวรารามวรวิหาร นอกจากนี้ทาง อบจ.ปทุมธานีได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนร่วมบุญสมทบทุนเงินบริจาคกัน โดยมีเจ้าหน้าที่ อบจ.และพระเลขาฯของ พระมงคลวโรปการ เป็นกรรมการฯ ผมเชื่อว่าจำนวน 4 เตาจะไม่เพียงพอกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากขึ้น จึงต้องเพิ่มอีก 2 เตาเป็น 6 เตา ผมเชื่อว่าคนปทุมเราไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีการตั้งกองทุนน้ำมันขึ้นมา เพื่อรองรับการเผาศพในแต่ละวันก็ใช้น้ำมันเยอะ สามารถร่วมสมทบทุนสร้างเตาเผาศพ ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 9123002777 ชื่อบัญชี พระมงคลวโรปการ


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ รายงาน

สุโขทัย - นายกมนู ห่วงคนสุโขทัยไม่วางใจสถานการณ์ รุดสั่งจองวัคซีนโมเดอร์นา จากสภากาชาดไทย

อบจ.สุโขทัย โดยนายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย สั่งจองวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 (โมเดอร์นา) จากสภากาชาดไทย เพื่อนำมาฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มต่าง ๆ ในพื้นที่ จ.สุโขทัย ไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยได้จัดทำแผนดำเนินการฉีดวัคซีน ตามที่สภากาชาดไทยกำหนด ในกลุ่มประชาชนเป้าหมาย 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มคนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง สตรีมีครรภ์ ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาก่อน ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 มาก่อน  บุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล ในถิ่นทุรกันดาร ผู้ที่ทำงานประจำอยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ครูผู้สอนในโรงเรียนอนุบาล หรือครู อาจารย์ ผู้ที่ทำหน้าที่สอนหนังสือในโรงเรียน ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 มาก่อน บุคลากรที่ต้องออกปฏิบัติงานสัมผัสประชาชน ตามโครงการฉีดวัคซีนของ อบจ. ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 มาก่อน และบุคคลที่ยังไม่สามารถรับการฉีดวัคซีนได้ เนื่องจากติดขัดระเบียบหรือกฎหมาย และเสนอต่อสภากาชาดไทย เพื่อให้ชาวสุโขทัยได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง ในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และสร้างความเชื่อมั่น ในการป้องกันโรคโควิด – 19 ในพื้นที่ และลดติดเชื้อของประเทศ

นอกจากนี้นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย ได้ชี้แจงข้อสงสัยเรื่องวัคซีนที่หลายคนต้องการทราบ ของการสั่งจองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของอบจ.สุโขทัย โดยได้สั่งจองวัคซีนซิโนฟาร์มจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ที่เปิดให้สั่งจองในลำดับแรกจำนวน 100,000 โดส โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 88,800,000 บาท บวกค่าทำการฉีดพร้อมอุปกรณ์ที่ทางสาธารณสุข จ.สุโขทัยแจ้งมา เข็มละ 90 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 97,800,000 บาท

ต่อมาทางสภากาชาดไทยเปิดให้จองวัคซีนโมเดอร์นา ทางอบจ.สุโขทัย เห็นว่าใช้งบประมาณจองซิโนฟาร์มไปค่อนข้างเยอะแล้ว จึงจองโมเดอร์นาไปอีก 10,000 โดส ใช้งบ 11,000,000 บาท รวมวัคซีนทั้งสองชนิดจำนวน 110,000 โดส ซึ่งจะสามารถดูแลทั่วถึงทุกกลุ่ม ส่วนกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับการฉีดต้น ๆ ทั้ง 2 สถาบันเป็นผู้กำหนดมาทั้งสิ้น อบจ. มิได้เป็นผู้กำหนด

อบจ.สุโขทัย ขอยืนยันว่า ได้จัดเตรียมงบประมาณไว้พร้อมแล้ว หากทั้งสองสถาบันจัดสรรวัคซีนมาให้ครับ ทั้งนี้วัคซีนจะมาได้เมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับทาง 2 สถาบันจะหาวัคซีนได้ แต่ก็คอยติดตาม แต่ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ก็ได้ติดต่อ ติดตาม สอบถามไปอย่างต่อเนื่องทั้ง 2 สถาบัน และจะรีบแจ้งถึงประชาชนในพื้นที่ทันทีที่ได้รับความชัดเจนจากทั้ง 2 สถาบัน ที่เราได้ขอสั่งจองไว้


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

กรุงเทพฯ - กองทัพบก นำเครื่องบินลำเลียงแบบ 295 มาเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด19 ที่อยู่ห่างไกลทั่วประเทศ

พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้นำขีดความสามารถและทรัพยากรที่กองทัพบกมี มาช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 สั่งการเพิ่มเติมให้นำอากาศยานของกองทัพบก คือ “เครื่องบินลำเลียงแบบ 295” มาเป็นยานพาหนะในการเคลื่อนย้าย ส่งผู้ป่วยไปยังพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ

ล่าสุดในวันนี้ ทีมลำเลียงผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทางอากาศกองทัพบก จากกรมการขนส่งทหารบก พร้อมด้วยแพทย์เวชศาสตร์การบินจากกรมแพทย์ทหารบก ได้นำ "เครื่องบินลำเลียงแบบ 295" ที่ดัดแปลงเป็นยานพาหนะส่งป่วยขึ้นบินทดสอบระบบ และซักซ้อมการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายตั้งแต่การรับและนำผู้ป่วยขึ้นเครื่องอากาศยานและกระบวนการบริหารจัดการผู้ป่วยมีความพร้อมรองรับภารกิจ

ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่มีความประสงค์จะกลับไปรักษายังภูมิลำเนาสามารถ ประสานไปยังศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิดกองทัพบก (กทม.) โทร. 02-270-5685-9 กองทัพบก , ยุทโธปกรณ์ , ทหาร เป็นที่พึ่งของประชาชนทุกโอกาส

พิจิตร - คนดีน่ายกย่อง!นายก อบต.ห้วยเกตุ ให้ใช้ออฟฟิตและโรงงานมูลค่ากว่า 40 ล้านเป็นรพ.สนามตะพานหิน

ในสถานการณ์วิกฤตโควิดสิ่งที่ได้เห็นคือความมีน้ำใจของผู้ใจกว้าง ใจบุญ ที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นน้ำดี จิตใจงดงาม และเป็นเจ้าของโรงงานยอมยกอาคารสถานที่มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท บนเนื้อที่ 12 ไร่  ให้เป็นโรงพยาบาลสนามเพื่อช่วยผู้ที่กำลังตกทุกข์ได้ยากโดยไม่หวังประโยชน์ตอบแทน เพราะเชื่อมั่นว่าผู้ให้คือผู้ที่มีความสุข

วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 นายธนรักษ์ พงศ์วุฒิเศรษฐ์ นายก อบต.ห้วยเกตุ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานผลิตเคมีเกษตรช้างแดง ซึ่งตั้งอยู่ที่ 394/1 หมู่ 3 ต.ห้วยเกตุ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร เปิดใจกับผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดพิจิตร โดยเฉพาะที่ อ.ตะพานหิน ซึ่งเป็นเมืองใหญ่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจ และมีประชากรเป็นจำนวนมาก แต่ปรากฏว่าหลังจากที่มีมาตรการล็อคดาวน์กรุงเทพฯและปริมณฑลทำให้ชาว อ.ตะพานหิน ที่ไปทำงานอยู่ในเมืองใหญ่และติดเชื้อโควิดต่างขอกลับมารักษาตัวที่บ้านเกิด  คือที่อำเภอตะพานหินกันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชตะพานหิน เตียงเต็มและไม่เพียงพอต่อการบริการแก่ผู้ที่ติดเชื้อโควิด

ดังนั้นตนเองจึงเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเสียสละและร่วมด้วยช่วยกันช่วยเหลือสังคม จึงได้ร่วมปรึกษากับนายอำเภอตะพานหิน และ ผอ.รพ.ยุพราชฯ ว่า  ที่โรงงานของตนซึ่งมีขนาดพื้นที่ 12 ไร่ มีอาคารเป็นตึกสำนักงาน 2 หลัง ที่เคยใช้เป็นออฟฟิตและห้องประชุมติดแอร์อย่างดีรวมถึงมีโกดังขนาดใหญ่อีก2หลังที่มีสภาพสมบูรณ์ตีราคามูลค่ามากกว่า 40 ล้านบาท แต่ปัจจุบันอาคารและสถานที่ดังกล่าวไม่ได้ใช้งานเนื่องจากโรงงานผลิตเคมีเกษตรช้างแดงได้ย้ายฐานการผลิตไปอยู่ที่ ต.เขาทราย อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร จึงทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่ได้ใช้งานแต่ตั้งใจว่าจะรีโนเวทปรับปรุง แต่เมื่อเกิดสถานการณ์วิกฤตโควิดจึงตัดสินใจมอบอาคารสถานที่ให้กับศูนย์บริหารจัดการโควิดตะพานหิน ให้ใช้อาคารสถานที่ในช่วงสภาวะวิกฤตโควิดตามสมควรและตามเวลาที่เหมาะสม โดยไม่คิดมูลค่าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อให้ชาว อ.ตะพานหิน ได้มีโรงพยาบาลสนามที่เป็นห้องแอร์ขนาด 70 เตียง เพื่อไว้ใช้เป็นที่พักรักษาตัวจากโรคไวรัสโควิด

โดย นายธนรักษ์ นายก อบต.ห้วยเกตุ หรือ “เฮียช้วงช้างแดง” กล่าวเพิ่มเติมว่า พวกเราใช้เวลาแค่ 4 วัน ในการดำเนินการจัดหาเตียงเพื่อใช้ในโรงพยาบาลสนามตะพานหินแห่งนี้ โดยได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดี ซึ่งวันนี้ก็มีผู้ป่วยทั้งชาย-หญิง เข้ามาใช้อาคารสถานที่แล้ว อีกทั้งมีบุคลากรทางการแพทย์และฝ่ายปกครองมาช่วยกันดูแลอีกด้วย


ภาพ/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

กรุงเทพฯ - นิพนธ์ เติมเสบียงตู้ปันสุขในกิจกรรม “มหาดไทยปันสุข ส่งต่อความห่วงใย สู้ภัยโควิด-19”

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 22 กรกฏาคม 2564 ที่บริเวณหน้ากระทรวงมหาดไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ร่วมกิจกรรม “มหาดไทยปันสุข ส่งต่อความห่วงใย สู้ภัยโควิด-19” นำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน มาเติมเต็มเสบียงที่ตู้ปันสุข

นำอาหารปรุงสุกแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมจัดทำข้าวกล่องแจกฟรีให้กับผู้ที่มีรายได้น้อย ผู้ที่ตกงาน วินมอเตอร์ไซค์ คนขับแท็กซี่ คนที่หาเช้ากินค่ำ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 200 กล่องต่อวัน โดยเริ่มแจกตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา และจะแจกต่อเนื่องไป 10 วันทำการซึ่งเป็นการสนับสนุนอาหารปรุงสำเร็จพร้อมรับประทานจากร้านค้าบริเวณรอบกระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นการกระจายเม็ดเงินให้สะพัดในชุมชนบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลายความทุกข์ให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกัน

สำหรับกิจกรรมนี้ กรมการปกครองได้จัดกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและกำกับดูแลแถวตามมาตรการ “D-M-H-T-T-A ป้องกันโควิด - 19” Distancing เว้นระยะห่างทางสังคม Mask wearing สวมหน้ากาก Hand washing ล้างมือบ่อย ๆ และ Testing ตรวจวัดอุณหภูมิ และ Application ติดตั้งและใช้แอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” เพื่อเป็นไปตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด

สุโขทัย – ซาลาเปา 20 ไส้โบราณของอร่อยสโขทัย ราคาไม่แพง ลิ้มรสสูตรดั่งเดิม 100 ปี

ของอร่อยในสุโขทัยอีกชนิดที่ขึ้นชื่อ มีสาขาหลายอำเภอหลายจังหวัด หากพูดถึงซาลาเปา ภาษาจีนเรียก เปาจึ หรือ เปา เป็นอาหารทำด้วยแป้งปั้นเป็นลูก ใส่ไส้ต่าง ๆ เช่น เนื้อ หรือผัก แล้วนึ่งให้สุกและเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร คือที่จังหวัดสุโขทัย หนุ่มสาวรุ่นใหม่สืบทอดเจตนารมณ์คนรุ่นอากง ที่ริเริ่มคิดสูตรและทำซาลาเปามาตั้งแต่อยู่ที่จีน และก็สืบต่อกิจการขายซาลาเปามาเรื่อย ๆ จนมารุ่นพ่อที่ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย และเป็นครอบครัวซาลาเปาที่คนสุโขทัยรู้จักดี ซาลาเปาโบราณปัจจุบันเป็นที่หากินได้ยากมาก ๆ จึงไม่อยากให้พลาดโอกาสลิ้มรสซาลาเปาโบราณที่มีตำนานมากกว่า 100 ปี

คุณเจตน์ เลิศจรูญวิทย์ อายุ 36 ปี ทายาทอีกรุ่นของรุ่นซาลาเปา 20 ไส้โบราณ เป็นรุ่นหลานของร้าน “ซาลาเปาโบราณ in สุโขทัย” ได้เล่าว่าด้วยความภาคภูมิใจในการสืบทอดจากรุ่นอากงให้ฟังว่า การที่ทำซาลาเปาสูตรโบราณ และยังทำอยู่ถึงทุกวันนี้ เพราะอยากให้คนรุ่นหลังได้รู้จักและลองกินซาลาเปาโบราณที่ยังมีวิธีทำแบบดั้งเดิม แต่จะมีไส้ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากที่อื่น และหลากหลาย ที่ดั้งเดิมก็จะเป็น ไส้ถั่วดำ หรือ ไส้ดำ นับเป็นซาลาเปาไส้หวาน สุดคลาสสิค ไส้หมูสับ หมูสับไข่เค็ม หมูแดง ถั่วเหลือง ถั่วดำ งาดำ ถั่วแดง เผือก ครีม ใบเตยและออกไส้ตามความนิยมของท้องตลาดเช่นไส้ช็อคลาวา ลาวาชาเขียว ลาวาไข่เค็ม ลาวามันม่วง ไส้ฝอยทอง ไส้กรอกชีส ฮ่องเต้ ไส้ผัก(เจ)สำหรับคนรักสุขภาพ ไส้แน่น เต็ม ๆ คำ แป้งของร้านซาลาเปาโบราณ in สุโขทัย จะเป็นสีขาวสวยละมุนตา มีส่วนผสมพิเศษในการผสมแป้ง และยังเป็นแป้งที่นวดและปั้นเอง ทำให้แป้งเหนียวหนุบหนับ สูตรลับเฉพาะตามแบบฉบับซาลาเปาโบราณยิ่งถ้าได้ลองทานหมั่นโถว เมื่อเคี้ยวไปแล้วตัวเนื้อแป้งจะได้รสชาติหวาน ๆ และไม่ติดฟันให้น่ารำคาญ

น.ส.ปวีณา ทองเยี่ยม อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นภรรยา คุณเจตน์  เลิศจรูญวิทย์ เจ้าของร้านซาลาเปาโบราณ in สุโขทัย และเป็นผู้ดูแลร้านบอกว่านอกจากซาลาเปาแล้วยังมีขนมจีบ อาหารว่างประเภทคาวแบบนึ่งของจีนที่เป็นเมนูห้ามพลาด เพราะวัตถุดิบที่ใช้จะคัดเลือกตั้งแต่แป้งที่ห่อ จะใช้แป้งไข่ที่ต้องสั่งจากเยาวราช ใช้เครื่องสามเกลอที่ปรุงด้วยพริกไทยพิเศษที่จะหอมกว่าปกติ หมูบดจะผสมมันเล็กน้อยเพื่อให้มีรสนุ่มลิ้น ใส่เห็ดหอมเพื่อเพิ่มรสชาติ คลุกเคล้ากับแครอท ซอสต่าง ๆ และน้ำมันงา และห่อกันแบบอวบ ๆ เต็มปากเต็มคำ นอกจากนี้ทางร้านยังรับจัดเบรก งานเลี้ยง ประชุม สัมมนา รับรองอร่อย สะอาด ถูกหลักอนามัย ซื้อทานเองก็ถูกปาก ซื้อเป็นของฝากก็ถูกใจ ร้านซาลาเปาโบราณ in สาขาเมืองสุโขทัย ตั้งอยู่เลขที่ 2/1 ถ.บาลเมือง ตรงข้ามป้อมตำรวจชุมชนธานี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 096-1655122 ร้านซาลาเปาโบราณ in สุโขทัย หรือถ้าไม่สะดวกเดินทาง สามารถสั่งได้ทุกแอพพิเคชั่น รอรับความอร่อยที่บ้านได้เลย


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

กรุงเทพฯ - กองทัพเรือ และสภากาชาดไทย เชิญชมกาชาดคอนเสิร์ต ครั้งที่ 47 แบบ New normol media และขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศบริจาค ผ่านระบบออนไลน์ ได้ตามกำลังศรัทธา

กองทัพเรือ และสภากาชาดไทย ร่วมต้านภัยโควิด-19 เชิญชมกาชาดคอนเสิร์ต ครั้งที่ 47 แบบ New normal ในวันอังคารที่ 3 สิงหาคม นี้ เวลา 14.00 น.ถ่ายทอดสดผ่าน social media  และขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศบริจาคเงิน เพียง สแกน QR code ผ่านระบบออนไลน์ ได้ตามกำลังศรัทธา

วันนี้ ( 21 กรกฎาคม 2564) พลเรือโท ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการเตรียมการจัดแสดงกาชาดคอนเสิร์ต ครั้งที่ 47 เปิดเผยว่า กองทัพเรือและสภากาชาดไทย ร่วมต้านภัยโควิด-19 โดยกำหนดจัดการแสดงกาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่ 47 แบบ New Normal ย้อนรำลึกความสัมพันธ์ 60 ปี ที่ร่วมกันสนองพระราชปณิธาน องค์สภานายิกาสภากาชาดไทย จัดแสดงดนตรีคลาสสิค มาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2504

สำหรับการแสดงในปีนี้ จะมีทั้งเพลงคลาสสิค และเพลงร่วมสมัย ที่นำมาร้อยเรียงรำลึกถึงความผูกพัน ความร่วมมือ และพลังแห่งความสามัคคี  เปิดกว้างให้รับชมการแสดงได้พร้อมกันทั่วประเทศ พร้อมเพิ่มช่องทางการร่วมบริจาคเงินให้แก่ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป ก็สามารถร่วมสนับสนุนได้โดยง่ายเพียง สแกน QR code ทางระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ปันบุญ (www.punboon.org)โดยบัตรเครดิต,เดบิต,สแกน QR Code (e-donation)ผ่านแอปพลิเคชันทีทีบี( ttb touch) ,โมบายล์แบงก์กิ้งได้ทุกธนาคารหรือ Rabbit Line Pay รวมทั้งโอนเงินผ่านบัญชี

ธนาคารทหารไทยธนชาต เลขที่ 115-2-50386-6 และธนาคารกรุงไทย เลขที่ 660-4-17792-0 ชื่อบัญชี กาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่47 โดยกองทัพเรือจะนำเงินบริจาคทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายทูลเกล้าถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย โดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย  เพื่อภารกิจช่วยเหลือประชาชนที่ทุกข์ยาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์แพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้สภากาชาดไทยต้องมีภารกิจมากขึ้นกว่าปกติ

การจัดแสดงฯ แบบ New Normal  จะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 3 สิงหาคม 2564  เวลา 14.00 น. ผ่านการถ่ายทอดสด(Live สด)ทาง Facebook Fan page "กองทัพเรือ Royal Thai Navy " และ "The Thai Red Cross Society" รวมทั้ง YouTube Live "กาชาดคอนเสิร์ต Royal Thai Navy " 

ในโอกาสนี้ขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศติดตามชมการแสดงกาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่47 และร่วมบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทยผ่านระบบออนไลน์หรือโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ดังกล่าวข้างต้น ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ โทร. 0 2475 3081 และ 08 0664 4891


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top