Saturday, 10 May 2025
ภาคกลางไทม์

สมุทรปราการ - “พระครูแจ้” หนุนเกษตรกรพิจิตร เหมาแตงโม 8,000 โล แจกประชาชนที่มาฉีดวัคซีน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในวัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้มีรถกระบะบรรจุผลไม้มาเต็มคันรถ  และจากการสอบถามทราบว่ารถคันดังกล่าว  ได้มีการลำเรียงผลไม้มาเป็นจำนวนมากเดินทางมาจากทางจังหวัดพิจิตร  โดยการสนับสนุนจากท่าน​ พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ที่มีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรชาวสวนจังหวัดพิจิตร จึงได้ให้การสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรชาวสวน โดยการสั่งผลไม้ประเภทแตงโม ของพี่น้องชาวสวนจังหวัดพิจิตร จำนวน 8 ตัน หรือ 8,000 กิโลกรัม เพื่อเป็นการช่วยเหลือและให้กำลังใจเกษตรกรชาวสวนเพื่อช่วยกันฟันฝ่าวิกฤต Covid-19

โดย ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง กล่าวว่า ผลไม้ทั้งหมดได้สั่งตรงมาจากสวนผลไม้ของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนในจังหวัดพิจิตร จำนวน 8 ตัน หรือ 8,000 กิโลกรัม เพื่อเป็นการช่วยเหลือและอุ้มพี่น้องเกษตรกรชาวสวนเพื่อฟันฝ่าวิกฤต Covid-19

อีกทั้ง ในวันนี้ศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มแรกให้กับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 12-18 ปี 7 กลุ่มโรคเสี่ยง ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม และผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกิน 80 กิโลกรัม โดยตั้งแต่ในช่วงเช้าภายในศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้มีผู้ปกครองนำบุตรหลานเดินทางมารอรับการฉีดวัคซีนกันอย่างต่อเนื่อง ตามที่โรงพยาบาลได้มีการแจ้งผ่านทาง SMS และได้ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีการจัดระเบียบและเว้นระยะห่างแบบ New normal

โดยทุกคนที่เดินทางมารับการฉีดวัคซีนยังศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลาง จะได้รับมอบแตงโมจากท่าน พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง มอบแตงโมให้คนละ 2 ลูก นำกลับไปทานที่บ้านโดยสั่งตรงมาจากเกษตรกรชาวสวนในจังหวัดพิจิตร จำนวน 8,000 กิโลกรัม 

อย่างไรก็ตาม ผลไม้ทั้งหมดที่ช่วยเกษตรกรอุดหนุนมานั้น จะนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยตามโรงพยาบาลต่าง ๆ โรงพยาบาลสนาม รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ข้าราชการตำรวจและพี่น้องประชาชนในชุมชน อีกทั้ง ยังเป็นการแสดงออกถึงความรักและความห่วงใยที่มีต่อพี่น้องเกษตรกรชาวสวนและจะนำผลผลิตทั้งหมดแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนที่เดินทางมารับการฉีดวัคซีนในวันนี้แต่จะทำการแจกทุก ๆ วัน จนกว่าผลไม้ที่สั่งมานั้นจะหมดเพื่อแทนความห่วงใยที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังคงปฎิบัติหน้าที่อย่างเหน็ดเหนื่อย รวมถึงประชาชนที่เดือดร้อน ประชาชนที่ขาดรายได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

ปทุมธานี - ‘บิ๊กแจ๊ส’ วิสัยทัศน์ผู้นำ จับมือกรมชลเร่งขุดคลองเตรียมรับน้ำเหนือ ป้องกันน้ำท่วมปทุมฯ

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2564 เวลา 09:00 น. ที่บริเวณหน้าวัดนพรัตน์ คลองสิบสอง ตำบลนพรัตน์ อำเภอหนองเสือ จ.ปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี , นายเสวก ประเสริฐสุข รอง นายกอบจ.ปทุมธานี , พร้อมด้วยนายสุริยา ธรรมธารา , นายสมบัติ วงศ์กวน สจ.เขตอำเภอหนองเสือ และ นายเฉลิมพงษ์ รังสิวัฒศักดิ์ สจ. เขตอำเภอธัญญบุรี พร้อมทีมงานลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ที่ได้ดำเนินการนำเรือโป๊ะรถแบคโฮจำนวน 5 โป๊ะ เพื่อดำเนินการขุดลอกและกำจัดวัชพืชที่คลองระบายน้ำที่สิบสอง ระยะทาง 22 กิโลเมตรที่มีวัชพืชผักตบชวาขึ้นหนาแน่นขวางทางน้ำและลำคลองก็ตื้นเขิน โดยระดมกำลังช่วยกันเร่งขุดลอกเตรียมการล่วงหน้ารองรับน้ำเหนือที่กำลังไหลบ่าลงมาเพื่อป้องกันอุทกภัยในปีนี้

โดย นายชุติมันต์ สกุลพราหมณ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ , นายสมบูรณ์ เจิมไทย วิศกรชลประทานชำนาญการ , นายถนัดกิจ ทรัพย์ประทุม นายช่างชลประทาน และเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน หลังจากที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมได้ประสานไปที่ท่านรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชนปทุมธานีจึงได้เริ่มโครงการดำเนินการขุดลอกคลองชื่อ คลองน้ำใน ตำบลศาลาครุ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี เป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงได้ย้ายเรือโป๊ะรถแบคโฮมาที่คลองระบายน้ำที่คลองสิบสองต่อ เพื่อขุดลอกคลองและกำจัดวัชพืชเพื่อให้น้ำไหลได้ดีเพื่อเป็นการรองรับปริมาณน้ำช่วงหน้าฝนนี้

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ขอบคุณท่านเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังจากที่เราได้ประสานงานไป ท่านได้ส่งทีมงานกรมชลประทาน นำโดย นายชุติมันต์ สกุลพราหมณ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ ร่วมถึงทีมงานกรมชลประทานทั้งหมดลงมาร่วมพร้อมเครื่องมือลงมาทำงานที่คลองน้ำใน เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง 3 จังหวัด ประกอบด้วย นครนายก สระบุรีและปทุมธานี ได้ดำเนินการขุดลอกคลองกำจัดวัชพืชโดยเฉพาะต้นไมยราบยักษ์ที่ขึ้นกลางคลองระยะกว่า 4 กิโลเมตรได้ดำเนินกำจัดหมดแล้วทำให้น้ำไหลได้สะดวก จากนั้นก็ได้จ้างเอกชนนำเรือโป๊ะรถแบคโฮ มาลงที่คลองสิบสอง จำนวน 5 โป๊ะ โดยขุดคอกคลองและกำจัดวัชพืชตลอดคลองสิบสองระยะทางตั้งแต่คลองระพีพัฒน์จนถึงคลองรังสิตประยูรศักดิ์ระยะทาง 22 กิโลเมตร เมื่อเครื่องมือลงมาแล้วผมคาดว่าไม่เกิน 10 วันคลองสิบสองจะไม่มีวัชพืชขึ้นกีดขวางทางน้ำ เพื่อเตรียมรับน้ำเหนือที่จะมาถึง

ซึ่งคาดว่าทุกคลองในเขตพื้นที่อำเภอหนองเสือ รวมถึงอำเภอธัญบุรี คลองสิบสองมีความสำคัญมากเพราะเป็นที่ดินดอนสุงหากน้ำเดินทางไม่สะดวกจะส่งผลให้การไหลของน้ำล่าช้าและอาจจะล้นตลิ่งได้เมื่อไม่มีวัคพืชและลำคลองไม่ตื้นเขินน้ำจะไหลสะดวก เป็นการป้องกันอุทกภัยต้องขอบคุณทางกรมชลประทานและทีมงานที่ช่วยเหลือพี่น้องชาวปทุมธานีในครั้งนี้ นอกจากเป็นการรับมือไม่ให้เกิดอุทกภัยแล้ว ก็ยังจะเป็นลำคลองที่มีน้ำไว้ให้เกษตรได้เอาใช้ จะไม่ขาดน้ำในหน้าแล้งแล้ว


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ / รายงาน

นครนายก – อีกหนึ่งตัวอย่างของความสำเร็จ! กองทัพบก โดยผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ได้มอบทุนการศึกษา ให้กับนายธนากร ทองหนูนุ้ย เยาวชนคนเก่งที่สามารถสอบคักเลือกเข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร และเลือกเหล่ากองทัพบก

ที่กองบัญชาการ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เขาชะโงก อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก กองทัพบก โดยพลโทจิรเดช กมลเพ็ชร ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ได้มอบทุนการศึกษา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ในการศึกษาเล่าเรียนแก่นายธรากร ทองหนูนุ้ย เยาวชนคนเก่งที่สามารถสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ได้ที่ 1 เกือบทั้ง 4 เหล่า และตัดสินใจเลือกเหล่ากองทัพบก เป็นนักเรียนที่มีความตั้งใจ อดทน มีความพากเพียรถึงแม้จะขาดแคลนทุนทรัพย์ ครอบครัวค่อนข้างยากจน แต่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งปวง

 

เพื่อให้เยาวชนได้เห็นเป็นตัวอย่างที่ดีในความพยายามดังกล่าว ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบกทั้งอดีตและปัจจุบัน ให้ความกรุณาส่งเสริม สนับสนุนให้ความช่วยเหลือเพื่อเป็นกำลังใจในความพากเพียรและอุตสาหะ ดังกล่าว อนึ่งในโอกาสที่นายธรากร ทองหนูนุ้ยจะเข้ารับการศึกษา ณ โรงเรียนเตรียมทหาร ในวันที่ 10 สิงหาคม 2564 กองทัพบก โดยพลโทจิรเดช กมลเพ็ชร ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ได้มอบทุนการศึกษา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ในการศึกษาเล่าเรียนต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่ / ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

ปทุมธานี - อบจ.ปทุมธานี จับมือกรมชล ร่วมพัฒนาแหล่งน้ำพร้อมถนนคอนกรีตเพื่อประชาชน

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 เวลา 08:30 น. ที่คลองระบายน้ำลาดผักขวง ต.ศาลาครุ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี , นายสุริยา ธรรมธารา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เขต 1หนองเสือปทุมธานี , นายอนันต์ รุ่งแสง นายก อบต.ศาลาครุ ได้ตรวจดูการดำเนินงานของ กรมชลประทาน ที่ได้ดำเนินการขุดลอกคลองระบายน้ำลาดผักขวง ระยะทาง 4 กิโลเมตร พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อรองรับปริมาณน้ำช่วงหน้าฝน และให้เกษตรกรกว่า 10,000 ไร่ได้ใช้ประโยชน์

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ต้องขอบคุณกรมชลประทานที่ได้งบประมานมาขุดลอกคลอง โดยได้จัดสรรจากจังหวัดปทุมธานี เป็นจำนวนเงินล้านกว่าบาท เพื่อขุดลอกคลองระยะทาง 4 กิโลเมตร คาดว่าใช้ระยะเวลาไม่ถึง 10 วัน หลังจากที่เมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว จะต้องมีการดูแลรักษาเพื่อไม่ให้วัชพืชขึ้นเต็มคลองอย่างที่เคยเป็นมา จะต้องไม่ให้มีขึ้นอีก ขอบคุณกรมชลประทานจริง ๆ ที่เห็นความสำคัญของพี่น้องชาวเกษตรกรในการใช้น้ำ เมื่อดำเนินการพัฒนาคลองดีแล้วก็จะทำถนนเลียบคลองจากบริเวณประตูทางระบายน้ำ นี้ไปออกเส้นทางคลองสิบสี่หลังวัดปทุมนายก เป็นการย่นระยะทางการสัญจรของประชาชนได้ในระดับหนึ่ง เมื่อกรมชลประทานมีงบประมานมาทำถนน เลียบคลองทั้งสองฝั่ง ซึ่งก็พอจะทราบในการจัดสรรงบของกรมชลประทาน เป็นถนนลูกรัง ทาง อบจ.ก็จะสามารถสนับสนุนใช้งบประมานสร้างถนนคอนกรีต เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนให้มากที่สุด

นายสมบูรณ์ เจิมไทย วิศวกรชลประทานชำนาญการ กรมชลประทาน กล่าวว่า คลองแห่งนี้เป็นคลองที่เชื่อมระวังคลองสิบสามและคลองสิบสี่ ในการดำเนินลอกคูคลองครั้งนี้มีเกษตรกรได้รับประโยชน์จากการใช้น้ำถึง 10,000 ไร่ นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของการระบายน้ำ ซึ่งโครงการระยะยาวจะมีการสร้างประตูระบายน้ำและขยายคลอง อาจจะมีการสร้างถนนเลียบตลอดทั้งคลอง โดยได้รับการประสานทางจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ในการเสริมคอนกรีตถนน เป็นเรื่องการทำงานร่วมกันระหว่าง กรมชลประทานและ อบจ.ปทุมธานี


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

สุโขทัย – คณะสงฆ์จังหวัดสุโขทัย ช่วยเหลือบุคลากรและประชาชน ที่ได้ผลกระทบจากไวรัสโควิด-19

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 ส.ค.64 พระมหากายสิทธิ์ สิทธาภิภู รองเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย เจ้าอาวาสวัดบึงครอบศรัทธาราม พร้อมด้วยคณะสงฆ์อำเภอทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย โดยพระมหาสุธีร์ อิสฺสโร เจ้าคณะอำเภอทุ่งเสลี่ยม พระครูชัยรัตนบรรพต รองเจ้าคณะอำเภอทุ่งเสลี่ยม คณะกรรมการกลุ่มงานสาธารณะสงเคราะห์อำเภอทุ่งเสลี่ยม กองงานเลขานุการเจ้าคณะอำเภอทุ่งเสลี่ยม ได้เดินทางไปมอบอาหาร น้ำดื่ม ให้กับเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยที่โรงพยาบาลทุ่งเสลี่ยม และศูนย์พักคอยตำบลกลางดง วัดเชิงผา และศูนย์พักคอยตำบลทุ่งเสลี่ยม วัดป่าเด่นดีหมี

ด้านพระมหาสุธีร์ อิสฺสโร เจ้าคณะอำเภอทุ่งเสลี่ยม กล่าวว่าในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 ในขณะนี้ทางคณะสงฆ์สุโขทัย โดยพระมหากายสิทธิ์ สิทธาภิภู รองเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย ได้นำอาหาร น้ำดื่ม มามอบให้กับทางโรงพยาบาลทุ่งเสลี่ยม และศูนย์พักคอยตำบลกลางดง วัดเชิงผา และศูนย์พักคอยตำบลทุ่งเสลี่ยม วัดป่าเด่นดีหมีเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่คุณหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ฝ่ายปกครอง บุคลากรด่านหน้า และเจ้าหน้าที่กู้ภัยทุกท่าน ที่ทุ่มเทการทำงานให้กับประชาชน และผู้ป่วย และผู้กักตัวในพื้นที่และที่เดินทางกลับมารักษาตัวยังพื้นที่อำเภอทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้

 

พิจิตร - คุณพระช่วย! พระครูยังวัดสามง่าม ยกสำนักปฏิบัติธรรมสถานที่สุดหรูให้เป็นโรงพยาบาลสนาม

นายกอบจ.พิจิตร ร่วมสนับสนุนช่วยเหลือบวรร่วมใจ บ้าน วัด ราชการ  รวมพลังต้านโควิดที่กำลังแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดพิจิตร อีกทั้งมีผู้ป่วยที่อยู่กรุงเทพฯและปริมณฑลแห่ขอกลับบ้านหาที่พักรักษาตัว ล่าสุด พระครูพินิตปัญโญภาส “พระครูยัง” เจ้าอาวาสวัดสามง่าม ยอมสละสำนักปฏิบัติธรรมที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่เอี่ยมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ให้นายอำเภอจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนาม 100 เตียง 

วันที่ 9 สิงหาคม 2564  พ.ต.อ. กฤษฎา  ภัทรประสิทธิ์  นายก อบจ.พิจิตร ลงพื้นที่ไปที่สำนักปฏิบัติธรรมวัดสามง่าม อ.สามง่าม โดยได้นำสิ่งของและเตียงสนามจำนวน 50 เตียง ไปมอบให้กับ นายสุภโชค ศิลปคุณ / นายอำเภอสามง่าม ที่กำลังจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 3 โดยใช้สำนักปฏิบัติธรรม ซึ่งจัดสร้างขึ้นโดย พระครูพินิตปัญโญภาส “พระครูยัง” เจ้าอาวาสวัดสามง่าม ที่มีวัตถุประสงค์จะใช้คารสถานที่แห่งนี้เป็นที่ปฏิบัติธรรมสอนวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งสร้างอยู่บนพื้นที่ 11 ไร่  มีอาคารและภูมิทัศน์ที่สวยงามมีพระประธานองค์ใหญ่ มีศาลาปฏิบัติธรรม มีอาคารที่เป็นที่พักของญาติโยมอีก 30 หลัง (ซึ่งจะยกให้ใช้เป็นอาคารที่พักของบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน) รวมมูลค่าสิ่งปลูกสร้างมากกว่า 50 ล้านบาท

โดย “พระครูยัง” เจ้าอาวาสวัดสามง่าม ที่เป็นพระนักปฏิบัติสละกิเลสไม่ยึดติดกับวัตถุเพราะของทุกสิ่งในวัดที่มีและได้มาล้วนเป็นสิ่งของที่ได้มาจากเงินบริจาคของญาติโยมทั้งสิ้นในเมื่อช่วงนี้บ้านเมืองวิกฤตญาติโยมมีภัยจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดท่าน จึงยินดี ยินยอมยกสละอาคารสถานที่แห่งนี้ให้เป็นโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 3  ของอำเภอสามง่ามเพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ใช้เป็นจุดพักคอยหรือที่พักรักษาตัวของผู้ที่ติดเชื้อโควิดกลุ่มสีเขียว ซึ่งนับได้ว่าเป็นโรงพยาบาลสนามที่สวยหรูที่สุดในจังหวัดพิจิตรก็ว่าได้ เนื่องจากภายในอาคารศาลาการเปรียญมีพระประธานให้ผู้ป่วยได้กราบไหว้เข้าถึงรสพระธรรม ภายในอาคารสูงโปร่งโล่งสบายประดับประดาอย่างสวยงามเนื่องจากตั้งอยู่ริมถนนแวดล้อมไปด้วยทุ่งนา ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีห้องน้ำ / ห้องสุขา จำนวนมากกว่า 20 ห้อง อีกด้วย

ในส่วนของ นายสุภโชค ศิลปคุณ นายอำเภอสามง่าม กล่าวว่า ขณะนี้ อ.สามง่ามมีโรงพยาบาลสนาม รวม 3 แห่ง มีจำนวน 200 เตียง ซึ่งมั่นใจว่าจะพอเพียงแก่การให้บริการประชาชน อีกทั้งยังมีศูนย์พักคอยตามตำบลต่าง ๆ รองรับอีกหลายแห่งอีกด้วย

สำหรับสถานการณ์ภาพรวมจังหวัดพิจิตรเมื่อวานที่ผ่านมา (8 ส.ค.64) มีรายงานพบผู้ติดเชื้อ70 ราย มีผู้ป่วยสะสม (ระลอกเมษายน 64)รวม 1,958 ราย มีผู้รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 973 ราย 


ภาพ/ข่าว  สิทธิพจน์  พิจิตร

สุโขทัย - อบจ.สุโขทัย ร่วมส่งเสริมอุปกรณ์ด่านหน้าชุด Rapid Test และชุด PPE ให้สาธารณสุขสุโขทัย หวังเร่งแยกกลุ่มที่ติดเชื้อออกจากชุมชนให้ได้เร็วที่สุด

วันนี้ 9 สิงหาคม 2564 เวลา 09.30 น. นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย พร้อมด้วย นายเขตพงศ์ กุลนาถศิริ รองนายก อบจ.สุโขทัย ผู้บริหารและบุคลากรในสังกัด อบจ.สุโขทัย ลงพื้นที่มอบชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบเร็ว (Rapid Antigen Test) จำนวน 2,000 ชุด และชุด PPE 1,000 ชุด ให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 โดยใช้ชุดตรวจในขั้นต้นเพื่อคัดกรองแยกกลุ่มที่ติดเชื้อ ออกจากชุมชนให้ได้เร็วที่สุด เพื่อให้การทำงานในการรักษาและแยกกลุ่มให้เร็วขึ้นทันท่วงที ยับยั้งการแพร่กระจายผู้ติดเชื้อ มีนายแพทย์ปองพล วรปาณิ นายแพย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย พร้อมแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย เป็นตัวแทนรับมอบ ณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย

นอกจากนี้ นายกมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.และอบจ.สุโขทัย ยังให้การสนับสนุนชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 และชุด PPE แก่บุคลากรด่านหน้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มีส่วนสำคัญในการป้องกันและบรรเทาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจังหวัดสุโขทัย เพื่อออกปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพอีกด้วย

นายแพทย์ปองพล วรปาณิ นายแพย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่าทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย จะได้มีการจัดสรร ชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบเร็ว (Rapid Antigen Test)และชุด PPE ไปยังหน่วยงานสาธารณสุขและโรงพยาบาลในสังกัด 9 อำเภอ ในจังหวัดสุโขทัยต่อไป 


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา จ.สุโขทัย

นครนายก – “อนุทิน” ลงพื้นที่มอบวัคซีนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับอสม. พร้อมเยี่ยมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานหน้างานเพื่อเป็นขวัญกำลังในในพื้นที่โรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนาม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่มอบวัคซีนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับอสม.ในพื้นที่จังหวัดนครนายก พร้อมเยี่ยมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานหน้างานเพื่อเป็นขวัญกำลังในในพื้นที่โรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม ที่ห้องโถง โรงพยาบาลนครนายก นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะผู้ติดตามได้เดินทางไปมอบวัคซีน ให้กับอสม.ในพื้นที่จังหวัดนครนายก และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานหน้างานในจุดตรวจต่าง ๆ ภายในโรงพยาบาลนครนายก

โดยมีนายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายกรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครนายก พร้อมทีมงานคณะแพทย์ ส.ส. นายกอบจ.นายกเทศมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ จากนั้นได้เดินทางไปตรวจพื้นที่โรงพยาบาลสนาม วังยาวริเวอร์ไซค์ ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก เพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ร่วมพลังในการให้บริการประชาชนอย่างดีที่สุด สำหรับจังหวัดนครนายกซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม มีอำเภอที่มีผู้ป่วยสูงสุดได้แก่อำเภอองครักษ์ 1,235 ราย รองลงมาอำเภอบ้านนา 926 ราย อำเภอเมืองนครนายก 874 ราย และอำเภอปากพลี 105 รายนอกนั้นเป็นผู้ติดเชื้อที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด 428 ราย จำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้น 3,568 ราย รักษาหายกลับบ้านได้แล้ว1,483 รายยังรักษาอยู่ 2,047 ราย เสียชีวิต 38 รายมีสถานกักกันของทางราชการ 6 แห่ง โรงพยาบาลสนาม 11 แห่ง 4 อำเภอ จัดตั้งศูนย์พักคอย จำนวน 35 แห่ง


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่ / ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

กรุงเทพฯ - สภากาชาดไทยผนึกกำลัง - รัฐ - เอกชน ให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน (Home Isolation)

จากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมาก ทำให้การบริการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลไม่เพียงพอต่อการดูแล สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จึงได้เปิดระบบดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียวที่บ้าน (Home Isolation: HI) แต่เนื่องจากมีผู้ลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก ทำให้พบว่ายังคงมีบางส่วนที่ลงทะเบียนแล้วแต่ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งผู้ป่วยบางส่วนที่รอการติดต่อเป็นระยะเวลานาน กลายเป็นผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง และบางส่วนก็เสียชีวิตแล้ว

สภากาชาดไทย โดยสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ เล็งเห็นความสำคัญในส่วนนี้ จึงประสานความร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19 (ศบค.) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข สำนักอนามัย ศูนย์เอราวัณ แพทยสภา กรุงเทพมหานคร และทีมอาสาสมัครภาคเอกชน ผนึกกำลังร่วมดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน (Home Isolation) หลังลงทะเบียนในระบบ Home Isolation ในกรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี และได้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการ Home Isolation กับ สปสช.

ทั้งนี้ สปสช. สภากาชาดไทย ร่วมกับทีมงานจิตอาสา เช่น Let’s be heroes หมอริทช่วยโควิด Thai CoCare HICV และอาสาสมัครของสภากาชาดไทยเอง ได้รับผู้ป่วยมาอยู่ในการดูแลในเบื้องต้น จำนวน 3,163 ราย ซึ่งผู้ป่วยจำนวนดังกล่าว ได้ลงทะเบียนในระบบ Home Isolation แล้ว โดยมีสถานีกาชาดที่ 11 วิเศษนิยม กรุงเทพฯ เป็นผู้ประสานงานหลักกับ สปสช. ในการให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน ซึ่งหลังจากผู้ป่วยผ่านการติดต่อประสานงาน ประเมินและคัดกรองอาการแล้ว ผู้ป่วยจะได้รับการประเมินอาการทางโทรศัพท์วันละ 2 ครั้ง (Telemedicine) อาหาร 3 มื้อ ปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ยา Favipiravir ยาฟ้าทะลายโจร และยาพื้นฐานอื่น ๆ โดยด่วน

ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม – 5 สิงหาคม 2564 สำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ สภากาชาดไทย ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน (Home Isolation) ตามการประเมินและคัดกรองอาการของผู้ป่วยดังนี้

1. ลงทะเบียนผู้ป่วยและรับเข้าระบบรักษาพยาบาล จำนวน 3,163 ราย

2. ประเมินอาการทางโทรศัพท์วันละ 2 ครั้ง (Telemedicine) โดยทีมแพทย์ พยาบาลอาสาสมัคร จาก Let’s be heroes หมอริทช่วยโควิด Thai CoCare HICV และอาสาสมัครของสภากาชาดไทย จำนวน 2,778 ราย

3. ส่งชุดอาหารพร้อมรับประทาน จำนวน 1,600 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19 เบื้องต้นก่อนที่จะได้รับอาหารกล่อง

4. ส่งอาหารกล่อง 3 มื้อ  จำนวน 1,383 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตลอดระยะเวลา Home Isolation

5. ส่งปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล  จำนวน 1,012 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19

6. ส่งเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว  จำนวน 868 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19

7. ส่งยา Favipiravir และยาอื่น ๆ จำนวน 1,400 ราย ถึงบ้านผู้ติดเชื้อโควิด-19

โดยมีอาสาสมัครจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกสภากาชาดไทย ได้ให้การสนับสนุนงานด้าน Telemedicine โทรศัพท์คัดกรองข้อมูลผู้ป่วย และจัดส่งอาหาร ยา เวชภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการติอต่อ ดูแล และรักษาพยาบาลได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ปทุมธานี – ยอดทะลุ ‘บิ๊กแจ๊ส’ ปิดบัญชีรับบริจาคสร้างเตาเผาศพ หลังได้เงินกว่า 6 ล้านถวายหลวงพ่อชำนาญ

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2564 เวลา 10:30 น. ที่วัดชินวรารามวรวิหาร ตำบลบางขะแยง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้มอบเงินรับบริจาคสร้างเตาศพ จำนวน 3,000,000 บาท โดยมีประชาชนและชมรมต่าง ๆ เข้าร่วมถวายเงินและบริจาคเพิ่มเติมเข้ามาโดยมอบให้กับ พระมงคลวโรปการ (หลวงพ่อชำนาญ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดชินวรารามวรวิหาร เพื่อนำไปสร้างเตาศพไร้มลพิษ จำนวน 6 เตา ปัจจุบันวัดชินวรารามวรวิหาร ได้ดำเนินการสร้างเตาเผาศพเสร็จแล้วจำนวน 2 เตา ซึ่งมีเตาเผาเดิมที่ทางวัดใช้อยู่จำนวน 2 เตาเป็นเตาหลัก1 เตาสำรองอีก 1 เตา  และกำลังก่อสร้างอีกจำนวน 4 เตา หากสร้างเสร็จทางวัดจะมีเตาเผาศพจำนวน 9 เตา เพื่อรองรับจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดโควิด-19

ในส่วนของทาง อบจ.ปทุมธานีได้เปิดบัญชีให้ประชาชนร่วมบริจาคเงิน ได้กว่า 6,000,000 บาท และได้นำมามอบให้กับทางวัดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 จำนวน 2,000,000 บาท โดยวันนี้ได้นำมอบเงินเพิ่มอีกจำนวน 3,000,000 บาท เมื่อครบจำนวนที่ทางวัดต้องการทาง อบจ.จึงได้ปิดบัญชีแล้ว หากประชาชนมีความประสงค์จะร่วมบริจาคค่าน้ำมันเผาศพ สามารถร่วมสมทบบุญที่ ชื่อบัญชี พระมงคลวโรปการ ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 9123002777

ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ที่ได้ทำโครงการนี้ขึ้นมา เนื่องจาก หลวงพ่อชำนาญ เจ้าอาวาสวัดชินฯ ได้มีการเผาศพให้กับผู้ที่เสียชีวิตจากโควิดฟรี เมื่อมีผู้เสียชีวิตจากโควิดเกิดขึ้น ทางกู้ภัยจะมาเอาโลงศพที่วัดชินฯ เพื่อที่จะเอาไปใส่ศพมา เมื่อมาถึงวัดก็จะรีบเผาเลย ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2564 จนถึงวันนี้ทางวัดชินฯได้เผาศพไปแล้วจำนวน 131 ศพ ดังนั้นโครงการที่เกิดขึ้นมา กว่า 10 วันนี้ ได้มีผู้บริจาคเงินมาร่วมสมทบทุนสร้างเตาเผาศพเป็นเงินว่า 3,000,000 บาท วันนี้ อบจ.ได้เปิดบัญชีแล้ว เป็นการหมดภารกิจในส่วนนี้ไป จึงได้นำเงินทั้งหมดมาถวายท่าน เพื่อเป็นค่าเตาเผาศพจำนวน 3,000,000 บาท ซึ่งเราได้รับเงินที่บริจาคมาทั้งหมดเกือบ จำนวน 6,000,000 บาท ต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ช่วยกันบริจาคเงินทำบุญในครั้งนี้ ซึ่งเงินที่เหลือจะเป็นยอดของกองทุนน้ำมันและค่าใช้จ่ายในการเผาศพต่อไป


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top