Saturday, 10 May 2025
ภาคกลางไทม์

ปทุมธานี - โควิดบุกหนัก จิตอาสาแชมป์โลก จำถอดใจ ช่วยส่งใจ ถึงแค่ 19 ก.ค.นี้

สืบเนื่องด้วยสถานการณ์ไวรัสโควิด แพร่ระบาดหนักขึ้นทุกวันเป็นจำนวนตัวเลขที่น่าตกใจ ล่าสุด นายนริส ห่วงใย เขาทรายและทีมงานจิตอาสา ที่ต้องเสี่ยงภัยเพื่อความปลอดภัย สรุปจะตระเวณส่งเสบียงให้แพทย์สนาม ได้จนถึงวันที่ 19 กรกฏาคม 64 ศกนี้เท่านั้น

กิจกรรมจิตอาสาของ ชมรมวีรบุรุษแชมป์โลกไทย ภายใต้การสนับสนุนของ นายนริส สิงหวังชา ซึ่งมี เขาทราย แกแล็คซี่ เป็นประธานชมรมพร้อมอดีตแชมป์โลก ตลอดจนผู้ร่วมมีจิตศรัทธาสมทบทุนมากมาย บริจาคข้าวกล่อง-น้ำดื่ม ไปตระเวณมอบให้ แพทย์ เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลสนาม หลายแห่งซึ่งดูแลผู้ป่วยโควิด และดำเนินกิจกรรมมาเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน

ล่าสุดวันที่ 12 ก.ค.64 เขาทราย แกแล็คซี่ พร้อมด้วย นายศุภกฤษ พิบูลศิลป์  ยูทูปเบอร์จากช่อง god dragon พร้อมทีมงาน ทีม shock story และทีมงาน สักกะผี นำข้าวกล่อง ก๋วยเตี๋ยว พร้อมน้ำดื่ม ไปมอบที่ โรงพยาบาล ประชาธิปัตย์ อ.รังสิต จ.ปทุมธานี ซึ่งมี "แชแม้" นิวัฒน์ เหล่าสุวรรณวัฒน์ และ ยูทูปเบอร์ ช่วยสนับสนุนเรื่องอาหารเพิ่มเติม

หลังการรับมอบ เขาทราย เปิดใจกับสื่อว่า "การดำเนินการต้องรีบกระทำอย่างเร่งด่วน ให้รวบรัดและเสร็จสิ้นโดยใช้เวลาไม่นาน วันนี้ต้องขอบคุณน้อง ๆ ทีมงานยูทูปเบอร์ที่มาช่วย เพราะเป็นที่ทราบกันจากข่าวรายวัน ซึ่งมียอดผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ บางวันเก้าพันคนบางวันแปดพันคน เฉลี่ยแต่ละวันยอดพุ่งเกือบถึงหมื่น"

อดีตแชมป์โลกใจบุญกล่าวอีกว่า "เท่าที่ทราบข่าว ขณะนี้ บางพื้นที่โรงพยาบาลหลายแห่งไม่สามารถรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิดได้ ถึงขนาดต้องให้คนป่วยกลับไปดูแลตัวเองที่บ้าน และคอยรับยารักษาเท่านั้น ถือเป็นเรื่องน่าตกใจมาก เมื่อคืนที่ผ่านมา คุณนริส สิงหวังชาได้โทรมาหา และปรึกษาด้วยความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ทั่วไป ของกิจกรรมของชมรมและอดีตแชมป์โลกอีกหลายคน ที่ต้องสุ่มเสี่ยงภายในพื้นที่โรงพยาบาลซึ่งนับว่า มีความอันตราย อาจติดเชื้อโควิดได้ง่าย ๆ และเห็นสมควรว่า เราควรจะหยุดพักกิจกรรมนี้ เพื่อรอดูสถานการณ์ให้คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น"

"ถือเป็นเรื่องน่าเห็นใจเจ้าหน้าที่แพทย์สนามเหล่านี้เป็นอย่างยิ่งครับ อย่างวันนี้ ตัวผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอง ยังต้องลงมาช่วยขนน้ำดื่มข้าวกล่องด้วยตัวเอง เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานกันอย่างหนักมาก เนื่องจากมีผู้ป่วยเพิ่งจำนวยเยอะขึ้นทุกวัน คุณหมอท่านยังขออนุญาต นำน้ำดื่มบางส่วนเหล่านี้ไปแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยด้วยเลย ซึ่งผมก็บอกไปว่า ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง นี่หากเรามีกำลังทุนมากกว่านี้ ก็อยากจะช่วยเหลือแจกจ่ายไปยังผู้ป่วยด้วย ตอนนี้ สภาพโดยรวมทั่วไปภายในโรงพยาบาลแต่ละแห่งที่เราไป น่าเป็นห่วงมากครับ"

เขาทรายกล่าวอีกว่า "อย่างไรก็ตาม ตามเป้าหมายของโครงการ จะทำหน้าที่ให้ครบ อีก 4 ครั้งคือ วันอังคารที่ 13 ก.ค.โรงพยาบาลสนาม สนามศุภชลาศัย ,วันพุธที่ 14 ก.ค. โรงพยาบาล บางใหญ่

โดยพรสวรรค์ ป.ประมุข จะเป็นตัวแทนเดินทางไปมอบข้าว 200 กล่อง ,วันศุกร์ที่ 16 ก.ค. ที่ ศูนย์ฉีดวัคซีน กกท และ วันจันทร์ที่ 19 ก.ค. ที่ โรงพยาบาลสนาม ศุภชลาศัย ซึ่งจะเป็นวันสุดท้ายของ กิจกรรม ช่วยเหลือจาก ชมรมวีรบุรุษแชมป์โลกไทย 

"สุดท้ายนี้ ผมจึงขอเรียนเชิญพี่น้องชมรมฯ และทุกท่านผู้มีจิตศรัทธา ที่สะดวกเดินทางมาร่วมมอบกันได้ครับ และขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่แพทย์สนาม ตลอดจนผู้ป่วยโควิดทุกท่าน ขอให้อยู่รอดปลอดภัย หายไว ๆ มา ณ ที่นี้ด้วย ขอบคุณมากครับ"  แชมป์โลกขวัญใจชาวไทยกล่าว

นนทบุรี – “โครงการบ้านหลังสุดท้าย” วัดราษฎร์ประคองธรรม ขอโรงศพแต่งภายในบุผ้าสวยงาม เพื่อผู้เสียชีวิตโควิด-19 ฌาปนกิจศพฟรี โดยไม่มีเสียค่าใช้จ่าย

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 12 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่วัดราษฎร์ประคองธรรม ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยวัดแห่งนี้ได้รับสงเคราะห์ฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 และศพไร้ญาติ แบบครบวงจรฟรี โดยเริ่มตั้งแต่มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามนนทบุรี ไปรับศพออกจากโรงพยาบาลที่เสียชีวิต แล้วนำกลับมาฌาปนกิจศพให้ที่วัดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ตามความเดือดร้อนของประชาชนที่ติดต่อร้องขอเข้ามาที่วัดราษฎร์ประคองธรรมแห่งนี้ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ตามนโยบายของมหาเถรสมาคมด้วย

โดยพระครูสมุห์ อำนวยโชติปัญโญ หรือพระอาจารย์ กุ่ย เจ้าอาวาสวัดโปรยฝน คลอง 11 ได้ทราบข่าว ว่าทาง พระครูกิตติวิริยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดราษฏร์ประคองธรรม และเป็นเจ้าคณะอำเภอบางใหญ่ จ.นนทบุรี ทางวัดมี "โครงการบ้านหลังสุดท้าย" ในการส่งศพฟรี ฌาปนกิจศพฟรี โดยไม่มีเสียค่าใช้จ่าย ตอนนี้ก็ทราบว่าทางวัดท่านได้ฌาปนกิจศพ ทุกวันวันละ 4-5 ศพ จึงขอรวมเป็นส่วนหนึ่งในการถวายปัจจัยจำนวน 10,000 บาท สนับสนุนค่าน้ำมันในการเผา และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมมอบโรงศพให้จำนวน 7 ใบ ในการช่วยเหลือทางวัดอีกแรง ขอเจริญพรฯ

พระครูกิตติวิริยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดราษฏร์ประคองธรรม กล่าวว่า ที่ได้ทำโครงการบ้านหลังสุดท้ายช่วยผู้ยากไร้และผู้ไม่มีทรัพย์ ในช่วงนี้เป็นช่วงที่เกิดโรคระบาดคือโรคโควิค อาจารย์ก็ได้ทำพิธีเผาศพให้ ที่วัดเราเผาทั้งหมดตอนนี้ 113 ศพแล้ว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมมานี้ หากโยมท่านใดที่นำลงมาถวายที่วัดอาจารย์ขออย่างเดียว 1 ต้องกุผ้านวมข้างในเป็นสีฟ้า เป็นสีแดงเป็นสีเหลือง หรือสีอะไร ให้กุผ้านวมมาหน่อยนึง และอาจารย์ถึงจะรับถ้าไม่กุผ้านวมมาอาจารย์ไม่อยากรับเลย เพราะว่ามันไม่น่านอน ผีก็อยากได้ของดี เราก็อยากได้ของดี เหมือนกัน เพราะนั้น เราต้องให้ของดีต่อทุก ๆ ศพนะและขอขอบคุณ พระครูสมุห์อำนวยเจ้าอาวาสวัดโปรยฝน ที่นำปัจจัยมาถวายช่วยค่าน้ำมันแก่วัดราษฎร์ประคองธรรม แล้วก็มีมอบโลงศพให้มาด้วย 7 โลงเจริญพร


ภาพ/ข่าว  กำพลศิลป์ วงษ์เดือน ผู้สื่อข่าวนนทบุรี

สมุทรปราการ - "ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ" ให้เกียรติรับมอบน้ำดื่ม 1,200 ขวด เพื่อนำไปข่วยเหลือประชาชน

วันจันทร์ 12 กรกฎาคม 2564 เวลา 14.00 น. ณ.ศาลาว่าการจังหวัดสมุทรปราการ "นายวันขัย คงเกษม" ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้ให้เกียรติรับมอบน้ำดื่มจำนวน 1,200 ขวด จาก "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงาน พร้อมด้วย "นายโกสินธ์ จินาอ่อน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์  "นายณัฐวุฒิ เหมือนเพชร" ผู้อำนวยการข่าวจังหวัดสมุทรปราการ (หนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์) ที่ได้รับบริจาคน้ำดื่ม จาก "นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์" ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ "นายภิญโญ กิจเลิศไพโรจน์" เลขานุการคณะกรรมาธิการการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับ "มูลนิธิกิจเลิศไพโรจน์" ส่งมอบน้ำดื่ม จำนวน 1,200 ขวด เป็นสะพานบุญนำน้ำดื่มจำนวนดังกล่าว มามอบให้กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ

เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการดูแลพี่น้องประชาชน และผู้อาศัย อยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ ที่กำลังประสบปัญหาจากสถานการณ์เหตุเพลิงไหม้ที่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และผู้ประสบปัญหาจากสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้

ในการนี้ "นายวันชัย คงเกษม" ผู้ว่าราชการจังหวัด ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรปราการ ที่ทางรัฐบาล และหน่วยงานภาครัฐทุกภาคส่วนใช้กำลังกาย กำลังใจ และเครื่องมือต่าง ๆ ในการดำเนินงานช่วยเหลือ ดูแล ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสมุทรปราการ และผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ มีความปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด-19

อีกทั้ง ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ยังแสดงความห่วงใย สุขภาพ อนามัย และความเป็นอยู่ มายังพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสมุทรปราการ และพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ โปรดร่วมแรง ร่วมใจกันปฎิบัติตามมาตรการที่ทางภาครัฐได้ขอ ความร่วมมือ เพื่อเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันต่อสู้กับปัญหาต่าง ๆ ในช่วงสถานการณ์ นี้ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ต่อไป

อุทัยธานี - ถึงยุคที่ผีต้องมารีวิวสิ้นค้าแล้วหรอ! !ผีหลวงขาวทอง ช่วยแม่ค้าออนไลน์สมใจทุกรายเป็นที่นิยมในโลกออนไลน์

เมื่อเวลา 14.00.น. ของวันที่ 9 ก.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง ณ ศาลเจ้าพ่อเสือ ต.หนองไผ่แบน อ.เมือง จ.อุทัยธานี โดยไปพบกับนายวงเกษม ศาสตระคมฤทธิ์ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นเป็นร่างเจ้าแม่ขาวทอง พร้อมทีมงานจำนวน 4 คน ที่คอยดูแลเจ้าแม่ขาวทอง

โดย ศาลเจ้าพ่อเสือจังหวัดอุทัยธานี เป็นแหล่งท่องเที่ยวประจำจังหวัด และเป็นสถานที่สำคัญ ที่นักท่องเที่ยวเข้ามากกราบไหว้ขอพรเป็นจำนวนมากแต่ในช่วงสถานการณ์ covid ที่ระบาดขึ้นระลอกใหม่ ทางศาลเจ้าพ่อเสือจึงปิดทำการชั่วคราว ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน 2564 ที่ผ่านมา ดังนั้น จึงขาดการติดต่อกับทางกลุ่มผู้มีความศรัทธาต่อศาลเจ้าพ่อเสือแห่งนี้ ทีมงานจึงจัดทําช่อง TikTok ขึ้นมาชื่อว่า ช่องผีหลวงขาวทอง เพื่อเป็นช่องทางในการพูดพบปะทักทายและตอบคำถามชี้แนะแนวทางข้อคิดให้กับกลุ่มผู้มีความศรัทธาในศาลเจ้าพ่อเสือ และองค์ประทับที่ชื่อว่าองค์เจ้าแม่ขาวทอง โดยจะทำการไลฟ์สดในช่องติ๊กตอกเป็นประจำทุกวันตั้งแต่เวลา 3 ทุ่ม ถึง ตี 2 รวมประมาณ 5 ชั่วโมง 

แต่ช่วงที่ผ่านมาได้มีกลุ่มผู้ศรัทธาซึ่งประกอบกิจการต่าง ๆ ในหลายจังหวัดได้ขอให้เจ้าแม่ขาวทองช่วยแนะนำร้านอาหารของตัวเองหรือที่เรียกว่าช่วยรีวิวร้านค้า  รีวิวสินค้า เจ้าแม่จึงช่วยรีวิวแนะนำให้กลุ่มลูก ๆ ให้รู้จักสินค้า จากนั้นจึงมีการขอให้ช่วยรีวิวมาจำนวนมาก  อีกทั้งมีกระแสที่ดราม่ามั้ง ตลกมั่ง ครายเครียดให้กับแม่ค้าพ่อค้าออนไลน์ เพื่อเป็นการพูดคุยกันและตอบโต้กัน กันในกลุ่มผู้รับชมในช่อง TikTok จึงเป็นที่มาของช่องผีหลวงขาวทอง ที่วัยรุ่นนิยมเป็นส่วนมากของจังหวัดอุทัยธานีและต่างจังหวัด ซึ่งมีคนดูอยู่หลายหมื่นคนที่เข้ามารับชม


ภาพ/ข่าว  ภาวิณี ศรีอนันต์

สมุทรปราการ - เผยโฉมหน้า ฮีโร่นักบิน ฮ. ผู้อยู่เบื้องหลังสยบเพลิงโรงงานกิ่งแก้ว อดีตนักรบนาวิกโยธิน กองทัพเรือ

จากกรณีที่ บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก เกิดเพลิงไหม้ เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับผลกระทบ บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ทำให้เราเห็นแล้วว่าประเทศไทยเรานั้น มีฮีโร่ที่อยู่เบื้องหลังการดับเพลิงที่กำลังลุกลามลงได้ และหนึ่งในนั้น คือ “ร้อยโท กิตตินันท์ กันทพนม” นศ.ระดับปริญญาโท รุ่นที่ 8 สถาบันการบินพลเรือน นักบินเฮลิคอปเตอร์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่ได้ทำการบิน ฮ.KA-32 ในการโปรยโฟมดับไฟในครั้งนั้น

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก “Avm Catc” ได้โพสต์ชื่นชมฮีโร่ผู้สยบเพลิง โดยระบุข้อความว่า “ขอชื่นชม ร้อยโทกิตตินันท์ กันทพนม นศ.ระดับปริญญาโท รุ่นที่ 8 สถาบันการบินพลเรือน นักบินเฮลิคอปเตอร์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ที่ทำการบิน ฮ.KA-32 โปรยโฟม จากกรณีที่ บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก เกิดเพลิงไหม้เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 5 ก.ค. 64 จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก ภารกิจนี้นับว่าสำคัญในระดับสูงสุด เพราะเป็นการช่วยเหลือชีวิตคน ซึ่งมีค่ามากกว่าสิ่งใดในโลกใบนี้ MMAVM CATCFamily

ท่านทราบไหมครับว่า ฮีโร่ ผู้นี้คือ อดีตนักรบนาวิกโยธิน แห่งกองทัพเรือ จากการจบการศึกษาจากโรงเรียนจ่าทหารเรือ รุ่นที่ 53 (นรจ.ทร.53) และเป็นนักเรียนจ่านาวิกโยธิน รุ่นที่ 55 (นรจ.นย.55) และได้ลาออกจากกองทัพเรือ หันเหชีวิตมาสมัครเป็น นักบินทหารบก และศึกษาต่อจนจบปริญญาโท รุ่นที่ 8 สถาบันการบินพลเรือน นักบินเฮลิคอปเตอร์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย

ซึ่งการปฏิบัติภารกิจ ในการบิน ฮ.โปรยโฟมดับไฟในครั้งนี้ นับว่าเป็นภารกิจสำคัญในระดับสูงสุด เพราะเป็นการช่วยเหลือชีวิตคน ซึ่งมีค่ามากกว่าสิ่งใดในโลกใบนี้ ยังความภาคภูมิใจแด่ เพื่อนร่วมรุ่นนรจ.ทร.33 นรจ.นย.รุ่น 55 หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และกองทัพเรือ เป็นอย่างยิ่ง จึงขอเป็นแรงบันดาลใจ บนเส้นทางนักบินทหารบก ที่ไม่เคยลืมกำเนิดจากกองทัพเรือ แม้แต่สักครั้งเดียว ขอชื่นชมนักบินเฮลิคอปเตอร์ ผู้อยู่เบื้องหลังสยบเพลิงโรงงานกิ่งแก้ว ในครั้งนี้


ภาพ/ข่าว  สนง.โฆษกกองทัพเรือ  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

กรุงเทพฯ - “มูลนิธิมาดามแป้ง” เยียวยาครอบครัวอาสาดับเพลิงเสียชีวิต-เจ็บสาหัส พร้อมตั้งครัวช่วยผู้ประสบภัย โรงงานกิ่งแก้วระเบิด

“มูลนิธิมาดามแป้ง” ยื่นมือช่วยเหลือครอบครัวอาสาดับเพลิงที่เสียชีวิต และบาดเจ็บสาหัส พร้อมตั้งครัวมาดาม ส่งอาหารบรรเทาความเดือนร้อนผู้อพยพ และเจ้าหน้าที่ เหตุโรงงานระเบิด ซอยกิ่งแก้ว 21 ตั้งแต่วันแรกถึงปัจจุบัน

จากเหตุการณ์ระเบิดและเพลิงไหม้โรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก ภายในซอยกิ่งแก้ว 21 ถ.กิ่งแก้ว ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จนมีอาสาดับเพลิงเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย อีกทั้ง พื้นที่โดยรอบยังถูกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องอพยพประชาชนโดยรอบออกจากพื้นที่จำนวนมาก

“มูลนิธิมาดามแป้ง” โดย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ซีอีโอ เมืองไทยประกันภัย ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิฯ ซึ่งเห็นถึงความยากลำบากและความเสียสละของคนทำงานอาสายามเกิดภัย จึงตั้งใจมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวของ นายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ หรือ น้องพอส อาสาสมัครดับเพลิงวัย 19 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากการทำหน้าที่ จำนวน 50,000 บาท อีกทั้งมอบเงินช่วยเหลืออาสาดับเพลิงที่บาดเจ็บสาหัส 2 รายที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล คือ นายกฤษณะ นุชสุวรรณ และ นายนันทปรีชา มีแสง คนละ 20,000 บาท รวม 40,000 บาท รวมเป็นเงินช่วยเหลือทั้งสิ้น 90,000 บาท

ด้าน "มาดามแป้ง" กล่าวว่า “ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งแก่ครอบครัวน้องพอส รวมถึงผู้ที่บาดเจ็บทุกท่าน บ่อยครั้งที่เราต้องสูญเสียผู้ที่มีหัวใจอาสาแบบนี้ไปอย่างน่าเสียใจ มูลนิธิฯ เล็ก ๆ ของเราขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวน้องพอส เงินจำนวนนี้คงเทียบไม่ได้กับชีวิตที่สูญเสีย แต่ขอให้รู้ว่าน้องคือผู้เสียสละที่แท้จริง และขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร และคนในพื้นที่ให้ผ่านเหตุการณ์ไปโดยเร็ว ทุกอย่างมาจากความตั้งใจของเราทุกคน ที่อยากให้สถานการณ์นี้ผ่านไปได้โดยเร็ว”

นอกจากนี้ มูลนิธิมาดามแป้ง ยังตั้ง "ครัวมาดาม" ทันทีตั้งแต่วันแรกถึงปัจจุบัน เพื่อส่งมอบข้าวกล่องพร้อมสิ่งของที่จำเป็น บรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วนแก่ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ วัดบางพลีใหญ่ใน, อบต.บางพลีใหญ่, รร.เตรียมปริญญานุสรณ์, รร.คลองบางกระบือ และวัดบางโฉลงใน กว่า 1,500 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร ณ ศูนย์บัญชาการกลาง ทั้งนี้ มูลนิธิมาดามแป้งยังมีแผนสนับสนุนความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ตามสถานการณ์ และความต้องการของประชาชนในพื้นที่เกิดเหตุต่อไป เพื่อส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน

สมุทรปราการ - “รองโจ” รอง ผบก.ชลบุรี ร่วมกับครอบครัวมีศิริ มอบอาหารปรุงสุกและน้ำดื่ม ให้บุคลากรทางการแพทย์

พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง อดีตประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.บางพลีใหญ่ ร่วมกับ ร้าน OPOR fashion ครอบครัวมีศิริ นำอาหารปรุงสุกพร้อมด้วยน้ำดื่มนำมามอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฎิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชน ณ ศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีน Covid-19 วัดบางพลีใหญ่กลาง

โดยนายธวัชชัย มีศิริ พร้อมครอบครัวมีศิริ จัดทำอาหารกล่องข้าวหมกไก่ทอด ข้าวมันไก่ ข้าวผัดกระเพราหมู และก๋วยเตี๋ยวเกี๊ยวกรอบ จำนวน 300 ชุด พร้อมทั้ง น้ำลำไย น้ำเก็กฮวย และน้ำดื่ม นำมามอบให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ จากโรงพยาบาลบางพลี  สำนักงานสาธารณสุขอำเภอบางพลี และเจ้าหน้าที่ อสม.ที่มาอำนวยความสะดวกในการให้บริการฉีดวัคซีน ให้กับประชาชน ณ ศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีน Covid-19 วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลี อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ ให้กับเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ ที่เสียสละเพื่อส่วนรวม โดยมี พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง และตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์ ศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีน Covid-19 ร่วมกันรับมอบ


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ  รายงาน

ปทุมธานี - พิธีเปิด "ครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย" จังหวัดปทุมธานี

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงห่วงใยและทรงตระหนักถึงความเดือดร้อนของราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงพระราชทานพระราชานุญาตให้สภากาชาดไทย โดยสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ จัดตั้ง "ครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย" ณ ศูนย์คหกรรมศาสตร์ช่อพวงชมพู คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ในระหว่างวันที่ 7-16 กรกฎาคม 2564

เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่สำหรับนำไปมอบให้แก่ประชาชนจังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นการจัดตั้งครัวพระราชทานฯ แห่งที่ 13 นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19โดยในวันนี้ (7 กรกฎาคม 2564) เวลา 10.00 น. นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิด "ครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย" พร้อมมอบอาหารพระราชทานให้แก่ผู้แทนจากอำเภอต่าง ฯ จำนวน 3,000 ชุด ณ ศูนย์คหกรรมศาสตร์ช่อพวงชมพู คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

โดยเมนูอาหารพระราชทานในวันนี้ ประกอบด้วย ข้าวสวยไก่กระเทียม น้ำพริก ผักสุด จากนั้น ประธานและคณะได้เดินทางเข้าเยี่ยมผู้สูงอายุและผู้ป่วยยากไร้ จำนวน 3 รายในพื้นที่ตำบลคลองหก อำเภอคลองหลวง พร้อมมอบอาหารพระราชทาน น้ำดื่ม และชุดธารน้ำใจกู้ชีวิตฝ่าวิกฤติโควิด-19 เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ยังความปลาบปลื้มแก่ประชาชนที่ได้รับอาหารพระราชทานและต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

อาหารปรุงสุกใหม่จากครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย จะแจกจ่ายไปยังประชาชนในพื้นที่ 7 อำเภอ ของจังหวัดปทุมธานี ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี อำเภอคลองหลวง อำเภอธัญบุรี อำเภอลำลูกกา อำเภอสามโคก อำเภอลาดหลุมแก้ว และอำเภอหนองเสือ โดยคำนึงถึงการบริหารจัดการครัวที่เน้นความสะอาด ถูกสุขลักษณะ ประกอบหารปรุงสดใหม่ สะอาด โดยเน้นให้ผู้ประกอบอาหารแต่งกายตามมาตรฐาน คือ สวมหมวกคลุมผม สวมผ้ากันเปื้อน สวมหน้ากากอนามัย และสวมถุงมือ รวมถึงการแจกจ่ายอาหารพระราชทานที่มีการจัดระเบียบการรักษาระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 3 ครัวพระราชทาน อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ได้ผลิตอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน และมอบให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บุรีรัมย์ นครสวรรค์ และตรัง ไปแล้วรวมจำนวน 145,104 ชุด และยังคงให้ความช่วยเหลือในจังหวัดอื่น ๆ ต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคเงิน 99 บาท ในโครงการ "พลังใจ 99 บาท ก้าวผ่านวิกฤต COVID-19" เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ต้องกักกันตน ผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ และไร้ที่พึ่ง เพื่อลดความเสี่ยง ป้องกัน และเยียวยาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านการดำเนินงานของสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์สำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด สถานีกาชาด เหล่ากาขาดจังหวัด และกิ่งกาชาดอำเภอ ด้วยการสแกน QR CODE ผ่านแอปพลิเคชันธนาคารในระบบ E-DONATION หรือโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักสีลม ชื่อบัญชี "สภากาชาดไทย เพื่อภัยพิบัติ" ประเภทบัญชี "กระแสรายวัน" เลขที่ 001-1-34567-0 หรือธนาคารกรุงไทย สาขาสุรวงศ์ ชื่อบัญชี "สำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย" ประเภทบัญชี "กระแสรายวัน" เลขที่ 023-6-06799-0 สอบถามเพิ่มเติม โทร.1664


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

สมุทรปราการ - “นันทิดา” นายก อบจ. ลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนศูนย์พักพิงบางพลี แจงปมดราม่า ไม่ได้หายไปไหน

นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ นำคณะผู้บริหารลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนที่ศูนย์พักพิงภายในวัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วย นายสุนทร ปานแสงทอง รองนายก อบจ. ดร.พิริยะ โตสกุลวงศ์ รองนายก อบจ. นายสมลักษณ์ ควรสงวน รองนายก อบจ. นางสาวชนม์ทิดา อัศวเหม และนายรัชชานนท์ ทองอร่าม เลขานุการนายก อบจ.สมุทรปราการ นายชนะ หงวนงามศรี รองประธานสภา อบจ. สมุทรปราการ ร่วมลงพื้นที่เยี่ยมประชาชน

โดยเดินทางมาให้กำลังใจ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงานผลิตพลาสติกภายในซอย กิ่งแก้ว 21  โดยศูนย์พักพิงช่วยเหลือประชาชนวัดบางพลีใหญ่กลาง มีผู้ประสบภัยเข้ามาพักอาศัยกว่า 300 คน แรงระเบิดส่งผลกระทบทำให้บ้านเรือนประชาชน รถยนต์ โรงงาน และอาคารโดยรอบที่อยู่ในรัศมีได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก 

อีกทั้งยังพบว่ามีสารเคมีและวัตถุดิบในการผลิตถูกเพลิงเผาไหม้กลายเป็นกลุ่มควันฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ จนทางจังหวัดต้องประกาศเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย และทำการอพยพประชาชนออกห่างในรัศมี 5 กิโลเมตร

สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถือเป็นอีกหนึ่งกำลังสำรองหลัก ที่คอยทำหน้าที่ให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานของทางจังหวัดสมุทรปราการ ให้บรรลุเป้าหมาย เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายและกลับคืนสู่ภาวะปกติ  โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ที่เป็นหน่วยงานแรก ๆ ที่ส่งทีมเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์เข้าไปร่วมปฏิบัติการดับเพลิงตั้งแต่เกิดเหตุและยืนหยัดช่วยเหลืออยู่ต่อไปจนกว่าภารกิจจะสำเร็จลุล่วง อบจ.สมุทรปราการ สนับสนุนภารกิจร่วมกับทางจังหวัด ได้แก่ รถฉีดน้ำยาโฟม จำนวน 4 คัน ,น้ำยาโฟม จำนวน 100 ถัง ,รถดับเพลิง จำนวน 2 คัน ,รถพ่นละอองน้ำจำนวน 9 คัน ,บอลลูนไลน์ จำนวน 4 เครื่อง (ประจำตามศูนย์อพยพ) และรถสุขา 4 คัน (ประจำตามศูนย์อพยพ)

นอกจากนี้ยังได้ประสานงานไปยัง นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อขอการสนับสนุนทางด้านอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นต่าง ๆ ในการยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัย ตามศูนย์อพยพชั่วคราว ซึ่งภารกิจครั้งนี้จะเห็นได้ว่า บทบาทและกรอบภารกิจในการกู้วิกฤติไฟไหม้โรงงานผลิตย่านถนนกิ่งแก้วครั้งนี้ ทุกฝ่ายล้วนให้ความร่วมมือ สนับสนุนการดำเนินการของทางจังหวัดสมุทรปราการ ให้บรรลุเป้าหมายโดยพร้อมเพรียงกัน


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

สมุทรปราการ - นิพนธ์ ขอบคุณ ทุกฝ่ายปฏิบัติการดับเพลิงโรงงานกิ่งแก้ว จนเสร็จสิ้น แสดงความเสียใจ จนท. เสียชีวิต 1 ราย มีผู้บาดเจ็บกว่า 40 ราย ยืนยัน รัฐบาลพร้อมดูแลเยียวยาความเสียหาย

เมื่อเวลา 14.00 น. เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2564  นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางลงพื้นที่เหตุโรงงานไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว (บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล) จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อติดตามตรวจความเสียหาย และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ว่า ความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้โรงงานสารเคมี บริษัทหมิงตี้ เคมิคอล จำกัด ซอยกิ่งแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์  ที่มูลนิธิร่วมกตัญญู สมุทรปราการ ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีบ้านเรือนประชาชนเสียหาย 100 หลัง ผู้บาดเจ็บ 40 ราย ผู้เสียชีวิต 1 รายเป็นเจ้าหน้าที่ ในส่วนเรื่องความเสียหายของโรงงานหรือโครงสร้างอาคาร ต้องรอทางจังหวัดสมุทรปราการประชุมสรุปผลอีกครั้ง ขณะนี้เพลิงสงบแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังการปะทุของไฟอย่างต่อเนื่อง

นายนิพนธ์ กล่าวว่า สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระยะเร่งด่วน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่ ส่วนเรื่องการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ กระทรวงมหาดไทย มีหลักเกณฑ์การช่วยเหลืออยู่แล้ว เมื่อจังหวัดได้มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน จังหวัดก็สามารถใช้จ่ายเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด วงเงิน 20 ล้านบาท ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2562 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าของผู้ประสบภัย หากงบไม่พอสามารถขยายต่อได้ครั้งละ 20 ล้านบาท

“การเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เป็นเรื่องที่เราไม่อยากให้เกิด ต้องเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียด้วย ทางภาครัฐก็มีหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือด้วยและต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีส่วนร่วมในปฏิบัติการดับเพลิงครั้งนี้ ตั้งแต่อาสาสมัคร พนักงานดับเพลิง เจ้าหน้าที่กู้ภัย ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย “ นายนิพนธ์กล่าว

 

จากนั้นได้เดินทางไปยังจุดอพยพประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ ณ วัดบางพลีใหญ่ใน ซึ่งมีประชาชนพักอาศัยอยู่กว่า 300 คน โดยได้ร่วมมอบของบรรเทาทุกข์ร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยนำน้ำดื่ม เจลแอลกอฮอล์ และหน้ากากอนามัย มอบความช่วยเหลือเบื้องต้นไปสมทบช่วยประชาชน เพื่อมอบให้กับหน่วยการปกครองส่วนท้องถิ่นทำหน้าที่บริหารจัดการกระจายตามจุดต่างๆตามความเหมาะสมต่อไป


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top