Friday, 26 April 2024
POLITICS

'เพื่อไทย' ลงพื้นที่ให้กำลังใจชาวอยุธยา ชี้!! ถ้าได้เป็นรัฐบาลแก้ปัญหาน้ำท่วมได้แน่นอน

เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 11 ต.ค. ที่จ.พระนครศรีอยุธยา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายจิรทัศ ไกรเดชา ส.ส.พระนครศรีอยุธยา นายอัณณพ อารีย์วงศ์สกุล นายอาทิตย์ ภาคอินทรีย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคพเพื่อไทย เดินทางไปที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลประทานผักไห่ เพื่อลงเรือเยี่ยมพี่น้องประชาชน บริเวณแม่น้ำน้อย องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ลาดชิด อ.ผักไห่ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย จากนั้น น.ส.แพทองธารพร้อมคณะเดินทางมาที่วัดลาดชิด เพื่อพบปะประชาชนเกือบ 100 คนที่ได้รับความเดือดร้อน 

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยมาหาพี่น้องประชาชนเพื่อมาให้กำลังใจ ตนได้ลงเรือเห็นแล้วว่าระดับน้ำสูงมาก ขอให้กำลังใจทุกท่าน ถ้าพรรคเพื่อไทยได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง เรามั่นใจว่าจะจัดการดูแลเรื่องน้ำให้ประชาชนดีกว่านี้แน่ ๆ ตนอยากจะดีดนิ้วให้น้ำมันหายไปให้หมด เพื่อให้พี่น้องอยู่กันสบาย ๆ แต่ไม่มีซูเปอร์พาวเวอร์ ต้องรอให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเพื่อมีแรง กำลังและอำนาจในการช่วยจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้กับพี่น้องให้ดีขึ้นกว่านี้ ตอนนี้ขอส่งกำลังใจด้วยความจริงใจจากพรรคเพื่อไทย ขณะนี้ผู้บริหารพรรคเพื่อไทยก็กระจายกำลังกันทำหน้าที่ อะไรที่เราทำได้ เราทำแน่ ขอให้พี่น้องสบายใจ แต่ตอนนี้ขอให้กำลังใจพี่น้องเต็ม ๆ ไปก่อน 

จากนั้น น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เห็นใจพี่น้องประชาชน เห็นว่ามีระดับน้ำเยอะ ทุกคนดูมีกำลังใจและมีพลังบวก เรามาหาชาวบ้านแต่ชาวบ้านกลับยิ้มแย้มแจ่มใส และให้กำลังใจประชาชน เก่งมาก ๆ ตนขอชื่นชมจากใจที่ชาวบ้านเจอปัญหานี้แล้วยังมีกำลังใจ มีน้ำใจให้กับพรรคเพื่อไทยและพวกเราทั้งหมด 

เมื่อถามว่าจะมีการสานต่อโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยุคสมัยเปลี่ยนไป เราต้องกลับมามาดูแลเรื่องน้ำแน่นอน แต่ต้องดูรายละเอียดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไร ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านน้ำและพรรคเพื่อไทยด้วย แน่นอนว่านี่เป็นปัญหาที่ประชาชนเดือดร้อนและต้องนำมาแก้ไข

เมื่อถามต่อว่าโครงการดังกล่าวเคยมีเสียงวิจารณ์ แสดงว่าพรรคเพื่อไทยจะกลับมาทบทวนใช่หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เดิมเรามีแผนโครงการบริหารจัดการน้ำฯ ขณะนั้น เราได้บูรณาการแผนทั้งหมด ปรากฏว่าระหว่างนั้นมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก่อน ทำให้แผนต้องหยุดชะงักลง ถ้ามีโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาล เราก็จะยึดแผนเดิมอยู่ ซึ่งในการเปลี่ยนแปลงโครงการฯ ที่น.ส.แพทองธารพูด บางส่วนอาจมีความจำเป็น เพราะวันนั้นกับวันนี้มันต่างกันร่วม 10 ปีแล้ว ก็อาจจะต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโครงการฯ

เมื่อถามว่าหากโครงการนี้ยังคงอยู่ปัญหาน้ำท่วมจะดีขึ้นกว่านี้หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าดีขึ้น ถ้าโครงการยังอยู่และมีการปฏิบัติตาม

'พิธา' ปลื้ม!! ก้าวไกลเบอร์ 1 ประชาชนอุดหนุนภาษีพรรค ลั่น!! ทำงานรับใช้ปชช. โดยไม่ต้องเกรงใจนายทุน

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวขอบคุณประชาชนที่อุดหนุนภาษีให้พรรคก้าวไกลในปีงบประมาณ 2565 ว่าเป็นการร่วมกันสร้างพรรคก้าวไกลให้เป็นพรรคมวลชนที่อยู่ได้ด้วยเงินของประชาชน และสามารถเป็นตัวแทนทำงานรับใช้ประชาชนโดยไม่ต้องเกรงใจนายทุนผู้มีอิทธิพลคนไหน

“การระดมทุนคนละ 100 บาท จากประชาชน 1 ล้านคน มีความหมายมากกว่าระดมทุนคนละ 10 ล้านบาท จากเจ้าสัว 10 คน เพราะนี่คือรากฐานสำคัญในการทำให้พรรคก้าวไกลเป็นสถาบันการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง” พิธากล่าว

พิธากล่าวเพิ่มเติมว่ายอดการบริจาคเงินในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่เติบโตเร็วมาก ถ้าเราพิจารณาจากยอดการบริจาคเงินในปีนี้จะพบว่าพรรคก้าวไกลไม่ใช่แค่รักษาอันดับหนึ่งไว้ได้ แต่ยังได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเพิ่มมากกว่าเท่าตัวจาก 12,695,738 บาท เป็น 27,564,203 บาท หรือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 117 และทิ้งห่างอันดับสองถึง 8 เท่า แสดงให้เห็นถึงความนิยมของพรรคก้าวไกลในเขตเมือง ซึ่งพรรคก้าวไกลต้องปักหลักและขยายฐานเสียงให้ได้เพื่อเป็นพรรครัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้า

'บิ๊กป้อม' สั่งเยียวยาด่วน ชาวบ้านประสบปัญหาน้ำท่วมขัง พร้อมผันน้ำสำรองเก็บใช้ฤดูแล้งคราวเดียวกัน

(10 ต.ค. 65) พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 3/65 ผ่านระบบ VTC ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ เพื่อติดตามสถานการณ์การบริหารจัดการน้ำ รับกับอุทกภัย และความเดือดร้อนของประชาชนที่กำลังเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมทั้งเตรียมการรองรับฤดูแล้งในคราวเดียวกัน

โดยรับทราบ สถานการณ์น้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ จากปริมาณน้ำสะสมที่มีมาก ส่งผลลำน้ำสายหลักเอ่อล้น โดยเฉพาะ ลุ่มเจ้าพระยา แม่น้ำมูลและแม่น้ำชี ที่ต้องเร่งให้การช่วยเหลือระบายน้ำและผันน้ำเข้าเก็บพื้นที่แก้มลิง เพื่อรับปัญหาฤดูแล้งในคราวเดียวกัน โดยภาพรวม มีแหล่งน้ำที่ต้องเฝ้าระวังจำนวน 765 แห่ง ที่มีน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุ พร้อมทั้งรับทราบ การดำเนินงานของศูนย์ส่วนหน้าเพื่อบริหารจัดการน้ำภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยขอให้กรมชลประทาน ตรวจสอบความเสียหายพนังกั้นน้ำพื้นที่ท้ายอ่างให้มีความมั่นคงปลอดภัย เพื่อใช้บริหารจัดการน้ำได้เต็มศักยภาพ

'เฉลิม' ชี้!! เป็นเกียรติ หาก 'สมศักดิ์-สุชาติ' หวนคืนเพื่อไทย ส่วนเคส 'ธรรมนัส' ยังกั๊ก บอก 'ฝนยังไม่ตก อย่าเพิ่งกางร่ม'

เมื่อวันที่ (10 ต.ค. 65) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ปรึกษาคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีกระแสข่าวที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) พร้อม ส.ส.บางส่วน จะย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยว่า การเมืองไม่แน่นอน ตนไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค ตอบไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรหรือไม่

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่ากลุ่มนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ และ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐจะย้ายกลับมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยเช่นกัน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า พวกนี้เป็นคนเก่าคนแก่ ถ้าจะกลับมาก็ถือเป็นเกียรติ

เมื่อถามย้ำว่าหาก ร.อ.ธรรมนัสกลับมาจะไม่ถูกต่อต้านจากสมาชิกพรรคใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ฝนยังไม่ตก อย่าเพิ่งกางร่ม

'เพื่อไทย' จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งส.ส. ปักธง 'แลนด์สไลด์' เลือกเพื่อไทยทั้งแผ่นดิน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ (10 ต.ค. 65) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ปรึกษาคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และนายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวเปิดศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ศูนย์ฯ ดังกล่าวจะมีนายประเสริฐเป็น ผอ.ศูนย์ นายจักรพงษ์ เป็นเลขานุการศูนย์ฯ ทั้งนี้ เราได้ประกาศต่อประชาชนว่าเราจะแลนดสไลด์ ซึ่งพรรคได้เริ่มประกาศนโยบาย 'พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อรายได้ใหม่ของประชาชน' ไปแล้ว โดยเป้าหมายเราชัดเจนที่จะสร้างความเชื่อมั่น นำพาประชาชนออกจากวิกฤติ สร้างอนาคตให้ลูกหลาน สร้างอนาคตให้ประเทศ เรามีสามเสาหลักคือผู้สมัครโดยตั้งเป้าส่งครบ 400 เขต ส่วนนโยบายคำนึงถึงประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นประชาธิปไตยที่กินได้ นโยบายของเราไม่ตัดเสื้อโหลแน่นอน เน้นระดับภูมิภาค จังหวัด สายอาชีพซึ่งเข้าถึงได้ และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ยืนยันว่าเราพร้อมแล้วสำหรับการเลือกตั้ง

นายประเสริฐ กล่าวว่า สถานการณ์เมืองขณะนี้อาจมีเหตุการณ์ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ และอีกไม่นานสภาฯ จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ดังนั้นเพื่อไทยเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง จึงได้ตั้งศูนย์ฯ ดังกล่าวขึ้น มีคณะทำงานรวม 55 คน 6 กลุ่มงาน

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนจะทำให้พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน เพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ จะเอาแผนของโทนี่ วู้ดซัม (นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ) มาใช้แก้ปัญหายาเสพติด เราทำได้ เราทำมาแล้ว พรรคอื่นทำไม่เป็น เราจะดำเนินการให้สังคมเข้มแข็ง ทำให้คนยากจนมีโอกาส 

ทั้งนี้ ขอฝากไปบอกนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หาที่นั่งในผู้นำฝ่ายค้าน เพราะถึงเวลาเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะนั่งเต็มจนไม่มีที่นั่ง ทั้งนี้ ตนในฐานะที่ดูแลภาคอีสาน เราจะไปปราศรัยครั้งแรกที่จ.ศรีสะเกษ ขอเชิญพรรคภูมิใจไทยไปปราศรัยอีกอำเภอหนึ่ง แล้วมาวัดกัน

“สมัยทักษิณ 1 ปราบปรามยาเสพติดแบบถึงลูกถึงคน การจับยาต้องมีการต่อสู้และมีคนตายทั้งตำรวจและคนร้าย วันนี้ยูเอ็นชื่นชมว่าการปราบปรามยาเสพติดที่เอาจริงเอาจังคือสมัยของนายทักษิณ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

นายชัยเกษม กล่าวว่า ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์ฯ มีอะไรที่ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้นำไปสู่การแลนด์สไลด์ 8 ปีที่ผ่านมาเราจมอยู่กับการเมืองค่อนข้างไร้สาระ ไม่ได้ทำประโยชน์ให้ประเทศและประชาชน หวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เราจะแลนด์สไลด์เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น

สำหรับศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย ผู้บริหารศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งฯ ได้แก่ นายชัยเกษม นิติสิริ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล นายพานทองแท้ ชินวัตร น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ปรึกษา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ นายสุทิน คลังแสง รองผอ.ศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง นายจักรพงษ์ แสงมณี เลขานุการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง 

ศูนย์ฯ ดังกล่าว ประกอบด้วย 6 กลุ่มงานได้แก่ 
1.) กลุ่มงานนโยบายและข้อมูลการเลือกตั้ง ประกอบด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ นายนพดล ปัทมะ

'รัฐบาล' เผย ผู้นำหลายเขตเศรษฐกิจตอบรับร่วมเอเปกแล้ว เชื่อ!! ไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานอย่าง 'เรียบร้อย-สมเกียรติ'

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดประชุมเอเปกครั้งที่ 29 เชื่อมั่นไทยพร้อมจัดประชุมอย่างเรียบร้อย สมเกียรติ ซึ่งมีผู้นำเขตเศรษฐกิจสำคัญ แขกพิเศษ และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศตอบรับแล้ว

วันนี้ (10 ตุลาคม 2565) เวลา 9.30 น ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกครั้งที่ 29 (29th APEC Economic Leaders’ Week : AELW) ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยสาระสำคัญจากการประชุม ดังนี้ 

นายกรัฐมนตรีได้สั่งการ ให้ความคิดเห็น และรับทราบต่อการดำเนินการเพื่อเตรียมการเป็นประธานฯ ของไทย และขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมดำเนินการอย่างแข็งขัน ตั้งใจ มาจนถึงช่วงใกล้วันประชุมแล้ว 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึง ส่วนของประเด็นด้านการเตรียมการด้านสารัตถะ ไทยขับเคลื่อนวาระการเป็นเจ้าภาพเอเปก ภายใต้หัวข้อ 'Open. Connect. Balance.' โดยมีรายละเอียดผลลัพธ์ที่ก้าวหน้าเป็นรูปธรรม ได้แก่ 

การอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน (Open.) สมาชิกสนับสนุนข้อริเริ่มของไทย เรื่องการทบทวนการหารือ เขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (FTAAP) และ ที่ประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก (Ministers Responsible for Trade (MRT) Meeting) เห็นชอบให้จัดทำแผนขับเคลื่อนเพื่อจากนั้นการหารือให้เป็นรูปธรรม

การฟื้นฟูความเชื่อมโยงโดยเฉพาะการเดินทางและการท่องเที่ยว (Connect.) สมาชิกสนับสนุนการฟื้นฟูความเชื่อมโยงในเอเปก โดยเฉพาะการเดินทางและการท่องเที่ยว ซึ่งไทยเป็นผู้ผลักดัน โดยจะมีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและเป็นประโยชน์ การจัดทำระบบฐานข้อมูลมาตรการการเดินทางข้ามแดนเอเปก (Information Portal) การจัดทำหลักการเพื่อส่งเสริมความสอดคล้องกันของใบรับรองการฉีดวัคซีน และ การขยายกลุ่มผู้ถือบัตรเดินทางนักธุรกิจเอเปก (ABTC) ให้ครอบคลุม

'ทิพานัน' อัดก้าวไกลแพร่คลิปบิดเบือนปมหอเตือนภัยน้ำท่วมอุบลฯ ตอก 'พิธา' ขาดความรู้ ซ้ำเติมวิกฤติ ทำลายกำลังใจจนท.

'ทิพานัน' แจงยิบ 4 ประเด็นก้าวไกลแพร่คลิปบิดเบือนปมหอเตือนภัยน้ำท่วมอุบลฯ ตอก 'พิธา' ขาดความรู้สื่อสารบิดเบือน เหมือนกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ซ้ำเติมวิกฤติความเดือดร้อนประชาชน ทำลายกำลังใจของเจ้าหน้าที่ทุกระดับ

(10 ต.ค. 65) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่พรรคก้าวไกลเผยแพร่สื่อหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2565 โดยเป็นคลิปมีข้อความบิดเบือนคลาดเคลื่อน เป็นการให้ข้อมูลฝ่ายเดียวที่ไม่มีหลักฐานประกอบที่แน่ชัด และไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเผยแพร่ โดยหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวหาว่าการทำงานของหอเตือนภัยในพื้นที่ชุมชนกุดแสนตอ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ที่เพิ่งก่อสร้างหลังน้ำท่วมใหญ่ปี 2562 ในน้ำท่วมครั้งนี้ไม่มีการแจ้งเตือนจากหอเตือนภัยแต่อย่างใด มีแต่เปิดเพลงชาติทุกวันพุธ

น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า เป็นการกล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐาน การให้ข้อมูลไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหน่วยงานรับผิดชอบ เป็นการวิจารณ์ที่ไม่อยู่บนข้อมูลข้อเท็จจริง กล่าวอ้างลอย ๆ โดยไม่ตระหนักถึงความจริงที่ถูกต้องและอาจเป็นการบ่อนทำลายชาติรวมถึงทำลายขวัญกำลังใจของคนทำงานทั้งหมด

น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า เพื่อไม่ให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนจากความจริงจนทำให้สังคมสับสนและทำลายกำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนทุกพื้นที่ในช่วงวิกฤตินี้ จึงต้องขอชี้แจงว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) หน่วยงานรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย ได้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพคือ...

1. การแจ้งเตือนภัยไปยังหอเตือนภัยในพื้นที่นั้น เป็นการประเมินร่วมกันระหว่างพื้นที่และส่วนกลาง เมื่ออยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายหรือมีการประสานมาจากพื้นที่ติดตั้งหอเตือนภัย ให้กดส่งสัญญาณแจ้งเตือนภัย ซึ่งจะใช้ในกรณีที่มีความเร่งด่วน ฉับพลัน และฉุกเฉิน เท่านั้น ไม่ต้องแจ้งเตือนภัยทุกวันตามที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลเข้าใจผิด

2. หอเตือนภัย ปภ.ได้กำหนดให้มีการทดสอบการทำงานโดยเปิดเพลงชาติทุกวันพุธ ซึ่งเป็นรูปแบบของการทดสอบและเตรียมความพร้อมของระบบพร้อมกันทั่วทั้งประเทศ เพื่อตรวจความพร้อมใช้ในการใช้งานของหอเตือนภัยแต่ละแห่ง

3. สำหรับกรณีการเกิดน้ำท่วมน้ำล้นตลิ่งหลายพื้นที่ใน จ.อุบลราชธานี ทาง ปภ. ร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการน้ำ ได้มีการแจ้งให้ประชาชนรับทราบข้อมูลสถานการณ์ผ่านช่องทางต่างๆ รวมทั้งผ่านกลไกหมู่บ้าน/ ชุมชน มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ จ.อุบลราชธานี มีระดับในแม่น้ำมูลสูงขึ้น

'กรณ์' เชื่อ!! บทพิสูจน์จากทัพวอลเลย์บอลหญิง สะท้อนวงการกีฬาไทยพัฒนาสู่ระดับโลกได้

แม้ทัพวอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทย จะพลาดท่าแผ่วปลายให้กับสหรัฐอเมริกาไปอย่างน่าเสียดาย 2-3 เซต ทั้งที่ได้ไปก่อน 2 เซตแรก จนต้องจบเส้นทางในวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2022 (FIVB Women's World Championship 2022) ไว้ที่รอบ 2

แต่ผลงานในครั้งนี้ ก็เรียกเสียงชื่นชมจากคนไทย และสร้างความประทับใจในสายตาต่างชาติ ต่อความมุ่งมั่นและความน่ารักของสาว ๆ และสามารถของสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลที่บริหารจัดการทีมได้อย่างน่าชื่นชม กลายทำให้ทีมชาติไทยก้าวขึ้นไปยืนระดับเดียวกับทีมชั้นนำระดับโลก แถมติดอันดับ 1 ใน 24 ทีมของโลกมานับ 10 ปี 

โดยอีกหนึ่งคนที่เชียร์สุดใจและรู้สึกประทับใจกับทัวร์นาเมนต์นี้อย่าง นายกรณ์ จาติกวณิช กรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนากล้า ก็ถึงกับต้องโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

ประทับใจในทีม #วอลเลย์บอลหญิงไทย ของเรามากครับ 

น้อง ๆ คือความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ

'โบว์' แชร์ 'ความยาก-ความแปลก' เพื่อดึงดูดการกุศล อีกมุมของความพยายาม ที่ไม่อยากขอกันฟรีๆ

ไม่นานมานี้ คุณโบว์-ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมอิสระ และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

คนไทยอาจจะยังไม่ค่อยชินกับ challenge เพื่อการกุศล ที่มันจะมีองค์ประกอบของความยากความแปลก (และบางครั้งอันตราย) เพื่อดึงดูดความสนใจและการสนับสนุน และเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อจะบอกว่า “เป้าหมาย” ของการระดมทุนครั้งนี้สำคัญพอสำหรับคนที่ประกาศจะทำ challenge อันนั้นด้วย 

แต่สังคมเรามักจะมีแน้วโน้มอยากปกป้องห่วงใยและคิดแทนกันสูง เหมือนคนอีกคนเป็นลูกเป็นหลานในปกครองของเราหรือเป็นคนที่เรากำกับได้ ปรากฏการณ์ครั้งนี้ก็เลยออกมาแบบนี้ 

ทั้งที่ในโลกนี้ มีการแข่งขันมากมายที่เสี่ยงและเต็มไปด้วยอันตราย อย่างการบุกป่าฝ่าดงปีนผาขึ้นเขามาราธอนต่าง ๆ เมื่อมีมาตรการด้านความปลอดภัย จ้างทีมกู้ชีพตามสมควร (*เป็นอาชีพที่เขาจะต้องประเมินและทำงานตามหลักวิชาชีพอยู่แล้ว) เขาก็จัดกัน ทั้ง ๆ ที่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อชีวิตอยู่

'นายกฯ' กำชับ!! ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแล เยียวยา ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุยอดรวมกว่า 13 ล้านบาท

โฆษกรัฐบาลเผย ความคืบหน้าหน่วยงานภาครัฐจ่ายเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บกรณีเหตุโศกนาฏกรรม จ.หนองบัวลำภู รวม 13,927,555 บาท โดย 'นายกฯ' กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแล เยียวยา จ่ายเงินช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์โดยเร็ว 

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่ จ.หนองบัวลำภู ของหน่วยงานภาครัฐขณะนี้ว่า ได้เร่งดำเนินการมอบเงินเพื่อช่วยเหลือ ตามข้อสั่งการของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยล่าสุดวันนี้ (9 ต.ค. 65) 4 หน่วยงานภาครัฐ มีความคืบหน้าการจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตกรณีเหตุดังกล่าวรวม 13,927,555 บาท และมีหน่วยงานที่กำลังเร่งดำเนินการจ่ายเงินให้ผู้ได้รับผลกระทบ ดังนี้...

1. คณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี โอนเงินช่วยเหลือเป็นค่าจัดการศพและเงินทุนเลี้ยงชีพให้กับทายาทผู้เสียชีวิต จำนวน 34 ราย ๆ ละ 2 แสนบาท รวมเป็นเงิน 6,800,000 บาท ทั้งนี้ ยังไม่รวมถึงผู้ก่อเหตุและบุคคลในครอบครัวซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน

2. กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานยุติธรรม ให้ความช่วยเหลือรวม 3,960,000 บาท โดยมอบเงินให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 110,000 จำนวน 36 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บ 10 ราย อนุมัติในหลักการให้เบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามรักษาจริง 

3. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และหน่วยงานในสังกัด ให้ความช่วยเหลือรวม 582,000 บาท แบ่งเป็น 1) พม. รายละ 10,000 บาท จำนวน 47 ราย รวมเป็น 470,000 บาท 2) พ.อช. รายละ 1,000 บาท จำนวน 47 ราย รวมเป็น 47,000 บาท และ 3) สมาชิกกองทุนชุมชน 74,000 จำนน 3 ราย เป็นเงิน 222,000 บาท 

4. สำนักงานประกันสังคม ให้ความช่วยเหลือรวม 2,585,555 บาท โดยอนุมัติ/มอบแล้วเมื่อวันที่ 7-8 ต.ค. 65 ดังนี้ 1) สิทธิประกันสังคม 7 ราย รวมจำนวนเงิน 2,425,555 บาท (เงินเข้าวันที่ 20 ต.ค. 65) 2) กระทรวงแรงงาน มอบเงินช่วยเหลือ รายละ 5,000  บาท จำนวน 32 ราย รวมเป็นเงิน 160,000 บาท 

“นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานที่มีกำหนดจะมอบเงินช่วยเหลือในวันที่ 11 ต.ค. 65 หลังพิธีพระราชทานเพลิงศพ เช่น สำนักงานจังหวัด สำนักงานจัดหางาน กองทัพบก เป็นต้น รวมทั้งมีหน่วยงานที่อยู่ระหว่างการอนุมัติเบิกจ่ายตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแล เยียวยาจ่ายเงินช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ฯ โดยเร็วต่อไป” นายอนุชาฯ กล่าว  

นายอนุชาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามที่มีการสอบถามถึงการเปิดช่องทางการรับบริจาคกรณีเหตุการณ์ที่จังหวัดหนองบัวลำภูนั้น สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่า เมื่อมีสาธารณภัยต่าง ๆ เกิดขึ้น จะมีประชาชนที่มีความประสงค์จะร่วมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่ยังไม่มีช่องทางที่จะร่วมดำเนินการเช่นนั้นได้

'ธนกร' ยัน!! รัฐทลายกระบวนการยาเสพติดต่อเนื่อง ไม่ใช่เพิ่งทำ อย่างที่บางฝ่ายพยายามบิดเบือน

'ธนกร' ยัน รัฐบาลทลายกระบวนการยาเสพติดต่อเนื่อง อัดไม่ใช่เพิ่งทำอย่างที่บางฝ่ายพยายามบิดเบือน ชี้!! ปี 65 ยึดอายัดทรัพย์แล้วกว่า 10,820 ล้านบาท เผยนายกฯ ย้ำชัด ยาเสพติดเป็นวาระสำคัญเร่งด่วน! 

นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า รัฐบาลซึ่งนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม กำหนดให้การกวาดล้างยาเสพติดเป็นวาระสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมามีความก้าวหน้าในกระบวนการทางกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติด โดยกระทรวงยุติธรรมได้แก้กฎหมายยาเสพติดกว่า 24 ฉบับมาเป็นฉบับเดียว คือ พ.ร.บ. ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564  ซึ่งมีความทันสมัยและเท่าทันขบวนการค้ายาเสพติด เน้นยึดอายัดทรัพย์ผู้ค้า บำบัดผู้เสพ เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด 

ทั้งนี้ ในปี 2565 สามารถยึดอายัดทรัพย์ได้ 10,820 ล้านบาท ซึ่งต่างจากในอดีต เช่น เมื่อปี 2557 ที่สามารถอายัดได้ 1,360 ล้านบาท แต่กลับยึดทรัพย์จริงได้เพียง 14 ล้านบาท นอกจากนี้ ในปี 2566 กระทรวงยุติธรรมยังตั้งเป้าอายัดทรัพย์มากกว่าปีนี้ 10 เท่า หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท เพราะข้อมูลเส้นทางการเงินของพวกบัญชีม้ามีถึง 250 บัญชี รวมทั้งยังเพิ่มช่องทางการแจ้งเบาะแสยาเสพติดเพื่อรับรางวัลนำจับ 5% โดยไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งคล้ายกับการเก็บข้อมูลในระบบ Blockchain ด้วย ช่วยทำให้ประชาชนกล้าแจ้งเบาะแสมากขึ้น จากเดิมที่มีการแจ้งเบาะแสมาเพียง 16,000 หมู่บ้าน จาก 80,000 หมู่บ้านทั่วประเทศ

นายกฯ สั่ง ผบ.ตร. เร่งระดมกวาดล้าง 'อาวุธปืน-ยาเสพติด' สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

(9 ต.ค. 65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน และยาเสพติดแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง เปิดให้ประชาชนแจ้งเบาะแส ที่สายด่วน 191,1599 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมักมีการใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุอาชญากรรมสะเทือนขวัญ และหลายครั้งที่ผู้ก่อเหตุมีอาการคุ้มคลั่งจากการเสพยาเสพติด สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงมีบัญชาให้ ตร. เร่งรัดปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ อาวุธปืน อย่างเร่งด่วนแบบครบวงจรและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้กับประชาชน ทั้งนี้ ตร.จะมีการระดมกวาดล้างเป็นช่วง ๆ แต่ในช่วงแรกจะระดมอย่างเร่งด่วนก่อน และจะทำต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ไม่เปิดเผยว่าช่วงใดบ้าง เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้มีการกระทำความผิดกฎหมาย 

สำหรับมาตรการในการปราบปรามอาวุธปืน จะมุ่งเน้นไปที่บุคคลผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่มีความประพฤติไม่เรียบร้อย หรือมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม ต้องสืบสวนติดตามพฤติกรรมในเชิงลึก สามารถแจ้งให้นายทะเบียนเพิกถอนใบอนุญาตได้ 

นอกจากนั้นจะมีการตรวจค้นกลุ่มเสี่ยงเช่น กลุ่มวัยรุ่น เด็กแว้นที่มีพฤติกรรมชอบพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ และชอบยิงปืน นักเลงอันธพาล ที่มีพฤติกรรมก่อความวุ่นวาย ก่อความเดือดร้อน รําคาญ บุคคลที่พกพาอาวุธปืนติดตามผู้มีอิทธิพล ผู้กว้างขวาง ผู้ประมูลรับเหมางานรายใหญ่ 

บุคคลที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ผู้ติดตามทวงหนี้ บุคคลพ้นโทษ บุคคลที่ถูกปล่อยตัวชั่วคราว ในความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน หรือความผิดอื่นโดยใช้อาวุธปืนในการกระทําความผิด บุคคลที่มีพฤติกรรม หรือลักลอบผลิต จําหน่ายหรือขายอาวุธปืนทางอินเทอร์เน็ต (online) รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยเฉพาะผู้ผลิต ผู้จําหน่าย รายใหญ่ และผู้มีประวัติถูกจับกุมในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดซ้ำซาก

ในขณะเดียวกัน จะมีการตรวจค้นจับกุมแหล่งค้า ผลิต ซุกซ่อนอาวุธที่ผิดกฎหมาย แหล่งอบายมุข แหล่งมั่วสุม สถานบริการ กําหนดจุดตรวจ จุดสกัด และตั้งด่านตรวจค้นบุคคล ยานพาหนะ สกัดกั้นการลักลอบขนส่งอาวุธที่ผิดกฎหมาย ทั้งทางบกและทางน้ำ สุ่มตรวจ ค้นสัมภาระรถโดยสารสาธารณะ สกัดกั้นการลักลอบซื้อขาย นําเข้า และส่งออก อาวุธผิดกฎหมายตามแนวชายแดน การปราบปรามการค้าอาวุธข้ามชาติ 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการและควบคุมสั่งการ ในเรื่องนี้ ทั้งในระดับสถานี, กองบังคับการ และกองบัญชาการ เพื่อบริหารจัดการคดีไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน วางระบบการประสานงานและส่งต่อข้อมูลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมถึงให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ กวดขันควบคุมการปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด 

ส่วนในด้านการปราบปรามยาเสพติดเชิงรุก จะมีการบูรณาการกับทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น สาธารณสุข เพิ่มความเข้มในการปราบปรามจับกุมผู้กระทําความผิดในพื้นที่ รวมทั้งให้มีการขยายผลและใช้มาตรการทางทรัพย์สิน ทั้งยึด อายัดทรัพย์คดียาเสพติด การฟอกเงิน ต่อผู้กระทําผิดทุกกรณี 

'อิ๊งค์' ผงาด!! นำทีมเปิดชุดนโยบายเศรษฐกิจ ชูโรดแมปบันได 4 ขั้น พาเพื่อไทยชนะแบบแลนด์สไลด์

(9 ต.ค. 65) ที่ ThinkLab พรรคเพื่อไทย (พท.) ชั้น 1 แกนนำพรรคพท.ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคพท. นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะทำงานด้านการขจัดปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรค และประธานคณะทำงานด้านวางระบบเกษตรกรรม นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคและคณะทำงานด้านยกเครื่องเศรษฐกิจ น.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรคและประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะทำงานด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม เปิดตัวนโยบายเพื่อไทย เพื่อชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ ในงานฟอรั่มนโยบายครั้งที่ 1

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ จะเป็นกุญแจดอกเดียวที่จะช่วยพี่น้องประชาชนให้มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นและลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง พรรคพท.ได้เตรียม 3 เสาหลักสู่ชีวิตใหม่ของประชาชนพร้อมแล้วคือ 1. ผู้แทนราษฎรที่เข้าถึงพื้นที่ เข้าใจประชาชน 2. นโยบายที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาและทำได้จริงตามที่สัญญาไว้ และ 3. ผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีศักยภาพและความสามารถ ประชาชนสามารถฝากความหวังและมอบความไว้วางใจนำพาประเทศพ้นวิกฤต ซึ่งพท.จัดงานขึ้นเพื่อเปิดตัวเสาหลักนโยบายชุดนโยบายชุดเศรษฐกิจภายใต้แนวคิด “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อรายได้ใหม่ของประชาชน” ส่วนนโยบายชุดอื่น ๆ จะมีการเปิดตัวในลำดับถัดไป ประชาชนไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ในวิกฤต ประชาชนเป็นทุกข์เพราะรายได้น้อย เป็นหนี้ ไม่มีกำลังซื้อ ร้านค้าขายของไม่ได้ โรงงานผลิตไม่ได้ ไม่จ้างงาน รัฐก็เก็บภาษีไม่ได้ รัฐบาลประยุทธ์แก้หนี้ด้วยการสร้างหนี้ แต่เพื่อไทยคิดต่าง เราจะทำให้เศรษฐกิจดีด้วยรายได้ใหม่ เราจะแก้หนี้ด้วยการสร้างรายได้ และรายได้นั้นจะต้องเป็นรายได้ใหม่ที่เพิ่มขึ้นให้กับคนทุกกลุ่ม ประเทศและประชาชนจะต้องถูกปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่มากมาย พท.วางทิศโดยมีเป้าเพื่อกอบกู้สถานการณ์ย่ำแย่ของประเทศไทย ขอให้เชื่อมั่นว่าพท.ทำได้จริง เพราะเราทำสำเร็จมาแล้วในอดีต ประชาชนไทยจะต้องอยู่ดีกินดีอีกครั้ง

นายวิสุทธิ์ กล่าวนำเสนอนโยบายผ่าตัดเกษตรกรรม รดน้ำที่ราก สร้างเงินจากดิน พลิกเปลี่ยนชีวิตเกษตรกรให้หายจนอย่างถาวรว่า การเกษตรจะต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ด้วยหลักการตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ คือผลิตสิ่งที่ตลาดต้องการ ใช้ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต พร้อมหาโอกาสใหม่ ๆ เช่น ใช้ความรู้สมัยใหม่เพิ่มผลผลิตจากพืชที่ปลูกอยู่แล้ว อาทิ ข้าว และยาง ผลิต และพืชอาหารสัตว์ อาทิ ข้าวโพด ถั่วเหลือง เพื่อทดแทนการนำเข้าและขยายการส่งออกด้วยโครงการโคขุนเงินล้าน สำหรับการบรรเทาทุกข์ระยะเร่งด่วน นโยบายพักหนี้เกษตรกร พร้อม ๆ กับการสร้างรายได้จะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยโครงการบำนาญเกษตรกร ซึ่งจะทำเพื่อดูแลเกษตรกรรุ่นบุกเบิกและดึงดูดเกษตรกรรุ่นใหม่ เปลี่ยนเงินให้เปล่าเป็นต้นทุนสร้างชีวิตผลิตรายได้ให้เกษตรไทยอย่างยั่งยืน โดยมีหลักทำงานคือ ดินนำ น้ำดี มีต้นพันธุ์ ยืนยันราคา จัดหาแหล่งทุน สนับสนุนกรรมสิทธิ์ มีเป้าเปลี่ยนผืนแผ่นดินเดิมจากที่เคยสร้างรายได้ 10,000 บาท/ไร่/ปี เพิ่มเป็น 30,000 บาท/ไร่/ปี

นายเผ่าภูมิ กล่าวนำเสนอนโยบายเขตธุรกิจใหม่ (New Business Zone; NBZ) ดึงเงินนอก ปลุกเงินใน เปลี่ยนเงินที่หลับใหลเป็นเงินที่สร้างเงิน ด้วยเขตธุรกิจใหม่ 4 แห่ง คือ เชียงใหม่, กรุงเทพ, ขอนแก่น, และหาดใหญ่ โดยพรรคพท.จะเดินหน้าสร้างกุญแจ 3 ดอกให้กับประเทศ คือกุญแจดอกที่ 1 กฎหมายธุรกิจชุดใหม่ เพื่อปลดล็อกปัญหาการทำธุรกิจในทุกมิติ รวมถึงดึงการลงทุนจากต่างชาติ เข้าแก้ปัญหาทั้งด้านใบอนุญาต แรงงาน นำเข้าส่งออก และการธุรกรรมระหว่างประเทศ กุญแจดอกที่ 2 สิทธิประโยชน์ใหม่ ภาษีจากกำไร ภาษีเงินได้ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงภาษีนำเข้าจะได้สิทธิประโยชน์ไม่แพ้ที่ใดในโลก กุญแจดอกที่ 3 ระบบนิเวศน์ใหม่ โดยการสร้างสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ระบบการศึกษาและการผลิตคนใหม่ และระบบธนาคารใหม่ เป็นกองหลังเพื่อผลักกองหน้าซึ่งได้แก่ภาคเอกชนให้ขับเคลื่อนได้ โดยกุญแจทั้ง 3 ดอกจะถูกสร้างขึ้นในเขตธุรกิจใหม่ และรายได้ใหม่จะถูกสร้างให้กับประชาชน

นายสุทิน กล่าวนำเสนอนโยบายเงินโอน คนสร้างตัว (Earned Income Tax; EIT) ว่า พรรคพท.ต่อสู้กับความจนเพื่อประชาชนมาอย่างยาวนาน นโยบายของพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนจนมาถึงเพื่อไทยพิสูจน์แล้ว ว่าได้ช่วยลดความยากจนลงได้อย่างต่อเนื่อง เราเริ่มคิดจากนโยบายที่ทำได้จริง โดยเงินโอน คนสร้างตัวจะทำให้ผู้มีรายได้น้อยเกินกว่าจะดำรงชีพ จะได้รับเงินภาษีแทนการจ่ายเงินภาษี จนกระทั่งมีความมั่นคงและสร้างตัวได้ ส่วนการจัดสรรความช่วยเหลือทางการเงิน จะเน้นไปที่กลุ่มที่มีความจำเป็นมากที่สุด ซึ่งประเด็นสำคัญที่สุดของนโยบายนี้ คือการสร้างแรงจูงใจให้คนทำงานเข้ามาในระบบและมีโอกาสพัฒนาสร้างตัวเองไปด้วย

น.ส.ณหทัย กล่าวนำเสนอนโยบายเรียนรู้มีรายได้ เรียนรู้ง่าย ตลอดชีวิต (Lifelong Learning Lifelong Earning) ว่า พท.จะสร้างแพลตฟอร์มจับคู่สมรรถนะของคนเข้ากับงานที่ใช่ เพื่อช่วยให้มีงานทำเร็วที่สุด ตรงกับสมรรถนะของตนเองมากที่สุด สร้างรายได้ที่ดีที่สุด โดยในแพลตฟอร์มนี้ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ที่หลากหลายได้ตลอดเวลา สะสมเครดิตการเรียน และเทียบคุณวุฒิเพื่อไปต่อยอดการทำงานโดยไม่มีวันหมดอายุ นอกจากนี้ข้อมูลจากแพลตฟอร์มนี้จะถูกนำมาใช้ เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อให้ประเทศไทยและคนไทยแข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างไม่ด้อยกว่าชาติใด นอกจากนี้เราจะฟื้นนโยบายแจกแทปเล็ตเพื่อการศึกษาและอินเทอร์เน็ตตำบลในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาใช้อีกครั้ง

ด้าน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า นโยบายของพรรคพท.จะดำเนินการด้วยโรดแมป “บันได 4 ขั้นเพื่อหมุดหมายชีวิตใหม่ของประชาชน” ดังนี้...

'อนุทิน' สั่งดูแลผู้ใช้สิทธิบัตรทองใน 9 รพ.เอกชน ยัน!! ต้องได้รับการรักษาต่อเนื่อง ตั้งแต่ 10 ต.ค.นี้

(9 ต.ค. 65) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้มีการยกเลิกสัญญาการให้บริการปฐมภูมิ ประจำ และรับส่งต่อทั่วไปกับ โรงพยาบาลเอกชน 9 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ประกอบด้วย ได้แก่ รพ.มเหสักข์, รพ.บางนา1, รพ.ประชาพัฒน์, รพ.นวมินทร์, รพ.เพชรเวช, รพ.ผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท2, รพ.แพทย์ปัญญา, รพ.บางมด และ รพ.กล้วยน้ำไท เนื่องจากตรวจสอบพบว่ามีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขไม่ถูกต้อง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ (1 ต.ค. 65) เป็นต้นมา

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้ติดตามการดูแลผู้ใช้สิทธิบัตรทองในโรงพยาบาลทั้ง 9 แห่ง อย่างใกล้ชิด พร้อมย้ำว่า สปสช. ได้หารือกับโรงพยาบาลทั้ง 9 แห่ง และกรุงเทพมหานคร และมีมาตรการรองรับเพื่อให้ประชาชนยังได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ระหว่างการรักษา รวมถึงมีช่องทางเลือกหน่วยบริการใหม่โดยสะดวก

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ (10 ต.ค. 65) เป็นต้นไป สปสช. จะเปิดให้ประชาชนที่หน่วยบริการปฐมภูมิและประจำถูกยกเลิกซึ่งมีอยู่ประมาณ 2.3 แสนคน จากโรงพยาบาล 7 แห่ง ประกอบด้วย รพ.ประชาพัฒน์, รพ.นวมินทร์, รพ.เพชรเวช, รพ.ผู้สูงอายุกล้วยน้ำไท2, รพ.แพทย์ปัญญา, รพ.บางมด และ รพ.กล้วยน้ำไท สามารถเลือกหน่วยบริการใหม่ได้ผ่าน 4 ช่องทาง ประกอบด้วย 1. แอปพลิเคชัน สปสช. เลือกเมนูลงทะเบียนเปลี่ยนหน่วยบริการ 2. ไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso เลือกเมนู เปลี่ยนหน่วยบริการด้วยตนเอง 3. สายด่วน สปสช. โทร.1330 และ4. ลงทะเบียนเปลี่ยนหน่วยบริการด้วยตนเองได้ที่ที่ทำการของ สปสช. ชั้น 2 อาคารบี ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สปสช. ได้แจ้งว่าประชาชนที่ต้องเลือกหน่วยบริการปฐมภูมิและประจำใหม่ครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ ให้พิจารณาหน่วยบริการที่ใกล้บ้านหรือสะดวกก่อนตัดสินใจเลือก สามารถตรวจสอบรายชื่อหน่วยบริการใกล้บ้านได้ที่เว็บไซต์ สปสช. http://mscup.nhso.go.th/mastercup/ หรือสอบถามสายด่วน สปสช. 1330 ซึ่งระหว่างที่ยังไม่ได้เลือกหน่วยบริการใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีสถานะ 'สิทธิว่าง' นี้ สปสช. ได้หารือกับหน่วยงานเกี่ยวข้องจัดเตรียมหน่วยบริการไว้รองรับแล้ว

'นิด้า' เผยโพล คนอีสาน ยก 'อุ๊งอิ๊ง' ยืนหนึ่ง นั่งนายกรัฐมนตรี ยก 'พิธา' เป็นที่สอง

(9 ต.ค. 65) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น 'นิด้าโพล' สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคนอีสาน” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 3-6 ตุลาคม 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคนอีสาน การสำรวจอาศัย การสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ 'นิด้าโพล' สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนอีสานจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 36.45 ระบุว่าเป็น

น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย นโยบายของพรรคทำได้จริง ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานของตระกูลชินวัตร

อันดับ 2 ร้อยละ 12.65 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ ชื่นชอบการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร เป็นคนมีวิสัยทัศน์ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบนโยบายและอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคก้าวไกล

อันดับ 3 ร้อยละ 10.20 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ มีประสบการณ์ด้านการบริหาร ชื่นชอบนโยบายของพรรค ซื่อสัตย์สุจริต ขณะที่บางส่วนระบุว่า ต้องการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามาบริหารประเทศ และยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้

ในสัดส่วนที่เท่ากัน อันดับ 4 ร้อยละ 9.85 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ ซื่อสัตย์สุจริต ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ และต้องการให้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง อันดับ 5 ร้อยละ 6.50 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา มีความซื่อสัตย์สุจริต และชื่นชอบวิธีการทำงาน อันดับ 6 ร้อยละ 3.95 ระบุว่าเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) เพราะ ชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา เป็นคนที่พูดจริงทำจริง และชื่นชอบพรรคเพื่อไทย อันดับ 7 ร้อยละ 2.80 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ ชื่นชอบวิธีการทำงาน และชื่นชอบนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ขณะที่บางส่วนระบุว่า เป็นคนลงพื้นที่ดูแลประชาชนอย่างต่อเนื่อง อันดับ 8 ร้อยละ 1.75 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคชาติพัฒนากล้า) เพราะ มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ เป็นผู้มีประสบการณ์ด้านการบริหาร และชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา

อันดับ 9 ร้อยละ 1.30 ระบุว่าเป็น ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (พรรคสร้างอนาคตไทย) เพราะ มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ขณะที่บางส่วนระบุว่า เชื่อมั่นในการทำงาน และร้อยละ 4.35 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ (พรรคไทยศรีวิไลย์) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนากล้า) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) นายวราวุธ ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) ดร.สุทิน คลังแสง (พรรคเพื่อไทย) และไม่ตอบ/ไม่สนใจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top