Friday, 5 July 2024
POLITICS

นิพนธ์ ติวเข้มแกนนำ ปชป. เขต2 เทศบาลนครหาดใหญ่ ยันนโยบายสร้างเงินภาคเกษตรทั้ง 8 นโยบาย ทำได้ไว ทำได้จริง

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวพบปะกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคปชป. เขต 2 สงขลา(นายนิพัฒน์ อุดมอักษร) พร้อมด้วยแกนนำพรรคและสมาชิกพรรคปชป.ร่วม 100 คนที่เข้าประชุมเพื่อรับทราบนโยบาย และแนวทางในการหาเสียงเลือกตั้งของว่าที่ผู้สมัครในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดสงขลา

นายนิพนธ์กล่าวว่า วันนี้ต้องขอย้ำว่า ทำไมต้องเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ทุกคนคงรู้จักพรรคปชป.ที่มีอายุมายาวนาน ท่านชวนก็ยังเป็นหลักสำคัญของพรรคโดยเฉพาะความซื่อสัตย์สุจริต กว่า 77 ปีที่พรรคปชป.ยังคงอยู่ เพราะนี่คือสถาบันทางการเมือง โดยเฉพาะในสมัยของท่านชวนเป็นนายกรัฐมนตรี ในเรื่องของนมโรงเรียนที่ลูกหลานของพวกเราได้กินมาตั้งแต่ปี 36 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันปี 2566 นโยบายนี้ก็ยังคงอยู่ นี่คือนมของท่านชวนซึ่งเป็นความคิดของพรรคประชาธิปัตย์ในการสร้างคน เพราะเห็นความสำคัญของเด็กเล็กในการพัฒนาให้เด็กมีร่างกายที่แข็งแรงเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กเล็ก เรื่องของอาหารกลางวันก็เป็นอีกนโยบายหนึ่งของพรรคปชป. รวมถึงกองทุนเพื่อการศึกษา เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในเรื่องการศึกษา ซึ่งพรรคจะเน้นในเรื่องของการสร้างคนก่อน  

มาวันนี้พรรคปชป.เดินหน้าชู ยุทธศาสตร์ 3 สร้าง คือสร้างเงิน สร้างคน สร้างชาตินี่คือห้วใจของปชป. พร้อมนโยบายรายละเอียดเฉพาะเรื่องที่แยกออกมาจาก 3 ยุทธศาสตร์หลักอีก ที่จะออกตามมาเร็วๆนี้และในเรื่องของนมโรงเรียนนี้ พรรคจะเดินหน้าต่อประกาศกินนมโรงเรียน 365 วัน ซึ่งจะเป็นนโยบายเดินหน้าต่อ นโยบายต่อไปที่จะประกาศคือการกระจายเงินลงไปยังฐานราก ซึ่งพรรคปชป.ประกาศแล้ว โดยจัดตั้งธนาคารหมู่บ้าน หรือชุมชนละ 2 ล้านบาท ต่อธนาคาร และต่อชุมชน แต่ต้องจดทะเบียนกับทางภาครัฐ อีกนโยบายหนึ่งคือในเรื่องของโฉนดที่ดินที่ไม่ใช่ที่ดินของรัฐ ซึ่งผมได้ทำมาแล้ว หนึ่งแสนสองหมื่นแปลง ในสมัยที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และได้แน่นอนทั่วประเทศ ซึ่งต่อไปครั้งหน้าถ้าปชป.ได้เป็นรัฐบาล จะทำให้ได้ถึง1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปีหรือ 250,000 แปลงต่อปี ทั้งเรื่องของโฉนดและที่ทำกิน รวมถึงจะดูแลในเรื่องของการบุกรุก ในที่ดินหลวง ในเรื่องของประมงก็เช่นกัน นี่ชี้ให้เห็นว่าปชป.ดูแลในเรื่องของเศรษฐกิจฐานราก อีกเรื่องในเรื่องของสร้างคน รอบหน้าถ้าปชป.เป็นแกนนำรัฐบาลจะประกาศให้ลูกหลานเรียนฟรีถึงระดับปริญญาตรี ในเรื่องของการศึกษา โดยเฉพาะสาขาวิชาที่ขาดแคลนคือวิชาช่าง เพราะเห็นถึงความล้มเหลวของการศึกษาแบบเก่า ที่จบออกมาแล้วไม่มีงานทำ จึงอยาดให้ลูกหลานมี่อจบออกมาแล้ว มีงานรองรับและอีกหลายๆนโยบายที่จะตามมา

'ส.ส.เพื่อไทย' ป้อง 3 นิ้ว อัด 'ประยุทธ์' ใช้แต่ความอยุติธรรม มุ่งจัดการคนเห็นต่าง ยัดคดีให้เยาวชนติดคุก

(3 ก.พ. 66) นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ประเทศไทยภายหลังการรัฐประหาร สิ่งที่เปลี่ยนไป คือพลเอกประยุทธ์ มีอำนาจมากมาย พบว่าตั้งแต่ยึดอำนาจมาพลเอกประยุทธ์ ใช้อำนาจเป็นกฎหมายมาโดยตลอด ในขณะนั้นอาศัยอำนาจหัวหน้าคณะรัฐประหาร ไปทดแทนกฎหมายทุกฉบับ สามารถจัดการภายในองค์กรต่าง ๆ ให้เป็นไปตามที่ตัวเองกำหนด วางคนของตัวเองคุมหน่วยงานสำคัญของประเทศ แม้ประกาศใช้ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 แล้วก็ไม่คืนอำนาจให้กับประชาชน

นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ ใช้ศูนย์ดำรงธรรมที่กำกับดูแลโดยกองทัพบกขับเคลื่อนสังคมไทย และใช้ขบวนการของกองทัพบกมาเปลี่ยนแปลงการบริหารราชการแผ่นดิน การบริหารประเทศตกไปอยู่ในอำนาจกองทัพ ผ่านสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทั้งเศรษฐกิจสังคม ต้องรอให้สมช.อนุมัติ ดังนั้นการบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มที่เห็นต่างกับรัฐบาลจึงเป็นความต้องการของพลเอกประยุทธ์ มีการใช้กฎหมายมาตรา 112 และมาตรา 116 ในการจับกุมกลุ่มคนที่เห็นต่าง มีการใช้กฎหมายทุกมาตราจับกุมประชาชนเป็นจำนวนมาก ที่น่าประหลาดใจคือเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอ้างกฎหมายจับกุม เยาวชนอายุไม่ถึง 15 ปี ซึ่งเป็นความผิดปกติของสังคมไทย

'บิ๊กตู่' เร่ง พัฒนาสนามบินขอนแก่น เสร็จไม่เกิน มี.ค.นี้ เชื่อมต่อการเดินทาง-ขนส่งให้มีประสิทธิภาพ รองรับ นทท.

(3 ก.พ. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เร่งเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานทั่วประเทศ เพื่อรองรับการเดินทางและขนส่ง ทั้งในและระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น สามารถรองรับการเดินทาง เชื่อมโยงกับประเทศอื่นในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการบินแห่งการท่องเที่ยวและการขนส่งลำดับต้น โดยอนุมัติโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารท่าอากาศยานขอนแก่น มูลค่าโครงการก่อสร้าง 2,004,900,000 บาท

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารท่าอากาศยานขอนแก่น เป็นเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ในระยะ 8 ปี ซึ่งประกอบด้วย งานก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์หลังใหม่ และปรับปรุงอาคารจอดรถยนต์หลังเดิม งานก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ และปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสารหลังเดิม จากเดิมมีเนื้อที่ขนาด 16,500 ตารางเมตร เป็น 44,500 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้ 1,000 คน ต่อชั่วโมง เป็น 2,000 คนต่อชั่วโมง หรือ 5 ล้านคนต่อปี

'บิ๊กป้อม' เคาะแผนแก้จนปี 66 ช่วยกลุ่มเปราะบางเร่งด่วน ภายใต้แนวทาง 'หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง'

‘พล.อ.ประวิตร’ มุ่งมั่น น้อมนำ ‘หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง’ แก้ความยากจน อนุมัติแผน ปี 66 ผ่านระบบ TPMAP เน้นช่วยกลุ่มเป้าหมายเร่งด่วน - เปราะบาง ให้ได้สิทธิบัตรสวัสดิการฯ ครบถ้วน ทั่วถึง

(3 ก.พ. 66) 10.00น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย อย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินงานในภาพรวม ทั้ง 76 จังหวัด จากเป้าหมายครัวเรือนยากจนในระบบ TPMAP (Thai People Map and Analytics Platform) ปี 65 พบว่า ศูนย์อำนวยการฯ จังหวัด และ ศูนย์อำนวยการฯ อำเภอ พร้อมทีมปฏิบัติการฯ ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมบูรณาการ ให้ความช่วยเหลือ/แก้ไขปัญหาครัวเรือนเป้าหมายจำนวน 653,524 ครัวเรือน คิดเป็น 100% และพบปัญหาในแต่ละมิติ ดังนี้ 

1.) มิติสุขภาพ ส่วนใหญ่ประสบปัญหา คนอายุ 6ปีขึ้นไป ไม่ออกกำลังกายเนื่องจากไม่เห็นความสำคัญของการมีสุขภาพดี 

2.) มิติความเป็นอยู่ ส่วนใหญ่ประสบปัญหา ครัวเรือนไม่มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัยและบ้านมีสภาพไม่คงทนถาวร 

3.) มิติการศึกษา ส่วนใหญ่ประสบปัญหาคนอายุ 15-59 ปี อ่าน เขียนภาษาไทยและคิดเลขอย่างง่ายไม่ได้ รวมทั้งเด็กอายุ 6-14 ปี ไม่ได้รับการศึกษาภาคบังคับหรือออกจากการเรียนกลางคัน เนื่องจากสถานะทางเศรษฐกิจ

‘จิรายุ’ ผิดหวัง ‘ชัชชาติ’ เกียร์ว่างไม่ปัดกวาด กทม. ปล่อย ‘ทุจริต - ส่วย’ ลอยนวล ไร้การตรวจสอบ

‘จิรายุ’ ผิดหวัง ‘ชัชชาติ’ นั่งผู้ว่าฯ 9 เดือน ลายเริ่มออกพุงกาง เกียร์ว่างไม่ปัดกวาด กทม. ถึงขั้น ป.ป.ช. บุกจับส่วยข้าวเด็กโรงเรียนเอง

(3 ก.พ. 66) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.คลองสามวา กทม. พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า กรณีผู้อำนวยการโรงเรียนในพื้นที่ บางชัน เขตคลองสามวา ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกับตำรวจบุกจับพร้อมเงินของกลาง กรณีรับส่วยค่ากับข้าวเด็กนักเรียนคาโรงเรียน ตนได้เปิดคลิปวิดีโอการอภิปรายในรัฐสภา ที่ระบุว่ามีการเรียกรับส่วยในโรงเรียนสังกัด กทม. จำนวนมาก ทั้งในพื้นที่รับผิดชอบของตน และอีกหลายเขต โดยในการอภิปรายระบุชัดเจน ขอให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดำเนินการตรวจสอบเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่จนเข้าปีใหม่ ล่วงเลยมาจะวาเลนไทน์ก็ไม่มีการตรวจสอบใด ๆ จากกรุงเทพมหานคร (กทม.) หรือเชิญตนไปชี้แจง

ขอบอกว่ากรณีดังกล่าวในลักษณะเช่นนี้มีมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะมาเป็นผู้ว่าฯ กทม. และได้เรียกร้องในรัฐสภา ให้นายชัชชาติพิจารณาดำเนินการ แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจะสั่งการเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงหรือตั้งกรรมการใด ๆ ขึ้นมา ดังที่อภิปรายในรัฐสภา จะรอดูว่าผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะดำเนินการอย่างไรที่มากกว่าตกใจและไม่ใช่วัวหายจะมาล้อมคอก เพราะไม่ใช่แค่เขตคลองสามวาเพียงแค่โรงเรียนเดียวยังมีอีกหลายเขตที่มีลักษณะเช่นนี้ ผู้ว่าฯ กทม. ควรทำความจริงให้ปรากฏ

'นิพนธ์' เชื่อมั่น ได้ สส.ใต้ 35-40 ที่เหลือ 18 ที่นั่ง แบ่งปันให้พรรคอื่น คาดหวัง จชต.ได้ไม่ต่ำกว่า 5 ที่นั่ง หมัดเด็ดคือ 'ยุทธศาสตร์ 3 สร้าง' ที่โดนใจ ประชาชน

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค และผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการ เลียงตั้ง ที่จะมาถึงในปี 2566 ว่า หลังจากที่ได้จัดทัพผู้สมัครได้ครบทั้ง 58 เขต และผู้สมัครได้ลงพื้นที่เพื่อการขับเคลื่อนนโยบายในการหาเสียง ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาธิปัตย์ คืนฟอร์ม ในการเป็นพรรคการเมืองของคนใต้ ทำให้ มั่นใจยิ่งขึ้นว่า ที่ ประชาธิปัตย์ ตั้งเป้าได้ สส. 35-40 ที่นั่ง เป็นความจริงแน่นอน ตัวเลข 35-40 ที่นั่ง เป็นเรื่อง ปกติ ที่ ประชาธิปัตย์ ตั้งเป้าไว้ เพราะในอดีตในปี 2548 ประชาธิปัตย์เคยได้ สส. 52 ที่นั่ง จากจำนวนทั้งหมด 54 ที่นั่ง และในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มี สส. จำนวน 12 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์ เคยได้ สส.ถึง 11 ที่นั่ง ครั้งนี้ในพื้นที่ของ ปัตตานี,ยะลา,นราธิวาส จากการวางตัวผู้สมัคร และการกลับมาให้การสนับสนุนของคนในพื้นที่ ซึ่งเป็นกระแสที่ดีมาก รวมทั่งการเสนอนโยบายเฉพาะ พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประชาธิปัตย์ในการแก้ปัญหาความไม่สงบด้วยการ”สร้างสันติภาพ สู่ สันติสุข ซึ่งหลังจากมีการนำเสนอ ได้มีภาคประชาสังคม และภาคประชาชน เห็นด้วยและร่วมเสนอรายละเอียดเพื่อให้พรรคพิจารณา ทำให้เราเชื่อมั่นว่า จะได้ สส.4-6 ที่นั่ง  เลือกตั้งครั้งนี้ ประชาธิปัตย์ มีความมากที่สุด โดยในวันที่ 11-12 กพ.นี้ จะมีการ สัมมนา ผู้สมัคร และ ผอ.เขตเลือกตั้งของพรรคในภาคใต้ ก่อนที่จะทำในภาคอื่นๆต่อไป

‘รมว.ชัยวุฒิ’ ไม่ถือ ‘ครูลูกกอล์ฟ’ ทำคลิปล้อ ด้านเจ้าตัวหยอด “หากมีเวลามาช่วยเทรนให้ด้วย”

จากกรณี ‘คณาธิป สุนทรรักษ์’ หรือ ครูลูกกอลฟ์ ครูสอนภาษาอังกฤษชื่อดัง ได้โพสต์คลิปการให้สัมภาษณ์สื่อของ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือดีอีเอส พร้อมทั้งแนะนำการวางตัวขณะให้สัมภาษณ์เพื่อให้ภาพออกมาดูดี แม้คลิปดังกล่าวมองได้ว่า เป็นการล้อเลียนก็ตาม

ขณะที่ ทางด้าน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ได้โพสต์ข้อความถึงครูลูกกอล์ฟ โดยไม่ถือสากับการทำคลิปล้อเลียนดังกล่าว พร้อมระบุว่า ขอบคุณ..คุณครูนะครับ เอาไว้ คุณครูมีเวลามาช่วยเทรนผมได้นะครับ … ขอบคุณครับ

‘ชาวมุกดาหาร’ มั่น!! ‘ลุงป้อม’ ใจถึงพึ่งได้จริง เชียร์นั่งนายกฯ สานต่องานสำคัญเพื่อคนอีสาน

‘พล.อ.ประวิตร’ ลงพื้นที่ จ.มุกดาหาร พลิกฟื้น ‘ตลาดอินโดจีน’ กระตุ้นท่องเที่ยว/การค้าชายแดน พร้อมเปิดโครงการแก้ภัยแล้ง ช่วยเกษตรกรให้มีน้ำใช้ เพิ่มรายได้ อยู่ดีกินดี

(2 ก.พ. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการต่อเนื่อง จากจังหวัดยโสธร ในช่วงเช้า โดยในช่วงบ่ายได้ลงพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร บริเวณตลาดอินโดจีนมุกดาหาร ตำบลศรีบุญเรือง อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร เพื่อติดตามโครงการก่อสร้าง-ปรับปรุงพื้นที่ ตลาดอินโดจีน งบประมาณ 94 ล้านบาทเศษ

ซึ่งงบประมาณดังกล่าวได้ถูกพับตก ทำให้ผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ ได้รับความเดือดร้อน จึงต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะช่วยยกระดับรายได้ และคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงสามารถช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวชายโขง และการค้าชายแดน และยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การก่อสร้างถนนสาย ‘มุกดาสนุก สุขชายโขง’ งบประมาณ 1,500 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวริมแม่น้ำโขง และรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้อีกด้วย

ปาระเบิดปิงปองศูนย์ประสานงาน ‘เพื่อไทย’ ดอนเมือง ว่าที่ผู้สมัครในพื้นที่ วอน!! จนท.ช่วยดูแลเข้มงวด

(2 ก.พ. 66) นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมคณะเร่งลงพื้นที่สำรวจความเสียหายบริเวณหน้าศูนย์ประสานงานเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย เขตดอนเมือง ของนายสุธนพจน์ กิจธนาภิทักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย หลังถูกมือดีปาระเบิดปิงปองใส่ป้ายหน้าสำนักงานฯ

นายสุธนพจน์ เปิดเผยว่า เหตุเกิดในช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยมีผู้ขับขี่จักรยานยนต์พร้อมคนซ้อนท้าย ขี่รถจักรยานยนต์มาบริเวณป้ายที่ทางเราเพิ่งติดไปเมื่อวานนี้ ก่อนคนซ้อนจะควักระเบิดปิงปองปาใส่ป้าย ซึ่งอยู่หน้าบริเวณศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งเขตดอนเมืองของพรรคเพื่อไทย โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะมีทั้งวินมอเตอร์ไซค์ และเจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดของเขตกำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่

‘บิ๊กป้อม’ พอใจ การพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนในอีสานคืบหน้า พร้อมสั่งทุกหน่วยงานเข้ม 10 มาตรการจัดการน้ำ รับมือฤดูแล้ง

(2 ก.พ. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางลงพื้นที่ภาคอีสาน จ.ยโสธร และ จ.มุกดาหาร ตรวจติดตามความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำและการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน เพื่อการเกษตร และพบปะรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ โดยมี ผวจ.ยโสธร และ ผวจ.มุกดาหาร เลขา สทนช. และหน.ส่วนราชการต่าง ๆ ให้การต้อนรับ

ภาพรวมสภาพปัญหาการขาดแคลนน้ำยังเกิดขึ้น ในบางพื้นที่ที่ฝนทิ้งช่วง ความคืบหน้าการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปี 61-65 จว.ยโสธร มีพื้นที่รับประโยชน์เพิ่ม 61,103 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 33,053 ครัวเรือน สามารถจุน้ำเพิ่ม 37 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่ได้รับการป้องกันกว่า 2,500 ไร่ 

สำหรับ จว.มุกดาหาร มีพื้นที่รับประโยชน์เพิ่ม 51,290 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 25,089 ครัวเรือน สามารถจุน้ำเพิ่ม 11.5 ล้าน ลบ.ม. และสามารถนำน้ำบาดาลมาใช้เพิ่มเกือบ 10 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี โดยดำเนินทั้งการก่อสร้างแหล่งน้ำ ระบบส่งน้ำ การเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำ และระบบป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ ต่อจากนั้นได้ลงตรวจความคืบหน้าการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยลิงโจน บ.หนองบึง ต.ห้องแซง อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร และพบปะรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่

‘บี พุทธิพงษ์’ ห่วง ปชช. หลังค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่ง!! แนะ สวมหน้ากากอนามัย - ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น

‘พุทธิพงษ์’ เตือนประชาชนดูแลสุขภาพ!! หลังค่า PM 2.5 พุ่งสูงมาก ให้กำลังใจคนกรุงเทพฯ-เชียงใหม่สู้ฝุ่นพิษ

(2 ก.พ. 66) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม. พรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 ระบุข้อความว่า…

วันนี้…คงต้องเตือนทุก ๆ ท่านครับ ให้ระวังสุขภาพ ตื่นเช้ามารู้สึกได้ว่าเหมือนจะเป็นหวัด พอตรวจสภาพอากาศและเห็นจากการรายงานของไทยรัฐออนไลน์ ค่าฝุ่นวันนี้สูงมากและน่าจะหนักขึ้นตลอดทั้งวัน ขอให้กำลังใจคนกรุงเทพฯ และเชียงใหม่นะครับ ดูแลสุขภาพ ถ้าไม่จำเป็นก็ควรเลี่ยงออกไปข้างนอก แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ควรใส่หน้ากากอนามัย คงจะช่วยได้บ้างนะครับ ดูแลสุขภาพกันด้วยครับ #ชีวิตคนเมือง #เราผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ

ออกหมายจับ ‘ธาริต' หลังเบี้ยวศาลนัดอ่านฎีกาครั้งที่ 7 อ้างพักฟื้นผ่าตัด แต่อาจหลบหนีศาลคดีสลายชุมนุมปี 53

(2 ก.พ. 66) ที่ห้องพิจารณา 811 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำสั่ง/ คำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 7 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ จากเหตุรุนแรงทางการเมือง ปี 2553 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการ โดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 วรรคสอง

จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี คดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสี่ โจทก์ ยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ พิเคราะห์ แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสี่กระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษากลับ ให้จำคุกจำเลยทั้งสี่คนละ 3 ปี ลดโทษให้1ใน3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี

จำเลยทั้งสี่ยื่นฎีกา อ้างว่า มีพยานหลักฐานใหม่ในคดี ขอให้ศาลฎีกา พิจารณา พิพากษาใหม่ และนายธาริต จำเลยที่ 1 มอบหมายให้ทนายความยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปก่อนโดยให้เหตุผลต่างกันหลายครั้ง โดยครั้งหลังสุด ขอเลื่อนโดยให้เหตุผลเนื่องจากต้องผ่านิ่วในไตทั้ง 2 ข้าง ใช้เวลารักษานานราว 4 เดือน รวมทั้ง นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมล หรือน้องเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตที่วัดปทุมวนารามเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 และญาติผู้เสียชีวิตราย อื่นๆ ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความที่สามในคดีด้วย

ศาลอาญาจึงมีคำสั่งให้ส่งคำร้องทั้งหมดให้ศาลฎีกา พิจารณาเพื่อมีคำสั่งคำร้อง โดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาจะพิจารณาผ่านระบบจอภาพผ่านศาลอาญา

นัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาวันนี้ ทนายโจทก์ที่ 1-2 จำเลยที่ 2-4 ทนายจำเลยที่ 1 พนักงานอัยการในฐานะทนายจำเลยที่ 3,4 ผู้รับมอบอำนาจนายประกันจำเลยทั้ง4มาศาล ส่วนจำเลยที่ 1 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา

ทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่าตามที่ได้แถลงต่อศาลในนัดที่แล้วว่า จำเลยที่ 1 เจ็บป่วยเป็นโรคนิ่วในไตทางด้านซ้ายและด้านขวา ต่อมาในวันที่ 29 มกราคม 2566 จำเลยที่ 1 ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ โดยแพทย์ได้ทำการผ่าตัดส่องกล้องผ่านท่อไตและใส่สายระบายเลือดไว้ในท่อไตทั้งสองข้าง จำเลยที่ 1 จำเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเพื่อพักฟื้นและต้องติดตามอาการเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อประเมินสภาพไตและก้อนนิ่วอีกครั้ง รายละเอียดตามคำร้องขอเลื่อนคดี ฉบับลงวันที่ 1 ก.พ.66 พร้อมเอกสารแนบท้าย

‘โรม’ ชี้ ตลกร้าย ‘ก้าวไกล’ ปกป้อง ขรก.น้ำดี กลับถูก ‘ภท.’ ใช้ กม.ทำลายการตรวจสอบของฝ่ายค้าน

(2 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณี 50 ส.ส. พรรคภูมิใจไทย ลงชื่อเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล สิ้นสุดลงหรือไม่ และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 185 หลังพรรคก้าวไกลออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกรณีโยกย้าย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ จากตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา ไปยังโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา

รังสิมันต์ กล่าวว่า แถลงการณ์ของพรรคก้าวไกลเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาก็แถลงแบบนี้เป็นประจำ แต่สิ่งที่ต้องตั้งคำถามต่อไปคือ หลังจากออกแถลงการณ์ดังกล่าว ศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ในลักษณะพยายามเชื่อมโยง นพ.สุภัทร กับพรรคก้าวไกล ว่ามีการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สอดรับ สอดคล้องกัน ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า การโยกย้ายตำแหน่งของ นพ.สุภัทร ไม่ได้เป็นไปในลักษณะการโยกย้ายทั่วไปตามวาระ แต่เกิดจาก นพ.สุภัทร ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข แรงจูงใจของการโยกย้ายเกี่ยวข้องกับเหตุผลทางการเมืองหรือไม่ ดังนั้น ใครกันแน่ที่เป็นคนผิด

'นายกฯ' เตรียมลงพื้นที่ ติดตามโครงการรถไฟ-ระบบระบายน้ำ ตรวจเยี่ยมเศรษฐกิจ ยกระดับรายได้ชาวสมุทรสงคราม

(2 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการ จังหวัดสมุทรสงคราม ในวันที่ 3 ก.พ. 66 เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และพบปะประชาชน

โดยเวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรีออกเดินทางจากสนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม. 2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพฯ ไปสนามกีฬาจังหวัดสมุทรสงคราม ต.แม่กลอง อ.เมืองสมุทรสงคราม จ.สมุทรสงคราม และเดินทางไปสถานีรถไฟลาดใหญ่ ต.ลาดใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม ด้วยรถไฟขบวนที่ 4383 (สถานีรถไฟลาดใหญ่ - สถานีรถไฟแม่กลอง) ไปยังสถานีรถไฟแม่กลอง เพื่อตรวจติดตามแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน

'เปลว สีเงิน' เผยมรดกลุงตู่ เปิดบ้านเช่าเก็บเดือนละ 250 บาท ทรัพย์สินที่ได้จากพ่อผู้ล่วงลับ ที่กำชับห้ามคิดใครแพงเกินกว่านี้

เมื่อวานนี้ (1 ก.พ. 66) 'เปลว สีเงิน' ได้นำเสนอบทความ ในหัวข้อ 'ลุงตู่ รวยแล้วไม่โกง' โดยระบุว่า…

"ลุงตู่" กับ "บิ๊กป้อม" นี่ จาก "ทหารครึ่งตัว-การเมืองครึ่งตัว" โจนลงสนามเลือกตั้งเป็นนักการเมือง "ระบบเลือกตั้่ง" เต็มตัว คึกยังกะม้าโดปยา เตะคอกเปรี้ยงปร้าง!

ยิ่ง "บิ๊กป้อม" ด้วยแล้ว .... "ถั่งเช่า" หรือจะสู้ "ใจบันดาลแรง" จาก "ป้อมไม่รู้" ตอนนี้เป็น "ป้อมกูเกิล" ถามอะไร ตอบได้หมด!

ทั้งพี่-ทั้งน้อง ตอนนี้ดูจะหลงเสน่ห์การลงพื้นที่ได้คลุกคลีกับชาวบ้านแต่ละจังหวัด ต่างคน-ต่างฟิต พี่ไปจังหวัดโน้น น้องไปจังหวัดนี้ บางที่ดอด "ตีท้ายครัว" กันเองก็ยังมี!

ก็สนุกดี ประชาธิปไตยเนื้อแท้นั้น ถ้าเข้าใจมันว่า การแข่งขันหาเสียงสู่สภา ปรัชญาของมัน ไม่ใช่ "นักเลือกตั้ง" เป็นผู้ได้

หากแต่ประชาชน คือชาวบ้านตะหาก ต้องเป็น "ผู้ได้" มันก็จะสนุกสนาน-สบายใจ ทั้งชาวบ้าน "ผู้ได้" และคนการเมืองที่เป็น "ผู้ทำ" ให้เขาได้

ไม่ใช่ได้เงินซื้อเสียง....

หมายถึง ได้ประโยชน์สุขจากนโยบายที่แต่ละพรรคหาเสียง เมื่อได้เข้าสภาแล้ว ก็ผลักดันนโยบายนั้นให้เป็นผล

พูดถึงนโยบายแต่ละพรรคที่ใช้หาเสียงกันตอนนี้ เห็นแล้วหนักใจ! แต่ละพรรค ฟังดูไม่ต่างสลากสรรพคุณยา ประเภท ทาปุ๊บหายปั๊บ-กินปั๊บหายปุ๊บ, ทาผัวหอมถึงเมีย อะไรประมาณนั้น ซึ่งมันไม่ต่าง "ยาผีบอก"

ที่สำคัญคือ "ทุกนโยบาย-ทุกพรรค" เอาเงิน "งบประมาณแผ่นดิน" เป็นสัญญาว่า "จะแจก-จะให้" ทั้งนั้น ชาวบ้านตอนนี้ เลยเป็นแมวหลงกลิ่นปลาย่างทาจมูก!

การเอาเงินแผ่นดินไปตกเบ็ดชาวบ้าน เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว รู้ใช่มั้ย....ว่าภาษีที่เก็บจากชาวบ้านได้ปีละเท่าไหร่? แล้วมันพอกันมั้ย? ที่จะเอาไปทำสวัสดิการทำนองลดแลกแจกแถมชาวบ้านคนละ 3 พัน 4 พัน แถมนั่นฟรี-นี่ฟรี

น้ำมัน-แก๊ส ก็ต้องถูก ค่าไฟฟ้า ค่ารถโดยสาร ก็ต้องถูก ค่ารักษาพยาบาลก็ต้องฟรี เฒ่าชแร-แก่ชรา ก็ต้องมีค่าขนม

ไทยใกล้เป็น "รัฐสวัสดิการ" เข้าไปเต็มตัวแล้ว!

ในขณะที่คนกลุ่มหนึ่งตะโกนว่า "ภาษีกู...ภาษีกู" ก็ไม่อยากถามว่า "คุณครับ...คุณเสียปีละเท่าไหร่?" ขอถามแบบให้เกียรติกันก็พอว่า....

"แล้วพวกคุณเคยเสียภาษีกันบ้างมั้ย" จะตรงประเด็นกว่า

คนไทย 65 ล้าน... อยู่ในระบบภาษีกันไม่ถึง 5 ล้าน แต่อีก 60 ล้าน อยู่นอกระบบ คือไม่ได้เสียภาษีรายได้ในแต่ละปีกันแทบทั้งนั้น แต่ทุกคนได้รับการดูแลจากรัฐตั้งแต่เกิดยันตาย จะว่าไปแล้ว ได้สิทธิประโยชน์มากกว่า "คนเสียภาษี" ด้วยซ้ำ

แล้วนี่ แต่ละพรรค ต่างออกนโยบาย "สัญญาจะให้" เห็นแล้วหนักใจ (แทนประเทศ) เมื่อเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้ว ..... จะเอาเงินที่ไหนไป "ปรนเปรอ-แจกจ่าย" ตามสัญญา?

เลิกพูดไปเลย เรื่อง "พัฒนาประเทศ" น่ะ แค่เงินเดือนข้าราชการกับค่ารายจ่ายประจำ งบประมาณแต่ละปี ก็แทบไม่เหลืออยู่แล้ว แล้วนี่ แข่งกัน "ปล้นเอาเงินอนาคตประเทศ" ไปตกเบ็ดหาเสียงอีก ถามตรง ๆ ...... จะเข้าไปบริหารประเทศให้มันเจริญ หรือจะเข้าไปผลาญให้มันฉิบหาย-ขายประเทศ?

ฉะนั้น อยากให้แต่ละพรรคออกนโยบายหาเสียงแบบ "มีจิตสำนึก" และ "ความรับผิดชอบ" กันบ้าง ในฐานะคนเสียภาษี ทั้งภาษีส่วนตัวและภาษีบริษัท มาเกือบค่อนชีวิต อยากพูดบ้างซักคำว่า

"กูเหนื่อยนะโว้ย"....

กับการเป็นพลเมืองดี แม้ตอนเจ๊ง ก็ไม่เคยหนี หาเงินมาจ่ายภาษีจากเงินได้ทุกก้อน ไม่เคยขาด! ที่จริง นโยบายหาเสียงน่ะ ไม่ต้องจ้างบริษัทโฆษณาสรรหาคำหรู ๆ ไปตดทางปากให้หมาดมหรอก หัวใจนโยบายน่ะ........

ผู้นำที่ "เข้าถึง-จริงใจ" ในปรัชญาของมัน เขาจะไม่พล่ามพูด แต่งานที่เขาทำ มันจะพูดเอง นโยบายจริง ๆ มันต้องแบบบอระเพ็ด เข็ดขม จึงจะใช้รักษาไข้ให้หายได้ คือ

"ไม่เอาใจประชาชน แต่ทำที่ประชาชนอยากได้ในผลประโยชน์รวม ให้ประจักษ์"

บ้านเมืองต้องได้ สังคมต้องได้ ประชาชนต้องได้ และอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่เหยียบหัวแม่ตีนกัน นี่คือ เผด็จการ "ประชาธิปไตย"

ส่วน ครอบครัวกูต้องได้ หัวหน้าคอกกูต้องรวย หมาในคอกกูต้องท้องเต่ง และใครไม่ใช่พวกกู ต้องเอามันให้ตาย นี่คือ ประชาธิปไตย "ครอบครัว"

เมื่อวาน (1 ก.พ. 66) บิ๊กป้อม ประมุขพลังประชารัฐ "ตลบหลัง" ลุงตู่ ไปตามงานเรื่องน้ำที่นครปฐม ราชบุรี ก็ไม่มีอะไรหรอก เพียงจะบอกว่า ผมเชื่อแล้วเรื่อง "ใจบันดาลแรง!" ร่วม 8 ปี ที่ร่วมบริหารบ้านเมืองกับลุงตู่ "น้องรัก" ทุกคนก็เห็นบิ๊กป้อมใกล้เป็นตุ๊กตาล้มลุก ไหว..ไม่ไหว จะอยู่ จะไป ก็ต้องลุ้นว่าจะครบพรรษารัฐบาล คสช.มั้ยน้อ?

แต่พอ "แยกพรรค" แต่ไม่ "แยกพี่-แยกน้อง" เท่านั้่นแหละ บิ๊กป้อมแอบไปกินโมเลกุล "มณีแดง" ยาอายุวัฒนะที่จุฬาฯ กำลังวิจัย ทำให้คนอายุ 75 หวือหวาคืนวัยคนอายุ 25 มาหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ เพราะฟิตเหลือเกิน ..... ออกเดินสายหาเสียงแทบทุกวัน แถมแต่งวัยสะรุ่น นุ่งยีนส์ แจ็กเกตหนัง วันก่อนไปตลาด อ.ต.ก. เล่นเอาแฟน ๆ กรี๊ดสลบ

เป็น "ว่าที่นายกฯ คนที่ 30" ยังขนาดนี้ ถ้าเลือกตั้งแล้ว ได้ขึ้นนั่งทับก้นน้องตู่บนเก้าอี้นายกฯ จะขนาดไหน?

ยังไงก็ มีดีแล้วแบ่งปันผมมั่งซักเม็ด-สองเม็ด นะท่าน...มณีแดงน่ะ กระชากวัยคนเดียว เกิดเหี่ยวปลาย ไม่มีพวกแล้วจะเหงา ขอบอก!

ถ้าพลาดเก้าอี้นายกฯ ผมเชียร์ให้บิ๊กป้อม เปิดร้านขายอาหารแข่งเจ๊ไฝ-ประตูผี ไปเลย แค่ขึ้นป้าย "เชฟป้อม" ผัดซีอิ๊ว ก็ร้านแตกแล้ว!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top