Wednesday, 3 July 2024
POLITICS

‘เพื่อไทย’ เฉ่ง ‘ส.ว.’ ลามากสุดในประวัติศาสตร์ เจตนาชัดไม่อยากถูกตัดอำนาจเลือกนายกฯ

(8 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทยนำโดย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย, น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีที่การประชุมร่วมรัฐสภานัดพิเศษล่มในวันนี้

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า เราอยู่ในการพิจารณารัฐธรรมนูญที่สำคัญ เป็นเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เป็นข้อเรียกร้องของประชาชน ที่เราทราบกันดีว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ รวมถึงมาตราที่เรานำเข้าสู่สภาฯ ไม่ว่าจะเป็นมาตรา 159 และมาตรา 272 ล้วนเป็นมาตราที่เป็นปัญหา ทำให้ประเทศไม่สามารถเกิดประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เราเองต้องการเพียงความร่วมไม้ร่วมมือกับเพื่อนสมาชิก เพื่อทำให้สภาฯ เดินหน้าต่อได้

นายสุทิน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะองค์ประชุมที่ล่มหลายครั้งจะเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญมาก แต่คราวนี้เป็นการประชุมวาระที่สำคัญที่สุด คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การล่มในวันนี้เป็นที่ทราบว่า เป็นการพยายามทำให้ล่มซึ่งทำมาแล้ว 2 ครั้ง ในครั้งที่แล้ววาระดังกล่าวก็ถูกขัดขวางจากสมาชิกวุฒิสภา ว่าเป็นการบรรจุวาระที่ไม่ถูกต้องบ้าง ไม่เชิญ ส.ว.ในการหารือบ้าง จึงทำให้เป็นเหตุให้การประชุมครั้งที่แล้วล้ม 

แต่ในคราวนี้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญวิปทั้ง 3 ฝ่ายหารือกันก่อน แต่ท้ายที่สุดก็ทำให้เห็นว่า ความพยายามที่จะทำให้การประชุมล่มก็ไม่เปลี่ยนไป ทั้งนี้มี ส.ว. อยู่ร่วมประชุมน้อยมาก ทางประธานก็รอจนถึงที่สุด แต่ก็ล่มเพราะ ส.ว. มากันน้อยมากกว่าทุกครั้ง กล่าวได้ว่า "ล้มครั้งนี้ก็เพราะ ส.ว.เป็นฝ่ายทำให้ล้ม" มองเจตนาอื่นไปไม่ได้ เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เป็นการแก้ไขกระทบโดยตรงกับ ส.ว. จึงคิดว่า ส.ว.คงรับไม่ได้ จึงใช้วิธีนี้

8 ปี ‘ประยุทธ์’ บริหารแบบไม่เอาใจประชาชน แต่ทำที่ทุกคนได้ในผลประโยชน์รวมเชิงประจักษ์

เห็นข่าว ‘บิ๊กตู่’ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใส่อารมณ์เล็กๆ ให้ชวนสงสัย กับคำพูดซึ่งได้กล่าวถึงการใช้งบประมาณสำหรับการดูแลประชาชนต่อผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลว่า…

“ที่ผ่านมาเราใช้งบประมาณดูแลประชาชนเป็นล้านล้านบาทแล้ว ถือเป็นจำนวนไม่น้อย และเราดูแลเต็มที่แล้ว ถ้าจะเพิ่มงบไปอีก 8 แสนล้านบาทตามที่บางพรรคการเมืองเสนอ ตนไม่ได้พูดว่าพรรคไหน แต่ใครเป็นรัฐบาลไปดูเอาเองแล้วกัน ฝากดูแลเองไปหาเงินเอาเองแล้วกัน”

พลันที่คำพูดนี้เผยออกมา ก็มีการตั้งคำถามว่าพรรคไหน? หรือใครกัน? ที่คิดจะเสนอให้ปันงบก้อนนี้ออกมา ปันมาทำไม? ปันไปใช้เพื่ออะไร?

เพราะหากสะระตะกันดูเล่นๆ เงิน 8 แสนล้านบาท นี่มันก็คือตัวเลข 1 ใน 4 ของปีงบประมาณแผ่นดิน 2566 กันเลยทีเดียวเชียวนะ

แต่ก็อย่างว่าแหละ!! เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย เพราะ ณ ห้วงเวลานี้ ในช่วงใบปะพรรคการเมือง เริ่มเกลื่อนเป็นหย่อมๆ ทั่วไทยแลนด์ แสดงให้เห็นถึงการประกาศศักดาของทุกพรรคการเมืองที่พร้อมลงสู่สนามเลือกตั้ง 

โดยในใบปะเหล่านั้น มิไม่มีเพียงแค่การแนะนำตัวบุคคลหรือพรรค หากแต่เปี่ยมล้นไปด้วยถ้อยคำชวนประชาให้นิยม จากแคนดิเดตว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่ต่างรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า “เลือกผมได้แน่” / “เลือกอิชั้นได้มากกว่า” / “เลือกพรรคเรารับรองนโยบายนี้มา” ว่อน!!!

เมื่อหยิบจับสถานการณ์มาปะติดกับคำวาทกรรมเกรี้ยวกราดของ ‘ประยุทธ์’ มันเลยไปสะดุดได้ว่า ‘ทุกผู้-ทุกพรรค’ ที่พร้อมลงหาเสียงเลือกตั้ง ต้องมีเงินถังไว้แต่งแต้มฝันให้นโยบายของตนไปล่าผู้คนในมหาศึกกลยุทธ์ล่าประชานิยมเป็นแน่แท้

ยิ่งไปกว่านั้น หากถอดข้อเขียนของ ‘ลุงเปลวสีเงิน’ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.66 ทีผ่านมา ประกบคำพูดของ ‘บิ๊กตู่’ เข้าไปอีก ก็พลันให้ร้องอ๋อ!! ได้แบบมัดแน่น ว่าเหตุใดคำตัดพ้อเช่นนั้นจึงออกจากน้องเล็กแห่ง 3ป. ให้ผู้คนสงสัย

นั่นก็เพราะ หากเหลียวไปมองนโยบายจากแต่ละพรรคที่ใช้หาเสียงกันตอนนี้ ช่างดูแล้วหนักใจ!! เนื่องจากนโยบายแต่ละพรรค ล้วนฟังดูไม่ต่างสลากสรรพคุณยา ประเภท ทาปุ๊บหายปั๊บ-กินปั๊บหายปุ๊บ, ทาผัวหอมถึงเมีย อะไรประมาณนั้น ซึ่งมันไม่ต่าง ‘ยาผีบอก’

แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า คือ ‘ทุกนโยบาย-ทุกพรรค’ เอาเงิน ‘งบประมาณแผ่นดิน’ มาเป็นสัญญาว่า ‘จะแจก-จะให้’ ทั้งนั้น

ชาวบ้านตอนนี้ เลยเป็นเหมือนแมวหลงกลิ่นปลาย่างทาจมูก ด้วยการเอาเงินแผ่นดินไปตกเบ็ดชาวบ้าน เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว ทั้งๆ ที่เรารู้กันดีใช่มั้ยว่า...ภาษีที่เก็บจากชาวบ้านได้ปีละเท่าไหร่? แล้วมันพอหรือไม่?

ฉะนั้นการที่จะเอางบประมาณแผ่นดินไปทำสวัสดิการทำนองลดแลกแจกแถมชาวบ้านคนละ 3 พัน 4 พัน แถมนั่นฟรี-ฟรีนี่ / น้ำมัน-แก๊ส ก็ต้องถูก / ค่าไฟฟ้า-ค่ารถโดยสาร ก็ต้องถูก / ค่ารักษาพยาบาลก็ต้องฟรี / เฒ่าชแร-แก่ชรา ก็ต้องมีค่าขนม มันก็ยิ่งจะทำให้ไทยใกล้เป็น ‘รัฐสวัสดิการ’ เข้าไปเต็มตัวแล้ว!

คำถาม คือ แต่ละพรรค ต่างออกนโยบาย ‘สัญญาจะให้’ เห็นแล้วหนักใจ (แทนประเทศ) แต่เมื่อเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้ว จะเอาเงินที่ไหนไป ‘ปรนเปรอ-แจกจ่าย’ ตามสัญญา?

เลิกพูดไปเลย เรื่อง ‘พัฒนาประเทศ’ เพราะแค่เงินเดือนข้าราชการกับค่ารายจ่ายประจำ งบประมาณแต่ละปี ก็แทบไม่เหลืออยู่แล้ว แล้วนี่ ยังจะแข่งกัน ‘ปล้นเอาเงินอนาคตประเทศ’ ไปตกเบ็ดหาเสียงอีก

ดังนั้นอยากให้ย้อนกลับมามอง ‘ประเทศไทย’ ในยุค 8 ปี ‘ประยุทธ์’ ที่หลายๆ ด้านมันพัฒนา ‘เกินหน้า-เกินตา’ ประเทศเพื่อนบ้านเขาไปเร็วมา เดี๋ยวติดอันดับประเทศคนมาท่องเที่ยวมากที่สุดบ้าง เดี๋ยวเป็นประเทศน่าอยู่-น่าลงทุนที่สุดบ้างเดี๋ยวเป็นประเทศที่ค่าเงินเสถียรที่สุดบ้าง เดี๋ยวเป็นประเทศที่คนใจดี-น่ารักที่สุดบ้าง เป็นประเทศที่โครงสร้างพื้นฐานคมนาคมและโทรคมนาคม สะดวก-เร็ว ที่สุดบ้าง 

มันดีจนเพื่อนบ้านในอาเซียนเขาเริ่ม ‘มองค้อน’ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องเหล่านี้เกิดจากหัวใจนโยบายของผู้นำที่ ‘เข้าถึง-จริงใจ’ ในปรัชญาของมัน เขาจะไม่พล่ามพูด แต่งานที่เขาทำ มันจะพูดเอง

ไม่ใช่การใส่ ‘ประชานิยม’ เพื่อหวังเอาใจประชาชน แต่เลือกทำที่ประชาชนโดยส่วนรวมต้องอยากได้ และได้ในผลประโยชน์รวมเชิงประจักษ์!!

พูดง่ายๆ คือ นโยบายที่ดี บ้านเมืองต้องได้ สังคมต้องได้ ประชาชนต้องได้ และอยู่ร่วมกันได้ โดยไม่เหยียบหัวแม่ตีนกัน ซึ่งนี่คือ เผด็จการ ‘ประชาธิปไตย’

'บิ๊กป้อม' ปลื้ม!! 'คิวบา' หนุนเด็กไทยเรียนแพทย์ 1,000 โควตา เพาะต้นกล้าใหม่ เติม สธ.ไทย ในวาระฉลองมิตร 65 ปี

(8 ก.พ. 66) เวลา 10.35 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ นายเอกเตอร์ กอนเด อัลเมย์ดา เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐคิวบา เข้าเยี่ยมคำนับ โดยทั้งสองฝ่ายได้ชื่นชมความสัมพันธ์ และความก้าวหน้าของความร่วมมือทั้งสองประเทศด้านต่าง ๆ เช่น สาธารณสุขและการวิจัยทางการแพทย์, กีฬา, วิชาการ โดยเฉพาะเฉพาะมิติด้านสาธารณสุข และเห็นพ้องร่วมกันที่จะสานต่อและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันให้ใกล้ชิด และครอบคลุมหลายมิติมากขึ้น

พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ต่อเนื่องที่ผ่านมา ส่งผลให้เด็กและเยาวชน ขาดโอกาสทางด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุขและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนแก้ปัญหาดังกล่าวต่อเนื่องมา และยินดีอย่างยิ่ง ที่รัฐบาลคิวบาโดย สถาบัน อิก-ร่า เข้ามาร่วมพิจารณาสนับสนุนทุนการศึกษาด้านการแพทย์แก่นักเรียนไทยที่เรียนดีทั่วประเทศ จำนวน 3,000 ทุน โดยเร่งนำร่องกับเด็กเรียนดีในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ 5 จังหวัด รวม 1,000 ทุน เพื่อให้มีแพทย์ประจำโรงพยาบาลตำบลในพื้นที่

'นายกฯ' หารือ 'ทูตไอร์แลนด์' กระชับความสัมพันธ์ พร้อมหนุน ศก. ส่งเสริมการศึกษา-วัฒนธรรม

(8 ก.พ. 66) เวลา 09.30 น. ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายแพทริก เบิร์น (H.E. Mr. Patrick Bourne) เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับหน้าที่ และพร้อมสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของเอกอัครราชทูตฯ อย่างเต็มที่ ยินดีกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน พร้อมกล่าวเชิญนายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์เยือนไทยในโอกาสที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมและยกระดับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และหวังว่าจะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ไอร์แลนด์ ในอีก 2 ปีข้างหน้า

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีกับการเข้ารับตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ลีโอ วรัทการ์ เชื่อมั่นว่าจะเป็นโอกาสให้ไทยและไอร์แลนด์ร่วมกันผลักดันความร่วมมือทวิภาคีในสาขาต่าง ๆ ให้เกิดผล เป็นรูปธรรมต่อไป

ด้านเอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ฯ กล่าวยินดีที่ได้มาดำรงตำแหน่งที่ประเทศไทย ได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่ง และเชื่อมั่นว่ามีศักยภาพในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก พร้อมปฏิบัติหน้าที่เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศในทุกระดับ และทุกมิติ

จากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นต่าง ๆ โดยเห็นพ้องว่า ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยและไอร์แลนด์ยังมีศักยภาพอีกมาก โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน จึงหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนให้มากยิ่งขึ้น พร้อมได้กล่าวเชิญไอร์แลนด์เข้ามาลงทุนเพิ่มในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในอุตสาหกรรม ที่ไอร์แลนด์มีความเชี่ยวชาญสูง และเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย

ซึ่งเอกอัครราชทูตไอร์แลนด์กล่าวว่า ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนเดินหน้าไปอย่างดี โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนไอร์แลนด์เข้ามามีปฏิสัมพันธ์มากขึ้น จึงหวังที่จะกระชับความสัมพันธ์ในด้านนี้ระหว่างให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

'บิ๊กป้อม' ลุย ปทุมธานี ติดตามสถานการณ์น้ำ ส่องความคืบหน้าโครงการสถานีสูบน้ำ

(8 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 13.40 น. ที่ชั้น 5 ห้องประชุมบัวหลวงปทุมธานี ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ จังหวัดปทุมธานี และมอบนโยบายให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง มีนายณรงศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าฯ ปทุมธานี ตัวแทนส่วนราชการในพื้นที่ เข้าร่วม อาทิ พล.ต.อ.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และส่วนราชการเกี่ยวข้อง เป็นต้น โดยพล.อ.ประวิตร ยิ้มแย้มแจ่มใสและทักทายผู้ว่าปทุมฯ อย่างอารมณ์ดี

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! มุมมอง 3 องค์กรระดับโลก ยก ‘ไทย’ สุดยอดประเทศแห่งการฝ่าวิกฤติ

(8 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความบนเฟซบุ้คส่วนตัว ว่า ในช่วงปลายเทอมของรัฐบาลนี้ ขอรวบรวมมุมมองของชาวโลกที่มีต่อบ้านเมืองของเรา เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย และความสำเร็จในแง่มุมต่าง ๆ อันเป็นผลมาจากการทำงานและฝ่าวิกฤตร่วมกันมาอย่างสมัครสมานสามัคคีของทีมประเทศไทยซึ่งประกอบด้วยคนไทยทุกคน จากทุกภาคส่วน ดังนี้

1.) องค์การสหประชาชาติ (UN) ประเมินว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นอันดับที่ 44 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ของอาเซียน ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 โดยเฉพาะอย่างยิ่งประสิทธิภาพในการขจัดความยากจน การศึกษาที่มีคุณภาพ การสุขาภิบาลและแหล่งน้ำสะอาด การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และอุตสาหกรรม ตลอดจนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน

2.) ธนาคารโลก (World Bank) จัดทำรายงาน "ตามติดเศรษฐกิจไทย : นโยบายการคลังเพื่อสังคมที่เสมอภาค และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ธันวาคม 2565” โดยระบุว่านโยบายการคลังของไทยมีประสิทธิภาพสูงกว่าประเทศอื่น สามารถช่วยบรรเทา ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำได้ดี โดยในระยะสั้นนั้นใช้มาตรการทางภาษี เงินช่วยเหลือ และการอุดหนุนรายได้ครัวเรือน สามารถกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่วนในระยะยาวใช้การสนับสนุนงบประมาณด้านสาธารณสุข ส่งเสริมการศึกษา และลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างมียุทธศาสตร์

‘พิชัย’ ข้องใจ รัฐลดราคาดีเซล 50 สตางค์ เหตุใดต้องรอ 15 ก.พ. ทั้งที่ควรทำตั้งนานแล้ว

'พิชัย' ติงลดราคาดีเซลลิตรละ 0.50 บาทน้อยและช้าเกินไป ชี้ควรลด 2 บาทเหมือนที่พรรคเสนอ ถามข้องใจทำไมต้องรอวันที่ 15 ก.พ. หรือหวังกลบอภิปรายไม่ไว้วางใจ

(8 ก.พ. 66) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลโดยคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะประกาศลดราคาน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 0.50 บาท เหลือ ลิตรละ 34.50 บาท ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นแนวทางที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้รัฐบาลลดราคาน้ำมันดีเซลมาโดยตลอด และได้ออกเป็นนโยบายของพรรคในเรื่องนี้ อีกทั้งจากราคาน้ำมันดิบของโลกที่มีราคาลดลง ดังนั้นการลดลงของราคาน้ำมันดีเซลเพียงลิตรละ 0.50 บาท จึงเป็นการลดราคาที่น้อยเกินไปและลดช้าเกินไป เพราะราคาน้ำมันดิบของโลกได้ลดลงมานานแล้ว และน่าจะต้องลดราคาน้ำมันดีเซลลงมากกว่านี้ ขนาด รมว.การคลังยังบอกเองว่าน่าจะลดลงลิตรละ 2 บาทตามแนวทางที่พรรคเพื่อไทยบอกไว้แต่แรก

'โทนี่' ปลุกประชาชนสวนกลับรัฐประหาร ต้องใช้ปากกาปฏิวัติอย่างมียุทธศาสตร์

(8 ก.พ. 66) เฟซบุ๊กแฟนเพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย เผยแพร่บทสนทนาของนายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม ใน Care ClubHouse หัวข้อ นับถอยหลัง เลือก • เคลื่อน • ไทย 2566 EP 1 : 90 วันชี้ชะตา เจาะลึก! ทุกนโยบาย ล้วงทุกยุทธศาสตร์เลือกตั้ง มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า

“...ทหารใช้อาวุธรัฐประหารทำให้ประเทศตกต่ำ ประชาชนจึงต้องใช้ปากกาปฏิวัติกลับเพื่อให้ประเทศรุ่งเรือง...”

'บิ๊กแจ๊ส' เตือน!! ชาวปทุมธานี ขอให้ดูที่ตัวบุคคลสำคัญ หากไม่มีคุณภาพ ก็ถือว่าเหยียบย่ำหัวใจคนปทุมฯ

เมื่อวันที่ (7 ก.พ. 66) ที่ตลาดนัดหน้าวัดธรรมสุขใจ คลองหนึ่ง ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และทีมงานได้ลงพื้นที่ตลาดนัดหน้าวัดซอยสามัคคี (วัดธรรมสุขใจ) โดยมี นายสุรพงษ์ อึ๊งอัมพรวิไล, นายศุภชัย นพขำ, นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ ส.ส.พรรคเพื่อไทย, นายสุทิน นพขำ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย, นายยุทธศักดิ์ (จ่ายุทธ) ชูประเสริฐ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย, นายยงยุทธ มั่นบุปผชาติ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย และนายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ และสมาชิกคนเสื้อแดงเดินทางมาให้การต้อนรับอย่างล้นหลาม 

โดยมี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี, ดร.ร.ต.อ.ตรีลูฟล์ ธูปกระจ่าง นายกนครรังสิต ได้เดินทางมาให้กำลังใจพรรคเพื่อไทยและว่าที่ผู้สมัครทั้ง 7 เขต 

ส่วนบรรยากาศภายในตลาดนัดได้มีพ่อค้าแม่ค้าขอเซลฟี่กับอุ๊งอิ๊งเป็นระยะ ๆ ขณะที่เดินพบปะกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของต่างก็ขอสัมผัสและให้กำลังใจกับอุ๊งอี๊งสร้างความอบอุ่นและเป็นกันเอง โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พร้อมทีมงานและว่าที่ผู้สมัครได้ใช้เวลาเดินที่ตลาดนัดแห่งนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง 

ทั้งนี้ อุ๊งอี๊ง ได้กล่าวว่า "พรรคเพื่อไทยลุยลงพื้นที่หาเสียงเหมือนเดิม เราเลือกคนคุณภาพให้พี่น้องประชาชน เราได้มาตรงนี้และได้เดินทั่วตลาด จะเห็นมามีคนที่ชื่นชอบชื่นชอบเข้ามาทักมากมาย ถือว่าเป็นกำลังดี ๆ ในส่วนของเขตพื้นที่ต่าง ๆ หากมี ส.ส.ที่เป็นคนใหม่เข้ามาเรามีหน้าที่จะต้องแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก โดยเฉพาะในเรื่องของนโยบายเรามีความเข้มแข็งเหมือนเดิม เราได้ให้ผู้สมัครในแต่ละเขตลงพื้นที่ ทำงานหนักของตัวเอง เพื่อจะได้ชนะใจประชาชนอย่างบริสุทธิ์ใจ เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ทุกคนต้องทำอยู่แล้ว และส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ทำงานหนักกันทุกคน 

"สำหรับพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ที่มีกระแสข่าวการเผาเสื้อ อุ๊งอิ๊งเองก็ทราบจากข่าว คนในพื้นที่เองก็ต้องอาศัยการปรับตัวในหลาย ๆ เขต เราได้เลือกคนที่ดีที่สุดให้ แต่บางเขตก็อาจจะไม่ถูกใจบางคนบางกลุ่ม เราก็เข้าใจได้ และต้องให้กำลังใจกันต่อไป ในส่วนของพรรครวมก็ต้องดูกันไป เรายังเน้นที่แลนสไลน์เหมือนเดิม เรายังไม่มีการพิจารณาเรื่องพรรคร่วมใด ๆ ทั้งสิ้น เราตั้งใจเดินหน้าหาเสียง ให้พี่น้องประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยเยอะ ๆ จะได้เอานโยบายที่เราพูดแล้วทำจริงให้สำเร็จ พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมอย่างมีแผนรองรับที่จะทำให้นโยบายถูกขับเคลื่อนไปจริง ๆ และเราทำเต็มที่ ทุกพื้นที่ที่เราไปกระแสตอบรับดีมาก ๆ"

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า "ในส่วนของเรื่องผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย เรามี ส.ส.คนปัจจุบันอยู่กับเราทุกเขต และมีผู้สมัครที่เราคัดเลือกเพิ่มเติม ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนักการเมืองที่ทำงานในพื้นที่อยู่แล้ว เช่น เป็น สจ. หรือเป็นนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ตรงนี้เป็นข้อเด่นของเรา 

"จริงอยู่ในช่วงแรกเราได้สรรหาผู้สมัครไว้มากกว่าจำนวนเขต เพื่อที่จะให้ผู้สมัครมีโอกาสทำงาน แต่เมื่อยังไม่มีการประกาศตัว เราได้ให้ความเป็นอิสระในการทำงาน บางท่านอาจดูว่าเขตมันทับซ้อนกัน เขาก็ตัดสินใจไป ก็เป็นเรื่องของสิทธิ์เสรีภาพ เราไม่ได้ว่าอะไร แต่คนที่คงอยู่เป็นคนที่มั่นคงและมีความเชื่อมั่นฐานะคะแนนหรือฐานเสียงที่ได้ทำงานในพื้นที่มาโดยตลอดถือว่าเป็นจุดแข็งของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย

‘ศาลฎีกา’ ออกหมายจับ 'จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ' คดีรับตั๋วเครื่องบินจากอีสท์ วอเตอร์

(7 ก.พ.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) ได้มีคำสั่งออกหมายจับ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในคดี อม. 14/2565 ที่โจทก์ ยื่นฟ้องกล่าวหาว่ารับตั๋วเครื่องบินเป็นของขวัญมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท

โดยคดีดังกล่าว ศาลฎีกา อม. นัดพิจารณาครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 65 ซึ่งจำเลยไม่มาศาลในวันนัดดังกล่าว ศาลจึงออกหมายจับจำเลย ส่วนการพิจารณาคดีจำเลยได้แต่งทนายความเข้ามาต่อสู้คดี

สำหรับคดีดังกล่าวเป็นกรณีที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกับพวก กรณีรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อันไม่ควรได้ตามกฎหมาย

โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า ปี 2555 นายจารุพงศ์ กับพวก เดินทางไป-กลับ กทม.-ปักกิ่ง ประเทศจีน ด้วยสายการบินไชน่าแอร์ไลน์ ชั้นธุรกิจ ตกราคาที่นั่งละ 39,000 บาท ต่อมาปี 2556 เดินทางไป-กลับ กทม.-กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ด้วยสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ชั้นธุรกิจ ตกราคาที่นั่งละ 20,000 บาทเศษ รวมมูลค่าที่ได้รับไปเกือบ 6 หมื่นบาท

กระหึ่มอุ๊งอิ๊งลงพื้นที่ตลาดนัดเปิดตัวผู้สมัครส.ส. บิ๊กแจ๊ดมอบช่อดอกไม้เน้นคนปทุมให้เลือกคนดี

(7 ก.พ. 66) เวลา 17.00 น. ที่ตลาดนัดหน้าวัดธรรมสุขใจ คลองหนึ่ง ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน  ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และทีมงานได้ลงพื้นที่ตลาดนัดหน้าวัดซอยสามัคคี(วัดธรรมสุขใจ)  โดยมี นายสุรพงษ์  อึ๊งอัมพรวิไล นายศุภชัย นพขำ นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ ส.ส. พรรคเพื่อไทย นายสุทิน นพขำ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เพื่อไทย นายยุทธศักดิ์(จ่ายุทธ) ชูประเสริฐ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย นายยงยุทธ มั่นบุปผชาติ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เพื่อไทย และนายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ และสมาชิกคนเสื้อแดงเดินทางมาให้การต้อนรับอย่างล้นหลาม ซึ่งในโอกาสนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ดร. ร.ต.อ.ตรีลูฟล์  ธูปกระจ่าง นายกนครรังสิต ได้เดินทางมาให้กำลังใจพรรคเพื่อไทยและว่าที่ผู้สมัครทั้ง 7 เขต ส่วนบรรยากาศภายในตลาดนัดได้มีพ่อค้าแม่ค้าขอเซลฟี่กับอุ๊งอิ๊งเป็นระยะ ๆ 

ขณะที่เดินพบปะกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของต่างก็ขอสัมผัสและให้กำลังใจกับอุ๊งอี๊งสร้างความอบอุ่นและเป็นกันเอง โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร พร้อมทีมงานและว่าที่ผู้สมัครได้ใช้เวลาเดินที่ตลาดนัดแห่งนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ อุ๊งอี๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง บุตรสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยลุยลงพื้นที่หาเสียงเหมือนเดิม เราเลือกคนคุณภาพให้พี่น้องประชาชน เราได้มาตรงนี้และได้เดินทั่วตลาด จะเห็นมามีคนที่ชื่นชอบชื่นชอมเข้ามาทักมากมาย ถือว่าเป็นกำลังดี ๆ ในส่วนของเขตพื้นที่ต่าง ๆ หากมี ส.ส.ที่เป็นคนใหม่เข้ามาเรามีหน้าที่จะต้องแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก โดยเฉพาะในเรื่องของนโยบายเรามีความเข้มแข็งเหมือนเดิม เราได้ให้ผู้สมัครในแต่ละเขตลงพื้นที่ ทำงานหนักของตัวเอง เพื่อจะได้ชนะใจประชาชนอย่างบริสุทธิ์ใจ เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ทุกคนต้องทำอยู่แล้ว และส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ทำงานหนักกันทุกคน สำหรับพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ที่มีกระแสข่าวการเผาเสื้อ อุ้งอิ้งเองก็ทราบจากข่าว คนในพื้นที่เองก็ต้องอาศัยการปรับตัวในหลาย ๆ เขต เราได้เลือกคนที่ดีที่สุดให้ 

แต่บางเขตก็อาจจะไม่ถูกใจบางคนบางกลุ่ม เราก็เข้าใจได้ และต้องให้กำลังใจกันต่อไป ในส่วนของพรรครวมก็ต้องดูกันไป เรายังเน้นที่แลนสไลน์เหมือนเดิม เรายังไม่มีการพิจารณาเรื่องพรรคร่วมใด ๆ ทั้งสิ้น เราตั้งใจเดินหน้าหาเสียง ให้พี่น้องประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยเยอะ ๆ จะได้เอานโยบายที่เราพูดแล้วทำจริงให้สำเร็จ พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมอย่างมีแผนรองรับที่จะทำให้นโยบายถูกขับเคลื่อนไปจริง ๆ และเราทำเต็มที่ ทุกพื้นที่ที่เราไปกระแสตอบรับดีมาก ๆ 

ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในส่วนของเรื่องผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย เรามี ส.ส.คนปัจจุบันอยู่กับเราทุกเขต และมีผู้สมัครที่เราคัดเลือกเพิ่มเติม ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนักการเมืองที่ทำงานในพื้นที่อยู่แล้ว เช่น เป็น สจ. หรือเป็นนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ตรงนี้เป็นข้อเด่นของเรา จริงอยู่ในช่วงแรกเราได้สรรหาผู้สมัครไว้มากกว่าจำนวนเขต เพื่อที่จะให้ผู้สมัครมีโอกาสทำงาน แต่เมื่อยังไม่มีการประกาศตัว เราได้ให้ความเป็นอิสระในการทำงาน บางท่านอาจดูว่าเขตมันทับซ้อนกัน เขาก็ตัดสินใจไป ก็เป็นเรื่องของสิทธิ์เสรีภาพ เราไม่ได้ว่าอะไร แต่คนที่คงอยู่เป็นคนที่มั่นคงและมีความเชื่อมั่นฐานะคะแนนหรือฐานเสียงที่ได้ทำงานในพื้นที่มาโดยตลอดถือว่าเป็นจุดแข็งของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในส่วนของฐานเสียงของนายก อบจ.ปทุมธานี ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นฐานเสียงของใคร 

‘ประธานสภามวยโลก’ มอบเข็มขัด WBC ให้ ‘บิ๊กตู่’ พร้อมหารือส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงกีฬา - ดันมวยไทยสู่สากล

ประธานสภามวยโลก ‘มัวริซิโอ สุไลมาน’ มอบเข็มขัด WBC เลือดนักสู้ให้ ‘บิ๊กตู่’ ก่อนหารือมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ผลักดันมวยไทยสู่ระดับสากล

(7 ก.พ.66) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายมัวริซิโอ สุไลมาน (Mr. Mauricio Saldivar Sulaiman) ประธานสภามวยโลก เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมงาน Amazing Muay Thai Festival ระหว่างวันที่ 4 - 6 กุมภาพันธ์ 2566 ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

นายกรัฐมนตรี กล่าวยินดีที่ได้พบกับ ประธานสภามวยโลก (WBC) อีกครั้งหนึ่ง และแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ 60 ปี ของการก่อตั้ง WBC ในปีนี้ และจะครบรอบ 20 ปีในปี 2567 ของการก่อตั้ง WBC Muay Thai อีกด้วย พร้อมขอบคุณ WBC สำหรับการสนับสนุนและเป็นเจ้าภาพร่วมงาน ‘Amazing MuayThai Festival’ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนากีฬา โดยเฉพาะกีฬามวย ทั้งมวยสากล และมวยไทย เนื่องจากมวยไทยเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมและศิลปะการป้องกันตัวประจำชาติ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลต้องการส่งเสริมและพัฒนากีฬามวยไทยอย่างเป็นระบบในทุกมิติ โดยการกีฬาแห่งประเทศไทยได้จัดตั้ง สถาบันมวยไทยแห่งชาติขึ้น เพื่อเป็นหน่วยงานกลางด้านความร่วมมือกับองค์กรภาคีทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งยังมีนโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางกีฬามวยไทย (Muaythai Sport Hub) โดยได้มีการรับรองมาตรฐานค่ายมวยไทยไปแล้วกว่า 190 ค่าย เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงกีฬา

'พิธา' ชี้ ครูกล้อนผมเด็ก สะท้อนใช้อำนาจเกินขอบเขต ลั่น!! หากก้าวไกลเป็น รบ. พร้อมดันกฎห้าม รร. ละเมิดสิทธิฯ

(7 ก.พ. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความลงโซเชียลมีเดีย แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่มีครูโรงเรียนแห่งหนึ่งกล้อนผมนักเรียนในโรงเรียน ว่าเป็นเรื่องที่ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชน แสดงให้เห็นว่าการลงนามยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยทรงผม ไม่ได้ช่วยทำให้นักเรียนมีเสรีภาพมากขึ้นจริงในทางปฏิบัติ เสนอแนะให้กระทรวงศึกษาธิการปกป้องสิทธิเสรีภาพนักเรียน เพื่อสร้างพลเมืองที่ตอบโจทย์โลกอนาคต

โดยพิธา กล่าวว่าตน รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง ที่วันนี้ได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่ถูกนำเสนอโดยกลุ่มนักเรียนเลว ที่มีครูในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ ใช้กรรไกรเดินกล้อนผมนักเรียนกว่าร้อยคนจนแหว่งและเสียทรง ในระหว่างเข้าแถวตอนเช้า หลังจากนั้นก็บังคับให้นักเรียนทุกคนแก้ทรงผมกลายเป็นทรงนักเรียนขาว 3 ด้านทั้งหมด

แม้กฎเรื่องทรงผมโรงเรียนจะไม่ได้บังคับให้นักเรียนต้องตัดผมเกรียนก็ตาม นี่แสดงให้เห็นว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงนามยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563 เปลี่ยนเป็นการกำหนดแนวปฏิบัติกว้าง ๆ ให้สถานศึกษาแต่ละแห่งนำหลักเกณฑ์ไปกำหนดเป็นระเบียบเอง ไม่ได้เป็นการปลดปล่อยเสรีภาพเหนือร่างกายของนักเรียน แต่กลับทำให้กฎเกณฑ์เรื่องทรงผมนักเรียนถูกกำหนดอย่าง 'ไร้ขอบเขต' กว่าเดิม

“ผมคิดว่าการสอนและสร้างความสำนึกเรื่องสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพของมนุษย์ในโรงเรียน เป็นเรื่องเดียวกันกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพราะในโลกยุคปัจจุบันเราไม่สามารถเอาวิธีคิดแบบการผลิตพลทหารของโลกยุค 100 ปีก่อน มาใช้ในการสร้างสรรค์การเรียนรู้ สิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการควรต้องทำจริง ๆ คือการประกาศระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ที่ห้ามบุคลากรทางการศึกษาทั้งครูและผู้บริหารโรงเรียน ไม่ให้ละเมิดสิทธิมนุษยชนตามนโยบายของพรรคก้าวไกล” พิธากล่าว

‘เสี่ยติ่ง’ อวย ‘บิ๊กตู่’ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อุบ!! พฤหัสนี้รู้ พาลูกสาวซบ รทสช. หรือไม่

(7 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) อดีตหัวหน้าพรรคพลเมืองไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว น.ส.ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการหัวหน้าพรรคพลเมืองไทย จะย้ายไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า ตนยังไม่ทราบ ส่วนที่ น.ส.ศิลัมพาขึ้นป้ายหาเสียงนั้น ขอให้รอดูความชัดเจนอีก 2 วัน ซึ่ง น.ส.ศิลัมพา เป็น ส.ส.อยู่แล้ว เช่นเดียวกับตน ขอให้รอความชัดเจนก่อน วันนี้ยังนึกไม่ออกว่าจะมาทั้งพ่อทั้งลูกหรือไม่ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังอยากที่จะช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมต่อหรือไม่ นายสัมพันธ์ กล่าวว่า เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล คงสนับสนุนเหมือนเดิม อีกทั้งวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นสมาชิกพรรค รทสช.เท่านั้น ไม่ใช่หัวหน้าพรรค คงไม่มาชวนพวกเราให้เข้าพรรค อย่างไรก็ตาม วันนี้ตนได้มาพบนายอนุชา บูรพชัยศรี รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสมาชิกพรรค รทสช. ยอมรับว่าได้คุยการเมืองในภาพ
กว้าง ๆ ยังไม่ได้มีอะไรชัดเจน ตนและพรรคจะมีการตัดสินใจในวันพฤหัสบดีที่ 9 ก.พ.

'อนุทิน' ขอโทษ 'บิ๊กตู่' ปมลูกพรรคหาเสียงเหน็บ ความสงบจบที่ลุงตู่ เป็นเรื่องที่ขายไม่ได้

(7 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 08.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีที่นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ขึ้นปราศรัยหาเสียง ในระหว่างการลงพื้นที่หาเสียงเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา โดยระบุว่าตอนหนึ่งว่า ครั้งที่แล้วเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ แต่ตอนนี้ความสงบมีเกินไปแล้ว ถ้าจะให้คนเดิมบริหารประเทศ ว่า เวลามีการหาเสียงก็คงพูดไปแบบนั้น แต่ตนจะไปเตือนนายศุภชัย ย้ำว่าการหาเสียงของพรรคภูมิใจไทยไม่มีพูดถึงพรรคอื่น โดยแจ้งให้สมาชิกในพรรครับทราบว่า ให้พูดแต่เรื่องที่พรรคภูมิใจไทย ต้องการสื่อสารกับประชาชน และจะทำอะไรให้ประชาชน ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นและพรรคอื่น

เมื่อถามว่าจะทำความเข้าใจกับ พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์​โอชา​ นายก​รัฐมนตรี​ และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​กลาโหม​ในเรื่องนี้​ ในที่ประชุม​คณะรัฐมนตรี​ หรือไม่​ นายอนุทิน​ กล่าวว่า​ ฝากขอโทษผ่านสื่อไปยังนายกรัฐมนตรี​ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเจตนารมณ์​ของพรรคภูมิใจ​ไทย​ที่จะพูดถึงบุคคลอื่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top