Thursday, 15 May 2025
POLITICS

'ช่อ' ตอบปมก้าวไกลยกมือเลือก ‘เศรษฐา’ นั่งนายกฯ ถาม!! คนโดนผัวบอกเลิก ยังต้องไปปูที่นอนให้ผัวกับเมียใหม่ด้วยเหรอ?

เรียกว่าติดเทรนด์ข่าวแรงกระแสดัง 2 วันติด หลังจากพรรคเพื่อไทย ออกมาประกาศตัดความสัมพันธ์พรรคก้าวไกล แถมมีกระแสว่าทำให้ประชาชนที่เคียงข้างค่อนข้างผิดหวัง งานนี้รายการ ‘คนดังนั่งเคลียร์’ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 เลยขอเชิญตัวมารดาวงการการเมือง แถมฝีปากตรงจุกอกอย่าง คุณช่อ พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า มาถามไถ่ถึงประเด็นร้อนดังกล่าวว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และตัวเธอเองมีความคิดเห็นส่วนตัวอย่างไรบ้าง พร้อมเปิดใจพรรคเพื่อไทย ทำไมถึงทำกับพรรคก้าวไกลได้ และพรรคก้าวไกลมีสิทธิ์ถูกยุบพรรคเบรกแรงเหมือนพรรคอนาคตใหม่ในอดีตหรือไม่

>> คิดอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ คะ? (พรรคเพื่อไทยประกาศ หย่า ก้าวไกล) ?

ดิฉันว่าก้าวไกลก็ถอย จนไม่รู้จะถอยอย่างไรแล้วนะคะ ดิฉันว่าเขาก็จะไม่มีที่ยืนแล้วคือ จริง ๆ มันเป็นความพยายามที่ Toxic Relationship (ความสัมพันธ์เป็นพิษ) อยู่กันแบบว่าเป็นคู่ผัวเมียที่ระหองระแหง แต่ก็ธรรมดาของชีวิตคู่ พรรคการเมืองก็เช่นกันใช่ไหมคะ ถ้าเห็นต้องตรงกันหมด ก็คงเป็นพรรคเดียวกันแล้วก็มีความแตกต่างอะไรกัน แต่ช่อว่าก้าวไกลเขาก็มีความพยายามที่จะรักษาสัมพันธภาพ 8 พรรคนี้ไว้ให้ได้ เพราะเดี๋ยวมันจะเกิดข้ามขั้วขึ้นมา เขาก็ไม่อยากเห็นไง

>> คนเขาสงสัยว่าพรรคอันดับ 1 และ อันดับ 2 เขาจับมือกัน ตกลงกัน ดองกันมาแต่ไหนแต่ไร ทำไมอยู่ ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงข้ามขั้วกันอย่างนั้น ใช่เหรอคะ รู้มาล่วงหน้าหรือเปล่า?

อันนี้พูดในนามตัวเอง เพราะว่าตัวเองไม่ใช่ก้าวไกล แต่ถือว่า เสมือนหนึ่งว่า เป็นคนใกล้ชิดมากเพราะว่าอยู่ตึกเดียวกันนะ เวลาเห็นดิฉันเดินเข้าไปอย่าคิดว่าดิฉันเดินเข้าไปพรรคก้าวไกลนะคะ ออฟฟิศอยู่ตึกเดียวกันกับคณะก้าวหน้า ก็ติดตามสถานการณ์จากการดูข่าวนะคะ แล้วก็พูดคุยกับบรรดา ส.ส. บรรดาแกนนำ คือปฏิเสธไม่ได้หรอก เพราะเป็นเพื่อนกันหมด เราก็ถามไถ่ว่าเป็นอย่างไร อะไรแล้ว จริง ๆ ถามว่าเล็งเห็นไหมว่าจะเกิดเรื่องนี้ในอนาคต ก็เชื่อว่า ทั้งประชาชนและก้าวไกลเอง มันเล็งเห็นอยู่บ้างแหละ แล้วก็มีความรู้สึกว่า คงไม่เกิดหรอก พรรคเพื่อไทยคงไม่ทำหรอก ก็จับมือกันไว้ 2 พรรค เราก็เป็นคนโลกสวยไง พยายามจะมองว่าเขาเดินทางการเมืองมาขนาดนี้ เขาเก่าแก่กว่าพรรคเราเป็นไม่รู้กว่ากี่ 10 ปี อยู่ดี ๆ เขาจะมาทำอะไรหักหาญน้ำใจขนาดนี้เหรอ ในการไปตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว เขาคงไม่ทำ ไม่ได้บอกว่าไม่ทำกับก้าวไกลนะ แต่คือเขาคงไม่ทำกับคนที่เลือกเขามาขนาดนั้น แม้แต่ ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยเองก็กลืนยากอยู่ใช่ไหมคะ มันมีประวัติความเป็นมากับภูมิใจไทย อาจารย์ก็เกิดทันอยู่ใช่ไหมคะ เรื่องราวมันเจ็บปวดมากระหว่าง 2 พรรคนี้

>> พวกเธอเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ และเธอก็ยังไม่มีประสบการณ์เธอกับยังไม่ลับเขี้ยว เล็บของเธอก็กุด พูดง่าย ๆ เราก็ต้องยอมรับประสบการณ์ว่าเกมไม่ถึงเขา?

จริง ๆ สงสัยเพื่อไทยก็จะเล็งเห็นแบบนี้เลย สั่งสอนเพิ่มประสบการณ์ให้เรา แบบหลักสูตรเร่งรัดในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา (หัวเราะ)

>> พอพรรคเพื่อไทย บอกว่าให้ก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ตอนนี้พรรคก้าวไกลมี 150 คน ก็เป็นฝ่ายค้านได้ ไม่เห็นต้องคิดอะไร มิใช่เหรอคะ?

แต่มันก็แค้นใจอย่างนี้นะ อันนี้แค้นใจส่วนตัวในฐานะกองเชียร์ ฉันก็ไปช่วยเขาหาเสียงจนดำ ก็เพิ่งกลับมาขาว มันก็น่าแค้นใจ แต่ไม่ใช่ในนามของพรรคก้าวไกลนะ ช่อคิดว่ามันน่าแค้นใจในนามประชาชนว่า กูต้องทำขนาดไหนว่ะ พรรคที่ฉันเลือกเนี่ย ตอนแรกก็เลือกไปไม่ได้คาดหวังอะไรมากเนอะ ได้ 100 เสียงก็เก่งแล้ว ปรากฏว่าคนพร้อมใจกันเลือกไม่ได้นัดหมายได้ 151 คนเนี่ย มันยังจะไม่ได้เป็นรัฐบาลอีกเหรอ ซึ่งวันนี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าใช่ 14 ล้านเสียงของประชาชนคนไทยก็ไม่สามารถจะทำให้พรรค พรรคนึงตั้งรัฐบาลได้

>> แต่มีนักการเมืองมานั่งที่โต๊ะเดี๊ยนแล้วพูดว่า มีทฤษฎีอะไรเหรอ พรรคที่ได้เสียงข้างมากจะเป็นรัฐบาลไม่จริง เอามาจากไหน ช่อก็อย่าฝันลม ๆ แล้ง ๆ?

ถ้าพรรคที่ได้เสียงข้างมาก จะไม่ได้เป็นรัฐบาล แล้วข้างไหนวะ ที่จะได้เป็นรัฐบาล (หัวเราะ) งง ตกลงฉันเป็นคนที่ไม่มีตรรกะ หรือคนอื่นเป็นคนที่ไม่มีตรรกะ

>> คนทั้งโลกก็คงมีเครื่องหมายคำถามว่า ทำไมการเมืองประเทศไทยถึงเป็นเช่นนี้?

อันนี้พูดแบบไม่ตลกอะไรเลยนะ ด่าตรง ๆ เลย รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 เป็นผลไม้พิษจริง ๆ อาจารย์ก็พูดถูกว่าพรรคที่ได้อันดับ 1 ไม่ได้เป็นรัฐบาลมา 2 ครั้งแล้วนะ ครั้งที่แล้วคือพรรคเพื่อไทย ตอนเลือกตั้ง 62 ตอนนั้นอนาคตใหม่ได้ที่ 3 ครั้งนี้ ก้าวไกลได้ที่ 1 เพื่อไทยได้ที่ 2 ก็ซ้ำรอยเดิมคือ พรรคอันดับ 1 ไม่ได้เป็นรัฐบาล ที่เป็นแบบนี้เพราะ รัฐธรรมนูญ 60 เขาไปมีตัวอย่างที่แบบดีมากจากประเทศเพื่อนบ้านเรา ไม่พูดชื่อประเทศแล้วกันนะคะ คือรัฐธรรมนูญเขียนไว้เลยว่า ต้องมีสมาชิกสภาที่มาจากการแต่งตั้งคือ วุฒิสภา มาโหวตเลือกนายกฯ กับเขาด้วย กลายเป็นพรรคอันดับ 1 ที่แท้จริงมี 250 เสียง ทีนี้มันเลยทำให้เสียงที่มาจากการเลือกของประชาชนมันแทบไม่มีความหมาย เพราะคุณมีพรรคอันดับ 1 250 เนี่ย เทไปที่ใครก็เป็นนายกฯได้

>> เดี๊ยนไปจิ้มในทวิตเตอร์มา เขาโพสต์กันสนั่นหวั่นไหว ถ้าวันที่ 4 นี้ก้าวไกลไม่ยอมโหวตให้คุณเศรษฐา พรรคเพื่อไทย เขาก็จะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้อีก คราวนี้ก็ต้องโยนไม้ 3 4 ให้คุณอนุทิน มีคนเขาถามแล้วจะไม่ยิ่งไปไกล และยิ่งแย่ไปกว่านี้เหรอคะ?

เดี๋ยวนะคะ คนเราโดนผัวบอกเลิกแล้ว ยังต้องไปปูที่นอนให้ผัวกับเมียใหม่ด้วยเหรอคะ ดิฉันงง สังคมไทยต้องการอะไรจากพรรคก้าวไกล สปิริตไง เธอแพ้แล้วก็ต้องไปเลือกให้เขา? แล้วพรรคอื่นไม่ต้องมีสปิริตเหรอคะ ถ้าพรรคอื่นมีสปิริต พรรคก้าวไกลก็ไม่เดินทางมาถึงขนาดนี้นะ ในฐานะพรรคอันดับ 1 คือช่อคิดแบบนี้ เคยมีการพูดมาก่อนหน้านี้ว่า ถ้าเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ จะส่งไม้ต่อให้พรรคอันดับ 3 ช่อคิดว่าอันนี้น่าเกลียดไปหน่อย คือมันไม่มีวัฒนธรรมนะคะ อันดับ 1 ไม่ได้ ให้อันดับ 2 อันดับ 2 ไม่ได้ ให้อันดับ 3 คืออันดับ 1 ไม่ได้ ให้อันดับ 2 เราอยู่ร่วมกันใน 8 พรรค แล้วก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เราก็บอกว่า ถ้าไม่สำเร็จ เราก็ให้พรรคอันดับ 2 ในกลุ่มก้อนเดียวกันเป็นผู้เจรจา แต่มันไม่มีวัฒนธรรมนะคะ อันนี้ถูกประดิษฐ์และสร้างขึ้นใหม่ ถ้าพรรคอันดับ 2 ตั้งไม่สำเร็จ เราจะให้พรรคอันดับ 3 แล้วกัน ดิฉันขอโทษนะประชาชนคนไทย ตอนนี้ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว กินข้าวครบหมู่นะคะ ไอโอดีนก็ถึงเรามีไอคิวที่ดี เพราะฉะนั้นประชาชนคนไทยรู้ค่ะ ว่าพรรคอันดับ 2 จัดไม่ได้ ก็จะให้พรรคอันดับ 3 ภูมิใจไทยเป็นผู้จัด คนพูดต้องการอะไร ต้องการโยนขี้ให้พรรคอื่นหรือไม่ อย่าให้พูดแรง เอาแค่นี้ ประชาชนคนไทยไม่ได้โง่ ไม่ได้รับประทานหญ้า กินอาหารครบ 5 หมู่ มีเกลือไอโอดีนรับประทานทุกบ้าน เพราะฉะนั้นอย่าคิดอะไรง่าย ๆ ตื่น ๆ แล้วประชาชนจะเชื่อ

>> พิธาจะจุดจบเดียวกันกับพรรคอนาคตใหม่ไหมคะ?

เรื่องนี้มันเดาตอนจบง่ายมาก เพราะมันเป็นหนังฉายซ้ำ ตอนอนาคตใหม่ก็ซีนนี้มาเต็มหมดเลยใช่ไหม เพราะฉะนั้นการที่มันจบแบบเดิม เราก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันอยู่เหนือความคาดหมายอะไร แต่ช่อคิดว่ามันก็ได้พิสูจน์แล้วว่า การยุบพรรคอนาคตใหม่ก็ได้มาซึ่งการชนะของพรรคก้าวไกล ที่เป็นพรรคอันดับ 1 ในวันนี้ คุณยุบพรรคได้ แต่คุณไม่สามารถเอาพรรคออกไปจากใจของประชาชนได้ เพราะเขารัก เขาชอบพรรคนั้น เพราะฉะนั้น ถ้าหากว่าก้าวไกลจะโดนแบบเดียวกับที่อนาคตใหม่โดน ซึ่งช่อคิดว่าความเป็นไปได้ไม่น้อยหรอก เพราะว่าอาจารย์ก็รู้ ทุกคนก็รู้ แฟนคลับก็รู้ อาจารย์คิดว่าก้าวไกล จะทำได้ดีขึ้น หรือแย่ลงกว่าการเลือกตั้งครั้งนี้

'เพจดัง' ถาม? สารคดี 'COST OF FREEDOM' ของรุ้ง-ปนัสยา มีดีเบตกับ 'อ.อานนท์' และ 'ภาพถือกระเป๋าหรู 2 แสน' หรือไม่?

(4 ส.ค. 66) กรณีเพจเฟซบุ๊ก ‘สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย’ ประชาสัมพันธ์หนังสารคดี น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำม็อบราษฎรหรือกลุ่มสามนิ้ว และ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 เรื่อง ‘The Cost of Freedom’ เตรียมที่จะฉายเปิดตัวในเทศกาล Chain NYC Film Festival ที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา หวังว่า ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ จะได้มีโอกาสฉายในประเทศไทย และจะได้พื้นที่อิสระในการสร้างสรรค์งานที่มีคุณภาพต่อไป

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก เสธPlay โพสต์ข้อความว่า "สารคดี COST OF FREEDOM ของรุ้งที่กำลังโฆษณาใหญ่โตจะมีฉากนี้มั้ยครับ?"

โดยเผยแพร่คลิปสั้น ๆ ตอนหนึ่งของการดีเบตระหว่าง รุ้ง ปนัสยา กับ ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ประเด็น ‘พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ 2561’ ในรายการ ‘ถามตรง ๆ กับจอมขวัญ’ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่า รุ้งแพ้ยับ เมื่อดร.อานนท์อธิบายข้อมูลและกฎหมายได้ละเอียดครบถ้วน ทำให้รุ้งไปไม่เป็นและนิ่งเงียบ

เพจ ‘เสธPlay’ ยังได้โพสต์ภาพ รุ้ง ปนัสยา ถือกระเป๋าหรูแบรนด์เนมหลุยส์ วิตตอง ราคาใบละ 2 แสนบาท พร้อมระบุว่า "ประชาธิปไตยนี้ดี สู้แล้วรวย"

‘แม่ลีน่า’ ฟาดแรง!! อ้างถูก ‘สส.ก้าวไกล’ โทรมาด่า ลั่น!! วิจารณ์ทุกยุค ‘โทนี่-ปู-ตู่’ แต่ไม่เคยมีใครทำแบบนี้

(4ส.ค. 66) ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง ชื่อ ‘nangfar_allstar’ ได้โพสต์คลิปของ ‘ลีนา จังจรรจา’ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ลีน่าจัง’ นักธุรกิจ ทนายความ และพิธีกรหญิงชาวไทย ที่ได้ออกมาแฉหลังจากที่ตนถูก สส.คนหนึ่งของพรรคก้าวไกลโทรศัพท์มาต่อว่า กรณีที่ตนนั้นได้วิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกล โดยในคลิปดังกล่าวระบุว่า…

“ปากบอกเป็นประชาธิปไตย แต่พอฉันวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับพรรคก้าวไกล กลับส่ง สส.โทรมาด่าฉัน ด่าทําไม ฉันมีสิทธิ์วิจารณ์ คุณห้ามฉันไม่ได้หรอก ฉันจะพูดไปจนกว่าฉันจะตาย นอกเสียจากว่าพวกคุณจะสาบสูญไป และไม่ได้ลง สส. ไม่มีพรรคการเมืองอะไรเลย หายสาบสูญไปเลยอย่างนี้ ฉันถึงจะไม่พูด ขนาดคุณทักษิณยังหนีไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ฉันยังพูดถึงเขาทุกวัน คุณยิ่งลักษณ์ฉันก็พูดถึงเขาทุกวัน ทําไมจะพูดไม่ได้ ในเมื่อคุณลงมาสมัคร คุณก็คือบุคคลสาธารณะ อย่าหลงตัวเอง ฉันไม่แปลกใจหรอกที่เด็กๆ สมัยนี้ จะเนรคุณกันหมด เนรคุณพ่อแม่ ไม่เอาพ่อแม่ ด่าพ่อแม่น่ะ”

“แล้วฉันก็วิพากษ์ วิเคราะห์วทุกสภาฯ ทุกรัฐบาล คุณทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์เป็นรัฐบาล ฉันก็วิเคราะห์ คุณประยุทธ์เป็นรัฐบาล 9 ปี ฉันก็วิเคราะห์ คุณประยุทธ์ไม่เคยส่งคนมาขู่ฉันเลย พรรคพลังประชารัฐไม่เคยส่ง สส.มาด่าฉัน มาขู่ฉันเลย คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรัฐบาลในยุคของคุณอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์ฉันก็วิเคราะห์ เพราะฉันทําหน้าที่วิเคราะห์ข่าว ทำอาชีพนี้ของฉันมาตั้งแต่คุณประยุทธ์ปิดสถานีดาวเทียมของคุณเมื่อปี 2557 ทํามาจนถึงจนถึงทุกวันนี้ 9 ปีแล้ว”

“พรรคการเมืองใหญ่โตระดับไหนฉันก็วิเคราะห์หมด ฉันพูดหมด ไม่เคยมีใครมาขู่ฉันเลย… คุณใหญ่โตมาจากไหน?” ลีน่าจัง กล่าวทิ้งท้าย

'ก.ต่างประเทศ-วุฒิสภาสหรัฐฯ' จี้ไทยเคารพเสียงประชาธิปไตย หลัง 'เพื่อไทย' ทิ้ง 'ก้าวไกล' ตั้งรัฐบาล ไม่เคารพเสียง ปชช.

กรรมการกิจการต่างประเทศ วุฒิสภาสหรัฐฯ ทวีตจี้ทุกฝ่ายเคารพเจตนารมณ์ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หลังข่าวเพื่อไทยขับก้าวไกลร่วมจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่บริษัทประเมินความเสี่ยงแคนาดาออกคำเตือน เลี่ยงเหตุการณ์ชุมนุมในไทย ส่วนฮิวแมนไรท์วอช ชี้ชัดการละเมิดสิทธิมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นหลังจากนี้

(4 ก.ค.66) สำนักข่าวอิศรา รายงานสถานการณ์การเมืองไทยจากมุมมองในต่างประเทศว่า ทวิตเตอร์ของคณะกรรมการกิจการด้านการต่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐอเมริกาได้มีรีทวีตข่าวที่พรรคก้าวไกลถูกขับออกจากการเป็นพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล และทวีตข้อความระบุว่าต้องมีการจับตาพัฒนาการทางด้านการเลือกตั้งในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพเจตนารมณ์ของคนไทยที่แสดงผ่านการเลือกตั้ง เสียงของประชาธิปไตยที่ถูกเลือกตั้งมาไม่ควรถูกทำให้เงียบลง

ขณะที่เว็บไซต์ crisis24 ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของบริษัท Garaworld บริษัทรักษาความปลอดภัยจากแคนาดา ได้ออกคำเตือนระบุว่า ขอให้ผู้ที่เดินทางไปยังหลีกเลี่ยงจากสถานที่การประท้วงทั้งหมดเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน ถ้าหากมีความรุนแรงเกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียง ให้ออกจากพื้นที่ทันทีและหาที่หลบภัยในอาคารที่ปลอดภัย และควรจะมีการวางแผนเผื่อกรณีที่บริการขนส่งท้องถิ่นหรือว่าธุรกิจอาจจะต้องหยุดชะงักจากการชุมนุม

ขอให้ผู้ที่เดินทางได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในกระบวนการตรวจค้นด้านความปลอดภัย และขอให้พกพาเอกสารยืนยันตัวตนไว้กับตัวเองตลอดเวลา รวมไปถึงให้ความสนใจในด้านคำแนะนำด้านการขนส่งและความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

ส่วนเว็บไซต์ Council on Foreign Relations (CFR) ซึ่งเป็นสถาบันคลังสมองในสหรัฐฯ ได้มีการเขียนบทความวิเคราะห์เอาไว้ตอนหนึ่งเกี่ยวกับกรณีที่พรรคเพื่อไทยประกาศขับพรรคก้าวไกลออกจากการร่วมรัฐบาลว่า พรรคเพื่อไทยได้สละสิทธิ์การเป็นพรรคประชาธิปไตยไปแล้ว ทำให้คนรุ่นใหม่มองว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้ทรงอำนาจที่ไม่ฟังเสียงประชาชน ซึ่งที่เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องจ่ายในระยะยาว

ทางด้านของนายฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอช ประจำภาคพื้นเอเชีย ได้รีทวีตข่าว และทวีตข้อความระบุว่า ไม่ค่อยจะเป็นประชาธิปไตยเท่าไรนัก นั่นคือสิ่งที่ทุกคนสามารถพูดได้ เนื่องจากพรรคการเมืองที่ชนะเสียงและที่นั่งมากที่สุดในการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ค. ถูกเขี่ยลงไป การละเมิดสิทธิธรรมาภิบาล มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นตามมาอีก หลังจากการเคลื่อนไหวแบบนี้

'พิธา' ร่วมงาน 'มธ.' บรรยายถึง 'ปชต.ที่ถดถอย-สังคมเหลื่อมล้ำรุนแรง' ชี้!! โลกต้องการ 'พลังใหม่-คนรุ่นใหม่' ร่วมนิยามและกำหนดอนาคต

(4 ส.ค.66) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมรับเชิญเป็นผู้บรรยายพิเศษในงาน 'รับเพื่อนใหม่' ให้กับนักศึกษาเข้าใหม่ชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยได้ร่วมบรรยายในหัวข้อ 'ประชาธิปไตย เสรีภาพ และความเป็นธรรม : 3 เสาหลักจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ สู่การสร้างสรรค์สังคม'

โดยระหว่างที่พิธาเดินเข้าสู่หอประชุม ปรากฏว่าได้รับเสียงตอบรับจากนักศึกษา ทั้งปรบมือและส่งเสียงเฮจนลั่นหอประชุม โดยระหว่างรอคิวขึ้นบรรยาย พิธายังได้ร่วมรับชมการบรรยายและกิจกรรมพิเศษจากนักศึกษากองสันธนาการอย่างเป็นกันเอง

เมื่อถึงลำดับการบรรยาย พิธาเริ่มต้นโดยระบุว่าตนยินดีที่ได้กลับมาสู่บรรยากาศและพลังงานแบบเหลืองแดงอีกครั้ง สิ่งที่ธรรมศาสตร์ได้สอนตนมา แทบจะไม่ต่างกับวิถีแบบก้าวไกล คือสิ่งที่อยู่ในตัวของตนเอง ธนาธร, ปิยบุตร, ศิริกัญญา, โรม ฯลฯ เป็นดีเอนเอที่ใกล้เคียงกัน นั่นคือความยึดมั่นในประชาธิปไตย เสรีภาพ และความเป็นธรรม

ย้อนกลับไปในวันที่ตัวเองเป็นนักศึกษารหัส 41 เหมือนทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ ทั่วโลกมีประเทศที่เป็นประชาธิปไตยมากกว่า 50% ของทั้งโลก แต่วันนี้ความเป็นประชาธิปไตยบนโลกถอยหลังลงอยู่เหลือเพียงประมาณ 20% ส่วนความเหลื่อมล้ำ ในสมัยนั้นคนที่รวยที่สุด 1% กับคน 50% ล่าง มีโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรต่างกัน 8 เท่า แต่เวลานี้คือ 16 เท่า คน 1% ข้างบนสุดครองทรัพย์สิน 50% ของทั้งโลก ส่วนคน 50% ครองทรัพย์สิน 2% เท่านั้น

น่าเจ็บใจที่ผ่านไป 25 ปี ทุกอย่างกลับถดถอยลง เรากำลังอยู่ในโลกที่ประชาธิปไตย เสรีภาพ และความเป็นธรรมกำลังถดถอย สิ่งเก่ากำลังล้มพังลง ขณะที่สิ่งใหม่ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นยังไม่สำเร็จ โลกใบใหม่เต็มไปด้วยความปกติใหม่ แต่เรายังคงไม่มีฉันทามติใหม่สำหรับความปกติใหม่เสียที

พิธากล่าวต่อไป ว่าเมื่อหันกลับมาดูประเทศไทย ประชาธิปไตยของไทยวันนี้คือประชาธิปไตยที่เพียงแค่ สว. ที่มาจากการลากตั้งไม่มาเป็นองค์ประชุม ก็สามารถล้มแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนได้ คือประชาธิปไตยที่บอกว่าคนเท่ากัน แต่อำนาจที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนกลับสามารถถูกคานโดยอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชนได้ มีองค์กรอิสระสามารถหยุดยั้งประชาธิปไตยได้ เสรีภาพในการแสดงออก ในการกำหนดชีวิตตัวเอง แม้แต่ในการหายใจ ในการทำมาหากินถดถอยลง

นี่ยิ่งเป็นสาเหตุที่โลกและประเทศไทยต้องการคนรุ่นพวกคุณ ต้องการพลังงานอย่างพวกคุณ มากำหนดนิยามใหม่ให้กับประชาธิปไตย เสรีภาพ และความเป็นธรรม เรียนรู้อดีต กำหนดสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นี่คือสิ่งที่พวกเราต้องช่วยกัน เป็นพลังงานของคนรุ่นใหม่ ๆ ถึงเวลาต้องคิดใหญ่ โลกใบนี้กำลังต้องการคนรุ่นใหม่ รุ่นพวกคุณขึ้นมาช่วยพวกผมในการผลักสิ่งเก่า ๆ ออกไปและนำสิ่งใหม่ ๆ เข้ามา ช่วยกันนิยามความคิดประชาธิปไตย เสรีภาพ และความเป็นธรรมในยุคของเรา

พิธากล่าวต่อไป ว่าสำหรับคนธรรมศาสตร์ เราถูกเสมอสอนว่าที่นี่มีเสรีภาพทุกตารางนิ้ว สอนว่าฉันรักธรรมศาสตร์เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน สอนว่าเหลืองของเราคือธรรมประจำจิต แดงของเราคือโลหิตอุทิศให้ ถ้าย้อนกลับไปได้ สิ่งที่ตนอยากจะทำให้ดีกว่านี้คือการคิดให้ใหญ่ ตนขอฝากให้ทุกคน ได้ใช้เวลา 4 ปีให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด เรียนนอกห้องให้เหมือนในห้อง ฟังแต่ยังไม่ต้องเชื่อ อย่าให้ใครมาบอกว่าความสามารถของคุณมีแค่นี้ อย่าให้ใครมาบอกว่าคุณเป็นในสิ่งที่อยากเป็นไม่ได้ แม้แต่อาจารย์ของคุณ นี่คือความปกติใหม่ คุณต้องเชื่อว่าคุณสามารถเป็นในเส้นทางที่อยากเป็นได้ และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกใบนี้ได้

"สิ่งที่ผมได้ติดมาจนถึงทุกวันนี้และจะไม่มีวันจากผมไป คือจิตวิญญาณความเป็นธรรมศาสตร์ ที่มีความเป็นภราดรภาพ เสรีภาพ และความพร้อมทำทุกอย่างเพื่อประชาชน ให้นิยามของคำว่าประชาธิปไตยเต็มใบ ความยุติธรรมต่อหน้ากฎหมาย เสรีภาพในการกำหนดอนาคตของตัวเองและเพื่อน ๆ ในประเทศและโลกใบเดียวกันนี้ ขอให้ 4 ปีของทุกคน เป็น 4 ปีที่กล้าฝันใหญ่ คิดใหญ่ คิดให้ออกนอกกรอบ อยู่เป็นโลกไม่เปลี่ยน ความอยู่ไม่เป็นคือวิญญาณของความเป็นธรรมศาสตร์เราทุกคน" พิธากล่าว

‘บิ๊กตู่’ ลงพื้นที่เยี่ยมเหยื่อโกดังพลุระเบิด สั่งเยียวยาดูแล ปชช. ให้กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติสุขโดยเร็ว

(4 ส.ค.66) เพจ ‘ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี - PMOC’ โพสต์ข้อความระบุว่า…

นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่เยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บ ณ พื้นที่เกิดเหตุโกดังพลุระเบิด ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบเหตุในทุก ๆ ด้าน

ลงพื้นที่วันนี้ เพื่อไปดูว่าจะเยียวยากันอย่างไร โดยเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งมีงบในส่วนของราชการส่วนหนึ่ง อีกส่วนเป็นงบกองทุนบริจาคที่สำนักนายกรัฐมนตรีกำลังประชุมให้มีการปรับแก้ว่า จะเพิ่มเติมตรงไหนได้บ้าง

นอกจากนี้ต้องดูแลในส่วนโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย ว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนกลับมาดำรงชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

‘อดิศร’ แนะส่องไฟตรงที่นั่ง ปธ.สภาฯ ให้สว่าง ด้าน ‘วันนอร์’ บอก “สว่างแล้ว กลัวแก่”

(4 ส.ค. 66) ที่รัฐสภา มีการประชุมรัฐสภา มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 272 เรื่องการตัดอำนาจ สว.เลือกนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อถึงเวลาประชุม ยังไม่สามารถเปิดประชุมได้ จึงเปิดให้สมาชิกหารือปัญหาต่าง ๆ โดยนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ลุกหารือว่า ตนเห็นว่าตรงที่นั่งประธานรัฐสภาและรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีมุมมืดดำไม่เด่นเป็นสง่า มองออกมาแล้ว ประธานฯ น่าจะเด่นชัด สุขสกาวให้สมกับห้องประชุมที่ตนไม่ชอบซึ่งชื่อว่าสุริยัน ต้องมีแสงสว่าง ไม่ใช่มองประธานฯ อยู่ไหน มันมืดจริง ๆ แสงแห่งความหวังของประชาธิปไตย อยู่ที่ที่ประธานฯ ตนอยากให้ฝ่ายเทคนิคไฟส่องสว่างให้สมศักดิ์ศรีหมื่นกว่าล้าน ท่านรองประธานรัฐสภา ก็เป็นตุลาการมาก่อน หน้าตาก็หล่อ แต่มองไปไม่เห็น ท่านประธานรัฐสภา น่าจะหนุ่มกว่านี้ นั่งอยู่ตรงนั้นไม่หนุ่มเลย จึงอยากให้ทางสภาฯ ปรับปรุงเพื่อให้สภาฯ ของเรามีประธานและรูปด้านหลังเด่นเป็นสง่า เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณทางประชาธิปไตย 

ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวติดตลกว่า “กลัวว่าสว่างแล้วจะแก่” ซึ่งเมื่อนายวันมูหะมัดนอร์พูดจบ ก็เรียกเสียงหัวเราะจากสมาชิกในห้องประชุม

‘อนุสรณ์’ ถาม ‘ชูวิทย์’ ล้มนิด หวังชุบชีวิตใคร? ยัน!! ‘เศรษฐา’ บริสุทธิ์ สามารถตรวจสอบได้

(4 ส.ค.66) ที่รัฐสภา นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เปิดข้อมูลกล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ทำนิติกรรมอำพราง เลี่ยงภาษี ว่า นายชูวิทย์ จะตรวจสอบเรื่องอะไรก็เป็นสิทธิ แต่เท่าที่จำได้นายชูวิทย์ แหย่เรื่องนี้มาตั้งแต่แรก แต่ไม่ลงมือเปิดข้อมูล มาเลือกลงมือในจังหวะเวลานาทีสำคัญก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี 

คำถามคือถ้าทำกันจนการโหวตนายเศรษฐา มีปัญหา ใครคือผู้ได้ประโยชน์ เพราะอาชญากร ย่อมได้ประโยชน์จากอาชญากรรมที่ตัวเองก่อขึ้น ความพยายามในการดิสเครดิตแคนดิเดตนายกฯ รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นไปเพื่อเปิดทางไปสู่ปฏิบัติการ ‘ล้มนิด ชุบชีวิตใคร’ หรือไม่ นายเศรษฐา ชื่อเล่นชื่อนิด ปฏิบัติการนี้หวังล้มนายเศรษฐา เพื่อชุบชีวิตคนที่หมดโอกาสไปแล้ว ให้ฟื้นคืนชีพกลับสู่เส้นทางลุ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่านายเศรษฐา มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย ไม่ได้ฝ่าฝืนจริยธรรมใด ๆ ตามที่กล่าวอ้าง ถ้านายชูวิทย์ ติดใจสงสัยในกรณีดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้ที่กรมสรรพากร

“ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาสไปมากแล้ว ปล่อยให้ประเทศไทยได้ไปต่อ ประเทศไม่ควรขาดรัฐบาลนานเกินไป” นายอนุสรณ์ กล่าว

เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่ว่าจะมีการนำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียน นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การตรวจสอบเรื่องใด ฝ่ายใดเป็นสิทธิ์โดยชอบ ตราบที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้และเราเคารพทุกการตรวจสอบ เพียงแต่ตั้งข้อสังเกต ว่ามีเวลาตั้งนานแต่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลออกมา แต่เลือกเวลาช่วงที่กำลังจะโหวตให้นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี เราจึงบอกว่าแผนปฏิบัติการดังกล่าวคือหวังผลเพื่อจะล้มเศรษฐา ล้มพรรคเพื่อไทย และจะไปชุบชีวิตใครกลับมาเข้าสู่เส้นทางนายกรัฐมนตรีหรือไม่

เมื่อถามว่า กลัวว่ากรณีดังกล่าวจะซ้ำนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การนำประเด็น แต่ละประเด็นไปพิจารณามีความแตกต่างกัน เราไม่สามารถนำไปเทียบได้ว่าใครเคยโดนแล้วคนอื่นจะต้องโดนเช่นกัน ถึงตอนนี้ก็ยังยืนยันว่านายเศรษฐา มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสามารถที่จะสามารถเข้าสู่การโหวตนายกรัฐมนตรีได้

เมื่อถามว่า เอกสารที่นายชูวิทย์เปิดเผยออกมาไม่น่าเชื่อถือใช่หรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมใด ๆ ของแสนสิริ เพราะฉะนั้นเอกสารที่นายชูวิทย์ต้องไปตรวจสอบ และไปวัดกับทีมกฎหมายของแสนสิริ รวมถึงไปตรวจสอบกับกรมสรรพากร เราไม่ได้อยู่ในฐานะที่บอกได้ว่าเอกสารของนายชูวิทย์เชื่อถือได้หรือไม่ได้

เมื่อถามว่า เรื่องที่นายชูวิทย์เปิดเผยเป็นเรื่องของการเลี่ยงภาษีหากเป็นความจริงจะกระทบต่อพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า เท่าที่ตนติดตามการแถลงของกฎหมายแสนสิริ ก็ไม่ได้มีความหนักใจในเรื่องนี้ สิ่งที่นายชูวิทย์เปิดเผยออกมาก็สามารถคาดการณ์ได้อยู่แล้ว เราต้องคิดตามว่าบริษัทชั้นนำ การทำธุรกรรมต้องสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว ดังนั้นการร้องเรียนจึงเป็นสิทธิ์ สิ่งของกฎหมายแต่ก็จะต้องไปว่ากันตามข้อเท็จจริงทางกฎหมาย ขณะเดียวกันก็จะมีหน่วยงานรัฐเข้าไปตรวจสอบ ถ่วงดุล เพื่อที่จะสามารถพิจารณาข้อมูลของแต่ละฝ่าย

เมื่อถามว่าจะกระทบต่อการตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า หากไม่มีปรากฏการณ์โรคเลื่อน วันนี้ก็คงจะมีการโหวตนายกรัฐมนตรี แต่การที่นายชูวิทย์ นำข้อมูลมาเปิดเผยในช่วงเวลานี้ ทั้งที่เจ้าตัวเคยพูดว่ามีหลักฐานมานานแล้ว เราจึงอดสงสัยไม่ได้ว่า เป็นส่วนหนึ่งของแผน ‘ล้มนิด ชุบชีวิตใคร’ หรือไม่ ซึ่งพรรคการเมืองอื่นก็ไม่มีใครติดใจในประเด็นดังกล่าว

‘สส.สรรเพชญ’ ส่งเสียงหนุน พ.ร.ก.ปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์ ลั่น!! ปัญหาของ ปชช. รอไม่ได้ ขอสภาฯ ให้ความเห็นชอบ

เมื่อวานนี้ (3 ส.ค. 66) ในการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ณ ห้องประชุมสุริยัน อาคารรัฐสภา นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายแสดงความเห็นต่อ พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 โดยนายสรรเพชญฯ กล่าวว่า 

"ตนเห็นด้วยกับพระราชกำหนดฉบับนี้ เนื่องจากเป็นปัญหาความเดือดร้อนที่ประชาชนได้รับผลกระทบกันเป็นจำนวนมาก สร้างความเสียหายให้กับประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศมูลค่ามหาศาล อีกทั้งพระราชกำหนดฉบับนี้ ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ในการที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยของสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องกันภัยพิบัติสาธารณะ ที่กำลังประสบกับปัญหาที่เกิดขึ้นท่ามกลางโลกไร้พรมแดน"

นายสรรเพชญ ได้กล่าวต่อว่า "ปัจจุบันพฤติกรรมของขบวนการนี้ มีความพยายามที่จะทำให้กระบวนการในการจับกุม และสอบสวนซับซ้อนมากยิ่งขึ้น รวมถึงใช้วิธีการต่าง ๆ ที่จะหลอกล่อ ขู่เข็ญให้ประชาชนหลงเชื่อและตกใจกลัวด้วยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน ข้อมูลเครดิตต่าง ๆ จนหลงเชื่อและต้องสูญเสียทรัพย์สิน เมื่อมิจฉาชีพเหล่านี้ได้รับเงินจากผู้เสียหายแล้วก็จะมีการโอนต่อกันเป็นทอด ๆ ผ่านบัญชีม้า ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำงานยากมากยิ่งขึ้นซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นภัยร้ายแรงที่กำลังคุกคามสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน"

นอกจากนี้นายสรรเพชญฯ ยังได้กล่าวให้กำลังใจไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ที่กำลังปฏิบัติงานเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในขณะนี้ รวมถึงได้ตั้งข้อสังเกตในโครงสร้างของคณะกรรมการว่าให้ควรมีภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี เข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย รวมถึงหากเป็นไปได้อยากให้มีนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ แต่มีความชำนาญทางด้านเทคโนโลยีเข้ามาร่วมทำงานด้วยเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน

ในตอนท้าย นายสรรเพชญฯ กล่าวว่า "ปัญหาของประชาชนในขณะนี้รอไม่ได้แล้ว การมีพระราชกำหนดฯ นี้จะเป็นเกราะป้องกันและช่วยเหลือประชาชน ซึ่งหากสมาชิกท่านอื่น ๆ มีความเห็นว่าสมควรแก้ก็ค่อยยื่นร่างฉบับแก้ไขกลับเข้ามาเพื่อให้กฎหมายบังคับใช้ต่อไปได้" 

‘เศรษฐา’ ลั่น!! ถึงเวลาที่เศรษฐกิจไทยจะกลับมาผงาดอีกครั้ง เชื่อ ศักยภาพคนไทยเทียบ ‘สิงคโปร์ - ฮ่องกง’ ได้แน่นอน

เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 66 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ หรือเอ็กซ์ เกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย

โดยระบุข้อความว่า…

“ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยจะเป็นตัวเลือกตัวที่สาม ผมมั่นใจในศักยภาพของคนไทย และองค์ประกอบทั้งหมดที่ประเทศไทยควรที่จะได้รับเลือกให้เป็นคู่แข่งของสิงคโปร์และฮ่องกง”

'โซเชียล' หน่าย!! สารพัดแคมเปญส้มเหยียดคนไทย จังหวัดไหนที่ไม่ได้ สส. 'ถูกรุมด่าโง่-แบน-ล่าแม่มด'

เมื่อไม่นานมานี้ ‘อาจารย์ฟลุค’ นักพยากรณ์โหราศาสตร์ไทย เจ้าของช่องติ๊กต็อก ‘Flukepat smile’ ได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอตอบกลับคอมเมนต์ติ่งส้มท่านหนึ่งที่บอกว่า ‘งดเที่ยวราชบุรี’ โดยระบุว่า..

“ผมเห็นแคมเปญของด้อมส้มแล้ว รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่โคตรเหยียดคนไทยด้วยกันเลยนะ บอกว่าตัวเองรักประชาธิปไตย แต่พอจังหวัดไหนที่ตัวเองไม่ได้ อย่างเช่น พะเยา เพชรบูรณ์ ราชบุรี หรือภาคใต้ ก็ไปด่าเขาโง่บ้าง หรือไปแบนเขาบ้าง อย่างล่าสุด สว. ก็โดนล่าแม่มด บุกไปดูว่า สว. มีธุรกิจอะไรบ้าง จะแบนธุรกิจอะไรดี หรือแม้กระทั่งแบนทรู แบน CP อย่างงี้มันเหมือนรายการ The Mask เลยนะ ชื่อจริงคือชื่อเผด็จการ แต่ใส่หน้ากากประชาธิปไตย ไม่เคยให้เกียรติคนไทยด้วยกันเลย”

ทั้งนี้ อาจารย์ฟลุค ได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่มีแม่ค้าขายของออนไลน์ท่านหนึ่งได้เปิดเผยทั้งน้ำตาว่าตนนั้นขายของไม่ได้เลย ทั้งที่ตนเลือกพรรคก้าวไกล แต่ด้วยกระแสแบนจังหวัดทำให้ตนนั้นพลอยโดนไปด้วย เพราะว่าตนเป็นคนพะเยา 

“บอกว่าตัวเองนั้นเคารพในระบอบประชาธิปไตย แต่พอผลการเลือกตั้งออกมาไม่เป็นอย่างที่ต้องการ ก็ไปด่าเขา พอเขตไหนตัวเองได้ ก็บอกยุติธรรม แต่ถ้าคุณแน่จริงนะ เริ่มแบนจากการไม่ใช้ไฟฟ้า…แต่คงจะไม่ได้ เพราะพอไม่ใช้ไฟฟ้าแล้วทําไอโอไม่ได้ เรามองส่วนเสียเขาแล้ว แต่เราก็ต้องมองส่วนดีด้วย ซึ่งประเทศเราเป็นประชาธิปไตยนะ คุณจะแบนอะไรก็เรื่องของคุณ แต่การชักชวนคนอื่นให้เขาไปแบนด้วย มันเป็นพฤติกรรมที่เลวร้ายในรูปแบบเผด็จการจิตวิทยา”

'อดีตทูตนริศโรจน์' ชี้!! เหตุสารคดี 'แกนนำม็อบหญิงไทย' ได้ฉายในนิวยอร์ก ส่วนหนึ่งของแผนจัดฉากเพื่อหวังผลเข้ามาชี้นำการเมืองไทย 

(3 ส.ค. 66) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ว่า...

เห็นข่าวที่มีการแอบทำหนังสารคดีเกี่ยวกับแกนนำม็อบ ผู้หญิง คนนึง เพื่อนำไปออกฉายที่นิวยอร์ก!!

ไม่แปลกใจเลยเพราะการทำสื่อสารคดีแนวแบบนี้ ชาติมหาอำนาจ เขาถนัดยิ่งนัก เพราะเขาคุมสื่อโลกในมือ

คงจำได้ว่าเคยมีการทำสื่อสารคดีโดยสำนักข่าวชาติมหาอำนาจเพื่อหาทางเข้าโจมตีอิรัก ซีเรีย มีคนจับได้ว่าภาพเด็กที่บาดเจ็บ หรือ นอนตาย นั้นแท้จริงเป็นการ 'จัดฉาก' เด็กคนเดียวกันไปปรากฏว่า ตาย หรือ บาดเจ็บในหลายสถานที่

ผู้ปกครองที่อุ้มเด็กร้องไห้ปานจะขาดใจ ก็ปรากฏตัวในหลายพื้นที่ หลายซีน เรียกว่า ตายและเจ็บกันหลายหน หลายวาระ

ฉากที่ ISIS ฆ่าคนแบบทารุณ ก็มีคนจับไต๋ได้ว่าจัดฉากทำกันในสตูดิโอ เพราะคนเจอพิรุธที่ข้อมือของของ ISIS มีรูปดาวเดวิด บางคนที่ข้อมือกับรองเท้าลืมเปลี่ยน และดันไปตรงกับทหาร Marine คนนึง

ฉากทารุณสมัยนี้ใช้ CG ช่วย จะให้หวาดเสียวเลือดท่วมแค่ไหนทำได้หมด

และจากหนังสารคดีจัดฉากบิดเบือนเหล่านี้นี่เอง คือข้ออ้างของชาติมหาอำนาจในการอ้างสิทธิอันชอบธรรมในการเข้าไปรุกราน ครอบงำ และยึดครองประเทศอื่น

หนังสารคดีเกี่ยวกับแกนนำม็อบก็เช่นกัน เป็นส่วนนึงของแผนในการเข้ามาชี้นำการเมืองไทย 

จงรู้เท่าทัน !

เกาะความสำเร็จลัทธิ 3 นิ้ว ผลิต 'เยาวชน' ต่อต้าน 'สถาบันฯ-ล้ม ม.112'  ไม่เคยมียุคใดที่คนในสังคมไทยมีตรรกะที่ผิดเพี้ยนเช่นนี้

(3 ก.ค. 66) รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ระบุข้อความว่า...

เมื่อวานเห็นข่าวด้อมส้มที่มีทั้งหญิงทั้งชายกลุ่มหนึ่ง ดูแล้วหน้าตาคุ้น ๆ ล้วนยังเป็นเยาวชน ไปที่ตลาดเสรี 2 ซึ่งเป็นของคุณเสรี สุวรรณภานนนท์ นำใบปลิวซึ่งมีข้อความว่าเป็นประกาศจับและมีรูปของ สว.หลายคนที่ไม่ลงมติให้ความเห็นชอบ หรือลงมติไม่เห็นชอบให้คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ไปติดตามที่ต่าง ๆ ในตลาด สีหน้าท่าทางแต่ละคนแสดงว่า มีความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ทั้งที่เป็นการละเมิดสิทธิ์ผู้อื่นอย่างชัดแจ้ง

นี่คือสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ที่เยาวชนที่จะเป็นอนาคตของชาติมีทัศนคติ มีความเชื่อว่าการกระทำเช่นนี้เป็นเสรีภาพที่ต้องกระทำได้ ลองมองย้อนไปในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เยาวชนที่เป็นสาวกของลัทธิ 3 นิ้ว ล้วนมีพฤติกรรมและความเชื่อแบบนี้ ที่หนักหนาสาหัสคือมีผู้ใหญ่ที่เป็นนักวิชาการบางคนให้ความเห็นที่ผิดเพี้ยน เช่น การที่ม็อบเผาทรัพย์สินสาธารณะไม่ใช่ความรุนแรง แต่เป็นการแสดงออกเชิงสัญญลักษณ์เท่านั้น ผู้นำลัทธิ 3 นิ้วบางคนแสดงความเห็นว่า การเผาพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความผิดเพียงเป็นการเผาทรัพย์เท่านั้น เป็นต้น

ไม่เคยมียุคใดที่คนในสังคมไทยมีความคิดและตรรกะที่ผิดเพี้ยนเช่นนี้ เรื่องนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจากความบังเอิญ แต่เกิดจากการวางแผนและมีการดำเนินการมากันเวลานาน เริ่มจากการแทรกซึมในมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาต่าง ๆ โดยอาศัยแนวร่วมที่เป็นนักวิชาการในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ และแทรกซึมเข้าไปในองค์กรนิสิตนักศึกษาต่าง ๆ อบรมบ่มเพาะด้วยการใส่ชุดความคิดที่พวกเขาต้องการ ต่อมาจึงลงไปแทรกซึมถึงระดับโรงเรียน ทำกันมานานจนกระทั่งมีหลายคนที่เกิดจากการบ่มเพาะแบบนี้ได้เข้าไปเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ และเป็นแนวร่วมอย่างแข็งขัน

เมื่อมี Social Media การปั่นและบ่มเพาะความคิดแบบนี้ยิ่งทำได้สะดวกและเกิดผลเป็นวงกว้างมากขึ้น บรรดาแกนนำม็อบ 3 นิ้ว และม็อบกลุ่มต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมา สส.บางคน รวมทั้งเยาวชนอย่าง 'หยก' ก็น่าจะเป็นผลผลิตของขบวนการนี้

2-3 วันมานี้เห็นโปสเตอร์โฆษณาหลักสูตรอบรมเยาวชนก้าวหน้า ของ Progressive Academy รับผู้เข้ารับการอบรมอายุ 15-25 ปี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ใช้เวลาอบรมถึง 62 ชั่วโมง มีการบรรยาย กิจกรรมกระตุ้นการเรียนรู้ กิจกรรมเชิงปฏิบัติการ ทัศนศึกษา และการค้นคว้าอิสระ ซึ่งทำกันมา 2 รุ่นแล้ว ดูรายชื่อวิทยากรแล้วส่วนใหญ่มีทัศนคติคล้าย ๆ กันต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และก็พอจะคาดเดาได้ว่า หลักสูตรนี้ต้องการใส่ความคิดแบบใดให้กับเยาวชนที่เข้ารับการอบรม นี่น่าจะเป็นเรื่องใหม่ ที่ขบวนการนี้ไม่เพียงใช้วิธีแทรกซีมอยู่ในมหาวิทยาลัย และสถาบันการศีกษาเท่านั้น แต่เปิดการอบรมกันตรง ๆ อย่างเปิดเผยไปเลย

การที่มีผู้ทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และถูกดำเนินคดีเป็นจำนวนมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา เป็นเพราะผลผลิตที่มาจากขบวนการนี้ สังเกตว่าเริ่มมีตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรค และมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน พวกเขาอ้างว่ามาตรา 112 ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อกลั่นแกล้งต่อผู้เห็นต่างทางการเมือง ดังนั้นต้องยกเลิกมาตรา 112 และเมื่อถูกแรงต้านมากขึ้นก็เปลี่ยนมาเป็นแก้ไข โดยนำออกจากหมวดความมั่นคง ซึ่งเท่ากับเป็นการบอกว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ และลดโทษให้ต่ำลงเท่ากับการหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา และมีเงื่อนไขที่ไม่ต้องถูกลงโทษหากทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ หรือสิ่งที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นความจริง

การสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และความพยายามในการแก้มาตรา 112 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของขบวนการนี้ เป้าหมายสุดท้ายของพวกเขาคือพยายามทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เป็นที่ต้องการของคนส่วนใหญ่ ทำให้อ่อนแอลง ถ้ายังจำเป็นต้องคงอยู่ก็ให้คงอยู่อย่างไม่มีบทบาทใดๆ เป้าหมายสูงสุดก็คือ การเปลี่ยนประเทศให้เป็นไปอย่างที่พวกเขาต้องการ

การจัดหลักสูตรอบรมเยาวชนก้าวหน้า แสดงว่าขบวนการนี้ยังดำเนินต่อไป ไม่ว่าพวกเขาจะมีอำนาจรัฐอยู่ในมือหรือไม่ แม้ว่าจะเป็นการสร้างความขัดแย้งอย่างไร ครอบครัว ญาติพี่น้องแตกแยกกันอย่างไร ล้วนไม่นำพา พวกเขายังมุ่งมั่นดำเนินการต่อไป จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายสูงสุดที่ต้องการ

น่าสนใจว่า รัฐบาลใหม่ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ จะยอมรับหรือไม่ว่ามีขบวนการนี้อยู่ ถ้ายอมรับจะมีแนวทางจัดการกับขบวนการนี้หรือไม่อย่างไร จะจัดการได้ดีกว่ารัฐบาลพลเอก ประยุทธ์หรือไม่ หรือเพียงขอให้ได้เป็นรัฐบาลเป็นพอ ทั้งหมดได้แต่ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม

ปชป.100 ชีวิต ยื่นกกต.เพิกถอนมติประชุมใหญ่ 9 ก.ค.  ชี้!! ข้อบังคับพรรคขัดกม. พร้อมขอสั่งเลื่อนประชุมใหญ่ 6 ส.ค.ไปก่อน

(3 ส.ค. 66) นายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ อดีตสส.บัญชีรายชื่อ และอดีตฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ นำรายชื่อสมาชิกพรรคกว่า 100 คนยื่นต่อ กกต.ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนมติการประชุมวิสามัญและมติกรรมการ บริหารพรรคที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 9 ก.ค. และขอให้สั่งเลื่อนการประชุมใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 6 ส.ค. นี้ออกไปก่อน และให้ กกต.สั่งให้พรรคแก้ไขข้อบังคับพรรคให้ถูกต้อง

นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า การประชุมเมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ และคณะกรรมการบริหารพรรคมีมติงดเว้นการใช้ข้อบังคับการประชุมหลายข้อ ซึ่งเป็นการลิดรอนสิทธิสมาชิกพรรค และเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560

นอกจากนี้ ข้อบังคับพรรคที่ใช้ในการประชุมมีหลายข้อที่ขัดต่อกฎหมาย อาทิ การออกมติกรรมการบริหารพรรค ยกเว้นการหยั่งเสียงเบื้องต้นของที่ประชุมใหญ่ เพื่อเลือกผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค การใช้สัดส่วนการคำนวณคะแนนเสียงในการเลือกสมาชิกเป็นกรรมการบริหารพรรค ในสัดส่วนร้อยละ 70 ต่อ 30 คือ ส.ส. 1 คน ควรจะมี 1 เสียง แต่ข้อบังคับพรรคเมื่อหลายปีก่อน กำหนดให้ สส.ปัจจุบันมีคะแนนเสียง 70 ต่อ 30 อย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันไม่ได้เป็นสส. ก็มีเสียงเท่ากับตน แต่เมื่อเทียบกับนายนริศ ขำนุรักษ์ สส.พัทลุงแล้ว นายนริศมีสิทธิมากกว่านายอภิสิทธิ์ ซึ่งไม่ถูกต้อง จึงขอให้กกต.พิจารณา เพราะทั้งหมดไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และประชาธิปไตยสากล จึงเห็นว่าควรแก้ไขข้อบังคับพรรคดังกล่าวเสียก่อน หากปล่อยให้มีการประชุมวันที่ 6 ส.ค.นี้ ปัญหาดังกล่าวก็จะเกิดขึ้นอีก

เมื่อถามว่าที่ต้องมายื่นกกต.ให้สั่งเลื่อนประชุมวันที่ 6 ส.ค.เป็นเพราะยังมีปัญหาการช่วงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคใช่หรือไม่ นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า อย่าเรียกว่าการช่วงชิง ให้เรียกว่าการแข่งขัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ในอดีตที่ผ่านมาก็มีการแข่งขันกันรุนแรงในสมัยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กับพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และในครั้งนี้ก็ดูท่าว่าจะเป็นเหมือนครั้งก่อน จึงน่าจะต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม เลื่อนการประชุมออกไปก่อน ให้มีการแก้ไขข้อบังคับพรรคให้ถูกต้องก่อน แต่ถ้ากกต.ยังไม่มีคำสั่ง ก็อยู่ที่กรรมการบริหารพรรคจะพิจารณา ถ้าเห็นว่ามีการร้องต่อกกต.แล้วอาจจะเลื่อนก็ได้ แต่ถ้ายังจะประชุมต่อไป เราก็ติดตามว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่

เมื่อถามว่า เกี่ยวข้องกับการที่พรรคอาจได้รับการติดต่อเพื่อร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ ผู้ใหญ่ในพรรค 3-4 คน ไม่ไปด้วย อย่างนายชวน หลีกภัย ก็บอกว่าไม่เห็นด้วยที่จะไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ เพราะฉะนั้นถ้ามี 3-4 คน บอกว่าไม่ไป ตนว่าเขาก็ไม่เอาเรา อย่างมี 25 คน ไป 24 คน สมมติคุณชวนไม่ไปคนหนึ่งเขาก็ไม่เอาแล้ว เขาคงไม่คิดเอาพรรคที่มีความเห็นที่ไม่สอดคล้องกันไปร่วมรัฐบาล และวันนี้เท่าที่คุยมีหลายคน นอกเหนือจากคุณชวนที่บอกว่าไม่ไป และเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีงูเห่า เพราะการมีงูเห่าต้องออกไปอยู่พรรคอื่น ซึ่งเราไม่ได้ห่วงเรื่องงูเห่า ไม่ได้ห่วงเรื่องร่วมรัฐบาล เพราะเราเชื่อว่าไม่มีใครเขาเอาเรา เราห่วงว่าจะทำอย่างไรให้พรรคเราต้องไปสู่ความสงบเรียบร้อย อยู่กันเหมือนพี่เหมือนน้อง โดยไม่ต้องแก่งแย่งตำแหน่ง แต่ช่วยกันทำงาน

"ผมมีประสบการณ์ชีวิตการเมืองมาพอสมควร สมัยเราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคอื่นมาร่วมกับเรามี 9 คน 20 คน ถ้ามาบ้าง ไม่มาบ้างเราก็ไม่เอา ความสามัคคีในพรรคไม่มีก็ทำให้ความเป็นรัฐบาลแตกแยกด้วยซ้ำไป อันนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่คิดว่าคนจะจัดตั้งรัฐบาลต้องคิดได้"
 

'เสรีพิศุทธ์' กล่อม 'ก้าวไกล' นึกถึงบุญคุณ ‘เพื่อไทย’ ช่วยหนุนโหวต เตือน!! 'ม็อบด้อมส้ม' ผิด กม. ยกเคส 'หยก' เป็นลูกฆ่าทิ้งไปแล้ว

(3 ส.ค. 66) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนทางการเมืองว่า มีจุดยืนเดิมคือร่วมกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ถึงแม้พรรคเพื่อไทยจะไม่สามารถนำพรรคก้าวไกลมาร่วมได้ เราก็ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลจะออกไป ก็ไม่ใช่ปัญหา ยังเห็นเป็นเหมือนน้อง ด้วยความปรารถนาดีอยากให้จัดรัฐบาลได้

เมื่อถามว่าถ้ามีพรรค 2 ลุงมาร่วมรัฐบาลด้วย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ตนเคยตอบไปแล้วว่าไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะเป็นคนรัฐประหาร แต่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตนรับได้ แต่ถ้าจะเหมารวม พล.อ.ประวิตร เป็นคนปฎิวัติด้วย อย่างนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาฯ เป็นผู้สนับสนุน ก็ต้องถือว่ารวมด้วย ฉะนั้นตัวหลักที่ตนไม่เอาคือ พล.อ.ประยุทธ์

“พรรคเพื่อไทยเขาจัดตั้งรัฐบาลถ้าเขาเอา พล.อ.ประวิตร แต่ผมไม่เอา ผมก็อยู่ไม่ได้ จะให้ผมไปอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ จะให้ไปอยู่ตรงไหน ก็ต้องลาออกจากการเป็น ส.ส. ผมแนะทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลไปแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกแล้ว ไม่มีลุงแล้ว ก็เหลือแต่พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคก็ไม่ใช่คนปฎิวัติ แล้วทำไมจะต้องแข็งตัว จนไปร่วมกับรวมไทยสร้างชาติไม่ได้ ถ้าให้ผมเป็นคนตัดสินใจไม่ว่าผมจะอยู่ก้าวไกลหรือเพื่อไทยก็ร่วมได้” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการโหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค.นี้ อาจจะมีปัญหาต้องเลื่อนออกไปอีกเพราะมีเหตุไม่ลงตัวว่า บ้านเมืองวุ่นวายมานาน 8-9 ปี เมื่อมีการเลือกตั้งมาแล้ว และ สว. ที่จะพิจารณาให้ความเห็นชอบนายกฯ ต้องสามัคคีกัน จะไปเอาคำพูดตรงนั้นตรงนี้มาเป็นประเด็น อย่างที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย เคยพูดให้แก้มาตรา 112 มันไม่ใช่ประเด็น ส่วนที่พรรคเพื่อไทยเคยพูดว่าไม่เอาพรรคพลังประชารัฐต้องเข้าใจว่ามันไม่ใช่สัญญา ยังไม่ถึงขั้นทำเอ็มโอยูด้วยซ้ำ เป็นการพูดบนเวทีเพื่อหาเสียงเท่านั้น เพื่อให้ประชาชนลงคะแนนให้ ถ้าคิดว่าผิดคำพูดไปเสียหมดก็ไม่ต้องจัดแล้วรัฐบาล

เมื่อถามว่ามีการทาบทามให้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลใหม่หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่เคยสนใจตำแหน่ง ตนอยากจะช่วยให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้ และตนไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น เพราะพล.อ.ประยุทธ์ไปแล้ว

“เห็นพรรคก้าวไกลบอกว่า จะไม่ลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย อยากฝากให้ก้าวไกลคิดใหม่ ครั้งก่อนที่ก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล เพื่อไทยก็ลงคะแนนให้ ครั้งนี้เพื่อไทยจัด ก้าวไกลจะตอบแทนบุญคุณไม่ได้หรือ ถึงแม้จะเป็นจะไปเป็นฝ่ายค้านแต่ก็มี 150 เสียง ถ้าลงให้ทั้งหมดก็สิ้นเรื่อง ถ้าลงทั้งหมดจะทำให้ประเทศชาติเดินหน้าได้ สิ่งที่ก้าวไกลจะได้คือแมนจริงๆ เลือกตั้งครั้งหน้าจะทำให้พรรคก้าวไกลได้คะแนนมากยิ่งขึ้น ถึงเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลแต่ก็ต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งก้าวไกลไม่ใช่จะเป็นฝ่ายค้านไปตลอด รับรองสนับสนุนคะแนนเสียงไปก่อน 3-4 เดือนมีการปรับคณะรัฐมนตรี อาจเอาพรรคอื่นออกเอาพรรคก้าวไกลเข้าไปได้ ดังนั้นขอชี้ทางสว่างให้พรรคก้าวไกล” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าหลังพรรคเพื่อไทยปล่อยมือพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้ายทำให้มวลชนไม่พอใจมีกระแสต่อต้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า การที่มวลชนบุกไปยังพรรคเพื่อไทย สาดสีและเผาหุ่น ตรงนี้ไม่ใช่แค่ไม่เหมาะสม แต่เป็นสิ่งผิดกฎหมาย เมื่อเลือกเขามา ก็หมดหน้าที่แล้ว พรรคจะบริหารจัดการอย่างไรเป็นหน้าที่พรรค ไม่ว่าพรรคไหนจัด ก็เป็นเรื่องของพรรคการเมืองนั้นๆ ถ้าพรรคไหนไม่ดีครั้งหน้าก็อย่าไปเลือก ถ้าทำดีครั้งหน้าก็เลือกให้มากขึ้น ไม่ใช่พอเลือกตั้งก็จะเอาตามใจตัวเอง

“พรรคก้าวไกลไปตามใจด้อมมาเกินไปจนแพ้โหวตเสียงไม่พอ เพราะไม่สามารถหาเสียงเพิ่มได้ ตรงนี้ก็เป็นบทเรียนก้าวไกลที่ไปเชื่อคนภายนอกมากเกินไป ส่วนเรื่องม็อบเราก็เห็นหน้ากันอยู่ บุกรุกเข้าไปพรรคเพียงหนึ่งตารางนิ้ว ก็ผิดกฎหมาย แล้วก็ยังไปจุดไฟเผา เสร็จแล้วก็เดินสะบัดก้น โดยเฉพาะเด็กหยก ที่ไม่เชื่อฟังอาจารย์ ปีนกำแพง ไม่แต่งชุดนักเรียนสงสารแม่เขา ถ้าเป็นลูกผมไม่ได้ ผมฆ่าทิ้งเลย เด็กแบบนี้เอาไว้ได้ไง ถ้าเป็นลูกผมผมไม่เอา” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top