Saturday, 18 May 2024
POLITICS

'โรม' แฉ!! 'ขบวนการไทยเทา' อยู่เบื้องหลังทุนจีนสีเทา เตรียมส่งเรื่องยื่น ป.ป.ช. เตือน 'บิ๊กตู่' อย่าลอยตัวเหนือปัญหา

(16 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 152 เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ว่า เป็นการอภิปรายที่เดือดมาก และมีข้อมูลหลายอย่าง ประชาชนหลายคน และพรรคการเมืองต่าง ๆ ได้เห็นความจริงมากขึ้น พวกเขาเข้ามาชื่นชมในเรื่องของการอภิปราย ซึ่งนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ชื่นชมตนในเฟซบุ๊ก สิ่งที่ตนอภิปรายทุกคนเห็นและช่วยกันยืนยันว่าเป็นความจริงที่เกิดขึ้นในประเทศของเรา ตนขอเรียกว่า 'ไทยเทา' กำลังเป็นปัญหาของประเทศ ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มเมียนมาและทุนจีนสีเทา ซึ่งพยายามเข้ามาในประเทศ และยังมีกลุ่มทุนจีนบางกลุ่มมาในรัฐสภา มาเยี่ยมกรรมาธิการคาสิโน และอาจเกี่ยวข้องกับการค้าอวัยวะเถื่อน

“ในบันทึกชวเลขที่ได้มาจากสภาฯ มีความพยายามเซ็นเซอร์ชื่อของผู้เข้าร่วมประชุม แต่พรรคเข้าก้าวไกลมี ส.ส. ในกรรมาธิการชุดนี้ จึงได้ข้อมูล ตนเห็นทุนสีเทาที่นำโดยไทยเทาพาเข้ามาเกี่ยวกับรัฐสภา เกี่ยวกับอำนาจที่ประชาชนเลือกเข้ามา ความเกี่ยวพันชัดเจนว่าเราไม่สามารถกำจัดได้ เพราะมีผู้มีอำนาจ แม้ตำรวจนครบาลทำหน้าที่ได้ดี สุดท้ายโดนย้าย” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้ ไม่ใช่การเปิดโปงและอยากจะสดุดีพลเมืองดีอย่าง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ที่พยายามปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน หากเราไม่มีนายชูวิทย์ หรือตำรวจน้ำดี ที่พยายามนำข้อมูลต่าง ๆ มาให้ เราไม่สามารถอธิบายได้ และการเปิดโปงครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้น ตนจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ จะนำข้อมูลทั้งหมดไปยื่นต่อ ป.ป.ช. และสำนักงานอัยการสูงสุด

'ชัยวุฒิ' ขอบคุณฝ่ายค้าน ชี้ข้อเสนอแก้กลุ่มทุนสีเทา ยันรัฐบาลเร่งแก้อยู่ แนะ!! ต้องมี 'กม.-ระเบียบ' เอื้อ

'รมว. ดีอีเอส' ขอบคุณฝ่ายค้านที่ให้ข้อเสนอแนะหลายด้าน โดยเฉพาะประเด็นกลุ่มทุนจีนสีเทา ซึ่งรัฐบาลได้เร่งแก้ปัญหา ด้วยการออก พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

(16 ก.พ.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นวันแรก ว่า ขอบคุณฝ่ายค้านที่ได้พูดประเด็นปัญหาหลายอย่าง ซึ่งหลายเรื่องเป็นเรื่องที่สะสมมานาน รัฐบาลพยายามแก้ไขอยู่ นำไปสู่นโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนในรัฐบาลสมัยหน้า โดยเฉพาะธุรกิจสีเทา ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการปราบปรามมาอย่างต่อเนื่อง และที่มีข่าวในช่วงนี้ เนื่องจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจไปปราบปรามและดำเนินคดีอย่างจริงจัง แต่ธุรกิจสีเทาเหล่านี้ได้ทำมานานแล้วกว่า 10 ปี ไม่ได้พึ่งมีในสมัยนี้ ซึ่งเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง เพราะทุนจีนสีเทาเหล่านี้มักชอบวิ่งไปหาผู้มีอำนาจ ดังนั้น ต้องแก้ที่กฎหมาย และกฎระเบียบ เพื่อลดปัญหาดังกล่าว

'บิ๊กตู่' ลั่น!! รัฐบาลนี้ไม่มีขายบ้านแถมสัญชาติ แถมยังไม่พบ 'รมต.หนีคุก-หนีไปต่างแดน'

(16 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงกรณีตู้ห่าว ว่าพฤติกรรมเกิดขึ้นมานานพอสมควร ก่อนปี 57 โดยเข้ามาในประเทศปี 54 และมีการอนุญาตเรื่องสัญชาติ พฤติกรรมเหล่านี้ทราบในวันนี้หรือ ตนไม่แน่ใจว่าที่ผ่านมาไม่มีใครทราบเลยหรือไม่ ตนได้ให้ตรวจสอบย้อนหลังว่าเงินเหล่านี้ใช้กันอย่างไร เมื่อไหร่

"ทราบว่าใช้ซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์ ยกหมู่บ้าน ไม่ทราบว่าบริษัทของใคร สำหรับรัฐบาลนี้ไม่มีแน่นอนขายบ้านแล้วแถมสัญชาติ ถ้าตรวจสอบให้ดีจะทราบว่าภรรยาของนายตู้ห่าวมีความเกี่ยวข้องกับอดีตรัฐมนตรีของบางพรรคการเมือง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การออกหมายเรียกนายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. ของพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด จับกุมผู้เกี่ยวข้องและพัวพัน โดยเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินตามอำนาจหน้าที่ ส่วนการเพิกถอนหมาย จับเป็นดุลยพินิจของฝ่ายตุลาการ ที่มีความเห็นว่าให้พนักงานสอบสวนไปออกหมายเรียกก่อน ซึ่งตนไม่ได้ช่วยใคร ไม่ก้าวก่าย แต่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และเป็นเรื่องความผิดนอกราชอาณาจักรที่พนักงานสอบสวน ต้องร่วมทำการสอบสวนกับอัยการตามที่อัยการสูงสุดมอบหมายตามกฎหมาย

สำหรับกรณีธุรกิจจีนสีเทา ผับจินหลิง ก็ดำเนินคดีตามกฎหมาย ที่บอกว่ามีการย้ายคนขยันคนทำงานนั้น เป็นเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้ายซึ่งอยู่ในอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

‘แรมโบ้’ จวก ฝ่ายค้านอภิปรายน้ำท่วมทุ่ง - พูดวนเรื่องเดิมๆ ซัด!! ‘บิ๊กตู่’ ต้องตามเช็ดปัญหาจากอดีตนายกฯ หัวหน้าคอก

(16 ก.พ. 66) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การอภิปรายของฝ่ายค้านตั้งแต่เมื่อวาน (15 กุมภาพันธ์ 2566) ผ่านมาจนถึงวันนี้ ยังไม่มีเรื่องอะไรที่น่าติดตามและเป็นเรื่องใหม่ที่น่าสนใจ มีแต่การอภิปรายเพื่อหาเสียงตีกินทางการเมือง เพื่อเตรียมการเลือกตั้งเท่านั้น การอภิปรายแต่ละเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องเก่าที่นายชูวิทย์ได้เคยพูดไว้ เหมือนการลอกการบ้านนายชูวิทย์มาอภิปราย ซึ่งเป็นเรื่องเก่าที่นายกฯ ได้เคยสั่งการไปหมดแล้ว และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนกฎหมายจนหมดแล้ว แต่ฝ่ายค้านก็ยังหยิบยกเรื่องเหล่านี้มาอภิปราย จนทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายไม่มีอะไรที่น่าฟังน่าติดตาม

“การอภิปรายครั้งนี้เป็นการอภิปรายแบบน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงแหรง เป็นการหาเสียงตีกินทางการเมืองเท่านั้น พี่น้องประชาชนฝากบอกมาว่าเสียเวลา ปิดทีวีเปลี่ยนช่องไปดูละครจะดีกว่า ไม่อยากฟังฝ่ายค้านอภิปรายสิ่งที่ไม่มีเนื้อหาสาระ ซึ่งไม่มีข้อมูลอะไรที่เป็นข้อมูลใหม่ การอภิปรายครั้งนี้เป้าหมายคือจะโจมตีนายกฯ และรัฐบาลแต่ท่านนายกได้ตอบชัดเจนในเรื่องที่เกิดขึ้นเหล่านี้ล้วนเกี่ยวโยงมาจากรัฐบาลในอดีตที่มีนายกเจ้าของคอกได้สร้างขึ้นไว้ตั้งแต่ในยุคนั้น การแก้ไขปัญหาส่วนใหญ่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องมารับปัญหา ตามล้างตามเช็ด และแก้ไขปัญหา ที่ผู้นำในอดีตได้ก่อไว้” นายเสกสกล กล่าว

พปชร. โต้เดือด 'เจี๊ยบก้าวไกล' หลังใช้คำไม่เหมาะ ถาม 'บิ๊กตู่' พูดหมาๆ อย่างนั้นได้อย่างไร

(16 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 12.15 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติ ตามม.152 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560

นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้อภิปรายตอนหนึ่งช่วง โดยเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้กับผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมือง ทั้งมาตรา 112 มาตรา 116 และพ.ร.บ.คอมพ์ทั้งหมด

"เมื่อเร็วๆ นี้พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ ระบุ ว่า จะปิดประตู นิรโทษกรรม ดิฉันขอถามว่าท่านพูดหมาๆอย่างนั้นได้อย่างไร" นางอมรัตน์ กล่าว

ทำให้นายศุภชัย ซึ่งทำหน้าที่ประธาน ขอให้นางอมรัตน์ ถอนคำพูด “นายกฯ พูดหมาๆ” โดยนางอมรัตน์ได้ถอนคำพูดพร้อมระบุซ้ำว่า “ขอถอนคำพูดว่านายกฯ พูดหมาๆ” นางอมรัตน์ กล่าว

นายศุภชัย จึงติงว่า ให้ถอนคำพูดก็พอไม่ต้องย้ำ ในสภาฯ แห่งนี้เป็นสภาทรงเกียรติถึงแม้เราจะไม่พอใจกันเป็นการส่วนตัวแต่ก็ควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ควรจะนำคำพูดที่ไม่เหมาะสมมาใช้

‘เพื่อไทย’ เดินหน้าอัดบิ๊กตู่ ปม ‘ตู้ห่าว-หลานชาย’ แถมประเด็นอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ ‘เก็บส่วย’

(16 ก.พ. 66) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้แจ้งกรอบเวลาในการอภิปรายวันแรกว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านใช้ไป 12 ชั่วโมง 58 วินาที พรรคร่วมรัฐบาลใช้เวลาไป 19 นาที 40 วินาที คณะรัฐมนตรี (ครม.) ใช้เวลาไป 2 ชั่วโมง 3 นาที 33 วินาที รวมเวลาที่ใช้ไปทั้งหมด 14 ชั่วโมง 24 นาที 11 วินาที โดยในวันนี้เหลือเวลาอีก 15 ชั่วโมง พรรคร่วมฝ่ายค้านจะใช้เวลาอภิปราย 12 ชั่วโมง ครม.และพรรคร่วมรัฐบาลจะใช้เวลาชี้แจงและอภิปราย 3 ชั่วโมง

จากนั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ประกอบด้วย น.ส.มนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย และนายจตุพร เจริญเชื้อ ส.ส.ขอนแก่น ได้ฉายภาพรวมการแพร่ระบาดของยาเสพติดในประเทศไทย ส่งผลต่อสังคมเกิดเหตุในครอบครัวรายวันมีทั้งลูกฆ่าพ่อ ลูกฆ่าแม่ นำไปสู่การสูญเสีย ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ไม่ได้ปราบปรามและดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ต่อมานายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรค พท. ได้เปิดคลิปหนึ่งที่มีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย โดยมีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือหาวเจ๋อ ตู้ กำลังสนทนากับคนกลุ่มหนึ่งโดยระบุว่า เมืองไทยถ้ามีเงินทำได้ทุกอย่าง มีเงินเท่านั้น อัยการก็สั่งไม่ฟ้อง

จากนั้นนายวิสาร กล่าวว่า ที่นายตู้ห่าวพูดจายิ่งใหญ่ได้ถึงเพียงนี้ เพราะทำค้าขายและประกอบธุรกิจกับบริษัทหลานชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ ที่ธุรกิจของนายตู้ห่าวเติบโตก่อร่างสร้างตัวได้นั้นด้วยเพราะอาศัยอำนาจ และความใกล้ชิดจากหลานของ พล.อ.ประยุทธ์ใช่หรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิสารยังได้กล่าวถึงบริษัทหลาน พล.อ.ประยุทธ์ว่าได้จดทะเบียนวัตถุประสงค์ของบริษัทว่าเป็นเพียงรับเหมาก่อสร้าง แต่ปรากฏภายหลังว่าได้ทำธุรกิจเช่ารถทัวร์ 50 คัน ที่เกี่ยวโยงกับนายตู้ห่าวด้วย ซึ่งพบความผิดปกติ เช่น ทุนจดทะเบียนตั้งบริษัทเพียง 3 ล้านบาท แต่ไปเช่ารถทัวร์มีวงเงินถึง 175 ล้านบาท อีกทั้งสำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยังมาบอกภายหลังว่าหารถซึ่งเป็นหลักฐานไม่เจอ ยอมรับตามตรงว่ารู้สึกเป็นห่วงและกังวลว่าคดีนี้จะจบลงอย่างไร และอยากถามว่าแบบนี้ใครฟอกเงินกันแน่ จีนเทามาให้เราฟอกหรือหลานท่านไปฟอกให้

'ชัยวุฒิ' แจง รบ.กำลังเร่งปราบธุรกิจสีเทา ชี้ มีมานานแล้ว ป้อง 'บิ๊กป้อม' ไม่มีเอี่ยวทุนสีเทา หลังรูปถ่ายคู่เพื่อนตู้ห่าวโผล่

(16 ก.พ. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายวันแรก โดยเฉพาะปัญหาต่าง ๆ ที่ฝ่ายค้านเสนอแนะ ว่ารัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาอยู่ จะนำไปสู่นโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ ด้วย ในการที่จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชนในรัฐบาลหน้า เพราะรัฐบาลนี้คงทำไม่ทัน หลายเรื่อง

โดยเฉพาะธุรกิจสีเทาและมาเฟียต่าง ๆ รัฐบาลดำเนินการปราบปรามอยู่แล้ว วันนี้ที่เป็นข่าวเยอะ ๆ เพราะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปปราบปรามจริงจัง มีการจับกุมดำเนินคดี จริง ๆ แล้วทุนสีเทา ธุรกิจพวกนี้มันทำมานานแล้ว เป็นสิบ ๆ ปีแล้ว ไม่ได้เพิ่งมามีสมัยนี้ สมัยรัฐบาลในอดีตก็มี เสธ.คนนั้น เสธ.คนนี้ ใครจะทำธุรกิจสีเทาต้องไปคุยกับ เสธ.คนนี้ จำชื่อไม่ได้แล้ว เนื่องจากเสียชีวิตแล้ว เป็นเพื่อนอดีตนายกรัฐมนตรีด้วย

“มันมีมานานแล้ว อย่าไปคิดมากเลย ปัญหานี้มันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง รัฐบาลไหนมามันก็วิ่งเข้ามาหา พวกทุนสีเทาชอบวิ่งมาหาผู้มีอำนาจ เพราะฉะนั้น เราต้องแก้ที่กฎหมาย กฎระเบียบ เพื่อจะลดปัญหาเหล่านี้” นายชัยวุฒิ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เนื้อหาการอภิปรายโยงไปถึง พปชร.หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ ไปตรวจสอบแล้วกัน คิดว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องตรวจสอบไป ผิดถูกว่าอย่างไรว่าไปตามกฎหมาย แต่ว่าหลักการที่อยากจะพูดให้ฟังคือ วันนี้ปัญหาในสังคมไทย มันคือเรื่องของกฎหมายและระเบียบที่มันเอื้อให้เกิดธุรกิจสีเทา มันมีกฎหมายที่บางทีปฏิบัติไม่ได้ ทำธุรกิจแล้วมันผิดกฎหมาย เขาต้องไปจ่ายส่วยเพื่อให้ทำธุรกิจนี้ได้ ดังนั้น หน้าที่ของเราคือ ต้องเอากฎหมายมาดู อะไรที่ล้าสมัยก็ปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้ธุรกิจไปได้และไม่ต้องมาจ่ายส่วย นี่คือสิ่งที่กำลังผลักดันเรื่องนี้ และคุยกันใน พปชร.อยู่ คิดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้

เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวจะมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้งหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องถามประชาชน แต่คิดว่าธุรกิจสีเทามันมีมาทุกยุคทุกสมัย เขาจะวิ่งหาผู้มีอำนาจ รัฐบาลในอดีต อดีตนายกฯ ทุกคนก็มีความไปเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ทุกยุคทุกสมัย ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้

ยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้มีหลักฐานที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจสีเทา แต่ธุรกิจสีเทาพวกนี้พยายามวิ่งหาผู้มีอำนาจอย่างที่นำมาอภิปรายกัน มีภาพไปถ่ายรูปกับคนดังคนนั้นคนนี้ พวกนี้เขาทำธุรกิจกันมานานแล้ว ไม่ได้เพิ่งมาตั้งตัวกันได้ในสมัยรัฐบาลนี้ ไปดูเอาเถอะ ประวัติเขาแต่ละคน

'ธนกร' ซัดกลับ 'ก้าวไกล' ปมที่ตั้งตึก 'รทสช.' กล่าวหาไร้ข้อมูล ยัน เช่าถูกต้องตามกฎหมาย

(16 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบฯ นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายตามมาตรา 152 พาดพิงอดีต ส.ว.ทรงเอ ถูกโยงว่าเป็นเจ้าของที่ดินที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ ย่านซอยอารีย์ เขตพญาไท กรุงเทพฯ

โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค รทสช. ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา ตนก็ได้ดูการอภิปรายอยู่เช่นกัน ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เป็นเรื่องไม่จริง และเรื่องต่าง ๆ เหล่านั้นเป็นข้อมูลที่นายกฯ ทราบอยู่แล้ว เพราะนายกฯ เป็นคนสั่งการให้ดำเนินคดีกับทุกฝ่ายทั้งคดีตู้ห่าว และเรื่องอักษรย่อต่าง ๆ และ ผบ.ตร.ก็รายงานนายกฯ มาโดยตลอด ซึ่งจะเป็นได้ว่ากระบวนการทุนจีนสีเทาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปแล้ว

ดังนั้น เมื่อเกิดคดีใหม่ก็ต้องให้เครดิตนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูล ซึ่งคดีนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นผู้จับกุมครั้งแรก และมีการขยายผลเมื่อนายชูวิทย์เปิดเผยข้อมูล ผบ.ตร.ก็ได้ดำเนินคดีอย่างเต็มที่ นายชูวิทย์ก็ชื่นชม ผบ.ตร. และ ผบ.ตร.ก็ได้รายงานนายกฯ โดยตลอด นายกฯ จึงกำชับดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ไม่ช่วยเหลือปกป้องใครทั้งนั้น สุดท้าย อัยการสั่งฟ้อง เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว สิ่งที่ ส.ส.รังสิมันต์ อภิปรายมาจึงไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด และนายกฯ ก็เต็มที่กับเรื่องนี้ สั่งการอย่างเด็ดขาด เมื่อพบว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องก็ไล่ออก ปลดออกไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มีการโยงที่ดินและอาคารที่ทำการพรรค รทสช. เกี่ยวโยงกับ ส.ว.คนดังกล่าว นายธนกร กล่าวว่า "ตรงนี้เป็นการกล่าวหาที่ไร้ข้อมูลมาก ๆ เรื่องนี้ผมก็ทราบมาก่อนว่า ตึกที่พรรค รทสช.ไปเช่าถูกต้องตามกฎหมาย และอดีต ส.ว.มีชื่อครอบครองตั้งแต่ปี 60-62 แต่ตอนนี้ปี 66 แล้วไม่มีชื่อเขา ดังนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับตึก รทสช. และหัวหน้าพรรคก็เป็นอดีตผู้พิพากษารู้กฎหมายดี มีความซื่อสัตย์สุจริต เช่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ เราไม่ไปเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้ เป็นการกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม

หากผมบอกว่า พรรคก้าวไกล หรือพรรคอนาคตใหม่ เดิมเช่าตึกไทยซัมมิทอยู่ แล้วเจ้าของตึกมีคดีรุกป่า มีคดีน้องชายติดสินบนใต้โต๊ะพนักงานที่สำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถ้าผมกล่าวหาอย่างนี้ ก็คงไม่ถูก เพราะพรรคก้าวไกลเองก็คงไม่ทราบว่าเจ้าของตึกไปทำอะไรมา จึงต้องให้ความเป็นธรรมด้วย มิใช่พูดเอามันอย่างเดียวโดยไม่สนใจอะไรเลย

และสุดท้ายก็จะไปตัดคลิปอะไรสั้น ๆ แล้วบอกว่า รทสช.เกี่ยวพัน ตัดบางท่อนที่นายกฯ พูดบ้าง ผมพูดบ้างแล้วไปบิดเบือน ส่งไปในโลกโซเชียลเป็นการเมืองที่ตรรกะวิบัติที่สุด ทำการเมืองแบบนี้ตลอด พฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่แนวทางคนรุ่นใหม่ ควรเลิกได้แล้ว หรือแม้แต่พรรคเพื่อไทยที่เช่าตึกชินวัตรอยู่เหมือนกัน ทั้งที่เจ้าของตึกก็กระทำความผิดมากมาย แล้วเราจะไปกล่าวหาพรรคเพื่อไทยอย่างนั้น ผมก็คิดว่าไม่เป็นธรรมกับพรรคเพื่อไทย อย่างนี้เป็นการกล่าวหาตีหัวเข้าบ้าน มันไม่ถูก"

‘ชลน่าน’ เย้ย ‘ประยุทธ์’ ทำงาน 8 ปีไม่มีผลงาน ซัด!! อ้างทำหมดทุกอย่าง แต่ผลลัพธ์เท่ากับล้มเหลว

(16 ก.พ. 66) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายในวันที่ 15 ก.พ.ว่า ฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้อย่างดียิ่งในการนำเสนอข้อเท็จจริงสอบถามไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนที่นายกฯ จะตอบว่า สิ่งที่ฝ่ายพูดไม่ใช่ปัญหา ไม่ใช่ข้อเท็จจริงก็ต้องบอกกับสภาเอง และหลายเรื่องที่เราอภิปรายสามารถนำไปใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ แต่ครั้งนี้เป็นการอิปรายทั่วไปรัฐมนตรีก็ต้องไปดูว่าเป็นจริงตามที่เราพูดหรือไม่

เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าบางประเด็นสามารถอภิปรายไม่ไว้ใจได้นั้น จะมีการนำไปยื่นให้องค์กรอิสระตรวจสอบหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ประเด็นที่นำมาพูดและมีหลักฐานชัด สามารถดำเนินการต่อเนื่องได้ เป็นแนวทางที่เราหารือไว้แล้ว ซึ่งมีหลายเรื่อง เช่นเรื่อง น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทยอภิปรายถึง การฮั้วการประกอบธุรกิจโดยมิชอบมีการเอื้อประโยชน์ แม้รัฐมนตรีไม่เกี่ยวเนื่องโดยตรงแต่มีเรื่องจริยธรรมอยู่

'จุรินทร์' สวนฝ่ายค้าน พืชเกษตรไม่ได้ตกต่ำ ยัน ราคาดีทุกตัว ชี้ ส่งออกยังบวก ลั่น!! FTA ไทย กำลังไล่แซงเวียดนาม

(16 ก.พ. 66) ที่ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ขึ้นชี้แจงฝ่ายค้านประเด็นต่าง ๆ ในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (15 ก.พ. 66 เวลา 21.00 น.) โดยนายจุรินทร์ได้กล่าวว่า ประเด็นที่พาดพิงประเด็นแรกที่พูดถึงเงินเฟ้อ และของแพงทั้งแผ่นดิน เป็นประเด็นเดิมที่อภิปรายแล้ว ไทยเงินเฟ้ออยู่ในเกณฑ์ดีขึ้นเป็นลำดับ เงินเฟ้อลดลง เดือน ม.ค. 66 เหลือ 5% อัตราเฉลี่ยของโลก IMF คาดว่าปี 66 เงินเฟ้อโลก 6.5% แต่ไทยจะเฟ้อแค่ 2.8% ดีกว่าหลายประเทศ เพราะรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ และเอกชน กำกับราคาต้นทุนการผลิตบางอย่าง ราคาสินค้าดีตามสมควร

แม้ราคาน้ำมัน แก๊ส ค่าไฟยังไม่ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ จากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ที่บอกแพงทั้งแผ่นดิน ความจริงราคาสินค้าลดลงเยอะมาก 58 รายการจำเป็น ที่ติดตามทุกวัน ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เช่น หมูเนื้อแดง ที่เคยอภิปรายว่าจะ 300 บาท/กก. พบเฉลี่ย 165 บาท/กก., ผักชีลดลง 27%, กวางตุ้ง ลดลง 23%, ต้นหอม ลดลง 28%, น้ำมันปาล์ม 48-50 บาท/ขวด ลดลง 17%, ชุดตรวจ ATK ลดลง 28%, ฟ้าทะลายโจร ลดลง 63%, ข้าวสาลี ลดลง 21%, ปุ๋ยเคมีทำจากแก๊สธรรมชาตินำเข้า 100% เข้าไปกำกับดูแล แก้ปัญหาดังนี้

1.) ปุ๋ยไม่ขาด นำเข้าจากซาอุฯ หลายแสนตัน
2.) ราคาลดลง เช่น ยูเรีย 46-0-0 ลดลง 25% ประมาณ 400 บาท/กระสอบ, ปุ๋ยสูตร 21-0-0 ลดลง 30% ลด 300 กว่าบาท/กระสอบ, ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ลดลง 8% 100 กว่าบาท/กระสอบ เป็นต้น ที่บอกแพงทั้งแผ่นดินไม่เป็นอย่างนั้น

และที่สมาชิกอภิปรายว่า พืชเกษตรตกต่ำทุกตัว ตกต่ำมาตลอด ไม่จริง ราคาพืชเกษตเฉลี่ยดีเกือบทุกตัว โดยที่ประกันรายได้ ข้าวเปลือก เกือบ 10,000 บาท/ตัน, ข้าวหอมมะลิ 1,4000-15,000 บาท/ตัน, ข้าวเปลือกเหนียว 11,000-12,000 บาท/ตัน, มันสำปะหลัง ก่อนรัฐบาลนี้ กิโลกรัมละบาทกว่า วันนี้ 3 บาทกว่า/กก.

ล่าสุด ตนพาฟิลิปปินส์มาเซ็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 2,000,000 ตันที่นครราชสีมา ปากช่อง ยิ่งช่วยดีมากราคามีแนวโน้มดีขึ้น ปาล์มน้ำมันก่อนนี้ 10-12 บาท/กก. ตอนนี้ 5 บาทกว่า/กก. ก่อนรัฐบาลนี้ เพียง 2 บาทกว่า/กก., ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สมัยก่อน 6-7 บาท/กก. เดี๋ยวนี้ 12-13 บาท/กก., ผลไม้ยิ่งดี ราคาปีที่แล้ว ทุเรียนหมอนทองเฉลี่ย 145 บาท/กก., มังคุดเกรดส่งออก 60 บาท/กก., ลำไยช่อส่งออก เกรดเอเอ 42.50 บาท/กก. 

และกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์และรัฐบาล ประสานงานเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ดูแลชดเชยไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 25 ไร่ ตนลงนามเข้า ครม.แล้ว รอพิจารณา เงาะโรงเรียน  20.50 บาท/กก., ลองกอง 12.50 บาท/กก., ลิ้นจี่ 75 บาท/กก., มะม่วงน้ำดอกไม้ 45 บาท/กก., ส้มเขียวหวาน 25 บาท/กก., หอมแดงแห้ง 48 บาท/กก. จาก 26 บาท/กก., กระเทียม 78 บาท/กก. ราคาพืชผลการเกษตรดีเกือบทุกตัว ยกเว้นยางพารา ตอนนี้ 45-49 บาท/กก. เนื่องจาก

1.) เศรษฐกิจโลกชะลอตัว รถยนต์ขายยากขึ้น ขายล้อรถน้อยลง
2.) สถานการณ์โควิดดีขึ้น ใช้ถุงมือยางลดลง แต่รัฐบาลนี้มีประกันรายได้ จ่ายเงินส่วนต่างให้เกษตรกรชาวสวนยาง 3 ปีที่ผ่านมา ชดเชยเงินส่วนต่างให้ แต่ปีนี้ช้าหน่อย ครม.กำลังจะพิจารณาในอีกไม่กี่สัปดาห์ จะชดเชยใช้ส่วนต่างให้ได้ต่อไปเหมือนที่ผ่านมา

'บิ๊กตู่ ติดตามปัญหานายทุนต่างชาติ ใช้นอมินีลอบทำธุรกิจในไทย กำชับทุกหน่วยลงพื้นที่ตรวจสอบ บังคับใช้กฎหมายเข้มข้น

(16 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามประเด็นการแก้ไขปัญหาชาวต่างชาติหลบเลี่ยงทำธุรกิจโดยไม่ขออนุญาต และใช้คนไทยเป็นผู้ถือหุ้นแทน (นอมินี) โดยกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ตรวจสอบการจดทะเบียนของแต่ละบริษัท ห้างร้าน อย่างเข้มงวด ให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ป้องกันไม่ให้เกิดช่องว่างจากธุรกิจสีเทาที่เข้ามาฉวยโอกาสทำธุรกิจของคนไทย

นายอนุชา กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบข้อมูลการขอจดทะเบียน พฤติกรรมของผู้ยื่นจดทะเบียนว่า มีความน่าเชื่อถือและสอดคล้องกับเงินทุนที่ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่หรือไม่ ในย่านเยาวราช สัมพันธวงศ์ รัชดาฯ และห้วยขวาง ประมาณ 200 บริษัท นอกจากนั้น ยังเน้นย้ำการตรวจสอบในทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ไม่จำกัดเฉพาะจังหวัดใหญ่ หรือเมืองท่องเที่ยว แต่เน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ทั้งภัตตาคาร ร้านอาหาร ที่พัก โรงแรม รถเช่า ร้านขายของที่ระลึก ธุรกิจนวด และสปา เป็นต้น

โดยขั้นตอนการตรวจสอบ จะดูลักษณะว่าประกอบธุรกิจอะไร ซึ่งหากเป็นธุรกิจที่อยู่ในบัญชีแนบท้ายตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว ไม่สามารถทำธุรกิจได้ คือ

‘บิ๊กตู่’ ตอบโต้ ‘ฝ่ายค้าน’ จะกล่าวหาใครต้องมีหลักฐาน-ตรวจสอบให้ชัด อย่ามาพูดตีกินให้เสียหาย ยันไม่เคยเอื้อประโยชน์ใคร

เมื่อวานนี้ (15 ก.พ. 66) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย​ โพธิ์​สุ​ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติการอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงเป็นครั้งแรก ว่า ฟังมาตั้งแต่เช้า มีหลายท่านที่แสดงความคิดเห็น ทั้งแนะนำ กล่าวหา ติเตือน หลายอย่างอยากบอกว่าที่ท่านพูดมาทั้งหมด ด้านเศรษฐกิจทำมาหมดแล้ว แต่ยังไม่เกิดผลผูกพัน ก็เอามาตีกินกันตรงนี้ ที่พูดมาทั้งหมดเวลารัฐบาลพูดท่านก็ไม่ฟัง กระทรวงการคลังชี้แจง หน่วยงานชี้แจงก็ไม่ได้ฟังอีก

"เพราะฉะนั้นนโยบายอะไรของท่าน เมื่อท่านเป็นรัฐบาลท่านก็ทำเถอะครับ ถ้าท่านได้เป็นนะ" นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการดูแลพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน เราทำตั้งแต่ฐานราก ทั้งเอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ กองทุนหมู่บ้าน ประชาชนที่มีรายได้น้อยมีการแก้ปัญหาความยากจนแบบมุ่งเป้า ท่านลองไปศึกษาดู ถ้ามันง่ายอย่างที่ท่านพูดมาก็คงทำไปนานแล้วสมัยก่อนท่านก็ทำไม่ได้

นายกแจ๊สโชว์ผลงาน 2 ปี พลิกโฉมปทุมธานี สู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะมั่นคงปลอดภัย

(15 ก.พ. 66) ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์ ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี แถลงผลการดำเนินงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี โดยมี นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น แพทย์ประจำตำบล และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีร่วมรับฟังและซักถามข้อสงสัยในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาสังคม การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ด้านสาธารณสุขและการกีฬา ด้านการเมือง 

ด้าน พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ในการจัดระบบบริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเอง การเดินหน้าพัฒนาปทุมธานี เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีกว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ “พลิกโฉมปทุมธานี สู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะที่มั่นคงและปลอดภัย ก้าวไกลเศรษฐกิจ บนวีถีชีวิตใหม่ดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมไทย” องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ยังเดินหน้าไม่หยุด พร้อมขับเคลื่อน นโยบาย ให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม ทั้ง 6 ด้านได้แก่ 

1.) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค สาธารณูปการ จัดให้มีระบบการคมนาคม การขนส่งที่เชื่อมต่อ ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภายในเขตจังหวัดปทุมธานี โดยการก่อสร้างปรับปรุงถนน สะพาน ตามมาตรฐานทางหลวงชนบท บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในการแก้ไข ปัญหาการจราจร ที่ติดขัดอย่างเป็นระบบบูรณาการร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการวางและจัดทำผังเมืองรวม จัดให้มีระบบไฟฟ้าสาธารณะอย่างทั่วถึง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค การเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม อย่างเพียงพอและทั่วถึงเพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และปัญหาน้ำขาดแคลน สนับสนุนเครื่องมือ เครื่องจักรกล และบุคลากร เช่น รถดูดโคลนเลน ในการขุดลอกท่อระบายน้ำ และคูคลอง ตลอดจนได้ให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมด้วยการมอบ โฟมลอยน้ำ ถุงยังชีพ และทรายถม เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้นำไปใช้ประโยชน์ และบรรเทาความเดือดร้อน

2.) พัฒนาสังคม การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้ทำการส่งเสริม และพัฒนา คุณภาพชีวิต ของเด็กสตรีคนชรา ผู้พิการ และ ผู้ด้อยโอกาส การสังคมสงเคราะห์ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนชาวจังหวัดปทุมธานี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จัดการศึกษา เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา อย่างทั่วถึง บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหา ยาเสพติดในจังหวัดปทุมธานีอย่างเป็นระบบ ส่งเสริมและทำนุบำรุง ศาสนา ให้เจริญรุ่งเรือง เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพี่น้องประชาชน ชาวจังหวัดปทุมธานี ให้อยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข อนุรักษ์ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งเสริมสถาบันครอบครัว ให้มีความอบอุ่น และร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกัน และบรรเทา สาธารณภัยที่เกิดขึ้นในจังหวัดปทุมธานี บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดระเบียบสุนัขและแมวจรจัดให้มีที่อยู่และมีการดูแลอย่างเหมาะสม

3.) นโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมปลูกฝังจิตสำนึกของประชาชนและเยาวชนในจังหวัดปทุมธานีในการร่วมกันอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด พัฒนาแม่น้ำลำคลองให้สะอาดปราศจากน้ำเน่าเสีย ภายใต้โครงการ “คลองสวยน้ำใส  วิถีไทยต้องกลับมา” 

‘โรม’ ชี้ คำสั่งย้าย ‘หมอสุภัทร’ ไม่เป็นธรรม เหมือนส่งสัญญาณข่มขู่ ‘หมอ’ ที่เห็นต่าง

(15 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา นายสมบูรณ์ คำแหง ตัวแทนภาคีเพื่อนหมอสุภัทร ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านน.ส.ศิริภา อินทวิเชียร ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน โดยมี นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ในฐานะกมธ. เป็นตัวแทนรับยื่นหนังสือ กรณีขอให้ตรวจสอบนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ฐานผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 185

ด้านนายสมบูรณ์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ โดนย้ายไปเป็น ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา คำสั่งจากสาธารณสุข ซึ่งเป็นข้อกังขาว่าไม่เป็นธรรม และเชื่อว่ามีอำนาจทางการเมือง โดยเฉพาะจากนายอนุทิน น่าจะเป็นคนดำเนินการในเรื่องของการย้าย ซึ่งตามหลักของรัฐธรรมนูญมาตรา 185 วรรค 3 ได้ระบุถึงเรื่องการแทรกแซง ข้าราชการในกระทรวง อาจจะเข้าข่ายผิดและอาจจะต้องถูกถอดถอน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 ด้วย ซึ่งเราต้องอาศัยอำนาจของรัฐสภา ผ่านนายชวน และ ฝากประสานไปยังพรรคการเมืองทุกพรรค ให้ช่วยกันตรวจสอบพฤติกรรมของนายอนุทิน ในครั้งนี้ว่าเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถึงแม้รัฐสภาเหลือเวลาอีกไม่นาน แต่เวลาที่เหลืออยู่น่าจะเพียงพอที่จะตั้งเรื่องดังกล่าวให้เป็นบรรทัดฐานกับนักการเมือง

ขณะที่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยว่ากรณีที่มีการย้ายแบบนี้ไม่เป็นธรรม และเห็นด้วยว่าการย้ายเกิดขึ้นจากสาเหตุในเรื่องของแรงจูงใจทางการเมือง และตนขอเพิ่มเติมว่าการย้ายตรงนี้จุดประสงค์หลักคือเพื่อสร้างความกลัวให้เกิดขึ้นในวงการหมอ และวงการสาธารณสุข ใครก็ตามที่ไม่ได้เป็นแค่หมออย่างเดียว แต่ออกมาขับเคลื่อนทางสังคม ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมก็จะโดนแบบเดียวกันกับนพ.สุภัทร

“นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่านายอนุทิน พยายามส่งออกไปถึงหมอทุกคนว่าถ้าพวกคุณไม่เชื่อฟังคุณก็จะถูกย้าย ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากจะเห็นในภายใต้รัฐบาลชุดนี้ และตนค่อนข้างผิดหวังที่เราเห็นฝ่ายการเมืองมาทำอะไรแบบนี้ โดยเฉพาะกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับนพ.สุภัทร ซึ่งไม่แน่ใจว่าการทำแบบนี้ดูแล้วคล้ายกับสิ่งที่อำนาจเผด็จการเขาชอบทำ และไม่แน่ใจว่านายอนุทิน อยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มากจนเกินไป จนอาจจะทำให้สุดท้ายพยายามจะใช้วิธีการแบบนี้ซึ่งเป็นการรังแกคนที่ต้องการปกป้องชุมชนหรือปกป้องพี่น้องประชาชน” นายรังสิมันต์ กล่าว

‘คนเสื้อแดง-เหลือง’ จับมือเปิด ‘หมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน’แสดงความจงรักภักดี ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย

(15 ก.พ. 66) ณ ศาลากลางบ้านหนองม่วงส้ม ต.โหรา อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด นายอานนท์ แสนน่าน ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันแห่งประเทศไทย นางนิตยา นาโล หรือ ‘นักสู้ปอสี่’ ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันภาคอีสาน นายสงกา มูลพิรัตน์ กำนันตำบลโหรา นายสะอาด อินทรไธสง ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลโหรา นายมะณีเรือง สุระมะณี ผู้ใหญ่บ้านหนองม่วงส้ม นายศักดิ์ชัย ปะวิสุทธิ ผ.อ.โรงเรียนบ้านหนองย่างวัว นางสาวลำเพย สัตยา หัวหน้าคุณครู กศน. นักการเมืองท้องถิ่น และ ประชาชน จำนวนมากร่วมผนึกกำลังกับ ‘คนเสื้อแดง’ และ ‘คนเสื้อเหลือง’ ในพื้นที่อำเภออาจสามารถ และ อำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดร้อยเอ็ด เปิด ‘หมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน’ พร้อมประกาศดังลั่น ‘อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี’ ตามแนวทาง ‘แรมโบ้’ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ประชาชนออกมาแสดงพลังแห่งความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่เป็นเสาหลักของพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top