Thursday, 3 July 2025
POLITICS NEWS

ครม. เพิ่มวงเงินเยียวยา 4.4 หมื่นล.ให้แรงงานประกันสังคม พร้อมอนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มเติมกว่า 9 ล้านโดส!!

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. อนุมัติขยายกรอบวงเงินกรอบวงเงินในโครงการเยียวยาผู้ประกันตน มาตรา 39 และมาตรา 40 เพิ่มจำนวน 44,314 ล้านบาท เป็นจำนวน  77,785 ล้านบาท จากเดิม  33,471 ล้านบาท สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประกันตนมาตรา 39 และ มาตรา 40 ในพื้นที่ 29 จังหวัด รวม 9,385,930 คน ได้แก่ ผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 1,436,171 คน และผู้ประกันตน มาตรา 40 จำนวน 7,949,759 คน อัตราการให้ความช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน 

ทั้งนี้ จากการขยายระยะเวลาให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 ในพื้นที่ 3 จังหวัด ให้สามารถขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนรายใหม่ได้ ตั้งแต่วันที่ 1- 24  สิงหาคม และ พื้นที่ 16 จังหวัด ให้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนรายใหม่ได้ ตั้งแต่วันที่ 4-24 สิงหาคม ที่ผ่านมา รวมทั้งขยายการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ 13 จังหวัด เพิ่มเติม 1 เดือน 

ขณะเดียวกันที่ประชุมครม.ยังมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม ไปพิจารณาความเหมาะสมในการจัดทำข้อเสนอโครงการเยียวยาผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน และรถจักรยานยนต์สาธารณสะที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เพราะมีอายุเกิน เพื่อจะได้ช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบครอบคลุมทุกกลุ่ม

นอกจากนี้นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน 9,998,820 โดส ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กรอบวงเงิน 4,744.9 ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานที่ 1 เกี่ยวข้องกับสาธารณสุข เพื่อเป็นการจัดซื้อจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด ตามนโยบายรัฐบาล ที่จะจัดหาวัคซีนให้ประชาชน 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2564 หลังจากรัฐบาลได้จัดหาวัคซีนป้องกันโควิดไปแล้ว 80 ล้านโดส วงเงิน 22,990 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มเป้าหมายกำหนดไว้ 6 กลุ่ม คือ 1.เด็กอายุ 12-17 ปี 2.หญิงมีครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป 3.บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า (ฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกัน 1 เข็ม) 4.ผู้สูงอายุและผู้อยู่ในกลุ่ม 7 โรคเสี่ยงที่มีสัญชาติไทย 5.ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง  6.ผู้ที่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเพื่อเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา และนักการทูต โดยกลุ่มเป้าหมายสามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคได้

“การจัดซื้อไฟเซอร์จำนวน 9.9 ล้านโดสนี้ ช่วยให้ไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนจำนวนอย่างน้อย 100 ล้านโดส ภายในปี 2564 เพื่อช่วยประชาชนให้เข้าถึงวัคซีน โควิด-19 ตามนโยบายของรัฐสร้างภูมิคุ้มกันโรค ลดอัตราการป่วยและการเสียชีวิตรวมทั้งเป็นการลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็วด้วย“

'สิระ' ฉุนขาด หลัง 'ไฮโซลูกนัท' เอาเช็คเงินสด 10 ล้านมาวางเดิมพัน ลั่น ไม่ใช่เพื่อนเล่น!

จากกรณีวิวาทะระหว่าง นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กับ ไฮโซ ลูกนัท หรือ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ซึ่งถูกลูกหลงในการชุมนุมได้รับบาดเจ็บ และออกมาเปิดเผยว่า ตนเองตาบอด

จากนั้น นายสิระ ได้ตั้งข้อสังสัยว่า ลูกนัทอาจจะตาบอดไม่จริง กระทั่งมีการนัดวางเงินเดิมพัน 1 ต่อ 10 ล้าน กับ “ไฮโซลูกนัท” ณ บ้านทรงไทย หลักสี่ ถนนแจ้งวัฒนะ วันนี้ (11.00 น.) โดยพบว่า นายสิระ ได้นำเงินสด 1 ล้าน มารอตั้งแต่ 11.00 น. และแถลงข่าว ด้านไฮโซลูกนัท ได้นำเช็คเงินสดสั่งจ่าย นายสิระ จำนวน 10 ล้านบาทมาเช่นกัน

ทั้งนี้ เมื่อนายธนัตถ์ เดินทางมาถึงพร้อมเช็ค 10 ล้านบาท นายสิระ เกิดอาการโมโหอย่างรุนแรงพร้อมกับระบุว่า เช็คใบละแค่ 10 บาท จะเอามาแลกกับเงินหนึ่งล้านได้อย่างไร มันใช่เหรอ ไม่ใช่เพื่อนเล่น และขอร้องเรื่องหมิ่นสถาบันฯ ตาอีกข้างหนึ่งให้เห็นว่าสถาบันฯ ทำคุณประโยชน์กับประเทศแค่ไหน ก่อนที่จะระบุว่า ผมไปแล้ว ผมไม่มีเวลาจะเล่นกับเด็กคนนี้

ด้านนายธนัตถ์ กล่าวว่า เช็คดังกล่าวออกมาจากธนาคารจริง ๆ สามารถเอาไปเบิกเงินสดได้จริง แต่ถ้าสิระ ไม่รับก็ไม่เป็นไร ส่วนจะยังให้พิสูจน์อยู่หรือไม่ ถ้าอยากให้พิสูจน์ก็พิสูจน์ได้ ขอโทษที่ทำให้ไม่พอใจ ไม่คิดว่าจะอารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้ เคยสัมภาษณ์ในรายการบางรายการ ว่าจะวางเป็นเช็คก็ไม่เห็นว่าอะไร การเบิกเงินสด 10 ล้านก็ไม่ใช่เรื่องจะทำได้เร็วภายในวันสองวัน และส่วนใหญ่จะถือเป็นคริปโตเคอร์เรนซี่มากกว่าเงินสดไม่ได้มีเยอะอะไร จะอยูในหน่วยลงทุนมากกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตอนท้ายในการแถลงข่าวนายธนัตถ์ ได้ฉีกเช็คเงินสดดังกล่าวทิ้ง เนื่องจากนายสิระ ไม่ยอมรับเช็คดังกล่าว พร้อมยืนยันว่า เช็คดังกล่าวสามารถขึ้นเงินได้ทันที หากจะให้เซ็นให้ใหม่ยังไงก็ได้ เพราะเป็นแค่เอกสารเบิกเงินจากธนาคารเท่านั้น หากขึ้นเงินไม่ได้ เช็คเด้งก็กลายเป็นคดีความได้ด้วยเช่นกัน


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

ครม. อนุมัติ งบฯกลาง 105.59 ล้านบาท ให้ กรมประชาฯ รณรงค์ เอาชนะโควิด-19 เร่งสร้างความรับรู้ ความเข้าใจ ด่วน ภายใน ธค.นี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 105.59  ล้านบาท ให้กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการรณรงค์เอาชนะโควิดตามมาตรการเร่งด่วน (Thailand Prevention) สำหรับผลิตและเผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์เพื่อการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์อันมีผลกระทบอันเนื่องมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) เฉพาะกิจกรรมที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการในระยะเร่งด่วน หรือภายในเดือนธันวาคม2564  โดยคำนึงถึงความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ทั้งนี้ กรมประชาสัมพันธ์ระบุว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชน ในการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคโควิด-19 โดย เฉพาะสายพันธุ์เดลต้า ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบมหาศาลต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งเกิดการเผยแพร่ข่าวปลอม การบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร(Fake News) เป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน เข้าใจผิด และอาจเกิดปัญหาความขัดแย้งบานปลายได้

ดังนั้นการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รวดเร็ว รวมทั้งการสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ มาตรการแก้ไขปัญหา วิธีปฏิบัติตน และการรับการเยียวยาจากภาครัฐ จึงเป็นเรื่องสำคัญจำเป็นเร่งด่วน  ที่กรมประชาสัมพันธ์ในฐานะหน่วยงานสื่อภาครัฐต้องเร่งดำเนินการร่วมกับหน่วยงานสื่อทุกภาคส่วนของประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้การบริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19  ในภาพรวมประสบความสำเร็จ สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อ สร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน

“บิ๊กตู่” สั่งเตรียมมาตรการรับมือน้ำท่วม -ช่วยเหลือปชช.ให้เร็วที่สุด มอบทหาร-ตร.เข้าสนับสนุน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถึงการรับมือสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ในขณะนี้ว่า เรื่องสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในส่วนของ จ.ชลบุรี และสมุทรปราการ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการรองรับไว้ และเร่งดำเนินการช่วยเหลือประชาชนโดยเร็วที่สุด มีฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหารและตำรวจ เข้าไปสนับสนุนด้วย

“แสนยากรณ์” ชี้ Covid Free Setting สถานประกอบการต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม เสี่ยงทำลูกจ้างไม่ได้กลับเข้าทำงาน เพราะรัฐฉีดวัคซีนล่าช้า แนะฉีดวัคซีนเชิงรุก รับมาตรการคลายล็อก ห่วงเงื่อนไขตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ ทำยาก ผู้ประกอบการแบกต้นทุนเพิ่ม 

นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงการกำหนดมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting) ที่ ศบค. ขอความร่วมมือสถานประกอบการที่มีความพร้อม นำร่องดำเนินการควบคู่กับการคลายล็อกที่จะเริ่มวันที่ 1 กันยายนนี้ว่า ร้านอาหารหลายร้านอยากให้คนเข้ามานั่งรับประทาน บริการลูกค้าอย่างปลอดภัย เตรียมทำตามมาตรการ Covid Free Setting ให้ผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ พนักงาน ต้องผ่านการฉีดวัคซีน 2 เข็ม แต่การฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มในไทย ทำได้เพียงร้อยละ 10.5 ของประชากรทั้งหมด หมายความว่า ลูกจ้างพนักงานจำนวนไม่น้อย ที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบ อาจไม่ได้กลับเข้าทำงาน ต้องเดือดร้อนเพราะการฉีดวัคซีนล่าช้าของรัฐบาล 

“รัฐบาลวางเป้าหมายอยากฟื้นฟูเศรษฐกิจ ให้คนอยู่กับโควิดให้ได้ เริ่มคลายล็อกสถานประกอบการ ลูกจ้างมีความหวังได้งานกลับมา แต่การนำร่องมาตรการให้พนักงานต้องผ่านการฉีดวัคซีน 2 เข็ม ถ้าจะใช้เงื่อนไขนี้จริง ปลอดภัยแน่นอน แต่ถ้ารัฐบาลยังฉีดวัคซีนล่าช้าแบบนี้ ไม่เกิน 2 เดือน ตกงานเพิ่มแน่นอน เกิดเป็นผลกระทบที่ลูกจ้างต้องรับ ทั้งที่เป็นความล่าช้าของรัฐบาล จึงอยากให้มีการฉีดวัคซีนเชิงรุกเพิ่มขึ้น เล็งพื้นที่สีแดงเข้ม ในกลุ่มอาชีพที่ต้องให้บริการโดยเฉพาะ รองรับมาตรการคลายล็อก จะได้ไม่ต้องกลับมาล็อกกันอีกรอบ” นายแสนยากรณ์ กล่าว 

ส่วนการนำร่องมาตรการให้สถานประกอบการตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ นายแสนยากรณ์ กล่าวว่า ราคาชุดตรวจตามท้องตลาดยังอยู่ที่ 200 - 300 บาทต่อ 1 ชุด หากเทียบราคาขายในต่างประเทศเฉลี่ยชุดละไม่เกิน 100 บาทเท่านั้น ดังนั้นก่อนจะขอให้ผู้ประกอบการนำร่องตรวจพนักงานทุกสัปดาห์ ราคาชุดตรวจ ATK ต้องถูกกว่านี้ เพราะต้องเป็นภาระที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายทุกสัปดาห์ กระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงสาธารณสุขควรจะได้ข้อสรุปร่วมกันถึงราคาท้องตลาดที่เหมาะสม

บี้ทุกส่วนราชการซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในราชการ

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือถึงทุกส่วนราชการได้พิจารณานำมติของที่ประชุมครม. ครั้งล่าสุดเกี่ยวกับแนวทางการนำรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามาใช้ราชการ ไปปฏิบัติ เพื่อเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและการใช้พลังงานทดแทนของประเทศไทยเพิ่มขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล อีกทั้งยังช่วยในเรื่องการลดมลพิษทางสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบันปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ที่จำเป็นต้องให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกันแก้ไข 

สำหรับแนวทางการดำเนินการนั้น ที่ผ่านมา ครม.ได้เห็นชอบในหลักการให้ทุกส่วนราชการพิจารณาดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างรถยนต์ที่ขบเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือรถยนต์อีวี มาใช้ในราชการแทนรถยนต์เดิมที่หมดอายุการใช้งานหรือจะต้องจัดซื้อจัดจ้างขึ้นใหม่ เพื่อรองรับภารกิจต่าง ๆ ของหน่วยงานนั้น หรือนำมาสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งใหม่ โดยในระยะแรกให้เริ่มจากหน่วยงานสำคัญที่มีความพร้อมและมีความจำเป็นก่อน โดยเฉพาะให้ส่วนราชการที่มีที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ถือปฏิบัติตามแนวทางนี้อย่างเคร่งครัดก่อนหน่วยงานอื่น  

ขณะเดียวกันที่ประชุม ครม. ยังได้มีการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยให้กระทรวงพลังงาน ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่น ๆ ติดตามและประเมินผลการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของส่วนราชการต่าง ๆ เป็นระยะ อย่างต่อเนื่อง จากนั้นให้รายงานผลการประเมินมาให้กับที่ประชุมครม. รับทราบโดยเร็ว เพื่อจะพิจารณาขยายผลการดำเนินการตามความเหมาะสมไปยังหน่วยงานอื่น ๆ ต่อไป 

'ราเมศ' ย้ำ 'เฉลิมชัย' สุจริตไม่คิดโกง พร้อมชี้แจงทุกประเด็น ในสภา

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมชี้แจงในสภาทุกประเด็น ไม่ได้มีความกังวลใด การทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในการตรวจสอบ ถ่วงดุลฝ่ายบริหาร เป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีหน้าที่ชี้แจงและวันที่ 31 สิงหาคม 2564 เวลา 8.30 น. ที่อาคารรัฐสภา ชั้น 3 พรรคได้นัดประชุม ส.ส.ของพรรคเพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุม การอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ เชื่อว่าประชาชนจะติดตามการอภิปรายอย่างใกล้ชิด 

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นอกจากการชี้แจงในทุกประเด็นแล้ว จะได้ชี้ให้เห็นถึงผลงานจากการทำหน้าที่ มีความสำเร็จในการสร้างประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรอย่างไรบ้าง เท่าที่ได้ร่วมเตรียมข้อมูลผลงานในช่วงที่นายเฉลิมชัย ทำหน้าที่รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถือว่ามีผลงานเป็นที่ประจักษ์ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรดีขึ้น เรื่องน้ำ เรื่องการแก้ปัญหาภัยแล้ง เรื่องการประมง เรื่องยางพารา รวมถึงการมีแนวทางส่งเสริมพี่น้องเกษตรกรอย่างยั่งยืนในทุกๆด้าน การเยียวยาพี่น้องเกษตรกรอย่างเต็มที่ ประการสำคัญ นโยบายเกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด รายละเอียดจะได้ชี้ให้เห็นในสภาว่ามีการทำงานอย่างเป็นระบบ ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด การทำงานที่ยึดความสุจริตไม่คิดโกง จึงมั่นใจว่าชี้แจงได้ในทุกประเด็น

ปลัดสปน. ปรับแผน ให้ขรก.ทำเนียบ เวิร์ก ฟรอม โฮม ถึง 14 ก.ย.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีรภัทร กล่าวว่า ในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรีนั้นตนได้มีคำสั่งขยายวันเวิร์ก ฟรอม โฮม 95% ถึงวันที่ 14 กันยายน 2564 โดยมอบหมายผู้บริหารสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ทุกคน ดำเนินการภารกิจประจำที่สำคัญ ดังนี้ 1. ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีติดตามงานตามนโยบายรัฐบาล ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีและประเด็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ผ่านระบบการประชุมทางไกล 2. คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการและคณะทำงานตามกฎหมาย ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีและที่เกี่ยวข้อง ประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล 3. รับเรื่องราวร้องทุกข์และข้อเสนอแนะผ่าน 4 ช่องทาง คือ โทรสายด่วน 1111 ตู้ ป.ณ.1111 เวปไซต์และแอพพลิเคชันไลน์ และประสานการแก้ไขปัญหากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายธีรภัทร กล่าวว่า 4. ประสานและติดตามงานการคุ้มครองผู้บริโภค 5. ติดตามการขับเคลื่อนการบริหารจัดการที่ดีและการพัฒนาศูนย์ราชการสะดวกของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศผ่านระบบการประชุมทางไกล 6. ประสานงานทุกกระทรวงเพื่อสร้างการรับรู้และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาลและผลงานของทุกกระทรวง 7. ประสานงานจิตอาสาภาครัฐช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การพัฒนาพื้นที่และการสนับสนุนแก้ไขปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติ 8. ติดตามสถานการณ์การเกิดสาธารณภัยและภัยพิบัติทั่วประเทศ โดยเฉพาะปัจจุบันเรื่องอุทกภัย และประสานสนับสนุนการแก้ไขปัญหา

นายธีรภัทร กล่าวว่า สำหรับภารกิจสนับสนุนการแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 ที่สำคัญ ดังนี้ 1. รับเรื่องร้องทุกข์และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโควิด-19 เสนอ ศบค. และ ศปค.ศบค. ทุกวัน 2. จัดถุงยังชีพและถุงกำลังใจ ช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มเป้าหมายสำคัญ 3. ประสานงานการแก้ไขปัญหาวิกฤตโควิด-19  ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง 4. มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ สปน. ทุกคนติดตามข่าวสารจาก ศบค. และโฆษก ศบค. รวมทั้งให้ช่วยประชาสัมพันธ์ต่อทุกกลุ่มเป้าหมาย 5. ร่วมเป็นคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการชุดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 เช่น การบริหารจัดการหน้ากากอนามัย และการรับบริจาคเงินและทรัพย์สินการแก้ไขปัญหาโควิด-19 เป็นต้น

นายธีรภัทร กล่าวว่า การทำงานการให้บริการและช่วยเหลือประชาชนยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อยเรื่องทั่วไป สามารถแก้ไขปัญหาได้มากกว่า 92% และเรื่องที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆตามข้อร้องเรียนได้มากกว่า  99.57% ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับทราบข้อมูลและสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทุกครั้งให้ช่วยแก้ไขปัญหาของประชาชนทุกเรื่องโดยเร็ว

ดีอีเอส เอาผิด พ.ร.บ.คอมฯ เฟซบุ๊ก-ยูทูป  ปล่อยเฟกนิวส์ อีก 8 URLs ในรอบสัปดาห์ ดร.เพียงดิน โดนด้วย

รายงานข่าวจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยรายงานการเอาผิดผู้เผยแพร่ข่าวปลอม ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ  ระหว่างวันที่ 23–29 สิงหาคม2564 ว่า มีการดำเนินการกับผู้กระทาความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯจํานวน 8 URLs แบ่งเป็นพบผู้กระทําผิดทาง Facebook จำนวน 6 URLs  อาทิ ป้าหนิง DK, Khuntong Faiyen, Pruay Saltihead, จอมไฟเย็น ปฏิกษัตริย์นิยม, ผู้กระทําความผิดทาง YouTube จํานวน 2 URLs อาทิ ดร. เพียงดิน รักไทย Official, ชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ

ส่วนเรื่องที่ศาลรับคำร้องและอยู่ระหว่างการนัดไต่สวน จํานวน 3 คําร้อง รวม 90 URLs  โดยศาลได้ให้ผู้ถูกกล่าวหา ได้ชี้แจงแก้ต่างตามกระบวนการ ก่อนจะมีคําส่ังปิดก้ันหรือลบข้อมูลจากระบบคอมพิวเตอร์ต่อไป ทำให้ขณะนี้มีคำร้องที่อยู่ระหว่างการนัดไต่สวน สะสม 11 คำร้อง รวม 235 URLs ประกอบด้วย คําร้องที่ยื่นต่อศาลเดือนมีนาคม 2564 จํานวน 2 คําร้อง รวม 57 URLs โดยมีคําร้องที่ยื่นต่อศาลเดือนมิถุนายน 2564 จํานวน 1 คําร้อง รวม 3 URLs คําร้องที่ยื่นต่อศาลเดือนกรกฎาคม 2564 จํานวน 5 คําร้อง รวม 85 URLs
และคําร้องท่ียื่นต่อศาลเดือนสิงหาคม 2564 จํานวน 3 คําร้อง รวม 90 URLs
โดยศาลอาญา นัดพิจารณาคดี ช่วงเดือนสิงหาคม - พฤศจิกายน

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับการตรวจสอบ ข่าวปลอมหรือข้อมูลเท็จ ในช่วงวันที่ 23 – 29 สิงหาคม 2564 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ตรวจสอบข้อมูล จํานวน 148 เรื่อง ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว 76 เรื่อง  แบ่งเป็น ข่าวปลอม 17 เรื่อง ข่าวบิดเบือน 8 เรื่อง และข่าวจริง 51 เรื่อง โดยมีหมวดหมู่ท่ีพบเบาะแสข่าวปลอมมากที่สุด อันดับท่ี 1 หมวดหมู่สุขภาพ จํานวน 78 เรื่อง ทั้งหมด 136 ข้อความ อันดับที่ 2 หมวดหมู่นโยบายรัฐฯ จํานวน 68 เรื่อง ท้ังหมด 114 ข้อความ
และ อันดับที่ 3 หมวดหมู่เศรษฐกิจ จํานวน 2 เรื่อง ทั้งหมด 4 ข้อความ

นายกรัฐมนตรี นำถกครม. ก่อนรับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันพรุ่งนี้  กำชับคณะรัฐมนตรี พร้อมตอบทุกประเด็น 

ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ผ่านระบบ Video Conference โดยการประชุมในวันนี้ขยับจากเดิมที่ต้องประชุมในวันอังคารที่ 31 ส.ค.เนื่องจากที่ประชุมวิปรัฐบาลร่วมกับวิปฝ่ายค้าน กำหนดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี รวม 4 วัน โดยเริ่มวันที่ 31 ส.ค. – 3 ก.ย.และลงมติวันที่ 4 ก.ย. ดังนั้น จึงเลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรีจากวันอังคารที่ 31 ส.ค.มาเป็นวันจันทร์ที่ 30 ส.ค.นี้ ซึ่งคาดว่านายกรัฐมนตรีจะกำชับในที่ประชุม ให้เตรียมความพร้อมในการเข้าประชุมสภาษและตอบทุกข้อสงสัยในการอภิปรายวันพรุ่งนี้(31 ส.ค.) หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าต้องสร้างความเข้าใจ การรับรู้ถึงการทำงานของรัฐบาล ให้กับประชาชน

นอกจากนี้ ในที่ประชุม ครม.จะมีการรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 สถานการณ์เตียง รวมไปถึงสถานการณ์การกระจายวัคซีน ต่อที่ประชุมครม.เพื่อรับทราบถึงทิศทางในปัจจุบัน  รวมไปถึงเรื่องที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเกี่ยวกับการดำเนินการป้องกัน ควบคุม แก้ไขปัญหา และบรรเทาผลกระทบ จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หลังจากที่ประชุมศบค.ได้มีมติเห็นชอบผ่อนคลายมาตรการในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม 29 จังหวัด โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ 1 กันยายนนี้

นอกจากนี้ที่ประชุมจะพิจารณากรอบการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนของอาเซียน หรือ ASEAN Investment FacilitationFramework : AIFF )  รวมไปถึงขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2564 – 2565 )  และการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ าตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2 / 2564


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top