Friday, 9 May 2025
POLITICS NEWS

‘ราเมศ’ ย้ำ แก้ รธน.ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ ปชป ตรงไปตรงมา ยึด รธน. และข้อบังคับ 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่มีการกล่าวถึงเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า การพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่… พ.ศ. … (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91) เป็นเรื่องปกติที่จะมีการถกเถียงกัน มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ทั้งหมดก็ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับอย่างเคร่งครัดตรงไปตรงมา

การที่รัฐสภารับหลักการมาในร่างดังกล่าวซึ่งเป็นร่างที่มีหลักการและเหตุผลคือการแก้มาตรา 83 และมาตรา 91 มีหลักการและเหตุผลเป็นเรื่องการแก้เรื่องระบบการเลือกตั้ง เมื่อร่างดังกล่าวสมาชิกรัฐสภามีมติรับหลักการในวาระที่หนึ่ง 
เมื่อเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่สองคือในชั้นคณะกรรมาธิการ ก็ต้องมีการพิจารณาให้มีความละเอียดรอบคอบ หากมีมาตราใดที่เกี่ยวข้องกับระบบเลือกตั้งหากต้องการปรับแก้ในมาตราใดข้อความใดเพื่อให้สอดคล้องต้องกันกับหลักการและเหตุผลคือในส่วนของระบบเลือกตั้งก็สามารถทำได้ ทั้งในส่วนของกรรมาธิการและในส่วนของสมาชิกรัฐสภาที่ยื่นแปรญัตติไว้

ซึ่งข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา ข้อที่ 124 ได้ระบุไว้ชัดว่า การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในชั้นคณะกรรมาธิการสมาชิกรัฐสภาสามารถที่จะแปรญัตติได้และในวรรคที่สามได้ระบุไว้ชัดอีกว่าการแปรญัตติเพิ่มมาตราขึ้นใหม่หรือตัดทอนหรือแก้ไขมาตราเดิมต้องไม่ขัดกับหลักการแห่งร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีเจตนารมณ์ชัดว่าสมาชิกสามารถดำเนินการได้ และข้อบังคับก็ไม่ได้ห้ามสมาชิกรัฐสภาผู้เสนอร่างไม่ให้ยื่นคำแปรญัตติ ทั้งหมดคือหลักการที่สำคัญในการให้สมาชิกรัฐสภาได้ตรวจตราในมาตราอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับหลักการได้ด้วย เพื่อให้รัฐธรรมนูญเมื่อแก้ไขแล้วสามารถบังคับใช้ได้โดยไม่ขัดหรือแย้งกัน 

แต่จะไปแก้ในมาตราอื่นๆที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลักการและเหตุผลก็ไม่สามารถทำได้ เช่นจะไปแก้เรื่องที่มา สว อำนาจ สว อำนาจองค์กรอิสระหรือเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับระบบเลือกตั้งไม่สามารถทำได้ ประเด็นดังกล่าวนี้มีแนวทางของกฤษฎีกาและฝ่ายกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงานนิติบัญญัติ รวมถึงกรรมาธิการที่ยกร่างข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา ก็ได้ให้ความเห็นไว้ชัดเจนถึงเจตนารมณ์ว่าสามารถดำเนินการได้

นายราเมศ กล่าวต่อว่า เคารพในความคิดเห็นที่แตกต่าง และเชื่อว่านายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ซึ่งได้ทำหน้าที่เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการ ท่านเป็นคนละเอียดและได้ดูเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้ว สิ่งใดที่ไม่เป็นไปตามข้อบังคับท่านไม่ทำแน่นอน และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ก็ได้ดำเนินการตามข้อบังคับในการยื่นคำแปรญัตติโดยอาศัยสิทธิอันชอบตามข้อบังคับ หากจะกล่าวหาว่าไม่สามารถยื่นคำแปรญัตติได้แสดงว่าสมาชิกรัฐสภาที่ร่วมกันลงชื่อรวมถึงสมาชิกที่รับหลักการไม่มีใครสามารถยื่นคำแปรญัตติได้แม้แต่คนเดียว ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องพื้นฐานในเรื่องหลักการในการร่างกฎหมาย ผู้เสนอร่างอาจจะลงมติในวาระแรกอย่างไรก็ได้ เมื่อเข้าสู่วาระที่สองในชั้นคณะกรรมาธิการสมาชิกผู้เสนอร่างและสมาชิกผู้ลงมติรับหลักการในวาระที่หนึ่ง สามารถยื่นคำแปรญัตติได้ เพื่อให้กฎหมายเกิดความสมบูรณ์

นายราเมศกล่าวตอนท้ายว่า ทุกกระบวนการเดินตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ เคารพในความเห็นต่างแต่ไม่อยากให้มองว่าเป็นความแตกแยกเพราะถ้าแตกแยกแสดงว่าเจตนาตั้งต้นไม่ได้เกิดจากความตรงไปตรงมาในความเห็นแต่อย่างใด

ถึงเวลา ‘ปฏิรูปตำรวจ’ ขนานใหญ่ ‘สุพิศาล’ จี้ คฝ. ถามตัวเอง ปฏิบัติหน้าที่ตามจริยธรรมและหลักสากลที่นานาอารยประเทศทำกันแล้วหรือยัง

พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และอดีตผู้บังคับการกองปราบปรามแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวต่อการบริหารจัดการผู้ชุมนุมช่วงที่ผ่านมาว่า หลังได้เห็นคลิปวีดีโอตำรวจกองกำลังควบคุมฝูงชน (คฝ.) กรูกันเข้ารุมกระทืบประชาชนมือเปล่าแล้วรับไม่ได้จริงๆ และอีกคลิปที่ตะโกนสั่งด้วยอารมณ์เดือดดาลให้นักข่าวมาเก็บภาพตำรวจที่โดนยิงอ้างว่าประชาชนทำนั้นแย่มาก สื่อมวลชนทำหน้าที่ของเขาตามหลักจรรยาบรรณวิชาชีพ ต้องไม่ก้าวก่ายกัน ถามตัวเองก่อน เราตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตามจริยธรรมตำรวจ ตามหลักสากลที่นานาอารยประเทศเขาทำกันแล้วหรือยัง
นอกจากนี้ อดีตผู้บังคับการกองปราบปราม ยังระบุว่า การชุมนุม ถือเป็นสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญ และการชุมนุมที่กระทำโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ยิ่งย่อมเป็นสิทธิอันพึงมีของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ไม่มีกฎหมายใดที่จะมาห้ามการชุมนุมดังกล่าว ถึงแม้รัฐเองจะอ้าง ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.ก. หรือ พ.ร.บ.ใดๆ ก็ตาม แต่รัฐจะต้องใช้ในการควบคุมเท่านั้นมิใช่ใช้ในการปราบปราม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบ จะต้องอำนวยความสะดวก และจัดให้มีพื้นที่การชุมนุม ตามที่ผู้ชุมนุมร้องขอ จากเหตุการณ์หรือคำร้องต่างๆ ซึ่งความผิดถ้าจะมี ก็คือต้องเกิดจากการที่การชุมนุมนั้นไม่เป็นอย่างที่ขอ

“แต่ในการชุมนุม 2 ครั้งล่าสุด เรากลับพบว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้มาตรการหนัก ห้ามไม่ให้เกิดการชุมนุมโดยเด็ดขาด กองกำลังควบคุมฝูงชนของรัฐได้ใช้ยุทธวิธีตำรวจเปิดฉากปิดและยึดคืนพื้นที่จากผู้ชุมนุมด้วยเครื่องไม้เครื่องมือสารพัด ยิ่งในการสลายผู้ชุมนุม ก็มีอาวุธปืนลูกยาง ปืนยิงแก๊สน้ำตา ซึ่งใช้อย่างผิดหลักสากล มิหนำซ้ำยังเปิดฝ่ายเปิดฉากยั่วยุให้มวลชนปะทะ นี่คือความผิดพลาดอย่างยิ่งของการทำหน้าที่ตำรวจ

“เท่าที่ติดตามการชุมนุม ผมได้พบว่า ตำรวจจะทำเพียงการประกาศเตือนว่าผู้ชุมนุมได้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายและจะมีการปราบปรามจับกุม จากนั้นก็เริ่มปฏิบัติการทันที โดยที่มิได้มีการเข้าเจรจาพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมในรูปแบบอื่น กรณีดังกล่าวนี้ ในฐานะที่เคยเป็นทั้งผู้ปฏิบัติและผู้ควบคุมฝูงชนมาก่อน ตลอดจนเคยเป็นผู้ฝึกสอนในวิชาดังกล่าวด้วย เห็นว่าเป็นการลัดขั้นตอนการปฏิบัติของชุดควบคุมฝูงชน มิได้ดำเนินการจากเบาไปสู่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง อันน่าจะขัดต่อหลักการสากล ตลอดจนในเรื่องสิทธิมนุษยชนด้วย” 

พล.ต.ต.สุพิศาล  ระบุอีกว่า การชุมนุมโดยปราศจากอาวุธคือหลักการพื้นฐานที่ทั่วทั้งโลกมีให้การรับรอง และประชาชนผู้มาชุมนุมนั้นบริสุทธิ์ เป็นผู้ทรงสิทธิ นี่คือหลักแรกที่รัฐจะต้องเข้าใจและบริการอำนวยการจัดการ หากรัฐบาลจะยังใช้อำนาจในการจัดการกับการชุมนุมที่เห็นต่างและทุกข์ร้อนจากการบริหารจัดการของรัฐ ตำรวจควรจะต้องดูแลผู้ชุมนุมเพื่อตอบสนองความต้องการในข้อเรียกร้องและมีการเจรจาเท่านั้น แต่ที่ผ่านมามิได้กระทำตามตามนั้น เช่นที่ปรากฏ ทั้ง 2 ครั้ง กลับใช้ความรุนแรงด้วยการมีอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่เหนือกว่าเข้าปราบปรามโดยอ้างว่าชอบธรรม และเหตุเช่นนี้เองที่จะทำให้ผู้ชุมนุมซึ่งมาด้วยความบริสุทธิ์ระบายอารมณ์ และทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ดังที่ปรากฏ เช่น ป้ายสีชื่อองค์กร การเผาตู้ยาม และอาจจะถึงการเผาสถานีตำรวจอย่างเช่นในอดีตที่ผ่านมา และอันนี้ถือได้ว่า เป็นการทำลายประเทศชาติด้วยน้ำมือของรัฐบาลเองใช่หรือไม่

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เผาทรัพย์สินของทางราชการที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลเองโดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจนครบาล ควรจะดำเนินการสืบสวนให้ได้ความแน่ชัด ว่ากลุ่มผู้กระทำผิดดังกล่าวเป็นใครกันแน่ เพราะการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ มิใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญอย่างแน่นอน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา สามารถเรียนรู้ได้ว่า ผู้กระทำการที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์จะให้เกิดเหตุการณ์อย่างไรเกิดขึ้น นี่ยังไม่นับการตอบโต้กลับของผู้ชุมนุมจากการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ดังที่กล่าวมาแล้ว และในการหากลุ่มผู้กระทำผิดก็ต้องแยกให้ชัดในสองเหตุนี้ด้วย
“ในฐานะอดีตข้าราชการตำรวจผู้เคยปฏิบัติงาน เห็นว่าจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ถึงเวลาแล้วที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ควรที่จะทบทวนการทำงานให้เป็นไปด้วยหลักการสากล การใช้ข้อกฏหมายระเบียบที่ชอบด้วยกฏหมาย หลักสิทธิมนุษยชนรวมถึงมนุษยธรรม โดยต้องเจรจาก่อนเป็นสำคัญ จะได้รู้ความต้องการของประชาชน อันเป็นผู้ทรงสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐต้องบริการ

“ถึงเวลาแล้วที่ต้อง ‘ปฏิรูปตำรวจ’ ขนานใหญ่ ให้เป็นตำรวจที่มีหัวใจประชาธิปไตย อำนวยความสะดวกให้ประชาชน มิใช่ขัดขวางสิทธิที่ประชาชนมี อย่างการปราบปราม จับกุม ใช้กฎหมายสารพัดจัดการเหมือนเห็นประชาชนเป็นศัตรูแบบที่ทำอยู่ในเวลานี้ เกียรติยศศักดิ์ศรีของตำรวจควรได้รับการฟื้นฟู ออกมาเดินดู มารับฟังประชาชนบ้างว่า วันนี้ ประชาชนเขามอง เขารู้สึกอย่างไรกับตำรวจ” พล.ต.ต.สุพิศาล ระบุ

“จุรินทร์”นำทีมปชป.ให้กำลังใจชุมชนไฟไหม้ ที่เย็นอากาศ2 พร้อมส่ง ”ถุงน้ำใจ ปชป.” ถึงบ้านผู้กักตัวโควิด เขตยานนาวา

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานมูลนิธิ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช พร้อมด้วย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล นายอภิมุข ฉันทวาณิชย์ และนายอมรเทพ เศตะพราหมณ์ ส.ก.เขตยานนาวา เดินทางไปให้กำลังใจชาวบ้านร่วม 45 ครัวเรือน ที่บริเวณชุมชนเย็นอากาศ 2 ซอยพระรามสาม 77 ซึ่งประสบเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา นอกเหนือจากประสบปัญหาโควิด-19 ซึ่งเป็นปัญหาในภาพรวมอยู่แล้ว พร้อมนำ “ถุงน้ำใจ ปชป.” และข้าวกล่อง มามอบให้ประธานชุมชนเพื่อกระจายแจกจ่ายต่อไป


สำหรับโครงการ “ถุงน้ำใจ ปชป.” และข้าวกล่องเดลิเวอรี่ ถือเป็นโครงการสำคัญของมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ได้ริเริ่มดำเนินการโดยจัดรถรวม 50 คัน เพื่อบรรทุก “ถุงน้ำใจ ปชป.” กว่า 2,000 ชุด ให้ ส.ส.ของพรรค อดีต ส.ส. ส.ก. ส.ข. สาขาพรรค ตัวแทนพรรคทั่วประเทศ และยุวประชาธิปัตย์ ร่วมกันจัดส่งถุงยังชีพไปให้พี่น้องประชาชนที่รอเตียง และผู้ที่ถูกกักตัวในแต่ละเขตทั่วกรุงเทพฯ จนถึงขณะนี้ได้ดำเนินการจัดส่งไปแล้วร่วม 2 หมื่นชุด


 

The Change Maker จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนไอเดียกับ “พี่โทนี่” หัวข้อ “นายกฯ รุ่นเก๋า พบ 6 ไอเดียจากคนรุ่นใหม่” ร่วมออกแบบอนาคตประเทศ

นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ ผอ.สถาบัน Think คิดเพื่อไทย กล่าวว่า ทางสถาบัน Think ร่วมกับกลุ่ม Care ขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจทุกท่าน ร่วมรับชมการถ่ายทอดสดการแลกเปลี่ยนหาไอเดียเพื่อออกแบบอนาคตประเทศ ระหว่างพี่โทนี่ วู้ดซัม หรือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กับสมาชิกของ 6 ทีมที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันในโครงการ The Change Maker ภายใต้ชื่อกิจกรรม “Think เคลื่อน ไทย” 

โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นการปิดท้ายโครงการ The Change Maker รุ่นที่ 1 ภายใต้คอนเซปต์  “1 นายกฯ รุ่นเก๋า พบ 6 ไอเดียจากคนรุ่นใหม่” โดยเปิดโอกาสให้ 6 ทีมที่ชนะการแข่งขัน นำเสนอไอเดียการแก้ไขปัญหาและออกแบบอนาคตของประเทศ ซึ่งมาจากการตัดสินของคณะกรรมการ จำนวน 5 ทีม และมาจากผล popular vote จำนวน 1 ทีม ได้ร่วมแลกเปลี่ยนไอเดียกับพี่โทนี่ เพื่อให้แต่ละทีมนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ไปพัฒนาไอเดียสำหรับออกแบบอนาคตประเทศต่อไป ทั้งนี้ กิจกรรม “Think เคลื่อน ไทย” จะจัดขึ้นผ่านรูปแบบออนไลน์ ในวันที่ 14 ส.ค. สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามรับชมกิจกรรมดังกล่าวได้ผ่าน live บนเพจของ Think คิดเพื่อไทย เพจของกลุ่ม Care และเพจของVoice TV ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป

“ธนกร” ชี้ ม็อบชุมนุมไม่เลิก หวั่น ทำล็อกดาวน์กทม.ไร้ผล ซัด ซ้ำเติมเศรษฐกิจ-ทำโควิดระบาด เชื่อ “บิ๊กตู่” ไม่หวั่น “ไทยสร้างไทย”จ่อฟ้อง เย้ย อย่าใช้เด็กบังหน้าเรียกคะแนนตัวเอง

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงว่า การประกาศล็อกดาวน์ ในพื้นที่กทม.อาจจะไม่ได้ผลตามเป้าหมาย ทั้งที่วันนี้ยอดผู้ป่วยที่รักษาหายกลับบ้านเริ่มสูงกว่าจำนวนยอดผู้ติดเชื้อ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่วันละสองหมื่นกว่าคน ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีและสะท้อนความสำเร็จ แต่เนื่องจากมีการชุมนุมประท้วงของกลุ่มต่างๆเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจ และอาจก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงอยากเตือนน้องเยาวชน ที่ออกมาเคลื่อนไหวชุมนุม คิดให้ดี มีสติ เพราะการชุมนุมไม่ได้สันติ มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เผาทำลายทรัพย์สินราชการ สุดท้ายถูกดำเนินคดีต้องติดคุก อย่าไปเชื่อพวกแกนนำ และให้ลองคิดดูว่าคนเหล่านั้นเคยทำความดีอะไรให้ประเทศ เคยประสบความสำเร็จอะไรบ้าง บางคนยังไม่มีงานทำแต่มีเงินหลายล้านบาทอยู่ในบัญชี เป็นแกนนำเป็นประเภทสู้แล้วรวยหรือไม่ อยากให้ผู้ชุมนุมที่บริสุทธิ์ คิดให้ดีอย่างมีเหตุมีผลหรือคุยกับผู้ปกครองก่อน

นายธนกร กล่าวว่า ส่วนกรณีที่แกนนำพรรคไทยสร้างไทย จะยื่นฟ้องดำเนินคดีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ถือเป็นสิทธิตามกฎหมายที่ทำได้ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลเร่งแก้ปัญหา ควบคุมและป้องกันโรค นำผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ล้มเหลวในการบริหารจัดการวัคซีน ทุกอย่างดำเนินการไปตามขั้นตอน แม้แต่ส.ส.บางพรรค ยังรีบไปขอฉีดวัคซีนก่อนประชาชน และรัฐบาลจะบริหารจัดการได้เร็วกว่านี้ถ้าไม่ต้องคอยดูแลผู้ชุมนุม ที่ออกมาชุมนุมกันตอนนี้ตามคำปลุกปั่นของนักการเมืองบางคน จนสุ่มเสี่ยงที่จะกลายเป็นคลัสเตอร์ใหม่ได้ ส่วนที่นายกฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19ไม่ใช้การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และไม่ได้ใช้เพื่อควบคุมม็อบ อย่างที่นักการเมืองบางคนพยายามบิดเบือนด้วย เพราะถ้านำมาใช้อย่างเข้มงวดกับผู้ชุมนุมจริง สถานการณ์หลายอย่างคงไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้แน่นอน

"หากพรรคไทยสร้างไทยคิดที่จะโหนกระแสม็อบ เพื่อเพิ่มคะแนนนิยมให้ตัวเอง ก็เปิดหน้าฟ้องรัฐบาลด้วยตัวเอง ไม่ต้องเอาประชาชนมาบังหน้า และอ้างว่าเป็นความเห็นของประชาชน ถ้าอยากจะเป็นข่าวก็ควรออกแรงทำเอง ไม่ใช่เกาะกระแสคนนู้นคนนี้ เพื่อแย่งพื้นที่สื่อให้ขายขี้หน้าเด็กเปล่าๆ "นายธนกร กล่าว

“ชวน” ชี้ถกซักฟอกวันไหน ต้องรอฝ่ายค้านยื่น 16 ส.ค.ก่อน เชื่อเหมือนทุกปี ไม่มีอะไรยุ่งยาก

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 16 ส.ค.นี้ว่า เบื้องต้นได้มีการนัดหมายว่าจะเดินทางมายื่นกับตนในวันที่ 16 ส.ค. เวลา 09.30 น. และเมื่อรับญัตติมาแล้วตามขั้นตอนก็จะมีการตรวจสอบความถูกต้องเหมือนกับที่ผ่านมาทุกปี ซึ่งไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย แต่จะนัดประชุมเมื่อไหร่นั้นเมื่อตรวจสอบญัตติเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน จากนั้นจะนัดหารือทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านว่าเวลาและวันที่แต่ละฝ่ายสะดวกจะเป็นช่วงไหนต่อไป

“สิระ” ซัด ด.ช.อายุ 14 พกประทัดมาม็อบ คิดร้ายเขวี้ยงใส่ ตร.สุดท้ายบึ้มเละคามือ ดักคอ อย่าอ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ชี้เด็กดีที่ไหนจะกล้าทำแบบนี้ เชื่อ คนจิตวิปริตอยู่เบื้องหลังม็อบ ต้องการใช้ศพคนไร้สมองเป็นบันไดสู่อำนาจ แช่ง คนคิดร้ายต่อประเทศให้มีอันเป็นไป

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มทะลุฟ้าเมื่อวันที่11 ส.ค. ว่า ภาพระเบิดคามือ เด็กชายคนหนึ่งที่ร่วมชุมนุมเป็นหลักฐานชัดว่า เด็กอายุเพียงแค่ 14 ปี ใจกล้าถึงขั้นพกพาประทัดยักษ์มาเพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจไม่ใช่ศัตรูของใคร เขาทำตามหน้าที่ ๆ ได้รับมอบหมาย พวกผู้ชุมนุมคือผู้ที่กระทำผิดกฎหมายของบ้านเมือง เจ้าหน้าต้องควบคุมสถานการณ์ ฉะนั้น ไม่ว่าใครหน้าไหนไม่มีสิทธิที่จะไปทำร้ายตำรวจถึงขั้นเอาให้ปางตาย การกระทำของเด็กคนนี้ให้พวกคึกคะนองดูไว้เป็นบทเรียน ผู้ปกครองทั้งหลายดูแลบุตรหลานด้วยหมดอนาคตกันไปกี่คนแล้ว และนี่คือรายล่าสุด พอเกิดเรื่องขึ้น อย่ามาอ้างว่าเป็นเยาวชน รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เด็กดี ๆที่ไหนเขากล้าประพฤติตนแบบนี้ สุดท้ายกรรมตามทันไปถึงพ่อแม่ด้วย ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมเด็กชายคนดังกล่าวรวมถึงผู้ปกครองมาดำเนินคดีด้วย

นายสิระ กล่าวต่อว่า ตนทราบข่าวว่าเด็กชายคนนี้ติดเชื้อโควิด-19 ด้วย ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตนเคยพูดไว้ว่า ผู้ชุมนุมต้องการให้กลายเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ และพวกที่ออกมาก่อจลาจลจะเป็นภาระซ้ำเติมการทำงานของบุคลากรสาธารณสุขให้เหน็ดเหนื่อยมากขึ้นไปอีก ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมโยนความผิดให้นายกรัฐมนตรีในการบริหารจัดการโควิด-19 มาโดยตลอด และวันนี้เมื่อเป็นคนสร้างปัญหาขึ้นมาเอง จะไปโยนขี้ให้ใครอีก หรือนี่คือแผนที่ต้องการซ้ำเติมประเทศจากวิกฤตโควิด

“ม็อบวันนี้ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าหมดความชอบธรรมไปแล้ว การที่มีคนต่างด้าวมาร่วมชุมนุม นี่คือหลักฐานชัดเจนว่ามีการจ้างวานให้มากระทำชั่วต่อประเทศชาติ คนที่จ้างก็โรคจิตวิปริต คนที่ลงมือทำก็วิปลาส คนร่วมชุมนุมก็โง่ให้เขาหลอกจูงจมูกเป็นควาย วันนี้สิ่งที่ต้องการคือให้บ้านเมืองเกิดการสูญเสีย เห็นเลือด เห็นผู้คนล้มตาย แล้วจะมีความสุขผมเชื่อว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังม็อบตอนนี้กำลังต้องการหากินกับศพ จ้างวาน ปลุกปั่น ยั่วยุเจ้าหน้าที่ให้เกิดเหตุรุนแรง เพื่อให้มีคนล้มตาย” นายสิระ กล่าว 

นายสิระ กล่าวต่อว่า ตนขอเตือนไว้เลยว่า บรรดาคนโง่เขลาที่ยอมให้เขาสนตะพาย ตามเขาไปก่อเรื่องก่อราวทุกวันทำร้ายตำรวจไม่เว้น อุกอาจบุกรถตำรวจกลางถนน จนประชาชนที่สัญจรไปมาเดือดร้อนกันไปทั่ว อีกไม่นานเขาจะเอาเลือดของพวกคุณเป็นทางผ่านให้พวกนักการเมืองเลว ๆ ก้าวขึ้นสู่อำนาจที่ต้องการ โดยใช้ศพของพวกคนไร้สมองกลุ่มนี้เป็นบันไดเหยียบขึ้นไป ทั้งนี้ ตนขอสาปแช่งให้พวกคิดร้ายต่อประเทศกลุ่มนี้ มีอันเป็นไปเสียที แผ่นดินจะได้สูงขึ้น สุดท้ายขอฝากคนไทยทุกคนเอาไว้ว่า เราจะยอมให้คนหยิบมือเดียว มามีอำนาจอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ เพราะยังมีคนอีกทั้งประเทศที่เขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำของคนกลุ่มนี้ และเราจะต้องยอมเดือดร้อนไปด้วยหรือ รวมถึงผู้ที่จะเข้าร่วมชุนนุมคิดให้ดีก่อนจะกลายเป็นผู้ก่อการร้าย และจะมาเสียใจทีหลัง เพราะโทษทางกฎหมายสูงมาก 

“ทีมโฆษกรัฐบาล” แจง ราคาชุดตรวจATK ช่วงก.ย.จะถูกลง เผย ได้บ.นำเข้า8.5 ล้านชิ้น ราคาประมาณ 70 บาท ยันยาฟาวิพิราเวียร์ มีพอ

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการ "แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล” ถึงเสียงเรียกร้องเกี่ยวกับราคาชุดตรวจATK ที่มีราคาสูง ว่า เท่าที่สำรวจหลายที่มีราคาถูกลง มีผู้นำเข้าชุดตรวจจำนวนมากขึ้นและขณะนี้องค์การเภสัชกรรมก็รับรองชุดตรวจของหลายยี่ห้อแล้วก็จะทำให้ราคาค่อยๆลดลง และขณะนี้สปสช.อยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้างเอาผู้ประกอบการที่นำเข้าชุดตรวจ 19 บริษัทเข้ามาเสนอราคาประมูลให้เกิดการจัดซื้อจัดจ้าง ชุดตรวจโควิด กว่า 8.5 ล้านชุด ให้โปร่งใสที่สุดโดยคาดว่าจะเริ่มนำเข้าและแจกให้ประชาชนได้ช่วงเดือนส.ค.-ก.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้ราคาลดลงแน่นอน นอกจากนั้นกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับองค์การเภสัชกรรมและกระทรวงสาธารณสุข จับราคาชุดตรวจอยู่แต่ต้องยอมรับว่ามีความต่างเรื่องต้นทุนตั้งแต่ 100- 200 บาท และการไปควบคุมหรือกำหนดราคากลาง อาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง หากมีการประมูลราคากลางจากสปสช. แล้ว กระทรวงพาณิชย์ก็จะเข้าไปดูราคาจำหน่ายทำได้มากขึ้น

นอกจากนั้นยังมีข่าวดีที่ศูนย์นาโนเทคโนโลยี ได้คิดค้นชุดตรวจATKมีคุณสมบัติโดดเด่นสามารถตรวจและรู้ผลได้ภายใน 15 นาที มีความแม่นยำจำเพาะสูงกว่าในท้องตลาด ขั้นต่อไปจะพัฒนาเพื่อผลิตออกมาจำหน่ายในประเทศได้อย่างเพียงพอ

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ได้บริษัทผู้ชนะการประมูลนำเข้า8.5ล้านชุด ที่จะแจกจ่ายให้ประชาชนในเดือนส.ค.นี้ โดยราคาอยู่ประมาณ 70 บาทต่อชิ้น

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ส่วนข้อกังวลเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ จะมีการผลิตและนำเข้าเพียงพอหรือไม่นั่น มีการรายงานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงตัวเลขการใช้โดยคาดการณ์ว่าถ้าผู้ป่วยอยู่ในระดับ 20,000 รายจะใช้ประมาณ 30ล้านเม็ดต่อเดือน โดยในช่วงเดือนส.ค-ก.ย.จะมียาประมาณ 120 ร้านเม็ด และเดือนถัดไปจะหาได้ประมาณ 100 ล้านเม็ดทั้งการผลิตโดยองค์การเภสัชกรรมในชื่อ ฟาเวียร์ และการนำเข้า ดังนั้นขอให้ประชาชนมั่นใจว่าจะมียาใช้เพียงพอแน่นอนทั้งนี้บริษัทเอกชนอื่นต้องการผลิต ทางกระทรวงสาธารณสุข ก็ยินดีเข้าไปช่วย และมีข่าวดีที่ทางสภากาชาดไทย ก็จะผลิตยาชนิดนี้ด้วย

ด้านน.ส.รัชดา กล่าวว่า องค์การเภสัชกรรม ไม่ได้ปิดกั้นให้บริษัทยาเอกชน เข้ามาเป็นผู้ผลิตยา เพียงแต่กระบวนการผลิตที่เป็นยาตัวใหม่ ต้องมีกระบวนการติดตั้ง จึงยังไม่สามารถทำได้ทันทีและต้องใช้เวลา ดังนั้นอย.จะใช้วิธีเปลี่ยนสายการผลิตยาบางตัวไปให้บริษัทเอกชนผลิตเพื่อทุ่มเททำการผลิตมากขึ้น

“บิ๊กป้อม” เร่ง แผนอนุรักษ์ฯ  คุ้มครอง สัตว์ทะเลหายาก-สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม"ควบคู่แก้ประมงผิดกม. เยียวยาชาวประมง บรรเทากระทบโควิด-19

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564  ผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ 

โดยที่ประชุมรับความก้าวหน้าการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบของการทำประมง ต่อสัตว์ทะเลหายากและสัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนม (MMPA)โดยจัดทำแผนอนุรักษ์ฯและรายงานสถานภาพสัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนมในประเทศไทย พ.ศ.2560-2563 รวมถึงการจัดทำข้อมูลร่วมกันของกรมประมง และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 

โดยที่ประชุมแต่งตั้งคณะกรรมการฯให้เร่งรัด ติดตาม การดำเนินงานให้แล้วเสร็จ โดยเร็ว นอกจากนั้นได้พิจารณาแนวทางการนำเรือประมงออกนอกระบบ เพื่อการบริหารทรัพยากรทะเล อย่างยั่งยืน และเห็นชอบให้ชดเชย เยียวยา กลุ่มเรือประมงที่ประสงค์ออกนอกระบบ ซึ่งผ่านหลักเกณฑ์แล้ว จำนวน 75 ลำ และจะได้ดำเนินการ เร่งรัดช่วยเหลื เรือประมงกลุ่มอื่นต่อไป

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และข้อกำหนดตาม MMPA โดยเคร่งครัด จึงกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการ ที่แต่งตั้งใหม่ให้บูรณาการทำงานร่วมกัน และขับเคลื่อนแผนงานให้มีความต่อเนื่อง เพื่อเร่งช่วยเหลือเยียวยา ชาวประมง ควบคู่การอนุรักษ์ สัตว์ทะเลหายาก เลี้ยงลูกด้วยนม และให้มีการสร้างการรับรู้ แก่ประชาชน ทั้งนี้ขอให้ทุกหน่วยงาน มีส่วนร่วมให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามชีวิตวิถีใหม่ในทุกพื้นที่

“นายกฯ” ชม นักวิจัยไทย “พัฒนาชุดตรวจโควิด-19-วัคซีนป้องกันแบบพ่นจมูก” ชี้ เป็นสำเร็จในการใช้วิทยาศาสตร์ฯ

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชื่นชมทีมนักวิจัยไทย จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)ภายใต้การกำกับของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ผลิตผลงานป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ได้พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แบบพ่นจมูก ชนิด Adenovirus-based และ Influenza-based ที่ผ่านการทดสอบการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในหนูทดลองเรียบร้อยแล้ว พบว่ามีประสิทธิภาพต่อการคุ้มโรคที่เกิดขึ้น ปลอดภัยไม่มีปัญหา และศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) ได้พัฒนา “NANO COVID-19 Antigen Rapid Test” ชุดตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 แบบรวดเร็ว ที่มีความไวและความแม่นยำสูงมาก

โดยการพัฒนาวัคซีนแบบพ่นจมูก ทดสอบในหนูทดลอง พบว่าไม่มีอาการป่วยแล้ว มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น จากนี้จะมีการยื่นเอกสารต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)เพื่อขอทดสอบในมนุษย์ โดยจะร่วมกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ วางแผนทดสอบประสิทธิภาพวัคซีนกับเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งหากได้รับอนุมัติเร็ว คาดว่าจะเริ่มทดสอบในมนุษย์เฟสแรกปลายปี 2564 นี้ และต่อเนื่องเฟส 2 ในเดือนมี.ค. 2565 หากได้ผลดีจะสามารถผลิตออกมาใช้ได้ประมาณกลางปีหน้า

ขณะที่ การพัฒนาชุดตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 แบบรวดเร็ว โดยศูนย์นาโนเทคนั้น มีจุดแข็งด้านการใช้งานที่สะดวก รวดเร็วสามารถตรวจหาตัวเชื้อได้ในเวลาเพียง 15 นาที มีความไว 98% และความจำเพาะสูงถึง 100% ใช้ตรวจคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 เบื้องต้นได้ ช่วยลดปริมาณผู้ป่วยที่ต้องตรวจด้วยวิธีการ RT-PCR ลดค่าใช้จ่าย  ลดภาระงานในระบบสาธารณสุข และทางศูนย์ฯกำลังเร่งผลักดันการถ่ายทอดเทคโนโลยีและรูปแบบการใช้ประโยชน์ เพื่อให้สามรถผลิตใช้เองได้ในประเทศ ตอบสนองความมั่นคงทางด้านสาธารณสุขตามนโยบายรัฐบาล

น.ส.รัชดา กล่าวว่า การให้ข้อมูลความก้าวหน้าของการวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ใประเทศไทยด้วยว่า ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะนี้ได้ทดสอบการฉีดวัคซีน “ChulaCov19” ให้กับอาสาสมัครแล้ว เพื่อศึกษาประสิทธิภาพสูงสุดของปริมาณวัคซีนที่จะสร้างภูมิคุ้มกันอย่างเหมาะสม ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล และทีมนักวิจัย และลำดับต่อไป จะเข้าสู่การทดสอบทางคลินิก ระยะที่ 2 จำนวน 150-300 คน คาดจะเริ่มต้นฉีดได้ในเดือนส.ค.นี้

“นายกฯติดตามความคืบหน้าและชื่นชมในความสามารถของนักวิจัยไทย ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ผลิตผลงานที่เป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างมาก แม้ยังจะต้องใช้เวลาในการทดสอบผลให้แน่ชัดอีกระยะหนึ่ง แต่ความก้าวหน้าต่างๆถือเป็นตัวบ่งชี้ศักยภาพของประเทศที่เราจะสามารถลดการนำเข้าเวชภัณฑ์  เสริมความมั่นคงทางสาธารณสุข และที่สำคัญ ความสำเร็จเหล่านี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนสนใจวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศต้องการ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top