Wednesday, 14 May 2025
POLITICS NEWS

‘ไทยภักดี’ หนุนบังคับใช้ ม.112 อย่างเต็มที่ ยืนหนักแน่น ยึดหลักนิติธรรม - นิติรัฐแท้จริง

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี เผยแพร่แถลงการณ์ของพรรค กรณีพรรคการเมืองฝ่ายค้านมีการพูดเรื่องการเสนอพิจารณาแก้ไขมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา โดยระบุว่า พรรคไทยภักดี ตระหนักว่าในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกคุกคาม และด้อยค่าอย่างหนักจากกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี 

โดยมีการเคลื่อนไหวกระทำความผิดกฎหมายอย่างเป็นขบวนการเพื่อละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยการใส่ร้ายป้ายสี ใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จ มีพฤติกรรมแสดงออกถึงความอาฆาตมาดร้าย เช่น การเผาพระบรมฉายาลักษณ์ในที่สาธารณะ การพ่นสีตามท้องถนน การชูถือป้ายถ้อยคำหยาบคายหมิ่นสถาบันฯ เป็นที่ประจักษ์ชัดต่อสายตาคนไทยทั้งประเทศ พฤติกรรมดังกล่าว ไม่ใช่ข้อเสนอแนะทางวิชาการโดยสุจริตแต่อย่างใด แต่กลับมีเป้าประสงค์ที่จะล้มล้างสถาบันฯ ถือว่าเป็นภัยความมั่นคงร้ายแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นในยุคสมัยใดในประเทศไทยมาก่อน

เมื่อกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีเหล่านี้กระทำความผิดและถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย กลับออกมารณรงค์ต่อต้าน และยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ มาตรา 116 ตลอดจนผลักดันให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้ง ๆ ที่ตนเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเหล่านี้อย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำแล้วซ้ำอีก นับว่าเป็นพฤติกรรมที่ย้อนแย้ง และกระทำไปเพื่อให้สามารถนำมาใช้ยกอ้างให้ตนพ้นจากความผิดที่ได้กระทำไปแล้ว นับว่าเป็นการกระทำที่ขาดความชอบธรรมเป็นอย่างยิ่ง

‘ดร.นิว’ ซัดกลุ่มการเมือง หวังล้มล้างการปกครอง ดันยกเลิก ม.112 ใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นตัวประกัน

'ดร.นิว' ชำแหละ คณะการเมืองหนักแผ่นดิน ใช้ม.112 เป็นบันไดก้าวแรกไปสู่การล้มล้างการปกครองเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ ในขณะที่อีกพรรคการเมืองหนักแผ่นดินหนึ่งต้องการจับสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นตัวประกัน เพื่อต่อรองผลประโยชน์ทางการเมืองอย่างน่ารังเกียจ

2 พ.ย. 64- ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ "ดร.นิว" นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Suphanat Aphinyan หัวข้อ ม.112 กับเกมการเมืองของคนหนักแผ่นดิน โดยระบุว่า

ม.112 สามารถยกเลิกได้เหมือนกับในบางประเทศ ก็ต่อเมื่อกฎหมายไม่มีการใช้งานเป็นระยะเวลานาน ๆ เพราะผู้คนมีความเจริญถึงขั้นที่ไม่มีใครทำผิดกฎหมาย จนในท้ายที่สุดไม่มีความจำเป็นต้องใช้กฎหมายนั้นไปเองโดยธรรมชาติ ดังนั้นการสนับสนุนให้ยกเลิก ม.112 ที่แท้จริง คือ การไม่ทำผิด ม.112 เพื่อให้ ม.112 สูญหายไปเองตามกาลเวลา 

แต่ทุกวันนี้ประเทศไทยยังมีคนหนักแผ่นดินกลุ่มหนึ่งคอยสร้างเงื่อนไขของความจำเป็นที่ยังต้องมี ม.112 อยู่ ซึ่งคนหนักแผ่นดินกลุ่มนี้กำเริบเสิบสาน ยุยงปลุกปั่นให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนของสถาบันพระมหากษัตริย์กันเป็นว่าเล่น กล้าบิดเบือนให้ร้าย หวังบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ตลอดจนปั่นกระแสโซเชียลมีเดีย บิดเบือนหลอกใช้ผู้อื่นโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน เป็นเครื่องมือในการทำผิดติดคุกตะรางแทนตัวเอง ยกตัวอย่าง เช่น นายปิยบุตร แสงกนกกุล ที่คอยระมัดระวังตัวไม่ให้ตัวเองทำผิด ม.112 แต่กลับยุยงปลุกปั่นหลอกใช้ให้ผู้อื่นทำผิด ม.112 แทนตัวเอง 

โดยในปัจจุบัน "การติดคุกด้วยความผิด ม.112" เป็นการให้ข้อมูลเท็จ จากการบิดเบือนของสื่อที่ไร้จรรยาบรรณในสังคมไทย เพราะศาลยังไม่ได้มีการตัดสินผู้ที่ถูกดำเนินคดี ม.112 แม้แต่รายเดียว และการติดคุกของผู้ที่ถูกดำเนินคดี ม.112 มีสาเหตุที่แท้จริงมาจากการที่ศาลเคยให้ประกันตัวแล้ว แต่ผู้ต้องหากลับก่อเหตุซ้ำซากในลักษณะเดียวกัน จนศาลมองว่าเป็นการสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายโดยปราศจากความเคารพยำเกรงต่อกฎหมาย ศาลจึงไม่อนุญาตให้ประกันตัวอีก 

ดังนั้นการติดคุกของแกนนำม็อบสามนิ้วจึงมาจากการก่อเหตุซ้ำซาก จนถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีกหลายครั้งหลายหน ไม่ใช่จากการถูกจำคุกเนื่องจากถูกตัดสินว่ามีความผิดใน ม.112 ตามที่มีการบิดเบือนจากสื่อไร้จรรยาบรรณให้เกิดความเข้าใจผิดแต่อย่างใด

การโจมตี ม.112 จึงเป็นเพียงแค่เกมการเมืองของคนหนักแผ่นดิน พรรคการเมืองกับคณะการเมืองหนักแผ่นดินกลุ่มหนึ่งต้องการบ่อนทำลายความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นบันไดก้าวแรกไปสู่การล้มล้างการปกครองเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ ในขณะที่อีกพรรคการเมืองหนักแผ่นดินหนึ่งต้องการจับสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นตัวประกัน เพื่อต่อรองผลประโยชน์ทางการเมืองอย่างน่ารังเกียจ 

'บิ๊กตู่' เผย ร่วมประชุม COP 26 ถือว่าคุ้ม ได้พบผู้นำหลายประเทศ พร้อมร่วมมือกับไทย 

นายกฯ เผย การเดินทางเข้าร่วมประชุม COP 26 ถือว่าคุ้ม ได้พบปะพูดคุยกับผู้นำประเทศต่าง ๆ หลายท่านรู้จักและคุ้นเคยกันดี ในหลายประเด็น “เขาพูดกับผมอย่างเดียวว่าพร้อมที่จะร่วมมือกับไทย พร้อมที่จะเดินหน้าในมิติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าการลงทุน”

(2 พ.ย. 64) เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมหารือและการกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมระดับผู้นำในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 ว่า ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับผู้นำประเทศต่าง ๆ ซึ่งหลายท่านรู้จักและคุ้นเคยกันดี ในหลายประเด็น ได้พูดคุยกันถึงเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีที่มีกันมาอย่างยาวนาน เพราะหลายคนก็ไม่ได้พบกันหลายปีพอสมควร แต่หลายคนก็อยู่ด้วยกันโดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคอาเซียน

“อย่างไรก็ตามผู้นำประเทศต่าง ๆ เขาพูดกับผมอย่างเดียวว่าพร้อมที่จะร่วมมือกับไทย พร้อมที่จะเดินหน้าในมิติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าการลงทุน แม้แต่ในกลุ่มประเทศอาเซียน อย่างเวียดนาม ได้ยืนยันว่าจะต้องดำเนินการทุกอย่างให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะการเจรจาทวิภาคีและพหุภาคี หรืออย่างเกาหลีใต้ เยอรมนี และได้ใช้โอกาสในการพูดคุยเชิญชวนบรรดาผู้นำประเทศต่าง ๆ มาเข้าร่วมประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือการประชุมเอเปค ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมในปี 2565 ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ในการประชุมอาเซียนที่ผ่านมาก็ได้มีการเรียนเชิญไปบ้างแล้ว

‘บิ๊กตู่’ ชวน ‘โจ ไบเดน’ ร่วมประชุมเอเปคปีหน้า หลังโชว์วิชั่น แก้ปัญหาภูมิอากาศบนเวทีโลก

‘บิ๊กตู่’ เชิญ ปธน.โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เข้าร่วมประชุมเอเปคปีหน้า ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ด้านนายกฯ สหราชอาณาจักรชมเปาะ ไทยมุ่งมั่นแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หลัง ‘บิ๊กตู่’ ประกาศเจตนารมณ์ไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ด้วยทุกวิถีทาง 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 1 พ.ย. ที่เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร (ตรงกับเวลา 04.00 น.ของประเทศไทย) ระหว่างงานเลี้ยงรับรองผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือสมัยที่ 26 (COP26)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พบปะพูดคุย พร้อมทั้งเชิญประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ระหว่างงานเลี้ยงรับรองผู้นำ COP 26 หลังจากได้พบกันในการประชุมสุดยอดอาเซียน สัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมสอบถามถึงสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งเชิญประธานาธิบดีไบเดน เยือนไทยในโอกาสที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC (Asia-Pacific Economic Cooperation) ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2565

นอกจากนี้ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ได้ทักทายพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมกล่าวชื่นชมในความมุ่งมั่นพยายามของไทยในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไทยตั้งเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี 2065 พร้อมทั้ง ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มาร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีของไทยได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่าง ๆ กับบรรดาผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมประชุม

โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงเวลา 16.00 น. วันที่ 1 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่นที่เมืองกลาสโกว์) พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุม โดยยืนยันว่า ไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ ทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายสำคัญของโลกเพื่ออนาคตของลูกหลานของพวกเราทุกคน

“ผมมาร่วมประชุมวันนี้ เพื่อเป็นการยืนยันว่าประเทศไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไทยพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ และทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันในการแก้ปัญหาครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของโลก เพราะภารกิจนี้คือความเป็นความตายของโลกและอนาคตของลูกหลานของพวกเราทุกคน 

ปัจจุบันไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกในปริมาณเพียงประมาณร้อยละ 0.72 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วทั้งโลก แต่ประเทศไทยกลับเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ผมไปร่วมการประชุมสุดยอดเรื่องภูมิอากาศของสหประชาชาติที่กรุงปารีสเมื่อปี 2015 โดยไทยอยู่ในประเทศกลุ่มแรกที่ให้สัตยาบันเข้าเป็นภาคีของความตกลงปารีส คำมั่นสัญญาของไทย มิใช่คำมั่นที่ว่างเปล่า ในช่วงที่ผ่านมา ไทยได้ปฏิบัติตามคำมั่นทุกประการที่ให้ไว้กับประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง และมีการดำเนินการอย่างแข็งขันภายในประเทศ” 

‘จักรทิพย์ ชัยจินดา’ ใส่เกียร์ถอย ไม่ลงเลือกตั้งชิงผู้ว่าฯ กทม. แล้ว คาดหลีกทางให้ผู้ว่าฯ อัศวิน ลงชิงต่อ

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 มีกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา หรือ ‘บิ๊กแป๊ะ’ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตัดสินใจไม่ลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแล้ว หลังจากที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2563 และลงพื้นที่หาเสียงอย่างหนัก ขณะเดียวกันผลโพลหลายสำนักชี้ว่า ‘บิ๊กแป๊ะ’ ติดอันดับ 1 ใน 3 ผู้ว่าฯ กทม. ที่คนกรุงเทพฯ อยากเลือกมากที่สุด

ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ประกาศต่อหน้ากลุ่ม สมาชิกสภากทม. หรือ ส.ก. ที่ให้การสนับสนุนว่า ไม่ลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แล้ว

โดยตัวแปรสำคัญในเรื่องนี้ อาจเกี่ยวข้องกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่แต่แรกนั้นแม้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะประกาศว่าลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ในนามอิสระ แต่ก็มีแรงสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐ ทั้งการยอมรับว่าได้รับการชักชวนจาก บิ๊กป้อม - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ 

“บิ๊กตู่” ติดตามการเริ่มเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว 1 พ.ย. รับทราบปัญหารถรับส่งโรงแรมAQ และSHA+ ไม่เพียงพอ กำชับหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งแก้ไข 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ระหว่างการปฏิบัติภารกิจร่วมประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26) ที่ประเทศสหราชอาณาจักร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ติดตามความเรียบร้อยเกี่ยวกับการดำเนินการของหน่วยต่างๆที่เกี่ยวข้องในกับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ที่ตั้งแต่วันที่1 พ.ย. 2564 นักท่องเที่ยวจาก 63 ประเทศสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับรายงานจากนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมซึ่งได้นำคณะลงพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.)

เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินการของส่วนงานต่างๆ และประชุมออนไลน์ร่วมกับผู้บริหารของท่าอากาศยานระหว่างประเทศอีก 6 แห่ง ที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) (ทอท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองสำนักงานศุลกากร เพื่อรับฟังบรรยายการสรุปการดำเนินงานของแต่ละท่าอากาศยานและหน่วยงาน ซึ่งพบว่าการให้บริการของแต่ละหน่วยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และอยู่ภายใต้มาตรฐานการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

“ก่อนเดินทางเข้าร่วมประชุม COP26 ที่สหราชอาณาจักร นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายรมว.คมนาคม ได้ตรวจความพร้อมการให้บริการด้านคมนาคม โดยเฉพาะทางอากาศที่เป็นช่องทางหลักที่ประเทศไทยเปิดให้นักท่องเที่ยวจาก 63 ประเทศ เดินทางเข้าไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และกำชับทุกหน่วยงานให้ร่วมกันดูแลให้การเปิดประเทศครั้งนี้ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ ประชาชนกลับมามีรายได้ได้ต่อเนื่อง ซึ่งภาพรวมนายกรัฐมนตรีพอใจกับให้บริการคัดกรองอำนวยความสะดวกให้ผู้เดินทางผ่าน ท่าอากาศยานต่างๆที่เป็นไปอย่างราบรื่น” น.ส.ไตรศุลี กล่าว 

“แรมโบ้” อัด “เพื่อไทย” หนุนม็อบสามกีบคิดล้มล้างสถาบัน กล้าเสนอแก้ ม.112และ116 ก็ต้องชัดเจนแล้ว จะได้ป่าวประกาศบอกประชาชนคนไทยทั่วประเทศว่า อย่าไปเลือกพรรคหนักแผ่นดินที่คิดล้มล้างสถาบันฯ

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงพรรคเพื่อไทย ประกาศพร้อมนำข้อเสนอแก้กฎหมายมาตรา 112 และ 116 เข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา โดยระบุว่าการที่จะเสนอแก้กฎหมาย 2 มาตรานี้เข้าสภาฯ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพียงเพราะผลประโยชน์ และสำหรับปกป้องการกระทำความผิดของบางกลุ่มหรือพรรคการเมืองบางพรรคเท่านั้น การกระทำเช่นนี้จะทำให้คนไทยที่รักสถาบันหูตาสว่างขึ้นว่าพรรคเพื่อไทยที่แท้ก็คืออีแอบที่เกี่ยวข้องเรื่องการคิดจาบจ้วงก้าวล่วงของม็อบสามกีบและคณะราษฎรตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอย่างนั้นใช่ไหม

ขณะเดียวกัน ม.112 และ116 ตนเองพูดมาตลอดว่าไม่เคยไปใช้รังแกใคร มีแต่คนกลุ่มนี้วิ่งเข้าใส่เพื่อท้าทาย ม.112 และ116 ทำผิดกฎหมายฝ่าฝืนตั้งใจเย้ยฟ้าท้ากฎหมายบ้านเมืองเองจึงต้องมีความจำเป็นต้องคงไว้ ถ้ายกเลิกกฎหมายมาตราดังกล่าว รับรองได้เลยว่า คนชั่วๆคนเลวๆ คนหนักแผ่นดินพวกนี้จะเหิมเกริมก้าวร้าวจนเป็นบ้านเมืองเกิดกลียุค ลุกเป็นไฟ กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างแน่นอน 

นายเสกสกลยังตั้งข้อสังเกตว่าการที่พรรคเพื่อไทยออกมาสนับสนุน เสนอแก้กฎหมาย ม.112 และ116 นั้น อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้อาจสนับสนุนกลุ่มเคลื่อนไหวม็อบ 3 นิ้วอยู่เบื้องหลัง แต่พอรู้ว่าจะเคลื่อนไหวไม่สำเร็จจึงออกมาเปิดเผยตัวและใช้ความเป็นนักการเมือง ใช้สภาฯ เป็นช่องทางในการแก้ไขกฎหมายแทน

นอกจากนี้ตั้งแต่ได้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวนายใหญ่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคด้วย พรรคเพื่อไทย จึงทำให้พรรคเพื่อไทยรีบเสนอแก้กฎหมาย เพื่อเป็นการเอาใจนายใหญ่ด้วยหรือไม่ หรือนายใหญ่สั่งมา ต้องกล้าเอาความจริงออกมาพูด

‘พรรคกล้า’ ค้านแก้ ม.112 ชี้ สถานการณ์ไม่เหมาะ เตือนอย่าสร้างคะแนนนิยม บนความเกลียดชัง

‘พรรคกล้า’ ค้านแก้ ม.112 สถานการณ์ไม่เหมาะ ยิ่งแก้ สังคมยิ่งแตกแยก พรรคการเมืองต้องไม่สร้างคะแนนนิยม บนความเกลียดชัง  

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า แสดงความไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ถ้าคิดแบบปฏิบัตินิยมในสถานการณ์ปัจจุบัน หากยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จะเร่งความขัดแย้งในชาติให้รุนแรงขึ้นอีก เช่น 

1.) เกิดการดูหมิ่นต่อสถาบันมากขึ้น นำมาสู่ ข้อ 2
2.) เกิดความขัดแย้งสองฝ่าย และจะนำไปสู่การปะทะกันบนท้องถนน 
3.) เกิดวิกฤตการเมืองรอบใหม่ เป็นช่องว่างทำให้เกิดการแทรกแซงทางการเมือง เข้ายึดอำนาจหรือรัฐประหารอีก 

‘อดีตกุนซือบิ๊กป้อม’ ชี้ยิ่งโหมตี ‘อุ๊งอิ๊ง’ ยิ่งเกิดแนวร่วมมุมกลับ ดันกระแสเชียร์พุ่ง

‘ไพศาล’ ระบุยิ่งโหมตีอุ้งอิ๊ง ยิ่งเกิดพลังสะท้อนกลับ เกิดกระแสเชียร์เพิ่มความนิยมพรรคเพื่อไทย แนะจับตา ‘ภูมิใจไทย’ เลือกตั้งครั้งหน้าหมายมั่นได้ ส.ส. เป็นอันดับสอง

1 พ.ย. 64 - นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “พลังสะท้อนกลับ” ระบุว่า ยิ่งขบวนโหน โหมตีอุ๊งอิ๊งมากเท่าใด กลับยิ่งเกิดกระแสใหญ่เชียร์อุ๊งอิ๊งมากเท่านั้น!!! พรุ่งนี้จะชี้ข้อสังเกตที่ไม่มีใครสังเกตเรื่องอุ๊งอิ๊งสักหน่อย เพียงแค่ 3 วันหลังจากอุ๊งอิ๊งเปิดตัวก็ทำให้คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยพุ่งพรวดขึ้นเป็นอันดับหนึ่งตามมาด้วยพรรคก้าวไกล ยิ่งตีหนักเข้าไปอีกก็ยิ่งเพิ่มกระแสนิยมให้กับเพื่อไทยมากขึ้นไปอีก

ชาวเน็ตจวกยับ ‘เจี๊ยบ ก้าวไกล’ เล่นสไลเดอร์ ‘พาสาน’ ชี้! เป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม หวั่นเด็ก ๆ เลียนแบบ

ชาวเน็ตจวกยับ ส.ส. ‘เจี๊ยบ ก้าวไกล’ หลังปล่อยแก่ เล่นสไลเดอร์ลงจาก ‘พาสาน’ แลนด์มาร์กแห่งเมืองปากน้ำโพ ระบุพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทำแหล่งท่องเที่ยวเสื่อม พาสานไม่ใช่ที่เล่นสไลเดอร์ หวั่นเด็ก ๆ เลียนแบบ

ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนที่มีการพูดถึงและแชร์กันอย่างมากในโซเชียลมีเดีย กรณี ‘นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล’ หรือ ‘เจี๊ยบ ก้าวไกล’ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่มีภาพปรากฏว่ากำลังเล่นสไลเดอร์ลงมาจาก ‘พาสาน’ อาคารสัญลักษณ์ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา แลนด์มาร์กแห่งเมืองปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ ที่เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญ และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่บริเวณนั้น

เรื่องนี้ทำให้ชาวเน็ตได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นตำหนินางอมรัตน์อย่างหนัก พร้อมวิจารณ์ว่า มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไม่มีวุฒิภาวะ ทำสถานที่ท่องเที่ยวเสื่อม เพราะพาสานไม่ได้สร้างมาให้เล่นสไลเดอร์ หวั่นเด็กเห็นภาพแล้วทำพฤติกรรมเลียนแบบ

โดยหนึ่งในนั้นก็คือ ผู้ใช้บัญชีรายชื่อ ‘เตชะ ทับทอง’ แห่งกลุ่มหนึ่งร้อยตัวแทนทำดีเพื่อพ่อ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมแสดงความคิดเห็นว่า

เรียน ‘เจี๊ยบ’ เพื่อทราบ
ที่พวกคุณกำลังเล่นสนุกกันอยู่นั้น เค้าไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการนั้น ดูบริบทสังคมด้วย รักษามารยาทด้วย อย่าเอาสันดานแบบที่เห็นมาทำให้แหล่งท่องเที่ยวเสื่อมเสียครับ

ถ้าเด็กสักคนที่เห็นและจำไปเล่นตาม เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาใครรับผิดชอบ….โต ๆ กันแล้ว แถมมีวุฒิภาวะทั้งหัวหงอกหัวดำ...จะด่าว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนก็ไม่ได้ เพราะดูจากหน้าแล้วไม่ใช่เด็ก

หรือถือว่าตนเป็นกลุ่มการเมืองจะทำอะไรก็ได้งั้นหรือ….เกรงใจพี่น้องประชาชนนครสวรรค์หน่อยนะครับ….เตือนด้วยความเคารพว่าช่วยขอโทษคนนครสวรรค์ด้วย เพราะประเด็นนี้น่าจะมีผลกับคะแนนเสียงของการเลือกตั้ง อบจ.ไม่มากก็น้อยละ
#พฤติกรรมส่อสันดานคน

สำหรับพาสาน ตั้งอยู่บนเกาะยม ในตัวเมืองนครสวรรค์ ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญของไทย นั่นก็คือ แม่น้ำเจ้าพระยา ที่เกิดขึ้นมาจากการรวมตัวกันของแม่น้ำ 4 สาย คือ ปิง วัง ยม น่าน ที่ไหลมาผสานกันจาก 4 เป็น 2 และจาก 2 (ปิงและน่าน) มารวมกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการผสมผสานวัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่แตกต่างกันตามริมแม่น้ำตลอดสาย

รูปแบบของอาคารแห่งนี้ ได้มีการออกแบบมาเป็นเส้นสายโค้งมาบรรจบกัน ดูคล้ายกับการรวมตัวกันของสายน้ำทั้ง 4 สายที่ไหลมารวมกันเป็นหนึ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top