Monday, 7 July 2025
POLITICS NEWS

“ดร.พิสิฐ” ติง "สตง" ตรวจงบรายงานงบการเงิน กสทช. ล่าช้าถึง 3 ปี แนะให้องค์กรต้องโปร่งใส  หลังพบจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีตกลงราคาเป็นส่วนใหญ่

ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในวาระรับทราบการแจ้งผลการตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 และการตรวจสอบการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินสำหรับปี 2561 ของ สนง. คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ 

โดยระบุว่า ขอบคุณ สตง. ที่รับเป็นเจ้าภาพในการชี้แจง ซึ่งการมาชี้แจงในสภาผู้แทนราษฎรนั้น ตนอยากให้ คกก. กสทช. ซึ่งควรเป็นผู้รับผิดชอบผลการดำเนินงานกสทชเป็นผู้มาชี้แจงมากกว่า เพราะงบการเงินนี้เป็นเรื่องของหน่วยงาน และ สตง. ทำหน้าที่เป็นผู้ประเมิน แต่งานเป็นของ คกก. กสทช. ทั้ง 7 ท่าน ดังนั้นในครั้งต่อไปขอเสนอให้มี คกก. กสทช. มาร่วมเป็นผู้ชี้แจงด้วย 

ในการทำหน้าที่ของ สตง. ตามมาตรา 69 นั้น ตนยอมรับว่า สตง. ทำหน้าที่เป็นนักบัญชี และตรวจการใช้เงินตามตัวหนังสือ แต่เจตนารมณ์ของผู้ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการให้วิเคราะห์ประสิทธิผล กสทช นั้น น่าจะมองมากไปกว่านั้น และควรต้องการให้ดูว่า เมื่อมีการตั้ง กสทช. ขึ้นแล้ว ได้ทำประโยชน์ให้ประเทศอย่างไรในเรื่องการเสริมสร้างให้มีเทคโนโลยี ดิจิทัลเกิดขึ้นในประเทศ โดยเฉพาะการดูแลตลาดให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม และให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง อีกด้านหนึ่งคือดูแลให้ประชาชนผู้ด้อยโอกาส โดยเฉพาะในที่ห่างไกลสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ดังนั้นตนจึงอยากให้มีการประเมินว่า กสทช. ได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์เหล่านี้หรือไม่ จะได้มีการทุ่มเทการทำงานให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้

ด้วยเหตุนี้ ดร.พิสิฐ จึงอยากเห็นเอกสารฉบับนี้รายงานถึงเทคโนโลยี ดิจิทัล ทางด้านสื่อสารว่า ประเทศไทยทุกวันนี้มีความก้าวหน้า หรือล้าหลังตรงไหนอย่างไรบ้าง อยากให้มีการประเมินว่า สิ่งที่ กสทช. ทำไปแล้วประชาชนได้ประโยชน์อย่างไรโดยตรง มีกี่หมู่บ้าน กี่ครัวเรือน ประชาชนกี่คนมีโอกาสได้เข้าถึงอินเทอร์เน็ต เข้าถึงระบบโทรคมนาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรียน และสถานศึกษา

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่กฎหมายฉบับนี้ตราขึ้นมา 10 ปีเศษ ได้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดโควิด ทำให้ต้องเวิร์คฟรอมโฮม หรือทำงานจากบ้าน และจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีดิจิทัล หรือการสื่อสารมาช่วย  จึงอยากให้มีรายงานในเรื่องดังกล่าว ในการเขียนรายงาน ขอให้ดูตัวอย่างรายงานของ สสส. เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพของประชาชน การใช้ชีวิตให้มีสุขภาพดีอย่างไร ซึ่งเป็นการทำรายงานที่ก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นไปตามเป้าหมายของกฎหมาย สสส

'ราเมศ' แจง 'ปชป' คิดดีทำดีเพื่อชาวกรุงเทพ ทุกฝ่ายควรคิดเพื่อบ้านเมือง หยุดสร้างวาทะนำขัดแย้ง 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึง กรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้ออกมากล่าวถึงการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ได้รับความไว้วางใจให้ผู้สมัครในนามพรรคทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าราชกากรุงเทพมหานครยาวนานที่สุด ระยะเวลาและผลงานคือคำตอบที่ดีที่สุด ทุกครั้งพรรคจะเตรียมความพร้อมในทุกเรื่องอย่างเต็มที่ เรื่มต้นที่นโยบายที่คิดและทำเพื่อพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร การคัดเลือกผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถและเข้าใจปัญหาของประชาชนอย่างลึกซึ้งแท้จริง คือสาระสำคัญที่สุด 

การเมืองยุคนี้ควรหยุดวาทะที่นำไปสู่ความขัดแย้ง ทางที่ดีที่สุดคือ ผู้ที่ตั้งใจเข้ามาทำหน้าแทนประชาชนกรุงเทพ ควรแสดงให้เห็นถึงสาระของนโยบายว่าจะทำสิ่งใดให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจ

นายราเมศกล่าวต่อว่า การที่พรรคได้เลือก ดร สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เป็นว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ถือว่าเป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ขณะนี้ เป็นคนรุ่นใหม่ มีความรู้ ความสามารถ เชื่อว่าปัจจุบันนี้ด้วยวิวัฒนาการทั้งในทางสังคม เศรษฐกิจและเทคโนโลยี การได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ มีความตั้งใจที่จะพัฒนาให้กรุงเทพมหานครมีความเจริญรุ่งเรื่องในทุกด้าน ย่อมเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องชาวกรุงเทพอย่างแน่นอน และพรรคประชาธิปัตย์ก็คือคำตอบที่ทำให้ ดร สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เลือกลงในนามพรรค 

‘เต้ชมตู่’ ไอเดีย ‘เลี้ยงไก่’ เจ๋งกว่า ‘ปลูกผักชี’ พร้อมชวน ‘เลี้ยง-ชนไก่’ ดูซิใครจะชนะ

(16 ธ.ค. 64) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายกรัฐมนตรี เสนอให้ประชาชนเลี้ยงไก่ บ้านละ 2 ตัว เพื่อเก็บไข่กินลดค่าครองชีพ ว่า... 

เป็นความคิดที่ดีกว่าเดิม ดีกว่าตอนให้ทหารไปปลูกผักชี โดยมองว่านายกรัฐมนตรีคงไปศึกษาอะไรมามากขึ้น เพราะตอนเด็กๆ ตนก็เคยเลี้ยงไก่ ไว้กินไข่ แต่ต้องใช้เวลา ถึง 3 เดือน ไม่ใช่เลี้ยงแล้วได้กินเลย

ดังนั้นความคิดนายกฯ ถือว่าดีแต่ก็ยังดีไม่มาก เพราะคงไม่ทัน เนื่องจากขณะนี้ราคาไข่ไก่แพงแล้ว และต้องเลี้ยงอีกกี่ตัว ถึงจะสามารถลดค่าครองชีพได้ และต้องคิดด้วยว่าช่วง 3 เดือนที่รอไก่ออกไข่ ประชาชนจะทำอย่างไร ทางที่ดีนายกรัฐมนตรี ควรเอาเวลาไปลดภาษีน้ำมัน หรือ ลดค่าอาหารไก่ หรือไม่ก็ใช้ที่ดินบ้านนายกรัฐมนตรี ที่มีหลายไร่ไปเลี้ยงไก่ให้ประชาชน 

ชำแหละข้อผิดพลาด ‘อนาคตใหม่ถึงก้าวไกล’ มองข้าม ‘คนรุ่นเก่า’ ผู้ทรงอำนาจทางการเมือง

ดร.เฉลิมพล ไวทยางกูร นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กประเด็น จากพรรคอนาคตใหม่…ถึงก้าวไกล…ไปต่ออย่างไร ว่าสมัยที่เริ่มตั้งพรรคอนาคตใหม่ สนใจมากเหมือนกัน เพราะเข้ากับแนวโน้มของโลกที่คนรุ่นใหม่อายุน้อยเริ่มเข้ามามีบทบาททางการเมืองในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศแถบตะวันตกไม่ว่า แคนาดา, นิวซีแลนด์, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, ออสเตรีย

ในขณะเดียวกัน ก็เขียนถึงพรรคอนาคตใหม่ว่ามีจุดอ่อนอะไรบ้างที่ต้องป้องกัน เมื่อเข้าสู่การเป็นพรรคการเมืองแบบไทย ๆ อย่างเต็มรูปแบบ

1.) พรรคและสมาชิกพรรค ตั้งแต่หัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค ทั้งหลายต้องเตรียมตัวเตรียมการที่จะตกในสถานะตั้งรับมากกว่ารุกหลังการเลือกตั้ง เพราะก่อนเลือกตั้งนั้นเป็นการโจมตีคนอื่น พรรคอื่น นักการเมืองอื่น รวมทั้งคนที่อยู่ในอำนาจ ไม่ว่ารัฐบาลทหาร คนรักสถาบัน อะไร ๆ ที่พรรคอนาคตใหม่เห็นต่าง แต่หลังการเลือกตั้ง พรรคจะกลับเป็นฝ่ายถูกโจมตีจากคนหรือฝ่ายที่เคยถูกพรรคอนาคตใหม่โจมตี เพราะคนในพรรคอนาคตใหม่กลายเป็นบุคคลสาธารณะ เป็นนักการเมืองเริ่มมีบทบาทอำนาจในทางการเมือง ถนนทุกสายจะมุ่งหน้ามาที่พรรค พรรคจะรับมืออย่างไร

2.) พรรคอนาคตใหม่มีนักบริหารและนักสื่อสารองค์กรด้วยเทคโนโลยีและวิธีการสื่อสารแบบใหม่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ แต่ไม่มีบุคลากรที่เข้าถึงคนรุ่นเก่าที่ยังมีอำนาจและอิทธิพลในทางการเมือง สื่อเหล่านี้เข้าไม่ถึง พรรคอนาคตใหม่ไม่มีการเตรียมการในเรื่องเหล่านี้เลย มุ่งเน้นจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ผู้บริหารพรรคไม่มีการผสมผสานคนรุ่นเก่าที่เข้าใจการเมืองแบบไทย ๆ มีประสบการณ์

3.) พรรคอนาคตใหม่ขาดนักกฎหมายระดับหัวกะทิ ประสบการณ์เชิงเทคนิคมากกว่าคนสอนกฎหมาย พรรคไม่ได้มองปัญหานี้ คิดว่าถ้าได้ทำตามกฎระเบียบแล้วเป็นอันใช้ได้ แต่ในทางกฎหมายจะมีเทคนิคการใช้กฎหมายที่ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย นักกฎหมายของพรรคขึ้นอยู่กับสองสามคนระดับรองหัวหน้าและเลขาธิการพรรค ซึ่งไม่พอ พรรคอนาคตใหม่ต้องมี war room ระดมกำลังจากนักกฎหมายฝีมือดีป้องกันปัญหา ไม่ใช่คอยตามแก้ปัญหา ซึ่งสายเกินไป

สิ่งที่เกิดกับพรรคอนาคตใหม่นี้ เป็นเรื่องของการเตรียมการอย่างฉุกละหุกในการตั้งพรรค แก้ปัญหารายวัน ปัญหาเฉพาะหน้า การทำงานแบบนี้ขาดความรอบคอบอย่างมาก เกิดช่องโหว่ให้ถูกโจมตีจากทุกทิศทางโดยไม่สามารถตั้งรับได้ทั้งหมด การถูกถาโถมรอบทิศ ทำให้พรรคอนาคตใหม่เปรียบเสมือนหมาบ้านหลงฝูงเข้ามาสู่วงหมาวัด ที่ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนบ้าง ตั้งรับไม่ถูก และไม่สามารถรุกได้

‘ดร.เสรี’ เผยกลศึก Strategic vote เริ่มทำงาน!! หลังไซเบอร์เริ่มขุดแผล เหล่าผู้สมัครขั้วตรงข้าม

เมื่อ 15 ธ.ค. 64 ดร.เสรี วงษ์มณฑา แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ภายหลังเริ่มมีการเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ว่า ‘Strategic vote’ คือ ประชาชนร่วมมือร่วมใจกันลงคะแนนเลือกคนบางคนที่พวกเขาคิดว่าจะสามารถเอาชนะคนที่เขาไม่ต้องการให้ชนะการเลือกตั้งตอนนี้ ทั้งๆ ที่เวลานี้ยังไม่รู้ว่าคนที่จะลงเลือกตั้งเป็นผู้ว่า กทม. จะมีใครบ้าง แต่ใน FB เริ่มมีคนแสดงเจตนาที่จะลงคะแนนแบบ Strategic vote กันแล้ว

มันน่าแปลกใจว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น และมันก็น่าสนใจว่าส้มจะหล่นไปที่ใคร คนที่จะได้คะแนน Strategic vote เพื่อ ‘กัน’ คนบางคนชนะจะเป็นใคร มาดูกันว่าการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ครั้งนี้ ประชาชนจะเลือกพรรค หรือเลือกคน และการเลือกผู้ว่ากับการเลือก ส.ก. จะมีความสัมพันธ์กันหรือไม่

บางพรรคตัดสินใจไม่ส่ง คงรู้ว่าคะแนนเสียงใน กทม. ของพรรคนั้นคงตกต่ำถึงขีดสุด เพราะประชาชนรู้เช่นเห็นชาติ เป้าหมายทางการเมืองกันแล้ว

ยังไม่ทันอะไร วาทกรรมที่แสดงการแยกว่าใครเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ใครไม่ใช่ฝ่ายประชาธิปไตยก็เกิดขึ้นแล้ว มันเป็นตลกขมขื่นจริงๆ นะ เขาอ้างตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แล้วพวกเขามีเสรีภาพในการทำงานการเมืองในพรรคกันมากน้อยแค่ไหน อำนาจในพรรคเป็นของใคร ประชาชนเขารู้นะ

สมุทรปราการ-น้ำใจที่ยิ่งใหญ่ “สส.ยงยุทธ” จับมือ “นายก.อรัญญา” เดินหน้าโครงการ แพรกษา ปันสุข ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

ภายในบ้านเอื้ออาทร 14 ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนและผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลแพรกษา จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงได้นำคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ จำนวนกว่า 700 ถุง ภายใต้โครงการ ”แพรกษา ปันสุข” ณ บริเวณลานกิจกรรมชุมชนบ้านเอื้ออาทร 14 เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน

โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการมอบสิ่งของใช้ที่จำเป็น ประกอบด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง เจลแอลกอฮอล์ น้ำยาฆ่าเชื้อ เงินสด จำนวน 200 บาท และสิ่งของอื่นๆ อีกหลายรายการ โดยกิจกรรม ”แพรกษา ปันสุข” ในวันนี้ มีประชาชนจำนวนมากต่างทะยอยเดินทางมารับมอบถุงยังชีพ ภายใต้การจัดระเบียบแบบ New normal  ประชาชนที่เดินทางมารับมอบถุงยังชีพต่างขอบคุณทางคณะผู้ดำเนินการจัดกิจกรรม”แพรกษาปันสุข” ที่มีความห่วงใยประชาชนในชุมชนบ้านเอื้ออาทร 14

ด้าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ในวันนี้ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และตัวแทนพี่น้องประชาชนจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนที่ขาดรายได้ และประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงได้ร่วมกันจัดกิจกรรม”แพรกษาปันสุข” เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน และกิจกรรม “แพรกษา ปันสุข” จะดำเนินการต่อไปจนกว่าจะครบทุกชุมชนครบทุกพื้นที่ในเขตเทศบาลตำบลแพรกษา

“เท่าพิภพ” เหน็บแรง คนกทม.ไม่อยากได้ “ไอน์สไตน์” เพราะไอจะตายแล้ว จากฝุ่นpm2.5

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม โดยการเข้าสู่วาระการประชุมได้เปิดให้สมาชิกได้หารือปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ โดยนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ขอหารือเรื่องปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในกทม. ว่า วันนี้กทม.เราเจอวิกฤตินี้อีกแล้ว วันนี้ตนขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังรถเมล์สาย 68 มาทางถนนจรัญสนิทวงศ์ มีฝุ่นควันหนัก แต่พอตนขี่รถข้ามสะพานซังฮี้ เส้นทางที่มารัฐสภา ฝุ่นหนาจนแทบจะมองไม่เห็นเครื่องยอดของรัฐสภาอยู่แล้ว จึงฝากรัฐบาลกำชับ กทม.ดูแลเรื่องฝุ่นควัน จากรถยนต์ จากการก่อสร้างโครงการใหญ่ให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบสิ่งแวดล้อมด้วย 

“ผมคิดว่า สิ่งที่คนกรุงเทพฯมี ไม่ใช่ไอน์สไตน์นะครับ เพราะตอนนี้ไอจะตายแล้วครับ”นายเท่าพิภพ กล่าว 

'ราเมศ' เผย 'ปชป' ลุย แก้กฎหมาย ทบทวนลดโทษ คดีทุจริต ให้ศาลร่วมกำหนดระยะเวลาปลอดภัยให้สังคม

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึง กรณีการพักโทษ ลดโทษในคดีทุจริตตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ที่เป็นประเด็นให้มีการวิพากวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า

ที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ได้มีมติให้ยื่นร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ต่อสภา เพื่อให้มีการแก้ไขในประเด็นที่สำคัญเช่นรูปแบบโครงสร้างของคณะกรรมการราชทัณฑ์ที่มีความจำเป็นจะต้องแก้ไขเพิ่มเติมให้เป็นคณะกรรมการที่มีความอิสระโปร่งใสและมีความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง หลักเกณฑ์การลดวันต้องโทษจำคุก โดยเฉพาะคดีทุจริตจะมีการกำหนดความสำคัญไว้ให้มีกระบวนการที่รัดกุมและให้มีคณะกรรมการพิจารณาลดวันต้องโทษจำคุกคดีทุจริต โดยมีกระบวนสรรหาคณะกรรมการเช่นเดียวกับองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ให้มีความอิสระที่ทำหน้าที่ในการพิจารณาขั้นต้น หากคดีที่มีคำพิพากษาให้ต้องโทษจำคุก 15 ปีขึ้นไป ต้องส่งไปให้ศาลที่คดีถึงที่สุดพิจารณาการลดวันต้องโทษจำคุก

โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีการรับโทษมาแล้วกึ่งหนึ่งของโทษที่ศาลได้มีคำพิพากษา เมื่อเข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว ถึงจะมีสิทธิ์ได้รับการพิจารณาลดโทษ เช่นเดียวกับคดียาเสพติดที่ร้ายแรง และคดีอื่น ๆ ที่เป็นภัยต่อสังคมอย่างร้ายแรง
นายราเมศ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้มีการยกร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าวไว้แล้ว รอการพิจารณาร่วมกันของคณะกรรมการกฎหมายพรรคเพื่อที่จะให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ลงลายมือชื่อเพื่อยื่นต่อสภาต่อไป

ในเรื่องนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคได้มีคำสั่งให้คณะกรรมการกฎหมายของพรรครวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ตั้งแต่ที่มีข่าวเรื่องการลดวันต้องโทษจำคุกของจำเลยในคดีจำนำข้าว ซึ่งถือได้ว่าเป็นคดีที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติเป็นอย่างมากสูญเสียงบประมาณแผ่นดินไปหลายแสนล้านบาท และศาลได้มีคำพิพากษาให้จำคุกบางราย ศาลตัดสินจำคุก 48 ปี ในปี 2560

'รองโฆษกรัฐบาล' เผย 'นายกฯ'  ขอบคุณคนไทย ฉีดวัคซีนใกล้เป้า 100 ล้านโดส ทุกฝ่ายร่วมกันจัดฉีดประชากรเข้าถึงยาก

รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยแนวทางการเร่งรัดฉีดวัคซีนโควิด – 19 ของประเทศไทย ตามข้อสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ติดตามความคืบหน้าการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยให้ทุกจังหวัดรวมทั้ง กรุงเทพมหานคร จัดบริการฉีดวัคซีนเชิงรุกให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มทั้งสัญชาติไทย และไม่ใช่สัญชาติไทย พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนให้เข้ารับวัคซีนโดยเร็ว

เน้นการฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมายที่เข้าถึงได้ยาก เช่น แรงงานประมง ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร แรงงานตามแนวชายแดนโดยมอบหมายให้สสจ. กทม. ประสานหน่วยงานผู้รับผิดชอบและภาคีเครือข่าย อีกทั้งจัดให้มีการบริการฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ หรือจัดรณรงค์เร่งการฉีดวัคซีน รวมทั้งการฉีดวัคซืนเข็มกระตุ้นเพื่อให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มด้วย 

สำหรับตัวเลขการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย ข้อมูลจากหมอพร้อม วันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา ยอดสะสม 98.5 ล้านเข็ม แบ่งเป็น เข็ม 1 สะสม 50.2 ล้านเข็ม เข็ม 2 สะสม 43.8 ล้านเข็ม และเข็ม 3 สะสม 4.5 ล้านเข็ม

"นายกฯขอบคุณประชาชนที่ร่วมมือกันฉีดวัคซีนด้วยความสมัครใจ นอกจากจะป้องกันตนเองและยังมีส่วนกับรัฐบาลในการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งนายกฯมั่นใจว่า ไทยจะบรรลุเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดให้ได้ 100 ล้านโดสภายในปีนี้ และขอให้ผู้ที่ถึงเวลากำหนดเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อทุกคนจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้ด้วยกัน" น.ส.รัชดา กล่าว

‘ดร.เอ้’ ยัน เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจตามรุ่นพี่ ปม ‘เฮอเบิร์ต ไอน์สไตน์’ เป็นหลาน ‘อัลเบิร์ต’

‘ดร.เอ้’ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ แจงเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจตามรุ่นพี่ กรณีกล่าวถึง ‘เฮอเบิร์ต ไอน์สไตน์’ เป็นหลาน ‘อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์’ อ้างนักวิชาการไทยก็เชื่ออย่างนั้น

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า ดร.เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ ศาสตราจารย์จากภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (เอ็มไอที) ประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ได้เป็นญาติกับ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อัจฉริยะด้านวิทยาศาสตร์ชื่อดังระดับโลก ตามที่นายสุชัชวีร์กล่าวอ้างว่า ตนขอชี้แจงว่าเมื่อครั้งที่ตนไปเรียนที่เอ็มไอที ก็ได้รับคำบอกเล่าจากรุ่นพี่ที่เรียนอยู่ก่อนว่าตนโชคดีมากที่ได้เรียนกับอาจารย์คนนี้ เพราะเขาเป็นหลานของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ซึ่งตนก็เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจมาตลอด ไม่ได้มีเจตนาจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อใช้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ทั้งนี้ ถ้าใครได้ติดตาม จะทราบว่าตนได้พูดถึงเรื่องนี้ในการบรรยายมาตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา เพราะตนเชื่ออย่างนั้นโดยบริสุทธิ์ใจจริง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top