Wednesday, 7 May 2025
POLITICS NEWS

‘พิธา’ ชี้ ต้องมองหลาย ๆ มุมปมหนุนใช้บิตคอยน์ในไทย หลัง ‘ทักษิณ’ เล็งใช้ภูเก็ตเป็นแซนด์บ๊อกซ์ - ดันเป็นทุนสำรองฯ

(23 ธ.ค.67) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. คลัง เสนอให้มีการนำบิตคอยน์มาใช้ จ่ายในประเทศไทย โดยจะใช้จังหวัดภูเก็ตเป็นพื้นที่ บิตคอยน์ แซนด์บ็อกซ์ รวมถึงอาจพิจารณาใช้เป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศด้วย

โดยนายพิธา กล่าวว่า ตนเองเห็นด้วยกับการที่นายพิชัยจะศึกษาเรื่องสกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอเรนซี่ และการใช้ภูเก็ตเป็นพื้นที่ทำแซนด์บ็อกซ์ แต่ปัจจุบันมีเพียง เอลซัลวาดอร์ประเทศเดียวเท่านั้น ที่นำบิตคอยน์มาเป็นเงินทุนสำรองประเทศ และเป็นประเทศที่ไม่มีสกุลเงินเป็นของตัวเอง โดยใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ แทน

ในขณะเดียวกัน ในสหรัฐฯ นั้น มองว่าบิตคอยน์มีความเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ยาเสพติด และเรื่องอาวุธสงคราม ที่ยึดมาได้ เขาก็เก็บเอาไว้เลย ดังนั้น จึงขอฝากว่า เรื่องดังกล่าวน่าสนใจที่จะศึกษา และภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ก็น่าสนใจ แต่ก็ต้องระมัดระวังเรื่องการฟอกเงิน เพราะว่าภูเก็ตนั้นมีชื่อเสียงในเรื่องนี้อยู่

ส่วนกรณีที่นายทักษิณ กล่าวว่าบิตคอยน์จะทำให้ GDP โตขึ้นนั้น นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่ได้ศึกษามา พบว่าประเทศที่ทำแบบนี้คือ เอลซัลวาดอร์ ประเทศแรก แม้ว่าจะมีอีกหลายประเทศ เช่น สหรัฐ อเมริกา นิวซีแลนด์ เป็นต้น ที่ถือบิตคอยน์ไว้ แต่ ก็ไม่ได้ทำมาเป็นเงินทุนสำรองประเทศ

อีกทั้งเรื่องนี้นั้นอาจจะทำให้ค่าเงินมีปัญหา ถึงแม้ว่าบิตคอยน์นั้นจะมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียหลายเรื่อง ซึ่งตนเองเห็นด้วยที่จะมีการศึกษา แต่ก็ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันมองในหลาย ๆ มุม

ส่วนที่นายทักษิณกล่าวว่าจะทำให้ GDP ของประเทศโตขึ้น 4 – 5 % นั้น นายพิธากล่าวว่าล่าสุดตนเองฟังธนาคารเอกชนมา เขาบอกว่าโตประมาณ 2.4 - 2.7% แต่ถ้าจะปั้นให้โต 4% ก็คือเท่ากับค่าเฉลี่ยของโลก ซึ่งในเวลานี้ประเทศกำลังพัฒนาก็อยู่ที่ 4% กว่า ถ้าได้ 4% ก็เท่ากับค่าเฉลี่ยที่ควรจะเป็น
แต่เรื่องนี้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับโครงสร้างของประเทศที่โตในลักษณะหัวลีบ ซึ่งตนเองเห็นว่ามีความเกี่ยวข้องกับทุนผูกขาด และการกระจายอำนาจ ซึ่งเรื่องนี้ต้องทำเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งและโตไปด้วยกัน

เชียงราย-สนาม อบจ.เชียงรายเดือด 2 ตัวเต็ง 'สลักจฤฎดิ์ - อทิตาธร' ลงชิงชัยสมัคร นายก อบจ.และนำทีมผู้สมัคร ส.อบจ.เชียงราย คึกคัก สะพัดข่าว 'ทักษิณ' จะลงพื้นที่ปราศรัยช่วยทีมผู้สมัครของ 'พรรคเพื่อไทย' เร็ว ๆ นี้

(23 ธ.ค. 2567) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดเชียงราย ได้ทำการเปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง นายก และสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) เชียงราย ขึ้นเป็นวันแรก ณ อาคารคชสาร สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย อ.เมืองเชียงราย โดยมีผู้สมัครและบรรดากองเชียร์ล้นหลาม ซึ่งจะเปิดรับสมัครตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ทุกวันไปจนถึงวันที่ 27 ธ.ค.2567 และจัดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 1 ก.พ. 2568 นี้ โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมสังเกตการณ์รับสมัคร ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

สำหรับบรรยากาศในวันแรกตั้งแต่ช่วงเช้าพบว่ามีผู้สมัครรายสำคัญ 2 คน คือ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ อดีตนายก อบจ.เชียงราย ที่พึ่งหมดวาระและได้ประกาศลงสมัครในนามอิสระ กับนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช อดีตนายก อบจ.เชียงราย ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปสมัครก่อนเวลาพร้อมกันโดยไม่มีผู้สมัครรายอื่น ท่ามกลางผู้สนับสนุนกองเชียร์ของแต่ละฝ่ายที่พากันไปเชียร์อย่างคับคั่ง เรียกเสียงฮือฮาเต็มด้านหน้าอาคารรับสมัครกันอย่างเนืองแน่น เมื่อผู้สมัครเดินทางไปก่อนเวลาพร้อมกันทำให้ทาง กกต.จัดให้มีการจับสลาก ผลปรากฏว่า นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้หมายเลข 1 ทำให้ นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ได้หมายเลข 2 ไปโดยปริยาย ภายหลังจากแต่ละคนได้รับหมายเลขทำให้บรรดากองเชียร์ต่างพากันตะโกนหมายเลขและชูป้ายสนับสนุนผู้สมัครของแต่ละฝ่ายกันอย่างคึกคัก 

ขณะที่บรรดาผู้สมัครเป็นสมาชิก ส.อบจ.เชียงราย ของทั้ง 2 ฝ่าย ต่างก็เดินทางไปสมัครครบทั้ง 36 เขตเลือกตั้งใน 18 อำเภอ โดยพร้อมเพียงกันด้วย

ทั้งนี้ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ประกาศนโยบาย คือการกระจายเครื่องจักรกลไปสู่พื้นที่ทางการเกษตร เส้นทาง แหล่งน้ำและป้องกันแก้ไขสาธารณภัย,ส่งเสริมอาชีพและรายได้ สร้างนักขายออนไลน์ประจำตำบล เยาวชน วัยกลางคน ผู้สูงอายุในสโลกแกน 'อยู่ที่ไหนก็ขายได้' จากสวนสู่ครัวจากบ้านสู่ผู้ซื้อ,ส่งเสริมการศึกษาอยู่ที่ไหนก็เรียนได้,ส่งเสริมสุขภาพ 'อยู่ที่ไหนก็ใกล้หมอ' สุขภาพดีได้ด้วยโฮงยาใกล้บ้าน PLUS สร้างสุขภาพด้วยการพบหมอออนไลน์และระบบรักษาพยาบาลทางไกล,ส่งเสริมการท่องเที่ยวอยู่ไหนก็เที่ยวได้ เที่ยวเชียงรายได้ทั้งปีมีดีทุกอำเภอ มหกรรมไม้ดอกกระจายทุกอำเภอ ยกระดับสถานที่ท่องเที่ยวทุกอำเภอ,และด้านความปลอดภัยโดยมีศูนย์บริหารจัดการภัยพิบัติแบบเบ็ดเสร็จ อยู่ที่ไหนก็ปลอดภัยได้ ฯลฯ

ส่วนทางด้าน นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ยังคงแจ้งนโยบายหลัก 5 ข้อ คือนโยบาย TONY Brand ผลักดันสินค้าและบริการเชียงรายสู่แบรนด์ระดับโลก ส่งเสริมสินค้าเกษตรปลอดภัย และเทศกาลนานาชาติ,จัดตั้งศูนย์โดรนการเกษตรประจำตำบล 124 ตำบล พร้อม '1 ตำบล 1 นักบินโดรน' ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และแก้ปัญหาไฟป่า,จัดตั้งศูนย์บาดาลการเกษตรทุกตำบลเพื่อให้มีแหล่งน้ำเพียงพอและประหยัดพลังงาน,ถนนเศรษฐกิจวัฒนธรรมรอบสถานีรถไฟ 18 แห่ง ส่งเสริมการค้าชุมชน และจัดระบบขนส่ง EV Cars เชื่อมโยงสถานีรถไฟ อ.เมือง-มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง-อ.แม่จัน-อ.แม่สาย และ อ.เชียงแสน,ทุ่งนาสนามกอล์ฟและ Homestay Agrotourism พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงกีฬาและสร้าง Homestay ทุกตำบล 

ทั้งนี้ ยังมีรายงานข่าวอย่างไม่เป็นทางการว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย มีกำหนดการจะเดินทางไปปราศรัยสนับสนุน  นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ในพื้นที่ อ.เทิง และ อ.เชียงของ ในวันที่ 5 ม.ค.2568 ซึ่งเป็นฐานเสียงใหญ่ของ นางอทิตาธร คาดว่าจะมีผู้ไปฟังปราศรัยอย่างหนาแน่น ภายหลังมีการวีดีโอพิเศษสนับสนุนผู้สมัครในนามพรรคเพื่อไทย เมื่อวานนี้อีกด้วย

สื่อทำเนียบตั้งฉายาเอกนัฏ 'รวม(เพื่อ)ไทยอ้างชาติ' หลังรวมรบ.เพื่อไทย แต่ไม่สนขอโชว์ผลงานจัดการโรงงานเถื่อน

(23 ธ.ค.67) เป็นธรรมเนียมของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลที่ต้องมีการตั้งฉายารัฐบาล คณะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีบางรายที่สะท้อนต่อการทำงานตลอดช่วงที่ผ่านมา โดยหนึ่งในรัฐมนตรีที่ได้รับการตั้งฉายาคือ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ซึ่งมาพร้อมกับฉายา 'รวม(เพื่อ)ไทยอ้างชาติ'

คณะสื่อมวลชนประจำทำเนียบระบุว่า เรื่องจริงหรือฝัน ทำบรรดาแม่ยก แทบไม่เชื่อสายตา ว่า 'ขิง เอกนัฏ' คีย์แมนรทสช.ต้องยอมทำเพื่อชาติ ประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เคลียร์ประเด็นคุณสมบัติคนเคยมีคดี ก่อนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแบบใส ๆ ภายใต้การนำของ 'คนชินวัตร' ลั่นในใจไม่ลบ ไม่เคยลืมอดีต ก่อนยกวาทะเด็ด "ต้องทำงานโดยคิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก ถ้าคิดถึงบ้านเมือง ก็ทำงานร่วมกันได้" ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง เร่งโชว์ผลงานเดินเครื่องกวาดล้างโรงงานเถื่อน สารเคมีอันตราย ให้เข้าตาประชาชน

สื่อตั้งฉายารัฐบาล 2567 รัฐบาล (พ่อ)เลี้ยง - นายกฯ แพทองโพย วาทะแห่งปี 'สามีเป็นคนใต้'

(23 ธ.ค.67) ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยการตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2567 ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมานานของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติส่วนตัว ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล จึงมีมติร่วมกันตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และวาทะแห่งปี ประจำปี 2567 ดังนี้ 

ฉายารัฐบาล รัฐบาล 'พ่อ' เลี้ยง

ด้วยความเป็น 'พ่อ' ของหัวหน้ารัฐบาล ยี่ห้อ 'ทักษิณ ชินวัตร' ขึ้นชื่อดีกรีความรักลูกไม่น้อยหน้าใคร ทั้งปกป้อง เลี้ยงดู อุ้มชู ปูทาง จนได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้น ที่มี DNA เดียวกันเป๊ะ จนไม่พ้นเสียงครหา รัฐบาลนี้ 'พ่อคิด ลูกทำ'

1.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 
'ฉายา แพทองโพย'

ล้อมาจากชื่อของนายกฯ 'แพทองธาร' กับประเด็นดรามา 'ไอแพด' คู่ใจ โพยยุคไอที ถือติดมือได้ทุกที่ เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว พกโพยเครื่องเดียวอ่าน จด โหลดข้อมูลเสร็จสรรพ จนเกิดเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสมเมื่อยกขึ้นอ่าน ระหว่างพบผู้นำ แขกต่างชาติ กลายเป็นประเด็นตอบโต้เผ็ดร้อนกับชาวเน็ต และตอกย้ำแบบโนสนโนแคร์ด้วยภาพชูไอแพดคู่ใจ ระหว่างร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือแม้แต่ยกไอแพด ขึ้นอ่านแถลงข่าวการระบายน้ำภาคเหนือ ลงสู่แม่น้ำโขง จนถูกวิจารณ์ยกใหญ่

2.นายภูมิธรรม​ เวชย​ชัย​ รองนายก​รัฐมนตรี​ และ​รมว.กลาโหม 
ฉายา 'สหายใหญ่ใส่บู๊ต'

รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 ติดโผได้รับฉายาไม่ขาด 'สหายใหญ่' ในเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 วันนั้น สู่ 'บิ๊กอ้วน' แห่งกองทัพไทยในวันนี้ ปรับโฉมกุนซือการเมือง มายกมือตะเบ๊ะ เสื้อตึงเป๊ะ ใส่ 'ท็อปบูต' นั่งเก้าอี้กลาโหม จากที่เคยอยู่กันคนละฝั่ง วันนี้ต้องคุมบังเหียนมาทำงานร่วมกับเหล่าทหาร ส่งท้ายปีจับมือท็อปบู้ตพากันลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วม และยังต้องรับบทหนัก ถึงหนักมาก คอยระวังหลังให้กับ 'นายกฯอิ๊งค์' อีกด้วย

3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย 
ฉายา 'ภูมิใจขวาง'

นอกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี คนที่ 3 ยังสวมหมวกหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทำงาน 3 เดือนใน 'รัฐบาลแพทองธาร' สร้างสีสันจากบุคลิกและสไตล์การพูดหยิกแกมหยอก พร้อมสโลแกนขอทำงานไม่ขัดแย้งใคร แต่นับจากลงเรือร่วมรัฐบาล มียกมือค้านทั้งร่างกฎหมายสกัดรัฐประหาร ของสส.พรรคแกนนำ ล่าสุดโหวตสวนร่างพ.ร.บ.ประชามติ เห็นต่างจาก พรรครัฐบาล ต้องจับตาบทบาทจากนี้ 'รมต.หนู' จะปล่อยของ โชว์ลีลา สร้างผลงาน ให้ประทับใจอย่างไร

4. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาครองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน 
ฉายา 'พีระพัง'

พังอุดมการณ์จากพรรคขั้วตรงข้าม 'ชินวัตร' ตกลงปลงใจมาจับมือร่วมรัฐบาล 'นายกฯอิ๊งค์' คว้าเก้าอี้รัฐมนตรีคุมกระทรวงใหญ่ ถูกคาดหวังจะมาแก้ปมเรื่องพลังงาน ให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำมันถูกลง เจ้าตัวยังหมายมั่นปั้นมือประกาศแก้กฎหมายรื้อโครงสร้างภาษีน้ำมัน จนเปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลแล้ว ก็ยังไม่ชัดเจน หรือจะซุ่มทำเงียบ ๆ งานนี้สังคมช่วยลุ้นจะทำได้ทันรัฐบาลนี้ หรือจะพังพับไปก่อน

ด้านงานการเมืองยุค 'หัวหน้าพี' คุมบังเหียน 'รวมไทยสร้างชาติ' ดูยิ่งโลว์โปรไฟล์ จัดกิจกรรมพรรคได้เงียบกริบตามสไตล์ จนเกิดกระแสข่าวรอยร้าวภายใน ถูกจับจ้องถึงสัมพันธภาพกับลูกพรรค จะกอดคอรักกันนานแค่ไหน

5.พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง ​รมว.ยุติธรรม
ฉายา 'ทวีไอพี'

ล็อกเป้าคุมเก้าอี้กระทรวงยุติธรรม เรียกได้ว่าเลื่อยขาเก้าอี้ไม่มีสั่น ไม่บอกก็รู้ว่า 'นายใหญ่' ไว้ใจแค่ไหน นับตั้งแต่ภารกิจพานายใหญ่กลับบ้าน ถึงอีพี 2 ส่งนายใหญ่ขึ้น 'ชั้น 14' ครองเตียง 'วีไอพี' แทนนอนเรือนจำถึงได้พักโทษ ทำให้สังคมมองว่าเป็นนักโทษวีไอพี

ต่อเนื่องที่เร่งออกระเบียบคุมตัวนอกเรือนจำ เสียงลือ แซ่ดเตรียมปูทางสำหรับ 'วีไอพีหญิง' ตามรอยพี่ชายหรือไม่ เมื่อเดินงานเข้าตา พ.ต.อ.ทวี น่าจะถือบัตรวีไอพี ยึดเก้าอี้รัฐมนตรี ไปอีกยาว

6.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ฉายา 'ประชาธิเป๋'

แปะยี่ห้อ 'ประชาธิปัตย์' รั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค ประกาศพาค่ายสะตอกลับมายิ่งใหญ่ ไปๆ มาๆ พลิกหนีบทฝ่ายค้าน ไม่ติดอดีต ไม่ฟาดฟันทางการเมือง กลืนอุดมการณ์คู่ปรับนับทศวรรษกับ 'เพื่อไทย' กระโดดมาร่วมรัฐบาล เดินเป๋จากเส้นทางอุดมการณ์กว่า 70 ปี จนได้ตั๋วคุมงานกระทรวงใหญ่ แต่ผลงาน ได้เห็นเค้าแค่ลางๆ ยังไม่ชัดเจน

7.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม
ฉายา 'รวม(เพื่อ)ไทยอ้างชาติ'

เรื่องจริงหรือฝัน ทำบรรดาแม่ยก แทบไม่เชื่อสายตา ว่า 'ขิง เอกนัฏ' คีย์แมนรทสช.ต้องยอมทำเพื่อชาติ ประกาศร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เคลียร์ประเด็นคุณสมบัติคนเคยมีคดี ก่อนนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแบบใสๆ ภายใต้การนำของ”คนชินวัตร“ลั่นในใจไม่ลบ ไม่เคยลืมอดีต ก่อนยก วาทะเด็ด “ต้องทำงานโดยคิดถึงบ้านเมืองเป็นหลัก ถ้าคิดถึงบ้านเมือง ก็ทำงานร่วมกันได้” ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง เร่งโชว์ผลงานเดินเครื่องกวาดล้างโรงงานเถื่อน สารเคมีอันตราย ให้เข้าตาประชาชน

8.น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ฉายา 'จิราพอ(ล)'

จาก สส.รุ่นใหม่ดาวเด่นในสภา พูดจาฉะฉาน ถูกคาดหวังจะเฉิดฉายเมื่อนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ช่วยปรับโฉมงานของรัฐบาล เพราะคุมทั้งสื่อรัฐ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ. )แต่งานกลับเดินไปเนิบๆ

สังคมมาถึงบางอ้อว่ารมต.น้ำ นั่งคุมสคบ.จากคดีดัง “ดิไอคอน กรุ๊ป”และ “บอสพอล” ถึงได้จังหวะโชว์ผลงาน ทั้งที่ขึ้นชั้นรมต.มาตั้งแต่ปลายรัฐบาลเศรษฐา จนถูกตั้งคำถามเรื่องการทำงาน ขึ้นปีใหม่จะเร่งเครื่องไปต่อ หรือพอใจจะทำงานเงียบๆ แบบสโลไลฟ์

กลุ่ม 'รมต.โลกลืม'
นายสุชาติ ชมกลิ่นรมว.พาณิชย์
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช. พาณิชย์

ทั้ง 3 คน มีบทบาท ได้คุมกระทรวงเกรดเอ ทั้งเรื่องการค้าและการศึกษา ผ่านเก้าอี้รมต.ที่เป็นประตูปูทาง สร้างงานให้โดดเด่นได้ แต่ผลงาน 3 เดือนในรัฐบาล กลับไม่เปรี้ยงแต่เงียบกริบ จนประชาชนเรียกหาให้สตาร์ทเครื่อง ตีปี๊บผลงาน รับศักราชใหม่ สลัดครหารัฐมนตรีโลกลืม

วาทะแห่งปี 'สามีเป็นคนใต้'

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในระหว่างการลงพื้นติดตามการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2567 ซึ่งถูกตั้งคำถามจากสังคม เปรียบเทียบการลงพื้นที่เพื่อฟื้นฟูภาคเหนือของนายกฯแต่อาจละเลยพี่น้องภาคใต้ ที่ถูกน้ำท่วม

นายกฯชี้แจงย้ำหนักแน่น ไม่ได้ละเลยคนใต้ ด้วยประโยคว่า “โอ้ คำว่าละเลยภาคใต้ สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีเป็นคนใต้ ถ้าละเลยคนใต้ ไม่รักคนใต้ แต่งงานคนใต้ไม่ได้นะคะ” ยืนยันคำตอบจากใจ ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับประชาชนภาคใด เพราะเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศ

คำตอบของนายกฯยังไม่ใช่เหตุผลที่ตรงใจชาวโซเชียล จึงไม่วายถูกตั้งข้อสงสัยว่าเหตุที่ไม่ลงใต้ เพราะภาคใต้ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ไร้ที่นั่งสส.มานาน ถึงกับถามย้ำๆขอฟังชัด ๆ จะลงใต้เมื่อไหร่ กระทั่งนายกฯกลับจากเยือนประเทศมาเลเซีย ช่วงฝนเทภาคใต้รอบสอง จึงเปลี่ยนใจ บินลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ในวันที่ 17 ธ.ค.2567 จากที่ตั้งใจจะลงไปในช่วงการฟื้นฟู

‘ทักษิณ - อนุทิน’ ตีกอล์ฟ สยบรอยร้าว!! รัฐบาลแตก ยัน!! ความสัมพันธ์ ยังอยู่ใน ‘เรือลำเดียวกัน’

(22 ธ.ค. 67) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์  และนายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมตีกอล์ฟ ที่สนามกอล์ฟ Stone Hill club จ.ปทุมธานี 

หลังเกิดกระแสข่าว พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทยระหองระแหงกันในการร่วมรัฐบาล  เมื่อ นายทักษิณ ไปสัมมาของพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.และ โจมตีพรรคร่วมรัฐบาล ที่ไม่เข้าร่วมประชุมครม.ในการออกพ.ร.ก. ภาษี ว่าเป็นอีแอบ  รวมถึงต่อมา พรรคเพื่อไทย ออก แคมเปญ 180 วัน รอได้เพื่อรัฐธรรมนูญประชาชน อย่าเชื่ออีแอบ ล็อกสองชั้น รัฐบาลต้องลงเรือลำเดียวกัน  และหลังจากที่พรรคภูมิใจไทย โหวตสวนในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติ โดยยืนหลักเสียงข้างมากสองชั้น

‘ดร.อาทิตย์’ ชื่นชม!! ‘พีระพันธุ์’ ลุยปฏิวัติโครงสร้างพลังงาน เพื่อความเป็นธรรม ชี้!! ไม่ยึดผลประโยชน์ของตนเอง และนายทุนพวกพ้อง เหมือนนักการเมืองคนอื่น

(22 ธ.ค. 67) ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยรังสิต อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ชื่นชมนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยดร.อาทิตย์ ได้ระบุว่า 

ผมขอชื่นชมและสนับสนุนท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองรายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ปฏิวัติโครงสร้างพลังงานเพื่อความเป็นธรรมและประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง โดยไม่ยึดผลประโยชน์ของตนเองและนายทุนพวกพ้องเหมือนนักการเมืองคนอื่น

‘เทพไท’ ชี้!! ทักษิณ คือ เจ้าของรัฐบาลตัวจริง ฟาด!! ทำงาน สั่งการ ผ่านลูกสาว ที่เป็นร่างทรง

(22 ธ.ค. 67) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก ‘เทพไท – คุยการเมือง’ 

ทักษิณ คือ เจ้าของรัฐบาลตัวจริง  ถ้าใครได้ติดตามความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการรับเชิญเป็นวิทยากร กล่าวบรรยายพิเศษหัวข้อ ‘อนาคตอีสาน โอกาสประเทศไทย’ ในงานสัมมนา ‘ISAN NEXT: พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก’ ที่หอประชุมราชภัฏรังสฤษฏ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาแล้ว จะทราบว่ามีเนื้อหาในการบรรยาย พอสรุปได้ดังนี้คือ

1.การสร้างซอฟต์พาวเวอร์ หรือสินค้าโอทอปของภาคอีสาน

2.ปัญหายาเสพติด จัดทำแอปพลิเคชันที่จะรับข้อมูลจากประชาชน เพื่อให้มีการปราบปรามอย่างจริงจัง

3.เสนอให้แปลงการออกพันธบัตรรัฐบาลให้มาสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยออกพันธบัตรอายุสั้นขายคนทั่วไปในรูปของเหรียญ ซึ่งประชาชนสามารถที่จะนำไปใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ และต้องทำให้จีดีพีโตได้ 4-5% จากที่เป็นอยู่ 2%

ซึ่งเชื่อว่าวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ เกี่ยวกับการพัฒนาภาคอีสานในครั้งนี้ จะถูกรัฐบาลชุดนี้นำไปปฏิบัติอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า นายทักษิณพูดอะไร รัฐบาลชุดนี้ก็นำไปปฏิบัติทั้งหมด นับตั้งแต่การแสดงวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ บนเวทีสัมมนาของเครือเนชั่น รัฐบาลก็นำไปเป็นนโยบายของรัฐบาล และได้แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาไปแล้ว รวมถึงนายทักษิณได้พูดเรื่องแจกเงินให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป คนละ 10,000 บาท บนเวทีปราศรัยจังหวัดอุดรธานี นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ออกมาขานรับทันทีในวันต่อมา และนำไปปฎิบัติเป็นนโยบายของรัฐบาลแล้ว

แม้แต่การตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจปราบปรามผู้มีอิทธิพล ที่นายทักษิณประกาศให้นางสาวแพทองธาร เป็นประธานนั่งหัวโต๊ะ รัฐบาลยังไม่ทันได้ตั้งกรรมการขึ้นมาเลย แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ลงพื้นที่ลุยปราบปรามทันที ตามคำดำริของนายทักษิณ ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่าคำสั่งรัฐบาลด้วยซ้ำไป

เพราะฉะนั้นสิ่งที่นายทักษิณพูดทั้งหมดคือ แนวทางการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ จึงไม่ต้องสงสัยว่า ระหว่างนายทักษิณกับนางสาวแพทองธาร ใครคือนายกรัฐมนตรีตัวจริง จะบอกว่า ‘พ่อทำลูกซ่อม’ ก็ไม่เป็นความจริง เพราะรัฐบาลชุดนี้ ‘พ่อคิด พ่อกำหนด พ่อกำกับ พ่อสั่งการ’ ผ่านร่างทรงที่เป็นลูกสาว คือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร

‘นิพิฏฐ์’ ชี้!! ต้องแยกแยะ ‘การเมืองท้องถิ่น’ ออกจาก ‘การเมืองระดับชาติ’ ลั่น!! รู้จักผู้สมัครจาก ‘พรรคประชาชน’ ในบางจังหวัด มีคุณสมบัติเหมาะสม

(21 ธ.ค. 67) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตสส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า …

ผมดูรายชื่อผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดของ ‘พรรคประชาชน’ ในบางจังหวัด ต้องยอมรับอย่างตรงไป-ตรงมา ว่า ในบางจังหวัดที่ผมรู้จักคุณสมบัติของเขาเหนือกว่าคู่แข่งจริง ๆ มีความเหมาะสมในการบริหารท้องถิ่น และประชาชนในท้องถิ่นน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า

จึงอยากให้แยกการเมืองระดับชาติ กับ ระดับท้องถิ่นออกจากกัน ประชาชนในพื้นที่จะรู้ดี ว่าใครเป็นอย่างไร ใครเก่ง-ไม่เก่ง,ใครดี-ไม่ดี,ใครซื้อเสียง-ไม่ซื้อเสียง เลือกเอาตามที่ถนัดครับ

เมื่อแยกการเมืองระดับชาติ กับ ท้องถิ่น ออกจากกันแล้ว เราเลือกนักการเมืองท้องถิ่นอย่างไร ก็สะท้อนตัวตนของคนในท้องถิ่นนั้น ๆ ว่า เป็นอย่างไร

‘เกรียงยศ’ จี้!! กทม. ให้คำตอบ สะพานลาดกระบังถล่ม เร่ง!! เดินหน้าโครงการ คืนวิถีชีวิตให้ประชาชน

(21 ธ.ค. 67) นายเกรียงยศ สุดลาภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 เกิดเหตุการณ์สะพานอ่อนนุช-ลาดกระบังถล่ม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ได้รับผลกระทบทั้งบาดเจ็บและขาดรายได้ 356 ราย 

จนถึงขณะนี้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นนานกว่า 1 ปีแล้วแต่กรุงเทพมหานครโดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังไม่มีการสรุปผลถึงสาเหตุของเหตุการณ์อันน่าสลดดังกล่าวได้อย่างชัดเจน แม้หลังเหตุการณ์จะมีการให้คำสัญญาว่าจะได้รับคำตอบถึงสาเหตุภายใน 7 วัน

ซึ่งประชาชนบริเวณนั้นได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก และได้มีการร้องเรียนมายังตน และจากการลงพื้นที่พร้อมกับสมาคมวิศวกร พบว่าสาเหตุสำคัญเกิดจากรอยต่อระหว่างแท่งคอนกรีตไม่ได้มาตรฐาน จึงมีการหักโค่นและถล่มลงมา นอกจากนี้แม้โครงการดังกล่าวจะมีมูลค่าโครงการมหาศาลแต่ไม่มีการว่าจ้างบริษัทควบคุมงาน 

นอกจากนี้แล้วโครงการดังกล่าวผ่านไปนานกว่า 2 ปีแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจน ตอม่อของโครงการที่จะมีการตั้งอยู่ในพื้นที่กรมชลประทานยังไม่มีการขออนุญาตจากกรมชลประทาน และยังไม่มีการลงโทษหรือการปรับผู้รับเหมาของโครงการดังกล่าว แม้ว่าจะมีความล่าช้ามาไม่น้อยกว่า 8 เดือนแล้ว

ดังนั้นจึงขอฝากไปยังกรุงเทพมหานครให้มีการเร่งรัดการดำเนินการโครงการดังกล่าว และชี้แจงถึงความคืบหน้าในโครงการดังกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top