Sunday, 6 October 2024
POLITICS NEWS

'มติ สว.' ตีตกญัตติสอบจริยธรรมตุลาการของ 'สว.พันธุ์ใหม่' ชี้!! ไม่เร่งด่วน หากเทียบกับการเสนอญัตติเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม

วันนี้ (2 ก.ย. 67) ได้มีการประชุมวุฒิสภา โดยมี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม โดยก่อนที่จะเข้าสู่ระเบียบวาระ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.เสนอญัตติด่วนเพื่อตรวจสอบจริยธรรมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่า ตุลาการฯ ที่วินิจฉัยคึดียุบพรรคก้าวไกล มีการวิจารณ์ที่ไม่เหมาะสมและส่อขัดต่อประมวลจริยธรรมที่ใช้บังคับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเสนอญัตติดังกล่าว พบว่า มี สว.ที่เห็นต่างและประท้วง เนื่องจากมองว่าไม่ใช่เรื่องด่วนหากเทียบกับการเสนอญัตติเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม อีกทั้งยังมองว่า ไม่มีความจำเป็น เพราะการตั้งญัตติดังกล่าวเป็นการกระทบกับบุคคลภายนอกรัฐสภา นอกจากนั้นแล้ว ขอให้วุฒิสภาพิจารณาร่างแก้ไขข้อบังคับวุฒิสภาให้เสร็จเพื่อตั้งกรรมาธิการ จากนั้นจึงควรเสนอเรื่องดังกล่าวให้ กมธ.พิจารณา

อย่างไรก็ดี สว.ในกลุ่มที่สนับสนุนญัตติด่วนของ น.ส.นันทนา ลุกโต้แย้งและมองว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าสภาผู้แทนราษฎรได้วินิจฉัยในญัตติที่มีเนื้อหาทำนองเดียวกันและถือเป็นญัตติด่วน ดังนั้นวุฒิสภาจึงสามารถพิจารณาเรื่องดังกล่าวได้

ทั้งนี้ พล.อ.เกรียงไกร ได้วินิจฉัยให้ น.ส.นันทนา เสนอญัตติด่วนได้ แต่ต้องใช้มติของวุฒิสภาตัดสินว่าจะพิจารณาญัตติด่วนดังกล่าวหรือไม่ โดยผลการลงคะแนนพบว่าเสียงข้างมาก 118 เสียง ไม่เห็นด้วยกับญัตติดังกล่าว ต่อ 37 เสียง และงดออกเสียง 12 เสียง

‘สุกฤษฏิ์ชัย-ปชป.’ ชวนทุกคนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม-ดูแลธรรมชาติ ร่วมสร้างโลกที่น่าอยู่-ส่งต่ออากาศบริสุทธิ์ให้รุ่นลูกหลานสืบต่อไป

(2 ก.ย. 67) นายสุกฤษฏิ์ชัย ธีระเริงฤทธิ์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการมูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์ (หน่วยงานดีเด่นแห่งชาติสาขาอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) และที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. .... ในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า…

“ในเดือนกันยายน เป็นเดือนที่มีความสำคัญต่อวงการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไทยและสากลอย่างยิ่ง เนื่องจากในวันที่ 1 กันยายน เป็นวันสืบ นาคะเสถียร ซึ่งวันดังกล่าวมีขึ้นเพื่อให้เราร่วมกันรำลึกถึงคุณงามความดี และความเสียสละของวีรบุรุษของผืนป่าไทย ซึ่งได้เสียสละชีวิตเพื่อเรียกร้องและสะท้อนปัญหาของทรัพยากรธรรมชาติให้สาธารณชนได้รับรู้ และตระหนักถึงอุดมการณ์อย่างแน่วแน่ในการรักษาผืนป่า รวมถึงในวันที่ 7 กันยายน ยังเป็นวันอากาศสะอาดสากล ที่ทั่วโลกโดยเฉพาะภาคประชาสังคมและกลุ่มอนุรักษ์จะได้จัดกิจกรรม รณรงค์เพื่อการเรียกร้องและทวงคืนอากาศสะอาด ปราศจากมลพิษ ซึ่งเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ทุกคนควรจะต้องได้รับ อย่างมิต้องสงสัย

ข้อมูลจากงานวิจัยที่นำโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโมนาชของออสเตรเลียเปิดเผยว่า มีประชากรโลกเพียง 0.001% เท่านั้น ที่มีอากาศสะอาด ความหมายคือ แทบไม่มีที่ไหนในโลกเลยที่ปราศจากหมอกควันหรือฝุ่นพิษ รวมถึงข้อมูลจากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติระบุว่า ในปี 2020 จำนวนพื้นที่ป่าไม้บนโลกมีอยู่ที่ร้อยละ 31 ของพื้นที่บก และมีแนวโน้มลดลงทุกวัน ฉะนั้นแม้ว่าจะมีวันสำคัญไว้ให้ตระหนักหรือรำลึกนึกถึง แต่การรณรงค์และการลงมือทำคือสิ่งสำคัญยิ่ง และการลงมือทำด้วยตัวเราเองคือสิ่งสำคัญที่สุด โดยการสนับสนุนที่ถูกต้องและทั่วถึงจากทางภาครัฐ ก็จะเป็นส่วนเติมเต็มสำคัญได้และบรรลุเป้าหมายได้อย่างดี 

ดังนั้นการดูแลสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน ที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกันสร้างโลกที่น่าอยู่ อนาคตที่ยั่งยืน มั่นคงและปลอดภัย สำหรับคนรุ่นหลังต่อไป

‘อดีตผู้พิพากษา’ ไม่ค้าน ‘รวมไทยสร้างชาติ’ เข้าร่วมรัฐบาลเพื่อไทย 'หากทำเพื่อชาติ - ไม่ระราน 112 - มีฝีมือชัดกว่าคนจากพรรคล้มเจ้า'

(2 ก.ย. 67) นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ระบุว่า...

“.....เรื่องความคิดเห็นทางการเมืองอาจมีเห็นความแตกต่างกันได้ แต่ไม่ควรจะด่ากันว่าคนที่เห็นต่างกับเราเป็นคนเลวใช้ไม่ได้ ฯลฯ เพราะมันเรื่องของความคิดและเหตุผลของแต่ละคน ผิดถูกอย่างไร อนาคตจะบอกให้รู้เอง

“.....ผมเห็นว่า สภาพปัญหาของบ้านเมืองในปัจจุบัน แตกต่างกันกับเมื่อ 10 กว่าปีก่อนมาก เมื่อก่อนเราไม่เคยมีพรรคการเมืองที่ต้องล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ปัจจุบันมีแล้วดังที่ศาลรัฐธรรมได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567

“.....ถ้าต้องให้เลือกระหว่างที่พรรคเพื่อไทยร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นยอมเป็นทาสของชาติมหาอำนาจที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกันทั่วโลกตลอดมา และเอาคนที่ไม่เคยทำงานอะไรอันแสดงถึงการมีความรู้ความสามารถมาเป็นรัฐมนตรีและเป็นพรรคการเมืองที่ต้องการล้มล้างการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามความต้องการของชาติมหาอำนาจบางประเทศที่อยากเห็นประเทศไทยปกครองในระบอบการเลือกตั้งประธานาธิบดีซึ่งจะทำให้เขาเข้าแทรกแซงได้ง่ายไม่เหมือนปัจจุบันที่เขาทำไม่ได้

“.....กับการให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคภูมิใจไทย, พรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาธิปัตย์ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล แม้โดยหลักการผมจะไม่เห็นด้วยก็ตาม

“.....แต่เมื่อคิดถึงความมั่นคงของสถาบันมหากษัตริย์ ซึ่งพรรคภูมิใจไทย, พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคชาติไทยพัฒนาที่ได้ยืนยันอย่างหนักแน่นและมั่นคงตลอดมาประเทศไทยต้องมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตลอดไป ทั้งจะไม่ยอมให้มีการแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และถ้ามี พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็จะไม่ยอมให้รวมผู้กระทำผิดตามมาตรา 112 ด้วย

“.....ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาแล้ว ผมจึงเลือกที่ต้องยอมลืมความเกลียดชังความขุ่นเคืองใจที่มีอยู่ตลอดมาไว้ชั่วคราว ทั้งนี้เพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติและการปกครองของประเทศไทยที่ยังต้องมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอยู่ตลอดไป

“.....ผมจึงต้องทนกล้ำกลืนยอมรับกับการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลของพรรรคการเมืองดังกล่าวข้างต้นครับ"

'เพจดัง' แฉ!! 'โฟล์ค' ผู้สมัคร สส.เขต 1 พิษณุโลกแทน 'หมออ๋อง' รณรงค์ยกเลิก ม.112 มาโดยตลอด จี้!! พรรคเห็นด้วยใช่หรือไม่?

(2 ก.ย. 67) เพจ 'วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร' โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

#ทุกคนคะ นาย Folk (โฟล์ค-ณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์) ผู้สมัคร เขต 1 พิษณุโลก พรรคส้ม เป็นแกนนำในการรณรงค์ ยกเลิก ม.112 มาโดยตลอด

ฝากพี่นักข่าวถาม Folk ด้วยนะคะ ถ้าเป็น สส. ยังจะเคลื่อนไหวยกเลิก ม.112 อีกหรือไม่คะ

และฝากถามพี่เท้ง พรรคส้มรู้ว่านาย Folk ต้องการยกเลิก ม.112 แต่ยังยืนยันส่งสมัคร แสดงว่าพรรคเห็นด้วยใช่หรือไม่คะ

ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติ ของ 'โฟล์ค' ในนามพรรคประชาชน ว่าเป็นสมาชิกพรรคครบ 90 วันหรือไม่ อีกด้วย

ทว่า ล่าสุดมีรายงานแจ้งว่า ก่อนที่พรรคก้าวไกลจะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค แกนนำพรรคก้าวไกลได้เตรียมการเผื่อไว้ล่วงหน้า โดยส่ง 'โพล์ค' สมัครเป็นสมาชิกพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล

ต่อมาภายหลังศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกล สส.พรรคก้าวไกล ย้ายเข้าสังกัดพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล แล้วเปลี่ยนชื่อมาเป็นพรรคประชาชน ทำให้ 'โฟล์ค' เป็นสมาชิกพรรคประชาชน เกิน 90 วัน มีคุณสมับติสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 1 จังหวัดพิษณุโลกได้

'พิธา' ปลอบ!! 'ปชน.' สู้ต่อสักวันต้องเป็นของเรา พร้อมยินดีกับ 'กำนันตุ้ย' อ้อน!! หาเสียงราชบุรีหนนี้ ทำให้รักคนที่นี่มากขึ้น ขอกลับไปเยี่ยมอีกบ่อยๆ

(2 ก.ย. 67) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคและประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลังพรรคประชาชนแพ้การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี ว่า...

ขอขอบพระคุณพี่น้องชาวราชบุรีทุกท่านสำหรับทุกคะแนนเสียงที่มอบให้พรรคประชาชนครับ การเลือกตั้งย่อมมีทั้งแพ้และชนะเป็นธรรมดา เราขอน้อมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อเรียนรู้และพัฒนาการทำงานในอนาคต และจะสู้ต่อไปโดยไม่ท้อแท้ ขอบคุณผู้สมัคร ทีมงานในจังหวัด และอาสาสมัครทุกท่านที่ทุ่มเทเต็มที่ ขออย่าได้เสียกำลังใจนะครับ พักผ่อนให้เต็มที่ หายเหนื่อยแล้วมาร่วมกันสู้ต่อเพื่อชาวราชบุรี สักวันหนึ่งจะต้องเป็นวันของเรา ผมขอเป็นกำลังใจให้

ส่วนตัวแล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สูญเปล่าแน่นอน ประสบการณ์การหาเสียงสนุกมาก! และทำให้ผมรู้จักและรักราชบุรีมากขึ้น ขอกลับไปเยี่ยมอีกบ่อย ๆ นะครับ

คืนนี้ ผมขอแสดงความยินดีกับคุณวิวัฒน์และทีมงานสำหรับความสำเร็จ และขอให้ท่านทำงานลุล่วงไปได้ด้วยดีเพื่อความอยู่ดี กินดีของประชาชนตามที่ตั้งใจไว้ครับ

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' ชี้!! ผู้มีอำนาจนอกรัฐบาล ปลุกสำนึกในจริยธรรม เรียกพบ 'ปลัดกระทรวง-ผบ.เหล่าทัพ' ย้ำ!! ทุกท่านไม่ใช่ขี้ข้านักการเมือง

(2 ก.ย. 67) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘สำนึกในจริยธรรม’ โดยระบุว่า

มีข่าวว่าผู้มีอำนาจนอกรัฐบาล เรียกปลัดกระทรวงทุกกระทรวงและผู้บัญชาการ (ผบ.) เหล่าทัพ ไปพบ และรู้มาว่า ผบ.เหล่าทัพ ไม่ได้ไปพบ

อยากเตือนสติปลัดกระทรวง ทุกท่านเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่ขี้ข้านักการเมือง นี่เป็นสำนึกของข้าราชการที่ดี มีจริยธรรม

การรับคำสั่งใด ๆ ของข้าราชการ ต้องเป็นการสั่งการโดยชอบด้วยกฎหมาย และต้องเป็นการรับคำสั่งจากผู้มีอำนาจเท่านั้น ไม่ใช่สั่งการของนายหมูนายหมาที่ไม่มีตำแหน่งหน้าที่

ปลัดกระทรวงเป็นหัวแถวของข้าราชการ ไม่มีตำแหน่งอะไรที่ใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว ที่จะต้องก้มหัวให้ใครเพื่อขอตำแหน่ง

'ปชน.' โว!! 'ชัยรัตน์' แพ้เลือก 'นายก อบจ.ราชบุรี' แต่คะแนนเพิ่มเท่าตัว รับ!! มีเวลาไม่มากพอสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวราชบุรี

เมื่อวานนี้ (1 ก.ย. 67) ที่โรงแรม ณ เวลา อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี แกนนำพรรคประชาชน ประกอบด้วย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน, ศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน และ ชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ราชบุรี พรรคประชาชน ร่วมแถลงข่าวหลังทราบผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี อย่างไม่เป็นทางการ

โดยชัยรัตน์ ได้กล่าวขอบคุณชาวราชบุรีทุกคนที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันนี้ และที่ให้ความไว้วางใจแก่ตน คะแนนวันนี้เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งนายก อบจ.ในนามคณะก้าวหน้าเมื่อปี 2563 ถือว่าเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 7 หมื่นกว่าคะแนน แสดงว่าการทำงานของเราในพื้นที่หลายปีที่ผ่านมาออกดอกผล ประชาชนเปิดใจให้พวกเรามากขึ้น และแสดงให้เห็นว่าผู้ที่เห็นด้วยกับนโยบายและความคิดของเรามีมากขึ้น 

แม้วันนี้อาจจะยังไม่ชนะการเลือกตั้งนายก อบจ. แต่จากวันพรุ่งนี้ไปตนและพรรคประชาชนจะยังคงมุ่งมั่นทำงานในพื้นที่ ทำนโยบายพัฒนา จ.ราชบุรีให้ดีกว่าเดิมต่อไป และจะทำให้ประชาชนเปิดใจให้โอกาสเราในอนาคตให้มากขึ้น จนประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งในราชบุรีต่อไป

ทางด้านณัฐพงษ์ระบุว่า ตนขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันนี้ รวมถึงชาวราชบุรีที่ทำงานอยู่ห่างไกลก็เดินทางกลับมาใช้สิทธิกันเป็นจำนวนมาก นี่คือความสำเร็จอย่างหนึ่งจากการที่ทุกพรรคการเมืองรวมทั้งพรรคประชาชนได้รณรงค์อย่างแข็งขัน 

ส่วนผลการเลือกตั้งเมื่อเทียบกับสมัยที่ลงในนามคณะก้าวหน้าได้คะแนนเพิ่มมาเท่าตัว สะท้อนให้เห็นว่าการรณรงค์อย่างแข็งขันและการทำงานในพื้นที่อย่างเข้มข้น ทำให้ประชาชนให้ความสำคัญกับการเมืองท้องถิ่นมากขึ้น และมอบความไว้วางใจให้เรามากขึ้น

ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่า พรรคประชาชนจะยังคงเดินหน้าทำงานในการผลักดันนโยบายต่าง ๆ ผ่านการเมืองในระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการทำหน้าที่ในสภาฯ ที่กำลังจะมีการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วาระ 2-3 การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ รวมถึงการเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 ในวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายนนี้ และอีกหลายภารกิจที่เราขอทำหน้าที่อย่างเข้มข้นต่อไป

ในส่วนของศรายุทธิ์ ระบุว่าสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาชนได้พยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว ตั้งแต่รับทราบการลาออกของอดีตนายก อบจ. ก็ได้ตัดสินใจส่งผู้สมัครลงในนามพรรคประชาชนก่อนการเลือกตั้ง 45 วัน คะแนนที่ได้มาจึงน่าพึงพอใจแล้ว แม้จะยังไม่ประสบผลสำเร็จ 

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าสนามการเมืองระดับชาติกับท้องถิ่นมีความแตกต่างกัน แม้เนื้อหาสาระไม่ต่างกัน ในสนามการเมืองระดับชาติความหวังของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญ และประชาชนสามารถมีส่วนร่วมได้อย่างเต็มที่ ขณะที่การเมืองท้องถิ่นต้องสร้างนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชนให้เชื่อมั่นให้ได้ แต่เนื่องจากเวลาที่จำกัดจึงทำให้ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนไว้วางใจได้ ต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนใจประชาชนให้มั่นใจและเชื่อมั่นต้องอาศัยเวลา

ศรายุทธิ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.ในพื้นที่อื่น ๆ พรรคประชาชนมีการเตรียมทีมผู้สมัครมาตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกล โดยมี 5 จังหวัดที่ได้ประกาศเปิดตัวไปแล้ว และมีอีก 10-15 จังหวัดที่ยังอยู่ในกระบวนการ หลังจากนี้ไปในจังหวัดที่เหลือ พรรคประชาชนจะยังคงมุ่งมั่นเตรียมความพร้อม ทั้งการทำนโยบายให้ประชาชนยอมรับ และการทำให้ทีมงานมีความเข้มแข็งมากขึ้นเพื่อความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งในสนามต่อไป โดยคาดว่าในเดือนพฤศจิกายนนี้จะมีการเปิดตัวนายก อบจ.ที่จะส่งลงสมัครในนามพรรคประชาชนอย่างเป็นทางการต่อไป โดยมั่นใจว่ารอบนี้จะมีนายก อบจ.ที่ส่งลงในนามพรรคประชาชนชนะแน่นอน ส่วนจะเป็นจังหวัดใดนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนรอติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิด

‘ในหลวงรัชกาลที่ 7’ ไม่ยินยอมให้ผู้ใด หรือคณะใดใช้อำนาจของพระองค์ โดยปราศจากการฟังเสียงของประชาชน

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“ข้าพเจ้าเห็นว่าคณะรัฐบาลและพวกพ้อง ใช้วิธีการปกครองซึ่งไม่ถูกต้อง ตามหลักการของเสรีภาพในตัวบุคคล และหลักความยุติธรรมตามความเข้าใจ และยึดถือของข้าพเจ้า…

“ข้าพเจ้าไม่สามารถยินยอมให้ผู้ใด คณะใด ใช้วิธีการปกครองอย่างนั้น ในนามของข้าพเจ้าต่อไปได้ ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจ อันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิม ให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป

“แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด โดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยเด็ดขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร”

พระราชหัตถเลขาสละราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

‘คณะราษฎร’ ขอพระราชทานอภัยโทษจากในหลวง รัชกาลที่ 7

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม…

“การที่พวกข้าพระพุทธเจ้าได้ประกาศกล่าวข้อความ ในวันเปลี่ยนแปลงด้วยถ้อยความรุนแรง กระทบกระเทือน ถึงใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท และพระบรมวงศานุวงศ์ ก็ด้วยมุ่งถึงผลสำเร็จทันทีทันใดเป็นใหญ่…

“สมเด็จพระมหากษัตริย์ตราธิราชในพระราชวงศ์จักรี ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ ได้ทรงมีส่วนนำความเจริญมาสู่ประเทศสยามตามกาลสมัย บัดนี้ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พวกข้าพระพุทธเจ้า มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท…

ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายจึงขอพระราชทาน พระบรมราชวโรกาสนี้ กราบบังคมทูล ขอพระราชทานอภัยโทษอีกครั้งหนึ่ง เป็นคำรบสองในถ้อยที่ได้ประกาศไป”

คณะราษฎร กราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2475

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

‘จอมพล ป.’ เขียน ส.ค.ส. “Please อโหสิกรรม” ถึง ‘ปรีดี’

มายาธิปไตย 2475 #เทสที่สร้าง #ร่างที่เป็น

2475: การเปลี่ยนแปลง การเรียนรู้ และการให้อภัย

“Please อโหสิกรรม”

จอมพล แปลก พิบูลสงคราม อดีตนายกรัฐมนตรีไทย เขียน ส.ค.ส. ถึง ปรีดี พนมยงค์ ก่อนตนถึงแก่อสัญกรรม ในปี พ.ศ. 2507

เรียบเรียงโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top