Monday, 28 April 2025
NEWS

‘ดร.หิมาลัย’ นำทีมรวมไทยสร้างชาติ ลงพื้นที่!! ‘ลพบุรี’ บรรยายพิเศษ ให้ความรู้ ‘2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’

(14 ธ.ค. 67) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ , สส.สัญญา นิลสุพรรณ , นางพิมพ์ปวีณ์ นิลสุพรรณ เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ , นายวสวัตติ์ กลิ่นขจร เลขานุการผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ , นายอิทธิพัทธ์ เศรษฐยุกานนท์ คณะทำงานผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ , นางปวีณา นิลแย้ม คณะทำงานผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ , นายติน ตันติเตชะ หัวหน้าฝ่ายทะเบียนสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ  พร้อมคณะ เข้าร่วมกิจกรรมโครงการ ๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ และพบปะพี่น้องประชาชนชาวพัฒนานิคม ณ อาคารสหกรณ์การเกษตรพัฒนานิคมจำกัด ตำบลดีลัง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี  ในการนี้ได้รับการต้อนรับจาก นายบุญมี หรัดดี ประธาน อสม. จังหวัดลพบุรี , สุภกร กมลพัฒนะ รองประธาน อสม.จังหวัดลพบุรี , นายเดชวุฒิ นิลแย้ม อดีตนายอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยผู้นำท้องที่และท้องถิ่น

เลย-แม่ทัพภาค 2 แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย พร้อมของกลาง ไอซ์ จำนวน 6 กระสอบน้ำหนัก 200 กก. มูลค่า 200 ล้านบาท ในพื้นที่ อ.ปากชม 

เมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.67) ที่กรมทหารพรานที่ 21 ค่ายศรีสองรัก อำเภอเมือง จังหวัดเลย พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มทภ.2/ผบ.ศปก.ทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24)  แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย พร้อมของกลาง ไอซ์ จำนวน 6 กระสอบน้ำหนัก 200 กก. และรถยนต์ จำนวน 2 คัน ในพื้นที่ อำเภอปากชม จังหวัดเลย โดยมี นายกิตติคุณ บุตรคุณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย  พลตรี สุคนธรัตน์  ชาวพงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พลตรี พุทธิวัฒน์  สิริพงศ์พล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 28 พลตำรวจตรี พงพิพัฒน์ ศิริพรวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย พันเอก สุพรเทพ ไชยยงค์ ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 3 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พันเอก อินทราวุธ ทองคำ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 นายสามารถ หมั่นนอก ปลัดจังหวัดเลย นายยศวัฒน์ พัชระศักดิ์สกุล นายอำเภอปากชม พร้อมหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดเลย ร่วมแถลงข่าว

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหารพรานกองร้อยเฉพาะกิจทหาพรานที่ 2109 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ได้รับทราบจากสายข่าว ว่ากลุ่มกระบวนการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 11 ธันวาคม 2567 จึงได้จัดกำลังชุดเคลื่อนที่เร็วของหน่วย ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจจุดเพ่งเล็ง และตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยที่ดัดแปลงกระบะตู้ทึบ ไว้เพื่อปิดบังอำพรางในการกระทำผิด เจ้าหน้าที่จึงได้ขับติดตามดูพฤติกรรม และตั้งจุดตรวจจุดสกัด รถต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นรถนำ บริเวณสามแยกบ้านห้วยเป้า หมู่ 5 ตำบลปากชม อำเภอปากชม จังหวัดเลย 

เมื่อสบโอกาสจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ แต่บุคคลดังกล่าวท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงได้ให้ลงจากรถ ควบคุมตัวไว้ตรวจสอบหาความเชื่อมโยงสามารถทำตรวจยึด/จับกุม ผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาไอซ์ จำนวน 6 กระสอบ ประมาณ 200 กิโลกรัม รถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน รถยนต์กระบะ โตโยต้า รีโว้ สีบรอนซ์ ทะเบียน บม 5410 เพชรบุรี (รถยนต์กระบะ ดัดแปลงตู้ทึบ) รถขนยาไอซ์, รถยนต์กระบะ นิสสัน นาวารา สี่ประตู สีดำ ทะเบียน กต 4383 ชุมพร (รถนำทาง) และจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด จำนวน 4 ราย พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ในวันนี้ได้มาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานตามแนวป้องกันชายแดนของเรา ในห้วงที่ผ่านมา ได้มีการจับกุมยาบ้า 50 ล้านเม็ด ซึ่งทราบได้ว่ามีการใช้อย่างกว้างขวาง ซึ่งมีมูลค่าสูง  

ในครั้งนี้ที่สำคัญมีการได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมีกลุ่มขบวนการจากภาคกลางตอนล่าง ยังคงมีความพยายามที่จะลำเลียงยาเสพติดเหล่านี้เข้าสู่พื้นที่ตอนใน ในครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่เราจับกุมผู้ต้องหาได้ และเป็นยาเสพติด (ยาไอซ์) จำนวน 200 กก. มูลค่ากว่า 200 ล้านบาทโดยปัจจัยสำคัญคือ มีผู้ต้องการยาเสพติดเป็นอย่างมาก ในพื้นที่ภาคกลาง ทางแม่ทัพภาคที่ 2 จึงแจ้งต่อตำรวจภูธรจังหวัดเลย ขอให้นำผู้ต้องหาไปขยายผล นำไปสู่กลุ่มกระบวนการผู้สั่งการ และกลุ่มนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง เป็นคดีสมคบคิด จนสามารถนำไปสู่การยึดทรัพย์ให้ได้ สาเหตุที่มียาเสพติดจำนวนมากเข้าในพื้นที่ เนื่องจากช่วงนี้ใกล้เทศกาลปีใหม่ มีความต้องการของลูกค้าในตลาดสูงมาก

ท้ายที่สุดนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21และทุกส่วนราชการที่ได้ปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง และบูรณาการร่วมกัน จนทำให้การจับกุมในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่าน ที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน และช่วยประชาสัมพันธ์ ข้อมูลข่าวสาร ขอให้สื่อได้ช่วยเป็นกระบอกเสียง เชิญชวนประชาชนร่วมแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการลักลอบค้ายาเสพติด หรือข้อมูลผู้ค้ายาเสพติดผ่านช่องทางตรงของ เจ้าหน้าที่ในหน่วยกำลังป้องกันชายแดนทุกหน่วย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ปัญหายาเสพติดลดลง และพี่น้องประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน

ประธานวุฒิสภาต้อนรับคณะผู้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาครูต้นแบบประชาธิปไตยวุฒิสภา ในโอกาสเยี่ยมชมวุฒิสภา

เมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.67) เวลา 10.00 นาฬิกา ณ สถาปัตยกรรมเครื่องยอด อาคารรัฐสภา ชั้น 11 นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ให้เกียรตินำคณะผู้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาครูต้นแบบประชาธิปไตยวุฒิสภา เยี่ยมชมวุฒิสภา ภายหลังเป็นประธานในพิธีปิดและมอบเกียรติบัตรแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ณ ห้องสัมมนา B1-1 ชั้น B1 อาคารรัฐสภา โดยประธานวุฒิสภากรุณานำคณะเข้าชมสถาปัตยกรรมเครื่องยอด อาคารรัฐสภาและโถงพิธี ในการนี้ นางปัณณิตา สท้านไตรภพ นายสาธิต วงศ์อนันต์นนท์ ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ และนายอธิภัทร พุกเศรษฐี ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ ร่วมให้การต้อนรับด้วย

จากนั้น นายพีระพจน์ รัตนมาลี รองเลขาธิการวุฒิสภา ให้การต้อนรับคณะฯ ที่เข้าเยี่ยมชมห้องประชุมวุฒิสภา ณ ห้องฟังการประชุมสำหรับประชาชน ชั้น 4 โดยมีนายสาธิต  วงศ์อนันต์นนท์ ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ ร่วมให้การต้อนรับ และคณะฯได้เข้าเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้องค์กรต้นแบบสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา โดยลำดับ

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ เวลา 09.00 นาฬิกา คณะฯ ได้เข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 7 พร้อมเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์รัฐสภา ชั้น MB1

สปสช. ติดหนี้รพ.มงกุฎวัฒนะ กว่า 50 ล้าน ทำคนไข้บัตรทองต้องควักจ่ายเอง

(13 ธ.ค.67) นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ประกาศผ่านเฟซบุ๊กว่า ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 ธ.ค.67 เป็นต้นไป โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะจะไม่สามารถให้บริการผู้ป่วยสิทธิบัตรทองตั้งแต่วันเสาร์ที่ 14 ธ.ค. 67 นี้ เวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป โดยผู้ป่วยบัตรทองทุกรายจะต้องจ่ายเงินค่ารักษาเอง

นพ.เหรียญทอง ระบุว่า โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ จะหยุดให้บริการรับส่งต่อผู้ป่วยกรณี OP-REFER จากทุกคลินิกที่ส่งต่อมา ไม่ว่าจะมีใบส่งตัวหรือไม่มีใบส่งตัว เนื่องจากปัญหาหนี้ค้างชำระจาก สปสช. ที่ไม่สามารถจ่ายหนี้กว่า 44 ล้านบาท ตามที่ได้ตกลงกันไว้ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะที่ปัจจุบันค้างจ่ายหนี้ประมาณ 50 ล้านบาท 

ทั้งนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้หากไม่มีการชำระหนี้จาก สปสช. โดยผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกต่าง ๆ ต้องจ่ายค่าบริการเองจนกว่าจะมีการเคลียร์หนี้ทั้งหมดจากสปสช.

แต่ยกเว้นกรณีผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคไตวายเรื้อรัง และโรคเอดส์ ซึ่งทางรพ.ยังคงให้บริการตรวจรับการรักษาต่อไป เนื่องจากเป็นกรณีโรคร้ายแรง

"ขอรายงานว่า สปสช. ยังคงล่าช้าในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลค้างจ่ายที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ แม้ว่าจะมีการสำรองเงินทดรองจ่ายล่วงหน้า (Pre-paid) จำนวน 60 ล้านบาทแล้วก็ตาม แต่หนี้ค้างจ่ายและค่ารักษาพยาบาลยังสะสมเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยไม่ได้รับการจ่ายตามกำหนดที่คณะทำงาน สปสช. ตกลงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะเมื่อพฤศจิกายน 2567

สปสช. ยังมีการเบี้ยวหนี้และลดอัตราการจ่ายค่าแพทย์ ซึ่งทำให้การจ่ายค่ารักษาพยาบาลไม่เป็นไปตามกำหนด แม้ว่าค่ารักษาพยาบาลในแต่ละเดือนจะสูงกว่ามากกว่า 60 ล้านบาท ขณะที่เงินทดรองจ่ายล่วงหน้ากลับไม่พอที่จะครอบคลุม

การจ่ายเงินล่าช้ายังคงเป็นปัญหาตั้งแต่มีนาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน และยังไม่สามารถปฏิบัติตามมติของบอร์ด สปสช. ที่ตกลงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะได้ รพ.มงกุฎวัฒนะต้องใช้เงินสดของตนเองเพื่อดำเนินการมาเกือบ 9 เดือนแล้ว จนเริ่มประสบปัญหาขาดสภาพคล่องจากการที่ สปสช. ยังไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาลตามกำหนด

หาก สปสช. ยังคงไม่ดำเนินการจ่ายเงินค้างจ่ายมากกว่า 60 ล้านบาทภายในวันที่ 13 ธันวาคม 2567 เวลา 12.00 น. และไม่เคลียร์หนี้ตามที่ตกลง รพ.มงกุฎวัฒนะจะไม่สามารถจ่ายค่าแพทย์ บุคลากร และคู่ค้าต่าง ๆ ได้ในวันที่ 15 ธันวาคม 2567 ทำให้ไม่สามารถให้บริการผู้ป่วยสิทธิบัตรทองได้ตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2567 เวลา 00.00 น. เป็นต้นไป" นพ.เหรียญทอง ระบุ

THE STATES TIMES 4 Years Anniversary

4 ปีแห่งการเดินทาง ขอบคุณทุกความไว้วางใจที่มอบให้ THE STATES TIMES ✨ เราพร้อมก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ด้วยพลังและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสื่อคุณภาพเพื่อคุณ ❤️ 

ผบ.กร. ตรวจเยี่ยมชมการสาธิตการฝึก ปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก ในการฝึกองค์บุคคลและยุทธวิธีกองเรือ กองบิน และหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ ประจำปี 68

เมื่อวันที่ (12 ธ.ค. 67) พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พร้อมด้วยคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เดินทางไปตรวจเยี่ยมชมการสาธิตการฝึกปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก ณ สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 15 หาดยาว แสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี 

การฝึกปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกภาคสนาม ภาคทะเล ของการฝึกองค์บุคคลและยุทธวิธีกองเรือ กองบิน และหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ ประจำปี 2568 โดยเป็นการฝึกในสถานการณ์ต่อเนื่องจากการฝึกยุทธวิธีร่วมของเรือในทะเล และการฝึกปฏิบัติการร่วมระหว่างเรือกับอากาศยาน ในสถานการณ์การฝึกครั้งนี้ กำหนดให้มีการปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก ซึ่งเป็นการใช้การสั่งการปฏิบัติการโจมตีจากในทะเลต่อที่หมายสำคัญของฝ่ายตรงข้าม อยู่บนฝั่งด้วยกำลังรบยกพลขึ้นบก สนับสนุนด้วยกำลังทางเรือประเภทต่างๆ อาทิ เรือรบ อากาศยาน ชุดปฏิบัติพิเศษ โดยมีกำลังจากหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือ คือ กองเรือยกทหารขึ้นบกและยุทธศาสตร์รบบริการ กองเรือยุทธการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองการบินทหารเรือ หน่วยสงครามพิเศษทางเรือและกรม กสพ.ฐานทัพเรือสัตหีบ เข้าร่วมในการฝึกครั้งนี้ ซึ่งกำลังรบสำคัญ ประกอบด้วย เรือรบ จำนวน 4  ลำ และอากาศยาน 5 ลำ 

ด้าน พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เปิดเผยหลังการตรวจเยี่ยมชมการสาธิตการฝึกปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก ว่า การฝึกครั้งนี้เป็นการฝึกวงรอบประจำปี ที่เริ่มฝึกจากองค์บุคคลให้กำลังพลของทหารเรือได้มีความรู้ ความชำนาญ ในครั้งแรก แต่การฝึกยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก จนถึงขั้นการโจมตี เพราะฉนั้นจึงเป็นการเริ่มตั้งแต่การวางแผน ตามขึ้นสู่เรือไปตามลำดับขั้นตอนและได้มีการซักซ้อม มาจนถึงวันนี้ในการปฏิบัติการในขั้นโจมตี โดยมีการนำยุทโธปกรณ์ที่ผลิตในประเทศไทย นำมาฝึกเป็นครั้งแรก

ทั้งนี้การฝึกยุทธสะเทินน้ำสะเทินบกไม่ใช่การฝึกการรบเพียงอย่างเดียว เมื่อมีเหตุการณ์ในประเทศ เช่นภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ทหารเรือสามารถที่จะมาบรรเทาสาธารณภัยช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ โดยนำยุโธปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะมาช่วยมากับเรือในทะเล แล้วยกพลขึ้นบกเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเกิดภัยคุกคามในรูปแบบไหนขอพี่น้องประชาชนให้มั่นใจว่าทหารเรือมีความพร้อม

ชลบุรี-สวนสัตว์เปิดเขาเขียว รับรางวัลประกาศเกียรติคุณ Friendly Design Awards 2024 ประเภท 'แหล่งท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล (Tourism for All)'

เมื่อวันที่ (12 ธ.ค.67) นายณรงวิทย์ ชดช้อย ผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ได้เข้ารับรางวัลใบประกาศเกียรติคุณ Friendly Design Awards 2024 ประเภท 'แหล่งท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล (Tourism for All)' ในงาน 'Thailand Friendly Design Expo 2024 : มหกรรมอารยสถาปัตย์นวัตกรรมสุขภาพ และการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ 8' ด้วยการส่งเสริม และสร้างทำอารยสถาปัตย์ เพื่อให้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย และทุกสภาพร่างกาย สามารถเข้าถึงได้ ใช้ประโยชน์ได้โดยสะดวก ปลอดภัย ทันสมัย เป็นธรรม ทั่วถึง เท่าเทียม ด้วยนโยบายและแนวคิดการออกแบบที่เป็นมาตรฐานสากลและเป็นมิตรกับคนทั้งมวล (Friendly Design) 

รางวัลนี้ เกิดจากการทำงานที่ร่วมแรงร่วมใจของพวกเราทุกคน พวกเราจะมุ่งมั่นยกระดับให้สวนสัตว์เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานะต่อไป 

โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาซา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล ณ ฮอลล์ 101 ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค-บางนา กรุงเทพมหานคร

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงานกาชาดประจำปี 2567 ณ สวนลุมพินี

เมื่อวันที่ (11 ธ.ค. 67) เวลา17.00 น. ณ พลับพลาพิธีหน้าห้องสมุดประชาชน สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดีสิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จพระราช ดำเนินไปทรงเปิดงานกาชาดประจำปี2567 ภายใต้แนวคิด 'ทศมราชา 72 พรรษา ถวาย พระพร' (ทด-สะ-มะ-รา-ชา-เจ็ด-สิบ-สอง- พัน-สา-ถะ-หวาย-พระ-พร) โดยมี นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงานกาชาดประจำปี2567 คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม เหรัญญิกสภากาชาดไทย พร้อมด้วยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสภากาชาดไทย และคณะกรรมการอำนวยการจัดงานกาชาด เฝ้าฯ รับเสด็จ

ในโอกาสนี้ ทรงทอดพระเนตรการแสดงพิธีเปิดงานกาชาดประจำปี 2567 การแสดงขับเสภาประกอบการแสดง โขนเฉลิมพระเกียรติฯ ชุด 'ทศมราชา 72 พรรษา มหามงคลสมโภช' บทเสภาที่ร้อยเรียงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อสภากาชาดไทยและปวงชนชาวไทย และการแสดงโขนตามแบบฉบับ นาฏศิลป์ชั้นสูงของไทยที่รังสรรค์ขึ้นมาเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ ในปีมหามงคล 72 พรรษา ตามด้วยการแสดงรำกิ่งไม้เงิน กิ่งไม้ทอง ปิดท้ายด้วยการบรรเลงบทเพลงเฉลิมพระเกียรติประกอบการแสดงระบำน้ำพุโดยวงดุริยางค์ราชนาวี กองดุริยางค์ ทหารเรือ ฐานทัพเรือกรุงเทพ ในบทเพลง '72 พรรษา มหามงคล' จากนั้นทอดพระเนตรโคมถวายพระพร จุดแสดง ประดับไฟ 'แสงแห่งพระบารมี' กิจกรรมบนแพลตฟอร์มงานกาชาดออนไลน์ www.iredcross.org (เวิล์ด-ไวด์-เว็บ-ดอท-ไอ-เรด-คอส-ดอท-โอ-อาร์-จี) จากนั้นเสด็จ ฯ ไปเยี่ยมร้านค้าต่าง ๆ ที่มาร่วมออกร้านในงานกาชาดประจำปี 2567

การจัดงานกาชาดประจำปี 2567 กำหนดจัดขึ้นภายใต้แนวคิด 'ทศมราชา ๗๒ พรรษา ถวายพระพร' เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชูปถัมภกสภากาชาดไทย ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ระหว่างวันที่ 11-22 ธันวาคม 2567 เวลา 11.00-22.00 น. ณ สวนลุมพินี และงานกาชาดออนไลน์ www.iredcross.org โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณและพระราชกรณียกิจขององค์พระบรมราชูปถัมภกสภากาชาดไทย องค์สภานายิกาสภากาชาดไทย และองค์อุปนายิกาผู้อํานวยการสภากาชาดไทย รวมถึงเผยแพร่ภารกิจของสภากาชาดไทยและสร้างการมีส่วนร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ 

ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา มูลนิธิสมาคม สโมสร ผู้มีอุปการคุณ และประชาชนทั่วไป และเพื่อหารายได้โดยเสด็จพระราชกุศลบํารุงสภากาชาดไทย ในการบรรเทาทุกข์ บำรุงสุข บำบัดโรค กำจัดภัยแก่ประชาชนผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส และผู้ประสบภัยพิบัติ

กิจกรรมภายในงานจัดให้มีกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อสภากาชาดไทยและพสกนิกรทุกหมู่เหล่า อาทิ การแสดงประดับไฟ 'แสงแห่งพระบารมี', จัดแสดงว่าวเฉลิมพระเกียรติโคมถวายพระพร, การแสดงน้ำพุประกอบดนตรีเฉลิมพระเกียรติ, การประกวดร้านกาชาดเฉลิมพระเกียรติ ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทหน่วยงานราชการ ได้แก่ ร้านกองทัพอากาศ และรางวัลชนะเลิศ ประเภทหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ เอกชน ได้แก่ ร้านการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกิจกรรมจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล ที่จะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2567เวลา 19.00 น. ณ เวทีอาคารบันเทิง สวนลุมพินี

ด้านกิจกรรมรื่นเริงเปี่ยมสุข ณ สวนลุมพินีทั้งการเสี่ยงโชคชิงรางวัลในรูปแบบต่างๆ ตักไข่ สอยดาว กว่า 49 หน่วยงาน และลุ้นรางวัลกับสลากบำรุงสภากาชาดไทยกว่า 42 หน่วยงาน การจำหน่ายสินค้าจากโครงการส่วนพระองค์ สินค้าจากเหล่ากาชาดจังหวัด การจำหน่ายเสื้อและกางเกงงานกาชาด กระเป๋าผ้าที่ระลึกสภากาชาดไทย รวมถึงสินค้าคุณภาพดีราคาประหยัด จากหน่วยงานที่มาร่วมออกร้านกว่า100 ร้านค้าการบริการรับปรึกษาสุขภาพฟรี การรับบริจาคโลหิตด้วยบริการรถรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ ตั้งแต่วันที่ 12-22 ธันวาคม 2567 เวลา 17.00-21.30 น. รับบริจาคดวงตาและอวัยวะ การจำหน่ายยาจุฬาโอสถ 

การจำหน่ายอาหารเมนูดังจากร้านค้าต่าง ๆ ที่ร่วมออกร้านในงานกาชาดกว่า 100 ร้านค้า ตลอดการจัดงานในทุกวัน เวลา 17.00-21.30 น. พบกับความบันเทิงที่หลากหลาย ชมการแสดงแสงสีเสียงจากศิลปิน ดารา นักแสดง การแสดงศิลปวัฒนธรรม อาทิ การแสดงละครใน เรื่องอิเหนา ตอนอิเหนาตัดดอกไม้ฉายกริช การแสดงโขนรามเกียรติ์ ตอนนางลอย ตอนขับภิเภก พิเภกสวามิภักดิ์ พุ่งหอกกบิลพัสดุ์การแสดงละครดึกดำบรรพ์ เรื่องอิเหนา ตอนชมดง ณ เวทีกลาง และกิจกรรมที่บริเวณหน้าห้องสมุดประชาชน เวทีเปิดหมวกชมการแสดงดนตรีจากนักเรียนนักศึกษาเยาวชนคนรุ่นใหม่ และเฉพาะวันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2567 เวลา 17.00 น. ชมแฟชั่นโชว์ผ้าไทยในสวนจากดีไซเนอร์รุ่นเยาว์ ภายใต้คอนเซ็ปต์“สืบสานผ้าไทยร่วมสมัย ยุคศิวิไลซ์ ในรัชกาลที่ 10 ยกระดับสู่สากล” นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสุดครื้นเครงในแต่ละวันอีกมากมายให้รอติดตาม 

ด้านกิจกรรมงานกาชาดออนไลน์ www.iredcross.org พบกับ Map งานกาชาดในรูปแบบ Fantasy art Style กับ 3 กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติบนเกาะลอยฟ้า และ 13 กิจกรรมสุดแสนหรรษาบนเกาะงานกาชาดออนไลน์ อาทิ โดรน–โคม ถวายพระพร ม่านน้ำพุ ขบวนพาเหรดน้องไอจังสุดน่ารัก กิจกรรมแข่งว่าวกาชาดที่ทุกคนรอคอย กิจกรรมบ้านผีสิงสุดหลอนร่วมกับ The Ghost Radio และเอาใจสายมูด้วยบริการทำนายดวงชะตาออนไลน์กับนักพยากรณ์ตัวจริง ตามด้วยการซื้อสลากบำรุงสภากาชาดไทยออนไลน์ และเลือกซื้อสินค้าราคาพิเศษจากร้านค้ามากมายได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมผุดกิจกรรมใหม่สุดเพลิดเพลินเลี้ยงน้องไอจังใน iJung wonderland

มาร่วมสัมผัสมนต์เสน่ห์อัตลักษณ์งานกาชาดมหรสพรื่นเริงการกุศลแห่งปีระหว่างวันที่ 11–22 ธันวาคม 2567 ตลอด 12 วัน 12 คืน เวลา 11.00–22.00 น. วันสุดท้ายปิดงานเวลา 23.00 น. ณ สวนลุมพินี เข้างานฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายโดยในปีนี้ยังคงขอความร่วมมือให้ทุกท่านที่มาเที่ยวงาน เดินทางโดยรถสาธารณะเพื่อความสะดวก และใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกคัดแยกขยะไม่เทรวม และร่วมสนุกแบบไร้ขีดจำกัดที่งานกาชาดออนไลน์ www.iredcross.org ตลอด 24 ชั่วโมง

รมว.สุดาวรรณ เร่งให้วธ.ขึ้นบัญชี 10 มรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรมของชาติ ปี 67 เตรียมเสนอ 'ประเพณีลอยกระทงในประเทศไทย' ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

วธ.โดยบอร์ด ICH ประกาศขึ้นบัญชี 10 มรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรมของชาติ ปี 67 อาทิ ผ้าเกาะโส้ ตำนานพระนางสร้อยดอกหมาก ตำนานเขานางหงส์ เรือมอันเร บุญเดือน 3 นมัสการพระธาตุพนม เสื่อกกจันทบูร และผ้าหม้อห้อม พร้อมเตรียมเสนอ 'ประเพณีลอยกระทงในประเทศไทย' ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

เมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.67) นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ครั้งที่ 3/2567 พิจารณาเห็นชอบให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ดำเนินการประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ประจำปี พ.ศ. 2567 จำนวน 10 รายการ ได้แก่ ตำนานสุบินกุมาร เพลงทรงเครื่อง ผ้าเกาะโส้ ยิงคันกระสุน ตำนานพระนางสร้อยดอกหมาก ตำนานเขานางหงส์ เรือมอันเร บุญเดือน 3 นมัสการพระธาตุพนม เสื่อกกจันทบูร และ ผ้าหม้อห้อม ที่ผ่านมา วธ. ได้ประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรมของชาติมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จนถึงปัจจุบันรวมทั้งหมด 396 รายการ ทั้งนี้สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมรายการที่ประกาศขึ้นบัญชีได้ที่ www.culture.go.th  

นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า นอกจากรายการที่ขึ้นบัญชีในประเทศแล้ว คณะกรรมการฯ ยังเห็นชอบรายงานข้อมูลสถานะมรดกภูมิปัญญาที่ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ได้แก่ โขน นวดไทย โนรา และสงกรานต์ ตามมาตรา 29 ของอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003 โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และคณะทำงานผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ศึกษาวิเคราะห์ตัวอย่างการรายงานของประเทศต่าง ๆ พร้อมทั้งเข้าร่วมการฝึกอบรมการจัดทำรายงานซึ่งจัดโดยยูเนสโก ณ เมืองเจินจู สาธารณรัฐเกาหลี ประสานขอข้อมูลจากหน่วยงาน องค์กร และชุมชนที่เกี่ยวข้อง ประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับองค์การยูเนสโก กรุงเทพฯ เพื่อจัดทำรายงานดังกล่าว ส่งให้ยูเนสโก ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2567

“นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบเอกสารรายการ 'ประเพณีลอยกระทงในประเทศไทย' เพื่อเสนอเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก โดยมอบหมายให้คณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง พิจารณารายละเอียด ความถูกต้องสมบูรณ์ของเอกสาร ภาพนิ่ง และวีดิทัศน์ ให้สมบูรณ์ และมอบกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ดำเนินการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเห็นชอบ ก่อนนำเสนอยูเนสโก ภายในเดือนมีนาคม 2568 ต่อไป” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว

ตำรวจภูธรภาค 2 เด็ดปีก 'มังกรเทาดำ' รุกคืบทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับเพิ่ม 4 สมาชิกแก๊ง รับบทนอมินีเปิดบริษัทฟอกเงิน ยึดทรัพย์คฤหาสน์ รถหรู 152 ล้านบาท

(13 ธ.ค. 67) ที่ตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (รรท.ผบช.ภ.2) พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 (ผบก.สส.ภ.2) แถลงผลการทลายเครือข่ายมังกรเทาดำ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เหิมเกริมเปิดออฟฟิศในทาวน์เฮ้าส์แห่งหนึ่ง ใน อ.ศรีราชา จว.ชลบุรี ซึ่งจับกุมได้ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567 โดยล่าสุดกองบังคับการสืบสวนสวนตำรวจภูธรภาค 2 ขยายผลจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายฟอกเงินเพิ่มเติม 5 ราย เป็นชาวไทย 3 ราย ชาวจีน 2 ราย ยึดทรัพย์รวมมูลค่า 152 ล้านบาท

พล.ต.ท.ยิ่งยศ เปิดเผยว่าตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รรท.จตช. ให้ความสำคัญในการสืบสวนขยายผลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดังนั้นหลังจากทลายจับกุมแก๊งมังกรเทาดำ ที่ลอบตั้งฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใน จว.ชลบุรี ได้แล้ว จึงขยายผลยึดทรัพย์ต่อเนื่อง โดยล่าสุด ได้รวบรวมหลักฐานออกหมายจับกลุ่มผู้กระทำผิด 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มพนักงานออฟฟิศ จำนวน 11 คน  2.กลุ่มบัญชีม้า (รวมจัดหาบัญชี,ยิงแอดโฆษณา) จำนวน 15 คน และ 3.กลุ่มบอส หรือระดับสั่งการ และเครือข่ายฟอกเงิน จำนวน 9 คน รวมออกหมายจับทั้งหมด 35 คน จับกุมได้แล้ว 21 คน อยู่ระหว่างติดตามจับกุม 14 คน ซึ่งบางส่วนหลบหนีออกนอกประเทศ อยู่ในกระบวนการติดตามจับกุม

จากการสืบสวนสอบสวนเครือข่ายนี้แปลงเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลคริปโทเคอเรนซี (Cryptocurrency) จากนั้นจะโอนต่อไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลนิรนามต่าง ๆ และยังพบว่าตัวการระดับสั่งการ ซึ่งเป็นชาวจีนนำเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชนบางส่วนมาใช้ในประเทศไทย โดยใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ซื้อบ้านหรู รถยนต์ ทรัพย์สินต่าง ๆ รวมถึงประกอบกิจการในนามบริษัทนอมินี โดยใช้บริษัทนอมินีที่เปิดขึ้นมาซื้อ และถือครองทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ จึงได้ประสานงานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง. ) ตรวจสอบ นำไปสู่การติดตามจับกุม และตรวจสอบยึดทรัพย์สิน ดำเนินการตามกฎหมาย” รรท. ผบช.ภ.2 กล่าว

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 12 – 13 ธันวาคม 2567 ได้ติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์มังกรเทาดำ เพิ่มเติม 5 ราย เป็นชาวไทย 3 ราย คนจีน 2 ราย และตรวจยึดทรัพย์สินที่สำคัญดังนี้  
1. บ้านหรู เนื้อที่ 3 งาน 12.5 ตรว. ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มูลค่า 65 ล้านบาท
2. บ้านหรู เนื้อที่ 3 งาน 6.2 ตรว. ม.10 ต.หนองหรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มูลค่า 75 ล้านบาท
3. รถยนต์ LEXUS สีขาว มูลค่าประมาณ 8 ล้านบาท
4. รถยนต์เก๋งยี่ห้อเบนซ์ สีขาว มูลค่า 3.5 ล้านบาท
5. รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมาสด้า 2 สีดำ มูลค่า 4 แสนบาท
และทรัพย์สินอื่น ๆ รวมทั้งหมดมูลค่ากว่า 152 ล้านบาท
 
พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวย้ำว่า ได้เร่งรัดขยายผลติดตามจับกุมดำเนินคดีกับเครือข่ายกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป และขอให้คนไทยที่คิดจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เช่น รับจ้างเปิดบัญชีเป็นธุระจัดหาซิมผีบัญชีม้า รวมถึงการเข้าไปร่วมทำธุรกิจหรือถือครองทรัพย์สินซึ่งอาจเข้าข่ายนอมินี จะมีความผิดตามกฎหมาย นอกจากความผิดเรื่องคอลเซ็นเตอร์แล้วยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 และพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 ด้วย
         
ทั้งนี้ประชาชนสามารถแจ้งข้อมูล เบาะแส ชาวต่างชาติ หรือคนไทยต้องสงสัยเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ที่เพจ เฟซบุ๊ก ตำรวจภูธรภาค 2

ชัยวุฒิโชว์ไอเดียเวที THE STATES TIMES หนุนเศรษฐกิจดิจิทัลไทย สู้ภัยอาชญากรรมออนไลน์

เมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.67) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เข้าร่วมงานครบรอบ 4 ปีการก่อตั้งสำนักข่าว THE STATES TIMES พร้อมทั้งได้ขึ้นกล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘Economic Development In the Digital Age’ ณ SCBX Next Tech ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ในปัจจุบันนี้ คนไทยคุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยีกันมามากพอสมควร ซึ่งเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี หรืออินเทอร์เน็ตมากกว่า 90% แล้ว เช่น การซื้อของออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ การทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านออนไลน์ และระบบจ่ายเงินที่เรียกว่า 'พร้อมเพย์' ที่ร่วมมือกันระหว่างธนาคาร สถาบันการเงิน กับธนาคารแห่งประเทศไทย ที่พัฒนาระบบที่เรียกว่า 'mobile banking' ซึ่งทำให้เป็นรากฐานให้เศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทยเติบโตมาอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

รัฐบาลในอดีตหลายรัฐบาลได้วางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ทำให้ทุกวันนี้ ในเมือง ในพื้นที่ชุมชนทั้งหมด สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ในราคาที่จับต้องได้ มีระบบ 5G ที่เพิ่งเกิดขึ้นในรัฐบาลที่แล้ว ทำให้ใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ตโฟนอย่างสะดวกและรวดเร็ว

นายชัยวุฒิกล่าวต่อว่า ทุกวันนี้ ไทยของเราเป็นฮับของอาเซียน หรือศูนย์กลางด้านดิจิทัลในภูมิภาคนี้ นักลงทุนจากทั่วโลกให้ความสนใจประเทศไทย ซึ่งหากเกิดการเชื่อมโยงกับเมียนมา ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ จะทำให้เกิดธุรกิจใหม่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยอย่างยิ่ง

"และล่าสุดก็เริ่มเกิด เอไอคลาวด์ แล้ว เช่น อินวิเดียร์ ที่ทำชิปฯ ประมวลผลด้านกราฟิกจากเอไอ ซึ่งก็จะร่วมลงทุนธุรกิจในเมืองไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อ เพราะนี่จะเป็นอนาคตเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยที่ต้องขับเคลื่อนกันต่อไป" นายชัยวุฒิกล่าว

นายชัยวุฒิได้กล่าวถึงการเปลี่ยนผ่านของประเทศทางเทคโนโลยีของประเทศไทยด้วย โดยระบุว่า สิ่งที่เราควรทำอย่างยิ่งคือการออกกฎหมาย กำกับดูแล เพื่อช่วยคนตัวเล็ก วันนี้ปัญหาที่เกิดจากการใช้ดิจิทัลในเมืองไทยคือความเหลื่อมล้ำ เราต้องกระจายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไปยังพื้นที่ห่างไกล เช่น ชนบท ป่า ทะเล หมู่เกาะ หรือพื้นที่แถบชายแดน 

บริการดาวเทียมให้บริการอินเทอร์เน็ตในไทย หมดสัมปทานไปแล้วกว่า 30 ปี แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ ชื่อว่า Low Earth Orbit หรือ LEO ซึ่งจะทำให้คนใช้อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมได้ในทุกพื้นที่บนโลก ซึ่ง บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กำลังดำเนินการเรื่องนี้และเป็นพันธมิตรกับบริษัทที่ทำธุรกิจในเมืองไทย 

"ผมอยากจะผลักดันให้ NT เปิดบริการธุรกิจ Satellite Broadband ให้เร็วที่สุดเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีได้ครอบคลุม" นายชัยวุฒิกล่าว

นอกจากนี้ นายชัยวุฒิยังได้กล่าวถึงปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ในไทยด้วยว่า ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เป็นเรื่องสำคัญ ผมติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลา และตั้งแต่เมื่อตอนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมก็ได้ให้ความรู้และปัญหาให้แก่ประชาชน และก่อนที่จะพ้นตำแหน่งได้ออกพระราชกำหนด การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ด้วย

ก็ต้องยอมรับว่าการใช้เทคโนโลยีออนไลน์ มีปัญหาอย่างมากเพราะประชาชนถูกหลอกให้ทำธุรกรรมทางการเงิน โดนหลอกโอนเงินผ่านบัญชีม้า จึงได้ออกกฎหมายกำหนดให้การเปิดบัญชีม้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย หากรับจ้างเปิดบัญชีจะมีโทษจำคุก 3 ปี หรือหากถูกหลอกโอนเงินไปแล้วสามารถแจ้งต่อธนาคารเพื่ออายัดบัญชีนั้น ๆ ได้ทันที เพื่อจะได้นำเงินคืนกลับมาได้อย่างเร็วที่สุด

นายชัยวุฒิกล่าวต่อว่าก็ขอฝากการแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันไม่ใช่เป็นเพียงแค่การโกงผ่านไลน์ หรือโอนเงินแล้ว แต่มีอาชญากรรมออนไลน์ที่เรียกว่า 'ดีปเฟค' เป็นการใช้ เอไอ ปลอมเป็นคนอื่น ๆ ทั้งหน้าตา น้ำเสียง ดังนั้นรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องลงมาดูและแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง

"เศรษฐกิจดิจิทัลจะเติบโตไม่ได้เลย หากเราไม่คุ้มครองดูแลความปลอดภัยของประชาชน" นายชัยวุฒิกล่าวปิดท้าย

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการกล่าวปาฐกถาพิเศษโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในหัวข้อ 'Powering the future, Revolutionizing the energy landscape' และ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในหัวข้อ 'Industry 4.0 revolution industry for smart manufacturing' พร้อมทั้งยังมีเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของเมืองไทยมาร่วมในงานครบรอบ 4 ปีของการก่อตั้ง THE STATES TIMES อีกด้วย

สำหรับสำนักข่าว THE STATES TIMES ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2563 โดยจัดเป็นสำนักข่าวออนไลน์สำหรับคนรุ่นใหม่ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกอย่างรอบด้าน ชัดเจน เป็นกลาง และเป็นธรรม

'เผ่าภูมิ' เผย 'ธนารักษ์' ยกเว้นค่าเช่าที่ราชพัสดุ ช่วยน้ำท่วมใต้ เสียหายบางส่วน 1 ปี ทั้งหลัง 2 ปี 

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เผยว่า กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ เล็งเห็นว่า สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ซึ่งเป็นผู้เช่าที่ราชพัสดุได้รับความเสียหายต่อทรัพย์สิน กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ และการดำเนินธุรกิจของประชาชนเป็นอย่างมาก จึงออกมาตรการเร่งด่วน “ยกเว้นค่าเช่าที่ราชพัสดุ สำหรับผู้เช่าที่ราชพัสดุที่ประสบอุทกภัย” ดังนี้

1. ผู้เช่าที่ดินราชพัสดุเพื่ออยู่อาศัย หากอาคารที่พักอาศัยเสียหายบางส่วนให้ยกเว้นค่าเช่า 1 ปี หากเสียหายทั้งหลัง ให้ยกเว้นค่าเช่า 2 ปี โดยความเสียหายทั้งหลังพิจารณาจากสภาพอาคารที่พักอาศัยที่ไม่สามารถเข้าอยู่ได้โดยสิ้นเชิง เนื่องจากตัวบ้านได้รับความเสียหายหรือโครงสร้างของบ้านเสียหายจนไม่สามารถเข้าอยู่อาศัยได้

2. ผู้เช่าที่ดินราชพัสดุเพื่อประกอบการเกษตร หากพืชหรือผลผลิตได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัย ให้ยกเว้นการเรียกเก็บค่าเช่า 1 ปี

3. ผู้เช่าอาคารราชพัสดุและผู้เช่าที่ดินเพื่อประโยชน์อย่างอื่น ให้ยกเว้นการเรียกเก็บค่าเช่าตามข้อเท็จจริงว่า ไม่สามารถดำเนินกิจการตามวัตถุประสงค์ในที่เช่าได้ โดยให้ยกเว้นการเรียกเก็บค่าเช่าเป็นรายเดือนตามข้อเท็จจริง (กรณีผู้เช่าอาคารราชพัสดุ ต้องไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติเป็นเวลาเกิน 3 วัน)   

พี่น้องประชาชนสามารถติดต่อสำนักงานธนารักษ์พื้นที่จังหวัดของท่าน เพื่อขอรับการช่วยเหลือจากกรมธนารักษ์ครับ

'เอกนัฏ' ขึ้นเวที 4 ปี THE STATES TIMES ชูไอเดียดิสรัปอุตสาหกรรม สู่ Industry 4.0

เมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.67) เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการพรรคร่วมไทยสร้างชาติ เข้าร่วมงานครบรอบ 4 ปีการก่อตั้งสำนักข่าว THE STATES TIMES พร้อมทั้งได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ 'Industry 4.0 Revolution industry for Smart Manufacturing' ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร

นายเอกนัฏ กล่าวว่า "ขอแสดงความยินดีต่อสำนักข่าว THE STATES TIMES ในโอกาสครบรอบ 4 ปี ผมมั่นใจว่า THE STATES TIMES สามารถอยู่บนจุดยืนความเป็นสื่อที่เป็นกลางจะสามารถฝ่า Distruption ต่าง ๆ ไปได้อย่างแน่นอน" ในการนี้นายเอกณัฐ ยังกล่าวชื่นชมนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่า ตลอดเวลาการทำงานพีระพันธุ์คือมนุษย์แห่ง Distruption อย่างแท้จริงตั้งแต่โครงการโฮปเวลจนถึงการบินไทย และสองปีล่าสุดในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 

เอกนัฏ เผยว่า สำหรับตัวเขากว่าจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ ก็ลำบากยากเย็น กว่าจะฝ่าด่านมาได้ก็ลำบาก เมื่อเป็นรัฐมนตรีผมก็มาตรวจสอบสถานะของอุตสาหกรรมไทยที่ยังไม่สู้ดี เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นจากโควิด หนี้ครัวเรือนก็ยังอยู่ในสภาวะฝืดเคืองหากมองในแง่จีดีพี สัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมไม่ปรับตัวเปลี่ยนแปลงตามการเปลี่ยนแปลงของโลก 

เอกนัฏ เปรียบว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยเสมือน Cash Cow ที่ผลิตสินค้าแบบใดก็ผลิตแบบนั้นมาตลอด แต่เมื่อโลกเปลี่ยนจึงต้องถูกบีบให้ปรับตัว "ยกตัวอย่างอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ฐานเดิมผลิตรถยนต์สันดาป แต่ปัจจุบันโลกผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่ปรากฏว่าปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าขายดีกว่ารถสันดาป เห็นได้จากยอดจองรถยนต์ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปโลกถูกดิสรัปด้วยยานยนต์ไฟฟ้า"

"เมื่อเราย้อนกลับมาดูบ้านเรายังปรับตัวไม่ทัน ภาคอุตสาหกรรมก็ผลิตแต่สินค้าเดิมๆ ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ตามที่ท่านหัวหน้าพรรคคิดนโยบายรื้อลดปลดสร้างในฐานะรมว.พลังงาน ผมก็คิดว่าจะสร้างภาคอุตสาหกรรมควรทำแบบนั้นเช่นกัน" เอกนัฏ กล่าว

เอกนัฏ เผยอีกว่า ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะผลการเลือกตั้งของสหรัฐ กำลังจะเป็นผลดีให้กับประเทศไทยที่ผู้ประกอบการรายใหญ่จะย้ายฐานเข้ามาไทย นับว่าเป็นโชคดีของประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการแข่งขันของชาติอื่นในอาเซียน ประเทศไทยก็ต้องแข่งขันกับชาติเพื่อนบ้านให้ได้เช่นกัน

เรื่องนี้ถือเป็นโจทย์ให้กระทรวงอุตสาหกรรมที่เป็นทั้งความท้าทายและโอกาส โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ไทยควรปรับฐานการผลิตในประเทศจากฐานรถยนต์สันดาปไปสู่ไฟฟ้า "แต่ก่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่สนใจปรับตัวสู่ไฟฟ้า แต่เมื่อถูกดิสรัปอุตสาหกรรมยานยนต์จึงถูกบีบบังคับให้เป็นต้องปรับสู่ไฟฟ้าเช่นกัน"

เอกนัฏเผยว่าก่อนหน้านี้เขาเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น มีบรรดาผู้บริหารค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นเข้ามาหารือเป็นจำนวนมาก ทุกค่ายต่างเห็นพ้องที่จะเปลี่ยนมาผลิตเครื่องยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ไฮบริด ซึ่งได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการออกสิทธิ์พิเศษด้านภาษี เพื่อเอื้อต่อภาคเอกชนปรับตัวและลงทุนเพิ่มเติมในประเทศไทยจากการผลิตชิ้นส่วนและเครื่องยนต์สันดาปเป็นหลัก มาสู่การผลิตชิ้นส่วนและเครื่องยนต์ไฮบริดหรือไฟฟ้าล้วน

"ต่อไปนี้ไม่เห็นข่าวปิดโรงงานค่ายรถยนต์ของญี่ปุ่นอีกต่อไปแล้ว ประเทศไทยจะได้รับการลงทุนอีกนับแสนล้านบาท" รมว.อุตสาหกรรมกล่าว ยังเผยอีกว่า นอกจากค่ายรถญี่ปุ่นแล้ว บรรดาค่ายรถจีนที่นิยมเข้ามาตั้งโรงงานในไทยเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็มีเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นโอกาสของประเทศไทย

นอกจากนี้ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ นายเอกนัฏเผยว่า กำลังหารือให้ภาคอุตฯดังกล่าวเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ขณะที่ด้านอุตสาหกรรมเกษตร ในฐานะเลขาฯพรรคร่วมไทยสร้างชาติ เขาได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐมนตรีพลังงานในการนำพืชเศรษฐกิจด้านพลังงานมาใช้ให้มากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังสนับสนุนในการปฏิรูประบบราชการเพื่อให้เอกชนสามารถขอใบอนุญาตเพื่อการลงทุนได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

รมว.อุตสาหกรรมยังเผยถึงประเด็นการสนับสนุนภาคเอกชนในการขอใบอนุญาตตั้งกิจการว่า อนาคตจะมีการนำ AI มาช่วยในการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน โดยอาจจะต้องมีการปรับปรุงพรบ.โรงงานที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรมเช่นกัน นอกจากนั้นในด้านผลกระทบจากการผลิตในอุตสาหกรรมนั้น เอกนัฏ เผยว่า ในฐานะรัฐมนตรีอุตสาหกรรม นอกจากรับผิดชอบเรื่องการลงทุนแล้ว ยังต้องรับผิดชอบเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย เขามีเป้าหมายการฟื้นอุตสาหกรรมไทยให้ได้ 1% ของจีดีพีนั้น จะต้องไม่กระทบต่อประชาชนโดยเฉพาะกากอุตสาหกรรมก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน

"จับหมดครับ สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานลงดัมพ์ตลาดไทย เรามีทีมจับกุม จับทุกที จับทุกเวลา เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมไทย" เอกนัฏ กล่าว นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมมือกับแอปพลิเคชัน Traffy Fondue ในการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาสังคมเพื่อจัดการกับสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน

เอกนัฏ กล่าวต่อว่า แม้จะมีการลงทุนมากมายจากต่างชาติ แต่สุดท้ายคนไทยต้องได้รับประโยชน์ คนไทยต้องได้รับการจ้างงาน คนไทยต้องได้พัฒนาทักษะด้านอุตสาหกรรมจากการลงทุนดังกล่าว ทั้งหมดนี้เป็นภารกิจที่เดินหน้าสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจยุคใหม่ 

“เราตั้งใจว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า ภาคอุตสาหกรรมจะกลับมาเติบโต เพิ่มจีดีพีอย่างน้อย 1% โดยไม่พึ่งงบประมาณของภาครัฐ เราทำทันที ทำทุกวินาที ทำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อเติมเต็มศักยภาพของเศรษฐกิจไทย"

เอกนัฏยังเผยว่า หากหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติทำเรื่องพลังงาน ในฐานะรัฐมนตรีอุตสาหกรรมเขาจะทำเรื่องกากอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตอนนี้ ได้ร่างกฎหมายฉบับนี้เสร็จเรียบร้อย ร่างกฎหมายนี้จะให้อำนาจเจ้าหน้าที่จัดการผู้ประกอบการจัดการกับขยะอุตสาหกรรมอย่างไม่เหมาะสม นอกจากนี้เรายังสนับสนุนการรีไซเคิลเช่นกัน เรามีแผนจะร่างกฎหมายด้านการผลิตจากชิ้นส่วนรีไซเคิล เพราะในฐานะที่ประเทศไทยจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว เราควรมีมาตรการรีไซเคิลในด้านนี้ด้วยเช่นกัน 

"หากท่านพีระพันธุ์ดิสรัปพลังงานแล้ว ผมเอกนัฏขอดิสรัปภาคอุตสาหกรรมครับ" 

ภายในงานยังมีการกล่าวปาฐกถาพิเศษโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษภายใต้หัวข้อ Powering the future, Revolutionizing the energy landscape และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในหัวข้อ “Digital Economy: การพัฒนาอีกชั้นในยุคดิจิทัล” พร้อมทั้งยังมีเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของเมืองไทยมาร่วมในงานครบรอบ 4 ปีของการก่อตั้ง THE STATES TIMES อีกด้วย ทั้งนี้ สำหรับสำนักข่าว THE STATES TIMES ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2563 โดยจัดเป็นสำนักข่าวออนไลน์สำหรับคนรุ่นใหม่ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกอย่างรอบด้าน

'พีระพันธุ์' ลั่นบนเวที 4 ปี THE STATES TIMES ขอดิสรัปนโยบายพลังงาน เพื่ออนาคตของคนไทย

เมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้าร่วมงานครบรอบ 4 ปีการก่อตั้งสำนักข่าว THE STATES TIMES พร้อมได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ 'Powering the future, Revolutionizing the energy landscape' ณ SCBX Next Tech ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร

การกล่าวปาฐกถาพิเศษในครั้งนี้ของนายพีระพันธุ์ เป็นการเน้นย้ำถึงนโยบาย “รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง พลังงานไทย” โดยระบุว่า ที่ผ่านมาคำว่า 'ปฏิรูป' เป็นคำที่ถูกพูดถึงในการเปลี่ยนแปลงประเทศ แต่ตอนนี้หลายเรื่องเลยคำว่า 'ปฏิรูป' ไปมากแล้ว เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่ต้องปฏิรูป แต่ต้องรื้อทิ้ง โดยเฉพาะระบบราชการ เพราะถ้ารื้อได้ การใช้ชีวิตและการทำธุรกิจของประชาชนก็จะง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก

นายพีระพันธุ์ ได้ยกตัวอย่างปัญหาที่สะท้อนเรื่องนี้ได้ดี อย่างปัญหาราคาน้ำมัน ที่ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาราคาน้ำมันสามารถปรับขึ้นลงได้ตามใจชอบของผู้ประกอบการ ซึ่งนั่นเป็นเพราะไม่มีกลไกของคณะกรรมการฯที่จะมาควบคุมการขึ้นลงของราคาน้ำมัน อีกทั้งยังไม่มีใครทราบต้นทุนที่แท้จริงของราคาน้ำมัน ซึ่งนั่นทำให้คนไทยต้องจ่ายค่าน้ำมันในราคาแพง

ที่สำคัญที่สุด คือ ไม่น่าเชื่อว่า ประเทศไทยจะไม่มีน้ำมันสำรองที่เป็นของรัฐเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน โดยที่มีอยู่เป็นเพียงคลังน้ำมันสำรองของภาคเอกชนที่จะใช้ได้เพียง 25 วันหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ต่างจากประเทศสากลที่รัฐจะมีคลังน้ำมันสำรองของตัวเองไว้ใช้อย่างน้อย 90 วัน

ดังนั้นขณะนี้จึงเป็นเวลาแห่งการรื้อถอนระบบน้ำมันและพลังงานไทย โดยตัวเองเตรียมออกกฎหมาย 3 ฉบับ ประกอบด้วย กฎหมายกำกับดูแลการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ที่จะมีคณะกรรมการมากำกับดูแลราคาน้ำมันและชี้แจงตรวจสอบได้ว่าทำไมราคาน้ำมันจึงขึ้นหรือลง ทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้ค้าน้ำมันกำหนดราคาได้เองตามต้นทุนที่แท้จริง ที่สำคัญที่สุด คือ ประชาชนจะได้ทราบราคาต้นทุนที่แท้จริงของน้ำมันอย่างที่ไม่เคยทราบมาก่อน กฎหมายฉบับที่สอง คือ กฎหมายการจัดทำระบบสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์เพื่อความมั่นคงของประเทศ หรือ SPR (Strategic Petroleum Reserve) ที่จะมาช่วยสร้างความมั่นคงให้ประเทศชาติและประชาชน เพื่อให้รัฐมีคลังน้ำมันสำรองที่เป็นของตัวเอง และกฎหมายฉบับสุดท้าย คือ การสนับสนุนให้ประชาชนได้ใช้โซลาร์เซลล์อย่างเสรีและเข้าถึงได้อย่างแท้จริง ผ่านการออกกฎหมายอนุญาตส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์เซลล์) ที่จะเปลี่ยนจากการขออนุญาตใช้เป็นแจ้งให้ทราบในการใช้โซลาร์เซลล์แทน

สำหรับร่างกฎหมาย 3 ฉบับนี้คาดว่าจะเริ่มเข้าสภาได้ในช่วงต้นปีหน้า พร้อมกันนี้นายพีระพันธุ์ ย้ำด้วยว่า ตอนนี้โลกอยู่ในยุค Disruption ที่จำเป็นทุกคนต้องปรับตัว เพื่อให้อยู่รอดและไม่ให้เกิดปัญหา

"ที่บอกว่า Disruption ตัวเองจะเป็นคน Disruption ระบบพลังงานไทย แต่จะไม่ยอมให้ใครมา Disruption ประชาชน และต้องคืนอำนาจให้ประชาชนอย่างแท้จริง นี่คือนโยบายรื้อ-ลด-ปลด-สร้าง"

ท้ายสุดนายพีระพันธุ์ ได้กล่าวแสดงความยินดีและอวยพรกับสำนักข่าว THE STATES TIMES พร้อมร่วมถ่ายรูปกับผู้บริหารของ THE STATES TIMES ด้วย

ภายในงานยังมีการกล่าวปาฐกถาพิเศษโดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในหัวข้อ 'Industry 4.0 revolution industry for smart manufacturing' และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในหัวข้อ 'Digital Economy: การพัฒนาอีกชั้นในยุคดิจิทัล' พร้อมทั้งยังมีเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของเมืองไทยมาร่วมในงานด้วย

สำหรับสำนักข่าว THE STATES TIMES ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2563 โดยจัดเป็นสำนักข่าวออนไลน์สำหรับคนรุ่นใหม่ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกอย่างรอบด้าน

ก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อเป็นสื่อที่ดี ชัดเจน เป็นกลาง

พร้อมก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ด้วยความมุ่งมั่น เคียงข้างประชาชน และรายงานข่าวด้วยหัวใจ ❤️✨


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top