Monday, 28 April 2025
NEWS

อาลัย ‘สันติ ลุนเผ่’ นักร้องเสียงทรงพลัง ศิลปินแห่งชาติ ถึงแก่กรรมอย่างสงบด้วยวัย 88 ปี

มีรายงานข่าวเศร้า การสูญเสียครั้งสำคัญของวงการเพลงและศิลปินไทย ข่าวการจากไปของ ร.ต.สันติ ลุนเผ่ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีสากล - ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. 2558 ถึงแก่กรรมอย่างสงบด้วยวัย 88 ปี

ประวัติ สันติ ลุนเผ่
เรือตรี สันติ ลุนเผ่ เกิดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2479 ชื่อเดิมว่า ไพศาล ลุนเผ่ เป็นนักร้องชายชาวไทย เกิดที่บ้านในย่านวัดราชบพิธ กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของหม่องลุนเผ่ หม่องลุนเผ่นั้นเป็นนักร้องละครชาวพม่า อพยพมาอยู่ ณ จังหวัดลำปาง แล้วนำชื่อ ลุนเผ่ มาใช้เป็นชื่อสกุล ก่อนย้ายรกรากมายังกรุงเทพมหานคร

มีชื่อเสียงในฐานะเป็นนักร้องประจำคณะดุริยางค์แห่งกองทัพไทย และมีน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในผลงานด้านเพลงปลุกใจ, เพลงคลาสสิก และเพลงประกอบภาพยนตร์ โดยเฉพาะ เพลง ‘หนักแผ่นดิน’, ‘ความฝันอันสูงสุด’, ‘ทหารพระนเรศวร’, ‘ดุจบิดามารดร’, ‘เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย’, ‘แด่ทหารหาญในสมรภูมิ’ และ ‘มาร์ชทหารไทย’ สันติได้บันทึกแผ่นเสียงเพลงแรกโดยวงดนตรีวายุบุตรคือเพลง ‘คมแสนคม’ ผลงานของ เชาว์ แคล่วคล่อง เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ไทยเรื่อง ‘คมแสนคม’ ในปี พ.ศ. 2507

สันติ ลุนเผ่ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม เป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีสากล - ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. 2558

ไพศาล หรือ สันติ ได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนอัสสัมชัญ จนสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาในปี 2496 และศึกษาต่อที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สันติ ลุนเผ่ มีชื่อเสียงจากการขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ และเพลงรักชาติ เป็นจำนวนมากเช่น ความฝันอันสูงสุด ทหารพระนเรศวร ดุจบิดามารดร เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย แด่ทหารหาญในสมรภูมิ มาร์ชทหารไทย หนักแผ่นดิน ถามคนไทย ได้เข้ารับราชการทหารเรือ ประจำวงดุริยางค์ทหารเรือ มีหน้าที่สอนขับร้อง และเรียบเรียงเสียงประสาน จนกระทั่งนาวาเอกสำเร็จ นิยมเดช อดีตผู้บังคับกองดุริยางค์ทหารเรือ เสียชีวิต จึงลาออกจากราชการ

ก่อนเสียชีวิต สันติ ลุนเผ่ ประกอบอาชีพร้องเพลง สอนขับร้องดนตรีคลาสสิก และเป็นที่ปรึกษาคณบดี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล

‘เนเน่ รัดเกล้า’ เตรียมบุกเข้า!! กระทรวงศึกษาธิการ 12 ธ.ค.นี้ เพื่อหารือ กรณีการปิดตัวของ โรงเรียนธรรมภีรักษ์รุ่งประชา

(10 ธ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 12 ธ.ค. 2567 เวลา 12:30 น. เนเน่ รัดเกล้า อดีตผู้สมัคร กทม. เขตบางพลัด บางกอกน้อย จะนำตัวแทนผู้ปกครอง ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดตัวอย่างกระทันหันของ โรงเรียนธรรมภีรักษ์รุ่งประชา แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด เข้าหารือ สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจํากระทรวงศึกษาธิการ ณ กระทรวงศึกษาธิการ 

ประเด็นการหารือมี 4 ข้อดังต่อไปนี้

1. บทบาทและหน้าที่ของ สำนักงาน คณะกรรมการ ส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ในการช่วยเหลือผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบครั้งนี้

2. ปัญหาค่าใช้จ่ายที่ผู้ปกครองต้องแบกรับ เช่น ค่าแรกเข้าโรงเรียนใหม่ เป็นต้น

3. ความเป็นธรรมในการรับเอกสารของบุตรหลาน เพื่อนำไปสมัครที่โรงเรียนใหม่ ในขณะที่ผู้ปกครองยังมีสภาพเป็นหนี้ ค่าเทอมของโรงเรียนธรรมภีรักษ์รุ่งประชา 

4. เรียกร้องการแก้กฏหมาย เพื่อบังคับให้การปิดกิจการโรงเรียน ต้องมีการวางแผนล่วงหน้าและแจ้งผู้ปกครองให้ทราบเรื่อง นานกว่า 1 เดือน

‘THE STATES TIMES’ ก้าวสู่ปีที่ 5

‘THE STATES TIMES’ ก้าวสู่ปีที่ 5 ด้วยความมุ่งมั่นในการเป็นสื่อที่คนรุ่นใหม่ไว้วางใจ 📰
📅 12 ธันวาคม 2567
มาร่วมสร้างแรงบันดาลใจในงานเสวนาที่จะพาคุณก้าวข้ามความท้าทาย สู่อนาคตที่สดใส

✨ ปาฐกถาพิเศษจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีชั้นนำ
✨ วิสัยทัศน์ด้านพลังงาน อุตสาหกรรม และเศรษฐกิจดิจิทัล

สนใจลงทะเบียนร่วมงาน คลิกเลย 👉 https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdcIJhjLXtJ95Qd5-C3f53qm5MuVsKITj5Nfs5bh_73LEBfAA/viewform

‘ซูบารุ ประเทศไทย’ ยัน!! ยังขายรถนำเข้าจาก ‘ญี่ปุ่น’ โดยจะชัดเจนในปีหน้า ลั่น!! จะดำเนินคดีตามกฎหมาย กับผู้ที่สร้างข่าวปลอม นำเข้าข้อความเท็จ

(10 ธ.ค. 67) บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายรถซูบารุในประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ...

บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายรถซูบารุในประเทศไทย ได้ถูกกล่าวพาดพิงถึงในเชิงที่สร้างความเสียหายแก่ธุรกิจว่ามีการเลิกจ้างพนักงาน โดยผู้เผยแพร่มิได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับบริษัทฯ

ซูบารุ ประเทศไทย ขอยืนยันอีกครั้งว่า “ยังคงดำเนินธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทย” ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ได้แจ้งแก่สาธารณชนแล้วว่าจะปรับเปลี่ยนจากการจำหน่ายรถผลิตในประเทศไปจำหน่ายรถนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น โดยมีแผนการนำเข้ารถอย่างชัดเจนในปีหน้า 

กระนั้น ยังคงมีเพจที่เผยแพร่ข่าวปลอม ซึ่งซูบารุจะดำเนินการทางกฏหมายอย่างถึงที่สุด ในคดีการนำเข้าข้อความอันเป็นเท็จตามพรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 กับเพจดังกล่าวนี้

หากไม่ทำการแก้ข่าว และลงแถลงการณ์ขอโทษต่อบริษัทฯ ในรูปแบบและช่องทางเดียวกันกับที่เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ และขอขอบคุณเพจที่ได้แก้ไขแล้วมา ณ ที่นี้

Sema Loveking

Siam Drama Addict

นิวส์ชลบุรี-ระยอง ออนไลน์

Kapook

EV Thailand รถยนต์ไฟฟ้า

Theinsight

BizpromptinfoFanpage

Tiger Black

นิคมอุตสาหกรรม 304 ปราจีนบุรี

ของดีประเทศไทย

บางกอก ทูเดย์

มนุษย์โรงงาน

แก้หนี้มาหาพี่น้อย

‘ศศิกานต์’ เชิญชวน!! คนไทยท่องเที่ยว ช่วงเทศกาล ส่งความสุข!! พร้อมดีลพิเศษ เพียงจองผ่านเว็บไซต์

(10 ธ.ค. 67) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี    กล่าวว่า ขอเชิญชวนคนไทยเดินทางท่องเที่ยว ช่วงเทศกาลท่องเที่ยว นี้ ผ่านโครงการ ‘สุขทันที ปลายปีเที่ยวไทย’ มุ่งสร้างกระแสการเดินทางภายในประเทศช่วงปลายปี โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้เปิด www.สุขทันทีปลายปีเที่ยวไทย.com  ซึ่งรวบรวมที่พักชั้นนำจากทั่วประเทศในสไตล์ที่หลากหลายกว่า 200 แห่ง ให้สามารถเลือกโปรโมชั่นส่วนลดสุดพิเศษ  โดยจองผ่านเว็บไซต์ www.สุขทันทีปลายปีเที่ยวไทย.com  ซึ่งมีส่วนลดตั้งแต่ 15-35% และสามารถรับส่วนลดเพิ่มอีก 5-10% เมื่อจองผ่านเว็บไซต์นี้ ทำให้ได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 45% สำหรับโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ มีหลากหลายระดับทั้งโรงแรมชั้นนำที่ได้รับรางวัล และโรงแรมเครือดังที่ไม่เคยลดราคามาก่อน

ผู้ที่สนใจจองห้องพักสามารถเลือกใช้ 2 วิธีง่ายๆ บนเว็บไซต์ www.สุขทันทีปลายปีเที่ยวไทย.com  ดังนี้

1.เลือกโรงแรมที่ชอบ จากนั้นระบบจะนำไปที่เว็บจองของโรงแรมนั้นโดยตรง กรอกรหัส ‘happynow’ เพื่อรับส่วนลดพิเศษทันที

2.กรอกรหัส ‘happynow’ บนเว็บของโรงแรมที่เลือก ระบบจะยืนยันผ่านอีเมลพร้อมเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทาง

“ผู้สนใจสามารถจองได้ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2567 - 31 มีนาคม 2568 และสามารถเข้าพักในโรงแรมหรือที่พักที่ได้ทำการจองไว้ได้ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 31 มีนาคม 2568 ติดตามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมที่ Facebook: Amazing ไทยแลนด์ หรือโทร 1672 Travel Buddy” นางสาวศศิกานต์ กล่าวทิ้งท้าย

'ดร.กอบกฤตย์' รับเชิญ 'กสทช.' ร่วมเสวนา 'ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพการเข้าถึงดิจิทัล' ในงาน 'สัมมนาการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการเข้าถึงดิจิทัล ผ่านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม'

ดร.กอบกฤตย์ วิริยะยุทธกร ได้รับเชิญจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้ร่วมเสวนาหัวข้อ 'การขับเคลื่อนการเข้าถึงดิจิทัลของคนทุกคนกับแนวคิด Inclusive Design และ Assistive Technology' ภายในงานสัมมนาที่ จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ โรงแรมอมารี หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ ในการเข้าถึงดิจิทัล พร้อมเผยโครงการพัฒนา AI เพื่อช่วยเหลือผู้พิการทางหูและตา ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

งานสัมมนาได้รับเกียรติจาก นายต่อพงศ์ เสลานนท์ กสทช. ด้านการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน, ดร.ฉันทพัทธ์ ขำโคกกรวด นักวิชาการนโยบายและแผนเชี่ยวชาญพิเศษ และผู้เชี่ยวชาญจากหลายองค์กรที่มา ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมฟังอย่างคับคั่ง

งานเริ่มต้นด้วยการกล่าวรายงานโดย ดร.ฉันทพัทธ์ ขำโคกกรวด ตามด้วยการกล่าวเปิดงานโดย นายต่อพงศ์ เสลานนท์ ซึ่งได้บรรยายพิเศษในหัวข้อ “Digital Inclusion | สิทธิของทุกคนในการเข้าถึงดิจิทัล ผ่านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม”

ในการเสวนาหัวข้อ 'การขับเคลื่อนการเข้าถึงดิจิทัลของทุกคนกับแนวคิด Inclusive Design และ Assistive Technology' ดร.กอบกฤตย์ วิริยะยุทธกร นายกสมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย ร่วมเสวนากับดร.ตรี บุญเจือ, นายณัฐพล ราธี และนางสาวปนัดดา ประสิทธิเมกุล ซึ่งได้มีการแบ่งปันความคิดเห็นและประสบการณ์ในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีที่เอื้อต่อการเข้าถึงของทุกคน

ดร.กอบกฤตย์กล่าวว่า ปัญญาประดิษฐ์ถือเป็นเมกะเทรนด์ของโลก โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลดิจิทัลเพิ่มขึ้นถึง 100 เท่า พร้อมกับการพัฒนาเครื่องมือคำนวณและโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Chat GPT ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงข้อมูลและแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถนำไปใช้งานได้

 “AI เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยเหลือผู้พิการในหลายด้าน เช่น การแปลงข้อความเป็นเสียงหรือภาพ เพื่อให้ผู้พิการทางสายตาสามารถเข้าใจเนื้อหาได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังสามารถแปลงข้อความเป็นภาษามือและสร้างซับไตเติ้ลให้กับวิดีโอได้อีกด้วย” ดร.กอบกฤตย์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ดร.กอบกฤตย์ยังกล่าวถึงความท้าทายในการพัฒนา AI สำหรับผู้พิการ โดยเฉพาะเรื่องมาตรฐานและข้อมูลที่จำเป็นในการสร้างระบบ AI ที่มีประสิทธิภาพ “ปัญหาหลักอยู่ที่เรายังขาดมาตรฐานที่ชัดเจนในการสื่อสารและการจัดเตรียมข้อมูลเพื่อสอน AI ทำให้เราจำเป็นต้องพัฒนาคลังข้อมูลที่หลากหลายและถูกต้อง”

งานเสวนาในครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพการเข้าถึงดิจิทัลและสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนทุกกลุ่มในสังคมไทย

‘จักรภพ’ ข้ามขั้ว!! จัดรายการให้ ‘ท็อปนิวส์’ เทปแรก ผลตอบรับดีเกินคาด ชี้!! นี่คือ ‘กูรูด้านต่างประเทศ’

(10 ธ.ค. 67) หลังมีคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกับการไปจัดรายการช่อง TOP NEWS  ของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการโดดไปร่วมงานกับช่องโทรทัศน์ที่มีความเห็นทางการเมืองต่างขั้วอย่างสิ้นเชิง จนหลายฝ่ายจับตาถึงท่าทีของนายจักรภพ ต่อการทำหน้าที่ในครั้งนี้ 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2567 นายจักรภพ ได้จัดรายการ ร่วมกับนายอุดร แสงอรุณ บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ เป็นเทปแรก โดยนายจักรภพ ได้วิเคราะห์ 3 สถานการณ์ทางการเมืองต่างประเทศที่กำลังอยู่ในความสนใจของคนทั้งโลก ทั้งเรื่องประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายยุน ซ็อกย็อล ประกาศกฎอัยการศึกท่ามกลางความสงสัยของคนทั้งประเทศและทั่วโลกว่าทำไมต้องทำ ทั้งที่สถานการณ์ไม่ได้เอื้ออำนวย โดยนายจักรภพได้วิเคราะห์เจาะลึกถึง สาเหตุเกิดจากความขัดแย้งกันทางการเมืองภายใน ที่คุกรุ่นมาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา จนนำไปสู่การประกาศอัยการศึก ซึ่งเป็นเรื่องเกินจินตนาการของคน และถือเป็นการประเมินการสถานการณ์ผิดพลาดอย่างมากของนายยุน ซ็อก ย็อล ที่ต้องหมดอนาคตทางการเมืองในที่สุด 

นายจักรภพ ยังได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์สหรัฐ หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย และรอพิธีสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ วันที่ 20 มกราคม 2568 โดยขณะนี้ทรัมป์ ก็กำลังเลือกทีมทำงานอย่างเข้มข้น ท่ามกลางการถูกจับตาว่า เขาตั้งคณะรัฐมนตรี ในตำแหน่งสำคัญจากเงาสะท้อนของตัวเอง ไม่ได้ตั้งคนที่จะมาช่วยคิดที่จะมาเติมเต็มใด ๆ โดยเฉพาะเรื่องการแสดงท่าทีต่อจีน และสงครามยูเครน ซึ่งผู้ที่คาดการณ์ว่าจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศคือ นายมาร์โก รูบิโอ ซึ่งเป็นคนที่ต่อต้านจีนอย่างหนัก  รวมทั้งประกาศกร้าวก่อนหน้านี้ว่าจะยุติสงครามยูเครนอย่างรวดเร็วด้วย อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับสมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐจะเป็นผู้ตัดสินชี้อีกครั้งว่าเหมาะสมหรือไม่  

นอกจากนี้ นายจักรภพ ยังได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นเรื่องมหาอำนาจของมหาอำนาจงัดข้อกันเอง โดยเฉพาะกรณีกบฏซีเรียบุกเข้ายึดเมืองอเลปโป้ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของรัฐบาลซีเรีย เชื่อมโยงกับการช่วยเหลือของรัสเซีย รวมทั้งสถานการณ์ยูเครน ที่ยังไม่สงบ และจะส่งผลกระทบต่อไทยและต่อโลกอย่างแน่นอน หากทรัมป์ตัดความช่วยเหลือทั้งหมด ขณะที่รัสเซียต้องเข้าไปวุ่นวายทั้งสมรภูมิ ยูเครน และซีเรีย นั่นหมายความว่าจีนซึ่งมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของรัสเซีย จะเป็นผู้อำนาจสูงสุดในการจัดระเบียบโลก 

“และในฐานะที่ประเทศไทยอยู่ใกล้กับจีน เรายิ่งต้องระวังในเรื่องของดุลยภาพ แน่นอนว่าเราอยากคบกับจีน เพราะจีนมีศักยภาพ ขณะเดียวกันเราก็ต้องการคบ และต้องการค้าขายกับคนอื่นด้วย ดังนั้น ไทยจะต้องมีขีดความสามารถในการเลือกข้าง โดยไม่ให้ใครมาว่าเราได้ว่าเลือกทางนี้ไม่เอาทางโน้น ดังนั้นเราต้องจับตาการตัดสินใจของประธานาธิบดี ปูติน แห่งรัสเซีย ต่อสถานการณ์ซีเรียและยูเครน ซึ่งแน่นอนว่านโยบายต่างประเทศของเราจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก” นายจักรภพ กล่าว  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดรายการ มีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก และมีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางบวก ที่มองว่า นายจักรภพ วิเคราะห์ข่าวได้คม เป็นผู้ที่รู้ลึกรู้จริงด้านต่างประเทศเกินความคาดหมาย และการสื่อสารได้ชัดเจน จะช่วยให้คนไทยได้เข้าใจโลกใบนี้ได้มากขึ้น

กมธ. เตรียมสรุปมาตรการคุมบุหรี่ไฟฟ้าในไทยยันป้องกันเด็กและเยาวชน แต่ต้องไม่ริดรอนสิทธิในทางเลือกของผู้สูบบุหรี่

(10 ธ.ค. 67) โฆษก กมธ. วิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ย้ำศึกษากฎหมายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างโปร่งใส พิจารณาข้อมูลจากทุกฝ่าย และใกล้สรุปรายงานฉบับสมบูรณ์เพื่อเสนอสภาฯ ภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ เข้าใจสังคมและฝ่ายสุขภาพกังวลเรื่องเด็กใช้บุหรี่ไฟฟ้า ชี้ กมธ. เห็นปัญหาและต้องการแก้ไขอย่างรอบด้าน ไม่ผลักให้ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย

กรณีการจัดเวทีเสียงประชาชน รัฐบาลและรัฐสภารวมพลังคนไทยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นายทศพร ทองศิริ อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการชี้แจงความคืบหน้าการทำงานของ กมธ. ว่า “คณะกรรมาธิการฯ เริ่มดำเนินงานตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 โดยเชิญหน่วยงานภาครัฐ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ตัวแทนสมาคมแพทย์ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งฝ่ายสนับสนุนและต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้า มาร่วมแสดงความคิดเห็น มีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการ 2 คณะ เพื่อพิจารณากฎหมายและรวบรวมข้อมูล ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสรุปผลและจัดทำรายงาน รายงานฉบับดังกล่าวจะเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา 3 ทางเลือก ได้แก่ 1) การคงการแบนบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบใช้ความร้อน พร้อมเพิ่มมาตรการปราบปรามเข้มงวด 2) การคงการแบนบุหรี่ไฟฟ้าแต่ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบใช้ความร้อน และ 3) การควบคุมผลิตภัณฑ์ทั้งสองแบบภายใต้กฎหมาย”
 
พร้อมเสริมว่า “การศึกษานโยบายบุหรี่ไฟฟ้าที่ผ่านมา มีการดำเนินงานอย่างโปร่งใส มีการพิจารณาข้อมูลจากทุกฝ่าย คณะกรรมาธิการประกอบด้วยสมาชิก 35 คน มาจากทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ข้อกล่าวหาที่ว่าการทำงานของ กมธ. ถูกแทรกแซงโดยกลุ่มอุตสาหกรรมยาสูบจึงเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เป็นการกล่าวอ้างที่ไร้ความรับผิดชอบ กมธ. เห็นว่า วิธีที่ดีที่สุดในการศึกษาประเด็นต่างๆ คือการรวมความเห็นและข้อมูลจากทุกกลุ่ม เพื่อให้แน่ใจว่ารายงานจะครบถ้วน รอบด้าน สมบูรณ์ ดังนั้น การรวมมุมมองที่หลากหลาย รวมถึงมุมมองของผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า จึงเป็นส่วนสำคัญในการพิจารณานโยบายและกฎระเบียบที่เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าอย่างสมดุล เหมาะสม และทั่วถึง”
 
นายทศพร ยังกล่าวถึงความกังวลเรื่องการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนว่า “เรื่องนี้กำลังเป็นที่กังวลของคนในสังคม ซึ่ง กมธ. ยินดีรับฟังเสียงของประชาชน และเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่รอบคอบและมีประสิทธิภาพ เราเข้าใจและรับฟังข้อเสนอของฝ่ายสุขภาพ แต่ก็ต้องพิจารณามิติในด้านอื่นให้รอบด้าน ไม่สามารถมองเฉพาะมิติด้านสุขภาพเพียงอย่างเดียวได้ ยกตัวอย่างเช่น มิติทางเศรษฐกิจ มิติทางสังคม มิติทางกฏหมายและการบังคับใช้ เป็นต้น เราดูทั้งบริบทในประเทศ และตัวอย่างจากประเทศที่ทั้งควบคุมให้ถูกกฎหมาย จึงอยากให้นำเรื่องนี้มาช่วยกันพิจารณาหาทางแก้ไขปัญหา แต่อยากให้ใช้กลไกของรัฐสภาในการพูดคุยกันอย่างมีเหตุผลมากกว่าที่จะผลักให้ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นอาชญากรที่ทำผิดกฎหมาย

หาทางออก!! แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ในเวทีสานพลังไทย รับมือ!! ‘สังคมสูงวัย’

(10 ธ.ค. 67) ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช  ผู้ทรงคุณวุฒิ ประธานการประชุมกล่าวเปิดว่า มุมมองของคนไทยต่อ ‘สังคมสูงวัย’ ยังค่อนข้างแคบ หลายคนยังมองว่าสังคมสูงวัยเป็นเรื่องของ ‘ผู้สูงอายุ’ เท่านั้น โดยเน้นไปที่ความจำเป็นในการดูแลสุขภาพ หรือการจัดสวัสดิการสำหรับผู้สูงวัย แต่ในความเป็นจริง สังคมสูงวัยคือเรื่องของ ‘ทุกคน’ และทุกช่วงวัยในสังคม  พร้อมเสนอข้อคิดมุมมองเพื่อการเตรียมรับมือสังคมสูงวัยไว้  5 ประการ คือ

(1) รณรงค์สร้างความรู้ ว่าผู้สูงอายุ คือพลัง ไม่ใช่ภาระ ผู้สูงวัยมีศักยภาพที่จะเป็น ‘ครูชีวิต’ ที่ดีได้  การเรียนรู้ตลอดชีวิตไม่จำกัดเฉพาะช่วงวัยใดวัยหนึ่ง แต่เป็นพื้นฐานที่ทุกคนควรมี เพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงรอบตัว

(2) ให้มีกลไกสานพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน ให้เข้ามาขับเคลื่อนงานในลักษณะการนำหมู่ (Collective Leaderships) 

(3) ปรับสภาพแวดล้อมทั้งในเชิงพื้นที่และกลไกให้เอื้อต่อการดำรงชีวิต การทำงาน และการเรียนรู้ร่วมกันของผู้สูงอายุและคนทุกวัย เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ช่วยลดช่องว่างระหว่างวัย

(4) ใช้วัฒนธรรม ‘สังคมเกื้อกูล’ เป็นธงนำ ใช้รูปแบบวัฒนธรรมของการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และ 

(5) ขยายผลนวัตกรรมและรูปธรรมความสำเร็จไปสู่วงกว้าง อย่างการปรับตัวของภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และประชาชน

“การที่ 12 องค์กรร่วมกันสานพลังทำงานนี้บนแนวคิด สานพลังไทย รับมือสังคมสูงวัย ไปด้วยกัน  เป็นการเดินในทิศทางที่ถูกต้อง เหมาะสม   และมองว่าการเข้าสู่สังคมสูงวัยเป็นโอกาสที่เราจะร่วมมือกันสร้างสรรค์สังคมที่เป็นสุข สังคมที่เกื้อกูลกัน สามารถเติบโตไปพร้อมกันได้อย่างยั่งยืน มุ่งมั่นที่จะใช้ศักยภาพของตนเอง และส่งเสริมการใช้ศักยภาพของผู้สูงวัยอย่างมีคุณค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด” นายแพทย์วิจารณ์ กล่าว

นพ.สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่าการขับเคลื่อนเพื่อรองรับสังคมสูงวัย เป็นภารกิจใหญ่และสำคัญ มีทั้งโอกาสและความท้าทายมากมาย ไม่สามารถดำเนินการเพียงลำพังโดยกลไกภาครัฐเท่านั้น จำเป็นต้องมีการสานพลังทั้งสังคม เพื่อการขับเคลื่อนร่วมกันอย่างเป็นระบบ และเกิด ความรับผิดชอบร่วมและการขับเคลื่อน ซึ่งการจัดประชุมวิชาการครั้งนี้  เพื่อให้เกิดการสานพลังองค์กรภาคีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนานโยบายรองรับสังคมสูงวัย  พัฒนาวิชาการและองค์ความรู้จากประสบการณ์ขององค์กรภาคีเครือข่าย และสังเคราะห์ข้อเสนอเชิงนโยบายนำไปสู่ขับเคลื่อนรองรับสังคมสูงวัยทั้งในระดับชาติและระดับพื้นที่ 

รศ.ดร.เจิมศักดิ์  ปิ่นทอง  ผู้ทรงคุณวุฒิและอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ปาฐกถาพิเศษเรื่อง ‘สังคมสูงวัย…จุดเปลี่ยนสู่ศักยภาพใหม่ของสังคมไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า’ โดยกล่าวว่า หากปล่อยปัญหาเรื่องสังคมสูงวัยไปไม่มีการดำเนินการใดๆ  และยังคงให้มีปัญหาผลกระทบในอีกสิบปีข้างหน้าจะหนักขึ้นไปเรื่อยๆ เช่น ยังไม่มีหน่วยงานเจ้าภาพหลักในการแก้ไขปัญหาเด็กเกิดใหม่ลและความพร้อมของครอบครัวที่มีคุณภาพก็ลดน้อยลง  ผู้สูงวัยไม่สามารถพึ่งพิงตนเองได้จึงเป็นภาระของวัยคนทำงาน ไม่มีเงินออม คนจน ความเหลื่อมล้ำ อาชญากรรมจะมีมากขึ้น รัฐเก็บภาษีอากรได้น้อยลงเพราะคนทำงานมีน้อยลง ขณะที่หนี้สาธารณะมีมากขึ้น สวัสดิการมีไม่เพียงพอ ยังไม่สามารถพึ่งพาเทคโนโลยีได้แม้มีหุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุแต่ก็ไม่อาจฝากชีวิตได้  มองว่าทุกภาคส่วนต้องร่วมแก้ไขปัญหาเดี๋ยวนี้ ช่วยกันปลุกเตือนให้ทุกคนได้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนประเทศไทยด้วยการสานพลัง มีระบบช่วยดูแลผู้สูงอายุ มีการปรับสภาพแวดล้อมทางกายภาพให้เอื้อกับผู้สูงวัย รัฐบาลส่วนกลางต้องรับผิดชอบและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ มีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยเฉพาะ คิดและทำให้ประชากรแก่ให้ช้า โดยการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและมีสุขภาพดียาวนานที่สุด  ให้ระยะเวลาเจ็บป่วยเกิดสั้นที่สุด พึ่งพาตัวเองให้ยาวที่สุด เสริมทัศนคติให้ระยะเวลาทำงานยาวขึ้น ออมตั้งแต่วัยหนุ่มสาว เพราะออมเมื่อสูงอายุแล้วจะไม่ทัน

นายวีระศักดิ์  โควสุรัตน์  ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯ และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรและอดีตสมาชิกวุฒิสภา  ปาฐกถาก่อนปิดการประชุม ในหัวข้อ ‘ต่อยอดจุดแข็งประเทศไทย ไปสู่  Smart Aging Society’  กล่าวว่า สถานการณ์โครงสร้างประชากรทั่วโลกที่ลดน้อยลง ฐานปิรามิดประชากรใน 100 ปีข้างหน้า จะผอมลงมาก  และสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ทำให้คนไม่กล้ามีลูก ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ทางการเมืองในช่วง  20 ปีที่ผ่านมาไม่มีเสถียรภาพ จึงไม่มีสมาธิที่จะเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างประชากรที่ลดน้อยลง  สภาพโลกร้อนขึ้นไม่หยุด รวมถึงนโยบายเลือกเฟ้นคนเข้าเมือง นโยบายถิ่นที่อยู่ นโยบายสัญชาติ ที่น่าจะสามารถเลือกสรรคนมีความสามารถจากทั่วโลกมาร่วมพัฒนาบ้านเมือง  เพราะเราไม่มีทางผลิตประชากรเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ทันในเวลาอันใกล้นี้  

นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ประธานกรรมการบริหารโครงการสานพลังพัฒนาโยบายรองรับสังคมสูงวัย เพื่อสุขภาวะองค์รวม พ.ศ. 2568 และอดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวปิดเวทีว่า การขับเคลื่อนสังคมสูงวัยต้องมีการปรับความคิดว่าไม่ใช่เรื่องผู้สูงอายุเท่านั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้อง เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องช่วยกันขยับทั้งภาครัฐ  ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ  เพื่อสร้างสังคมที่ Smart  และเชื่อมั่นว่าทำได้  เวทีที่จัดขึ้นเป็นเพียง  1 กิจกรรมในความพยายามที่ต้องทำต่อเนื่อง  เหมือนการวิ่งมาราธอน  เพื่อร่วมกันสร้างความรู้และปัญญาจากงานที่จัด  โดยจะมีการสรุปประมวลเป็นข้อเสนอเชิงนโยบาย  ข้อเสนอไปสู่การพัฒนาปฏิบัติ   บางเรื่องอาจต้องมีการศึกษาวิจัยต่อจากเวทีในครั้งนี้  มีหลายหน่วยงานที่มาได้รู้จักว่ากลุ่มไหน ทำอะไร  ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันแล้ว ยังประสานทำงานร่วมกันต่อไปอีกด้วย  

การประชุมวิชาการ (Mini-symposium) สานพลังไทย รับมือสังคมสูงวัย ไปด้วยกัน  (Smart Aging Society : Together, We can)  จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับมูลนิธิสานพลังเพื่อแผ่นดิน (มสผ.) และองค์กรเจ้าภาพอีก 10 องค์กร ได้แก่ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ซึ่งเป็นเวทีคู่ขนานกับการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ 2567 มีผู้เข้าร่วมกว่า200 คน จากภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และนักวิชาการ  พบว่าเรื่อง ‘สังคมสูงวัย’ ยังไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง มีเพียงการดูแลสวัสดิการ สงเคราะห์ช่วยเหลือผู้สูงอายุ  และคาดว่าจะผลิตแรงงานไม่ทันกับความต้องการ ระบบโครงสร้าง ยังไม่รองรับความเปลี่ยนแปลงในสังคมที่มีผู้สูงอายุจำนวนมาก เด็กเกิดน้อย แรงงานลดลง พร้อมนำเสนอ 14 กรณีตัวอย่างขับเคลื่อนสังคมสูงวัยแลกเปลี่ยนประสบการณ์

ทัพภาค 4 จับมือ GTO Academy อบรมสถาบันการศึกษา มวลชนและประชาชนภาคใต้

(10 ธ.ค. 67) พลโทไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 มอบหมายให้พลตรีอนุสรณ์ โออุไร รองแม่ทัพภาคที่ 4 ลงนาม MOU แทน ระหว่างกองทัพภาคที่ 4 และสถาบันศาสตร์แห่งความสุขและความสำเร็จ gto academy โดยดร.ดรัณ เตชะโสภณวณิช ประธานสถาบัน GTO ในวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2567 เวลา 13:00 น. ณ.สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ

โดยมี พลตำรวจโทเผ่าไทย ทองธิว ประธานฯกรรมการบริหารเมืองโบราณ พลเรือเอกเชษฐา ใจเปี่ยม, พลโทองอาจ ชวาลวิวัฒน์ พลเรือตรีไพฑูรย์ ปัญญสิน นางรฏาวัลย์ วงษ์ศรีวงษ์ และคุณนภาพร รุ่งเรือง ร่วมเป็นพยานในพิธี ทั้งนี้ ในการทำบันทึกข้อตกลงนี้ เพื่อสถาบันศาสตร์แห่งความสุขและความสำเร็จ GTO Academy จะส่งเสริมสนับสนุนในการจัดกิจกรรมโครงการหลักสูตรพัฒนาศักยภาพส่วนบุคคล “หลักสูตรศาสตร์แห่งความสุขและความสำเร็จ” และให้บริการทางวิชาการ "จิตตปัญญาศึกษา" ให้กับแกนนำใน 14 จังหวัดภาคใต้

และส่วนกองทัพภาคที่ 4 จะอำนวยความสะดวกในการจัดอบรมหลักสูตรพัฒนาศักยภาพให้กับสถาบันฯ และจัดชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน เป็นเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือการจัดการอบรมฯ และติดตามประเมินผล เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายตามที่ได้รับทราบข้อมูล ร่วมทั้งประสานส่วนราชการ และภาคส่วนต่างๆ ให้เข้ามาร่วมกันแก้ปัญหาให้กับครู และนักเรียนฯ ตามบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานนั้นๆ และวางแผนอำนวยการ และขยายผลการจัดอบรมหลักสูตร ไปยังสถาบันการศึกษาทุกระดับหน่วยงาน กลุ่มมวลชน และประชาชนทั่วไปผู้สนใจโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางให้ครอบคลุมทั่วภาคใต้ ต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

นราธิวาส-มทภ.4 มอบความห่วงใย ให้กำลังใจส่งตรงถือมือพี่น้องผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ผ่านถุงยังชีพ 650 ชุด

(10 ธ.ค. 67) ที่บ้านปูยู ตำบลเกาะสะท้อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 นำถุงยังชีพ พร้อม ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม จำนวน 500 ชุด ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ส่งตรงถึงมือพี่น้องชาวตำบลเกาะสะท้อน เพื่อช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนและเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ โดยมี พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส , นาวาเอก สันติ  เกศศรีพงษ์ศา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ และ คณะผู้บังคับบัญชาร่วมคณะฯ

โอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ยืนยันสนับสนุนกำลังพล พร้อมยุทโธปกรณ์ เข้าช่วยเหลือฟื้นฟูหลังน้ำลดต่อเนื่อง กำชับกำลังพลลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ให้บริการตรวจสุขภาพแก่พี่น้องประชาชน ชุมชนต่างๆ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ พร้อม กล่าวให้กำลังใจและแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนเข้าใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศของโลกและมีอีกหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบประสบภัยธรรมชาติเช่นเดียวกัน 

จากนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 นำถุงยังชีพ พร้อมน้ำดื่ม จำนวน 150 ชุด นำไปมอบให้สมาชิกหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง โครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง บ้านรอตันบาตู ตำบลกะลุวอ อำเภอเมืองนราธิวาส  จังหวัดนราธิวาส

นอกจากนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จัดทีมแพทย์ พยาบาล จากศูนย์แพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ลงพื้นที่ให้บริการด้านสุขภาพแก่พี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในวันที่ 13 ธันวาคม 2567 เวลา 09.00 - 16.00 น. เพื่อตรวจรักษาสุขภาพเบื้องต้น พร้อมมอบยา เวชภัณฑ์ และ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพ สุขอนามัย สภาพจิตใจ เพื่อดูแล เคียงข้างประชาชนอย่างสุดกำลังความสามารถ

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

มุกดาหาร​ -​แม่ทัพภาค 2 ร่วมทหารแขวงสะหวันนะเขตแถลงข่าวจับยาบ้ามูลค่า 450 ล้านบาท

เมื่อวันที่ (9 ธ.ค. 67​) ที่สถานีเรือมุกดาหาร หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำน้ำโขง เขตนครพนม อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร พลโท บุญสิน  พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นายรณรงค์เทพรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์  ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี  พลเรือตรี ณรงค์  เอมดี  ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผู้อำนวยการ สำนักงาน ปปส. ภาค 4 และพันโท สีทอง เลียนสะหวัน หัวหน้าแผนกสู้รบ กองทัพประชาชนลาว แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ร่วมแถลงข่าวการตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ จำนวน 20 กระสอบ ประมาณ 8,000,000 เม็ด มูลค่า 450 ล้านบาทได้ที่บริเวณริมแม่น้ำโขงมุกดาหาร

สืบเนื่องจาก น.ท.เตชธร ฉิมพาลี หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ลักลอบลำเลียงยาเสพติดข้ามแม่น้ำโขงจาก สปป.ลาว เข้ามาในพื้นที่ บ้านหว้านใหญ่ หมู่ที่ 4 ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร จึงได้วางแผนและจัดกำลัง ชุดปฏิบัติการออกทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจในพื้นที่ เมื่อไปถึงบริเวณท่าน้ำหมู่ที่ 4 บ้านหว้านใหญ่ ตามที่ได้รับแจ้ง พบเรือเหล็กขนาดใหญ่ติดเครื่องยนต์แล่นเข้ามาจอดบริเวณริมตลิ่ง จากนั้นได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ลงไปช่วยกันลำเลียงกระสอบจากลำเรือขึ้นมาบนฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวและคนขับเรือเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้พากันอาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไปได้ การตรวจสอบพบกระสอบขนาดใหญ่รวมจำนวน 20 กระสอบ เมื่อเปิดออกดูพบว่าเป็นยาบ้า ประมาณ 8,000,000 เม็ด รวมมูลค่ากว่า 480,000,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้พร้อมกับพร้อมเรือเหล็กติดเครื่องยนต์ จำนวน 1 ลำ จากนั้นได้นำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหว้านใหญ่ เพื่อดำเนินการสอบสวนสืบสวนเพื่อขยายผลติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

#ศูนย์ข่าวมุกดาหาร​ #กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี​ #กองทัพบกroyalthaiarmy​ #กองทัพภาคที่2​
ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

สมุทรปราการ-พ่อเมืองปากน้ำ ทำบุญเลี้ยงพระเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ครบ 58 ปี ทุกหน่วยงานร่วมอวยพร

(10 ธ.ค. 67) นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ จัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ครบรอบ 58 ปี ณ ศาลาการเปรียญวัดกลางวรวิหาร พระอารามหลวง ต.ปากน้ำ อ.เมือง สมุทรปราการ

โดยได้รับความเมตตาจาก พระเดชพระคุณพระราชสมุทรวัชราจารย์ (บุญสืบ วุฑฺฒิสาโร) เจ้าอาวาสวัดกลางวรวิหาร พระอารามหลวง ประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์ จำนวน 9 รูป ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถาและเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ

โดยมี นางสาวอรวรรณ ชิณศรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นายชาติชาย อุทัยพันธ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นางศศิวิมล อุทัยพันธ์ อดีตนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรปราการ นายประทีป นทีทวีวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายสมศักดิ์ แก้วเสนา ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ นายสุดใจ จิรยาภากร ประธานผู้บริหาร บริษัท โคมอส คอร์ปอเรชั่น จำกัด นายดำรง ยงค์สงวนชัย ประธานมูลนิธิปู่ทัพสำโรง ดร.กิตติ ยงค์สงวนชัย ประธานกรรมการ บริษัท มิตรสิบ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)

ดร.พัชรางสุ์ ชัยวรมุขกุล อดีตอัยการจังหวัดสมุทรปราการ ดร.ศิริภัสสร ปิยนันทวารินทร์ ผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสมุทรปราการ ตลอดจน หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอฯ ปลัดอำเภอฯ คณะผู้บริหาร ข้าราชการ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรปราการ คณะกรรมการชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสมุทรปราการ หอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ คณะกรรมการ มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ และแขกผู้มีเกียรติ ต่างเดินทางมาร่วมอวยพร

พร้อมทั้งนำกระเช้าดอกไม้และของที่ระลึกมามอบให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ครบรอบ  58 ปี นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน
 

✨ นับถอยหลัง 3 วัน! ✨

สู่การครบรอบ 4 ปีของ ‘THE STATES TIMES’ สำนักข่าวออนไลน์สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ยึดมั่นในข้อเท็จจริงและความเป็นธรรม 📢

มาร่วมเสวนาและเปิดมุมมองใหม่ในงาน “Thailand Outlook: From Global Disruption to Thailand Transformations”
📅 12 ธันวาคม 2567
📍 SCBX NEXT TECH, ชั้น 4 สยามพารากอน

สนใจลงทะเบียนร่วมงาน คลิกเลย 👉 https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSdcIJhjLXtJ95Qd5-C3f53qm5MuVsKITj5Nfs5bh_73LEBfAA/viewform

‘พล.ต.ท.ไตรรงค์’ เร่งตรวจสอบแก๊งคอลฯ ตุ๋น ‘ชาล็อต’ 4 ล้าน อ้างเป็นตร.ไซเบอร์หลอกโอนเงิน แต่ตอนนี้ยังติดต่อผู้เสียหายไม่ได้

ตร.ไซเบอร์ เร่งตรวจสอบ ‘ชาล็อต ออสติน’ ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ ตุ๋น 4 ล้าน บังคับวิดีโอคอล 24 ชั่วโมง เผยยังติดต่อเจ้าตัวไม่ได้ รอมาร้องทุกข์ พร้อมแฉใช้รูปแบบเดิม ๆ ในการหลอกลวง

(9 ธ.ค. 67) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. กล่าวถึงกรณีที่เพจ Miss Grand Thailand ต้นสังกัดมิสแกรนด์ ได้แจ้งข่าวว่า นางสาวชาล็อต ออสติน นางงามในสังกัด ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพถูกข่มขู่ว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ ทำให้สูญเงิน 4 ล้านบาท และยังถูกควบคุมบังคับให้วิดีโอคอล 24 ชั่วโมงว่า หลังได้ทราบข่าวจากสื่อมวลชนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1. ไปดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามติดต่อกับนางสาวชาล็อต แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้โดยตรง เพราะอาจยังติดภารกิจ

โดยกรณีนี้คนร้ายใช้กลอุบายข่มขู่ให้เหยื่อมีความหวาดกลัวและหลอกให้โอนเงิน ซึ่งรูปแบบการหลอกในครั้งนี้เป็นรูปแบบเดิมที่โทรศัพท์ไปแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ และอ้างว่าเหยื่อถูกนำชื่อไปเปิดบัญชีมีเงินที่เกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายโอนเข้าไปในบัญชีพร้อมกับให้โอนเงินมาให้ตรวจสอบ นางสาวชาล็อตจึงได้โอนเงินไป จำนวน 4 ล้านบาท

แม้จะยังติดต่อนางสาวชาล็อตไม่ได้โดยตรงก็ได้มอบหมายให้พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. รับผิดชอบงานด้านการปราบปรามดำเนินการไปอย่างเต็มที่ในระหว่างที่รอนางสาวชาล็อต มาร้องทุกข์ดำเนินคดีอย่างเป็นทางการ พร้อมกับอยากให้นางสาวชาล็อตส่งข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีและเบอร์โทรศัพท์ของมิจฉาชีพมาให้เจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้เร่งดำเนินการตามกฎหมายที่เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับธนาคารต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top