Monday, 28 April 2025
NEWS

สุราษฎร์ธานี-ระทึกน้ำท่วมขัง กลางเมืองสุราษฎร์ธานี หลังฝนตกหนักต่อเนื่องนานกว่า 3 ชั่วโมง สั่งปิดโรงเรียนเขตเทศบาลนครเพื่อความปลอดภัย

(16 ธ.ค. 67) นายธีรุตน์ ศุภวิบูลย์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นายบุญเรือง หลงละลวด หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนายประเสริฐ บุญประสพ นายกเทศมนตรีนครสุราษฎร์ธานี ร่วมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมขังรอระบาย ตั้งแต่ถนนกาญจนวิถี ไปจนถึงหน้าโรงพยาบาลทักษิณ หลังมีฝนที่ตกหนักนานกว่า 3 ชั่วโมง ในเขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง ถนนหลายเส้น ความสูง 30 – 50 เซนติเมตร โดยเฉพาะจุดดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่ม รับน้ำจากถนนอื่นๆ ไหลบ่ามารวมกัน ส่งผลให้น้ำท่วมสูง รถที่สัญจรได้ยาก และคลื่นน้ำ ยังเข้าไปกระทบต่อบ้านเรือน และสถานประกอบการริมถนนจนได้รับความเสียหาย 

กรณีดังกล่าว รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ประสานให้ปิดการจราจร ถนนเส้นดังกล่าวชั่วคราว เพื่อลดผลกระทบ ต่อประชาชน และเร่งนำรถสูบน้ำท่วมขังประสิทธิภาพสูง ของ ปภ.สุราษฎร์ธานี เข้ามาระบายน้ำ ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับถนนอื่นๆอีกหลายเส้น 

สำหรับโรงเรียนในเขตเทศบาล ได้มีการสั่งปิดการเรียนการสอน หรือ ปรับมาเรียนออนไลน์หลายแห่ง เพื่อความปลอดภัยของนัก

สิทธิเณศ เห้งทับ สุราษฎร์ธานี

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตือน แต่งรถด้วย “เขากวางเรนเดียร์” และ “ไฟหลากสี” เข้าข่ายผิดกฎหมาย

(16 ธ.ค. 67) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยประชาชนในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ซึ่งในห้วงที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่ามีพี่น้องประชาชนจำนวนหนึ่ง ได้ประดับตกแต่งยานพาหนะในลักษณะที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชน ให้งดการประดับตกแต่งยานพาหนะตามแฟชั่น หรือเทศกาล เช่น

“การติดเขากวางเรนเดียร์” เนื่องจากมีลักษณะที่ยื่นออกมาเกินความกว้างของตัวรถ หรืออาจหลุดร่วงในขณะขับขี่

“การติดไฟหลากสี” เนื่องจากอาจทำให้เกิดความสับสนต่อผู้ใช้รถใช้ถนนท่านอื่น และทำให้ผู้อื่นสังเกตสัญญาณไฟจากรถของท่านไม่ชัดเจน

ซึ่งการประดับตกแต่งรถในลักษณะดังกล่าว เข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 12 ประกอบมาตรา 60 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

อีกทั้ง หากการกระทำดังกล่าวเป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ผู้ขับขี่จะต้องรับโทษในความผิดฐาน กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ได้รับอันตรายสาหัส หรือเสียชีวิต แล้วแต่กรณีอีกด้วย

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ประดับตกแต่งในลักษณะที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้อื่น สามารถบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน และแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดได้ที่ สายด่วน 191 สายด่วนตำรวจจราจร 1197 และสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สมุทรปราการ-อำนวย บุญริ้ว แชมป์เก่า!! ชนะขาดเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม

วันที่ 15 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมาได้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ โดยนายอนุรักษ์ ผ่องโอสถ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ฯ ได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ขึ้น ในวันที่ 15 ธันวาคม 2567 

โดยมีผู้ยื่นสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ ที่มีชื่อตามหลักฐานและเอกสารทะเบียนราษฎร และมีคุณสมบัติเป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายอำนวย บุญริ้ว อดีตนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ กลุ่มพัฒนาแพรกษาใหม่ ผู้สมัครหมายเลข 1 และทาง ร.ต.อ.สุมิตร ไทยเกิด อดีต รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.บางปู พรรคประชาชน ผู้สมัครหมายเลข 2  

โดยทางเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ได้จัดเตรียมสถานที่ทำการลงคะแนนการเลือกตั้ง นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ จำนวน 45 หน่วย ตั้งแต่หมู่ที่ 1 ถึงหมู่ที่ 7 โดยบรรยากาศในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ ซึ่งหลังจากเปิดให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาซึ่งมีประชาชนเดินทางมาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก และหลังจากที่ปิดหีบการเลือกตั้งเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. 

ทาง กกต.ได้ทยอยนับคะแนน ซึ่งผลจากการนับคะแนน ทั้ง 45 หน่วย นายอำนวย บุญริ้ว ได้ 14,063 คะแนน และ ร.ต.อ.สุมิตร ไทยเกิด  ได้ 4,595 คะแนน นับได้ว่าคะแนนของ นายอำนวย บุญริ้ว ชนะแบบขาดลอยและเป็นไปตามคาด คงเป็นเพราะเนื่องจากนายอำนวย บุญริ้ว นั้นเป็นที่รักและศรัทธาของทางพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ประกอบกับผลงานที่โดดเด่นและการพัฒนาท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่องจึงทำให้สามารถรักษาเก้าอี้นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ได้อีกสมัย

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

‘ลอรี่’ เผยผลซูเปอร์โพล!! ‘เอกนัฏ’ ขึ้นอันดับ 1 รัฐมนตรีมากผลงาน ด้านเศรษฐกิจ สะท้อนความทุ่มเท เดินหน้า!! ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย สร้างความพึงพอใจให้ ปชช.

เมื่อวานนี้ (15 ธ.ค. 67) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ หรือ ‘ลอรี่’ เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึง สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง ‘ประเมินผลงานกระทรวงสังคมและเศรษฐกิจ’ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 1,156 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 10–14 ธ.ค. ว่า

กระทรวงด้านเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ที่ประชาชนพึงพอใจ อันดับ 1 ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม โดย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ได้คะแนนสูงสุด คะแนนเต็ม 10 คะแนน ได้ 7.35 คะแนน

โดยมีผลงานการขยายตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า การพัฒนาการนิคมอุตสาหกรรม ทำคนไทยมีอาชีพในนิคมพื้นที่ต่างๆ อุตสาหกรรมรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมสีเขียว การแก้ปัญหากากพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ การสนับสนุนธุรกิจ SME และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่อเซฟสินค้าไทย

“ผลคะแนนได้สะท้อนความทุ่มเทการทำงานของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่พร้อมเดินหน้าปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย ถึงอย่างไรโพลล์ก็แค่กลุ่มตัวอย่าง ‘หลักพัน’ ขณะที่เราต้องทำให้คนทั้งประเทศ ‘หลักล้าน’ แปลว่างานพวกเรายังมีอีกเยอะ เดินหน้าปฏิรูปอุตสาหกรรมไปด้วยกันต่อครับ” เลขาฯ ลอรี่ กล่าวทิ้งท้าย

‘เจ้าหน้าที่ตำรวจ’ พบพิรุธ เชื่อ!! จัดฉาก ลวงฆ่าโหด ‘สจ.โต้ง’ ชี้!! มีการเตรียมตัวล่วงหน้า พร้อมปะทะในพื้นที่ ‘คิลลิ่งโซน’

(15 ธ.ค. 67) จากกรณี นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ถูกกลุ่มมือปืนซึ่งเป็นลูกน้องของ นายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ใช้อาวุธปืนรุมยิงจนเสียชีวิตในบ้านพักของนายสุนทร หลังเข้าไปเจรจาปัญหาเกี่ยวกับการวางตัวผู้สมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.ปราจีนบุรี สมัยหน้า ต่อมาหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าระงับเหตุ พร้อมควบคุมตัว นายสุนทร พร้อมลูกสมุน รวม 7 คน ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและ ไตร่ตรอง รวมถึงความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน 

จากการเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุรวมถึงสอบปากคำพยานผู้เหตุการณ์และบุคคลใกล้ชิดต่างๆ เจ้าหน้าที่พบข้อพิรุธทางคดีหลายอย่างที่บ่งชี้ ว่า การเสียชีวิตของ สจ.โต้ง นั้น ไม่ใช่เหตุการณ์ซึ่งหน้า แต่น่าจะมีการวางแผนหรือเตรียมการมาก่อนที่ สจ.โต้ง จะเดินทางเข้ามาเจรจาปัญหากับ นายสุนทร หรือ โกทร

โดยเฉพาะข้อพิรุธเกี่ยวกับการแต่งกายของกลุ่มลูกน้องนายสุนทร ในวันเกิดเหตุ ที่พบว่า กลุ่มลูกน้องที่ทำหน้าที่เป็นมือปืน และ คนคอยคุมเชิงคุ้มกัน แต่ละคนล้วนสวมใส่รองเท้าผ้าใบเดินเข้าออกในบ้านตลอดเวลา ผิดปกติวิสัยของคนทั่วไปที่มักจะถอดรองเท้าก่อนจะเข้ามาเดินภายในบ้าน คล้ายกับการแต่งตัวให้ทะมัดทะแมง เพื่อเตรียมพร้อมก่อเหตุตลอดเวลา

นอกจากนี้จากการสอบปากคำคนใกล้ชิดของ นายสุนทร ที่เข้าออกบ้านหลังดังกล่าวเป็นประจำ ยังพบว่า ปกติแล้ว นายสุนทร จะไม่อนุญาตให้ลูกน้อง ขึ้นไปบนขั้นสองของตัวบ้านที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ในวันเกิดเหตุพบว่ากลุ่มลูกน้องของนายสุนทร สามารถเดินขึ้นลงชั้นสองได้ตลอดเวลา

สอดคล้องข้อมูลที่พบว่าช่วงระยะหลัง นับตั้งแต่ที่ นายสุนทร เริ่มบาดหมางกับ สจ.โต้ง ก็เริ่มมีการคัดกรองคนเข้าออกภายในบ้านมากขึ้น รวมถึงไม่อนุญาตให้ผู้ลูกน้องของ สจ.โต้ง ที่ติดตามมาด้วย เข้ามายืนอยู่ในชายคาบ้าน โดยจะให้ยืนรอที่บริเวณด้านหน้ารั้วบ้านแทนเพื่อความปลอดภัย

อย่างไรก็จากข้อพิรุธหลากหลายประเด็นดังกล่าว ประกอบกับมูลเหตุแรงจูงใจต่างๆ ยิ่งทำให้เจ้าหน้าที่ปักใจเชื่อว่า การสังหาร สจ.โต้ง นั้น น่าจะมีการวางแผนตระเตรียมการมาก่อนหน้าที่ สจ.โต้ง จะเดินทางมาถึง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คัดตำรวจ!! หนุ่ม หน้าตาดี กล้ามโต ให้ผู้ร่วมงานกาชาด ได้ปา ‘ลูกบอล’ เรียกเสียงเฮฮา ลั่นบูธ

(15 ธ.ค. 67) การจัดงานกาชาดประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 11-22 ธ.ค. 2567 ที่สวนลุมพินี นอกจากจะมีกิจกรรมเสี่ยงโชคอย่างการตักไข่ และสอยดาว รวมทั้งสลากกาชาด รายได้มอบให้สภากาชาดไทยแล้ว บูธที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานและกลายเป็นไวรัล คือบูธของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีกิจกรรมที่ชื่อว่า ‘ตำรวจตกน้ำ’ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานต่างสนใจร่วมกิจกรรมอย่างล้นหลาม

โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เป็นเจ้าภาพหลักในการคัดเลือกข้าราชการตำรวจที่เข้าร่วมกิจกรรมภายในงานกาชาดประจำปี 2567 เพื่อการกุศล โดยได้คัดตำรวจชายจากทุกกองบังคับการและกองกำกับการในสังกัดตำรวจนครบาล ที่มีหน่วยก้านดี รูปร่างหน้าตาดี สุขภาพแข็งแรง ประมาณ 40 นาย เพื่อเป็นหน้าเป็นตาแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดยในวันงานตำรวจที่ได้รับการคัดเลือกเหล่านี้จะสวมเสื้อกีฬาและกางเกงกีฬาเพื่อความคล่องตัว โดยแต่ละถังน้ำจะมีข้อความว่า 

"มีใจก็มาปา รอช้าอยู่ทำไม" 

และ "ใจเธอที่เย็นชา ยังไม่เท่าน้ำประปาที่เย็นเจี๊ยบ" 

เมื่อเข้าร่วมงานที่ซื้อคูปอง ปาลูกบอลเข้าเป้าที่มีรูปหัวใจ ตำรวจที่นั่งอยู่ด้านบนถังน้ำจะตกลงมา เรียกเสียงเฮฮาแก่ผู้เข้าร่วมงานอย่างสนุกสนาน

นอกจากกิจกรรมตำรวจตกน้ำแล้ว แต่ละหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะจัดกิจกรรมหมุนเวียนกันไปในแต่ละวัน ทั้งการแสดงจากศิลปิน ดารา นักแสดง ตำรวจม้า สุนัขตำรวจ และจากอินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นข้าราชการตำรวจ เช่น ทีมสืบนครบาล นำโดย พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือสารวัตรแจ๊ะ, ช่องกากีนั้ง ทีวี นำโดย สารวัตรเติ้ก ผู้กองไอซ์ ผู้กองแพรว ฯลฯ

รวมทั้งการจับสลากพฤกษากาชาด ของร้านสมาคมแม่บ้านตำรวจ ที่ชมรมแม่บ้านตำรวจจากแต่ละสังกัด จะสลับสับเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพประจำวัน รวมทั้งการจำหน่ายกาแฟจากร้านปันรักษ์คาเฟ่ภายในงานอีกด้วย

สำหรับการจัดงานกาชาดประจำปี 2567 จะมีไปถึงวันที่ 22 ธ.ค. 2567 ตั้งแต่เวลา 11.00 ถึง 22.00 น. แนะนำให้ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ได้แก่ รถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีศาลาแดง รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีสีลม และสถานีลุมพินี รวมทั้งรถประจำทางแทนการใช้รถยนต์ส่วนตัว โดยการจัดงานวันสุดท้ายเปิดถึงเวลา 23.00 น.

‘เจ้าบ่าว’ เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์!! หลังแต่งงานได้ 3 วัน เผย!! ขอพรไว้ ถ้าเจ้าสาวปลอดภัย จะบวชทันที 1 เดือน

(15 ธ.ค. 67) กลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ เมื่อเจ้าสาวรายหนึ่งโพสต์คลิปผ่าน TikTok@tarnkotchanipa เผยเรื่องราวหลังแต่งงานได้ 3 วัน เจ้าบ่าวหนีไปบวช … 

ในคลิปเธอเผยว่า ก่อนหน้านี้หมอตรวจพบก้อนเนื้อที่เต้านมเสี่ยงเป็นมะเร็ง 95% ต้องผ่าตัดด่วน และส่งตรวจชิ้นเนื้อและรอผล 7 วัน ว่าที่เจ้าบ่าวจึงตระเวณไหว้พระขอพร  โดยหากถ้าเธอปลอดภัยจะบวชเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งในที่สุดเธอก็ปลอดภัยไม่ได้เป็นมะเร็ง ซึ่งหลังจากแต่งงานได้ 3 วัน เจ้าบ่าวก็บวชทันทีเป็นเวลา 1 เดือน

หลังโพสต์เผยแพร่มีชาวเน็ตเข้ามาชื่นชมเจ้าบ่าว และแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ     

เจ้าบ่าวใจคุณหล่อมากกค่ะ คุณคือลูกผู้ชายตัวจริงค่ะ หาได้ยากนะค่ะคนดีๆแบบนี้

รางวัลที่1ของผู้หญิงคือมีสามีที่รักและซื่อสัตย์ปกป้องดูแลอบอุ่นปลอดภัย  

นอกจากพ่อแม่แล้วก็มีสามีที่ผู้หญิงอยากฝากชีวิตไว้ด้วยอบอุ่นในหัวใจที่สุดค่ะ

ได้ดูคลิปนี้แล้วทำให้หัวใจมันชุ่มชื่นที่สุดเลยครับ..

ยินดีด้วยนะครับ..ยินดีกับทุกๆเรื่องเลย..

ขอให้ชีวิตคู่พบเจอแต่ความสุขไปจนกว่าจะหมดลมหายใจเลย..

สาวสั่งข้าวซอย ผงะ!! เจอ ‘หมูดิบ’ แม่ค้าแก้ปัญหา ด้วยการเติมน้ำร้อนให้

(15 ธ.ค. 67) กลายเป็นโพสต์ไวรัลวิจารณ์สนั่น เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กบัญชี คุกกี้ซ์ โพสต์แชร์ประสบการณ์ทานอาหารที่จำไม่รู้ลืม ลงใน กลุ่มพวกเราคือผู้บริโภค

แนบภาพอาหารขึ้นชื่อทางภาคเหนืออย่าง ข้าวซอย ทว่าอาหารจานดังกล่าวในภาพ กลับเห็นหมูสีชมพูสดชันเจน ลักษณะคือ หมูยังมีเนื้อบางส่วนที่ไม่สุก หรือ สุกไม่ทั่วกันทั้งชิ้น

โดยเธอเขียนข้อความเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระบุว่า ‘ข้าวซอยหมู ณ ร้านข้าวซอยแห่งหนึ่งในลำปาง’

‘จะกินอะไรก็ดูกันดี ๆ ก่อนกินนะคะ นี่แจ้งทางร้านไปแล้ว ปรากฎเขาเทน้ำมาเพิ่ม น้ำปริ่มขอบเลย คงกะเพิ่มความร้อนให้มันสุก แต่มันก็ยังแดงค่ะ ทำไมไม่เอาไปลวกใหม่สุก ๆ มาให้นะ งง’

ทั้งนี้ การทานหมูดิบมีอันตรายต่อร่างกาย อาจเสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หูดับได้ อาการอาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

ทำให้โซเชียลต่างเข้ามาคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์จวกร้านกันสนั่น ทั้งความประมาทในการประกอบอาหาร และวิธีการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกสุขอนามัย พร้อมเรียกร้องให้ทางร้านออกมาชี้แจง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบเพื่อให้มีมาตรฐานความปลอดภัยที่เหมาะสม

มีความคิดเห็นส่วนหนึ่งจากโลกโซเชียล ยกตัวอย่างเช่น 

เป็นเราจ่ายตังแล้วเดินออกเลย หมูไม่สุกแบบนี่เสี่ยงเป็นไข้หูดับ

ข้าวซอยสูตรไหน สีแบบนี้ แล้วข้าวซอยหมูก็ไม่เคยเจอนะ เจอแต่ไก่กับเนื้อ ร้านทำไมมักง่ายแบบนี้

งานหยาบมาก

ข้าวซอยหมูหูดับ

หูจะดับเอานะคะ คืนเขาเถอะค่ะ

โหยอันตรายมาก!!! หมูนะไม่ใช่เนื้อจะเน้นสดๆมันไม่ใช่555

เราคนลำปางกินข้าวซอยมาก็หลายร้านแต่ไม่เคยเห็นแบบนี้เลยค่ะ

รัฐบาล เผย!! มูลค่าความเสียหาย ภัยออนไลน์จากมิจฉาชีพ มี.ค.65 - พ.ย.67 รวม 7.7 หมื่นล้านบาท เตือน ปชช. อย่าหลงกล

(15 ธ.ค. 67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยถึงยอดแจ้งความออนไลน์สะสม ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.  2565 - 30 พ.ย. 2567 ผ่าน thaipoliceonline มีจำนวน 739,494 เรื่อง มูลค่าความเสียหายรวม 77,360 ล้านบาท เฉลี่ยความเสียหายวันละ 77 ล้านบาท ผลการอายัดบัญชี จำนวน 560,412 บัญชี ยอดอายัดได้ จำนวน 8,627 ล้านบาท

นายคารม กล่าวต่อว่าทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่  1 - 30  พ.ย. 2567 พบผลการแจ้งความออนไลน์ รวม 31,353 เรื่อง มูลค่าความเสียหายรวม 2,540 ล้านบาท เฉลี่ยวันละ 85 ล้านบาท ผลการอายัดบัญชี จำนวน 16,229 บัญชี ยอดขออายัด จำนวน 1,864 ล้านบาท ยอดอายัดได้ จำนวน 383 ล้านบาท

ประเภทคดีออนไลน์ที่มีการแจ้งความมากที่สุด 5 อันดับแรก ดังนี้
1. หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ (ไม่เป็นขบวนการ) มูลค่าความเสียหาย 146  ล้านบาท
2. หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 526  ล้านบาท
3. ข่มขู่ทางโทรศัพท์ (Call Center) มูลค่าความเสียหาย 444 ล้านบาท  
4. หลอกให้กู้เงิน มูลค่าความเสียหาย 99ล้านบาท
5. หลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัลหรือวัตถุประสงค์อื่น มูลค่าความเสียหาย 221  ล้านบาท 

“จากรายงานข้อมูลดังข้างต้น ยังมีประชาชนหลงกลตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ขอประชาชนระมัดระวังอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพที่เชิญชวน ชักชวนโดยวิธีการต่างๆ หากถูกหลอก สามารถแจ้งที่เบอร์ 1441 หรือ 081-866-3000” นายคารม กล่าวทิ้งท้าย

‘นิด้าโพล’ เผย!! ‘คนกรุง’ ค้านมาตรการใหม่ เก็บค่าธรรมเนียมรถติด เชื่อไม่สำเร็จ แต่หนุน!! ค่าธรรมเนียมเก็บขยะ ตามพฤติกรรมแยกขยะ

(15 ธ.ค. 67) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้า สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้าโพล) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘สองมาตรการใหม่ คน กทม. จะเอาไง’  สำรวจระหว่างวันที่ 27-29 พ.ย.  2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร  จำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความคิดเห็นของคนกรุงเทพมหานคร หากมีการใช้มาตรการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการเก็บขยะและค่าธรรมเนียมรถติดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นิด้าโพลเมื่อถามความคิดเห็นของคนกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับ

ค่าธรรมเนียมการเก็บขยะในอัตราที่แตกต่างกัน ตามพฤติกรรมการคัดแยกขยะ พบว่า  
• 50.31% ระบุว่า เห็นด้วยมาก
• 23.66% ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย
• 15.73% ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย

การรับรู้ของคนกรุงเทพมหานครต่อการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคัดแยกขยะพร้อมส่งภาพประกอบการคัดแยกขยะ เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมการเก็บขยะต่อเดือนในอัตรา 20 บาท พบว่า  
• 80.76 %ระบุว่า ไม่ทราบเลย
• 13.21% ระบุว่า พอทราบอยู่บ้าง
• 6.03% ระบุว่า ทราบดี

การให้ความร่วมมือของคนกรุงเทพมหานครในการเข้าร่วมโครงการคัดแยกขยะ พบว่า
• 44.81% ระบุว่า ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ
• 28.93% ระบุว่า ค่อนข้างให้ความร่วมมือ  
• 15.65% ระบุว่า ไม่ให้ความร่วมมือเลย  
• 9.69% ระบุว่า ให้ความร่วมมือมาก

การจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติดเฉพาะรถเก๋ง เพื่อแก้ปัญหาการจราจรและเพื่ออุดหนุนกองทุนซื้อคืนรถไฟฟ้า พบว่า  
• 49.92% ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย
• 18.24% ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย  
• 17.10% ระบุว่า เห็นด้วยมาก
• 13.98% ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย 

การประสบความสำเร็จในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติดในกรุงเทพมหานครตามแนวคิดของกระทรวงคมนาคม พบว่า  
• 55.50% ระบุว่า ไม่ประสบความสำเร็จเลย
• 28.47% ระบุว่า ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ
• 12.29% ระบุว่า ค่อนข้างประสบความสำเร็จ  
• 2.44% ระบุว่า ประสบความสำเร็จมาก

‘ซูเปอร์โพล’ เผยผลสำรวจ!! ความพึงพอใจปชช. ผลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ‘เอกนัฏ’ ได้คะแนนสูงสุด ทำอุตสาหกรรมขยายตัว แก้ปัญหากากสารพิษจากโรงงาน

(15 ธ.ค. 67) สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง ประเมินผลงานกระทรวงสังคมและเศรษฐกิจ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 1,156ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 10 – 14 ธันวาคม พ.ศ.2567ที่ผ่านมา

เมื่อถามถึงรัฐมนตรีประจำกระทรวงด้านสังคมที่ประชาชนพึงพอใจ 3 อันดับแรก พบว่า กระทรวงมหาดไทยโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้คะแนนสูงสุดอันดับหนึ่ง เมื่อคะแนนเต็ม 10 คะแนน ได้ 7.52 คะแนน โดยมีผลงานด้านการจัดระเบียบสังคม ทลายแหล่งมั่วสุมตามสถานบันเทิง การแก้ไขปัญหายาเสพติด การเยียวยาปัญหาน้ำท่วม ภัยพิบัติ การพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยว เศรษฐกิจพอเพียง พึ่งพาตนเอง เศรษฐกิจสินค้าโอทอป (OTOP) และการพัฒนาท้องถิ่น สาธารณูปโภค น้ำ ไฟฟ้า ถนนหนทาง ที่ดินทำกิน สิ่งแวดล้อม พื้นที่สีเขียว ชีวิตความเป็นอยู่ทั่วไปของประชาชน การพัฒนาชุมชนและเมือง เป็นต้น 

รองลงมาอันดับที่ 2 คือ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ 7.41คะแนน โดยมีผลงานด้าน สิทธิประโยชน์ประกันสังคม การสนับสนุนให้ประชาชนมีงานทำ เพิ่มโอกาสการจ้างงานสำหรับประชาชน มีรายได้ มีความปลอดภัยในการทำงาน สวัสดิการสำหรับแรงงาน การดูแลผู้พิการ ทุพพลภาพ ผู้สูงอายุ พัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน การฝึกอบรมในด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับแรงงาน เป็นต้น

อันดับที่ 3 ได้แก่ นาย วราวุธ ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ 7.22 คะแนน โดยมีผลงานด้านการดูแลผู้สูงอายุในหลายด้านเช่น เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ การส่งเสริมสุขภาพ การพัฒนาดูแลผู้สูงอายุศูนย์พักฟื้นและกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้สูงอายุ การให้ความรู้เพิ่มทักษะการเข้าถึงสิทธิและบริการต่าง ๆ การปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชน การส่งเสริมรับรองสิทธิเด็ก การเยียวยาดูแลผู้ยากไร้ผู้ประสบภัยในชุมชนที่ขาดแคลน การพัฒนาที่อยู่อาศัย การแก้ปัญหาชุมชนแออัด เป็นต้น

เมื่อสอบถามถึงกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ที่ประชาชนพึงพอใจ3 อันดับแรก ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม โดย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้คะแนนสูงสุดอันดับ 1 เมื่อคะแนนเต็ม 10 คะแนน ได้ 7.35 คะแนน โดยมีผลงานการขยายตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า การพัฒนาการนิคมอุตสาหกรรม ทำคนไทยมีอาชีพในนิคมพื้นที่ต่าง ๆ อุตสาหกรรมรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ พลังงานทดแทนเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมสีเขียว การแก้ปัญหากากสารพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ พัฒนาอาชีพคนไทยในนิคมอุตสาหกรรม การสนับสนุนธุรกิจ SME และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอุตสาหกรรมส่งออกสินค้าไทย เป็นต้น

อันดับที่ 2 ได้แก่ กระทรวงการคลัง โดย นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ 7.24 คะแนน โดยมีผลงานโดดเด่นได้แก่ การแจกเงินดิจิทัลให้ประชาชนกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริการของธนาคารออมสิน การส่งเสริมการลงทุน การกระจายรายได้ การยกเลิกการขึ้นภาษี การจัดการเงินทุนและสินทรัพย์ของรัฐ การบริการของธนาคารกรุงไทยกระตุ้นเศรษฐกิจกระจายรายได้ให้ประชาชนผ่านแอปพลิเคชันการเงินต่าง ๆ และการใช้เทคโนโลยีการเงินของกระทรวงการคลัง เป็นต้น

อันดับที่ 3 ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ได้ 7.01 คะแนน โดยมีผลงานด้านการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีค้าขายออนไลน์ การซื้อสินค้า การบริการเทคโนโลยีดิจิทัล อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง การบริการของรัฐบาลดิจิทัล การสนับสนุนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ Ai ในภาคธุรกิจ การแก้ปัญหามิจฉาชีพออนไลน์ แก๊งคอลเซนเตอร์ และความปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็นต้น

‘ดร.เสรี’ ฟาดใส่!! กระบวนการยุติธรรม ของประเทศ จัดการคนทำผิดกฎหมายไม่ได้ ไม่เป็นที่พึ่งให้ปชช.

(15 ธ.ค. 67) ดร. เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊ก ว่าเวลานี้การที่มีคนทำผิดกฎหมาย ไม่ให้ค่ารัฐธรรมนูญ บดขยี้กระบวนการยุติธรรมจนป่นปี้ แล้วไม่มีความผิดใดๆ เอาโทษไม่ได้ เป็นเพราะอะไร

เพราะเราไม่มีกฎหมายจะจัดการกับเขา?

เพราะกฎหมายเราอ่อน มีช่องโหว่ให้เขารอดได้?

หรือผู้รักษากฎหมายนิ่งเฉยด้วยเหตุผลบางประการ กลัว? เกรงใจ? เป็นหนี้บุญคุณ? ได้รับผลประโยชน์?

ท่านที่มีอำนาจในการใช้กฎหมาย ท่านไม่คิดจะทำหน้าที่ของพวกท่านบ้างเลยหรือ ใจคอท่านจะยอมเห็นประเทศพินาศต่อหน้าต่อตาหรือ

ประชาชนเจ็บช้ำแค่ไหนแล้ว ประเทศชาติย่ำแย่เสื่อมทรุดแค่ไหน พวกท่านไม่เห็นเลยหรือ ทำไมจึงเฉยอยู่ได้

ยังมีองค์กร หรือกระบวนการอันใดที่ประชาชนพอจะพึ่งได้ในการรักษาประเทศให้ดำรงคงมั่นอย่างยั่งยืนอีกบ้าง

หรือท่านมองไม่เห็นการกระทำที่ชั่วร้าย ทำลายประเทศ ท่านไม่รู้ หรือท่านแกล้งไม่รู้ เพราะท่านกลัวว่าท่านจะเดือดร้อน

มีหน้าที่ แต่ไม่ทำหน้าที่ ก็ออกไปดีกว่าไหมคะ

‘แพทองธาร’ ได้รับการจัดอันดับจาก ‘นิตยสาร Forbes’ ติดอันดับ 29 ‘สตรีทรงอิทธิพล’ จาก 100 คนทั่วโลก

(15 ธ.ค. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับการจัดอันดับจาก นิตยสาร Forbes ติดอันดับ 29 ‘สตรีทรงอิทธิพล’ จาก 100 คนทั่วโลก โดยได้อธิบายว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ของประเทศไทย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งถอดถอน นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง ต่อมาสภาผู้แทนราษฎร มีมติเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่ง ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ในเดือนสิงหาคม 2567

จากนั้นเธอสาบานตนเข้ารับตำแหน่งก่อนวันเกิดอายุครบ 38 ปีเพียงไม่นาน ถือเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย แพทองธารเป็นบุตรสาวคนเล็กของทักษิณ ชินวัตร ที่เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2544 ถึง 2549 ส่วนยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาของเธอดำรงตำแหน่งดังกล่าวระหว่างปี 2554 ถึง 2559

ด้าน นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผลการจัดอันดับ Top 100 The World’s Most Powerful Women ประจำปี 2024 ของนิตยสาร Forbes ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับธุรกิจและการเงินที่ทรงอิทธิพล มีชื่อเสียงระดับโลก ปรากฎชื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ติดอันดับที่ 29 จากสตรีทรงอิทธิพล 100 คนทั่วโลก และถือเป็นสตรีที่ทรงอิทธิพลอันดับ 3 ของเอเชีย ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่นานาประเทศเล็งเห็นถึงศักยภาพผู้นำหญิงของไทยที่มีความโดดเด่นในเวทีโลก 

นางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย โดยนับแต่ก้าวแรกที่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ได้แสดงภาวะผู้นำในการรับมือกับภาวะวิกฤตภายในประเทศหลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะการจัดการปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด เหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสนักเรียน ที่ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ รวมถึงเดินหน้าผลักดันนโยบายต่าง ๆ ต่อเนื่องจากรัฐบาล อดีตนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งจากการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล รอบ 90 วันที่ผ่านมา มีหลายนโยบายที่ทำสำเร็จไปแล้ว และจะมีการดำเนินการต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น พักหนี้เกษตรกร 3 ปี การกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยฟรีวีซ่า โครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ กฎหมายสมรสเท่าเทียม โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่  การแก้ปัญหาไร้สัญชาติให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงยังมี นโยบายที่ให้ความสำคัญกับสตรี เช่น การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดฟรีสำหรับผู้หญิงทุกคน เป็นต้น นางสาวจิราพร กล่าว

นางสาวจิราพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมานางสาวแพทองธารยังเคยถูกจัดอันดับ 1 ใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต (Time 100 Next) ของนิตยสารไทม์ (Time) สหรัฐอเมริกา ในประเภทผู้นำ (Leaders) ร่วมกับผู้นำรุ่นใหม่ทั่วโลก รวมถึงยังได้รับความนิยมอันดับ 1 ในฐานะนักการเมืองที่โดดเด่นที่สุดของ ‘สวนดุสิตโพล’ แสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำหญิงยุคใหม่ที่ได้รับความสนใจจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ

'เอกนัฏ' สั่ง!! สส. ‘รวมไทยสร้างชาติ’ เร่ง!! ช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้

(15 ธ.ค. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยถึงกรณีให้ความช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้ เนื่องจากมีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันว่า 

"จากเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ทั้ง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ลงพื้นที่เร่งให้ความช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ร้อน จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือน้ำท่วม โรงครัวอาหารและลำเลียงข้าวของเพื่อส่งต่อช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัย ผมขอให้กำลังใจพี่น้องผู้ประสบภัยและผู้ปฏิบัติงานทุกท่าน" นายเอกนัฏ กล่าว

ตชด.ลุยน้ำท่วม ช่วยชาวบ้าน “ช้างศึก 1” สั่งกำชับ ตชด.ลงพื้นที่ช่วยประชาชน กาะติดสถานการณ์น้ำท่วมใต้ใกล้ชิด จัดกำลังช่วยเหลือทันท่วงที “ตชด.สิชล – ชุมพร” ส่งอาหาร น้ำดื่ม ยา บรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย

เมื่อวันที่ (15 ธ.ค. 67) พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ( รรท.ผบช.ตชด. ) สั่งการชับ ให้ บก.ตชด.ภาค 4 และหน่วยงานในสังกัด ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม จว.ชุมพร จว.ระนอง จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากฝนตกหนัก น้ำท่วมสูงหลายพื้นที่ มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน ยานพาหนะได้รับความเสียหาย โดยให้ ตชด. นำ ยานพาหนะ และอุปกรณ์บรรเทาภัย เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม พร้อมบูรณาการทำงานกับหน่วยในพื้นที่เข้าให้การช่วยเหลือจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะเดียวกันให้ติดตามสถานการณ์น้ำ เฝ้าระวัง เตรียมพร้อมการเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างที่อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันอีกระลอก

วันนี้ (15 ธ.ค. 67 ) พ.ต.ต.สมเกียรติ์ เทพฉิม ผบ.ร้อย ตชด.424 นำกำลังลงพื้นที่ ตำบลสำเภา อ.สิชล จว.นครศรีธรรมราช ซึ่งยังมีน้ำท่วมสูง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน รถเล็กยังไม่สามารถสัญจรเข้าหมู่บ้านได้ ตชด.ได้ออกสำรวจพื้นที่ นำน้ำดื่มแจกจ่ายบรรเทาทุกข์ของประชาชน

ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.สวี จว.ชุมพร ยังมีน้ำท่วมประชาชนได้รับความเดือดร้อนหลายครัวเรือน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 41 นำ  โดย พ.ต.อ.จาริพัฒน์  ทองแดง ผกก.ตชด.41 พร้อมชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย ลุยน้ำนำข้าวกล่อง, น้ำดื่ม, ถุงยังชีพ พร้อมยาเวชภัณฑ์  แจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ ต.ทุ่งระยะ ต.สวี อ.สวี ซึ่งมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม 33 ครัวเรือน กว่า 100 คน ปัจจุบันในพื้นที่ไม่มีฝนตกแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมสูง ซึ่งต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top