Thursday, 3 July 2025
NEWS

หนุ่มโชคดี โพสต์ประทับใจ!! ‘กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ’ ได้เห็นที่สนามบิน!! ทุกครั้งคือ บินไปทรงงาน ไม่ใช่การพักผ่อน

(24 พ.ค. 68) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Pathom Indarodom’ ได้โพสต์ข้อความสุดประทับใจ เกี่ยวกับ ‘กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ’ โดยมีใจความว่า ...

จะมีสักกี่ครั้งในชีวิตกัน ที่เราเดินอยู่ในสนามบิน แล้วหันไปเห็นใครสักคนที่รู้จัก… หนึ่งครั้ง? สองครั้ง? ห้าครั้ง? ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราบินบ่อยแค่ไหน
สำหรับผม… ไมล์สะสมมีพอให้แลกโดนัท ไม่ใช่ตั๋วเครื่องบิน โอกาสจะเจอคนรู้จักในสนามบินจึงน้อยมาก (น้อยยิ่งกว่าความหวังว่าจะได้ที่นั่งริมหน้าต่างโดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม)

แต่เชื่อไหมครับว่า ผมเคย “บังเอิญ” เจอคน ๆ หนึ่งถึง 5 ครั้ง คนที่ว่านั้นไม่ใช่เพื่อนเก่า ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่คนในเฟซบุ๊กที่ยังไม่เคยเจอกันจริงๆ ด้วยซ้ำ

แต่เป็น “กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ” ใช่ครับ… พระองค์ท่าน

ทุกครั้งที่เจอ เป็นสนามบินต่างจังหวัดที่พระองค์ฯ เสด็จไปทรงงาน โดยครั้งล่าสุดนี้คือสนามบินสุราษฎร์ธานีเมื่อวานนี้เอง

3 สนามบิน 5 ช่วงเวลา 5 ภารกิจ ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมเห็นพระองค์เดินทางเพื่อพักผ่อนหรือส่วนพระองค์ ทุกครั้งคือการเสด็จไป “ทรงงาน”
ผมไม่ใช่คนเชื่อเรื่อง “โชคชะตา” เท่าไร แต่เจอถึง 5 ครั้ง ทั้งที่ผมเดินทางปีละไม่กี่ครั้ง — แบบนี้จะไม่ให้คิดได้ยังไงครับว่าพระองค์ทรงงานมากขนาดไหน

บางคนอาจโชคดีที่ได้สะสมไมล์จนได้อัพเกรดตั๋วเป็นประจำ แต่สำหรับผม… โชคดีที่สุด คือการได้เห็นแบบอย่างของความเสียสละและความทุ่มเทอย่างแท้จริง แม้เพียงแค่ผ่านไปในสนามบินครับ

ทรงพระเจริญ

‘NEX POINT’ โลจิสติกส์ที่เป็นมิตรกับ ‘สิ่งแวดล้อม’ สนับสนุน!! กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเมืองภูเก็ต

(24 พ.ค. 68) บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์เชิงพาณิชย์แบบครบวงจรเพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทย ได้ส่งรถบัสโดยสารซึ่งเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้เป็นรถประกอบการขนส่งผู้โดยสาร อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย เพื่อเข้าร่วมสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และสร้างภาพลักษณ์   ที่ดีงดงามของจังหวัดภูเก็ตในเวทีระดับสากล ซึ่งงานนี้จัดโดยสมาคมเพอรานากันประเทศไทย ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตเทศบาลนครภูเก็ต การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ต และภาคีเครือข่าย  โดยกิจกรรมปีนี้ ได้ยกระดับการท่องเที่ยวทุกรูปแบบในเกาะภูเก็ตอย่างเต็มรูปแบบ

อนึ่ง ทางบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน)  ได้ที่มีโอกาสนำรถบัสไฟฟ้า เข้าร่วมงานดังกล่าว ซึ่งทาง เน็กซ์ พอยท์ คำนึงถึงคำว่า “โลจิสติกส์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”  จึงมีความมุ่งมั่น พยายาม และตั้งใจในการขยายเครือข่าย สร้างความสัมพันธ์กับองค์กรธุรกิจทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อพัฒนางานให้สอดคล้องกับแนวคิดเพื่อสังคมไทยที่น่าอยู่กับการทำธุรกิจยุคใหม่ ที่ห่วงใย ใส่ใจ และเป็นมิตรที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยัง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยให้จัดการระบบขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง “Green Logistics”  คือ กุญแจทองสำคัญที่จะนำพาอุตสาหกรรม  โลจิสติกส์ และโลกของเราไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน

สุโขทัย-รมว.สธ. เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนงานสุขภาพจิตและยาเสพติดที่สุโขทัย

(24 พ.ค. 68) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สธ. เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนงานสุขภาพจิตและยาเสพติด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568  เพื่อขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลที่จะแก้ไขปัญหายาเสพติด อย่างเร่งด่วนและครบวงจร ตั้งแต่การปราบปรามป้องกัน บำบัดรักษา และฟื้นฟู โดยกระทรวงสาธารณสุขมุ่งเน้นยกระดับบริการ ด้วยนวัตกรรมที่สำคัญ เช่น
1. การขับเคลื่อนการใช้ยาฉีดออกฤทธิ์เนิ่น ในผู้ป่วยจิตเวชยาเสพติดที่ก่อความรุนแรง ทุกเขตสุขภาพ ร่วมกับโรงพยาบาลจิตเวช และโรงพยาบาลทั่วไป
2. การขยายผลการบริการยาสมุนไพร ตำรับยาอดยาบ้า ในกลุ่มผู้ติดยาเสพติด ทุกหน่วยบริการสาธารณสุข สถานพินิจ และหน่วยงานบำบัดยาเสพติด 
3. การใช้เทคโนโลยีการรักษาผ่านการกระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการช่วยบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด
โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นพ.สุภโชค เวชภัณฑ์เภสัช ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขตสุขภาพที่ 2 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้บริหารระดับกระทรวง ผู้รับผิดชอบงานยาเสพติดส่วนภูมิภาคในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง  พร้อมมีพิธีมอบรางวัลเขตสุขภาพที่มีผลการดำเนินงานและผลการเบิกจ่ายงบประมาณที่มีประสิทธิภาพสูง ได้แก่ เขตสุขภาพที่ 6 , 1 และ 4 รวมถึงมอบรางวัลผลการดำเนินงานของเขตสุขภาพในด้านต่าง ได้แก่  
1.ด้านการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายในด้านการบำบัดรักษายาเสพติด  
2.ด้านการดำเนินงานมินิธัญญารักษ์ 
3.ด้านการบำบัดรักษาและติดตามต่อเนื่อง 4.ชุมชนล้อมรักษ์ 
5.รางวัลเขตสุขภาพที่มีการบูรณาการบำบัดฟื้นฟูดีเด่น ได้แก่ เขตสุขภาพที่ 2
และเมื่อวันที่ 23 พค.68 โรงพยาบาลทุกแห่ง ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนงานสุขภาพจิตและยาเสพติด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดยมี นายแพทย์วิทยา พลสีลา สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 2 และผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมฯ ซึ่งจัดโดยสำนักงานเลขานุการ คณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ สำนักงานเขต สุขภาพที่ 2 ในระหว่างวันที่ 23-24 พฤษภาคม 2568 ณ สุโขทัย เฮอริเทจ รีสอร์ท จังหวัดสุโขทัย 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแสดงความเสียใจต่อครอบครัวตำรวจที่เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก สั่งให้ความช่วยเหลือและตรวจสอบสาเหตุเร่งด่วน

(24 พ.ค. 68) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์เมื่อ เวลา 13.10 น. ที่ผ่านมา เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รุ่น BELL 212 ตกบริเวณพื้นที่บ้านหนองกก ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เบื้องต้นได้รับรายงานมีข้าราชการตำรวจเสียชีวิต จำนวน 3 ราย ได้แก่ พ.ต.ต.ประเทือง ชูเลิศ นักบิน , ร.ต.อ.ทรงพล บุญชัย นักบิน และ ร.ต.ท.ทินกฤต สุวรรณน้อย ช่างเครื่อง

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการด่วนไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเหตุการณ์โดยด่วน และช่วยเหลือเยียวยาให้กำลังครอบครัวผู้เสียชีวิต และในนามสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอไว้อาลัยและแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อความสูญเสียในครั้งนี้ 

รอง ผบ.ตร.สั่งการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า และพื้นที่เสี่ยง ที่ส่งผลกระทบทำให้การจราจรติดขัด ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

(24 พ.ค. 68) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยบางช่วงอาจมีฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้า และพื้นที่เสี่ยงต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจราจรในพื้นที่ดังกล่าว

เมื่อวานที่ผ่านมาจึงได้ประชุมหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า และพื้นที่เสี่ยง ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการที่รับผิดชอบงานจราจร ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจสอบสวนกลาง , ตำรวจภูธรภาค 1 , ตำรวจภูธรภาค 7 และสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ (สยศ.ตร.) , พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (คจร.ตร.) , พล.ต.ต.วีรพัฒน์ ศิวะแพทย์ รอง ผบช.สยศ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานป้องกันและลดอุบัติเหตุ คจร.ตร. , ผู้แทนกระทรวงคมนาคม , ผู้แทนสำนักการระบายน้ำ สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร , ผู้แทนกรมชลประทาน , ผู้ช่วยผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ,ผู้แทนบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้า และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.ไกรบุญฯ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อม บริหารจัดการร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในดำเนินการแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมที่ส่งผลกระทบทำให้การจราจรติดขัด โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยให้แต่ละกองบังคับการ และตำรวจภูธรจังหวัด สำรวจจุดที่มีปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ อาทิ กรุงเทพมหานคร (สำนักการระบายน้ำ สำนักการจราจรและขนส่ง) หน่วยงานเจ้าของถนน เทศบาล รวมทั้งชลประทานจังหวัด เพื่อแก้ปัญหารองรับการระบายน้ำท่วมขังกรณีที่มีฝนตกในปริมาณ 100 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้วิธีการแก้ปัญหาให้เหมาะสมในพื้นที่ เช่น เพิ่มจำนวนเครื่องสูบน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่มีกำลังสูง รวมทั้งประสานการปฏิบัติกับบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าในจุดนั้น ๆ ไม่ให้มีเครื่องจักร อุปกรณ์ วัสดุต่าง ๆ กีดขวางทางระบายน้ำ เป็นต้น

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนต้องการสอบถามข้อมูล แจ้งเหตุ หรือต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วม สามารถติดต่อสายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร หมายเลข 1197 หรือสายด่วนตำรวจทางหลวง หมายเลข 1193 หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 191 และ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา เดินทางไปประชุมและไปเยือนต่างประเทศ  ณ สหราชอาณาจักร

เมื่อวันจันทร์ที่ (19 พ.ค. 68) เวลา 10.00 นาฬิกา ตามเวลาท้องถิ่น คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา นำโดย พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหารฯ และกรรมาธิการการทหารฯ เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการพัฒนากับความร่วมมือเปลี่ยนถ่ายด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศที่ทันสมัยและประสิทธิภาพสูง ของ BEA System ประเทศอังกฤษ

โดยมี Mr.Dominic Morley Mr.Kevin Joyce
Mr.Stepen Luk Mr.Zakiy Manji Mr. Huw Davies
และ Mr.Ben Long  พร้อมเจ้าหน้าที่ BEA System ประเทศอังกฤษเข้าร่วมประชุมและให้การต้อนรับ รวมถึงนำคณะเยี่ยมชมโรงงานผลิตเทคโนโลยีป้องกันประเทศและสาธิตการบิน drone and anti drone technology ของกลุ่ม BEA System ที่เมืองเคมบริดจ์ด้วย

จากนั้น คณะกรรมาธิการได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการยุทโธปกรณ์ด้านความมั่นคงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีป้องกันประเทศสำหรับใช้ในทางทหารหรือทางด้านอื่นด้วย เพื่อพัฒนาสู่การเป็นหุ้นส่วนทางเทคโนโลยีด้านการป้องกันประเทศร่วมกันระหว่างประเทศไทยและสหราชอาณาจักร

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการการทหารฯ จะได้นำข้อมูลที่ได้จากการประชุมทวิภาคีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นไปพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่อไป 

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

 “บช.ทท.ยุค ผบช.เผือก“ล้ำหน้า ใช้ระบบกล้อง AI จับแล้วเกือบ 200 ราย ทั่วประเทศ

(24 พ.ค.68) เวลาประมาณ (18.28 น.) พลตำรวจโท ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผย ว่า จากนโยบายและข้อสั่งการ ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ให้นำเทคโนโลยี่สมัยใหม่มาพัฒนาปรับใช้กับการปฏิบัติหน้าของข้าราชการตำรวจทุกหน่วย เพื่อความรวดเร็ยวฝนการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในยุคปัจุบัน ทางกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้ริเริ่มนำเทคโนโลยีกล้อง A.I. ที่เชื่อมต่อข้อมูลบุคคลตามหมายจับกับฐานข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มาติดตั้งในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อคัดกรองบุคคลที่เคยกระทำความผิดและมีหมายจับ รวมถึงบุคคลกลุ่มเสี่ยง ป้องกันไม่ให้เข้ามาก่อเหตุกับนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ อันเป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว 

ตนได้สั่วการให้เริ่มนำเทคโนโลยีกล้อง A.I. ที่เชื่อมต่อข้อมูลบุคคลตามหมายจับกับฐานข้อมูลของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มาติดตั้งในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อคัดกรองบุคคลที่เคยกระทำความผิดและมีหมายจับ รวมถึงบุคคลกลุ่มเสี่ยง ป้องกันไม่ให้เข้ามาก่อเหตุกับนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ อันเป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว 

ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจท่องเที่ยว 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 ปฏิบัติหน้าที่อยู่ กล้อง A.I. ที่เชื่อมข้อมูลบุคคลตามหมายจับกับฐานข้อมูลของ บช.ก. ได้แจ้งเตือนว่าตรวจพบบุคคลตามจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 676/2568 ลงวันที่ 21 พ.ค.2568 คือ

นายพรพงษ์(นามสมมุติ) อายุ 26 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พยายามฆ่าผู้อื่น, ทำให้เสียทรัพย์ และพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร, ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ” จากการตรวจสอบพบ นายพรพงษ์ฯ และยืนยันว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และไม่เคยถูกจับในคดีนี้มาก่อน จึงจับกุมตัวนำส่ง สภ.บางบัวทอง ภ.จว.นนทบุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

ซึ่งกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้เริ่มนำระบบกล้อง A.I. มาใช้ในเดือนกรกฎาคม 2567 ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยสามารถจับกุมบุคคลตามหมายจับรายแรกได้ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 และจนถึงปัจจุบัน สามารถจับกุมได้แล้วรวม 180 ราย ประกอบด้วย ชลบุรี (เมืองพัทยา) 102 ราย , เชียงใหม่ 54 ราย , นครราชสีมา 21 ราย และ สมุทรปราการ(สนามบินสุวรรณภูมิ) 3 ราย

นอกจากนี้ยังได้นำข้อมูลบุคคลกลุ่มเสี่ยง ที่มีพฤติกรรมเป็นกลุ่มแก้งค์ หรือเคยการกระทำความนัในแหล่งท่องเที่ยว เช่น แก้งค์ล้วงกระเป๋าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แก้งค์แลกเงิน เป็นต้น จำนวนกว่า 600 ราย ลงไว้ในฐานข้อมูล หากบุคลคลเสี่ยงกลุ่มนี้เข้ามาในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญระบบจะแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเพื่อจะเฝ้าระวัง ตรวจสอบ ติดตามดูพฤติกรรม อันเป็นการป้องกันไม่ให้บุคคลกลุ่มนี้เข้ามาก่อเหตุกับนักท่องเที่ยวได้

ทั้งนี้จะได้ขยายการติดตั้งระบบกล้อง A.I. ดังกล่าวให้ครอบคลุมพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศ เพื่อดูแลความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยต่อไป “ผบช.ทท.กล่าว”

‘เอกนัฏ’ ส่งทีมบุกโรงงานศูนย์เหรียญพื้นที่ฟรีโซน พบเถื่อนทุกตรงทั้งลอบเปิดกิจการ - แรงงานต่างด้าว

‘เอกนัฏ’ ส่ง ‘ทีมสุดซอย’ บุกตรวจจับโรงงานศูนย์เหรียญที่ซุกในพื้นที่ฟรีโซน พบเถื่อนทุกตรง ตั้งแต่ลอบเปิดกิจการยันแรงงานต่างด้าว ซ้ำยังนำเข้าเศษอลูมิเนียมปนเปื้อนขยะอิเล็กทรอนิกส์กว่า 1,600 ตัน

(23 พ.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับการประสานจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) โดยการอำนวยการของ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส.แจ้งว่าจะนำหมายค้นจากศาลจังหวัดชลบุรี เข้าตรวจสอบ บริษัท เมทัล เซ็นทรัล จำกัด ในพื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) ตำบลหนองเหียง อำเภอพนัสนินิคม จังหวัดชลบุรี เนื่องจากมีเบาะแสว่ากระทำการขัดกฎหมายหลายประการ จึงได้มอบหมายให้ นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และหัวหน้าชุดตรวจการณ์สุดซอย หรือ ทีมสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ร่วมปฏิบัติการกับเจ้าหน้าที่ บก.ปทส.โดยมีผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ร่วมด้วย

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจพบการกระทำความผิดหลายฐานความผิดในกฎหมายหลายฉบับ ทั้งลักลอบประกอบกิจการ ขยายเครื่องจักร ครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ปล่อยน้ำเสียที่ไม่ได้บำบัดลงแหล่งน้ำธรรมชาติ และใช้แรงงานเถื่อน เป็นต้น ในส่วนความผิดภายใต้อำนาจของกระทรวงฯ ก็ได้ให้นโยบายเป็นหลักปฏิบัติไว้แล้วว่า ต้องใช้อำนาจตามกฎหมายสั่งหยุดกิจกรรมใดๆ ที่ผิดกฎหมายหรือก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในทันที รวมถึงเร่งดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด พร้อมขยายผลถึงการกระทำความผิดอื่น หรืออาจเป็นลักษณะทำกันเป็นขบวนการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในเขตปลอดอากร (Free Zone) ที่ได้รับข้อมูลว่า มีการใช้พื้นที่พิเศษที่ได้รับการยกเว้นภาษีทั้งนำเข้า-ส่งออก เพื่อประโยชน์ทางอากรศุลกากรต่อกิจการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศ ในการลักลอบกระทำความผิด

"การใช้พื้นที่ฟรีโซน หรือเขตปลอดอากร ที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี ไม่ได้หมายความว่า มีสิทธิ์ฝ่าฝืนยกเว้นกฎหมายอื่นๆ ของประเทศไทย ซึ่งบริษัทข้ามชาติที่กระทำความผิดก็เข้าข่าย อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ เป็นกิจการที่ไม่ก่อเกิดประโยชน์ให้กับประเทศไทย ทั้งยังสร้างมลพิษ ทำลายทรัพยากรสิ่งแวดล้อม ต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และปราบปรามกวาดล้างให้หมดจากประเทศไทยโดยเร็วที่สุด" นายเอกนัฏ ระบุ

ทางด้าน นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า บริษัท เมทัล เซ็นทรัล จำกัด จดแจ้งทำธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกสำเร็จรูป เป็นผู้ได้รับสิทธิใช้พื้นที่ภายในเขตปลอดอากรเพื่อประกอบกิจการ แต่กลับแบ่งพื้นที่โกดังให้เช่าตั้งโรงงาน พร้อมมีคนไทยรับเป็นนายหน้า บริการเดินเอกสาร ติดต่อราชการ และทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานให้ โดยมีนายหน้าชาวไทยรับเป็นผู้ดูแล คอยประสานให้นักลงทุนชาวจีนมาเช่าพื้นที่ โดยขณะเข้าตรวจสอบภายในพื้นที่โกดัง 4 หลัง 5 อาคาร ซึ่งพบการกระทำความผิด ดังนี้ บริษัท เบต้า แพ็คเกจ โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด เช่าพื้นที่ผลิตกล่องและซองจดหมาย และมีเครื่องฉีดขึ้นรูปพลาสติก มีใบอนุญาตโรงงานถูกต้อง แต่ยังไม่ได้แจ้งประกอบกิจการ ถือเป็นการลักลอบประกอบกิจการ อีกทั้งยังขยายกำลังเครื่องจักรเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงได้อายัดเครื่องจักรและดำเนินคดีตามกฎหมาย

บริษัท แคท เมทัล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เช่าพื้นที่โกดังที่เหลือและเครื่องจักร ไม่มีใบอนุญาตโรงงาน และจ้างแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองมาทำงานคัดแยกเศษอลูมิเนียมปนเปื้อน แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เศษพลาสติก เศษยาง และฝุ่น ซึ่งสามารถยึดอายัดได้รวมกว่า 1,600 ตัน ผู้ดูแลโรงงานให้การว่า อลูมิเนียมที่คัดแยกแล้วจะส่งต่อไปยังประเทศจีน ส่วนแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ยังไม่สามารถระบุปลายทางได้ ขณะที่เศษพลาสติก เศษยาง และฝุ่น จะนำมาบดย่อยใส่ถุงบิ๊กแบ๊กกองทิ้งไว้ด้านหลังโรงงาน เจ้าหน้าที่ได้สั่งหยุดกิจการทันที และดำเนินคดีในข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาตกับทั้งบริษัท เมทัล เซ็นทรัล จำกัด ในฐานะเจ้าของโกดัง และบริษัท แคท เมทัล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะผู้นำเข้า

เจ้าหน้าที่ยังพบว่าโรงงานมีการแอบต่อท่อระบายน้ำเสียโดยตรงออกนอกโรงงานไปยังแหล่งน้ำสาธารณะ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองเหียง เจ้าของพื้นที่ ได้สั่งระงับการปล่อยน้ำและดำเนินคดีตามกฎหมายสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม โดย กรอ.ได้ให้ศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคตะวันออก กรอ.เก็บตัวอย่างเศษพลาสติก และเศษยางบดย่อยในบิ๊กแบ๊ก พร้อมตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบ หากพบการปนเปื้อนค่าโลหะหนัก จะดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ศุลกากร ซึ่งดูแลพื้นที่ปลอดอากรได้สั่งระงับการนำเข้าสินค้าในพื้นที่ปลอดอากรของบริษัท เมทัล เซ็นทรัล จำกัด ทันที และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจพบว่ามีแรงงานลักลอบเข้าประเทศจำนวน 14 ราย ซึ่งได้ดำเนินการจับกุมเพื่อดำเนินคดีและผลักดันแรงงานออกนอกประเทศ พร้อมดำเนินคดีกับนายจ้างในข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายจ้างคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต

ปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจาก บก.ปทส.ได้รับเบาะแสจากประชาชนผ่านสายด่วน บก.ปทส.ว่ามีโรงงานก่อมลพิษ จึงได้สังเกตการณ์จนได้ข้อมูลหลักฐานเพียงพอ จึงขอหมายค้นเข้าตรวจสอบ และประสานมายัง ทีมสุดซอย ร่วมภารกิจ ถือเป็นความร่วมมือทั้งในส่วนของบุคลากร และการบังคับใช้กฎหมายร่วมกันอย่างบูรณาการ จนสามารถปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วง ที่สำคัญคือ หยุดยั้งการกระทำผิดที่กระทบต่อสวัสดิภาพสุขอนามัยของประชาชนได้อย่างทันท่วงที หากประชาชนมีเบาะแสเกี่ยวกับโรงงานเถื่อน โรงงานปล่อยมลพิษสามารถแจ้งมาได้ที่แอป Traffy Fondue ผ่านระบบแจ้งอุตได้ตลอด 24 ชั่วโมง

บีโอไอ ร่วมพิธีเปิดอาคาร True IDC พร้อมมอบบัตรส่งเสริมการลงทุน

เมื่อวันที่ (22 พ.ค.68) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) (ขวา) เข้าร่วมพิธีเปิดอาคาร Data Center True IDC East Bangna Campus และมอบบัตรส่งเสริมการลงทุนแก่ บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด (True IDC) ในกิจการ Data Center เพื่อให้บริการด้าน Data Center และ Cloud Service และถือเป็นผู้ให้บริการด้าน Data Center ระดับ Hyperscale รายแรกของประเทศไทย โดยมีนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) (ซ้าย) เป็นผู้รับมอบอาคาร Data Center ระดับ Hyperscale แห่งนี้ เป็นก้าวสำคัญของบริษัทไทยและประเทศไทยในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค เป็นประเทศที่พร้อมรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัลและอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีในอนาคต

ศาลยกฟ้องแซน-กระติก-ภีม ชี้หลักฐานไม่พอ ‘จ๊อบ’ เจอคุก 6 เดือนฐานทำลายหลักฐาน แต่รอลงอาญา

(23 พ.ค. 68) ศาลจังหวัดนนทบุรีมีคำพิพากษาคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา หรือแตงโม พัชรวีระพงษ์ ดาราสาวที่พลัดตกเรือ โดยแยกฟ้องออกจากคดีของ 'ปอ' และ 'โรเบิร์ต' ซึ่งรับสารภาพไปก่อนแล้ว ในส่วนนี้มีจำเลย 4 คน ได้แก่ แซน วิศาพัช, กระติก อิจศรินทร์, จ๊อบ นิทัศน์ และ ภีม ธรรมธีรศรี

ศาลมีคำตัดสินยกฟ้องจำเลย 3 ราย ได้แก่ แซน, กระติก และ ภีม โดยให้เหตุผลว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอในการพิสูจน์ความผิดตามที่พนักงานอัยการฟ้องร้อง

ขณะที่ จ๊อบ นิทัศน์ ถูกตัดสินจำคุก 6 เดือน ปรับรวม 24,000 บาท จากความผิดฐานทำลายพยานหลักฐาน และทิ้งสิ่งของลงแม่น้ำเจ้าพระยา อย่างไรก็ตาม ศาลให้รอลงอาญาโทษจำคุกทั้งหมด

ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 1 เดือน ‘เดวิด ฝรั่งเตะหมอ’ เจ้าของปางช้าง ไม่รอลงอาญา!!..แต่เจ้าตัวเผ่นหนีออกนอกประเทศแล้ว

(23 พ.ค.68) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง ในฐานะทนายความของ พญ.ธารดาว จันทร์ดำ หรือหมอปาย เปิดเผยว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลแขวงภูเก็ต สั่งจำคุก 1 เดือน โดยไม่รอลงอาญา แก่นายเดวิด ชาวสวิส เจ้าของปางช้างภูเก็ต ฐานทำร้ายร่างกายหมอปายเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ที่หน้าวิลล่าหรูในภูเก็ต

ศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำร้ายร่างกายอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ซึ่งจากการสอบสวนพบว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยได้เตะเข้าที่หลังผู้เสียหาย พร้อมตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ขณะเธอนั่งอยู่บริเวณบันไดหน้าบ้านพัก

อย่างไรก็ตาม จำเลยไม่ได้มาศาลในวันพิพากษา และเชื่อว่าได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว ทนายเผยรับทำคดีนี้โดยไม่คิดค่าตอบแทนใด ๆ เพื่อยืนหยัดในความยุติธรรมให้กับคุณหมอ และความรู้สึกของคนไทยทุกคนที่เฝ้าติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด

เชียงใหม่-ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กองทัพอากาศ ประจำปีงบประมาณ 2568

เมื่อวานนี้ (22 พ.ค.68) พลอากาศเอก วชิระพล เมืองน้อย เสนาธิการทหารอากาศ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพอากาศ พร้อมด้วย พลอากาศโท ณรัฐ บุญประเสริฐ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ และคณะฯ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กองทัพอากาศ ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมี นาวาอากาศเอก ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 ให้การต้อนรับ ณ ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41 

ในโอกาสนี้ คณะฯ ร่วมรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กองทัพอากาศ ประจำปีงบประมาณ 2568 ของศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองบิน 41 และการดำเนินงานของสถานฟื้นฟูสมรรถภาพพลเมือง กองทัพอากาศ กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อประเมินผลการปฏิบัติงานตามแผนที่ได้วางไว้ในช่วงต้นปีงบประมาณ รวมถึงรับฟังปัญหา ข้อขัดข้องและข้อเสนอแนะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านยาเสพติด 

นอกจากนี้ คณะฯ ได้เดินทางตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลกองบิน 41 และสถานฟื้นฟูสมรรถภาพพลเมือง กองทัพอากาศ กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามความคืบหน้าและให้กำลังใจแก่คณะทำงานที่มุ่งมั่นในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในทุกมิติ

สธ. จัดงานวันสุขบัญญัติแห่งชาติ 2568 ดึง Gen-H พลังคนรุ่นใหม่ ผนึกกำลัง อสม. ป้องกัน NCDs

กระทรวงสาธารณสุข จัดงานวันสุขบัญญัติแห่งชาติ ปี 2568 ดึงพลังคนรุ่นใหม่ 'อาสาสร้างสุขภาพ' ผนึกกำลัง อสม. ร่วมสื่อสารรณรงค์สร้างความรู้ในการ 'นับคาร์บ' และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ตามหลักสุขบัญญัติ 10 ประการ ลดเสี่ยง ลดป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังทั่วไทย

(23 พ.ค.68) ณ อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.)กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดงานวันสุขบัญญัติแห่งชาติ ปี 2568 'อาสาสร้างสุขภาพ (Gen - H) รณรงค์เยาวชนไทย ใช้สุขบัญญัติ สกัด NCDs' โดยมี ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย และเครือข่ายแกนนำอาสาสร้างสุขภาพ เข้าร่วม

นายกองตรี ดร.ธนกฤตฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีเปิดฯว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มุ่งเน้นให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีห่างไกลจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ด้วยการเดินหน้านโยบาย 'คนไทย ห่างไกล NCDs' เสริมองค์ความรู้ในการกินอาหารที่เหมาะสมให้ประชาชนผ่านกิจกรรม 'นับคาร์บ' ซึ่งการสร้างเสริมและปลูกฝังพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะแกนนำสุขภาพในชุมชน มาร่วมสื่อสาร สร้างความตระหนักและพัฒนาทักษะสุขภาพให้ดี โดยมีผลสำเร็จเชิงประจักษ์จากนโยบายนับคาร์บที่มีแกนนำสุขภาพ คือ อสม. เป็นกลไกสำคัญ ซึ่งผลสำรวจโดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พบว่า ร้อยละ 83.91 ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นว่านโยบาย “นับคาร์บ” มีส่วนสำคัญทำให้ตนเองลดการบริโภคแป้งและน้ำตาลลง และร้อยละ 76.91 เห็นว่า อสม. คือกลไกสำคัญที่ช่วยให้ลดการบริโภคอาหารดังกล่าวได้ ข้อมูลนี้ ชี้ให้เห็นว่าพลังของเครือข่ายแกนนำสุขภาพ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของประชาชน สามารถสร้างแรงขับเคลื่อนทางสังคมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้  ดังนั้น การดึงพลังของเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นพลังแห่งอนาคตมาร่วมสร้างสรรค์สังคมสุขภาพ ภายใต้บทบาทของอาสาสร้างสุขภาพ (Gen-H) ผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่พร้อมจะจุดประกายความรู้ ความเข้าใจ และพฤติกรรมที่ดีสู่ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และสังคม ร่วมกับแกนนำสุขภาพอย่างอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ในการรณรงค์เสริมสร้างความรู้ให้ประชาชนมีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง ตามแนวทางสุขบัญญัติ 10 ประการ ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือของ 2 แกนนำสุขภาพ ทั้ง อาสาสร้างสุขภาพ และ อสม. จะช่วยให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยมีความรู้ความเข้าใจและมีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง อันจะนำไปสู่การลดจำนวนกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มผู้ป่วย NCDs ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประเทศได้อย่างมหาศาลอีกด้วย

ด้าน ทันตแพทย์อาคมฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลจากการเฝ้าระวังพฤติกรรมการกินของเด็กและเยาวชนไทย อายุ 13-25 ปี ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พบว่า เด็กและเยาวชน มากกว่าร้อยละ 70 มีการกินอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง และโซเดียมสูง เช่น ฟาสต์ฟู้ด อาหารกึ่งสำเร็จรูป น้ำอัดลม และขนมหวาน เป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ซึ่งพฤติกรรมการบริโภคดังกล่าว เป็นต้นเหตุสำคัญของโรค NCDs ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดย สหพันธ์โรคอ้วนโลกคาดการณ์ว่า ภายในปี 2578 เด็ก เยาวชนไทย กว่าร้อยละ 60 จะมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน 

ดังนั้น ในโอกาสวันสุขบัญญัติแห่งชาติปี 2568 กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จึงตั้งเป้าสร้างความตระหนักและทักษะสุขภาพ ผ่านเครือข่ายสุขภาพที่เข้มแข็ง โดยจัดประกาศนโยบายสร้างและพัฒนา "อาสาสร้างสุขภาพ" (Gen-H) ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 25,682 คน ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และสร้างกระแสในประเด็น “อาสาสร้างสุขภาพ (Gen-H) รณรงค์เยาวชนไทย ใช้สุขบัญญัติ สกัด NCDs : กินได้ กินดี” เชื่อมประสานการดำเนินงานระหว่างอาสาสร้างสุขภาพ และ อสม. เพื่อสื่อสารรณรงค์เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการ “นับคาร์บ” และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตามหลักสุขบัญญัติ 10 ประการ โดยเฉพาะ 3 ข้อสำคัญ ได้แก่ ข้อ 4 การกินอาหารสุก สะอาด ข้อ 5 งดบุหรี่ สุรา สารเสพติด และข้อ 8 ออกกำลังกายและตรวจสุขภาพประจำปี ให้ประชาชนในพื้นที่เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ เพื่อลดจำนวนผู้ป่วย NCDs รายใหม่

สุดยอดนวัตกรรมเครื่องสแกนทุเรียน ตรวจอ่อนแก่-หนอน แม่นยำ 95% ใน 3 วินาที

เผยโฉมนวัตกรรมเครื่องคัดแยกความอ่อน-แก่ และหนอนเจาะทุเรียนด้วยเทคนิค CT scan สู่การนำไปใช้งานจริง หมดปัญหาทุเรียนอ่อน - สุกเกิน ใช้เวลาเพียง 3 วินาที แม่นยำถึง 95%

นางสาวศิริกร วิวรวงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) เปิดเผยถึงการนำเทคโนโลยีผลงานวิจัย “เครื่องคัดแยกความอ่อน-แก่ และหนอนเจาะทุเรียนด้วยเทคนิค CT scan” สู่การนำไปใช้งานจริง ณ โรงคัดบรรจุเอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ล้งถุงถังทอง จังหวัดจันทบุรี พร้อมให้ข้อมูลว่า สวก. ได้สนับสนุนทุนการวิจัยแก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ในการดำเนินโครงการ การออกแบบเครื่องคัดแยกความอ่อน-แก่ และหนอนเจาะทุเรียนด้วยเทคนิค CT scan ร่วมกับการประมวลผลผ่านโครงข่ายประสาทเทียมเชิงลึก ที่มีการทดสอบในระดับห้องปฏิบัติการแล้วมาใช้จริงในโรงคัดบรรจุจริง เพื่อเป็นการนำร่องในการเผยแพร่งานวิจัยสู่ประโยชน์ของเกษตรกรและผู้ประกอบการได้จริง สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าทุเรียนของไทยมีคุณภาพ

ด้านรศ.ดร.ชาญชัย ทองโสภา วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ สำนักวิศวกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี หัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่า การนำเครื่อง CT-Scan ตกรุ่นปลดระวางจากบริษัทเอกชนที่ให้บริการด้านเครื่องมือแพทย์ มาพัฒนาเป็นเครื่องต้นแบบสำหรับตรวจสอบความอ่อน - แก่ และหนอนในทุเรียนได้อย่างชัดเจนด้วยเทคนิค CT-Scan ที่สามารถสแกนภาพทุเรียนด้วยความละเอียดสูง โดยแต่ละเฟรมจะแสดงค่า CT-Numbers ที่บ่งบอกถึงความหนาแน่นของเนื้อทุเรียน ทำให้ตรวจสอบคุณภาพภายในผลทุเรียนโดยไม่ต้องผ่าและใช้เวลาสแกนเพียง 3 วินาที หรือ 1,200 ลูก/ชั่วโมง

และด้วยระบบ AI ที่พัฒนาขึ้นเฉพาะให้ทำงานร่วมกันจะช่วยประมวลผลแยกความอ่อน–แก่ ตรวจหาหนอน ได้แม่นยำถึง 95% รวมถึงสามารถตรวจพบเนื้อที่มีความผิดปกติ เช่น เนื้อเต่าเผา เนื้อลายเสือ เป็นปัญหาที่สร้างความเสียหายให้ทุเรียนไทย 100 % ซึ่งที่ผ่านมาไทยยังไม่มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถตรวจจับได้

ไทยกำลังเป็น 'รัฐล้มเหลว' หรือเพียงแค่ 'รัฐกระดาษ'? บทวิเคราะห์จากผู้เขียน Why Nations Fail

(23 พ.ค. 68) ประเทศไทยกำลังเผชิญแรงกดดันจากทั้งเศรษฐกิจและการเมือง ท่ามกลางความไม่แน่นอน Moody’s ปรับมุมมองเครดิตไทยเป็น 'เชิงลบ' ส่วน IMF ลดคาดการณ์ GDP ปี 2025 เหลือเพียง 1.8% ขณะที่ภาคสังคมยังตั้งคำถามต่อประสิทธิภาพของกลไกรัฐและการบังคับใช้กฎหมาย

ในบทสัมภาษณ์พิเศษกับ BBC Thai ศ.เจมส์ เอ. โรบินสัน นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชิคาโก ผู้ร่วมเขียนหนังสือ Why Nations Fail ชี้ว่า ไทยยังคงมี 'สถาบันแบบแสวงหาประโยชน์' (extractive institutions) ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะบทบาทของกองทัพที่ยังไม่ถอนตัวจากการเมืองอย่างแท้จริง

ศ.เจมส์ เอ. โรบินสัน เปรียบเทียบประเทศไทยกับ 'รัฐกระดาษ' (Paper Leviathan) ซึ่งแม้จะมีโครงสร้างและกฎหมายครบถ้วน แต่กลับไร้ประสิทธิภาพและตรวจสอบได้ยาก สถานะนี้พบในประเทศอย่างอาร์เจนตินา ซึ่งรายได้ต่อหัวใกล้เคียงกับไทย แต่ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากวงจรคอร์รัปชันและระบบอุปถัมภ์ได้

อย่างไรก็ดี เขาชี้ว่าไทยยังไม่หลุดออกจาก 'ระเบียงแคบ' หรือเส้นทางที่รัฐและสังคมสามารถเติบโตไปด้วยกันได้ หากสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่ขัดขวางความครอบคลุมและความโปร่งใส ไทยยังมีโอกาสพัฒนาได้ในระยะยาว

สิ่งที่สำคัญที่สุดในมุมมองของเขาคือ การกล้าถามถึงบทบาทของสถาบันต่าง ๆ ในสังคม และเปิดเวทีให้สาธารณชนมีส่วนร่วมในการนิยามอนาคตของประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top