Friday, 9 May 2025
NEWS

ดาบตำรวจ สน.วังทองหลาง คุมม็อบบ้านนายกฯ 28 ก.พ.64 ติดโควิด-19 ก่อนมาถูกสั่งกักตัวแล้วคาดเช็คไทม์ไลน์ อาจจะติดจากกลับเยี่ยมบ้านสมุทรสาคร

เมื่อวันที่ 4 มี.ค.64 พ.ต.อ.เอกภพ ตันประยูร ผกก.สน.วังทองหลาง เปิดเผยว่า จากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เบื้องต้นของดาบตำรวจชุดควบคุมฝูงชน สน.วังทองหลาง พบว่า ติดเชื้อโควิด-19 ขณะนี้ให้กักตัวอยู่ที่พักเพื่อรอรถโรงพยาบาลมารับตัวไปตรวจซ้ำอีกครั้ง หากพบเชื้อต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวและรักษา

ดาบตำรวจรายนี้ได้กลับไปเยี่ยมบ้านที่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดง เมื่อวันที่ 18 ก.พ.64 และพบกับเพื่อนในละแวกบ้าน กระทั่งเมื่อวันที่ 3 มี.ค.64เพื่อนได้โทรมาแจ้งว่าติดเชื้อโควิด ดาบตำรวจจึงไปตรวจหาเชื้อและพบว่าติดโควิด-19

พ.ต.อ.เอกภพ ยังระบุว่า ขณะนี้ได้สั่งทำความสะอาดพื้นที่บริเวณโรงพัก และสิ่งของที่ดาบตำรวจสมยศสัมผัสทั้งหมด พร้อมสั่งกักตัวชุดควบคุมฝูงชนที่ใกล้ชิดดาบตำรวจแล้ว

ทั้งนี้ดาบตำรวจได้ปฎิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนในหลายพื้นที่ รวมทั้งล่าสุดที่พล.1 รอ.ถนนวิภาวดี เมื่อวันที่ 28 ก.พ.64

สำหรับไทม์ไลน์มีดังนี้

18 ก.พ. กลับบ้านกระทุ่มแบนแวะพบเพื่อนที่ติดเชื้อก่อนหน้า แล้วกลับกรุงเทพฯ
19 ก.พ. ไปควบคุมฝูงชนที่รัฐสภา รถควบคุมผู้ต้องหาเล็ก
20 ก.พ. ไปคุมฝูงชนรัฐสภา รถควบคุมผู้ต้องหาเล็ก
21 ก.พ. เวรพัก อยู่บ้าน
22 ก.พ. เวรพัก อยู่บ้าน
23 ก.พ. มาเข้าเวร สน. 08.00-16.00 กลับบ้าน
24 ก.พ. มาเข้าเวร สน. 08.00-16.00 กลับบ้าน
25 ก.พ. มาเข้าเวร สน. 16.00-24.00 กลับบ้าน
26 ก.พ. มาเข้าเวร สน. 16.00-24.00 กลับบ้าน
27 ก.พ. ไปควบคุมฝูงชน กก.สวัสดิภาพเด็กและสตรี
28 ก.พ. ไปควบคุมฝูงชนที่ พล.1 รอ. รถควบคุมผู้ต้องหาเล็ก
1 มี.ค. ไปเตะบอล ที่ รฟม. พระรามเก้า
2 มี.ค. เพื่อนในกลุ่มโทรบอกว่าติดเชื้อ เลยไปตรวจที่ รพ.รามคำแหง 15.30 และมากักตัวที่แฟลตตำรวจ
3 มี.ค. ผลเบื้องต้นเป็นบวก = กักตัว


ที่มา:
https://www.posttoday.com/politic/news/647008

ฝ่ายค้านไม่ตัดใจ เชื่อ ‘แอมมี่’ อาจบริสุทธ์ หลังเลขาฯ เพื่อไทย ติดใจเพลิงไหม้พระบรมฉายาลักษณ์ อาจแค่ลุกลาม ส่วนก้าวไกล ชี้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าแอมมี่ทำผิด

ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลอาญาออกหมายจับ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ ‘แอมมี่ The bottom blues’ คดีเกี่ยวกับการเผาทำลายทรัพย์สินของทางราชการที่หน้าเรือนจำกลางคลองเปรมนั้น พรรคฝ่ายค้านจะให้การช่วยเหลือหรือยื่นประกันตัวหรือว่า

“เท่าที่ตนทราบข่าวล่าสุด ยังไม่ยืนยันว่าควบคุมตัวหรือยัง อีกทั้งทางตำรวจยังไม่แถลงข่าวการจับกุม หากมีการจับกุมที่ชัดเจน คงจะต้องมีการหารือเพื่อช่วยเหลือในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งต้องดูข้อกล่าวหาและประเด็นต่างๆ เพราะจากการติดตามข่าว คือ มีเหตุเพลิงไหม้ และ ‘ลุกลาม’ ไปถึงพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งในเรื่องนี้เป็นประเด็นละเอียดอ่อน ซึ่งเราก็จะพิจารณาอย่างรอบคอบ”

ด้าน นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวด้วยว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวยังอยู่ใน ‘ขั้นกล่าวหา’ ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่านายไชยอมรทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ อย่างไรก็ตามในอดีตที่ผ่านมาที่ ส.ส.พรรคก้าวไกลเข้าไปมีบทบาทในการช่วยประกันตัว เป็นการทำในฐานะประกันสิทธิในกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาได้โอกาสออกมาต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ส่วนจะถูกหรือผิดก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเรามีจุดยืนที่ว่าเราควรเคารพสิทธิในกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรมของทุกฝ่าย และให้สันนิษฐานว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยจนถึงที่สุด
.
“เรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นปัญหาความขัดแย้งทางความคิดไปแล้ว เราอยากให้รัฐบาลและผู้มีอำนาจคิดต่อประเด็นการชุมนุมที่ผ่านมา การแสดงออกทางการเมืองที่ผ่านมา ในฐานะที่เป็นความขัดแย้งทางความคิด ทั้งนี้ เมื่อเป็นความคิดเห็นแตกต่างทางการเมืองก็ควรใช้กระบวนการทางการเมืองในการแก้ปัญหา ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถยุติหรือมีทางออกได้ หากใช้กฎหมายปราบปรามอย่างเข้มงวดโดยมองเหมือนปัญหาการก่ออาชญากรรม ก่อคดีอาญาปกติ แต่เรื่องนี้เป็นปัญหาความขัดแย้งทางความคิด”
 


ที่มา: https://siamrath.co.th/n/224477

“กอ.รมน.” แจง ใช้โซเชียล สร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร แก้ไขปัญหาได้ตรงตามความต้องการของปชช. ชี้กรณีเฟซบุ๊กลบบัญชี เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวองค์กร

เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณา(กอ.รมน.) พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. ได้เปิดเผยว่า ตามที่สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้นำเสนอข่าวการสั่งปิด Facebook และปิดบัญชีรวมทั้ง Page Facebook โดยได้ลบ 185 บัญชี และกลุ่มที่ตรวจจับได้ว่าสมัครเข้ามาเพื่อปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ IO มีส่วนเชื่อมโยงกับกองทัพไทย และกอ.รมน. ได้โพสเนื้อหาสนับสนุนกองทัพ, สนับสนุนสถาบันพระมหากษัตริย์, เรียกร้องความสงบสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, โจมตีกลุ่มแบ่งแยกดินแดน โดยไม่ได้เปิดเผยว่าบัญชีเหล่านี้เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐ นั้น

กอ.รมน.ขอชี้แจงให้ได้รับทราบว่า กอ.รมน.ไม่ทราบถึงการถูกถอดบัญชี Facebook ตามที่เป็นข่าว เนื่องจากการใช้งานของเฟซบุ๊ก (Facebook) เป็นบัญชีส่วนบุคคล ไม่มีความเกี่ยวข้องกับองค์กร (กอ.รมน.) การลบบัญชีจากเฟซบุ๊ก ถือเป็นการลบบัญชีส่วนบุคคล ปัจจุบันเฟซบุ๊กของ กอ.รมน. ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ

พล.ต.ธนาธิป กล่าวอีกว่า กอ.รมน. ไม่มีนโยบายให้หน่วยดำเนินงานตามที่เป็นข่าว จากนโยบายของ กอ.รมน. มีหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานกลางขับเคลื่อนประสานงาน ในการช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์ให้กับประชาชน เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากความเดือดร้อน ซึ่งกอ.รมน.ได้ยึดถือเป็นแนวทางการปฏิบัติงานมาโดยตลอด

และ การใช้งานของโซเชียลมีเดียของ กอ.รมน. มีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ กิจกรรม ผลงาน ของ กอ.รมน. สร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็ว พร้อมรับทราบ ความต้องการของประชาชน เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ให้กับประชาชนได้ตรงตามความต้องการ และสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ปัจจุบัน กอ.รมน.ได้มี  Call Center 1374  รับแจ้งเหตุความมั่นคง เป็นอีกช่องทางหนึ่ง ที่จะทำให้การดำเนินชีวิตของประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

ศาลอาญาไม่ให้ประกัน ‘เพนกวิน’ หลังแม่หอบเงินล้านบาทขอปล่อยตัว ชี้ผู้ร้องเคยยื่นหลายครั้งแล้ว รวมทั้งศาลอุทธรณ์ก็ไม่อนุญาต เนื่องจากเกรงจะไปก่อเหตุร้าย และไม่ได้กระทบต่อการศึกษาอย่างชัดเจน

ความคืบหน้ากรณีนางสุรีรัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน เดินทางมายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินจำนวน 1 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราวนายพริษฐ์ ที่ไม่ได้รับการประกันตัว 2 คดี สำนวนแรกเป็นหมายเลขดำที่ อ.286/2564 ยื่นฟ้องนายพริษฐ์เป็นจำเลยเพียงคนเดียว กรณีชุมนุมม็อบเฟส เมื่อวันที่ 14 - 15 พ.ย. 2563 บริเวณแยกคอกวัว ถ.ราชดำเนิน สำนวนที่ 2 หมายเลขดำที่ อ.287/2564 ยื่นฟ้องนายพริษฐ์กับพวกเป็นจำเลย กรณีชุมนุม 19 กันยา ทวงอำนาจ เมื่อวันที่ 19 - 20 ก.ย. 2563 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และสนามหลวง เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออก, ขอให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ อ้างเหตุผลว่านายพริษฐ์ หรือเพนกวิน กำลังจะใกล้สอบแล้วนั้น

ล่าสุด ศาลอาญาพิเคราะห์แล้วมีคำสั่งว่า คดีนี้ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวและศาลนี้ได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ร้องอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่า เกรงว่าจำเลยจะไปก่อเหตุร้ายอีก หลังจากนั้นผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวและอุทธรณ์คำสั่งขอปล่อยชั่วคราวอีกหลายครั้ง

ทั้งนี้ศาลเห็นว่าการที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวและได้ให้เหตุผลไว้แล้ว โดยศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ย่อมเป็นการยุติว่าคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวของศาลชั้นต้นนั้นถูกต้องแม้กฎหมายจะอนุญาตให้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใหม่ได้ แต่การยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใหม่ ซึ่งจะมีผลให้ศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่งได้นั้น ต้องปรากฏว่าเป็นกรณีที่มีพฤติการณ์แห่งคดีได้เปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าในเหตุลักษณะคดี เช่น มีการรวบรวมพยานหลักฐานแล้วปรากฏพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108 อนุสอง หรือมีพฤติการณ์เกี่ยวกับจำเลยอันแสดงว่าจำเลยนั้นจะไม่หลบหนีหรือไม่สามารถไปก่อเหตุร้ายอื่นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

หากไม่มีข้อเท็จจริงในทางคดีที่เปลี่ยนแปลงไปย่อมไม่มีเหตุที่ศาลจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ศาลไม่จำต้องระบุเหตุผลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 ใหม่ เพราะเท่ากับจะเป็นการคัดลอกข้อความที่ศาลนี้และศาลอุทธรณ์ได้เคยมีคำสั่งไว้แล้ว ยิ่งเมื่อศาลนี้ได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว

ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งยืนตามต่อเนื่องกันมาหลายครั้ง หากศาลจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งโดยไม่มีเหตุ ย่อมเป็นการวินิจฉัยคดีตามอำเภอใจไม่เป็นแนวทางที่ชอบด้วยกฎหมาย

ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยที่ 1 อาจเจ็บป่วยเพราะมีโรคประจำตัวนั้น ขณะนี้ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 มีอาการเจ็บป่วยจริงจนถึงขนาดไม่สามารถรักษาพยาบาลภายในเรือนจำได้ ส่วนที่จำเลยที่ 1 เป็นนักศึกษานั้นมีเพียงเหตุผลให้คาดคะเนได้ว่าจะไม่สะดวกในการศึกษาเล่าเรียนเท่านั้น ยังไม่มีข้อเท็จจริงชัดเจนว่าจะกระทบต่อการเรียนของจำเลยที่ 1 อย่างชัดเจนร้ายแรงอย่างไร

ส่วนการดูแลครอบครัวและการประกอบอาชีพของจำเลยอื่นก็เป็นเหตุความขัดข้องทั่วไปของบุคคลซึ่งต้องคดียังไม่มีข้อเท็จจริงที่เป็นรูปธรรมว่าจำเลยทั้งหมดได้รับความเสียหายเป็นพิเศษจนถึงขนาดที่จะมีผลเพราะให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมที่ศาลสั่งไว้โดยชอบแล้ว ยกคำร้อง


ที่มา: https://mgronline.com/crime/detail/9640000021155

นายกรัฐมนตรี สั่งกลาโหม เคลียร์ไอโอ กองทัพ หลังโดนเฟซบุ๊กไล่ปิดบัญชี เชื่อเชื่อมโยงประเด็นทางการเมือง

หลังจากวานนี้ (3 มี.ค.) เฟซบุ๊กออกแถลงการณ์ปิดบัญชีผู้ใช้งานจำนวน 185 บัญชี รวมถึงกลุ่มต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับไอโอซึ่งดำเนินการโดยกองทัพไทย โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานอ้างคำกล่าวของหัวหน้าฝ่ายนโยบายความมั่นคงด้านไซเบอร์ของเฟซบุ๊กที่ระบุว่า "นี่เป็นครั้งแรกที่เราดำเนินการกับสิ่งที่เชื่อมโยงกับกองทัพไทย เฟซบุ๊กพบเห็นความเชื่อมโยงอย่างชัดเจนระหว่างปฏิบัติการนี้กับ กอ.รมน." และยังระบุด้วยว่าเครือข่ายดังกล่าวใช้เงินราว 350 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อโฆษณาบนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม

บัญชีที่ถูกระงับเนื่องจาก "มีพฤติกรรมการใช้งานคล้ายบัญชีปลอม" แบ่งออกเป็น บัญชีส่วนตัว 77 บัญชี, 72 เพจ, และ 18 กลุ่ม รวมถึงอีก 18 บัญชีบนอินสตาแกรม

เฟซบุ๊กกล่าวว่า บัญชีเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับกองทัพและมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้งานในภาคใต้ของไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้งยาวนานกว่า 10 ปี ระหว่างกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบกับรัฐไทย

ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึง กรณีเฟซบุ๊กปิดบัญชีและกลุ่มในเฟซบุ๊กที่เชื่อมโยงกับปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (ไอโอ) ในประเทศไทยที่เป็นของกองทัพ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เฟซบุ๊กปิดบัญชีในไทยที่เกี่ยวโยงกับรัฐบาล ว่า...

“เรื่องนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงกลาโหมไปติดตามแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่มีการพูดในสภาผู้แทนราษฎร จึงให้ไปติดตามดูว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร ซึ่งหลายอย่างก็เป็นประเด็นทางการเมืองไปด้วย” นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้ถามไปด้วยว่า “เฟซบุ๊กลักษณะเช่นนี้มีหลายทางด้วยกัน ซึ่งทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว ย้ำว่า ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมไปติดตามดู และทำให้เกิดความชัดเจนโดยเคลียร์ให้ชัดเจน”


ที่มา: https://www.posttoday.com/politic/news/647006

https://www.bbc.com/thai/56275989

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน

ประจำวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2564

“อนุสรณ์” ชี้ ถ้ารัฐบาลไม่เร่งแก้รัฐธรรมนูญ ระวังจะอยู่ไม่ได้ ลั่นประชาชนให้โอกาสและรอรัฐบาลพิสูจน์ความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้า "พล.อ.ประยุทธ์" เบี้ยวครั้งนี้ อาจไม่มีโอกาสได้อยู่แก้ไขรัฐธรรมนูญอีกเลย

วันนี้ (4 มีนาคม 2564) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี มีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) บางคนออกมาประกาศจุดยืนไม่เห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ที่เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ช่วงกลางเดือนมีนาคม หลังจากพ้นระยะเวลา 15 วัน ว่า อาจเป็นการออกมาโยนหินถามทางและส่งสัญญาณถึง ส.ว.ในเครือข่ายสืบทอดอำนาจระบอบประยุทธ์ ต้องการแสดงให้พวกเดียวกันเห็นว่าการที่มี ส.ว.ออกมาประกาศไม่ยอมรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถประกาศได้ ไม่ส่งผลกระทบใด ๆ เพื่อดึงดูดให้ ส.ว.คนอื่นๆกล้าออกมาประกาศ แลกกับการได้รับตำแหน่งเป็นการปูนบำเหน็จต่อไปเรื่อย ๆไม่จบไม่สิ้น

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า "ความจริงคนพวกนี้อยู่ในตำแหน่งทางการการเมืองโดยไม่ผ่านการเลือกตั้งมาสิบกว่าปี ฉายาสภาปรสิต ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย คนกลุ่มนี้อาศัยห้อยโหนระบอบสืบทอดอำนาจ รอทำหน้าที่หลักคือโหวตเลือกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น หากรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมถูกคว่ำในกลางเดือนมีนาคม ทั้งอาจเกิดจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หรือการลงมติของ ส.ว. 250 คน จะทำให้ประชาชนลุกฮือต่อต้านระบอบประยุทธ์ครั้งใหญ่ทั่วประเทศ

เพราะประชาชนหมดความอดทน รู้สึกเหมือนถูกหักหลังผิดหวังซ้ำซาก ทั้งที่รัฐบาลแถลงนโยบายให้เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วนข้อที่ 12 แต่ไม่จริงใจและบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา รวมทั้งอาจประเมินว่าแรงกดดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนอกสภาเบาลง ซึ่งเป็นการประเมินผิดพลาดและดูเบาประชาชน"

“ใครทำอะไรไว้ ย่อมได้รับผลกรรมที่ก่อ ประชาชนให้โอกาสและรอรัฐบาลพิสูจน์ความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ เบี้ยวครั้งนี้ อาจไม่มีโอกาสได้อยู่แก้ไขรัฐธรรมนูญอีกเลย” นายอนุสรณ์ กล่าว

รู้จัก ‘แอมมี่ The Bottom Blues’ ในเชิงลึก ด้วยตัวเลขที่สะท้อนตัวตนเหล่านี้

หากมีเครื่องตรวจจับวัดอุณหภูมิ และลองเอาชื่อ ‘แอมมี่ The Bottom Blues’ ไปทาบที่ตัวเครื่อง คาดว่า ตัวเลขที่ออกมาคงสูงปรี๊ด!

ตามรายงานข่าว ‘แอมมี่’ หรือ ‘นายไชยอมร’ ถูกกล่าวหาว่ามีความผิด ในข้อหากระทำความผิดตามมาตรา 112, วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการก่อเหตุวางเพลิงหน้าเรือนจำคลองเปรม รวมถึงเผาพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้ทางคดีความกันต่อไป

แต่สิ่งที่เหนือไปกว่ารูปคดี เวลานี้สังคมต่างกำลังพูดถึง ‘พฤติกรรม’ ของผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าจะทางลบ หรือทางบวก จะให้กำลังใจ หรือจะด่าทอ ทั้งหมดเป็นสิทธิ์ของทุก ๆ คน แต่ไม่ว่าจะเป็นไปในทางใด สิ่งที่จะทำให้ ‘สังคม’ อยู่ได้ คือการเคารพตัวบทกฎหมาย ที่เป็นกติการ่วมกัน

THE STATES TIMES รวบรวม ‘ตัวเลข’ ที่เกี่ยวข้องกับศิลปินรายนี้ เพื่อสะท้อนตัวตนของเขา ผู้ชายที่ ‘ร้อน’ กว่าอุณหภูมิของเดือนมีนาคมนี้ มาให้ทราบกัน

‘บิ๊กตู่’ พ้อปมวัคซีนโควิด บางคนไม่ชมแล้วยังแช่ง ลั่นทำทุกอย่างตามขั้นตอน ไม่เคยต้องการผลประโยขน์จากใคร คาดหวัง หลังฉีดวัคซีนจะทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดลดลง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 มี.ค. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2564 ผ่านระบบ VDO Conference โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดการประชุม ว่า

ปกติก็ไม่ค่อยได้เจอกันได้บ่อยนัก ถือว่าพวกเราหัวอกเดียวกัน แม้นายกรัฐมนตรีจะอยู่ตรงนี้ก็ตามแต่ก็เคยเป็นข้าราชการมาก่อน จึงรู้ดีถึงปัญหาและข้อขัดข้อง ที่เราดำเนินการโดยเฉพาะการบริหารราชการแนวใหม่ เพราะรัฐบาลต้องขับเคลื่อนหลายอย่างด้วยกัน

ดังนั้นจึงถือว่าวันนี้มาพบและพูดกับคนในครอบครัว ว่าจะทำอย่างไรให้ครอบครัวใหญ่ของเราคือประเทศไทย มีความอยู่ดี กินดี ก้าวหน้าแก้ปัญหาอุปสรรคข้างหน้าในสิ่งใหม่ ๆ เพื่อเป็นอนาคตของพวกเราทุกคน ทั้งนี้ ทุกคนทราบดีถึงสถานการณ์ต่างๆอยู่แล้วทั้งนอกและในประเทศ และครั้งนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรกของปี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอพูดถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ขอบคุณส่วนราชการทุกแห่งที่ร่วมมืออย่างเต็มที่ในการรับมือการแพร่ระบาดระลอกใหม่ และมีผลสำเร็จตามลำดับจนสามารถควบคุมได้ สถิติผู้ติดเชื้อลดลง ซึ่งเป็นการดีที่จะทำให้เศรษฐกิจต่างๆดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ที่จะมาถึงได้มอบหมายให้ทาง ศบค.พิจารณาเพิ่มเติมแล้ว ว่าจะทำอย่างไรให้ทุกอย่างเคลื่อนไหวได้ในทางที่จะทำให้เกิดผลดีต่อประชาชนโดยตรง ส่วนเรื่องของวัคซีนวันนี้มีข่าวจากหลายทางด้วยกัน ทั้งดีและไม่ดี ชมและไม่ชม หรือมีทั้งส่วนที่ไม่ชมแล้วแช่ง ดังนั้น เราต้องร่วมมือกันสร้างความเข้าใจ ว่ารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

“ผมเองไม่ได้ต้องการผลประโยชน์จากใครทั้งสิ้น วันนี้สิ่งที่ทำก็ทำตามขั้นตอนและแนวทางการพิจารณาของบุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข ซึ่งไทยมีชื่อเสียงในระดับต้นๆของโลก ดังนั้นจึงต้องฟังเขา ไม่เพียงเฉพาะแต่ข้าราชการในปัจจุบัน แต่ยังต้องรวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิ อดีตแพทย์ อดีตอธิบดี ที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ นำหลักการมาพิจารณาให้เกิดความเหมาะสม เกิดความปลอดภัย

และหลังจากที่เราเริ่มฉีดวัคซีนแล้วรู้สึกว่าสังคมดีขึ้น มีความหวังที่จะทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดลดลง แต่ยังคงไม่หมดสิ้นไปจากโลกเพราะขณะที่ไทยมีสถิติลดลง แต่ต่างประเทศก็ยังเพิ่มขึ้น ก็ต้องมาดูที่สาเหตุซึ่งแม้จะมีวัคซีนแต่ก็ฉีดไม่ได้เพราะประชาชนไม่สมัครใจ ในหลายประเทศซึ่งมีวัคซีนพร้อม แต่มีประชาชนมากกว่าร้อยละ 50 ไม่สมัครใจที่จะฉีดนั่นก็คือสิ่งที่เป็นประเด็น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

‘ศรีสุวรรณ’ ชี้! ‘แอมมี่ เดอะ บอททอมบลูส์’ ทำผิดกฎหมายหลายกระทง โทษขั้นต่ำคุก 23 ปี สูงสุดประหารชีวิต ฝากถึงม็อบ 3 นิ้วใช้กรณีนี้เป็นตัวอย่าง อย่าปากกล้าขาสั่น เมื่อกล้าทำผิดก็ต้องกล้าที่จะรับโทษทัณฑ์

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า กรณีศาลอาญา อนุมัติออกหมายจับ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ “แอมมี่ เดอะ บอททอมบลูส์” นักร้องชื่อดังและแนวร่วมกลุ่มราษฎร ในข้อหากระทำความผิดตามมาตรา 112, วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว “แอมมี่” ได้ ใกล้โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดอยุธยา ล่าสุด เจ้าตัวได้โพสต์ข้อความสารภาพว่าเป็นผู้วางเพลิงจริง

การกระทำของแอมมี่ถือว่าเป็นกรรมหนัก เข้าข่ายความผิดหลายข้อหา หลายฐานความผิดด้วยกัน เช่น ความผิดตาม ป.อ.มาตรา 112 “การหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์” มีอัตราโทษจำคุก 3 ปีถึง 15 ปี ความผิดตาม ป.อ.มาตรา 218 “การวางเพลิงเผาทรัพย์” มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต ความผิดตาม ป.อ.มาตรา 360 “การทำลายทรัพย์สาธารณะ” มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ความผิดตาม ป.อ.มาตรา 365 “การบุกรุกสถานที่ราชการในเวลากลางคืน” มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

การนำภาพที่ก่อเหตุมาโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวก็ยังเข้าข่ายความผิดตาม พรบ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 แก้ไขเพิ่มเติม 2560 ม.14(3) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากเป็นความผิดที่เกี่ยวกับความมั่นคงด้วยนั่นเอง รวมๆอัตราโทษทั้งหมดทุกกระทงแล้วก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 23 ปี สูงสุดก็ประหารชีวิต

จึงเป็นเรื่องปกติที่ศาลจะไม่ให้ประกันตัวแอมมี่ เนื่องจากมีอัตราโทษค่อนข้างสูง และมีพฤติการณ์ที่อาจหลบหนีได้ ส่วนพวกลิ่วล้อทั้งหลาย ไม่ต้องฟูมฟายเอากรณีดังกล่าวไปเปรียบเทียบกับกรณีอื่นๆ เพื่อหาเรื่องตำหนิกระบวนการยุติธรรม ว่าทำไมศาลจึงไม่ให้ประกันตัวออกมาสู้คดีเหมือนกรณีอื่น ๆ เพราะกรณีมันต่างกัน อัตราโทษมันสูง ใครจะกล้าเสี่ยงให้ปล่อยออกมาได้ พวกสามนิ้ว พวกอีแอบทั้งหลาย จงใช้กรณีเยี่ยงนี้เป็นบทเรียนว่า กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย เมื่อทำผิดแล้วต้องเข้าคุกทุกราย อย่าปากกล้าขาสั่น เมื่อกล้าทำผิดก็ต้องกล้าที่จะรับโทษทัณฑ์

ดร.อานนท์ เผยเหตุบรรยายเป็นภาษาไทย ทั้งที่ใช้อังกฤษคล่อง บนเวทีดีเบต FCCT เพราะไม่แม่นศัพท์ทางกฎหมาย พร้อมชื่นชมล่ามคนรุ่นใหม่ว่าแปลได้ชัดเจน

ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ นักวิชาการจากนิด้า โพสต์ข้อความผ่านเพซบุ๊กส่วนตัว กล่าวถึงกรณีมีคนสงสัย เหตุใดไม่บรรยายเป็นภาษาอังกฤษ บนเวทีดีเบต ‘มาตรา 112’ ที่จัดโดย สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) โดยระบุว่า

ผมพูดภาษาอังกฤษได้คล่องนะครับ คล่องระดับเคยเป็น adjunct assistant professor สอนนักศึกษาปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านบริหารธุรกิจในสหรัฐอเมริกา

แต่ก็ยอมรับว่าให้ไปบรรยายประเด็นทางกฎหมายด้วยภาษาอังกฤษนั้น จะไม่คล่อง เพราะผมไม่ได้เรียนกฎหมายเป็นภาษาอังกฤษเลย ผมเรียนกฎหมายเมื่อเรียนในคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือเมื่อเรียนปริญญาโทที่ธรรมศาสตร์และนิด้าก็เรียนเป็นภาษาไทยล้วน ๆ ส่วนตอนไปเรียนปริญญาเอกที่สหรัฐอเมริกาก็เรียนจิตวิทยาและสถิติ ไม่ได้เรียนกฎหมายแต่อย่างใด ยอมรับว่าตัวเองไม่มีวงศัพท์นิติศาสตร์ภาษาอังกฤษเลย จึงไม่มั่นใจว่าจะบรรยายประเด็นทางกฎหมายเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างไร ไม่น่าจะทำได้ fluent มากนัก

แต่ถ้าเอาจริงผมไปนั่งอ่านพจนานุกรมศัพท์นิติศาสตร์ อังกฤษ-ไทย สักเล่ม ผมก็คิดว่าผมพอจะบรรยายประเด็นทางกฎหมายได้ แต่เนื่องจากไม่มีเวลาเตรียมตัว ประกอบกับคุณหมอวรงค์ ก็แจ้งว่าต้องการให้คนฟังหลักที่เป็นคนไทยได้เข้าใจได้โดยง่าย

การสร้าง mental lexicon ศัพท์นิติศาสตร์ภาษาอังกฤษ เลยเป็นอันพับไปก่อน ไว้จะไปหามาศึกษาครับ เมื่อบนเวทีตกลงกันว่าต้องการให้คนไทยได้ฟัง เลยพูดภาษาไทยกัน

ใจจริงก็อยากพูดอังกฤษ เราอาจจะพูดช้าเพราะต้องนึกศัพท์กฎหมายภาษาอังกฤษ แต่ก็น่าจะทำให้เราพูดได้เร็ว โดยไม่ต้องมีล่าม แต่คนไทยจะต้องมาฟังภาษาอังกฤษที่มีศัพท์กฎหมายยากๆ ด้วย (ที่ผมเองคงต้องศึกษาอีกมากเช่นกันก่อนพูด)

เมื่อวานนี้ที่ สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) ผมประทับใจน้องล่ามสด Spontaneous Interpreter มากครับ ได้นามบัตรน้องมาชื่อ อิทธิณัฐ สีบุญเรือง มีความสามารถในการเป็นล่ามสุดในเรื่องที่ยากแสนยาก ใช้ศัพท์เฉพาะทางกฎหมายมากมาย แปลสดเก็บได้ครบทั้งราบรื่นมาก น้องตั้งใจทำงานล่ามสดนี้อย่างดีที่สุด ไม่เคยประทับใจล่ามสดที่เก่งเท่านี้ที่ไหนมาก่อนเลยครับ

ลงเวทีมา รู้สึกประทับใจมาก ต้องมาขอบคุณและชมน้องว่าเก่งจริงๆ น้องเป็นหนุ่มสูง ขาวตี๋ หน้าตาหล่อเหลา บุคลิกดีมาก สำหรับหญิงไทยทั้งหลาย จงปล่อยวางเถิด น้องแนะนำให้ผมรู้จักภรรยาด้วยครับ เป็นสาวสวย สมกันมากๆ ผมยังชมน้องกับภรรยาน้องว่าเก่งมาก ภรรยาน้องบอกว่าเขาตั้งใจทำอาชีพนี้มากและเขาก็เก่งจริงๆ ประทับใจการทำหน้าที่ล่ามสดของน้องอิทธิณัฐมากครับ

ลงเวทีมาท่านทูตสองสามประเทศมาคุยกับผม บอกว่าทำไมผมไม่พูดอังกฤษเลย เพราะผมก็พูดอังกฤษคล่องปรื๋อ ผมก็เรียนไปด้วยเหตุผลข้างต้นว่าไม่รู้ศัพท์นิติศาสตร์ภาษาอังกฤษมากพอ แต่น้องล่ามสดคนนี้คือที่สุด สุดยอดความสามารถที่สุด ประทับใจครับ

ส่วนคู่ดีเบตนั้นแถไปแถมา วนไปวนมา พูดความจริงครึ่งเดียว หรือไม่พูดความจริง หรือสร้างทฤษฎีกฎหมายและรัฐศาสตร์มั่วๆ เยอะแยะจนผมได้แต่ส่ายหน้า ไม่มี legal reasoning เอาเสียเลย น่าแปลกใจมาก ที่สำคัญคือไม่มีหลักวิญญูชนกับหลักสุจริตในฐานะนักกฎหมายเอาเสียเลยในสายตาผม

ปล ขอแถมประวัติน้องล่ามสด ที่แสนจะประทับใจในความสามารถครับ เพิ่งรู้ว่าน้องร้องโอเปร่าด้วยครับ มิน่าเสียงถึงได้เพราะด้วย

อิทธิณัฐ สีบุญเรือง

อิทธิณัฐ มีความสนใจในการร้องเพลงคลาสสิค ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ที่ประเทศเยอรมัน หลังจากกลับประเทศไทย เขาได้เริ่มเรียนการร้องเพลงอย่างจริงจัง กับนักร้องโอเปร่าชาวไทย Sophie Tanapura เมื่ออิทธิณัฐ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาเยอรมัน จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนื่องจากใจรักในเพลงคลาสสิค เขาตัดสินใจศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ด้านการร้องเพลงคลาสสิค ที่ the Peabody Conservatory of Johns Hopkins University ภายใต้การเรียนการสอนของ John Shirley-Quirk นักร้องโอเปร่าชาวอังกฤษเสียง Bass-Baritone อิทธิณัฐได้รับทุนการศึกษาจากทุนส่งเสริมดนตรีคลาสสิคในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สนับสนุนการศึกษาดนตรีคลาสสิคและการแสดงดนตรีคลาสสิคของเขา

หลังจากจบการศึกษาจาก Peabody Conservatory อิทธิณัฐก็เข้ารับการฝึกฝนเพิ่มเติม ที่ สถาบัน Franz-Schubert เมือง Baden bei Wien ประเทศออสเตรีย เป็นสถาบันที่เน้นการสอนร้องเพลงโอเปร่าในแบบเยอรมันโดยเฉพาะ ซึ่งเขาได้รับการสอนจากนักร้องโอเปร่าระดับสากลหลายท่าน อาทิเช่น Elly Ameling, Julius Drake, Robert Holl, Rudolf Jansen, Helmut Deutsch, Andreas Schmidt และอีกมากมาย

ผลงานในประเทศไทย เขาร่วมแสดงกับ Metropolitan Opera of Bangkok ในบท ท่านเคาท์ Almaviva จากเรื่อง Le nozze di Figaro, Dr. Blind, Fank จาก Die Fledermaus, Kiilian, Ottokar จาก Der Freischütz สำหรับผลงานในต่างประเทศ อิทธิณัฐ ร่วมทัวร์แสดงคอนเสิร์ตในประเทศอินเดีย ซึ่งสนับสนุนโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อโปรโมทการแสดงดนตรีคลาสสิคจากศิลปินชาวเอเชีย ส่วนในประเทศสหรัฐอเมริกา อิทธิณัฐ ได้ร่วมเป็นสมาชิกคณะร้องเพลงประสานเสียง Wittenberg Choir and Baltimore Choral Arts จัดการแสดงโดย Peabody Opera Studio ซึ่งกำหนดการแสดงของเขาในปีนี้ รวมถึงเรื่อง Die Winterreise ของ Franz Schubert อีกด้วย

ปัจจุบัน อิทธิณัฐ อาศัยอยู่ในกรุงเทพ และเรียนร้องเพลงกับคุณสเตฟาน ซานเชส ผู้บริหารของแกรนด์ โอเปร่า ไทยแลนด์ (มีพันธมิตรแจ้งมาว่าคุณสเตฟานเสียชีวิตแล้ว ข้อมูลนี้จากเว็บไม่อัพเดท) อีกทั้ง เขายังร่วมแสดงคอนเสิร์ตมากมาย กับทางบริษัทฯ เช่น Mozart, Schubert, Strauss ณ Goethe Institute ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตออสเตรีย ประจำประเทศไทย, "Music of Love and Devotion" คอนเสิร์ตฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ Royal Cliff Hotels Group, พัทยา เป็นต้น

 

ยูซาคุ มาเอะซาวะ นักธุรกิจชื่อดังชาวญี่ปุ่น เปิดรับสมัคร 8 ผู้กล้า เข้าร่วมภารกิจ dearMoon Project บินผ่านดวงจันทร์ครั้งแรกบนจรวด Starship ของ SpaceX ในปี 2566

ยูซาคุ มาเอะซาวะ นักธุรกิจชื่อดังชาวญี่ปุ่น ประกาศเปิดรับสมัครผ่านวีดีโอคลิป ให้ประชาชนทั่วไปจำนวน 8 ราย เข้ารับการคัดเลือกเพื่อเข้าร่วมโครงการ dearMoon Project ภารกิจบินผ่านดวงจันทร์นาน 1 สัปดาห์กับจรวด Starship ของ SpaceX ในปี 2566 โดยการเดินทางสู่ดวงจันทร์ครั้งนี้ มียูซาคุ มาเอะซาวะ เป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านการเงินทั้งหมด และแรงบันดาลใจในการสนับสนุนภารกิจนี้ของเขานั้น มีที่มาจากความสงสัยใคร่รู้และความปรารถนาที่จะได้เห็นและชื่นชมโลกจากระยะไกลในอวกาศ

โดยในคลิปวิดีโอ มาเอะซาวะ ได้กล่าวถึงแรงบันดาลใจเบื้องหลังโครงการ dearMoon Project ว่า "ผมเริ่มตั้งคำถามว่า มนุษย์ทุกคนที่กำลังสร้างสรรค์อะไรสักอย่างในชีวิตก็นับว่าเป็นศิลปินเช่นกันไม่ใช่หรือ เมื่อคิดได้แบบนั้น ผมจึงอยากให้คำเชิญชวนของผมได้ไปถึงวงสังคมที่กว้างขวางยิ่งขึ้น และเปิดโอกาสให้ผู้คนมากมายจากทั่วโลกได้ร่วมการเดินทางครั้งนี้ หากคุณคิดว่าตัวคุณนั้นเป็นศิลปินคนหนึ่ง คุณก็ย่อมเป็นศิลปิน"

ด้าน อีลอน มัสก์ เจ้าของ SpaceX กล่าวว่า "สิ่งสำคัญเกี่ยวกับภารกิจ dearMoon ก็คือนี่จะเป็นเที่ยวบินในอวกาศ ซึ่งบินพ้นวงโคจรโลกครั้งแรกที่ดำเนินการโดยเอกชนและมีผู้โดยสารเป็นมนุษย์ ผมรู้ว่าคุณมาเอะซาวะจะให้การสนับสนุน เพื่อให้ศิลปินและคนกลุ่มอื่น ๆ ได้เดินทางไปในครั้งนี้ด้วย ฉะนั้นเขาต้องการให้ภารกิจนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลก"

ทั้งนี้ ด้วยความเชื่อของ มาเอะซาวะ ที่ว่ามนุษย์ทุกคนต่างก็เป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์ในแบบของตนเอง เขาจึงเชิญชวนให้ทุกคนที่มองว่าตัวเองเป็นศิลปินสมัครเข้าร่วมโครงการ โดยมีเงื่อนไข 2 ข้อ ดังนี้:

1.) ผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในโครงการ dearMoon จะต้องแสดงให้เห็นว่าตนมีศักยภาพที่จะเติบโตในเชิงบุคลิกภาพจากการเข้าร่วมภารกิจนี้

2.) นำประสบการณ์ครั้งนี้ไปต่อยอดให้เกิดคุณค่าต่อโลกต่อไปในอนาคต ด้วยการผลิตงานเพื่อสังคมที่จะก่อให้เกิดประโยชน์กับมนุษยชาติได้จนชั่วลูกชั่วหลาน

นอกจากนี้ ผู้สมัครจะต้องสามารถให้การสนับสนุนผู้สมัครรายอื่น ๆ ที่มีศักยภาพและวิสัยทัศน์ในระดับที่เท่าเทียมกันด้วย

กระบวนการคัดเลือกจะเริ่มต้นขึ้นในวันนี้ โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้:

ผู้ที่สนใจสมัครเข้ารับการคัดเลือก เพื่อร่วมโครงการ dearMoon Project สามารถกรอกใบสมัครได้ที่: https://dearmoon.earth/pre-reg.html#en

โดยมีขั้นตอน ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1: ลงทะเบียนสมัครเข้ารับการคัดเลือก (ภายในวันที่ 14 มี.ค. 2564 เวลา 6:59 PST)

ขั้นตอนที่ 2: คัดกรองผู้สมัครรอบแรก (ภายในวันที่ 21 มี.ค. 2564 เวลา 6:59 PST)

ขั้นตอนที่ 3: คัดเลือกผู้สมัคร

ขั้นตอนที่ 4: สัมภาษณ์ออนไลน์

ขั้นตอนที่ 5: สัมภาษณ์รอบสุดท้ายและตรวจสุขภาพ (ปลายเดือนพ.ค. 2564)

อนึ่ง ภารกิจบินผ่านดวงจันทร์ครั้งแรกที่ดำเนินการโดยองค์กรเอกชนนี้ มีแผนเริ่มภารกิจอย่างเร็วที่สุดในปี 2566 โดยจรวด Starship ของ SpaceX จะใช้เวลาออกเดินทางไปยังดวงจันทร์และกลับมายังโลกนาน 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ เมื่อปี 2561 ยูซาคุ มาเอะซาวะ นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นได้ทำการซื้อที่นั่งทั้งหมดในภารกิจครั้งนี้

และเพื่อให้บุคคลที่มีความสามารถมีโอกาสร่วมเดินทางในภารกิจครั้งนี้ได้มากที่สุด เขาจึงได้ประกาศในเดือนมี.ค. 2564 ว่า มีแผนจะคัดเลือกผู้เข้าร่วมภารกิจ 8 รายจากผู้สมัครทั่วโลกนั่นเอง

เผยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวโดยรวมลดลงมากถึง 2.18 ล้านล้านบาท หรือลดลงมากถึง 72.79% เมื่อเทียบกับปีก่อน ธุรกิจที่พักหนักสุดหายวับ 5.6 แสนล้าน

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในปี 2563 ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 อย่างหนัก ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวโดยรวมลดลงมากถึง 2.18 ล้านล้านบาท หรือลดลงมากถึง 72.79% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจท่องเที่ยวทั้งหมดปรับลดลงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะธุรกิจที่พักมีรายได้ปรับลดลงมากที่สุด โดยลดลงจาก 7.71 แสนล้านบาทในปีก่อน เหลือแค่ 2.05 แสนล้านบาทเท่านั้น หรือลดลงมากถึง 5.66 แสนล้านบาท

ส่วนในปี 2564 นี้ยังมีความท้าทายว่ารายได้จะกลับมาเป็นปกติได้หรือไม่ เพราะปัจจุบันการท่องเที่ยวยังไม่กลับมาฟื้นตัวได้เร็ว แม้ว่าหลายประเทศจะเริ่มฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม

ส่วนธุรกิจที่มีรายได้ปรับลดลงรองลงมา คือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่วยสินค้าและของที่ระลึก มีค่าใช้จ่ายลดลงจาก 7.05 แสนล้านบาท ลดลงเหลือ 1.75 แสนล้านบาท ค่าใช้จ่ายอาหารและเครื่องดื่ม ลดลงจาก 6.48 แสนล้านบาท เหลือ 1.82 แสนล้านบาท ค่าใช้จ่ายเพื่อความบันเทิง ลดลงจาก 3.49 แสนล้านบาท เหลือ 9.6 หมื่นล้านบาท ค่าพาหนะเดินทางในประเทศ ลดลงจาก 2.97 แสนล้านบาท เหลือ 8.4 หมื่นล้านบาท ค่าบริการท่องเที่ยว ลดลงจาก 1.55 แสนล้านบาท เหลือ 4.9 หมื่นล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ลดลงจาก 6.9 หมื่นล้านบาท เหลือ 2.3 หมื่นล้านบาท

แม้จะดูเป็นขนมธรรมดา ๆ สำหรับขนมข้าวโพดอบกรอบใส่ซองห่อละ 5 บาท ที่ใช้ชื่ือว่า ‘นมแท่ง’ แต่ใครจะรู้ว่าขนมดังกล่าวมีส่วนช่วยสร้างรายได้เฉียดพันล้านบาทให้กับบริษัทสายเลือดไทย ‘ไพบูลย์ โปรดักส์ จำกัด’ ได้อย่างน่าสนใจ

ขนมข้าวโพดอบกรอบ ภายใต้ชื่อแบรนด์ว่า ‘นมแท่ง’ เกิดขึ้นเมื่อ 27 ปีที่แล้ว โดยมีจุดเริ่มต้นจากบริษัท ไพบูลย์ โปรดักส์ จำกัด ซึ่งมี ‘ไพบูลย์ พัฒนวานิชกิจกุล’ และ ‘ขวัญจิตร ยั่งยืน’ เป็นผู้ก่อตั้ง

เป้าหมายของทั้งสองคนในตอนนั้น คือ ต้องการช่วยเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงได้รับซื้อข้าวโพด แล้วนำมาแปรรูปให้เป็นเกษตรอุตสาหกรรม

ความโชคดีอย่างมาก คือ สินค้าแรกของทางบริษัทอย่างขนมข้าวโพดอบกรอบ ‘นมแท่ง’ นั้นได้รับผลตอบรับที่ดีเลย

แต่ถึงกระนั้น ทางบริษัท ก็ยังได้หาช่องทางขยายการเติบโตของธุรกิจเพิ่มเติม โดยการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น ข้าวเกรียบกุ้ง, เวเฟอร์, บิสกิต และคุกกี้ รวมถึงขยายตลาดออกไปยังประเทศอื่นๆ เช่น กลุ่มประเทศ CLMV, ตะวันออกกลาง, สิงคโปร์, ไต้หวัน, เกาหลี และจีน

สำหรับผลประกอบการ บริษัท ไพบูลย์ โปรดักส์ จำกัด นั้นเติบโตจนน่าสนใจ

- ปี 2560 รายได้ 520 ล้านบาท กำไร 2 ล้านบาท

- ปี 2561 รายได้ 656 ล้านบาท กำไร 4 ล้านบาท

- ปี 2562 รายได้ 942 ล้านบาท กำไร 59 ล้านบาท

อะไรที่ทำให้ขนมห่อเล็ก ๆ นี้สามารถสร้างรายได้ได้มากขนาดนั้น

ปัจจัยแรก คือ คุณภาพของสินค้า ผู้ที่จะอยู่รอดในตลาดได้ สินค้าจะต้องมีคุณภาพที่ดี สามารถทำให้ลูกค้าที่ซื้อไปแล้ว เกิดความพึงพอใจและกลับมาซื้อซ้ำอีกครั้ง ทุกๆ การผลิตสินค้าแต่ละชนิดของบริษัท จึงต้องคัดสรรวัตถุดิบที่นำมาแปรรูปอย่างดี

อย่างกรณีของขนมข้าวโพดอบกรอบนั้น ก็ได้เลือกข้าวโพดอย่างดีนำมาแปรรูป โดยไม่ใส่สารปรุงแต่งใด ๆ

ทำให้มีรสชาติที่ดี และมีความหอมมันตามธรรมชาติ จุดนี้เองที่เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคติดใจในคุณภาพของสินค้า และ กลับมาซื้อซ้ำ

ปัจจัยต่อมา คือ ความแตกต่าง ซึ่งในการผลิตขนม ธุรกิจประเภทนี้มีการแข่งขันกันสูง หากไม่สร้างความแตกต่างให้กับสินค้า โอกาสที่จะทำให้ธุรกิจเติบโต ก็แทบจะมองไม่เห็น

อย่างกรณี ขนมประเภทข้าวเกรียบ ทางบริษัทก็ได้สร้างความแตกต่างด้วยการทำขนมข้าวเกรียบที่มีน้ำจิ้มอยู่ในซอง และมีให้เลือกหลากหลายรสชาติ หรือในส่วนของ เวเฟอร์ ก็ถือได้ว่า เป็นเจ้าแรกๆ ที่ผสมโยเกิร์ตลงไปด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อสินค้ามีคุณภาพ ตลาดยอมรับ ลูกค้าติด ก็ย่อมมีคู่แข่งที่อยากจะผลิตสินค้าแบบเดียวกันออกมา ทางบริษัทจึงต้องคิดค้น หรือหาทางพัฒนาสินค้าของตัวเองอยู่เสมอ

หรือก็คือ ต่อให้สินค้าที่มีอยู่จะได้รับผลดีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ทางบริษัท ก็ยังได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ออกมาอยู่เสมอ เช่น การแตกไลน์การผลิตมาทำ เวเฟอร์, บิสกิต และคุกกี้

ขณะเดียวกัน ก็พยายามมองหาตลาดใหม่ๆ เพื่อขยายการเติบโต เช่น การตัดสินใจขยายธุรกิจ ออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ตะวันออกกลาง สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลี และจีน

นี่คือตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ที่หลายคนอาจจะมองข้าม แต่ถ้าใส่ใจและให้ความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ ก็พร้อมที่เปลี่ยนเงินหลักหน่วย ให้กลายเป็นเงินหลักล้านได้ เหมือนกับ ‘นมแท่ง’ ก็ได้


ที่มา: https://www.facebook.com/1387231808035873/posts/3673619242730440/

https://www.paiboonpro.com/th/

‘แอมมี่ THE BOTTOM BLUES’ ยอมรับ ก่อเหตุเผา หน้าเรือนจำคลองเปรมจริง ลั่นขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว พร้อมยอมรับ เป็นความคิดที่โง่เขลาและทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในอันตราย

จากกรณีที่ศาลอาญา รัชดา ได้อนุมัติหมายจับ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ THE BOTTOM BLUES ในข้อหา วางเพลิงเผาทรัพย์ จากกรณีเผาพระบรมฉายาลักษณ์ หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ก่อนจะจับกุมตัวได้ที่ห้องเช่า ใน จ.พระนครศรีอยุธยา และได้คุมตัวมารักษาอาการบาดเจ็บที่ รพ.ตำรวจ

ล่าสุด แอมมี่ ได้โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก The Bottom Blues ระบุว่า การกระทำในครั้งนี้ เป็นฝีมือของผมและผมขอรับผิดชอบไว้ แต่เพียงผู้เดียว และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเคลื่อนไหว หรือการเรียกร้องใด ๆ

เหตุผลของผมนั้นเข้าใจง่ายมาก เล่าไปถึงตอนผมโดนจับไปวันที่ 13 ตุลา ปีที่แล้ว เพนกวิ้นคือคนแรกที่โทรหาผมบนรถห้องขังและประกาศรวมพลมวลชนทันที แต่กลับกันในครั้งนี้กวิ้น และพี่น้องของผมต้องติดอยู่ในคุกนานกว่า 20 วันแล้ว แต่ผมไม่สามารถที่จะช่วยเหลือพวกเค้าได้เลย ผมรู้สึกละอายและผิดหวังในตัวเอง การกระทำในครั้งนี้

ผมยอมรับว่าเป็นความคิดที่โง่เขลาและทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในอันตราย

หวังว่าจะได้พบกันใหม่

ขอให้ทุกคนสู้ต่อไป III

แอมมี่ THE BOTTOM BLUES


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top