Wednesday, 2 July 2025
NEWS

ชงครม.ไฟเขียวลดส่งเงินเข้ากองทุนประกันสังคม 3 เดือน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม โดยให้ลดอัตราเงินสมทบนายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 จากเดิมฝ่ายละ 5% เหลือฝ่ายละ 2.5% ของค่าจ้างผู้ประกันตน และผู้ประกันตนมาตรา 39 เหลืออัตราเดือนละ 216 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ในงวดเดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2564 ส่วนงวดเดือนกันยายน 2564 เป็นต้นไป ให้ส่งเงินสมทบอัตราเดิม เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ประกันตนในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่

ทั้งนี้เชื่อว่าการลดเงินครั้งนี้จะช่วยให้นายจ้างและลูกจ้างสามารถนำเงินสมทบที่ลดลงไปใช้จ่ายเพื่อเสริมสภาพคล่องในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในระยะเวลาตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2564 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 20,163 ล้านบาท เป็นการลดปัญหาทางการเงินได้ ขณะเดียวกันกระทรวงแรงงาน ยังเสนอร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานด้วย

นอกจากนี้กระทรวงมหาดไทย ยังเสนอร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ พร้อมทั้งเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความด้านทาน และความคงทนของอาคารและพื้นดินที่รองรับอาคาร ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ส่วนกระทรวงคมนาคม เสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านพรุตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ ตำบลทุ่งลาน และตำบลคลองหลา อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา และกระทรวงการคลัง เสนอขอความเห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย

‘เลสเตอร์ ซิตี้’ สร้างปรากฎการณ์บนสังเวียนฟุตบอลอังกฤษอีกครั้ง เมื่อพวกเขาสามารถคว้าถ้วยเอฟเอคัพ มาครองเป็นครั้งแรกใน 137 ปี หลังจากที่เคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครองเป็นครั้งแรกของสโมสร เมื่อปี 2016

‘เลสเตอร์ ซิตี้’ สร้างปรากฎการณ์บนสังเวียนฟุตบอลอังกฤษอีกครั้ง เมื่อพวกเขาสามารถคว้าถ้วยเอฟเอคัพ มาครองเป็นครั้งแรกใน 137 ปี หลังจากที่เคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครองเป็นครั้งแรกของสโมสร เมื่อปี 2016

แน่นอนว่า ความสำเร็จของทีมฉายา ‘จิ้งจอกสยาม’ ส่วนสำคัญเกิดจาก ‘ความมุ่งมั่น และ ตั้งใจ’ ของชายที่ชื่อ ‘วิชัย ศรีวัฒนประภา’ ผู้ปลุกปั้นสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ จากทีมธรรมดา กระทั่งกลายมาเป็นทีมชั้นนำของลีก ที่สามารถต่อกรกับสโมสรยักษ์ใหญ่ได้อย่างสมศักดิ์ศรี ภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี

ขอแสดงความยินดีอีกครั้ง กับแชมป์เอฟเอคัพ ของ เลสเตอร์ ซิตี้

"สุทธวรรณ" จี้ "สมศักดิ์" แก้วิกฤตคลัสเตอร์เรือนจำ ปล่อยตัวผู้ต้องขังลดแออัด และต้องได้รับการรักษาอย่างเท่าเทียม

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีมาตรการจัดการกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำทั่วประเทศ ที่ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 6,853 คน ทำให้ผู้ติดเชื้อสะสมในเรือนจำทะลุหมื่นราย ว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ต้องรีบแก้ไขวิกฤตการระบาดในเรือนจำเป็นการด่วน ที่บอกจัดการได้ รับมือไหว อยากถามว่าจัดการได้จริง ๆ ใช่หรือไม่ โดยมาตรการหนึ่งที่สามารถทำได้ คือ เร่งปล่อยตัวผู้ต้องขัง เพื่อลดความแออัดในเรือนจำ กรณีผู้ต้องขังที่คดียังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ควรอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว และอาจพิจารณาปล่อยตัวผู้ต้องขังที่เหลือโทษไม่ถึงสามปีแล้วติดกำไล EM เมื่อได้ออกมาแล้วต้องมีการกักตัวและได้รับการตรวจหาเชื้อ ส่วนการตรวจคัดกรองเชิงรุกยังคงต้องทำอยู่ในเรือนจำและทัณฑสถานอย่างเข้มงวด และแยกตัวมารักษาให้ถูกต้อง

น.ส.สุทธวรรณ กล่าวต่อว่า นายสมศักดิ์ ได้กล่าวไว้ว่า ทุกเรือนจำทั่วประเทศต้องมีการเตรียมความพร้อมทำโรงพยาบาลสนาม และหากเรือนจำใดไม่มีพื้นที่ในการจัดทำโรงพยาบาลสนามก็ให้วางแผนไปใช้พื้นที่ของทัณฑสถานเปิดหรือสถานกักกันนั้น ตนจึงอยากขอให้เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ที่สำคัญต้องได้มาตรฐานเดียวกับผู้ป่วยภายนอกอย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ ขอฝากกำลังใจไปยังเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานอย่างหนักในภาวะวิกฤต และให้กำลังใจกับผู้ต้องขังที่ได้รับเชื้อรวมถึงเป็นกำลังใจให้ครอบครัวผู้เกี่ยวข้องทุกคนด้วย

“ตอนนี้ทุกภาคส่วนควรเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจัง ทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ต้องรีบดำเนินการแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด ช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว จะปล่อยให้เกิดปัญหานักโทษล้นเรือนจำ จนติดโควิด-19 กันหมดไม่ได้” น.ส.สุทธวรรณ กล่าว

ผบ.ทสส. ห่วงใยปชช. จากการแพร่ระบาดโควิด-19 คลัสเตอร์หลักสี่ เร่งส่งมอบถุงยังชีพ สนับสนุนรัฐบาล แก้ไขปัญหาในทุกมิติ

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ตามที่ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ จึงได้มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในกองบัญชาการกองทัพไทย เร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน 

พล.ต.ภาณุพงศ์ สุวัณณุสส์ รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร เป็นผู้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย มอบถุงยังชีพ จำนวน 200 ชุด ให้กับสำนักงานเขตหลักสี่เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ในพื้นที่คลัสเตอร์ชุมชน บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยมีนายสมบัติ กนกทิพย์วรรณ ผู้อำนวยเขตหลักสี่ เป็นผู้รับมอบ 

โดยสิ่งของอุปโภค-บริโภคประกอบด้วย เจลแอลกอฮอล์ เครื่องวัดอุณหภูมิ หน้ากากอนามัย และไข่ไก่ ซึ่งจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงเวลาของการกักตัวต่อไป

ทั้งนี้ กองบัญชาการกองทัพไทย ยังคงเคียงข้างพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ที่ได้รับความเดือนร้อน โดยจะใช้ทุกศักยภาพที่มีในการดูแลประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ พร้อมทั้งจะดำเนินการช่วยเหลือในพื้นที่อื่น ๆ อย่างต่อเนื่องไปจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะคลี่คลาย

ทบ. สนับสนุนรัฐบาลดูแลพื้นที่แพร่ระบาดแบบเฉพาะกลุ่ม พร้อมส่งรถครัวสนามดูแลประขาชนหลังเทศกาลฮารีรายอ

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ร.อ.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกยังคงสนับสนุนรัฐบาลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเฉพาะโรงพยาบาลสนามกองทัพบกทั้ง 12 แห่งสามารถรองรับผู้ติดเชื้อได้ 1,632 เตียง รวมทั้งโรงพยาบาลสังกัดกองทัพบก ทั้ง 36 แห่งทั่วประเทศสามารถดูแลกำลังพลและครอบครัวได้ระดับหนึ่ง

กองทัพบกยังสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์เข้าปฏิบัติที่โรงพยาบาลสนามผู้สูงอายุบางขุนเทียน และโรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 โดยเฉพาะกลุ่ม (Cluster) ใน กทม. 

ทั้งนี้กองทัพบกร่วมกับศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.จอส.) จัดรถครัวสนามพระราชทาน ปรุงอาหารมอบให้ประชาชนในชุมชนคลองเตย ชุมชนดุสิต เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ควบคู่กับการแจกหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ สร้างการรับรู้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19

ในพื้นที่ต่างจังหวัดครัวสนามออกดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลฮารีรายอของชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ภาคใต้ หน่วยทหารได้จัดชุดปฏิบัติการล้างสิ่งปนเปื้อน ช่วยทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ พร้อมจัดครัวสนามอาหารฮาลาล รถปันสุขนำเครื่องอุปโภคบริโภค และแจกจ่ายผลิตผลการเกษตรจากโครงการทหารพันธุ์ดีให้ประชาชนชาวไทยมุสลิมในหลายพื้นที่

โฆษก กห. ระบุ มีการปรับลดงบประมาณลงต่อเนื่องหลายปีหลังโควิด ยัน พร้อมแจงในสภา ชี้ ภารกิจหลักของทหารป้องกันประเทศ และการช่วยเหลือปชช. ในทุกเหตุภัย 

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึง กรณีพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ได้ให้ข้อสังเกตถึงงบประมาณประจำปี 65 ที่กระทรวงกลาโหมได้รับการจัดสรรมากกว่ากระทรวงสาธารณะสุขนั้น กระทรวงกลาโหมพร้อมให้ข้อมูลถึงเหตุผลความจำเป็นตามกระบวนพิจารณาของรัฐสภาที่จะมีขึ้นใน มิ.ย.64  

อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหม มีภารกิจหลักในการป้องกันประเทศและการช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่องที่ผ่านมา โดยเฉพาะสถานการณ์ของโรคระบาดร้ายแรงที่กำลังเกิดขึ้นเป็นวงกว้างและเป็นความท้าทายร่วมกันของทุกฝ่ายที่ต้องหันหน้าช่วยเหลือกัน ซึ่งกระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ ได้ตระหนักถึงภาระงบประมาณของรัฐบาล ที่จำเป็นต้องนำไปแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และเยียวยาช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบที่เกิดขึ้น 

“กระทรวงกลาโหม ได้มีส่วนร่วมพิจารณาปรับลดงบประมาณในภาพรวมของทุกเหล่าทัพลงกว่า 18,000 ล้านบาทในปี 63 และในปี 64 กระทรวงกลาโหมก็ได้รับการจัดสรรงบประมาณลดลงกว่าปี 63 จำนวนกว่า 17,200 ล้านบาท ต่อเนื่องมาถึง ปี 65 ทั้งนี้ แต่ละกระทรวงก็มีภารกิจที่แตกต่างกัน และ กระทรวงกลาโหม ขอยืนยันถึงความพร้อมในทุกภารกิจเพื่อประชาชน จึงไม่อยากให้นำงบประมาณของแต่ละกระทรวงไปเปรียบเทียบกัน” พล.ท.คงชีพ กล่าว   

รมว.จุติ ผนึก คณะสัตวแพทย์ จุฬาฯ ร่วมโครงการ “ตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 โดยใช้สุนัขดมกลิ่น” สร้างอาสาสมัครตรวจคัดกรองโควิด ผู้ป่วยติดเตียงในชุมชน

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เตรียมส่งอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) เข้าร่วมโครงการ “ตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 โดยใช้สุนัขดมกลิ่น” ซึ่งอบรมโดยคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า มีความแม่นยำในการตรวจหาเชื้ออยู่ในระดับสูง และมีความปลอดภัยสูง

ศ.สพ.ญ.ดร.เกวลี ฉัตรดรงค์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการนำศักยภาพของสุนัขที่มีความสามารถในการดมกลิ่นดีกว่าคนถึง 50 เท่ามาใช้ในการดมกลิ่นเหงื่อของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งยืนยันได้ว่าไม่มีการเจือปนของเชื้อไวรัส โดยนำสำลีและถุงเท้ามาใส่กระป๋องเพื่อให้สุนัขดมกลิ่น เมื่อสุนัขได้กลิ่นก็จะนั่งลงเพื่อบอกว่าคน ๆ นั้นติดเชื้อ

ที่ผ่านมาได้ทำการฝึกสุนัข พันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ 6 ตัว พบว่ามีความแม่นยำในการพบผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการสูงถึง 94.8% ซึ่งนับเป็นต้นแบบในการฝึกสุนัขเพื่องานทางการแพทย์ชุดแรก และถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกในไทย ในการฝึกฝูงสุนัขดมกลิ่นตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อเสริมปฏิบัติการคัดกรองปกติ เนื่องจากการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด-19 ด้วยอุปกรณ์วัดอุณหภูมิแบบต่าง ๆ เป็นวิธีการคัดกรองเบื้องต้น และได้ผลสำหรับผู้ที่ติดเชื้อและแสดงอาการแล้วเท่านั้น ส่วนผู้ที่ติดเชื้อแต่ยังไม่แสดงอาการ เครื่องมือเหล่านี้ยังไม่สามารถตรวจพบได้ แต่สุนัขที่ได้รับการฝึกมาแล้วสามารถทำสิ่งนี้ได้

นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. มีเป้าหมายที่จะฝึกอบรมอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ให้ครบทุกเขต อย่างน้อยเขตละ 2 คน รวม 100 คน โดยแบ่งการอบรมเป็นรุ่น ๆ ละ 15 คน เพื่อเป็นกลไกในการตรวจคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถออกมาตรวจคัดกรองจากนอกชุมชนได้

ทบ.เข้มชายแดน สั่งสกัดแรงงานต่างด้าวลอบเข้าไทย ระดมเฝ้าตลอด 24 ชม.

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ต.หญิง จุฑาทิพย์ วุฒิรณฤทธิ์ ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวว่า จากการปฏิบัติภารกิจอย่างเข้มข้นตลอดแนวชายแดนของกองกำลังชายแดนทบ. ทุกพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในพื้นที่ตะวันตก, เหนือ และตะวันออก ล่าสุดระหว่างวันที่ 7-16 พ.ค. 64 กองกำลังป้องกันชายแดน สามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย 455 คน เป็นชาวกัมพูชา 68 คน เมียนมา 328 คน ลาว 19 คน จีน 7 คน อินโดนีเซีย 1 คน ไทย 67 คน รวมถึงผู้นำพาชาวไทย 16 คน ผู้นำพาชาวเมียนมา 3 คน โดยในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กองกำลังสุรสีห์ลาดตะเวนเส้นทางและได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ส่งผลให้เมื่อ 12 พ.ค.64 สามารถจับกุมแรงงานชาวเมียนมาได้ 102 ราย บริเวณพื้นที่เส้นทางธรรมชาติ จ.กาญจนบุรี และพื้นที่ภาคตะวันออก จ.สระแก้ว ในวันที่ 13 พ.ค.64 จับกุมแรงงานชาวกัมพูชาลักลอบเข้าประเทศผ่านผู้นำพา จำนวน 23 ราย

พ.ต.หญิง จุฑาทิพย์ กล่าวว่า โดยการปฏิบัติของกองกำลังชายแดนทบ.ในขณะนี้ นอกจากการตรวจสกัดเข้มบริเวณแนวชายแดน เพื่อสร้างความมั่นใจในการควบคุมสูงสุด ยังคงร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังในพื้นที่ตอนใน ด้วยมาตรการเฝ้าตรวจและคัดกรองไม่ให้แรงงานต่างด้าวสามารถลักลอบเข้ามาได้ ตลอดจนเข้าพูดคุยกับผู้ประกอบการขอความร่วมมือการจ้างงาน ผ่านการลงทะเบียนแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นการช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อ COVID-19 ได้เป็นอย่างดี โดยเป็นไปตามความห่วงใยของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในการระดมกำลังพล ทรัพยากรที่มีของทบ.เข้าช่วยเหลือประชาชนจากภาวะการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างดีที่สุด ขณะเดียวกันให้ยึดมาตรการ “พิทักษ์พล” โดยเฉพาะกองกำลังป้องกันชายแดนของทบ. ซึ่งขณะนี้ได้รับวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่กระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรให้กำลังพลด่านหน้าแล้ว 5,946 นาย ตั้งแต่ 9 มี.ค.-16 พ.ค. 64 เพื่อพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เป็นกำลังสำคัญและเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาสต่อไป

‘กรณ์-วรวุฒิ’ เปิดตัว ‘กล้าหางาน’ ช่วยประชาชนหางาน สู้วิกฤตเศรษฐกิจโควิด-19 ย้ำแค่รับเงินแจกเงินคงไม่พอ เปิดเพจ-ทำงานเชิงรุกพื้นที่ บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย หวังช่วยคนไทยนับล้านมีงานทำ

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า แถลงเปิดตัวโครงการ ‘กล้าหางาน’ เพื่อเป็นช่องทางช่วยหางานให้ผู้ที่ตกงานหรือหางานไม่ได้ มีงานทำ และเป็นช่องทางเชื่อมกับผู้ประกอบการให้ได้คนที่เหมาะสมเข้าทำงาน 

นายกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อโควิค-19 ทำให้พี่น้องประชาชนหลายล้านคน ไม่มีงานทำขาดรายได้ เป็นประเด็นปัญหาที่หนักหนาสาหัสมากขึ้นเรื่อย ๆ เพียงแค่ดูผู้ได้รับผลกระทบภาคธุรกิจท่องเที่ยว จะเห็นว่าประชาชนนับล้านคน ขาดรายได้ไม่มีงานทำ ด้วยเหตุผลนี้ พรรคกล้าพยายามหาวิธีแก้ไข ผ่อนหนักให้เป็นเบา ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโควิด-19 ด้วยโครงการ ‘กล้าหางาน’ เพื่อเชื่อมโยงประชาชนที่หางานทำ ให้กับบริษัทห้างร้านที่ยังต้องการคนอยู่ บนเป้าหมายต้องการยื่นเบ็ดให้ประชาชนสามารถดูแลครอบครัว หารายได้ให้กับตัวเอง ดำรงชีพได้อย่างมีศักดิ์ศรี มั่นใจว่าจะเป็นโครงการที่ยั่งยืน ช่วยพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการหาคนมีคุณภาพ มีโอกาส มีงานทำ มีรายได้ 

“กล้าหางาน เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่อยากให้ทุกคนลองใช้ดู เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นโครงการสำคัญของพรรคกล้า เพื่อที่ตอบโจทย์ปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจ เพียงแค่รับเงินหรือแจกเงินคงไม่เพียงพอ แต่ที่สำคัญที่สุดคือการมีงานทำ ตามหลักเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็กของพรรคกล้า” นายกรณ์ กล่าว 

นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า โครงการ ‘กล้าหางาน’ เป็นรูปแบบการเปิดเพจเฟซบุ๊ก และเปิดกลุ่มสำหรับผู้สนใจ โดยเนื้อหามี 3 ส่วนด้วยกันคือ 

1.) ‘คนหางาน’ สำหรับคนที่ตกงานหรืออยากมีรายได้เสริม อยากมีงานทำ สามารถลงรายละเอียดส่วนตัวว่าตนเองมีคุณสมบัติอย่างไร ต้องการเงินเดือนเท่าไหร่อย่างไร เพื่อให้คนที่มาดูข้อมูล อ่านข้อมูลแล้วเรียกไปสัมภาษณ์ได้ 

2.) ‘งานหาคน’ บริษัทห้างร้านต่าง ๆ ไม่ว่าขนาดใหญ่หรือเล็ก ถ้าต้องการคน สามารถมาลงข้อความที่รับสมัครบุคคลที่ต้องการได้ 

และ 3.) ข้อมูลความรู้ บทความที่เป็นประโยชน์ เช่น เทคนิคการสัมภาษณ์งานอย่างไรให้ได้งาน บทความน่าสนใจเกี่ยวกับสิทธิแรงงาน พนักงานลูกจ้าง เป็นข้อมูลความรู้ที่สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มทักษะตัวเองได้ 

นายวรวุฒิ กล่าวว่า เพจ ‘กล้าหางาน’ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยจะพัฒนาปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพต่อไปเรื่อย ๆ จนมีผู้ใช้จำนวนมากเข้ามา ซึ่งวันนี้มีตำแหน่งงานรองรับไว้หลายตำแหน่งแล้ว และอยากจะเชิญชวนทุกคนให้ลองเข้าใช้งาน ทั้งหมดไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น และมีทีมงานผู้กล้า (ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.) ของพรรคทั่วประเทศ เป็นทีมงานหลังบ้าน ทำงานเชิงรุกคอยติดตามว่ามีบริษัทห้างร้ายใดในพื้นที่ต้องการบุคลากร ช่วยหางานที่เหมาะสม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ ช่วยแบ่งเบาภาระและปัญหาวิกฤตแรงงานช่วงโควิด-19 ได้ 

ลิ้งค์เพจ ‘กล้าหางาน’
https://www.facebook.com/klahangarn/

ลิ้งค์กลุ่ม ‘กล้าหางาน’
https://www.facebook.com/groups/klahangarn/?ref=share
 

ทช.ลุยสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ เสร็จแล้ว 36 โครงการ กว่า 418 กม. ตั้งงบปี 65 อีก 158 ล้านบาท ลุย 3 โครงการ 18.8 กม. ช่วงประจวบฯ และชุมพร

ทช.ลุยสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ เสร็จแล้ว 36 โครงการ กว่า 418 กม. ตั้งงบปี 65 อีก 158 ล้านบาท ลุย 3 โครงการ 18.8 กม. ช่วงประจวบฯ และชุมพร ขณะที่กำลังก่อสร้างอยู่ 4 โครงการ ระยะทางกว่า 77 กม. กำหนดเสร็จในปี 64-65 พัฒนาโครงข่ายต่อเนื่องหนุนท่องเที่ยว

นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยถึงโครงการก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Thailand Riviera) ว่า ทช.มีแผนการดำเนินการก่อสร้างโครงข่ายถนนเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 3 โครงการ ระยะทางรวม 18.829 กิโลเมตร งบประมาณรวม 158.143 ล้านบาท เพื่อให้มีความต่อเนื่อง ได้แก่

1.) ถนนสายเพชรเกษม-สถานีรถไฟทุ่งประดู่-วัดทับสะแก อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 3.418 กิโลเมตร งบประมาณในการก่อสร้าง 20.655 ล้านบาท

2.) ถนนสายบ้านบางคอย-บ้านทุ่งคาน้อย อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ระยะทาง 8.658 กิโลเมตร งบประมาณในการก่อสร้าง 31.994 ล้านบาท

3.) ถนนสายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4002 (กม.ที่ 13+100) - บ้านแหลมสันติ (ตอนที่ 2) อำเภอหลังสวน, ละแม จังหวัดชุมพร ระยะทาง 6.753 กิโลเมตร งบประมาณในการก่อสร้าง 105.494 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทช.ได้ดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวถนนเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทยอย่างยั่งยืน ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง เพื่อพัฒนาโครงข่ายถนนดังกล่าวให้มีความต่อเนื่อง ส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกปลอดภัยในการเดินทาง ตลอดจนการแก้ไขปัญหาจราจรและเหมาะสมเป็นถนนท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลระดับสากล

ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552 ถึงปัจจุบัน โดยได้ก่อสร้างไปแล้วจำนวน 36 โครงการ รวมระยะทาง 418.653 กิโลเมตร และในปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างอีกจำนวน 4 โครงการ รวมระยะทาง 77.134 กิโลเมตร ได้แก่

ถนนทางหลวงชนบทสาย ชพ.4012 แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4198-เทศบาลปากน้ำหลังสวน อำเภอทุ่งตะโก, หลังสวน จังหวัดชุมพร ระยะทาง 23.589 กิโลเมตร ปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 90 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2564 ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 195.478 ล้านบาท

ถนนทางหลวงชนบทสาย ชพ.4008 แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4001-บ้านโพธิ์แบะ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ระยะทางรวม 24.569 กิโลเมตร ปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 94 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2564 ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 180.780 ล้านบาท

ถนนทางหลวงชนบทสาย ชพ.4011 แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4003 (กม.ที่ 14+350)-บ้านท้องเกร็ง อำเภอสวี, ทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร ระยะทาง 9.085 กิโลเมตร ปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 27 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2564 ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 55.900 ล้านบาท

ถนนทางหลวงชนบทสาย ชพ.4019 สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4002 (กม.ที่ 13+100)-บ้านแหลมสันติ อำเภอหลังสวน, ละแม จังหวัดชุมพร ระยะทาง 19.891 กิโลเมตร ปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 27 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2565 ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 172.082 ล้านบาท


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=3655046867934187&id=209934979112077
https://ibusiness.co/detail/9640000046424
 

ไบรอัน เดวิดสัน เอกอัครราชทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อของไทย ถึงแนวทางที่ประเทศอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา พร้อมที่จะหนุนไทยในการพัฒนาธุรกิจสายกรีน และพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่จะเป็นภัยคุกคามในอนาคต

โดยนายไบรอัน เดวิดสัน ได้กล่าวว่า อังกฤษสนับสนุนไทยที่มีความมุ่งมั่นลดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่ผ่านมาได้มีความร่วมมือในหลายโครงการ ล่าสุด เป็นโครงการเกษตรสมัยใหม่ผสมผสานกับการลดมลพิษด้านสิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการ Thai Rice NAMA เพื่อปลูกข้าวอย่างยั่งยืน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การเพิ่มผลผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดภาวะโลกร้อนจากการทำนาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ 14.9 ล้านดอลลาร์ และดำเนินงานผ่านโครงการ NAMA Facility มีระยะเวลาการดำเนินโครงการ 5 ปี (2562-2566) มุ่งพัฒนาการผลิตข้าวของเกษตรกรจำนวน 100,000 ครัวเรือนในพื้นที่ 6 จังหวัดภาคกลางได้แก่ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานีและสุพรรณบุรี ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2.8 ล้านไร่ มีเป้าหมายปรับเปลี่ยนระบบการทำนาในปัจจุบัน ไปสู่ระบบการทำนาแบบยั่งยืน

นายไบรอัน ระบุว่า แนวทางการปลูกข้าวแบบใหม่เน้นประสิทธิภาพการผลิตให้สูงขึ้น ตรงตามมาตรฐานการผลิตข้าวที่ยั่งยืน (Thai Rice GAP ) โดยที่เกษตรกรสามารถปฏิรูปกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ สามารถรองรับโอกาสที่จะพัฒนาธุรกิจให้ขยายใหญ่ขึ้น นำไปสู่การปรับเปลี่ยนการผลิตข้าวทั้งระบบให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอนาคต

นอกจากนี้ อังกฤษยังยืนยันที่จะสนับสนุนไทยในการปฏิรูปให้เกิดระบบการเงินสีเขียว (Green Financing) ผ่านโครงการ ASEAN Low Carbon Energy Programmed ขณะที่ในเดือน พ.ค.นี้ อังกฤษจะจัดเวิร์คช็อปด้านยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อสร้างจุดเปลี่ยนไปสู่เทคโนโลยีขับเคลื่อนแห่งอนาคต

ด้าน ไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า สหรัฐฯ มีความพยายามจะช่วยไทยบรรลุเป้าหมายลดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ยกตัวอย่างที่น่าสนใจโครงการแรกคือ กรอบความร่วมมือหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐฯ ซึ่งมีโครงการย่อย ๆ ที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตฐานรากทางเศรษฐกิจ และพลังงานอย่างยั่งยืน

ส่วนโครงการที่สอง ดำเนินการภายใต้องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (ยูเสด) ซึ่งสหรัฐฯ สนับสนุนระบบพลังงานที่ทันสมัย เชื่อมโยง และไว้ใจได้ให้กับประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่องด้วยงบประมาณ 33 ล้านดอลลาร์ ตามข้อริเริ่ม Asia EDGE เพื่อให้มีการซื้อขายพลังงานในระดับภูมิภาคและเข้าถึงเงินทุนมากขึ้น ตลอดจนภาคเอกชนมีส่วนร่วมมากขึ้น

โครงการนี้ จะช่วยขยายการค้าและการลงทุนด้านพลังงานในภูมิภาคนี้ โดยดึงภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น บนพื้นฐานการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานลม พลังงานจากแสงอาทิตย์ เพื่อปล่อยก๊าซคาร์บอนให้น้อยที่สุด ไปพร้อม ๆ กับการสร้างเมืองอัจฉริยะที่มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า การพัฒนาแบตเตอรีกักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่มีคุณภาพสูงขึ้น และปฏิรูประบบขนส่งสาธารณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ​ ยังทำงานร่วมกับบริษัทต่าง ๆ ในภาคเอกชนด้านพลังงานหมุนเวียน เช่น ให้การสนับสนุนติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาของห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี 33 แห่งในประเทศไทย ทั้งยังสนับสนุนการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ให้กับบางโรงงานใน จ.ปทุมธานี ซึ่งช่วยผลิตพลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 27 เมกะวัตต์เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในอากาศถึง 390,000 ตัน นอกจากนี้ ยังสนับสนุนหน่วยงานในไทยในเชิงเทคนิค เพื่อติดตั้งสถานีชาร์จแบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้าหลายแห่งทั่วประเทศไทย

อุปทูตสหรัฐ ย้ำว่า ในฐานะเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำด้านสภาพภูมิอากาศเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกครั้งประวัติศาสตร์ โดยมุ่งเน้นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 50-52% ภายในปี 2573 เมื่อเทียบกับปี​ 2548 หรือในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเพิ่มขึ้นจากเป้าเดิมเกือบสองเท่า

ขณะที่เอกอัครราชทูตอังกฤษ เสริมว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศจะออกกฎหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 78% ภายในปี 2578 เมื่อเทียบกับปี 2533 นับเป็นหนึ่งในเป้าด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ท้าทายที่สุดในโลกขณะนี้ และทั่วโลกกำลังเตรียมเจรจาด้านสภาพภูมิอากาศที่จะเกิดขึ้นในการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 26 (COP26) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศอังกฤษในเดือน พ.ย.นี้

เอกอัครราชทูตอังกฤษ และอุปทูตสหรัฐ ได้กล่าวปิดท้ายด้วยการ ยกย่องบทบาทของไทยในฐานะผู้นำด้านการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศในภูมิภาค พร้อมทั้งกระตุ้นให้ทุกประเทศ รวมทั้งประเทศไทยเพิ่มเป้าการมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับโลกให้เร็วขึ้น


ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/938346
 

ชีวิตแม่ค้า ‘ม้า อรนภา’ ยืนขายห่อหมกกลางสายฝนรอลูกค้า

ในช่วงเวลาที่โควิดยังระบาดหนักแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับพ่อค้า-แม่ค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบมีหน้าร้านหรือแผงลอยก็ตาม และทุกคนก็โดนผลกระทบนี้กันไปหมด อย่างอดีตนางแบบตัวแม่ ‘ม้า อรนภา กฤษฎี’ ที่หลังจากไร้งานในวงการก็ผันตัวเองมาเป็นแม่ค้าออนไลน์ ไลฟ์สดขายเสื้อผ้าบ้าง และจากนั้นก็เริ่มมาขายห่อหมกฝีมือคุณแม่ของเจ้าตัวนั่นเอง

ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้เจ้าตัวก็เพิ่งออกมาบอกว่าใกล้จะกลับมามีงานพิธีกรเหมือนเดิมแล้วแท้ ๆ แต่ก็ดันมาเกิดโควิดระบาดใหม่ระลอก 3 ก็เลยทำให้ทุกอย่างชะลอตัวไปอีก รวมถึงการขายห่อหมกตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนเดิม ล่าสุดเจ้าตัวก็โพสต์ภาพกำลังยืนรอลูกค้าอยู่ในเต้นท์ท่ามกลางสายฝน พร้อมกับคำบรรยายภาพว่า “ขีวิตต้องสู้ เดี๋ยวฝนหยุดลูกค้าก็มา เชิญนะคะ”

งานนี้ก็เลยมีทั้งเพื่อน ๆ และแฟนคลับแห่แหนให้กำลังใจกันมากมาย บางคนก็มีแอบเห็นใจ แต่เจ้าตัวก็ตอบแทบทุกคอมเม้นท์ขอบคุณแทบจะทุกคอมเม้นท์เลยทีเดียว


ที่มา : https://mgronline.com/entertainment/detail/9640000046902

https://www.instagram.com/maornapa/

ศปก.ศบค.จับตาแคมป์คนงานหลักสี่ ขยายวง 11 บริษัทซับคอนแทร็ก หวั่นกระจายเพิ่ม จับตา 6 ชุมชนพื้นที่ใกล้เคียง

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. กล่าวว่า ในที่ประชุมอีโอ กระทรวงสาธารณสุข และศปก.ศบค. พุ่งเป้าไปที่คลัสเตอร์ระบาดในกรุงเทพฯ ชั้นใน 5 เขต ได้แก่ เขตหลักสี่ ที่มีปริมาณผู้ติดเชื้อสูง รองลงมาคือป้อมปราบศัตรูพ่าย ราชเทวี คลองเตย และเขตห้วยขวาง

โดยพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. ได้ให้ทำจุดตรวจสอบการกระจายเชื้อ เพื่อดูความหนาแน่นของพื้นที่ต่อการกระจายของประชากรแต่ละพื้นที่ในกรุงเทพฯ แยกพื้นที่สีแดงยังพบติดเชื้อต่อเนื่อง สีเหลืองไม่พบผู้ป่วยในช่วง 14 วันและเฝ้าระวังอยู่ ซึ่งแบ่งเป็น 4  กลุ่มใน 50 เขต คือ พื้นที่ที่มีปริมาณระบาดมากและเพิ่มขึ้นเร็ว จำนวน 25 เขต ปริมาณระบาดมากแต่เพิ่มช้า 6 เขต ไม่มากแต่เพิ่มเร็ว 17 เขต และปริมาณระบาดไม่มากและเพิ่มช้าเฝ้าระวังตามระบบ 2 เขต

โดยแยกเป็น 28 คลัสเตอร์กระจายอยู่ใน 18 เขต คือดินแดง วัฒนา คลองเตย หลักสี่ลาดพร้าว ราชเทวี พระนครป้อมปราบศัตรูพ่าย สวนหลวง ปทุมวัน สาทร สัมพันธวงศ์ จตุจักร บางรัก ประเวศ วังทองหลาง รามคำแหง บางกอกน้อย และห้วยขวาง 

สำหรับคลัสเตอร์ระบาดสูงสุด 5 อันดับแรก คือ แคมป์ก่อสร้าง เขตหลักสี่ แขวงดินแดง เขตดินแดง ตลาดห้วยขวาง เขตดินแดง คลองถมเซ็นเตอร์ และวงเวียน 22 เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และแคมป์คนงานก่อสร้าง เขตวัฒนา

โดยแคมป์ก่อสร้างในเขตหลักสี่และอิตาเลี่ยนไทย ได้ถูกยกขึ้นมาหารือถึงแผนการจัดการ เนื่องจากอยู่กันแออัด และยังมีบริษัทซับคอนแทร็กที่รับเหมาต่อเนื่องไปที่ต่าง ๆ อีก 11 บริษัท และอื่น ๆ อีก ซึ่งในกลุ่มนี้กำลังติดตาม ส่วนสถานที่อื่นอีก 8 แคมป์ ที่กระจายตัวอยู่ยังติดตามหาต่อและเป็นแผนการที่ต้องเข้าไปดู จึงขอความร่วมมือพี่น้องคนไทยและชาวต่างชาติ ขอให้เสียสละช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ช่วยตัวเองและคนอื่นในการให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ตามที่มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อเข้าไปปรับปรุงสถานที่ให้ถูกสุขลักษณะ ฝ่ายความมั่นตรวจสอบห้ามเข้าออกพื้นที่เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่และเคลื่อนย้าย เป็นเวลา 14 วัน

ซึ่งผู้อำนวยการเขตหลักสี่ได้มีประกาศมาตรการขอความร่วมมือ เฝ้าระวังในแคมป์, แยกกักผู้ป่วยกับการผู้สัมผัสเสี่ยงสูง, เฝ้าระวังนอกแคมป์, ซีลแคมป์ก่อสร้าง , จัดการสิ่งแวดล้อมในแคมป์, บริหารวัคซีนสำหรับพื้นที่ระบาด, และปิดการทำงานของอีก 11 บริษัทซับคอนแทร็กหากเป็นผู้เกี่ยวข้องขอให้รายงานและแจ้งให้สำนักงานเขตหรือสำนักอนามัยกทม. รับทราบว่าไปรับงานที่ไหนบ้าง เพื่อไม่ให้เกิดการกระจายของโรค

นอกจากนั้นต้องดูอีก 6 ชุมชนรอบข้าง คือ แฟลตตำรวจอิสระ ชุมชนอยู่แล้วรวย ชุมชนแฟลตตำรวจส่วนกลาง ชุมชนกองบัญชาการศึกษา ชุมชนรักถิ่น และชุมชนเปรมสุขสันต์ ทั้งนี้ ผอ.ศปก.ศบค. ได้พูดคุยกับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการขอความร่วมมือกับผู้นำแต่ละชุมชน ทำความเข้าใจในการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

ทั้งนี้ขอเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันเราจะผ่านช่วงเวลาความยากลำบากไปด้วยกัน ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมีความหมายต่อทุกคนและทุกชีวิต ทุกคนไม่ต้องการเจ็บไข้ได้ป่วย พรากจากคนที่รัก เราจะผ่านไปได้ด้วยความร่วมมือกันโรคระบาดสอนเรามาในอดีตว่าสิ่งที่จะผ่านไปได้คือภูมิคุ้มกันหมู่การดูแลสุขลักษณะส่วนตัวและส่วนรวม และคนในครอบครัวจะช่วยให้ผ่านพ้นความยากลำบากไปด้วยกัน

‘เอิ๊ก พรหมพร’ รีวิวฉีด Sinovac เข็มแรก ยัน ไม่รู้สึกอะไร ไร้อาการ ฉีดเสร็จทำงานต่อได้เลย!!

เรียกได้ว่าช่วงนี้เหล่าคนบันเทิงตบเท้าเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 กันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางด้านพิธีกรสาวมากเสน่ห์ "เอิ๊ก พรหมพร ยูวะเวส" ได้ออกมาเล่าประสบการณ์การฉีดวัคซีนเข็มแรกผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมทั้งบอกว่า การฉีดวัคซีนเจ็บน้อยกว่าฉีดโบท็อก

"ฉีด Sinovac เข็มแรกเรียบร้อย ไม่รู้สึกอะไรเลย ฉีดเสร็จทำงานต่อค่ะ #เจ็บน้อยกว่าbotox. #ไม่ง่วงไม่หน่วงไม่มีไข้ไม่มีไรเลย. #วัคซีนยี่ห้อที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่เข้าร่างกายเร็วสุด. #ฉีดเพื่อชาติเพื่อคนที่คุณรัก"


ที่มา : ig https://www.instagram.com/erkerkja/

ยูเอ็น เตรียมพิจารณา ปิดล้อมอาวุธ 'เมียนมา' งดจัดส่งอาวุธแก่คณะรัฐประหาร สกัดปราบปรามผู้ชุมนุม

ที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติในวันอังคาร (18 พ.ค.) เตรียมพิจารณาร่างญัตติไม่ผูกมัดญัตติหนึ่ง เรียกร้องระงับจัดหาและส่งมอบอาวุธแก่คณะรัฐประหารเมียนมาในทันที จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ยูเอ็นรายหนึ่งในวันอาทิตย์ (16 พ.ค.)

ต่างจากญัตติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ญัตติของที่ประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติเป็นมติที่ไม่ผูกพัน แต่จะเป็นการส่งสารทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้หากไม่สามารถบรรลุความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ เมื่อนั้นที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเต็มคณะ ซึ่งประกอบด้วยรัฐสมาชิก 193 ชาติ จะทำการโหวตญัตติดังกล่าว

ร่างญัตติเสนอโดยผู้แทนจากลิกเทนสไตน์ ภายใต้การสนับสนุนของสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ และมันจะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมเต็มคณะในเวลา 19.00 จีเอ็มทีของวันอังคาร (18 พ.ค.) ตรงกับเมืองไทย 02.00 น.เช้ามืดวันพุธ(19 พ.ค.)

โฆษกสหประชาชาติรายหนึ่งเปิดเผยกับเอเอฟพีว่าร่างญัตตินี้เรียกร้องให้ระงับจัดหาทั้งทางตรงทางอ้อม ขายหรือส่งมอบอาวุธทุกชนิด กระสุน รวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านการทหาร

ร่างนี้ ซึ่งเจรจากันมานานหลายสัปดาห์ ได้รับการสนับสนุนจากประเทศต่าง ๆ 48 ชาติ แต่เกาหลีใต้เป็นเพียงชาติเดียวของเอเชียที่ให้การสนับสนุน

ทั้งนี้ร่างญัตติดังกล่าวยังเรียกร้องให้กองทัพ "ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน" และหยุดใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบกับพวกผู้ประท้วงอย่างสันติ เช่นเดียวกับปล่อยตัวประธานาธิบดีวิน มิ้นต์ นางอองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ และทุกคนที่ถูกควบคุมตัว ตั้งข้อหาและจับกุมโดยพลการ นับตั้งแต่เหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์

นอกจากนี้แล้วร่างญัตติดังกล่าวยังเรียกร้องให้นำฉันทมติ 5 ข้อที่ 10 ผู้นำจากสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เห็นพ้องต้องกันในวันที่ 24 เมษายน มาใช้ในทันที เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ทูตพิเศษของยูเอ็นที่จะเดินทางไปเยือนเมียนมา และเพื่อมอบการเข้าถึงด้านมนุษยธรรมอย่างปลอดภัยและไร้ข้อจำกัด

ความเคลื่อนไหวของสหประชาชาติมีขึ้นหลังจากเอ็นจีโอหลายแห่งเรียกร้องมานานให้ใช้มาตรการปิดล้อมอาวุธกับเมียนมา

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ในถ้อยแถลงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเมียนมามาแล้ว 4 ครั้ง ทว่าแต่ละครั้งนี้มันถูกลดระดับให้อ่อนลง ในการเจรจาต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะจากจีน


(ที่มา:เอเอฟพี)

https://www.fm91bkk.com/fm99130


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top