Sunday, 25 May 2025
NEWS

เป็นเรื่องราวที่แพร่หลายในสังคมของชาวเมียนมา สำหรับเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 ถึงคราวที่ประชาชนชาวเมียนมาได้รับวัคซีนบ้าง

เป็นเรื่องราวที่แพร่หลายในสังคมของชาวเมียนมา มาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว สำหรับเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งมีนโยบายมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนรัฐประหารว่า หากเหล่าผู้นำทางการเมืองและกองทัพ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และผู้ทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 ได้รับวัคซีนหมดแล้ว ก็จะถึงคราวที่ประชาชนชาวเมียนมาได้รับวัคซีนบ้าง

ความจริงการฉีดวัคซีนให้แก่ชาวเมียนมา เป็นนโยบายต่อเนื่องเพื่อควบคุมโรคโควิดที่สานต่อเป็นวาระแห่งชาติ แต่เมื่อเกิดการยึดอำนาจขึ้น ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศเลือกที่จะไม่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ถึงจะมีเหตุผลหลาย ๆ อย่างที่ถูกอ้างมา เช่น กลัวความไม่ปลอดภัยของวัคซีน หรือไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศไม่จำเป็นต้องฉีดก็ดี หรือหลายคนบอกว่าก็เคยเป็นแล้วมีภูมิแล้วไม่อยากฉีด

แต่ก็มีประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่เชื่อและเอย่าคิดว่านี่คือสาเหตุหลักของคนไม่ฉีดวัคซีนคือการที่ยอมรับการฉีดวัคซีนเท่ากับการเห็นดีเห็นงามกับกองทัพ

การฉีดวัคซีน COVISHIELD เริ่มฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในเมียนมาก่อนตั้งแต่มกราคม 2021 ที่ผ่านมา

การฉีดวัคซีนในเมียนมาผู้เข้ารับการฉีดจะต้องทำการแสดงตนด้วยบัตรประชาชนพร้อมประวัติบิดา มารดา รวมถึงต้องเข้ารับการตรวจร่างกายก่อนที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนว่าไม่มีความเสี่ยงในการฉีดวัคซีน ซึ่งเมื่อฉีดครบ 2 เข็มแล้วทางหน่วยงานที่ฉีดวัคซีนจะมีเอกสารออกให้เป็นภาษาเมียนมาว่าได้รับวัคซีนแล้ว

เอกสารที่ได้จากกระทรวงสาธารณสุขเมียนมาที่แจ้งว่าได้รับวัคซีนแล้ว

สำหรับคนเมียนมาที่มีโอกาสในครั้งนี้ แต่เลือกที่จะละทิ้ง เพราะคิดว่ากองทัพจะนำชื่อเหล่านี้ของพวกเขาไปอยู่ในลิสต์ของผู้สนับสนุนทหารตามที่กลุ่มประชาธิปไตยได้เรียกร้องนั้น พวกเขาหารู้ไม่ว่า กำลังเสียโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ หากเขาจะเดินทางไปประเทศอื่น

เพราะแค่นำเอกสารฉบับนี้แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วให้กระทรวงการต่างประเทศเมียนมารับรอง ก็สามารถเดินทางไปประเทศอื่น ๆ ได้ และการที่เอกสารนี้ติดตัวไปสามารถการันตีได้ระดับหนึ่งดังที่ไทยได้มีประกาศออกมาแล้วว่าหากใครมีการฉีดวัคซีนจากต่างประเทศมาแล้วจะลดการกักตัวลงเหลือเพียง 7 วันเท่านั้น

สุดท้ายขึ้นกับคนเมียนมาเหล่านั้นจะคำนึงถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้แล้วละเลยโอกาสที่จะได้แก่ตนหรือจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ตนก่อนแล้วหาโอกาสกลับมาทำในสิ่งที่ตนต้องการทีหลัง


ที่มา: AYA IRRAWADEE

เป็นความเชื่อในคนเมียนมามาเนิ่นนานตาปีแล้วสำหรับวันแรกของปี หรือในภาษาพม่าออกเสียงว่า Hnit San Ta Yat Nay สะกดว่า 'หนิด แซน ตะ ยัด เนะ'​ (နှစ်ဆန်းတစ်ရက်နေ့) หมายถึงวันแรกของปี ซึ่งตรงกับทุกวันที่ 17 เมษายนของทุกปี

ในวันนี้ร้านค้าต่าง ๆ​ ในเมียนมาจะหยุดหมด​ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าในตลาดหรือแผงลอย โดยในวันนี้คนเมียนมาจะทำแต่สิ่งดี อาทิเช่น ที่บ้านจะมีการทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ ส่วนผู้สูงอายุในบ้าน​ ก็จะมีบรรดาคนในบ้านมาคอยสระผมให้ผู้เฒ่าผู้แก่​ โดยใช้ 'ตะยอว์กินปุน'​ (Tha Yaw Kin Punn) ซึ่งเป็นแชมพูพื้นบ้านที่ทำมาจากเปลือกต้น Ta Yaw หรือ​ 'ต้นมาลัย'​ และ ผล Kin Punn หรือ 'ผลส้มป่อย'​ นั่นเอง ซึ่งเปลือกต้นมาลัยจะมีคุณสมบัติเป็นสารป้องกันการระคายเคือง​ ส่วนผลส้มป่อยจะมีสารกลุ่มซาโปนินหลายชนิด

นอกจากนี้​ คนในบ้านก็จะใช้ ตะยอว์กินปุน สระให้ตัวเองด้วย​ เพราะเชื่อว่าจะช่วยชำระล้างสิ่งที่ไม่ดีและโชคร้าย​ รวมถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ​ ที่ติดมาจากปีเก่าให้หมดไป

ในวันนี้สำหรับพุทธศาสนิกชนจะนำพระพุทธรูปมาทำความสะอาด และทำกับข้าวไปแจกเพื่อนบ้านรวมถึงไปยังวัดต่าง ๆ​ เพื่อถวายเพลแก่พระภิกษุสงฆ์ ส่วนในตอนค่ำจะมีการนิมนต์พระมาเทศนาธรรมและสวดมนต์ขับไล่สิ่งไม่ดีในปีเก่าให้หมดไป

ยิ่งไปกว่านั้น​ ในวันนี้ยังมีอีกหนึ่งความเชื่อแปลก ๆ​ คือ คนเมียนมาจะไม่ใช้เงินในวันนี้หรือใช้เงินให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น เพราะเชื่อกันว่าหากวันนี้ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย​ จะ​ส่งผลให้ทั้งปีถึงจะมีเงินเข้ามาหาเงินได้ง่าย แต่เงินก็จะไม่อยู่กับเรา​ มีเท่าไร​ ก็จะมีเหตุให้ต้องเสียเงินออกไปง่ายๆตลอดทั้งปีนี้

สำหรับตัวเอย่าเอง​ ในวันนี้​ก็อยากจะขอให้เป็นวันเริ่มต้นที่ดี​ของเมียนมา​ ขอให้ความสงบเรียบร้อยเป็นปกติสุขกลับมา เพื่อให้ปีนี้ทั้งปีจะได้ไม่มีความวุ่นวายอีกต่อไป ขอให้ความสงบสุขกลับสู่เมียนมาโดยเร็ววัน


ที่มา: AYA IRRAWADEE

เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการผู้แทนสมัชชาแห่งสหภาพเมียนมา หรือ Committee Representing Pyidaungsu Hluttaw หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนามของ CRPH ประกาศจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้น

เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการผู้แทนสมัชชาแห่งสหภาพเมียนมา หรือ Committee Representing Pyidaungsu Hluttaw หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนามของ CRPH ประกาศจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้น โดยมีการประกาศรายชื่อประธานาธิบดีและรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ออกมา ซึ่งปรากฎชื่อของ U Win Myint และ Aung San Suu Kyi ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีและที่ปรึกษาแห่งรัฐ 

ในประกาศครั้งนี้มีการประกาศกระทรวงใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ดังนี้กระทรวงความร่วมมือระหว่างประเทศ (Ministry of International Cooperation) กระทรวงกิจการสหภาพของรัฐบาลกลาง (Ministry of Federal Union Affairs) กระทรวงกิจการด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (Ministry of Humanitarian Affairs and Disaster Management) และกระทรวงกิจการสตรีเยาวชนและเด็ก (Ministry of Women, Youth and Child Affairs) ซึ่ง 1 ในเจ้าของเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นของ Dr. Sa Sa อดีตทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติซึ่งลี้ภัยอยู่ตอนนี้

จากนี้คงต้องดูนานาชาติแล้วว่า ประเทศใดจะเป็นชาติแรกที่ให้การรับรองรัฐบาลพลัดถิ่นของเมียนมา ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นเรื่องที่ยังหาบทสรุปกันไม่ได้ง่าย ๆ ภายในวันสองวันนี้แน่นอน


ที่มา: AYA IRRAWADEE

เจ้าหน้าที่นครชิคาโกของสหรัฐฯ เปิดเผยคลิปซึ่งถ่ายจากกล้องบอดี้แคมขณะที่ตำรวจนายหนึ่งชักปืนยิงเด็กชายวัย 13 ปีเสียชีวิต ทั้งๆ ที่เหยื่อชูมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ โดยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลางดึกเมื่อราวๆ 2 สัปดาห์ก่อน

คลิปความยาว 9 นาทีจากกล้องติดตัวของ อีริค สติลล์แมน ตำรวจวัย 34 ปี เผยให้เห็นเหตุการณ์ขณะที่เขาลงจากรถและวิ่งไล่ตาม อดัม โทเลโด เด็กชายวัย 13 ปีในซอยแห่งหนึ่ง เมื่อเวลาประมาณ 2.30 น. ของวันที่ 29 มี.ค. โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ย่านลิตเติลวิลเลจทางตะวันตกของชิคาโก ซึ่งเป็นชุมชนที่มีชาวเม็กซิกันอาศัยอยู่มาก

จากคลิปดังกล่าวพบว่า สติลล์แมน ตะโกนบอกอีกฝ่ายให้ “หยุด” ก่อนจะไล่ตามทันและสั่งให้เด็กชายโชว์มือทั้งสองข้าง แต่ในขณะที่ โทเลโด กำลังยกมือขึ้น ตำรวจนายนี้ก็ลั่นกระสุนใส่ทันที 1 นัดจนเด็กชายทรุดลงไปกองกับพื้น

สติลล์แมน ได้ร้องตะโกนขึ้นว่า “มีการยิง มีการยิง ช่วยตามรถพยาบาลที” จากนั้นก็พูดว่า “อยู่กับผม อยู่กับผม ใครก็ได้ไปเอาชุดปฐมพยาบาลมาเดี๋ยวนี้เลย”

สำนักงานตำรวจชิคาโกได้ออกคำแถลงทันทีหลังเกิดเหตุการณ์ขึ้นว่า โทเลโด มีปืนอยู่ในมือ

การเผยแพร่คลิปนี้คาดว่าจะยิ่งกระพือความไม่พอใจต่อพฤติกรรมการทำงานของตำรวจ ตลอดจนกระบวนการยุติธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างคนต่างเชื้อชาติในสหรัฐฯ ตามหลังกรณีตำรวจหญิงในรัฐมินนิโซตายิงชายผิวดำเสียชีวิตหลังเรียกให้หยุดรถเนื่องจากทำผิดกฎจราจรเมื่อไม่กี่วันก่อน

สำนักงานตรวจสอบการทำงานของตำรวจ (Civilian Office of Police Accountability) ในนครชิคาโกยังได้เผยแพร่ไฟล์ข้อมูลอีก 33 ไฟล์ ซึ่งรวมถึงคลิปวิดีโอจากกล้องบอดี้แคมของตำรวจคนอื่นๆ, ภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 29 มี.ค. โดยเอกสารฉบับหนึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า สติลล์แมน คือตำรวจที่ลั่นกระสุนใส่ โทเลโด

ทางด้านสำนักงานตำรวจชิคาโกก็ได้โพสต์คลิปอันเดียวกันลงบนเว็บไซต์เมื่อวานนี้ (15 เม.ย.) และใส่ลูกศรชี้ไปที่วัตถุซึ่งดูคล้ายปืนพกในมือขวาของ โทเลโด ก่อนที่ สติลล์แมน จะลั่นไก

ในนาทีที่ 5.30 สติลล์แมน ได้ฉายไฟไปยังปืนพกซึ่งตกอยู่บนพื้นห่างออกไปไม่กี่ฟุตจากจุดที่เจ้าหน้าที่กำลังพยายามทำ CPR เพื่อยื้อชีวิตเด็กชาย

อาดีนา ไวส์ ออร์ทิซ ทนายของครอบครัวโทเลโด แถลงต่อสื่อมวลชนหลังมีการเปิดเผยคลิปวิดีโอว่า ผู้ตายได้ปฏิบัติตามคำสั่งของ สติลล์แมน ด้วยการทิ้งปืนและหันหน้ามา ก่อนที่ตำรวจนายนี้จะยิงเขา

“ฉันไม่ทราบว่าตำรวจมีเวลามากพอหรือไม่ แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือตำรวจย่อมได้รับการฝึกมาว่าห้ามยิงคนที่ไม่มีอาวุธ” ทนายกล่าว

ตำรวจชิคาโกระบุว่า เจ้าหน้าที่ชุดนี้ได้ออกปฏิบัติภารกิจตามจับ โทเลโด และชายวัย 21 ปีอีกคนหนึ่ง หลังได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีเสียงปืนดังขึ้น 8 นัด โดยชายอีกคนก็ถูกจับกุมแล้ว

เจ้าหน้าที่ชิคาโกและครอบครัวของโทเลโด ต่างเรียกร้องให้สาธารณชนอยู่ในความสงบ ขณะที่ทางการก็ได้เตรียมพร้อมรับมือเหตุจลาจลที่อาจเกิดขึ้น โดยจะมีการเสริมกำลังตำรวจและเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เพื่อปกป้องภาคธุรกิจในกรณีที่เกิดเหตุรุนแรง


ที่มา: รอยเตอร์ https://mgronline.com/around/detail/9640000036041

'พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์’ นำทีม ส.ส.พรรคก้าวไกล ตบเท้าเข้ารับวัคซีนต้านโควิด-19 แล้ว ด้าน ‘ศิริกัญญา ตันสกุล’ ระบุ การฉีดวัคซีนดีกว่าไม่ฉีด ช่วยรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมย้ำรัฐบาลต้องเร่งจัดหาวัคซีนให้เร็วและหลากหลาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งทางแอปพลิเคชันไลน์ถึง ส.ส. เรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า ส.ส.ที่มีความประสงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สามารถไปรับการฉีดวัคซีนได้ที่ สถาบันบำราศนราดูร ห้องประชุมอัจฉรา วันที่ 16-30 เม.ย. เวลา 09.00-16.00 น.ในวันเวลาราชการ สำหรับ ส.ส. ท่านใดที่อยู่ในระหว่างการกักตัว สามารถรับบริการได้หลังจากที่ครบกำหนดการกักตัวแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ที่ห้องประชุมอัจฉรา สถาบันบำราศนราดูร นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีม ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้แก่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ นายสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ นายวุฒินันท์ บุญชู นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ นายธีรัจชัย พันธุมาศ และนายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ที่ไม่อยู่ในช่วงกักตัวเพื่อสังเกตอาการและไม่มีความเสี่ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อเป็นการรณรงค์และป้องกันการเเพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

โดย น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า วันนี้การฉีดวัคซีนไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการป้องกันเฉพาะตนเองเท่านั้น แต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมในการร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นในประเทศ เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันและทำมาหากินประกอบอาชีพได้ใกล้เคียงกับสภาพปกติ รวมทั้งการไม่เป็นภาระต่อระบบสาธารณสุขเมื่อเกิดการติดเชื้อด้วย เพราะวัคซีนมีผลทำให้ลดความหนักของอาการจากโรคโควิด

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า รัฐบาลยังคงจำเป็นต้องบริหารความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีนให้เกิดความสมดุล อย่างเร่งด่วน โดยสำรองวัคซีนทางเลือกต่างๆ ให้มีความหลากหลายกว่าที่เป็นอยู่ เพราะหากเกิดอุบัติการณ์จากการฉีดวัคซีนยี่ห้อใดที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน และมีความจำเป็นต้องระงับการฉีดวัคซีนยี่ห้อนั้นไว้ก่อนเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง เช่น กรณีการเชื่อมโยงกับภาวะการเกิดลิ่มเลือด จนทำให้หลายประเทศในยุโรปกำหนดข้อแนะนำเกี่ยวกับอายุของผู้รับวัคซีนแอสตราเซเนกา หรือประเทศเดนมาร์กที่ยกเลิกการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาทั้งหมด หรือกรณีที่สหภาพยุโรปจะไม่ต่อสัญญากับผู้ผลิตวัคซีนชนิดไวรัล เวกเตอร์ ได้แก่ แอสตราเซเนกา และ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งเมื่อสัญญาสิ้นสุดลง ประเทศจะได้มีวัคซีนทางเลือกอื่นในการฉีดให้กับประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด

“การฉีดวัคซีนในวันนี้มีความจำเป็นอย่างมาก ในเมื่อวัคซีนที่รัฐบาลมีอยู่มีกระจุกอยู่เท่านี้ ประชาชนก็จำเป็นต้องฉีด เพราะในมุมของเราและสังคมโดยรวม การฉีดดีกว่าการไม่ฉีด แต่หากรัฐบาลสามารถกระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีนที่ดีกว่านี้ มีวัคซีนทางเลือกที่หลากหลายในปริมาณที่สมดุลเพียงพอ ความเสี่ยงจากการฉีดวัคซีนที่ประชาชนต้องแบกรับก็จะลดลง ประชาชนก็จะมีโอกาสได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคที่สูงขึ้น ในขณะที่รัฐบาลก็จะสามารถบริหารการฉีดวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรับมือกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างมั่นใจ” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจาก กระทรวงสาธารณสุข ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปเริ่มลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันและไลน์ “หมอพร้อม” ได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป เพื่อลงคิวเข้ารับการฉีดวัคซีน พรรคก้าวไกลจึงขอเชิญชวนให้ทุกคนไปลงทะเบียนและเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุดเพื่อพลิกฟื้นประเทศกลับสู่ภาวะปกติ

กรมขนส่งงดทำใบขับขี่ใหม่ 6 เดือน หากหมดอายุผ่อนผันใช้ได้ถึง 30 มิ.ย. นี้

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลที่กล่าวถึงประเด็นกรมขนส่ง งดทำใบขับขี่ใหม่ 6 เดือน หากหมดอายุผ่อนผันใช้ได้ถึง 30 มิ.ย. นี้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

จากสถานการณ์การพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างเกิดขึ้นในหลายจังหวัดของประเทศไทย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น กรมการขนส่งทางบก จึงจำเป็นต้องงดการอบรมด้านใบอนุญาตขับรถ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง โดยมีกิจกรรมที่งดให้บริการดังนี้

1.) งดการอบรมและทดสอบ ณ สำนักงานขนส่ง สำหรับผู้ขอใหม่ ทั้งสำหรับการขอรับใบอนุญาตขับรถ บัตรประจำตัวคนขับรถ และใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถใหม่ทุกชนิด ยกเว้น กรณีการผ่านการอบรมและทดสอบของโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก ให้นำผลผ่านการอบรมมาดำเนินการ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่ง ภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ออกหนังสือรับรอง

2.) งดการอบรม ณ สำนักงานขนส่ง สำหรับการขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ บัตรประจำตัวคนขับรถ และใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถทุกชนิด โดยให้เข้าอบรมผ่านระบบ e-Learning ทางเว็บไซต์ www.dlt-elearning.com สามารถนำผลการอบรมออนไลน์มาเป็นหลักฐานเพื่อต่ออายุใบอนุญาตขับรถได้

3.) งดการออกหน่วยเคลื่อนที่ด้านทะเบียนและภาษีรถ และด้านใบอนุญาตขับรถ ณ หน่วยบริการเคลื่อนที่รับชำระภาษีรถประจำปีที่ห้างสรรพสินค้าหรือแหล่งชุมชน (Shop Thru for Tax) และศูนย์บริการร่วม

ทั้งนี้ ได้ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้ผ่อนผันการใช้กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง กับผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถที่สิ้นอายุแล้ว ยังสามารถใช้แสดงตนได้ จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2564 และในส่วนของผู้ที่จองคิวผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ซึ่งตรงกับช่วงที่กรมการขนส่งทางบกงดให้บริการ จะยังคงได้รับสิทธิในการเข้ารับบริการเมื่อมีประกาศเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้ โดยกรมการขนส่งทางบกจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง และสำหรับผู้ที่ใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถสิ้นอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป ในระหว่างวันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2564 กรมการขนส่งทางบกมีมาตรการเยียวยารองรับ ดังนี้

ผู้ที่ใบอนุญาตขับรถ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ สิ้นอายุเกิน 1 ปี ได้รับการยกเว้นการทดสอบข้อเขียน กรณีสิ้นอายุเกิน 3 ปี ได้รับการยกเว้นการทดสอบขับรถ หากเป็นใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก สิ้นอายุเกิน 3 ปี ได้รับการยกเว้นการทดสอบขับรถ

สำหรับการให้บริการด้านใบอนุญาตขับรถที่ไม่มีขั้นตอนการอบรมและทดสอบที่สำนักงานขนส่ง ยังคงเปิดให้บริการตามปกติในวันและเวลาราชการ เช่น การออกใบอนุญาตขับรถให้ผู้ที่มีหนังสือรับรองจากสถาบันการศึกษาหรือโรงเรียนสอนขับรถมาก่อนแล้ว การออกใบแทนกรณีใบอนุญาตขับรถชำรุดหรือสูญหาย การเปลี่ยนชนิดใบอนุญาตขับรถชั่วคราว 2 ปี เป็นส่วนบุคคล 5 ปี การต่ออายุใบอนุญาตขับรถที่มีผลผ่านการอบรมออนไลน์ผ่านระบบ e-Learning ทาง www.dlt-elearning.com โดยการต่ออายุใบอนุญาตขับรถที่มีผลการอบรมออนไลน์ สามารถนำผลการอบรมติดต่อสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพของร่างกายและออกใบอนุญาตขับรถ ประกอบด้วย การอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (รถยนต์, รถยนต์สามล้อ, รถจักรยานยนต์) ระยะเวลาอบรม 1 ชั่วโมง การอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถขนส่ง ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง การอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถสาธารณะ (รถยนต์สาธารณะ หรือ แท็กซี่, รถยนต์สามล้อสาธารณะ, รถจักรยานยนต์สาธารณะ) ระยะเวลาอบรม 3 ชั่วโมง และการอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ รถยนต์) ขาดต่ออายุเกิน 1 ปี ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ ผลการอบรมออนไลน์มีอายุ 6 เดือนนับแต่วันที่ผ่านการอบรม

และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ของกรมการขนส่งทางบก สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.dlt.go.th เฟซบุ๊ก “กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News” หรือโทร. 1584

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งทางแอปพลิเคชันไลน์ ถึง ส.ส. สามารถไปรับการฉีดวัคซีนได้ที่สถาบันบำราศนราดูร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งทางแอปพลิเคชันไลน์ ถึง ส.ส. ในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า ส.ส.ที่มีความประสงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สามารถไปรับการฉีดวัคซีนได้ที่ สถาบันบำราศนราดูร ห้องประชุมอัจฉรา วันที่ 16-30 เม.ย. เวลา 09.00-16.00 น. ในวันเวลาราชการ สำหรับส.ส. ท่านใดที่อยู่ในระหว่างการกักตัว สามารถรับบริการได้หลังจากที่ครบกำหนดการกักตัวแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมอัจฉรา สถาบันบำราศนราดูร ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ได้มี ส.ส. ทยอยไปรับการฉีดวัคซีน โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข มาดูแลความเรียบร้อยด้วยตัวเอง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าของกระทรวงสาธารณสุข โดย ส.ส.ที่อายุมากกว่า 60 ปีจะฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ส่วน ส.ส.ที่อายุต่ำว่า 60 ปี จะฉีดวัคซีนซิโนแวค

โดย ส.ส. ที่เดินทางไปฉีดวัคซีนในช่วงเช้า อาทิ นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นต้น

ด้าน น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยภายหลังการฉีดวัคซีนว่า ตนได้ฉีดวัคซีนซิโนแวคเพราะอายุไม่ถึง 60 ปี ซึ่งหลังจากฉีดวัคซีนแล้วนั่งรอดูอาการ 30 นาที ก็ไม่มีอาการแพ้วัคซีนแต่อย่างใด ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคเป็นความหวังและหนทางสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยลดการติดเชื้อและความสูญเสียในระดับชาติ เกิดเป็นแนวคิด "ฉีดวัคซีนช่วยชาติ" คือ หากประชาชน 60-70% ในประเทศฉีดวัคซีนก็จะเกิดภูมิคุ้มกัน ไวรัสก็จะหายไป สำหรับผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีน สามารถลงทะเบียนจองได้ทางไลน์ออฟฟิเชียล "หมอพร้อม" ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

กลายข่าวสะเทือนสายการบินสัญชาติสิงคโปร์วันนี้ เมื่อทางการฮ่องกงมีคำสั่งระงับเที่ยวบินของ Scoot สายการบินราคาประหยัดในเครือของสิงคโปร์แอร์ไลน์เป็นเวลานานถึง 2 สัปดาห์

กลายข่าวสะเทือนสายการบินสัญชาติสิงคโปร์วันนี้ เมื่อทางการฮ่องกงมีคำสั่งระงับเที่ยวบินของ Scoot สายการบินราคาประหยัดในเครือของสิงคโปร์แอร์ไลน์ เส้นทางสิงคโปร์ ไปฮ่องกงเป็นเวลานานถึง 2 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 16-29 เมษายน ค.ศ.2021 นี้ เนื่องจากตรวจพบผู้โดยสาร 2 คน ติดเชื้อ Covid-19 บนเที่ยวบินที่ขาไปฮ่องกง

ผู้โดยสารทั้ง 2 คนเดินทางไปกับสายการบิน Scoot เที่ยวบิน TR980 จากท่าอากาศยานสิงคโปร์ไปฮ่องกงเมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งปัญหาคือ ผู้โดยสารทั้ง 2 คน มีผลตรวจเชื้อเป็นลบก่อนเดินทางออกจากสิงคโปร์ แต่กลับพบผลตรวจเป็นบวกเมื่อไปถึงที่ท่าอากาศยานฮ่องกง

และยังพบว่ามีผู้โดยสารบางคนมีเอกสารประกอบการเดินทางไม่เป็นไปตามข้อกำหนดด้านการควบคุมโรคระบาดของทางการฮ่องกง จึงเป็นเหตุให้รัฐบาลฮ่องกงตัดสินใจระงับเที่ยวบินจากสิงคโปร์สู่ฮ่องกงของสายการบิน Scoot เป็นเวลา 2 สัปดาห์ แต่คำสั่งนี้ไม่มีผลกับเที่ยวบินขากลับ ฮ่องกง สู่สิงคโปร์ ผู้โดยสารยังสามารถเดินทางได้ตามปกติ

ก่อนหน้านี้ ทางฮ่องกงเคยสั่งระงับเที่ยวบินของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์มาแล้ว เมื่อพบผู้โดยสาร 1 คนบนเครื่องติดเชื้อ Covid-19 และมีผู้โดยสารอีก 3 คนที่ไม่ทำตามระเบียบเรื่องการควบคุมโรคของสายการบิน จึงทำให้สิงคโปร์แอร์ไลน์ถูกระงับเที่ยวบินจากสิงคโปร์เข้าสู่ฮ่องกงเป็นเวลา 2 สัปดาห์เช่นกัน และเพิ่งพ้นโทษแบนในวันนี้ 16 เมษายน ก็มาเกิดเหตุกรณีเดียวกันกับสายการบิน Scoot ต่อทันที

ตอนนี้ รัฐบาลฮ่องกง และ สิงคโปร์กำลังเข้าสู่การสรุปรายละเอียดในการทำข้อตกลง "ระเบียงท่องเที่ยว" หรือ Travel Bubble ร่วมกัน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ที่จะทำให้พลเมืองทั้ง 2 แห่งสามารถเดินทางเข้า-ออก ประเทศได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องกักตัว 14 วัน โดยมีเงื่อนไขว่า ทั้งสิงคโปร์ และ ฮ่องกง จะต้องไม่มีเคสการติดเชื้อที่ไม่ทราบที่มาเกินกว่า 5 เคสในรอบ 7 วัน และผู้เดินทางต้องได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว

แต่หากยังตรวจพบผู้โดยสารที่ติดเชื้อ Covid-19 บนเที่ยวบินระหว่างเดินทาง อาจทำให้โครงการ Travel Bubble ระหว่าง ฮ่องกง-สิงคโปร์ อาจต้องเลื่อนไปก่อนอย่างไม่มีกำหนดก็เป็นได้


อ้างอิง:

https://www.straitstimes.com/singapore/transport/scoot-flights-from-spore-barred-from-landing-in-hong-kong-for-2-weeks-after-2

https://www.channelnewsasia.com/news/singapore/covid-19-scoot-hong-kong-bars-passenger-flights-singapore-14627588

https://thethaiger.com/hong-kong/hong-kong-slaps-singapore-airlines-with-2-week-ban-over-covid-infractions

https://www.straitstimes.com/singapore/transport/spore-and-hk-finalising-details-of-air-travel-bubble-hope-to-announce-plans-soon

น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตส.ว. โพสต์ความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัวเกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ในขณะนี้มีรายละเอียดว่า...

น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตส.ว. โพสต์ความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัวเกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ในขณะนี้มีรายละเอียดว่า... คนไทยไม่ใช่หนูทดลองวัคซีน-รู้ให้เท่าทันการล่าอาณานิคมวัคซีน เชื้อโควิด-19 เป็นไวรัสที่มีหนามจึงมีชื่อว่า โคโรน่าไวรัส แปลว่าไวรัสที่มีมงกุฎหนาม ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายเร็ว มีความรุนแรงและแพร่ระบาดไปในระดับโลก โดยอัตราการเสียชีวิตในระยะแรกจะสูงมาก

อย่างไรก็ตาม ไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวเก่ง ในยามเริ่มแรกไวรัสโควิด-19 ยังเป็นพวกป่าเถื่อนอยู่ที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตเลย เปรียบเทียบกับโรคโคโรนาไวรัสซาร์สตัวแรกเมื่อ 18 ปีก่อน ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่มีมงกุฏหนามเช่นกันแต่เมื่อผู้ป่วยเสียชีวิต เชื้อไวรัสก็ตายด้วย ทำให้ซาร์ส-1 สูญหายไปเองอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อหรือฉีดวัคซีนสารพัดยี่ห้อเหมือนเดี๋ยวนี้ ที่เรากำลังเผชิญหน้ากับโควิด-19 หรือ ซาร์ส-2 แม้จะรุนแรงน้อยกว่าซาร์ส-1 แต่ก็สิงสถิตอยู่กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ยาวนานกว่ามาก และยังไม่มีใครตอบได้ว่าเจ้าโคโรนาไวรัสซาร์ส-2 หรือโควิด-19 จะอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน

ถ้าเราลองนึกย้อนกลับไปในระยะใกล้ ๆ นี้ ยังไม่เคยมีการค้นพบวัคซีนป้องกันโรคไวรัสอุบัติใหม่ใดใดได้สำเร็จเลย จนกระทั่งโรคระบาดเหล่านั้นสูญหายไปเองในปีเดียว โดยไม่ต้องใช้วัคซีนเลย เช่น ไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่2009 โรคซาร์ส โรคเมอร์ส เป็นต้น

ในขณะที่ไข้หวัดใหญ่ที่ผลิตวัคซีนออกมา กลับมีการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสใหม่ทุกปี แม้แต่โรคไวรัสเอดส์ ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ร้ายแรงในอเมริกามาตั้งแต่ปี 2524 และเชื้อไวรัสเอดส์ยังอยู่กับเรามาจนบัดนี้ มีตัวเลขเมื่อปี 2563 นี้เองว่ามีผู้ติดเชื้อ HIV ทั่วโลกราว 37 ล้านคน กล่าวเฉพาะในกรุงเทพฯ ของเราจังหวัดเดียว ยกตัวอย่างในปี 2562 มีผู้ติดเชื้อ HIV ราว 77,558 คน และมีผู้เสียชีวิตที่รายงานว่าตายเพราะเอดส์ในปีเดียวกันจำนวน 1,877 คน ในปัจจุบันเรามีแต่ยาต้านเชื้อเอดส์ แต่ไม่มีวัคซีนป้องกันเอดส์แม้แต่เข็มเดียว ทั้งที่พวกบริษัทผลิตวัคซีนยักษ์ใหญ่มีเวลายาวนานถึง 40 ปี แต่ทำไมไม่มีความสามารถในการผลิตวัคซีนเอดส์

ในช่วงหลังจะพบว่าไวรัสโควิด-19 มีการปรับตัวมากขึ้นเพื่อจะได้ดำรงอยู่กับผู้ติดเชื้อได้ จึงมีการกลายพันธุ์ ที่พบขณะนี้อย่างน้อย 3 สายพันธุ์ คือ (1) สายพันธุ์อังกฤษ B.1.1.7 (2) สายพันธุ์แอฟริกาใต้ B.1.351 และ (3) สายพันธุ์บราซิล P.1 ยังไม่มีหลักฐานว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ 3 สายพันธุ์นั้น ชนิดใดที่ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการป่วยรุนแรงมากกว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์เดิม โดยผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดคือผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ไวรัสทั้ง 3 สายพันธุ์นี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ปุ่มโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนที่ไวรัสใช้ในการยึดเกาะกับเซลล์ในร่างกายมนุษย์ ทำให้สามารถที่จะเข้าสู่เซลล์และแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น

โชคดีของคนไทยที่โควิด-19 ในระลอก 2 และ 3 ในประเทศเรานี้ มีอัตราความรุนแรงต่ำลงจากปีที่แล้ว โดยจากเดิมเมื่อปี 2563 ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิต 2.95% แต่ปัจจุบันแม้มีผู้ติดเชื้อมาก แต่อัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า 0.34% แปลว่าความรุนแรงของโรคลดลงมาก แม้ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน เชื้อโควิด ระยะหลัง ผู้ป่วยส่วนใหญ่ “ไม่มีไข้” แปลว่า ที่ผ่านมาการคัดกรองไข้ตามสถานที่ต่างๆ อาจจะหลงทางมานาน การคัดกรองด้วยการวัดไข้ 37.5 องศาเซสเซียส อาจกลายเป็นตัวชี้วัดที่ได้ผลน้อยหรืออาจไม่ได้ผลเลย จึงยากแก่การป้องกันควบคุมโรคระบาดระลอกใหม่นี้ได้

วัคซีนในปัจจุบันที่ประเทศไทยนำมาใช้มีอยู่ 2 ยี่ห้อคือ ซีโนแวคจากจีน และแอสตร้าเซเนก้าจากเกาหลีใต้ ซีโนแวคมีประสิทธิศักดิ์ต่ำแต่ปลอดภัยกว่าเพราะมาจากเชื้อโควิดที่ตายแล้ว แต่กลับห้ามฉีดในผู้สูงวัย ทั้ง ๆ ที่กลุ่มผู้สูงวัยเสี่ยงที่จะมีความรุนแรงของโรคมาก และอัตราการเสียชีวิตสูง แปลว่าเรากำลังฉีดวัคซีนลดความรุนแรงในกลุ่มที่มีความรุนแรงของโรคต่ำมากอยู่แล้ว ทำให้ดูเหมือนว่าวัคซีนเป็นตัวช่วยเรื่องนี้ ซึ่งแท้จริงอาจไม่ใช่มาจากวัคซีนก็เป็นได้ใช่หรือไม่

ในขณะที่แอสตร้าเซเนก้า เป็นวัคซีนที่ใช้เชื้อไวรัสหวัดชนิดหนึ่งจากลิงชิมแปนซี มาดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้มีโปรตีนโคโรนาไวรัสเลียนแบบ ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายมนุษย์สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต้านเชื้อโควิด-19 ได้ ในทางทฤษฎี (ขอให้ขีดเส้นใต้ตรงคำว่า”ในทางทฤษฎี”) วัคซีนแอสตราเซเนก้าจึงอยู่ในระหว่างการพัฒนาให้ดีขึ้น และปลอดภัยขึ้น โดยทั้งนี้พบว่ายังเป็นวัคซีนที่มีค่าประสิทธิศักดิ์ต่ำกว่าวัคซีนอีกหลายตัวในยุโรป และเป็นวัคซีนที่ยังมีข้อถกเถียงเรื่องความปลอดภัย จึงยังไม่ใช่วัคซีนที่จะใช้ป้องกันโรค หรือใช้วงกว้างมากที่สุดเช่นกันในเวลานี้ ใช่หรือไม่

ข้อเสนอของหลายฝ่ายในการใช้วัคซีนให้มากทั่วถึงและรวดเร็วในเวลานี้ดูไม่เป็นเหตุเป็นผลที่ชาวบ้านธรรมดาอย่างเรา ๆ จะเข้าใจได้เลย เพราะข้อเท็จจริงขัดกับความเชื่อที่ว่าวัคซีนจะเป็นเครื่องช่วยชีวิต ป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดได้ ซึ่งผูกติดกับความเชื่อดั้งเดิมว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไม่ติดเชื้อซ้ำอีก แต่วัคซีนโควิดในปัจจุบันยังไม่ตอบโจทย์ประเด็นข้างต้น จริงอยู่วัคซีนโควิดอาจช่วยได้คือลดความรุนแรงและไม่เสียชีวิตเมื่อติดเชื้อโควิด แต่ถ้าอัตราการตายจากโควิดในปีนี้ ลดลงมากจาก 2.75% ของปี 2563 เหลือเพียง 0.34% ในปี 2564 แน่นอนว่าไม่ได้เป็นผลมาจากวัคซีนแต่อย่างใด เพราะคนไทยเพิ่งได้รับวัคซีนไปราว 5 แสนคน ยังไม่ถึง 1% ของประชากรด้วยซ้ำไป ทั้งที่ ข้อมูลทางวิชาการระบุว่าวัคซีนที่จะหยุดการแพร่ระบาดได้ ต้องฉีดให้ได้อย่างต่ำ 25-60% ของประชากรจึงอาจจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นได้

ณ ขณะนี้ ประสิทธิศักดิ์ประสิทธิผล และความปลอดภัยของวัคซีนโควิดทุกยี่ห้อที่ยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ ยังเป็นประเด็นถกเถียงกันในหมู่นักไวรัสวิทยาและนักอิมมูโนวิทยาทั่วโลก แม้องค์การอนามัยโลกจะไฟเขียวให้ใช้ได้ในสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วก็ตาม แต่องค์การอนามัยโลกก็ยังไม่สามารถตอบคำถามได้ว่าจะต้องฉีดวัคซีนมากเท่าใด จึงจะเริ่มเกิดภูมิคุ้มกันได้จริงและอยู่ได้ยาวนานเพียงไร

สิ่งที่น่าปะหลาดใจอีกอย่างจากกรณีการตรวจเชิงรุกที่กลุ่มประชากรที่สมุทรสาคร ช่วงระบาดระลอก 2 พบข้อมูลสำคัญว่าผู้ที่เข้าตรวจนั้นมีภูมิคุ้มกันโควิด-19 อยู่แล้วถึง 73% โดยไม่ต้องฉีดวัคซีนใดๆ เลย (ดูตารางประกอบ) ยิ่งทำให้เห็นว่ารัฐควรทุ่มสรรพกำลังในการศึกษาวิจัยว่าคนในจังหวัดที่พบการระบาดมาก ว่ามีภูมิคุ้มกันแล้วเท่าใด หากพบมากก็จะไม่ต้องไปฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิซ้ำซ้อนสิ้นเปลืองไปอีก

วิกฤตการณ์โควิดในเวลานี้ไม่ต่างจากสงครามโลกในอดีต แต่คราวนี้เป็นสงครามกับเชื้อโรค ในยามสงครามผู้จะร่ำรวยจากสงครามคือพ่อค้าอาวุธ แต่สงครามกับเชื้อโรค ผู้ที่จะร่ำรวยก็คือพ่อค้ายาและวัคซีน ใช่หรือไม่ ข้อนี้เป็นสิ่งที่คนทั่วไปอดสงสัยไม่ได้ ยิ่งคนแตกตื่นและหวังพึ่งวัคซีนที่ยังพัฒนาไม่เต็มร้อยเพียงอย่างเดียว จนไม่สนใจทางเลือกอื่นๆ ก็มีแต่ทำให้บริษัทยาร่ำรวยโดยไม่ต้องรับผิดชอบ

รัฐบาลควรพิจารณาทางเลือกจากภูมิปัญญาสมุนไพรของนักวิจัยไทยและนานาชาติในการใช้ฟ้าทะลายโจรกับผู้ป่วยโควิดโดยการทำวิจัยอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการใช้ฟ้าทะลายโจรในการรักษา ซึ่งไม่ต่างจากการติดตามรายงานผลอาการ และผลข้างเคียงของคนรับวัคซีน เฟส 4 (post marketing) ของบริษัทยา โดยที่ฟ้าทะลายโจรเป็นยาในบัญชียาหลัก จึงมีความปลอดภัยสูง การพบว่าฟ้าทะลายโจรสามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ในหลอดทดลอง และการใช้ทางคลินิกพบว่า ผู้ติดเชื้อโควิด 270 คน สามารถหายได้ภายใน 5 วัน ที่รับรองผลการทดลองโดยกรมแพทย์แผนไทยแล้วอีกด้วย

ไม่ใช่แค่การทดลองในประเทศไทยเท่านั้น ยังมีงานวิจัยของจีนเกี่ยวกับฟ้าทะลายโจรกับโควิด-19 เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 โดยนักวิจัยจีนใช้เทคนิคการจับของโครงสร้างยากับเชื้อโรค (molecular docking) ในคอมพิวเตอร์ พบว่าสารแอนโดรกราโฟไลด์ และอนุพันธุ์ของฟ้าทะลายโจร จับตัวกับเชื้อโควิดหลายตำแหน่งโดยเป็นตำแหน่งที่สำคัญในการยับยั้งการเข้าสู่เซลล์ของไวรัสโควิด และยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส นอกจากนี้จีนยังเคยจดสิทธิบัตรสารแอนโดรกราโฟไลด์และอนุพันธ์ของฟ้าทะลายโจรในการป้องกันและรักษาโรคซาร์ส-1 ซึ่งเป็นโคโรนาไวรัสตระกูลเดียวกับโควิด-19

นอกจากนี้มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ สาขาสาธารณสุขศาสตร์ ตีพิมพ์แนวการรักษาโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่มีภาวะปอดเสียหายเฉียบพลัน พบว่าอนุพันธุ์ของฟ้าทะลายโจร ชื่อ Dehydrographolide Succinate ซึ่งขึ้นทะเบียนที่จีนใช้เป็นยาฉีดรักษาปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจส่วนบน ซึ่งอาจจะนำมาใช้ในการรักษาปอดเสียหายจากโควิดในรูปยาพ่นละออง

กลไกสำคัญของฟ้าทะลายโจรที่พบ 4 ประการคือ

1.) กลไกป้องกันไวรัสเข้าเซลล์

2.) ลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส

3.) ลดการอักเสบ โดยเฉพาะที่ปอด

4.) เพิ่มภูมิคุ้มกัน

อย่างไรก็ดีวัคซีนป้องกันที่ดีที่สุดคือการเว้นระยะห่างทางกายภาพ การสวมใส่มาสก์ การล้างมือบ่อย ๆ การรักษาสุขภาพเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ซึ่งแนวทางนี้ ประเทศไทยเคยทำมาแล้วสมัยเกิดอหิวาตกโรคเมื่อ 200 ปีก่อน (พ.ศ.2363) สมัยรัชกาลที่ 2 คนไทยในพระนครตายไป 30,000 คน ในเวลานั้น มีประชากรในกรุงเทพฯ แค่แสนเศษ เท่ากับเสียชีวิตถึง 30% แต่เมื่อล้นเกล้ารัชกาลที่ 2 ทรงรับสั่งให้ประชาชนอยู่กับบ้าน (lock-down) ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายหน้า ฝ่ายใน ก็โปรดมิให้เข้าเฝ้า ให้งดกิจราชการเสียทั้งหมด ปล่อยไพร่ทาสและนักโทษทั้งหมดให้กลับไปอยู่บ้านเรือนของตน ถนนหนทางไม่มีคนเดิน ตลาดหยุดค้าขาย เว้นไป 15 วัน โรคระบาดภายในกรุงเทพฯสมัยนั้นก็ทุเลาลง

การต่อสู้กับโควิด-19 ในเวลานี้ ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ และความพยายามในการพึ่งตนเองโดยอาศัยภูมิปัญญาการรักษาของสังคม และลดการระบาดด้วยสุขอนามัยคือการใส่มาสก์ ล้างมือ ไม่อยู่ในที่แออัดอย่างที่บรรพบุรุษไทยเคยใช้กันอย่างได้ผลมาแล้ว ในขณะที่หลายคนกำลังคิดว่าทำไมประเทศไทยจึงฉีดช้ากว่าประเทศอื่นๆ ทำไมเราไม่ตั้งคำถามว่า เราจะเสี่ยงกับวัคซีนที่ยังไม่วิจัยอย่างชัดเจนเพื่ออะไร ในขณะที่ประเทศไทยมีอัตราความรุนแรงของโรคต่ำมาก อัตราการเสียชีวิตก็ต่ำมาก และวัคซีนก็ยังไม่ถึงระดับป้องกันการติดเชื้อได้ อีกทั้งเราสามารถใช้สมุนไพรของเราเองรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิผลดีอยู่แล้ว

ในสถานการณ์เช่นนี้ ที่โควิดยังกลายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ จนอาจต้องฉีดวัคซีนกันไม่สิ้นสุด คนไทยควรจะเป็นหนูทดลองพร้อมชาติอื่น หรือจะให้คนชาติอื่นใช้วัคซีนไปก่อนสักพักเพื่อดูผลกระทบโดยรวม อะไรที่จะเป็นวิธีที่ดีกว่ากัน

รสนา โตสิตระกูล

11 เมษายน 2564

#คนไทยไม่ใช่หนูทดลองวัคซีน #วัคซีนไม่ใช่ทางออกเดียว #โควิดรักษาได้ #พึ่งตนเองไม่ต้องรอวัคซีน #รสนาโตสิตระกูลว่าที่ผู้สมัครผู้ว่ากทม #รสนา #ฟ้าทะลายโจร #ผู้ว่ากทม. #วัคซีน #Covid-19


ที่มา https://www.facebook.com/%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A5-236945323048705

กลายเป็นเรื่องราวที่ชาวเน็ตกำลังให้ความสนใจ และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางอยู่บนโลกออนไลน์ หลังแฟนเพจเฟซบุ๊กชื่อดังอย่าง ‘อยากดังเดี๋ยวจัดให้ Kim Signature’ ได้ออกมาโพสต์คลิปเหตุการณ์ ขณะพนักงานร้านโดนัท ‘คริสปี้ ครีม’ ทำร้ายร่างกายลูกค้าจนล้มลง

กลายเป็นเรื่องราวที่ชาวเน็ตกำลังให้ความสนใจ และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางอยู่บนโลกออนไลน์ในขณะนี้ ภายหลังแฟนเพจเฟซบุ๊กชื่อดังอย่าง ‘อยากดังเดี๋ยวจัดให้ Kim Signature’ ได้ออกมาโพสต์คลิปเหตุการณ์ ขณะพนักงานร้านโดนัท ‘คริสปี้ ครีม’ ทำร้ายร่างกายลูกค้าจนล้มลง พร้อมทั้งตะโกนด่าทอจนทำให้ลูกค้าหญิงรายดังกล่าวต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด โดยระบุข้อความว่า

“ณ.ห้างดังย่านรังสิต ฟังความทั้งสองด้านก่อน ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้าแต่ลูกค้าคือคนสำคัญ งานบริการต้องอดทนอดกลั้นอย่างมากถึงมากที่สุด เราสามารถใช้ กม.ได้ ถ้าหากถูกกระทำ พนักงานก็คนคนนึง มนุษย์ป้ามนุษย์ลุงจำไว้กระแสสังคมมันแรงถ้าทำเกินไป

ผมทำงานอยู่แถวนั้นครับ อยู่ใกล้ ๆ ตอนเกิดเรื่อง แต่ไม่รู้เรื่องทั้งหมดครับ ที่ได้ยินมาก็คือ พนักงานจัดของให้ลูกค้าคนนั้นผิด แล้วเค้าก็ไปว่าลูกค้าคนนั้น พี่พนักงานเค้าขอโทษ3รอบแล้ว แต่ลูกค้าคนนั้นก็เข้าไปว่าพี่พนักถึงหลังร้าน หลังจากนั้นก็ตามคลิปครับ ร้านโดนัทชื่อดังแห่งหนึ่ง แถวห้างดังย่านรังสิต ไม่รู้ว่าเรื่องเป็นยังไง แต่ซื้อขนมกับพี่พนักงานคนนี้บ่อย พี่เค้าก็พูดจาดีมากๆ”

นอกจากนี้ยังอัพเดทเพิ่มเติมด้วยว่า “พนักงานคือจัดสินค้าให้ป้าเขาผิดหรือไม่สวยนี่แหละค่ะ แล้วพนักงานได้ขอโทษแล้วคงจะจัดสินค้าให้ใหม่ แต่ป้าก็ด่าตำหนิเขาไม่เลิก คงไม่แล้วใจ เดินวนกลับมาด่าเขาอีก ไม่มี ถ่ายไม่ทันเหมือนกัน ตอนเกิดเรื่องได้ยินแค่เสียงตุ๊บ วิ่งไปดูป้าวิ่งไปแล้ว แต่สงสารพี่พนักงานนะ เขาคงรู้ตัวแหละว่าคงได้ออก เขาก็ลาเพื่อนเขา แล้วก็ออกร้านไปเลย ปกติเขาเป็นคนอัธยาศัยดีนะ ล่าสุดป้าไปตรวจสุขภาพที่โรงบาล คาดว่าจะเอาเรื่องพนักงาน”

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ขณะที่ชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์เสียงแตก บ้างก็บอกว่าพนักงานทำเกินกว่าเหตุ บ้างก็บอกว่าลูกค้าทำเกินไป โดยส่วนใหญ่ระบุว่า บางครั้งลูกค้าก็ไม่ใช่พระเจ้าเสมอไป การกระทำที่ดูถูกกันเกินไปจนพนักงานทนไม่ไหว

แต่ล่าสุด ทางคริสปี้ ครีม ประเทศไทย ได้ออกจดหมายขออภัยต่อเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว โดยระบุว่า

ตามที่คริสปี้ ครีม ประเทศไทย ได้รับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามคลิป จากการกระทำของพนักงาน ทางบริษัท รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอน้อมรับความผิดทุกประการ ในเบื้องต้นทางบริษัทพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะติดต่อเพื่อกราบขออภัยลูกค้าอย่างเป็นทางการ และขอยืนยันว่าพร้อมที่จะดูแลความรู้สึก ของลูกค้าอย่างเต็มความสามารถ ในส่วนของพนักงานคนดังกล่าว ทางบริษัทมิได้นิ่งนอนใจและได้ดำเนินการสอบสวน หาข้อเท็จจริง เพื่อปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับของบริษัทต่อไป

ท้ายที่สุดนี้คริสปี้ ครีม ประเทศไทยกราบขออภัยลูกค้าอย่างสูงอีกครั้งทางบริษัทยินดีน้อมรับทุกความคิดเห็น และข้อแนะนำต่างๆ เพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนาคุณภาพการทำงานและการให้บริการของร้านให้ดียิ่งขึ้น


ที่มา: https://www.facebook.com/155809581096923/posts/4166526460025195/

คลิปต้นเรื่อง https://www.facebook.com/watch/?v=595708918082027

เพจ วิเคราะห์ประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ภาพทวิตเตอร์เกี่ยวกับข้อความของผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ที่มองว่าลูกคือผู้มีบุญคุณต่อพ่อแม่ โดยทวิตนี้เป็นคนรีทวิตต่อหลายหมื่นครั้ง

โดยชาวเน็ตได้แสดงความคิดเห็นถึงทวิตเตอร์ดังกล่าวว่ามีตรรกะประหลาดมากว่า...

- ขนาดพ่อแม่บางคนเป็นเกษตรกร เงินเดือนไม่ได้สูงทนอดมื้อกินมื้อ ยังส่งลูกจนเรียนจนจบปริญญาตรี ขอแค่ได้เห็นลูกยิ้มก็มีความสุขแล้ว

- จะหาใครที่เห็นลูกเจ็บแล้วรู้สึกเจ็บยิ่งกว่า เป็นห่วงเสมอเวลาลูกห่างกัน ดูแลตั้งแต่ยังพูดไม่ได้กว่าจะโต #สงสารพ่อแม่คนคิดแบบนี้เลย

- ปล ผมก็ศึกษาธรรมะนะครับ ไม่มีพระไตรปิฏกฉบับไหนกล่าวแบบนี้เลยนะ


ที่มา: https://www.facebook.com/groups/280946712327847/permalink/1189182668170909/

ผอ.กองสลากฯ เตือนซื้อหวยออนไลน์ จากแอปฯ - เว็บ ‘มังกรฟ้า’ หากถูกรางวัล อาจขึ้นเงินไม่ได้ ระบุขึ้นเงินรางวัลต้องใช้สลากฯ ตัวจริงเท่านั้น พร้อมเร่งรวบรวมข้อมูลเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือไม่

กระแสฮือฮาวงการหวย พ่อค้าแม่ค้าต่างแห่นำสลากกินแบ่งรัฐบาลฝากขายผ่านทางออนไลน์ ทั้งแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ ‘มังกรฟ้า’ ซึ่งเป็นของบริษัท มังกรฟ้า ลอตเตอรี่ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 24 หมู่ 2 ถนนราชพฤกษ์ หมู่ 2 ต.อ้อมเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยในแต่ละงวดมียอดร่วม 1 ล้านใบ ทำให้ผู้ซื้อสามารถช็อปออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย ขณะที่กองสลากกินแบ่งรัฐบาลเตรียมขายหวยผ่านแอปฯ ‘จีแอลโอ ออฟฟิเชียล เซลเลอร์ส’ ในวันที่ 1 มิ.ย.ประกบแอปฯ ‘มังกรฟ้า’ แต่ขายถูกกว่า

จากความคืบหน้าเมื่อช่วงเช้าวันที่ 15 เม.ย. พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า กรณีที่มีการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านออนไลน์หรือผ่านแอปพลิเคชันนั้น ถือเป็นอีกช่องทางการขาย แต่ถ้าขายสลากฯ ไม่เกินราคาที่กำหนดไม่ถือว่ามีความผิด แต่ถ้าขายเกินราคาถือว่าผิดกฎหมาย

ขณะเดียวกัน การขายสลากฯ นั้น ผู้บริโภคต้องได้รับใบสลากฯ จริง หากไม่ได้อาจเข้าข่ายการหลอกหลวงผู้บริโภคหรือฉ้อโกง เรื่องดังกล่าวสำนักงานสลากฯ ร่วมมือกับตำรวจ บก.ปคบ. เพื่อเก็บข้อมูลพฤติกรรมการจำหน่าย ตรวจสอบราคาจำหน่าย รวมถึงการทำสลากฯรวมชุดด้วย หากตรวจพบว่ากระทำความผิดต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย และมีความผิดตาม พ.ร.บ. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

พ.ต.อ.บุญส่งกล่าวอีกว่า สำนักงานสลากฯ ขอย้ำเตือนผู้ซื้อสลากฯ ควรเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อสลากฯ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ด้วย หากซื้อไปแล้วแต่ไม่ได้รับใบสลากฯ ตัวจริงมาไว้ในครอบครอง เมื่อถูกรางวัลอาจไม่สามารถนำสลากฯ มาขอรับเงินรางวัลได้ ส่วนกรณีของมังกรฟ้าที่ขายสลากฯ ออนไลน์นั้น ต้องไปตรวจสอบว่าผิดเงื่อนไขการเป็นตัวแทนขายสลากฯ ของสำนักงานสลากฯ และขายเกินราคาหรือไม่ หากผิดเงื่อนไขและจำหน่ายสลากฯ เกินราคาต้องไปแจ้งความดำเนินคดีต่อไป

ผอ.กองสลากฯ กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานสลากฯ ยังไม่ได้เปิดจำหน่ายสลากฯ ผ่านเครือข่าย “จีแอลโอ ออฟฟิเซียล เซลเลอร์ส” เพื่อขายสลากฯ ไม่เกินใบละ 80 บาทให้แก่ประชาชน เนื่องจากอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมของเครือข่ายที่เข้าร่วมนำร่องโครงการ ทั้งนี้ การขายสลากฯ ผ่าน “จีแอลโอ ออฟฟิเซียล เซลเลอร์ส” นั้นจะแตกต่างจากการขายผ่านออนไลน์ ผู้ซื้อสลากฯต้องมาซื้อสลากฯ ณ ร้านจำหน่ายสลากฯ หรือผู้ที่เข้าร่วมเครือข่าย เมื่อเลือกเลขที่จะซื้อแล้ว ต้องชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน เมื่อชำระเงินแล้วจะได้รับสลากฯ ตัวจริงไป ต่างจากการขายสลากฯ ออนไลน์ เพราะเป็นการสแกนสลากฯ ขายแล้วให้ผู้ซื้อโอนเงินไปให้สลากฯ ตัวจริงจะส่งตามไป หรือไม่ส่งขึ้นอยู่กับความไว้ใจและเชื่อใจกัน แต่ถ้าหากถูกรางวัลแล้วไม่สามารถขึ้นรางวัลได้ เพราะสลากฯไม่รับรองใบสลากฯ ที่สแกน แต่จะรับเฉพาะสลากฯ ใบจริงเท่านั้น

ด้านนายพชรล์ เมสสิยาห์พร กรรมการผู้จัดการ บริษัท มังกรฟ้า ลอตเตอรี่ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้มียี่ปั๊วรายใหญ่จำนวน 30 ราย และเป็นพ่อค้าแม่ค้าทั่วไปประมาณ 100 ราย ส่วนยอดที่จำหน่ายไปแล้ว 781,000 ใบ รอบขายงวดวันที่ 16 เม.ย. จะช้าเพราะคนส่วนใหญ่กลับบ้าน แต่ถ้าหากขายไม่หมดแล้วถูกรางวัลต่าง ๆ จะให้เจ้าของสลากฯ มารับกลับคืนไป เมื่อมีลูกค้าได้รับรางวัล บริษัทจะแจ้งไปยังลูกค้าว่าจะรับสลากฯ ไปขึ้นเงินเอง หรือจะรับเงินสด หากลูกค้าขอรับเป็นเงินสดบริษัทจะหัก 2 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่ได้รับรางวัล บางรายลูกค้าถูกรางวัลที่ 1 เดินทางมาขอรับเอง บริษัทจ้างคณะเชิดมังกรและสิงโตมาแสดงความยินดีด้วย

เมื่อถามว่า ลูกค้าเข้าไปเลือกซื้อสลากฯ ในแอปพลิเคชัน ปรากฏว่าราคาจำหน่ายสลากฯ 80 บาท แต่กลับมีค่าดำเนินการ 20 บาท รวมต้องจ่ายค่าสลากฯ 1 ใบ ในราคา 100 บาท นายพชรล์ตอบว่า ส่วนต่าง 20 บาทนั้นเป็นค่าดำเนินการที่พ่อค้าแม่ค้าเป็นคนตั้งขึ้นมาเอง หากไม่ต้องการที่จะซื้อสลากฯ สามารถกดออกได้ทันที

สำหรับวิธีการซื้อสลากในแอปพลิเคชัน “มังกรฟ้า” ผู้สื่อข่าวทดสอบเข้าไปเลือกซื้อสลากฯ พบว่าผู้ซื้อต้องเข้าระบบเลือกตัวแทน หรือพ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายสลากฯ หรือลูกค้าบางคนที่ไม่เคยเลือกซื้อมาก่อน อาจจะเลือกดูชื่อตัวแทนว่าถูกโฉลกกับคนไหน ก่อนจะเลือกซื้อตัวเลขตามที่ต้องการ มีช่องให้กรอกตัวเลขจำนวน 6 ช่อง หรือจะเลือกซื้อแบบ 3 ตัวหน้า 3 ตัวหลัง หรือ 2 ตัวท้าย รูปสลากฯ จะขึ้นโชว์ว่ามีแบบชุด 2 ใบ ชุด 3 ใบ ชุด 4 ใบ ถ้ามีตัวเลขตามที่ต้องการ สามารถกดซื้อลงตะกร้าได้เลย จะมีช่องแสดงว่าราคาสลากฯ 80 บาท ค่าดำเนินการ 20 บาท รวมราคา 100 บาท ก่อนทำการโอนเงินไปตามหมายเลขบัญชีของตัวแทนขาย ระบบจะบันทึกข้อมูลเข้าระบบ และมีข้อความ SMS แจ้งมาที่โทรศัพท์มือถือของลูกค้า เพื่อให้ตรวจสอบได้ตลอดเวลา และใช้เป็นหลักฐานขึ้นเงินรางวัลด้วย


ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/2069864

ยอดใช้มอเตอร์เวย์ใหม่โคราช สงกรานต์ 7 วันกระฉูด 1.43 แสนคัน

กรมทางหลวง รายงานยอดการใช้บริการทางหลวงทั่วประเทศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 ว่า ปริมาณจราจรขาเข้ากรุงเทพฯ ของวันที่ 15 เม.ย.2564 บนทางหลวงสายหลัก 10 สาย และทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) สาย M7 รวมทั้งหมด 861,993 คัน แบ่งเป็นมีปริมาณจราจรขาเข้ารวม 507,007 คัน ลดลง 17.2% เมื่อเทียบกับสงกรานต์ปี 2562 ขาออก 354,986 คัน ลดลง 9.7% เทียบกับสงกรานต์ปีก่อน

ทั้งนี้ บนมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา สายใหม่ที่เปิดให้บริการฟรีชั่วคราว ช่วงปากช่อง-สีคิ้ว ระยะทาง 35.75 กม. ซึ่งเป็นทางยกระดับบนถนนมิตรภาพ ช่วงผ่านเขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา โดยขาเข้ากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2564 มีปริมาณรถสะสมจำนวน 24,651 คัน โดยยอดสะสมตั้งแต่เปิดให้บริการวันที่ 9 - 15 เม.ย.2564 รวม 7 วัน มีทั้งหมด 143,345 คัน

เฟซบุ๊ก 'ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ Dr.Suvit Maesincee' ได้โพสต์ถึงสุนทรพจน์สุดแหลมคมและลึกซึ้งต่อชาวโลกเมื่อเร็ว ๆ นี้ จากมาดาม 'หัวชุนยิง' โฆษกหญิงประจำกระทรวงต่างประเทศของจีน ความว่า...

***ชาวต่างประเทศที่กินข้าวของจีน ห้ามทำจานข้าวของจีนแตก!

ถ้อยคำเหล่านี้ถือได้ว่ามีความหมายลึกซึ้งและกินความมาก...

1.) จีนจะไม่ยอมอดทนต่อชาวต่างชาติที่มาทำมาหากินอยู่ในจีนแต่ยังจ้องทำลายล้างจีน

2.) จีนจะไม่ยอมให้ชาวต่างชาตินำเรื่องการค้ามาใช้เป็นเรื่องการเมือง

3.) ไม่ต้องมาบอกจีนว่า ให้ทำอะไร หรือไม่ทำอะไร ดูแจ๊คหม่าเป็นตัวอย่าง

4.) จีนจะไม่ยอมให้ต่างชาติคนหนึ่งคนใด บริษัทใดๆ มหาเศรษฐีคนใด กองทุนที่ทรงอิทธิพล ฯลฯ ใด ๆ มากดดันจีน ไม่ว่าจะเป็นทางหนึ่งหรือทางใด!

นี่คือเรื่องที่ขอร้องไปยังโกลด์แมน แซ็กส์, ซิติแบงก์, เอชเอ็นบีซี, แอปเปิล, ซัมซุง, ร็อธชายด์ ฯลฯ และคนที่มีคุณสมบัติคล้ายโซรอส, วอร์เร็น บัฟเฟ่ต์ ฯลฯ ด้วย

***จีนจะไม่ยอมอ่อนข้ออย่างเด็ดขาดอีกต่อไปที่จะให้ใครก็ตาม มารุมย่ำยีบรรพบุรุษจีนให้แปดเปื้อนด้วยเรื่องฝิ่น และผู้ที่ต้องการให้จีนตกเป็นเมืองขึ้น รวมทั้งผู้ที่ต้องการทำลายล้างทุกชนชาติ

บุคคลหนึ่งบุคคลใด บริษัทใด ๆ สถาบันการเงินหรือสถาบันที่คล้ายคลึงกันกับ เอ็นจีโอ ซึ่งนิ่งเฉยเงียบกริบ ไม่ยอมเข้าใจคำพูดของมาดามหัว จะถูกโยน (ขับไล่) ออกจากจีน

***คนทั้งหลายซึ่งไม่เข้าใจวลี สุภาษิต หรือสำนวนของจีน ต้องเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของจีน

***เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทเอชและเอ็ม บริษัทข้ามชาติของสวีเดนถูกสั่งปิดกิจการและห้ามประกอบกิจการในจีน

***จีนขอบอกสหรัฐและประเทศตะวันตก ว่า

...พวกคุณมีระบบการเมืองเป็นของคุณเอง และเราก็มีระบบที่เป็นของเราเหมือนกัน

- การที่คุณต้องการให้ประเทศของคุณดำเนินไปตามระบบของคุณเอง นั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

- ในประเทศจีน เราก็มีกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เป็นของเราเอง เราจึงต้องการให้บรรดาเด็ก ๆ ของเรามีสัมมาคารวะ มีความประพฤติดี และเชื่อฟังคำสั่งสอน

นี่คือวัฒนธรรมของจีน และเมื่อพวกคุณมาอยู่ที่นี่แล้ว พวกคุณก็จะต้องยึดถือปฏิบัติตามนี้ ถ้าพวกคุณไม่สามารถปฏิบัติตามได้ พวกเราก็จะโยน (ขับไล่) พวกคุณออกไปจากจีน!


ที่มา: https://www.facebook.com/1385294465110613/posts/2135190660120986/

ชำเลือง ตรีเดชา แปลจาก Mdm.Hua's Speech

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่าวันนี้ต้องเอาเรื่องของความมั่นใจของประชาชนก่อนเพราะสำคัญที่สุด

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ชุดใหญ่ ถึงมาตรการด้านเศรษฐกิจที่จะนำเสนอในที่ประชุมศบค. วันนี้ ว่า วันนี้ต้องเอาเรื่องของความมั่นใจของประชาชนก่อนเพราะสำคัญที่สุด ต้องควบคุมการแพร่ระบาดโดยไม่ให้ประชาชนรู้สึกกังวล ตรงนี้เชื่อว่าดีขึ้นเพราะเราปรับตัวกันมาพอสมควรเมื่อเทียบกับตัวเลขผู้ติดเชื้อจากเคสที่ จ.สมุทรสาคร มีตัวเลขเยอะกว่าเวลานี้มากแต่สามารถดูแลและบริหารจัดการได้ในเวลาที่เหมาะสมไม่ลามไปที่อื่น

วันนี้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่บริหารจัดการได้และยังเชื่อมั่นใจกระทรวงสาธารณสุขร่วมทั้งศบค. ที่จะควบคุมการแพร่ระบาดหลังระบาดในรอบนี้ได้ ทั้งนี้อยากให้ประชาชนระมัดระวัง ส่วนผู้ติดเชื้อก็จะค่อย ๆ ทยอยหาย แม้จะมีผู้ติดเชื้อมากขึ้นแต่เรามีความตระหนักและกลัวที่จะติดคนรอบข้าง เมื่อไม่แน่ใจก็ไปตรวจเพื่อแสดงความรับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่ามาตรการของศบค. ที่จะออกมาในวันนี้จะถึงขั้นล็อกดาวน์หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นถึงต้องล็อกดาวน์ เพราะกรณีเคสที่ จ.สมุทรสาคร มีจำนวนผู้ติดเชื้อเยอะกว่านี้มาก แม้ลักษณะการแพร่ระบาดจะไม่เหมือนกัน แต่เมื่อเกิดขึ้นทุกคนมีความตระหนักรู้ มีความห่วงใยคนอื่นและเกิดความระวังมากขึ้น ส่วนที่ทางกระทรวงสาธารณสุข จะเสนอมาตรการควบคุมเข้มข้น ก็ให้รอฟังหลังประชุมเพราะอาจจะมีเข้มข้นบ้างในบางกลุ่มบางจุด ก็จะเน้นเป็นจุด ๆ ไป

เมื่อถามว่าการระบาดครั้งนี้จะกระทบกับแผนการเปิดประเทศหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ต้องประเมินสถานการณ์รายวัน เวลานี้เราไม่ได้หยุด ทุกคนยังทำงานเหมือนเดิม ยังปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อดึงดูดนักลงทุน ซึ่งในภาคเศรษฐกิจเขาต้องการความมั่นใจในการควบคุมการแพร่ระบาด ส่วนยอดของผู้ติดเชื้อเมื่อไปถึงจุดหนึ่งเขาจะประเมินและตัดสินใจเพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top