Tuesday, 14 January 2025
NEWS

แม้ทั่วโลกยังกังขา แต่ โรดรีโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ออกมาประกาศว่า การจัดซื้อวัคซีน Sinovac จากจีน มีความปลอดภัย ไร้กังวล และเชื่อถือได้

โรดรีโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ กล่าวระหว่างการปราศรัยต่อสาธารณชนเมื่อคืนวันพุธที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ว่า วัคซีนที่ผลิตโดยจีนนั้น มีคุณภาพดีเทียบเท่ากับที่ผลิตโดยบริษัทเภสัชภัณฑ์ของสหรัฐอเมริกาและยุโรป พร้อมเสริมว่า ชาวจีนผลิตวัคซีนได้ดีพออยู่แล้ว พวกเขาไม่ได้บ้องตื้นหากรู้อยู่แล้วว่า วัคซีนจะไม่ปลอดภัย หรือไม่น่าเชื่อถือ คงไม่เสี่ยงผลิตออกมา

แฮร์รี่ โรกค์ โฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เปิดแถลงการณ์ของดูดูแตร์เต ซึ่งระบุว่า ดูแตร์เตพึงพอใจในวัคซีนชนิดเชื้อตายของบริษัทซิโนแวค (Sinovac) และซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ของจีน

วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดเชื้อตายมีความปลอดภัย เนื่องจากเทคโนโลยีถูกใช้กันมานานหลาย 100 ปีแล้ว หากเป็นไปได้ “ผมจะเลือกบริษัทจากบริษัทจีนสองแห่งนี้ เพราะมันเป็นวัคซีนชนิดเนื้อตาย” เขาบรรยายสรุปผ่านทางออนไลน์ในวันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา

ด้านลูลู บราโว ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนและผู้อำนวยการบริหารของมูลนิธิวัคซีนแห่งฟิลิปปินส์กล่าวระหว่างการบรรยายสรุปออนไลน์เมื่อวันอังคารที่ 12 มกราคมที่ผ่านมาว่า ซิโนแวคใช้วิธีการดั้งเดิมในการพัฒนาวัคซีน โดยใช้อนุภาคของไวรัสที่ตายแล้วในการทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสัมผัสกับเชื้อ พร้อมเสริมว่า วัคซีนชนิดเนื้อตายเช่นวัคซีนของซิโนแวคนั้น มีความปลอดภัยกว่าวัคซีนชนิดอื่น ๆ อย่างมาก

“วัคซีนชนิดเนื้อตายได้รับการพิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่า และมีประวัติด้านความปลอดภัยที่ดีกว่าวัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิต” ลูลู บราโวกล่าว

เอ็นริเก โดมิโก้ หัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของฟิลิปปินส์เผยว่า ซิโนแวคกำลังยื่นขออนุญาตใช้งานวัคซีนโคโรนาในกรณีฉุกเฉินจากสำนักงาน พร้อมเสริมว่า กำลังอยู่ระหว่างการประเมินล่วงหน้า

ทั้งนี้ฟิลิปปินส์ได้จัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 25 ล้านโดส โดยที่พัฒนาโดยซิโนแวคไบโอเทค ของจีน โดยคาดว่าจะได้รับวัคซีน 50,000 โดสแรกในเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนวัคซีนที่เหลือจะจัดส่งเป็นงวด ๆ ตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงธันวาคม

คาร์ลิโต กัลเวซ เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการจัดซื้อวัคซีนกล่าวว่า วัคซีนของซิโนแวค 5 หมื่นโดสแรก จะถูกนำไปฉีดให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและประชาชนกลุ่มสำคัญอื่น ๆ ในมหานครมะนิลา ที่เป็นศูนย์กลางการระบาดใหญ่ของประเทศ

ขณะเดียวกันฟิลิปปินส์กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนอย่างน้อย 7 ราย เพื่อจัดซื้อวัคซีนอีกจำนวน 148 ล้าน โดส โดยตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้กับประชากร 50 ถึง 70 ล้านคนหรือมากกว่าร้อยละ 60 ของประชากรทั้งหมดในปีนี้เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่

ปัจจุบันฟิลิปปินส์มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 รวมอยู่ที่ 492,700 รายซึ่งรวมผู้เสียชีวิต 9,699 ราย


ที่มา : https://www.xinhuathai.com/high/168781_20210114

ประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย ‘สุดารัตน์ เกยุราพันธ์’ โพสต์เฟซบุ๊กโต้โลกโซเซี่ยล ยันไม่คิดร่วมตั้ง ‘พรรคทหาร’ ย้ำไม่มีวันก้มหัวให้เผด็จการ และเป็นบันไดสืบทอดอำนาจอย่างเด็ดขาด

ประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย ‘สุดารัตน์ เกยุราพันธ์’ โพสต์เฟซบุ๊กโต้โลกโซเซี่ยล ยันไม่คิดร่วมตั้ง ‘พรรคทหาร’ ย้ำไม่มีวันก้มหัวให้เผด็จการ และเป็นบันไดสืบทอดอำนาจอย่างเด็ดขาด

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย อดีตแกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ยืนยัน ไม่ได้ไปร่วมตั้งพรรคทหารตามที่มีโซเชี่ยลเผยแพร่ข้อมูล ว่า “ตามที่มีความพยายามในการปล่อยข่าวโดยผู้ไม่ปรารถนาดีว่า ดิฉันจะไปร่วมตั้งพรรคกับทหาร

ขอเรียนยืนยันว่า จากพฤษภาทมิฬ 35 ผ่านมาถึงวันนี้ 29 ปี ตลอดชีวิตทางการเมือง ดิฉันยืนตรงข้ามเผด็จการมาโดยตลอด

ดิฉันยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

"ไม่มีวันก้มหัวให้เผด็จการ และไม่มีวันที่จะยอมเป็นบันไดให้เผด็จการเหยียบยืนขึ้นไปเพื่อสืบอำนาจอย่างเด็ดขาด"

ใครที่ปล่อยข่าวว่าดิฉันจะร่วมมือกับเผด็จการ หันมาร่วมมือกัน #ขับไล่เผด็จการฯ ดีกว่ามั๊ยคะ? “

สีจิ้นผิง ผู้นำจีน ออกโรงสนับสนุนแบรนด์กาแฟ Starbuck พร้อมผลักดันธุรกิจการค้ากับบริษัทสัญชาติอเมริกัน เพื่อก้าวสู่ระบบสังคมที่มีความทันสมัย

สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีนสนับสนุนให้ ฮาวเวิร์ด ชูลท์ซ (Howard Schultz) ประธานกิตติคุณของ Starbucks คอร์ปอเรชั่นและบริษัทรักษาบทบาทเชิงบวกในการผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าและความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างจีน – สหรัฐต่อไป

ในจดหมายที่สี่จิงผิงเขียนตอบกลับชุดเมื่อวันที่ 6 มกราคม สีเน้นย้ำว่าการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้นำพาชาวจีน 1.4 พันล้านคนฝ่าฟันความทุกข์ยากต่าง ๆ มาอย่างยาวนานเพื่อสร้างสังคมมั่งคั่งระดับปานกลางในทุกด้าน และสร้างระบบสังคมนิยมที่มีความทันสมัย

ประธานาธิบดีจีนได้ย้ำว่า การเดินทางครั้งใหม่ของจีนสู่การสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่อย่างเต็มรูปแบบ จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้แก่องค์การต่าง ๆ ทั่วโลกในการเติบโตในจีน ซึ่งรวมถึง Starbucks และบริษัทสัญชาติอเมริกันอื่น ๆ

สีหวังว่า Starbucks จะมุ่งมั่นส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน – สหรัฐ ตลอดจนความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ โดยก่อนหน้านี้จดหมายของชูลท์ซที่ส่งถึงสีจิ้นผิงและแสดงความยินดีต่อประเทศจีนที่กำลังประสบความสำเร็จในการสร้างสังคมมั่งคั่งระดับปานกลางในทุกด้านภายใต้การนำของสีจิ้นผิงพร้อมแสดงตัวว่า ตนให้ความเคารพประชาชนจีนและวัฒนธรรมจีน


ที่มา : https://www.xinhuathai.com/china/168736_20210114

สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซียเปิดเผยว่าประชาชนผู้ตื่นตระหนกพากันหลบหนีไปยังพื้นที่ปลอดภัย หลังอาคารหลายหลังได้รับความเสียหาย และพังถล่มลงมาบางส่วน จากแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 6.2 ที่สั่นสะเทือนเกาะสุลาเวสีของอินโดนีเซียในวันศุกร์ (15 ม.ค.)

เบื้องต้น ราดิตยา จาตี โฆษกสำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า "มีผูู้เสียชีวิต 3 รายและบาดเจ็บ 24 คน" ก่อนต่อมาจะปรับเพิ่มยอดผู้เสียชีวิตเป็นอย่างน้อย 7 คน โดยผู้เสียชีวิต 4 คนและผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 637 คนอยู่เมืองมาเจเน ส่วนที่เมืองมามูจู ที่อยู่ติดกัน พบผู้เสียชีวิต 3 คนและได้รับบาดเจ็บหลายสิบคน

หน่วยงานกู้ภัยและช่วยเหลือของอินโดนีเซียแห่งนี้ เปิดเผยว่าพวกชาวบ้านหลายพันคนต้องหลบหนีออกจากที่พักอาศัยเพื่อความปลอดภัย หลังเกิดแผ่นดินไหวตอนประมาณ 1.00 น.ของเช้ามืดวันศุกร์ (15 ม.ค.) ก่อความเสียหายแก่บ้านเรือนอย่างน้อย 60 แห่งและอาคารขนาดใหญ่หลายหลัง ในนั้นโรงแรมอย่างน้อย 1 แห่งพังถล่มลงมา

แผ่นดินไหวสามารถสัมผัสได้อย่างรุนแรงเป็นเวลาราวๆ 7 วินาที แต่ไม่ก่อให้เกิดสึนามิแต่อย่างใด

ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองมามูจู เมืองเอกของจังหวัดสุลาเวสีตะวันตก ไปทางใต้ราว 36 กิโลเมตร และลึกลงไปใต้ดิน 18 กิโลเมตร ตามข้อมูลของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ

ทั้งนี้รายงานจากเมืองมามาจู เผยว่า อาคารบางแห่งได้รับความเสียหายเลวร้าย ในนั้นรวมถึงโรงแรม 2 แห่ง สำนักงานผู้ว่าการและหอประชุมแห่งหนึ่ง และถนนที่มุ่งหน้าสู่เมืองมามาจู อย่างน้อย 1 เส้นทาง ถูกตัดขาด

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากเพิ่งเกิดแผ่นดินไหวระดับ 5.9 ในวันพฤหัสบดี (14 ม.ค.) ในพื้นที่เดียวกันนี้ ก่อความเสียหายแก่อาคารและบ้านเรือนหลายหลัง

สำนงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซียบอกว่าแผ่นดินไหวหลายระลอกในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ก่อดินถล่มอย่างน้อยๆ 3 จุดและกระแสไฟถูกตัดขาดในหลายพื้นที่

อินโดนีเซียต้องเผชิญภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งแผ่นดินไหวและภูเขาไฟบ่อยครั้ง เนื่องจากตั้งยู่บนวงแหวนไฟแปซิฟิก บริเวณที่ขอบของแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่ชนกัน

เมื่อปี 2018 เกิดแผ่นดินไหว 7.5 ตามด้วยสึกนามิ ซัดถล่มเมืองปาลู บนเกาะสุลาเวสี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายมากกว่า 4,300 คน

โศกนาฏกรรมเลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นในวันที่ 26 ธันวาคม 2004 แผ่นดินไหวระดับ 9.1 สั่นสะเทือนนอกชายฝั่งเกาะสุมาตรา โหมกระพือสึนามิขนาดยักษ์ซัดถล่มทั่วภูมิภาค คร่าชีวิตผู้คน 220,000 ราย ในนั้น 170,000 ราย เสียชีวิตในอินโดนีเซีย


ที่มา : เอเอฟพี/รอยเตอร์

ซากุระล่มสลาย!! ญี่ปุ่น เจอพิษโควิด-19 ถล่มหนัก ประกาศปิดประเทศ 100% ไม่เปิดรับต่างชาติทุกกรณีแล้ว!

ช่วงฤดูกาลเช่นนี้ และอากาศแบบนี้ หากนับก่อนช่วงโควิด-19 ระบาด คนไทยมักจะฝันถึงแผนการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นกันเป็นจำนวนมาก โดยจากสถิติขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (เจเอ็นทีโอ) รายงานว่ามีคนไทยเดินทางไปญี่ปุ่นเดือนเมษายนมากที่สุดถึง 1.48 แสนคน

ทว่าฝันนี้คงล่าช้าไปอีกยาวนาน หลังล่าสุด นายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ สุงะ ของญี่ปุ่นประกาศปิดประเทศ ห้ามชาวต่างชาติที่ไม่ได้มีถิ่นพำนักในญี่ปุ่นทุกคนเดินทางเข้าประเทศ ไม่เว้นแม้แต่นักธุรกิจหรือนักเรียนจากไต้หวันและประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศรวมทั้งไทย ที่ได้รับการยกเว้นก่อนหน้านี้

สำหรับมาตรการนี้จะบังคับใช้จนถึงวันที่ 7 ก.พ.นี้ ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดของประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียวและพื้นที่อื่นๆ ที่พบ Covid-19 ระบาดหนัก

ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ‘โจ ไบเดน’ ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการรับมือวิกฤตด้านสาธารณสุข วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ หวังช่วยครัวเรือน-ภาคธุรกิจรับมือโควิด-19

นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชื่อว่า ‘American Rescue Plan’ ในวันพฤหัสบดี (14 ม.ค.) ตามเวลาสหรัฐ ในระหว่างการประชุมร่วมกับทีมเศรษฐกิจที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ โดยมาตรการดังกล่าวมีวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจให้สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

โดยมาตรการดังกล่าวประกอบไปด้วย:

• ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากระดับ 7.25 ดอลลาร์/ชั่วโมงในปัจจุบัน สู่ระดับ 15 ดอลลาร์

• เพิ่มวงเงินในการส่งเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันเป็นคนละ 2,000 ดอลลาร์ จากเดิมที่ได้คนละ 600 ดอลลาร์

• เพิ่มวงเงินช่วยเหลือคนตกงานเป็น 400 ดอลลาร์/สัปดาห์ และให้ขยายโครงการช่วยเหลือไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย.

• ให้เงินช่วยเหลือรัฐต่างๆ และรัฐบาลท้องถิ่น จำนวน 3.50 แสนล้านดอลลาร์

• ให้เงินช่วยเหลือโรงเรียนและสถาบันการศึกษา จำนวน 1.70 แสนล้านดอลลาร์

• ให้เงินสนับสนุนการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 5 หมื่นล้านดอลลาร์

• ให้เงินช่วยเหลือในโครงการวัคซีนแห่งชาติภายใต้ความร่วมมือกับรัฐและองค์กรต่างๆ วงเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์

นายไบเดนกล่าวว่า "การผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจถือเป็นภารกิจที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรกหลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี"

ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะได้รับการอนุมัติในสภาผู้แทนราษฎร แต่นายไบเดนอาจต้องใช้ความพยายามในการผลักดันให้ผ่านการรับรองในวุฒิสภา เนื่องจากขณะนี้พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมีคะแนนเสียงเท่ากันที่ 50 - 50 และการผ่านมาตรการดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนอย่างต่ำ 60 เสียง ทำให้นายไบเดนจำเป็นต้องพึ่งพาสมาชิกพรรครีพับลิกันอย่างน้อย 10 เสียงในการผ่านมาตรการดังกล่าว

มาเลย์เตรียมยื่นจดลิขสิทธิ์เมนู ‘เสือร้องไห้’ แต่ถูกคัดค้านเพราะหลายฝ่ายรู้ว่ามาจากอาหารไทย

เมื่อไม่นานมานี้ มีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศมาเลเซีย ได้ทำการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “เสือร้องไห้” (ฮารีมาอู เมอนางิส) โดยอ้างเป็นมรดกทางภูมิปัญญา และกระทรวงวัฒนธรรมของชาวมาเลย์ รวมถึงชาวมาเลย์ไม่เห็นด้วย เพราะรู้ว่าเมนูนี้มีต้นกำเนิดในไทยมากกว่า

ล่าสุดจึงมีการชะลอรับรองคำขอจดทะเบียนเป็นที่เรียบร้อย ด้วยสาเหตุเป็นเรื่องละเอียดอ่อน


Cr. FB Ball Sathapat

@Cake_journey

รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เคาะจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คนละ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 300 บาท เพื่อใช้ในการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว พร้อมบังคับซื้อประกันภัยรองรับกรณีเจ็บป่วย-อุบัติเหตุ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการจัดเก็บและการบริหารจัดการค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวที่เรียกเก็บจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คนละ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 300 บาท

เพื่อใช้จ่ายในการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในระหว่างท่องเที่ยวภายในประเทศ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุต่างๆ ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะนำเรื่องนี้ประกาศลงในราชกิจกานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

“กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะมีการประกาศใช้โดยกำหนดค่าธรรมเนียม และเงื่อนไขต่างๆ โดยจากนี้จะประสานทำตามขั้นตอนให้เสร็จในขณะที่ตอนนี้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพราะถ้าใช้ตอนที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาคงจะยุ่ง ซึ่งข้อดีของการจัดทำเรื่องนี้ จะสามารถดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติในกรณีที่เขาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้

ส่วนวงเงินที่จัดเก็บมาแล้ว ส่วนหนึ่งจะนำเงินไปซื้อประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อดูแลเขา ซึ่งเงินที่จะเอาไปซื้อประกันนั้นอาจจัดเก็บที่ประมาณ 34 บาท โดยจากนี้จะไปหารือกับกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อีกครั้ง”

สำหรับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมครั้งนี้ ถือว่าเป็นไปตาม พ.ร.บ. นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2562 ซึ่งกำหนดให้มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยนำมาสมทบในกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้จ่ายในการบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว รวมถึงการซื้อประกันภัยแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติระหว่างท่องเที่ยวภายในประเทศไทย โดยจะจัดเก็บรูปแบบออนไลน์

เบื้องต้นในปี 64 นี้ หากเริ่มต้นเก็บคนละ 300 บาท ตามประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย 10 ล้านคน จะทำให้กองทุนมีเงินถึง 3,000 ล้านบาท

“ธนกร”ป้อง”บิ๊กตู่” ย้อน”เสรีพิศุทธ์”สมัยรับราชการก็มีบ่อน แต่จัดการได้เด็ดขาดสักครึ่งที่นายกฯ กำลังทำหรือไม่ ยันรัฐบาลจัดการเด็ดขาดแน่ ไม่เว้นแม้มีจนท.เกี่ยวข้อง แจงข้อเสนอ”กรณ์”ทำบ่อนถูกกฎหมายเพื่อเก็บภาษีเข้ารัฐ ต้องรับฟังทุกฝ่าย

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักรัฐมนตรี กล่าวถึงพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย โพสต์เฟซบุ๊กไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกจากตำแหน่ง

เพราะปราบบ่อนกระจอกยังไม่ได้ ว่าหลายคนที่นำคำพูดของนายกฯไปบิดเบือน ที่นายกฯบอกว่าไม่มีใครทำได้สำเร็จเพียงคนเดียว ต่อให้ 100 นายกฯ ก็ทำไม่ได้ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกัน ไม่ว่าใครเก่งกาจสามารถแค่ไหนก็ทำไม่ได้ แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่มีใครที่จะทำได้สำเร็จด้วยตัวเองเพียงคนเดียว ถ้าทุกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือ หากจะให้สำเร็จทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน เช่นเดียวกับการทำงานให้กับประเทศ ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน ประเทศจึงจะเดินหน้าไปได้ บ่อนการพนันก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าปราบไม่ได้ แต่ทุกคนต้องให้ความร่วมมือด้วย เพื่อให้สิ่งเหล่านี้หมดไปอย่างแท้จริง

และอยากจะย้อนความจำว่าในสมัยที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังรับราชการอยู่ก็มีบ่อนผิดกฎหมายให้ตำรวจไล่จับกันมาตลอด เมื่อจับเสร็จสักพักคนก็แอบไปเล่นกันอีก ก็เป็นแบบนี้เช่นกันไม่ใช่หรือ อย่าทำเหมือนความจำสั้น เรื่องบ่อนนายกฯ กำชับสั่งการอย่างเด็ดขาดแล้วว่า หากมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องก็ต้องลงโทษเด็ดขาด มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดด้วย ถามว่าก่อนที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะตำหนิหรือออกมาไล่นายกฯควรย้อนไปดูผลงานตัวเองในอดีตด้วยว่า เคยทำได้สำเร็จหรือกล้าลงโทษเด็ดขาดได้สักครึ่งหนึ่งอย่างที่นายกฯ ทำหรือไม่ ไม่ใช่พ่นน้ำลายไปวันๆ

นายธนกร กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เสนอให้รัฐบาลเปิดบ่อนถูกต้องตามกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาบ่อนเถื่อน แล้วนำภาษีมาเข้ารัฐนั้น การเสนอให้มีบ่อนถูกต้องตามกฎหมายมีการพูดคุยกันมาในทุกยุคทุกสมัย ทุกรัฐบาล มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

คนที่เห็นด้วยบอกว่าหากมีบ่อนถูกกฎหมายจะสามารถเก็บภาษีเพื่อนำเงินมาพัฒนาประเทศได้จำนวนมาก แก้ปัญหาส่วยต่างๆ ได้ ที่สำคัญ บ่อนกาสิโนแต่ละประเทศป้องกันไม่ให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าไปเล่น ไม่ใช่ว่าประชาชนทั่วไปจะเข้าไปเล่นได้ และทุกประเทศรอบๆ เมืองไทยมีบ่อนถูกต้องตามกฎหมายกันหมดแล้ว มีคนไทยเดินทางไปเล่นจำนวนมาก เงินไหลออกนอกประเทศ จึงสมควรที่จะทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ขณะที่คนที่ไม่เห็นด้วยก็บอกว่า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ผิดศีลธรรม ไม่ควรมี อาจจะก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมมากมาย ก็ต้องฟังเสียงทุกฝ่าย ทุกอย่างอยู่ที่สังคมว่าจะเอาอย่างไร ทุกปัญหา ทุกข้อเสนอแนะ รัฐบาลพร้อมรับฟัง วันนี้พล.อ.ประยุทธ์แก้ปัญหาให้กับประเทศสำเร็จมาแล้วหลายเรื่อง ส่วนบางเรื่องอาจจะต้องใช้เวลาบ้าง จึงจะเห็นผลที่เป็นรูปธรรม ดังนั้นขอให้มองด้วยใจที่เป็นธรรมและขอให้มั่นใจว่าพล.อ.ประยุทธ์จะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างแน่นอน

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ชี้ พิษโควิด ส่งผลกระทบตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 64 จะติดลบถึง 10% ขณะที่คาดการณ์ระดับแย่สุด ภาพรวมตลาดอาจลดลงถึง 20% ต่ำสุดในรอบ 5 ปี ใกล้เคียงกับช่วงเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผย ถึงทิศทางการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปี 2564 ภายหลังจากเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ว่า หากไวรัสโควิดยังแพร่ระบาดยืดเยื้อ จะส่งผลถึงการเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ในปีนี้ลดลงถึง 10,000 หน่วย เหลือเพียง 79,000 หน่วย ซึ่งต่ำกว่าเดิมที่คาดว่าทั้งจะมีที่อยู่อาศัยเปิดตัว 89,000 หน่วย

“มีความเป็นไปได้ว่าปี 64 จะติดลบถึง 10% ซึ่งเป็นจุดที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะปีนี้กำลังซื้อที่อั้นอยู่อาจมีไม่มากเหมือนปีที่แล้ว เนื่องจากผู้บริโภคได้รับผลกระทบในแง่ของรายได้ต่อเนื่องมานาน ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ได้รับผลกระทบรุนแรง”

ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ได้ประเมินผลผ่านการจำลองหลายสถานการณ์ เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นถึงภาพรวมแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระดับดีที่สุด คือ ตลาดจะโต 5-10% ระดับกลาง ตลาดทรงตัวบวกลบไม่เกิน 0.5 % และระดับแย่ที่สุด ติดลบ 10 % เท่ากับปี 2563 เท่ากับภาพรวมตลาดทั่วประเทศลดลงถึง 20% ซึ่งรุนแรงพอควร เพราะต่ำสุดในรอบ 5 ปี ใกล้เคียงกับช่วงเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554

ไมค์ ภาณุพงศ์ แกนนำม็อบคณะราษฎร ปลุกสาวกสามนิ้ว แบน ‘ดอยคำ’ โครงการหลวง ตัดทางทำมาหากินของชาวดอยผู้ด้อยโอกาส

จากกรณีที่พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือพิมรี่พาย แม่ค้าออนไลน์และยูทูปเบอร์ชื่อดัง ได้เดินทางไปที่ หมู่บ้านแม่เกิบ ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านและเด็กๆ ซึ่ง พิมรี่พาย ก็ได้ทุ่มเงินของตัวเองกว่า 5 แสนบาท ในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และซื้ออุปกรณ์อื่นๆ เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่ด้อยโอกาสนั้น

ต่อมาก็ได้เกิดประเด็นร้อนแรง โดยมีสาวกปลดแอก ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีของพิมรี่พาย และขยายผลเชื่อมโยงไปโจมตีสถาบัน โดยเฉพาะโครงการหลวงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีพระราชดำริตั้งโครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวเขา ที่อยู่ในถิ่นทุรกันการให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้หาเลี้ยงตัวเองได้

ล่าสุด นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง แกนนำกลุ่มคณะราษฎร กลายเป็นอีกคนที่ออกมาโพสต์โจมตีเกี่ยวกับโครงการหลวง โดยได้โพสต์ข้อความถึงโครงการหลวงโครงการหนึ่งอย่าง ‘ดอยคำ’ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าที่แปรรูปผ่านโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูป หนึ่งในโครงการตามพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 โดยระบุข้อความว่า

“ผลิตภัณฑ์ #ดอยคำ

ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ‘ดอยคำ’ มาจากการพัฒนาของ ‘มูลนิธิโครงการหลวง’ ที่ #ได้งบประมาณจากรัฐปีละหกร้อยกว่าล้านบาท สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ โดยหนึ่งในกิจกรรมที่ใช้งบประมาณที่ว่านี้ คือการแปรรูปและพัฒนาสินค้าเกษตร ก่อนจะถูกนำไปผลิตและจำหน่ายโดย ‘#บริษัทดอยคําผลิตภัณฑ์อาหาร จํากัด’ ภายใต้แบรนด์ ‘ดอยคำ’

ที่หลายคนอาจจะเข้าใจว่า “#บริษัทดอยคำฯ” เป็นของมูลนิธิโครงการหลวง แต่ข้อเท็จจริงคือมูลนิธิฯ ถือหุ้นเพียง 2.94% ส่วนที่เหลืออีก 97.06% นั้นถือหุ้นโดยสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ อันนี้ว่าตามข้อมูลปี 2560 เพราะปัจจุบันหุ้นในส่วนนี้ #ถือตรงโดยพระนามของในหลวง ร.10 ของเรา

งบประมาณจากเงินภาษี -> อุดหนุนมูลนิธิโครงการหลวง -> ม.โครงการหลวงใช้งบประมาณรัฐพัฒนาผลิตภัณฑ์ (ปั้นโปรดักส์) ก่อนจะให้ บจก.ดอยคำ ซึ่งมีฐานะเป็น ‘บริษัทเอกชน’ (และถือหุ้นใหญ่โดยในหลวง ร.10) ผลิตและจำหน่าย”

สำหรับ ดอยคำ ก่อตั้งขึ้นจากแนวพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีพระราชประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของราษฎรบนพื้นที่สูงทางภาคเหนือของไทย ทรงก่อตั้งโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปขึ้นในพื้นที่การเกษตร เมื่อปี พ.ศ.2515 ดำเนินการส่งเสริม รับซื้อ พัฒนา และแปรรูปผลผลิต เพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ส่งเสริมสุขภาพที่มีคุณภาพ ในราคาเป็นธรรม โดยเริ่มต้นเพียง 10 รายการ ใน 2 กลุ่มสินค้า ต่อมาในปี พ.ศ.2537 ได้จัดตั้งองค์กรเป็นนิติบุคคลภายใต้ชื่อ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม ตามศาสตร์พระราชา พัฒนาสร้างสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพจากชุมชนและผลผลิตของเกษตรกรไทย ส่งเสริม รับซื้อ พัฒนา และแปรรูปผลผลิต พร้อมสนับสนุนและส่งเสริมเกษตรปลอดภัย พลังงานทดแทน เพื่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการมุ่งพัฒนาชุมชน ให้เกิดความเข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตที่ดี อย่างยั่งยืน จวบจนปัจจุบัน


ที่มา: The Truth

ทีม “ก้าวไกล-ก้าวหน้า-ส้มจี๊ด” ระดมกำลังแจกถุงยังชีพ เยียวยาน้ำท่วมใต้ - ชี้ น้ำท่วมครั้งนี้ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ แต่เกิดจากความล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำ - เตรียมทำหนังสือผ่าน “ลุงชวน” ถึงความรับผิดชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เดินทางลงพื้นที่เพื่อรับฟังความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม 3 จังหวัดชายแดนใต้ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เกิดเหตุอุทกภัยน้ำท่วมฉับพลันจากเขื่องบางลาง นอกจากนี้นายประเสริฐพงษ์ เป็นยังผู้ประสานทั้ง 3 หน่วยงาน คือ พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า และบริษัทส้มจี๊ดเอ็นเตอร์ไพรส์ ในการช่วยเหลือผู้สบภัยโดยการแจกถุงยังชีพ ช่วยเหลือเยียวยาให้กับประชาชนผ่านพ้นวิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้ไปให้ได้

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันทั้งสิ้น 4 จังหวัด คือ สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส รวม 32 อำเภอ 193 ตำบล 1,047 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 70,000 ครัวเรือน ซึ่งวันนี้ตนอยู่ในพื้นที่ ต.ปะกาฮะรัง จ.ปัตตานี แม้ระดับน้ำจะลดลงแต่ยังคงต้องใช้เรือในการสัญจรและเข้าไปช่วยเหลือประชาชน ซึ่งประชาชนยังคงอยู่ในพื้นที่สูงอย่างเช่นบนสะพาน ส่วนความเสียหายของชาวบ้านคือกระชังปลา และวัวที่ล้มตายจากเหตุน้ำท่วม ส่วนวานนี้ตนได้ลงพื้นที่ ต.ยุโป อ.เมือง ยะลา โดยมีผู้นำชุมชนเป็นผู้ประสานในการแจกถุงยังชีพ จากสิ่งที่ตนเห็นนั้นสังเกตได้ว่า ประชาชนที่อาศัยเป็นบ้านชั้นเดียวนั้นขนย้ายสิ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ทัน ส่วนคนที่อยู่บ้านสองชั้นขนย้ายสิ่งของทันเป็นบางส่วน

“การลงพื้นที่ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในครั้งนี้เป็นการร่วมมือกันของ 3 หน่วยงาน คือ พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า และบริษัทส้มจี๊ดเอ็นเตอร์ไพรส์ โดยเป็นการเข้าไปรับฟังปัญหาและแจกถุงยังชีพ ซึ่งประกอบด้วย ชุดข้าวสารอาหารแห้ง และนมแพะ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ส่งเสริมเศรษฐกิจระดับรากหญ้าของบริษัทส้มจี๊ด และจากการรับฟังปัญหามานั้น ชาวบ้านได้ตั้งคำถามกับเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ เนื่องจากน้ำท่วมครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากภัยธรรมชาติ แต่เกิดจากการบริหารจัดการน้ำผิดพลาดจากเขื่อนบางลาง ซึ่งปัญหาทั้งหมดผมจะนำเข้าสู่การประชุมสภาในวาระต่อไป”

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์น้ำท่วมลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วก็เกิดเหตุการน้ำท่วมในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น น้ำท่วมในครั้งนี้คือความล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนบางลาง ตนเชื่อว่าในเมื่อเรามีเทคโนโลยีที่ดีที่ทันสมัย เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมในลักษณะแบบนี้ได้ ทั้งนี้ตนจะใช้ช่องทางการประชุมสภาในช่วงปรึกษาหารือในวาระต่อไป ผ่านท่านประธานสภาให้ทำหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้บริหารเขื่อนบางลางที่อยู่ในการดูแลของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แสดงความรับผิดชอบ และให้ความชัดเจน เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ยังคงมีความกังวล ว่าเขื่อนบางลางจะปล่อยน้ำเป็นระลอกที่ 2 หรือไม่ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ยังไม่กล้าขนย้ายสิ่งของกลับเข้าบ้านของตนเอง

ทั้งนี้ หากสถานการณ์ดีขึ้น ระดับน้ำลดลง เครือข่ายของคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลจะระดมกำลังเข้ามาช่วยเหลือประชาชน ในการซ่อมแซม เยียวยาและฟื้นฟูบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) บุกทลายเครือข่ายคนจีน ปล่อยเงินกู้ผ่านแอปพลิเคชัน คิดดอกเบี้ยสุดโหด ส่วนวิธีการทวงหนี้ ใช้ข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของลูกหนี้ พร้อมข่มขู่ประจานหากไม่จ่าย

ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ติดตามสถานการณ์ความเดือดร้อนและผลกระทบของประชาชนจากการกู้ยืมเงินผ่านแอปพลิเคชันที่มีมากกว่า 30 แอปพลิเคชัน จนล่าสุดได้มีการแจ้งผ่านแอปพลิเคชันของ DSI " รู้ทัน- Rootan" ให้ข้อมูลเบาะแสรูปแบบการให้กู้ยืมผ่านแอปพลิเคชันโดยหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ คิดค่าธรรมเนียม เพื่ออำพรางการคิดดอกเบี้ยในอัตราที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด (คำนวณแล้วสูงถึงร้อยละ 750 - 2,500 ต่อปี) และมีการติดตามทวงถามหนี้โดยเข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของลูกหนี้ พร้อมข่มขู่ประจาน ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ความสงบเรียบร้อยและเกิดความเสียหายแก่ประชาชนเป็นวงกว้าง

พันตำรวจโท วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ศูนย์สืบสวนไซเบอร์ และศูนย์สืบสวนสะกดรอย และการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำกำลังเข้าตรวจค้นสถานประกอบการในกรุงเทพฯ จำนวน 2 แห่ง พร้อมยึดของกลางอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หลายรายการ และจับกุมนายปิน หลิว (BIN LUY) อายุ 35 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันเป็นอั้งยี่ ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และร่วมกันให้กู้ยืมเงินหรืออำพรางการกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด

พบว่า เป้าหมายที่เข้าตรวจค้น มีความเกี่ยวข้องกับการโฆษณาให้ประชาชนเข้าไปลงข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ โดยให้กรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคลและอนุญาตให้แอปพลิเคชันนั้นเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวผ่านทาง Facebook LINE โทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่หมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง รูปแบบการให้กู้ยืมเงินผ่านแอปต่าง ๆ ผู้กู้จะไม่ได้รับเงินเต็มจำนวน โดยแอปพลิเคชันเงินกู้ดังกล่าวจะมีการหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เช่น กู้ยืมเงิน 4,000 บาท ผู้กู้จะได้รับเงินเพียง 2,600 บาท

โดยเงิน 4,000 บาท จะต้องชำระคืนพร้อมดอกเบี้ยภายใน 14 วัน หากลูกหนี้ไม่ชำระคืนจะมีค่าปรับตามจำนวนอัตราที่แอปพลิเคชันนั้นกำหนดไว้ เช่น กู้เงิน 4,000 บาท หากส่งคืนล่าช้า จะมีค่าปรับวันละ 400 – 600 บาท และจะมีการทวงถามไปยังบุคคลใกล้ชิดของผู้กู้ ตามที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดโทรศัพท์ที่แอปพลิเคชันนั้นได้ข้อมูลไป มีการเอารูปภาพไปประจาน นอกจากนี้ ยังมีการข่มขู่คุกคามผู้กู้และคนใกล้ชิด ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง บางรายถึงขั้นถูกไล่ออกจากงาน

พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า จากการสืบสวนพบว่า มีคนต่างด้าวเข้ามาเกี่ยวข้องและเป็นนายทุนอยู่เบื้องหลัง มีการสร้างแอปพลิเคชันโดยจะตั้งชื่อเลียนบริษัทที่มีชื่อเสียง True Cash, Cash 2 you เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เมื่อเจ้าหน้าที่เริ่มกวดขันมากขึ้น ก็จะเปลี่ยนชื่อและกระทำในลักษณะเดียวกันมากกว่า 30 แอปพลิเคชัน เช่น มีเหรียญ ให้กู้เถอะ ยืมเงินด่วน กู้ง่าย Cash 24 h Big Money Cash Loan เป็นต้น

ตรวจสอบเบื้องต้นตั้งแต่ปลายปี 2562 พบบัญชีผู้เกี่ยวข้อง 15 บัญชี มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 1,500 ล้านบาท และในวันเดียวกัน (13 มกราคม 2564) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้อายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องกว่า 157 บัญชี เพื่อขยายผลให้ถึงเครือข่ายและตัวการใหญ่ต่อไป

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวต่อว่า ในการตรวจค้นจับกุมช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโรค โควิด - 19 นั้น ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ปฏิบัติตามมาตรฐาน Universal Precautions (UP) ตามแนวทางที่ได้ร่วมหารือกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และขอขอบคุณอธิบดีกรมควบคุมโรคที่ให้คำแนะนำและมอบหมายเจ้าหน้าที่มาร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย

โดยขอเตือนให้ประชาชนระวังอย่าเปิดบัญชีเงินฝากให้กับมิจฉาชีพเพราะอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และหากท่านพบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งเบาะแสได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน รู้ทัน : Rootan ของศูนย์สืบสวนไซเบอร์ กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)

รัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอตั้งกองทุนการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศไทย และดูแลหากประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยในประเทศไทย ชงมาตรการจ่ายคนละครึ่งช่วยแรงงานภาคท่องเที่ยว 4 แสนคน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติครั้งที่ 1/2564 ถึงมาตรการการช่วยเหลือการท่องเที่ยวในช่วงสถานการณ์โควิด -19 ว่า ในการประชุมวันนี้เป็นเรื่องนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติและเรื่องกองทุนการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศไทย และดูแลหากประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยในประเทศไทย คล้ายกับภาษีซาโยนาระของประเทศญี่ปุ่น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวว่า เมื่อเข้ามาในประเทศไทยและประสบอุบัติเหตุบริษัทประกันที่นักท่องเที่ยวทำไว้จะต้องดูแลตามขั้นตอนจนกระทั่งกลับประเทศ

เมื่อถามว่าค่าใช้จ่ายการทำประกัน ฝ่ายใดจะเป็นผู้รับผิดชอบ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวต้องเป็นผู้จ่าย โดยประเมินว่านักท่องเที่ยว 1 คนจะต้องจ่าย 10 ดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลและกรณีเสียชีวิต ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยงและกีฬาจะเก็บเงินส่วนนี้เข้ากองทุน และที่ผ่านมาก็อยากมีกองทุนของตัวเองเพื่อใช้เยียวยาผู้ประกอบการการท่องเที่ยว โดยที่ประชุมวันนี้จะหารือในเรื่องนี้ด้วย หากได้รับความเห็นชอบจะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ความเห็นชอบต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่ากระทรวงการท่องเที่ยว มีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างไรบ้าง นายพิพัฒน์ กล่าวว่า จากการหารือกับสมาคมต่าง ๆ เช่น สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สมาคมโรงแรม สมาคมการจัดประชุม ได้ข้อสรุปว่าจะมีการผ่อนผันดอกเบี้ยเงินต้น การเข้าถึงซอฟท์โลน และช่วยเหลือแรงงานในภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะในภาคส่วนโรงแรม จากนี้จะไปหารือกับกระทรวงแรงงานเพื่อช่วยเหลือแรงงานประมาณ 4 แสนคน ในลักษณะการแบ่งจ่ายคนละครึ่ง รัฐบาลจ่าย 50 เปอร์เซ็นต์ ผู้ประกอบการจ่าย 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 2 เดือน คือเดือนก.พ.และมี.ค. โดยมีเงื่อนไขผู้ประกอบการจะต้องไม่ปลดพนักงานออก จะเยียวยา

เมื่อถามว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ติดตามการช่วยเหลือสายการบินที่เคยเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องซอฟท์โลนหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงคมนาคม ก็สอบถามไปยังกระทรวงการคลัง รวมถึงยังมีการหารือในครม.หลายครั้ง คาดว่าจะเยียวยาได้ทันก่อนที่จะเริ่มมีการเดินทาง ขอย้ำว่ารัฐบาลจะไม่ปล่อยและใครทิ้งไว้ข้างหลังเหมือนที่นายกฯ พูดไว้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top