Friday, 4 July 2025
NEWS

เลขาฯ ศาลยุติธรรม เเจงไทม์ไลน์คดีภาษีโตโยต้า เร่งประสานหาข้อมูล ข้อเท็จจริงทุกมิติ เตรียมประสานขอเข้าร่วมสังเกตการณ์ไต่สวนที่อเมริกา

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 64  ที่ชั้น12 สำนักงานศาลยุติธรรม อาคารศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นาย พงษ์เดช วานิชกิตติกูล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เเถลงข่าวกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวการสอบสวนเกี่ยวกับคดีภาษีของ บริษัท ในเครือโตโยต้าในประเทศสหรัฐอเมริกาจนกระทั่งมีการกล่าวอ้างถึงชื่อข้าราชการและอดีตข้าราชการตุลาการผู้ใหญ่ว่าอาจมีส่วนพัวพันธ์กับเรื่องนี้

นั้นตนขอเรียนว่าคดีที่มีการอ้างถึงเป็นคดีที่ บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ประเทศไทย จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องหน่วยงานรัฐที่จัดเก็บภาษีเป็นจำเลยต่อศาลภาษีอากรกลางซึ่งเป็นศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษามีคำขอให้เพิกถอนการประเมินและเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของหน่วยงานที่จัดเก็บภาษีฟ้องคดีแรกวันที่ 10 มิถุนายน 2558 ซึ่งศาลภาษีอากรกลางพิจารณาคำฟ้องแล้วมีคำสั่งให้แยกฟ้องโจทก์จึงยื่นฟ้องคดีเข้ามาใหม่อีก 9 คดีในวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 และวันที่ 10 มิถุนายน 2559 มีการสืบพยานต่อสู้คดีกันเป็นระยะเวลาปีเศษ ศาลภาษีอากรกลางจึงมีคำพิพากษาทุกคดีในวันที่ 29 กันยายน 2560 พิพากษาให้เพิกถอนการประเมินและเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์เป็นผลให้โจทก์ไม่มีความรับผิดทางภาษีอากร

ต่อมาจำเลยได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษรับคดีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2561 และต่อมาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีคำพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์โดยอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวันที่ 10 มิถุนายน 2562 เป็นผลให้โจทก์ต้องรับผิดชำระภาษีอากรตามการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของหน่วยงานรัฐโจทก์จึงยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2562 ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ฎีกาและรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาโดยศาลภาษีอากรกลางได้อ่านคำสั่งคดีขออนุญาตฎีกาไปเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 ขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างศาลภาษีอากรกลางดำเนินการให้ฝ่ายจำเลยยื่นคำแก้ฎีกา ซึ่งจำเลยขออนุญาตขยายระยะเวลายื่นคำแก้ฎีกาถึงวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 หากยื่นคำแก้ฎีกาแล้วศาลภาษีอากรกลางจะรวบรวมสำนวนส่งคืนศาลฎีกาเพื่อพิจารณาต่อไป

ดังนั้นในคดีนี้ศาลฎีกาจึงยังไม่ได้พิจารณาพิพากษาคดีเพียงพิจารณาคำร้องขออนุญาตฎีกาเท่านั้นซึ่งการอนุญาตให้ฎีกาเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ป.วิ.พ. มาตรา 249 ประกอบพ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 26 ที่กำหนดให้ศาลฎีกาพิจารณาอนุญาตให้ฎีกาเมื่อเห็นว่าปัญหาตามฎีกานั้นเป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัย

เมื่อคดีนี้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ขัดแย้งกันในสาระสำคัญทั้งเกี่ยวพันกับความตกลงระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันกับประเทศไทยและยังเป็นกรณีที่ไม่มีแนวคำพิพากษาของศาลฎีกามาก่อนศาลฎีกาจึงมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ฎีกาได้โดยพิจารณาเพียงว่าปัญหาที่ ยื่นฎีกานั้นเป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาสมควรอนุญาตให้ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกาหรือไม่ยังไม่ได้มีการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดี แต่อย่างใด

เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีภาษีอากรซึ่งเป็นคดีชำนัญพิเศษในการพิจารณาพิพากษาจะมีผู้พิพากษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษีอากรตลอดทั้งสายตั้งแต่ศาลชั้นต้นจนกระทั่งถึงศาลฎีกา 

โดยศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีการวางระบบการทำงานในรูปแบบการประชุมคดีที่เข้มข้นขององค์คณะนับตั้งแต่เริ่มเปิดทำการเป็นต้นมาโดยองค์คณะจะร่วมกันพิจารณาคดีมีผู้ช่วยผู้พิพากษาทำหน้าที่เลขานุการคณะในการทำเอกสารสรุปข้อเท็จจริงประเด็นข้อพิพาทในคดีและข้อกฎหมายเมื่อประชุมแล้วท่านผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนก็จะยกร่างคำพิพากษาตามมติการประชุมแล้วจึงส่งร่างคำพิพากษานั้นให้ผู้ช่วยผู้พิพากษาหรือผู้ช่วยเล็กหลังจากผู้ช่วยเล็กตรวจสำนวนแล้วจะเสนอร่างคำพิพากษาดังกล่าวต่อผู้พิพากษาประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาหรือเรียกว่าผู้ช่วยใหญ่เพื่อตรวจร่างคำพิพากษาอีกครั้งหนึ่งเมื่อตรวจแล้วจะเสนอร่างคำพิพากษาดังกล่าวต่อรองประธานเมื่อเห็นว่าเป็นคดีสำคัญจึงส่งให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษหรือประธานศาลฎีกาแล้วแต่กรณีพิจารณาหากเห็นว่ามีปัญหาข้อกฎหมายสำคัญก็จะสั่งให้นำปัญหานั้นเข้าสู่การพิจารณาโดยที่ประชุมใหญ่ซึ่งประกอบด้วยผู้พิพากษาทุกท่านในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีประมาณ 70 คนส่วนศาลฎีกามี 176 คน
เมื่อร่างคำพิพากษาผ่านที่ประชุมแล้วจึงจัดทำคำพิพากษาเพื่อส่งให้ศาลชั้นต้นอ่านให้คู่ความฟังต่อไป

ในส่วนของการพิจารณาคำร้องขออนุญาตฎีกาในศาลฎีกานั้นแม้จะเป็นเพียงชั้นขออนุญาตฎีกาก็ตาม แต่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งก็กำหนดจำนวนองค์คณะไว้อย่างน้อย 4 คนโดยหนึ่งในนั้นต้องเป็นรองประธานศาลฎีกาด้วยสำหรับคดีภาษีอากรนั้นคำร้องขออนุญาตฎีกาก็จะถูกพิจารณาโดยผู้พิพากษาที่อยู่ในแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกาเป็นองค์คณะภายหลังจากองค์คณะพิจารณาแล้วในคดีนี้ได้นำเข้าประชุมแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกาเพื่อให้ผู้พิพากษาในแผนกทุกคนได้ร่วมกันพิจารณาและลงมติก่อนจะที่จะมีการส่งมาให้ศาลภาษีอากรกลางอ่านคำสั่งอนุญาตให้ฎีกา

จะเห็นได้ว่าขั้นตอนการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมในแต่ละชั้นศาลนั้นเป็นไปอย่างมีระบบโปร่งใสมีการปรึกษาคดีและตรวจทานความถูกต้องในทุกขั้นตอนยากที่จะมีการแทรกแซงหรือกระทำการใดที่จะก่อให้เกิดผลตามที่ใครต้องการได้

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเราจะมั่นใจในระบบ แต่เมื่อมีการกล่าวอ้างว่าอาจมีการกระทำที่แทรกแซงกระบวนการจนถึงขั้นอาจมีการเสนอให้สินบนขึ้นซึ่งต้องยอมรับว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวกระทบต่อภาพลักษณ์และศรัทธาของประชาชนที่มีต่อศาลยุติธรรมและกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง

สำนักงานศาลยุติธรรมจึงไม่นิ่งนอนใจนับตั้งแต่มีการรายงานข่าวจึงได้ดำเนินการส่งหนังสือประสานขอข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบกรณีดังกล่าวในประเทศสหรัฐอเมริกาผ่านกระทรวงการต่างประเทศอย่างที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วต่อมาเมื่อในเนื้อหาข่าวปรากฏชื่อบุคคลในศาลยุติธรรมขึ้นสำนักงานศาลยุติธรรมจึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบและติดตามผลโดยที่ผมเป็นประธานคณะทำงานด้วยตัวเองคณะทำงานชุดนี้มีอำนาจหน้าที่ติตามหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับกรณีนี้ซึ่งผมได้ดำเนินการส่งหนังสือขอข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและนอกประเทศแล้ว ได้แก่ ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัท โตโยต้าอเมริกา กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา และกระทรวงการต่างประเทศรวมถึงส่งเมล์ติดต่อไปยังนักข่าวที่เขียนรายงานข่าวอันเป็นต้นทางของเรื่องนี้ และจะขอเข้าร่วมสังเกตการณ์การไต่สวนของคณะลูกขุนในรัฐเท็กซัสสหรัฐอเมริกาด้วย

ต่อมาวันที่ 31 พฤษภาคม นาง เมทินี ชโลธรประธานศาลฎีกาได้อาศัยอำนาจตามพ. ร. บ. ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 ลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง“ คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง” 4 ท่านประกอบด้วยผู้พิพากษาชั้นฎีกาและชั้นอุทธรณ์ซึ่งมีผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาเป็นประธานกรรมการฯ และมีผู้พิพากษาชั้นศาลฎีกาและชั้นศาลอุทธรณ์เป็นกรรมการโดยให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดนี้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการสอบสวนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต. ) กรณีข้าราชการตุลาการถูกกล่าวหาหรือเป็นที่สงสัยว่ากระทำผิดวินัยให้เสร็จโดยเร็วทั้งนี้ให้กรรมการชุดนี้เสนอความเห็นว่ากรณีมีมูลเป็นความผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง หรือไม่มีมูลความผิดทางวินัย หากมีมูลความผิดทางวินัยก็ให้พิจารณาด้วยว่าเป็นความผิดวินัยตามบทมาตราใดและควรได้รับโทษสถานใดเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป 

และหากสอบสวนพบข้อเท็จจริงมีบุคคลอื่นใดเป็นผู้กระทำผิดหรือพบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมจากที่ระบุในคำสั่งนี้ก็ให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดนี้ดำเนินการสอบสวนไปด้วยในคราวเดียวกันคณะทำงานติดตามข้อมูลที่ผมเป็นประธานจะทำงานสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงตามที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงต้องการให้ความกระจ่างปรากฏต่อสาธารณชนโดยเร็วและหากพบว่าผู้ใดกระทำความผิดตามกฎหมายก็จะดำเนินการต่อไปอย่างเด็ดขาด ดังนั้นหากพี่น้องประชาชนสื่อมวลชนหรือหน่วยงานใดมีข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่จะช่วยให้เรื่องนี้กระจ่างชัดทุกท่านสามารถส่งข้อมูลมายังสำนักงานศาลยุติธรรมได้ตลอดเวลา

โดยคณะทำงานติดตามข้อมูลจะดำเนินการทุกวิถีทางให้เร็วที่สุดและสำนักงานศาลยุติธรรมจะเสนอผลความคืบหน้าของการทำงานต่อพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนเป็นระยะ 

การพบปะสื่อมวลชนในวันนี้นอกจากจะยืนยันการตรวจสอบและดำเนินการกับผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาดและจริงจังแล้วผมขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนและสังคมว่าหากคดีนี้เข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกาคู่ความจะได้รับความเป็นธรรมทุกอย่างตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนองค์คณะในศาลฎีกาจะพิจารณาคดีอย่างไม่หวั่นไหวส่วนการให้สินบนตามข่าวหากมีจริงก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการและดำเนินคดีต่อไป

ศรีสุวรรณ ยื่น ป.ป.ช. สอบ ศบค. มีผลประโยชน์จัดหาวัคซีนหรือไม่

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนสอบสวนกรณีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนกรณีการจัดซื้อวัคซีนทางเลือกของ อปท. แต่ติดล็อกคำวินิจฉัยผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่วินิจฉัยว่าระยะแรกเท่านั้นที่รัฐจะเป็นผู้ซื้อ อปท.และภาคเอกชนไม่สามารถดำเนินการจัดซื้อโดยตรง ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็แสร้งปัดไปว่าไม่รู้ว่าเขาซื้อได้หรือเปล่า ซึ่งอาจเป็นข้อพิรุธในการจัดซื้อจัดหาวัคซีน

ทั้งนี้ข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการฯระบุไว้ชัดเจนว่า ไม่ให้ภาคเอกชนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 กับผู้ผลิตวัคซีนได้โดยตรง แต่ขณะนี้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้ประกาศว่า ได้เตรียมจัดซื้อจัดหาวัคซีนซิโนฟาร์มมาใช้ในประเทศเป็นวัคซีนทางเลือกได้แล้ว ดังนั้น ถ้า อปท.จะจัดซื้อวัคซีนดังกล่าวผ่านราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ย่อมทำได้ ไม่ขัดต่อคำแนะนำของผู้ตรวจการแผ่นดินแต่อย่างใด ซึ่งนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทยควรจะสนับสนุนไม่ใช่มากระตุกขา ทำให้เกิดความล่าช้า

นอกจากนั้น ในการอภิปรายร่างกฎหมายงบประมาณในภาผู้แทนฯเมื่อวันก่อนมีการอภิปรายว่าทำไมรัฐบาลเชียร์วัคซีนกับบางยี่ห้อ เหมือนเจตนาดีเลย์ ยี่ห้ออื่น ทำให้ประชาชนเชื่อว่า รัฐบาลมีผลประโยชน์ มีส่วนต่าง มีเงินทอนกับวัคซีนใช่หรือไม่ และการที่ รมว.กระทรวงมหาดไทยและนายกรัฐมนตรีขัดขวางการจัดซื้อจัดหาวัคซีนเพื่อนำมาป้องกันโควิด-19 ของ อปท. จึงเป็นการตอกย้ำข้อพิรุธ ข้อสงสัยในการจัดซื้อจัดหาว้คซีน และการฉีดให้ประชาชน อาจไม่เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้เพราะมีการเริ่มฉีดวัคซีนตั้งแต่ปลาย ก.พ.64 มาจนถึงปัจจุบัน 3 เดือนกว่ายังฉีดไปได้แค่ 3 ล้านกว่าคนเท่านั้น อีก 7 เดือนจะหมดปีแล้วจะฉีดให้ครบ 65 ล้านคนได้อย่างไร ถ้าไม่เร่งรีบให้ท้องถิ่นหรือ อปท. ออกมาช่วยกันทุกวิถีทาง ซึ่งถ้าติดขัดปัญหาระเบียบหรือข้อกฎหมายใด ก็ควรเร่งแก้ไขและยกเลิกไปเสียไม่ใช่มาอ้างข้อกฎหมาย อ้างระเบียบเลอะเทอะไปหมดเช่นนี้

ที่สำคัญ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก็ได้ออกมาระบุชัดแล้วว่า รัฐบาลควรต้องเร่งดำเนินการ ส่วนประเด็นการเบิกจ่ายเงินให้ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องนั้น เป็นเรื่องที่ สตง.พร้อมให้คำแนะนำ ตอบข้อสงสัย หรือเป็นที่ปรึกษาให้กับหน่วยงานที่มีความตั้งใจและพร้อมที่จะดำเนินการเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ดังนั้น การดีเลย์ให้ อปท.สั่งจองและใช้วัคซีนฉีดให้ประชาชนแม้เพียงวันเดียว ก็ถือได้ว่าเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ตามกฎหมายของ ป.ป.ช.แล้ว

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้สอบสวนไต่สวนเอาผิด ศบค. โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงมหาดไทย อันเนื่องมาจากการใช้เทคนิคดีเลย์การจัดหาวัคซีนของ อปท.และข้อพิรุธต่างๆ ข้างต้น 

กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล จัดประชุม เชิงปฏิบัติการเพื่อติดตามและประเมินผลแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่ 4 และยก (ร่าง) แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่ 5 ครั้งที่ 1 พื้นที่ภาคใต้

วันนี้ (4 มิถุนายน 2564) เวลา 09.00 น. นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อติดตามและประเมินผลแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 4 และยก (ร่าง) แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2556 - 2570) ครั้งที่ 1 ในพื้นที่ภาคใต้ ผ่านระบบ อิเล็กทรอนิกส์ Cisco Webex Meeting โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ภาคส่วนต่างๆ ได้มีส่วนร่วมสะท้อนปัญหา และ ร่วมจัดทำแผนระดับพื้นที่พัฒนาเป็นแผนระดับชาติ รวมทั้งติดตามผลการดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 4 และยก (ร่าง) แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 5 โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดล รองศาสตราจารย์ ดร.ศรีสมบัติ โชคประจักษ์ และคณะเป็นที่ปรึกษาโครงการ 

สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เน้นกระบวนการมีส่วนร่วม ของทุกภาคส่วน โดยเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในระดับพื้นที่นำมาวิเคราะห์ยก (ร่าง) แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2556 - 2570) กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพนำเสนอร่างเข้าสู่การกระบวนการ พิจารณาของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป เพื่อให้แผนสามารถประกาศใช้ได้ทันตามรอบเวลา ทั้งนี้การประชุมฯ ดังกล่าวมีกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ และภาคประชาสังคม จำนวน ประมาณ 80คน ซึ่งหลังจากนี้จะมีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการฯ จำนวน 4ครั้ง ดังนี้ (1) พื้นที่ภาคเหนือ ในวันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 (2) พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน 2564 (3) พื้นที่ภาคกลาง ในวันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน 2564 (4) พื้นที่กรุงเทพมหานคร ในวันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม 2564 

‘หมอยง’ แจงชัด คำว่า “อาการไม่พึงประสงค์” จากการฉีดวัคซีน ต้องแยกออกจากคำว่า “อาการข้างเคียง” พร้อมตัดพ้อข่าวในเชิงลบมีแต่ผู้คนสนใจ แต่พออธิบายข้อเท็จจริง กลับไม่เป็นข่าว

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan เรื่อง โควิด-19 วัคซีนกับอาการไม่พึงประสงค์ โดยระบุว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไปแล้วไม่น้อยกว่า 2 พันล้านโดส ไม่เคยมีวัคซีนใดที่ฉีดได้รวดเร็วและมากเท่านี้

อาการไม่พึงประสงค์ ต้องแยกจากอาการข้างเคียง

อาการไม่พึงประสงค์ เกิดขึ้น หลังการให้วัคซีน เป็นเหตุการณ์อะไรก็ตาม ที่เกิดขึ้นหลังการให้วัคซีนใน 2 สัปดาห์ เราจะรวบรวมเป็นอาการไม่พึงประสงค์ แล้วสรุป ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ เป็นความเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน น่าจะเกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวข้อง จึงต้องอาศัยการช่วยวิเคราะห์อย่างละเอียด 

อย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า ฉีดวัคซีนแล้วเสียชีวิต ใน 2 วันต่อมา ก็ถือว่าเป็นอาการไม่พึงประสงค์อย่างร้ายแรง แต่เมื่อไปศึกษารายละเอียด พบว่าการเสียชีวิตถูกยิงตาย ก็ต้องศึกษาต่อไปอีกว่า วัคซีนมีผลทำให้พฤติกรรมก้าวร้าว หรือไม่ ถ้าก้าวร้าวแล้วถูกยิงตาย วัคซีนก็อาจจะเป็นสาเหตุได้

ผมอยู่ในการศึกษาวัคซีนมามาก แม้กระทั่งฉีดวัคซีนไปแล้ว เดินออกจากโรงพยาบาล เดินตกท่อ ก็ยังต้องหาสาเหตุว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ เพราะวัคซีนอาจทำให้เวียนศีรษะ แล้วเดินตกท่อก็ได้ แต่ถ้าไปเดินสะดุดแล้วตกท่อ ก็ไม่น่าจะเป็นสาเหตุ

ในขณะนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนไปถึง 3.8 ล้านโดส ถ้าเฝ้าระวังอาการ เอาแค่ 7 วันก็พอ ก็เท่ากับ ไม่น้อยกว่า 25 ล้านวัน ชีวิตคน หรือเท่ากับ 65 หมื่นปี หรือเรียกง่ายๆ คนเรามีอายุ 80 ปี ก็อย่างน้อย 800 คนที่เมื่อนับรวมวันกัน ตั้งแต่เกิดจนตายก็จะเท่ากับ 25 ล้านวัน ฟังดูแล้วเข้าใจยากไปหน่อย ถ้าพูดง่ายๆ ชีวิต 25 ล้านวัน เท่ากับชีวิตของคน 800 คน ที่มีอายุอยู่ถึง 80 ปี เมื่อวันเวลาดังกล่าวดังที่ยกตัวอย่างก็ต้องมีการเสียชีวิต ตามโลกแห่งความเป็นจริง แต่การให้วัคซีนส่วนใหญ่แล้วให้กับคนแข็งแรง เหตุการณ์จึงไม่ได้เกิดถึงขนาดนั้น

ดังนั้นเมื่อเกิดอาการไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะอาการใหม่ จะต้องมีการรายงาน ว่าโรคนั้นเกี่ยวข้องกับหรือเป็นอาการข้างเคียงกับวัคซีนหรือไม่ เช่น การให้วัคซีนไวรัส Vector เกิดการมีลิ่มเลือดและมีเกล็ดเลือดต่ำ (คนละโรคกับเส้นเลือดดำอุดตัน) โรคนี้ก็พบได้อยู่แล้ว แต่เมื่อมาเปรียบเทียบกับอุบัติการณ์ของคนปกติที่พบในชีวิตจริง แล้วพบว่าเกิดจากวัคซีนได้มากกว่า ก็เป็นที่ยอมรับว่า การเกิดลิ่มเลือดชนิดที่มีเกล็ดเลือดต่ำ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนชนิด virus Vector แต่อุบัติการณ์จะเกิดในคนอายุน้อย และมีอุบัติการณ์ทั้งสิ้นประมาณ 1 ในแสน เมื่อเทียบประโยชน์แล้วมีมากกว่าก็เดินหน้าให้วัคซีน และโรคดังกล่าวก็รักษาได้ ถ้ารู้เร็ว

เช่นเดียวกันการฉีดวัคซีน mRNA เช่นของ Pfizer ขณะนี้มีรายงานการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ โดยเฉพาะในคนอายุน้อย ข้อมูลนี้กำลังเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในอเมริกาและอิสราเอล เริ่มให้ความสำคัญ ก็จะต้องศึกษาเพิ่มเติมว่า อุบัติการณ์ในการฉีดวัคซีนในคนอายุน้อยของ Pfizer มีโอกาสเกิดมากกว่าคนที่ไม่ได้ฉีด แล้วเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเท่าใด จะต้องคำนึงถึงผลได้ของวัคซีนเปรียบเทียบกับการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และ ผลระยะยาวของหัวใจ

วัคซีนที่ใช้อยู่ขณะนี้เป็นวัคซีนใหม่ จึงจำเป็นต้องบันทึกอาการไม่พึงประสงค์ ลงอย่างละเอียด และจำเป็นต้องใช้นักวิชาการมาวิเคราะห์ และคำนึงถึง ประโยชน์ที่ได้ กลับผลเสียที่จะเกิดจากการฉีดวัคซีน

เราจำเป็นจะต้องใช้ทั้งเหตุและผล เข้ามาร่วมการตัดสินใจ 

ข่าวในเชิงลบ จะออกมาเร็วและผู้คนสนใจ แต่เมื่อความจริงปรากฏ ว่าเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ก็มักจะไม่เป็นข่าวออกมาเลย เช่นในรายการเสียชีวิต จะเป็นข่าวอย่างรวดเร็ว แต่ผลของการสอบสวนต้องใช้เวลา และเมื่อผลสอบสวนออกมาแล้ว ก็มักจะไม่ได้เป็นข่าวแล้ว

 

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=5784089378300298&id=100000978797641


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา ทรงสวมรองพระบาท DoiTung x Onitsuka Tiger

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงสวมรองพระบาท "DoiTung x Onitsuka Tiger" ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง ดอยตุงเหนือสุดแดนสยาม กับเสือโอนิซึกะมาเจอกัน จนกลายเป็นแฟชั่นไอเท็มที่น่าครอบครองขนาดนี้ 

สำหรับการแปลงโฉมรองเท้าในตำนาน เป็นคอลเลกชันพิเศษ ด้วยผ้าทอไทยจากฝีมือแม่ๆ ป้าๆ เมืองล้านนา คือความลงตัวของแบรนด์ไทยกับญี่ปุ่น

ทั้งนี้ รองเท้าผ้าทอมือผลงานช่างฝีมือดอยตุงมีทั้งหมด 5 ลวดลายบนรองเท้ารุ่นยอดนิยม 3 รุ่น แถมยังใช้วัสดุที่ส่งผลกระทบต่อโลกน้อยลงอย่าง better cotton เส้นใยพลาสติกรีไซเคิล และผลิตด้วยกระบวนการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอบถามหรือสั่งซื้อผ่านช่องทาง

• Line: @doitung_lifestyle (https://lin.ee/4WsH652)
• ดอยตุงไลฟ์สไตล์ สำนักงานมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ถ. พระราม 4
• Onitsuka Tiger Global Flagship Store สยามสแควร์วัน
www.onitsukatiger.com/th/th-th

 

ภาพจาก : เรารัก สมเด็จเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา : Our Beloved HRH Princess Bajrakitiyabha


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

จีนแซงไต้หวัน ขึ้นแท่น Supplier อันดับ 1 ให้กับ Apple สวนกระแสนโยบายคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐฯ

สำนักข่าว Nikkei Asia ได้อ้างรายงานข้อมูลจาก Apple Supplier Responsibility Report ประจำปี 2020 พบว่า จีนได้แซงหน้าไต้หวัน กลายเป็นผู้ส่งออกชิ้นส่วนอุปกรณ์ให้กับ Apple เป็นอันดับ 1 ไปเสียแล้ว แม้จีนจะเจออุปสรรคจากมาตรการกีดกันการค้า และคว่ำบาตรจากรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างหนักในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็ตาม

จากรายงานพบว่ามีบริษัทมากถึง 200 แห่งที่เป็นฐานผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ให้บริษัท Apple และในจำนวนนี้ เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในจีน และ ฮ่องกงถึง 51 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปี 2018 ที่พบบริษัทจีนเพียง 42 แห่งที่รับงานผลิตชิ้นส่วนให้ Apple จึงทำให้จีนกลายเป็นประเทศผู้ผลิตชิ้นส่วนป้อนโรงงาน Apple มากที่สุด จากที่เคยเป็นตำแหน่งของไต้หวันอยู่นานหลายปี

และการเพิ่มฐานการผลิตในจีน ยังทำให้ Apple สามารถขยายศักยภาพในการผลิตในเอเชียได้เป็นอย่างดี ส่วนเหตุผลหลักที่ทำให้ Apple ตัดสินใจเลือกบริษัทของจีนเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนหลักเพราะต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าใครในท้องตลาด ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลกำไรที่เพิ่มมากขึ้นให้กับทุกสินค้าของ Apple

จากรายงายยังพบว่ากว่า 98% ของต้นทุนการผลิตของ Apple ถูกใช้ไปกับการลงทุนใน Supplier และขั้นตอนการประกอบชิ้นส่วนจากโรงงานทั้งใน และต่างประเทศ จึงชี้ให้เห็นได้ว่า Apple พึ่งพาบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ จากโรงงาน Supplier ทั่วโลกอย่างมาก

และถึงแม้ว่า Apple จะมีชื่อเสียงอย่างมากในด้านมาตรฐานของสินค้า แต่ทั้งนี้การควบคุมต้นทุนก็ยังคงเป็นเป้าหมายหลักของการผลิต ที่ทำให้ Supplier จากจีนเข้ามาตอบโจทย์ในเรื่องนี้ ที่แม้แต่ผู้บริหารการผลิตของ Apple ยังต้องยอมรับว่า บริษัทในจีนมีความสามารถในการผลิตชิ้นส่วน อุปกรณ์ได้ตามมาตรฐานที่ต้องการ ในราคาที่ถูกกว่าฐานการผลิตที่อื่นมากๆ ซึ่งเป็นข้อดีที่ Apple ไม่สามารถมองข้ามได้

จากการประกาศสงครามการค้ากับจีนตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมพ์ ในปี 2017 ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลของโจ ไบเดน ที่เริ่มคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์ของจีนด้วยเหตุผลด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน จนมีข่าวว่าหลายบริษัทของอเมริกา รวมถึง Apple วางแผนที่จะย้ายฐานการผลิตออกจากจีนไปยังประเทศอื่น เช่น เวียดนาม และ อินเดีย

แต่จากรายงานนี้กลับพบว่าประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการย้ายฐานการผลิตของ Apple มากที่สุดคือ ญี่ปุ่น จากเดิมที่เคยมีบริษัทผลิตชิ้นส่วนให้ Apple ถึง 43 แห่งในปี 2017 แต่ล่าสุด ลดเหลือเพียง 34 บริษัท ส่วนไต้หวันที่เคยเป็นเบอร์ 1 ของกลุ่ม Supplier ของ Apple มาโดยตลอด จากเดิมที่มี 52 บริษัท ตอนนี้เหลือเพียง 48 บริษัท

ตอนนี้แม้แต่บริษัท Supplier รายใหญ่ของ Apple ทั้ง Foxconn และ Pegatron ที่มีฐานการผลิตหลายประเทศ ก็ยังต้องระวังจะเสียตลาดให้กับ Supplier จากจีนที่ตอนนี้มาแรงเหลือเกิน ส่วนมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐที่ผ่านมา ส่งผลให้ Apple จำเป็นต้องเลิกสัญญากับบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนจีนเพียงรายเดียวก็คือ O-Film Technology ที่มีข่าวว่ามีการใช้แรงงานชาวมุสลิมอุยกูร์ในโรงงาน ส่วนโรงงานอื่นๆในจีนยังไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของสหรัฐฯ

ถึงจะยอมรับว่าตลาดผู้ผลิตชิ้นส่วนจีนยังสดใส แต่ยังมีอยู่สิ่งหนึ่งที่จีนยังพัฒนาได้ไม่ถึงระดับที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดชั้นนำได้ คือการผลิต ‘เซมิคอนดักเตอร์’ ที่เป็นหัวใจในการประมวลผลขั้นสูง นอกจากนี้ อัตราค่าแรง และค่าครองชีพของจีน มีแนวโน้มสูงขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมากภายในประเทศ ที่ทำให้จีนเองก็ต้องขยายโรงงานไปตั้งในประเทศอื่นที่ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าอย่างเช่นในเวียดนาม

และด้วยการลงทุนทั้งสหรัฐ และ จีน ก็ทำให้เวียดนามกลายฐาน Supplier ที่เติบโตอย่างมาก จากเดิมที่เคยมีบริษัท Supplier ให้กับ Apple อยู่ 14 บริษัทในปี 2018 เพิ่มเป็น 21 บริษัทจากรายงานปีล่าสุดซึ่งในจำนวนนี้ก็เป็นบริษัทจากจีนที่มาลงทุนในเวียดนามถึง 7 บริษัทด้วยนั่นเอง

ต้องมอบมงกุฎเจ้าตลาดแห่ง Supplier ให้พี่จีนจริงๆ

 

อ้างอิง

https://asia.nikkei.com/Business/China-tech/China-ousts-Taiwan-as-Apple-s-biggest-source-of-suppliers

https://www.technologytimes.pk/2021/06/02/china-superseded-taiwan-as-apples-number-one-supplier-source/

https://www.apple.com/supplier-responsibility/pdf/Apple-Supplier-List.pdf


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'บราซิล' ฉีดซิโนแวคทั้งเมือง ทำยอดตายจากโควิดลด 95%

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผลการศึกษาเบื้องต้นของรัฐเซาเปาลู และสถาบันบูตันตัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท ซิโนแวค ในบราซิล บ่งชี้ว่า วัคซีน CoronaVac ของซิโนแวคมีประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเมืองเล็กแห่งหนึ่งของบราซิล หลังจากที่ทางการบราซิลได้ฉีดวัคซีนดังกล่าวให้กับประชากรวัยผู้ใหญ่เป็นสัดส่วน 75% ของทั้งเมือง โดยเป็นการฉีดครบทั้งสองโดส

ผลการศึกษาดังกล่าวเป็นการศึกษาประสิทธิภาพของการฉีดวัคซีนในเมืองเซอร์รานา ซึ่งมีประชากรประมาณ 45,000 คน โดยอัตราการติดเชื้อลดลงอย่างมากหลังประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนโดสแรก แต่จำเป็นต้องฉีดครบสองโดสจึงจะควบคุมการแพร่ระบาดได้

ผลการศึกษาเบื้องต้นเปิดเผยว่า เมืองเซอร์รานามียอดผู้เสียชีวิตลดลงถึง 95% หลังปูพรมฉีดวัคซีนเป็นเวลา 5 สัปดาห์ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อแบบแสดงอาการลดลง 80% และอัตราการเข้ารักษาในโรงพยาบาลลดลง 86% เมื่อเทียบกับเมืองใกล้เคียงที่ยังได้รับผลกระทบรุนแรงจากการแพร่ระบาด

นอกจากนี้ เมืองเซอร์รานายังไม่พบผลข้างเคียงรุนแรงจากการฉีดวัคซีนของซิโนแวคด้วย และไม่พบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด หลังฉีดวัคซีนครบสองโดสเป็นเวลา 14 วัน

ผลการศึกษาเบื้องต้นซึ่งจะมีการเผยแพร่เร็วๆ นี้แสดงให้เห็นว่า วัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิภาพในการจัดการกับไวรัสโควิดสายพันธุ์บราซิล โดยดร.ดิมาส โกบาส ผู้อำนวยการสถาบันบูตันตัน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อที่ 31 พ.ค. ว่า การค้นพบนี้จะช่วยรัฐบาลในการคิดค้นนโยบายสาธารณะต่อไป

 

ที่มา : https://www.naewna.com/inter/577080


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รมว.ยุติธรรม สั่งป.ป.ส.เร่งขยายผลสอบเครือข่ายขนยาเสพติดข้ามชาติ หลังจับผีน้อยคาสนามบินอินชอน พบยาไอซ์มูลค่า 341 ล้านบาท

สืบเนื่องจาก วันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำสนามบิน อินชอน (เกาหลีใต้) ได้ตรวจยึดยาเสพติด (ยาไอซ์) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม ประมาณ 4,040.49 กรัม มูลค่ากว่า 12.14 พันล้านวอน หรือประมาณ 341ล้านบาทไทย พร้อมจับกุมผู้ต้องหาที่ส่งมาจากประเทศไทย นั้น 

ล่าสุดนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ได้เร่งสั่งการให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ประสานงานกับเจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการสูงสุด สาธารณรัฐเกาหลี (SPO) เพื่อขยายผลไปถึงผู้สั่งการ และเครือข่ายที่ร่วมลักลอบคนยาเสพติดไปประเทศเกาหลีใต้ เพื่อหาพยานหลักฐานเตรียมดำเนินคดี พร้อมสอบเส้นทางการเงิน เพื่อทำการยึดทรัพย์สินต่อไป 

ขณะที่ นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ป.ป.ส. ได้ประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการสูงสุดเกาหลีใต้ ที่ประจำอยู่ในสำนักงาน ป.ป.ส. มาโดยตลอด จนขยายผลทราบว่า ของกลางดังกล่าว (ยาไอซ์) ถูกส่งมาจากบริษัทส่งสินค้า ซอยอิทาปัจ 13 ถนนเพชรเกษม เขตบางแค ซึ่งระบุตัวผู้ส่งชัดเจนแต่อยู่ระหว่างการสอบสวน โดยมีการส่งยาเสพติดผ่านทางเครื่องบิน

โดยนักค้ายาเสพติดกลุ่มนี้จะมีการติดต่อซื้อขายยาเสพติดผ่าน แอปพลิเคชั่น ไลน์ กับเฟซบุ๊ก ก่อนขนส่งยาเสพติดผ่านพัสดุ และจัดส่งบริษัท ขนส่งพัสดุเอกชนแห่งหนึ่งโดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ SPO (เกาหลีใต้) รายงานว่า กลุ่มผู้รับสินค้าดังกล่าวเป็นคนไทยที่ลักลอบเข้าเมือง ซึ่งสำนักงานป.ป.ส. กำลังเร่งดำเนินการขยายผลเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แอสตร้าเซนเนก้า รับมอบวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในไทย โดยสยามไบโอไซเอนซ์ล็อตแรกตามแผนที่กำหนด เตรียมส่งมอบกระทรวงสาธารณสุขกระจายต่อ

แอสตร้าเซนเนก้า ประกาศพร้อมทยอยส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในประเทศไทย ให้กับรัฐบาลใช้ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากที่สยามไบโอไซเอนซ์ได้ส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกได้สำเร็จตามแผน โดยพิธีส่งมอบได้รับเกียรติจาก พล.อ.อ. สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ประธานกรรมการ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด และ นายเจมส์ ทีก ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด

ศูนย์การผลิตวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย เกิดจากความร่วมมือระหว่างแอสตร้าเซนเนก้าและสยามไบโอไซเอนซ์ ผู้ผลิตยาชีววัตถุชั้นนำของไทย เพื่อสนับสนุนให้ประชากรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

ทั้งนี้ แอสตร้าเซนเนก้าจะส่งมอบวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยล็อตแรกให้กับกระทรวงสาธารณสุขทันที ตามแผนการส่งมอบและเก็บรักษา เพื่อนำไปดำเนินการฉีดวัคซีนเร่งสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนต่อไป และจะเริ่มส่งออกวัคซีนโควิด-19 ให้กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้

นายเจมส์ ทีก ประธาน บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังต่อสู้กับวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เหตุการณ์ในวันนี้มีความสำคัญและมีความหมายต่อพวกเราเป็นอย่างยิ่ง การที่ประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่มีมาตรฐานด้านคุณภาพได้ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนนั้นถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นจากการมีพันธมิตรด้านการผลิตที่ยอดเยี่ยมอย่าง สยามไบโอไซเอนซ์ ผมขอขอบคุณสยามไบโอไซเอนซ์ที่ร่วมกันผลิตและส่งมอบวัคซีนได้ตามแผนที่กำหนดไว้”

“ในขณะนี้ เมื่อเรามีวัคซีนคุณภาพสูงที่ผลิตในประเทศไทยพร้อมส่งมอบแล้ว ก็จะสามารถสนับสนุนรัฐบาลให้ดำเนินการเร่งฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิผลให้กับประชาชนได้โดยเร็วที่สุด”

นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด กล่าวว่า “สยามไบโอไซเอนซ์ในฐานะผู้รับจ้างผลิต ตระหนักดีถึงหน้าที่สำคัญในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากลให้สำเร็จโดยรวดเร็วที่สุด และรู้สึกภาคภูมิใจที่บริษัทของคนไทยได้รับเลือกจากแอสตร้าเซนเนก้า ให้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 และสามารถส่งมอบวัคซีนล็อตแรกให้กับแอสตร้าเซนเนก้าได้ตามกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญาระหว่างสยามไบโอไซเอนซ์และแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อจะช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่และสุขภาพของคนในชาติ รวมถึงประชาชนและเศรษฐกิจไทยจะได้กลับคืนสู่ภาวะปกติอีกครั้ง”

วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ ได้รับการอนุมัติให้เริ่มจัดส่งภายในสัปดาห์นี้ โดยได้ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยจากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศ รวมถึงผ่านเกณฑ์การตรวจสอบคุณภาพจากห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ของแอสตร้าเซนเนก้าในต่างประเทศ นับเป็นการยืนยันคุณภาพของวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในประเทศไทยว่ามีมาตรฐานในระดับสากล ทั้งนี้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าในแต่ละรุ่นการผลิตต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพต่างๆ รวมกันมากกว่า 60 รายการ เพื่อให้ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากล เพราะแอสตร้าเซนเนก้าให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

ผลการทดลองทางคลินิกยืนยันว่า ผู้รับวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าสามารถทนต่อผลข้างเคียงของวัคซีนได้ดีและวัคซีนยังช่วยป้องกันอาการเจ็บป่วยจากโรคโควิด-19 ในทุกระดับความรุนแรง นอกจากนี้ จากข้อมูลการใช้วัคซีนในประชากรหลายสิบล้านคนทั่วโลก ยังแสดงให้เห็นว่า วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิผลลดความรุนแรงของโรคโควิด-19 ในระดับที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้มากถึง 80% หลังจากการฉีดเข็มแรก

แอสตร้าเซนเนก้ามีเครือข่ายการผลิตวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลก ประกอบด้วยศูนย์การผลิตเฉพาะ 16 แห่ง และพันธมิตรผู้ผลิตวัคซีนอีก 25 แห่งในกว่า 15 ประเทศ สยามไบโอไซเอนซ์เป็นศูนย์การผลิตวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าแห่งแรกและแห่งเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะช่วยผลักดันยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุขของประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของภูมิภาค ที่ผ่านมา แอสตร้าเซนเนก้าได้ร่วมกับสยามไบโอไซเอนซ์ดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการผลิตวัคซีนและสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนดไว้ โดยแอสตร้าเซนเนก้าจะทยอยส่งออกวัคซีนโควิด-19 ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเดือนกรกฎาคม ณ ขณะนี้ แอสตร้าเซนเนก้าได้จัดส่งวัคซีนมากกว่า 500 ล้านโดส ให้แก่ 168 ประเทศทั่วโลก


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ขสมก. จัดเดินรถ Shuttle Bus จำนวน 3 เส้นทาง ให้บริการฟรี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เดินทางไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เริ่ม 7 มิ.ย.นี้

นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงคมนาคม จะให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แก่ประชาชนทั่วไป ที่ได้ลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนฯ ผ่านค่ายโทรศัพท์มือถือ AIS, Dtac, True Move และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ (CENTRAL VACCINATION CENTER : CVC) ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ขสมก. จึงเตรียมจัดเดินรถ Shuttle Bus ให้บริการฟรี จำนวน 3 เส้นทาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางมาเข้ารับการฉีดวัคซีนฯ เริ่มให้บริการ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ระหว่างเวลา 08.00-20.00 น. หรือจนกว่าประชาชนจะออกจากพื้นที่หมดโดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.) เส้นทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-สถานีกลางบางซื่อ ให้บริการด้วยรถโดยสารปรับอากาศยูโรทูจำนวน 12 คัน ความถี่ในการปล่อยรถ คันละ 5-10 นาที

-เริ่มต้นจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ฝั่งเกาะพหลโยธิน) ไปตามถนนพหลโยธิน เลี้ยวซ้ายไปตามถนนกำแพงเพชร เลี้ยวขวาไปตามถนนโรงปูน ผ่านศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สุดเส้นทางที่สถานีกลางบางซื่อ (ไม่จอดรับ-ส่งระหว่างทาง)

2.) เส้นทางท่าเรือบางโพ-สถานีกลางบางซื่อ ให้บริการด้วยรถโดยสารปรับอากาศยูโรทู จำนวน 6 คัน ความถี่ในการปล่อยรถ คันละ 10 นาที

-เริ่มต้นจากท่าเรือบางโพ ไปตามถนนประชาราษฎร์ สาย 2 (จอดรับผู้ใช้บริการที่สถานี MRT เตาปูน) เลี้ยวขวาไปตามถนนเตชะวณิช เลี้ยวซ้ายไปตามถนนประดิพัทธ์ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนกำแพงเพชร เลี้ยวซ้ายไปตามถนนโรงปูน ผ่านศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สุดเส้นทางที่สถานีกลางบางซื่อ

3.) เส้นทางเซ็นทรัลลาดพร้าว-สถานีกลางบางซื่อ (เดินรถวงกลม) ให้บริการด้วยรถโดยสารปรับอากาศยูโรทู จำนวน 12 คัน ความถี่ในการปล่อยรถ คันละ 5-10 นาที

-เริ่มต้นจากเซ็นทรัลลาดพร้าว ไปตามถนนพหลโยธิน เลี้ยวซ้ายไปตามถนนหอวัง เลี้ยวซ้ายไปตามถนนวิภาวดีรังสิต เลี้ยวขวาไปตามถนนพหลโยธิน (จอดรับ-ส่งผู้ใช้บริการที่สถานี BTS หมอชิต) เลี้ยวขวาไปตามถนนกำแพงเพชร เลี้ยวขวาไปตามถนนโรงปูน ผ่านศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง (จอดรับ-ส่งผู้ใช้บริการที่สถานีกลางบางซื่อ) เลี้ยวขวาไปตามถนนกำแพงเพชร 6 เลี้ยวซ้ายไปตามถนนกำแพงเพชร 2 (จอดรับ-ส่งผู้ใช้บริการที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร)) เลี้ยวขวาไปตามถนนรัชดาภิเษก เลี้ยวขวาไปตามถนนวิภาวดีรังสิต เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพหลโยธิน สุดเส้นทางที่เซ็นทรัลลาดพร้าว

นอกจากนี้ ขสมก. ได้จัดเดินรถ Shuttle Bus ให้บริการรับ-ส่งประชาชน ณ บริเวณประตูทางเข้าศูนย์ฯ (จุดติดตั้งนาฬิกาประจำสถานี) และบริเวณประตูทางออก (ฝั่งสถานีรถไฟบางซื่อ) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอีกด้วย

ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับการใช้บริการสอบถามเส้นทางรถเมล์ หรือ แนะนำบริการได้ที่ www.bmta.co.th, facebook : BMTA องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ Call Center 1348 ทุกวัน ตั้งแต่ เวลา 05.00 - 22.00 น.


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ทรงพระเจริญ ในหลวงพระราชทานอุปกรณ์การแพทย์กรมราชทัณฑ์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้แก่ กรมราชทัณฑ์ เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับรองรับและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่แพร่กระจายในทัณฑสถาน และเรือนจำต่างๆ ส่งผลให้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในหมู่ผู้ต้องขังเพิ่มมากขึ้น และบางรายมีอาการหนัก ซึ่งต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์พิเศษ


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ผบ.ทบ.’ ปธ.จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ‘พระราชินี’ 3 มิถุนายน 2564

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 43 พรรษา 3 มิถุนายน 2564 ประกอบด้วย พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จากวัดโสมนัสราชวรวิหาร จำนวน 10 รูป ณ บริเวณลานด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5, พิธีถวายเครื่องราชสักการะ ถวายราชสดุดี และถวายพระพรชัยมงคล ณ ห้องจัดเลี้ยง 221 อาคาร 2 ชั้น 2, พิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์, พิธีสงฆ์สำหรับการไถ่ชีวิตกระบือ และพิธีมอบบัตรประจำตัวสัตว์ ณ ห้องรับรอง 212-213 อาคาร 2 ชั้น 1 และกิจกรรมบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล

นอกจากนี้ภายในงานมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ อีกทั้งได้จัดสถานที่ให้กำลังพล รวมถึงประชาชน ได้ลงนามถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประชาชนทุกหมู่เหล่าต่างร่วมใจกันจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระองค์ท่าน กองทัพบกในฐานะหน่วยงานความมั่นคงที่มีภารกิจสำคัญสูงสุด คือ การพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงพร้อมกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ และกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล อาทิ การบริการทางการแพทย์ การบริจาคโลหิต รวมทั้งการจัดนิทรรศการ พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และพระมหากรุณาธิคุณอย่างสมพระเกียรติและสง่างาม ทั้งในส่วนกลาง และหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกทั่วประเทศ

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานสถาปนาพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมราชินี ทรงพระนามว่า สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท และทรงแบ่งเบาพระราชภาระ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่สร้างประโยชน์สุขแก่ประชาชนและประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการพระราชดำริต่างๆ อีกทั้งทรงเป็นแบบอย่างแก่ทหารในด้านความเข้มแข็ง มีระเบียบวินัย และสง่างาม

กองทัพบก ขอเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพื่อน้อมถวายพระพรชัยมงคล แสดงพลังแห่งความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ พบ “บิ๊กตู่” ย้ำความเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้น พร้อมผลักดันความร่วมมือด้านวัคซีนโควิด-19

ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบ รัฐบาล นางเวนดี้ อาร์. เชอร์แมน (H.E. Mrs. Wendy R. Sherman) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เนื่องในโอกาสเยือนประเทศไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีกับการรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมเชื่อมั่นว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของ รมช.กต. สหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมมิตรภาพระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่ยาวนานกว่า 188 ปี ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีฝากความยินดีถึงนายโจเซฟ อาร์. ไบเดน ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พร้อมระบุว่าไทยได้ติดตามนโยบายของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง และหวังว่าไทยกับสหรัฐฯ จะเพิ่มพูนความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อกันในลักษณะ Win-Win ต่อไป

ด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับ พร้อมชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่มีมายาวนานหลายทศวรรษ มีความร่วมมือระหว่างกันที่แน่นแฟ้น โดยเฉพาะด้านความมั่นคง และเศรษฐกิจ และ เห็นว่าขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากจากโควิด-19 ซึ่งสหรัฐฯ เข้าใจและมีนโยบายด้านการจัดหาวัคซีนเพื่อช่วยเหลือหลาย ๆ ประเทศให้ผ่านพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวรวมถึงพร้อมให้การสนับสนุนไทยในการเข้าถึงวัคซีน ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณและยินดีรับการสนับสนุนโดยจะดำเนินการตามกระบวนการนำเข้าวัคซีนต่อไป

จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นสำคัญอื่น ๆ ร่วมกัน อาทิ ประเด็นเรื่องสภาพภูมิอากาศที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่าไทยให้ความสำคัญ และสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว  (Bio-Circular-Green  Economy: BCG Economy) ของไทย ซึ่งจะนำเข้าเป็นวาระสำคัญในการประชุมเอเปค ปี 2565 ต่อไป ในส่วนประเด็นเรื่องความมั่นคงของมนุษย์ โดยเฉพาะการต่อต้านการค้ามนุษย์ รัฐบาลได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และมุ่งมั่นแก้ปัญหาผ่านความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่ง รมช.กต. สหรัฐฯ ชื่นชมความมุ่งมั่นของไทยและพร้อมสนับสนุนไทย

นอกจากนี้ ในประเด็นความร่วมมือพหุภาคี นายกรัฐมนตรีชื่นชมสหรัฐฯ ที่มีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในภูมิภาคอาเซียน และอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงมาโดยตลอด ยืนยันว่า ไทยพร้อมสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์และความร่วมมือกับสหรัฐฯ ต่อไป ซึ่งในตอนท้าย ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อสถานการณ์ในเมียนมา ที่ผ่านมาได้ติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด เชื่อมั่นว่าไทยและอาเซียนมีการดำเนินการที่สร้างสรรค์เพื่อหาทางออกที่สันติ 

รมช.ต่างประเทศฯ สหรัฐฯ กล่าวแสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับกรณีผู้หนีภัย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยมีประสบการณ์เกี่ยวกับผู้หนีภัยภายใต้หลักมนุษยธรรมพร้อมยืนยันว่าไทยมุ่งหวังให้เกิดการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี 

ทนายตั้ม พา ‘ลุงพล’ มอบตัว หลังตกเป็นผู้ต้องหาคดี ‘น้องชมพู่’

จากกรณีการหายตัวไปของ “น้องชมพู่” ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ซึ่งหายตัวไปจากบ้านพักในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ก่อนถูกพบเสียชีวิตอยู่บริเวณเขาภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก ห่างจากบ้านพักประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 เวลาผ่านไปนานกว่า 1 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมานำเนินคดีได้

โดยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ศาลจังหวัดมุกดาหารได้อนุมัติหมายจับ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” เลขหมายจับที่ 53/2564 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ใน 3 ข้อหา

คือพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร, ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย, และกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความของนายไชย์พล หรือลุงพล ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่เลขหมายจับที่ 53/2564 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ในข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร, ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตายและกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป เปิดเผยว่า วันนี้ตนจะพานายไชย์พลไปมอบตัวกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 10.00 น.

 

ที่มา : https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2754307

ภาพจาก : ภาพจาก ทวิตเตอร์ @fm91trafficpro


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ประกันสังคม สรุปผลดูแลผู้ประกันตนตรวจโควิด-19 เชิงรุก ภาพรวม 10 จุด ล่าสุด 31 พ.ค. 64 ช่วยคัดกรองฯ ไปแล้วกว่า 2.35 แสนคน

นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายให้ความสำคัญกับการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตน จึงได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมบูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร และกระทรวงสาธารณสุข โดย สปสช. ดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ให้กับผู้ประกันตนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ภายใต้โครงการ “แรงงาน...เราสู้ด้วยกัน” เป้าหมายเพื่อดูแลผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 โดยเพิ่มช่องทางบริการตรวจเชื้อให้กับผู้ประกันตนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 10 จุดที่อยู่ในพื้นที่ในกรุงเทพฯ ปทุมธานี สมุทรปราการ นนทบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ สมุทรสาคร ภูเก็ต ระยอง และพระนครศรีอยุธยา เพื่อลดปัญหาความแออัดการตรวจคัดกรองในโรงพยาบาล และให้ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ดีโครงการดังกล่าว ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาคเอกชน และโรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมดำเนินการตรวจโควิดเชิงรุกเป็นไปอย่างเรียบร้อย สามารถช่วยเหลือและบรรเทาสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายความแออัดจากการเข้ารับบริการตรวจคัดกรอง ลดการกระจายของโรคป้องกันการเกิดคลัสเตอร์ใหม่ ในสถานประกอบได้เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก

นายทศพล กล่าวต่อไปว่า สำหรับภาพรวมในการดำเนินการตรวจโควิด-19 เชิงรุกให้กับผู้ประกันตน ณ 31 พ.ค. 64 ยอดรวมสะสมทั้งสิ้น ของการเปิดให้บริการ ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.-31 พ.ค.64 จุดตรวจอาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชน กรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง มีผู้มาตรวจจำนวน 89,921 คน ที่จังหวัดปทุมธานี จุดตรวจวิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี มีผู้มาตรวจจำนวน 15,862 คน ตรวจเชิงรุก ในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจ จำนวน 25,416 คน รวมทั้งสิ้น 41,278 คน ที่จังหวัดสมุทรปราการ จุดตรวจสถาบันฝีมือแรงงาน ภาค 1 มีผู้มาตรวจจำนวน 9,453 คน ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการมีผู้มาตรวจจำนวน 23,727 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 32,680 คน ที่จังหวัดนนทบุรี จุดตรวจเทศบาลเมืองพิมลราช มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 3,369 คน ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจจำนวน 12,494 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 15,863 คน ที่จังหวัดชลบุรี ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 23,000 คน ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจทั้งสิ้น จำนวน 10,777 คน ที่จังหวัดสมุทรสาคร ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 11,413 คน ที่จังหวัดภูเก็ตมีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 690 คน ที่จังหวัดระยอง ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 6,675 คน และที่จังหวัดอยุธยา ตรวจเชิงรุกในสถานประกอบการ มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 3,211 คน โดยภาพรวมทั้ง 10 จุด ในการตรวจโควิด-19 เชิงรุกให้กับผู้ประกันตน มีผู้มาตรวจทั้งสิ้นจำนวน 235,508 คน

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวในตอนท้ายว่า สำนักงานประกันสังคม พร้อมร่วมขับเคลื่อน การดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่มุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ และควบคุมการแพร่ระบาดในช่วงที่รอการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top