Sunday, 11 May 2025
NEWS

กระทรวงแรงงาน เผยมาตรการสำหรับผู้เดินทางจากประเทศไทยไปกาตาร์ ช่วงโควิด-19

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แจ้งคนหางานที่จะเดินทางไปทำงานรัฐกาตาร์ ช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต้องปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐกาตาร์กำหนด โดยต้องมีวีซ่าทำงานประเภท Work-Yearly Resident และใบอนุญาตเข้าเมือง พร้อมทั้งตรวจสุขภาพ และตรวจหาเชื้อโควิด-19 ณ โรงพยาบาลที่รับรองจากฝ่ายกาตาร์ 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากทำให้แรงงานไทยได้รับการดูแลที่ดีตามสิทธิที่พึงมี ได้รับค่าจ้างที่เหมาะสม และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย โดยสำหรับรัฐกาตาร์ กระทรวงแรงงานได้พิจารณาให้ยกเลิกการชะลอการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในรัฐกาตาร์ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 หลังจากประเมินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของรัฐกาตาร์ว่ามีประสิทธิภาพ มีการพัฒนาด้านกฎระเบียบ และกฎหมายที่ดีขึ้น เอื้อประโยชน์แก่แรงงานไทย ตลอดจนตลาดแรงงานในรัฐกาตาร์ยังต้องการแรงงานไทยที่มีทักษะฝีมือ สำหรับโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก 

นายสุชาติฯ กล่าวต่อไปว่า ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานกระทรวงแรงงานให้แจ้งมาตรการสำหรับผู้เดินทางจากประเทศไทยไปยังรัฐกาตาร์ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ดังนี้

1.) คนหางานที่เดินทางไปทำงานในรัฐกาตาร์จะต้องได้รับการตรวจลงตราเพื่อการทำงานประเภท Work-Yearly Resident พร้อมใบอนุญาตเข้าเมือง (Exceptional Entry Permit) โดยนายจ้างจะต้องเป็นผู้ดำเนินการให้โดยระบบออนไลน์

2.) คนหางานก่อนเดินทางไปทำงานในรัฐกาตาร์ จะต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพกับโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองจากโครงการตรวจสุขภาพสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ (Expatriate Health Check-up Program) ของสภาสาธารณสุขกลุ่มประเทศอ่าว (Gulf Health Council States) ซึ่งมีจำนวน 5 แห่ง ได้แก่ (1.) โรงพยาบาลเวชธานี (2.) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (3.) โรงพยาบาลกรุงเทพ (4.) โรงพยาบาลปิยะเวท และ (5.) โรงพยาบาลรามาธิบดี 

3.) ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ารัฐกาตาร์สามารถตรวจหาเชื้อ COVID-19 ภายใน 48 ชม. ก่อนเดินทางจากโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองจากฝ่ายกาตาร์ ได้แก่ (1.) โรงพยาบาลเวชธานี (2.) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และ (3.) โรงพยาบาลกรุงเทพ โดยจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 6,500-8,000 บาท กรณีคนหางานตรวจหาเชื้อ COVID-19 จากโรงพยาบาลที่ได้รับรองจากรัฐกาตาร์ เมื่อเดินทางไปถึงรัฐกาตาร์ไม่ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้ออีก แต่หากตรวจหาเชื้อ COVID-19 นอกเหนือจากโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่งที่กล่าวมา เมื่อเดินทางไปถึงรัฐกาตาร์ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ที่ท่าอากาศยานกรุงโดฮาอีกครั้งโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

4.) หากผู้ที่เดินทางเข้าไปรัฐกาตาร์ที่ยังไม่มีบัตรถิ่นพำนัก (QID) จะต้องกักตัวที่โรงแรมเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน โดยนายจ้างต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการกักตัว ทั้งนี้ หากแรงงานที่เข้ารับการกักตัวไม่สามารถพักห้องเดี่ยวได้จะต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน

5.) เมื่อพ้นระยะเวลาการกักตัว นายจ้างจะต้องนำลูกจ้างไปตรวจโรคเพื่อจัดทำบัตรถิ่นพำนัก (QID) และจัดทำบัตรสุขภาพต่อไป

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ขอให้ประชาชน คนหางานที่จะเดินทางไปทำงานในรัฐกาตาร์  ตรวจสอบข้อมูลตำแหน่งงาน ลักษณะงาน ตลอดจนประเทศที่จะไปจากเจ้าหน้าที่ของกรมการจัดหางาน ก่อนตัดสินใจเดินทางไปทำงานต่างประเทศและเลือกเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมี 5 วิธี ได้แก่

1.) บริษัทจัดหางานจัดส่ง

2.) กรมการจัดหางานจัดส่ง(รัฐจัดส่ง)

3.) นายจ้างพาลูกจ้างไปทำงานต่างประเทศ

4.) นายจ้างส่งลูกจ้างไปฝึกงานในต่างประเทศ

5.) คนหางานเดินทางไปทำงานต่างประเทศด้วยตนเอง เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิ และสวัสดิการตามมาตรฐานที่พึงมี และป้องกันการตกเป็นเหยื่อของผู้ฉวยโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ 

“ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาระบบการไปทำงานในต่างประเทศ โทรศัพท์ 02-245-6708-9 ในวันและเวลาราชการ หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694”  นายไพโรจน์ฯ กล่าว

เหล่าทัพอัพเดทจำนวนเตียง รพ.สนามทหาร ยังเหลือพร้อมช่วยปชช.

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ได้เปิดเผยความคืบหน้าการใช้โรงพยาบาลสนามของแต่ละเหล่าทัพ โดยกองทัพบกปัจจุบันได้เปิดใช้งานโรงพยาบาลสนามกองทัพบกแล้วตอนนี้จำนวน 9 แห่ง พร้อมรองรับผู้ป่วยได้ทั้งหมดจำนวน 1,013 เตียง ใช้บริการ 376 เตียง คงเหลือ 637 เตียง แบ่งเป็น

1.) กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 พร้อมรับ 300 เตียง ใช้บริการ 233 เตียง เหลือ 67 เตียง

2.) กรมพลาธิการทหารบก พร้อมรับ 100 เตียง ซึ่งยังไม่มีผู้เข้ารับการบริการ

3.) กองพันเสนารักษ์ที่ 1 จ.ลพบุรี พร้อมรับ 50 เตียง ซึ่งยังไม่มีผู้เข้ารับการบริการ

4.) ศูนย์การทหารราบ จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมรับ 100 เตียง ใช้บริการ 34 เตียง เหลือ 66 เตียง

5.) กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 5 จ.สงขลา พร้อมรับ 100 เตียง ซึ่งยังไม่มีผู้เข้ารับการบริการ

6.) กองพลทหารราบที่ 15 จ.สงขลา  พร้อมรับ 100 เตียง ซึ่งยังไม่มีผู้เข้ารับการบริการ

7.) กองพันที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 พร้อมรับ 40 เตียง ยังไม่มีผู้เข้ารับการบริการ

8.) โรงพยาบาลสนามกองทัพบก (เกียกกาย) พร้อมรับ 136 เตียง ใช้บริการแล้ว 107 เตียง เหลือ 29 เตียง และ9.กรมยุทธศึกษาทหารบก และ

9.) กรมยุทธศึกษาทหารบก พร้อมรับ 87 เตียง ใช้บริการ 2 เตียง เหลือ 85 เตียง

สำหรับกองทัพเรือ เปิดใช้งานโรงพยาบาลสนามกองทัพเรือแล้วตอนนี้จำนวน 3 แห่ง พร้อมรองรับผู้ป่วยได้ทั้งหมดจำนวน 726 เตียง ใช้บริการ 156 เตียง คงเหลือ 570 เตียง แบ่งเป็น 1.ศูนย์ฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง จ.ชลบุรี พร้อมรับ 320 เตียง ใช้บริการ 31 เตียง เหลือ 289 เตียง 2.ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า จ.ระยอง พร้อมรับ 174 เตียง ใช้บริการ 89 เตียง เหลือ 85 เตียง 3.สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 16 บ้านจันทรเขลม จ.จันทบุรี พร้อมรับ 232 เตียง ใช้บริการ 36 เตียง เหลือ 196 เตียง นอกจากนี้กองทัพเรือยังได้เตรียมเปิดโรงพยาบาลแห่งที่ 3 ซึ่งจะใช้สนามกีฬาภูติอนันต์ 2 กรมสรรพาวุธทหารเรือ กทม. สามารถรองรับได้ 80 เตียง

ส่วนกองทัพอากาศ  เปิดใช้งานโรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศแล้วตอนนี้จำนวน 2 แห่ง พร้อมรองรับผู้ป่วยได้ทั้งหมดจำนวน 240  เตียง ใช้บริการ 109 เตียง คงเหลือ 131 เตียง แบ่งเป็น 1.โรงพยาบาลสนามทอ. ดอนเมือง  พร้อมรับ 120 เตียง ใช้บริการ 33 เตียง เหลือ 87 เตียง 2.โรงพยาบาลสนามทอ. โรงเรียนการบินกำแพงแสน จ.นครปฐม  พร้อมรับ 120 เตียง ใช้บริการ 76 เตียง เหลือ 44 เตียง

รมว.คลัง ระบุ ไม่ได้ข้อสรุปคืนสถานะรัฐวิสาหกิจ การบินไทย

เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า แผนฟื้นฟูบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการพิจารณาผู้ทำแผนฟื้นฟูฯ ที่กำหนดจะจัดประชุมเจ้าหนี้ให้โหวตแผนฟื้นฟูในวันที่ 12 พ.ค.นี้ จึงจะทราบว่าเจ้าหนี้จะรับแผนฟื้นฟูฯ หรือไม่ ส่วนกรณีที่จะดึงการบินไทยกลับมามีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจนั้น “กระทรวงการคลังยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้” “ให้ไปคุยกันให้เรียบร้อยก่อน และต้องดูข้อเสนอว่าเป็นไปได้หรือไม่ ยังต้องรอดูความชัดเจนของผลโหวตรับแผนฟื้นฟูฯจากเจ้าหนี้ด้วย เพราะการเพิ่มทุนมีหลายแนวทาง ซึ่งขณะนี้แผนฟื้นฟูการบินไทยยังอยู่ในขั้นตอนของผู้ทำแผนฟื้นฟูฯ กับทางเจ้าหนี้” นายอาคม ระบุ

ส่วนกรณีที่กองทุนวายุภักษ์ 1 ขายหุ้นการบินไทยในช่วงที่ผ่านมานั้น นายอาคม กล่าวว่ากระทรวงการคลังมองว่าเป็นการบริหารจัดการพอร์ตหุ้นตามปกติ ตามกลไกราคา

พ.อ.นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) กล่าวว่า กรณีที่จะให้ธพส.เข้าไปซื้อหุ้นการบินไทยนั้น เป็นเรื่องของนโยบาย ซึ่งธพส.พร้อมดำเนินการตามนโยบาย แต่หากมีโอกาสก็พร้อม โดยเฉพาะการศึกษาการนำทรัพย์สินที่มีอยู่ของการบินไทย มาพัฒนาต่อยอดสร้างรายได้ และกำไร เพื่อนำเงินส่งเป็นรายได้แผ่นดิน

“การบินไทย มีทรัพย์สิน จำนวนมาก เช่น อาคารสำนักงานการบินไทย ทั่วประเทศ หาก ธพส. มีโอกาสเข้าไปก็สามารถนำทรัพย์สินนั้น มาพัฒนาต่อยอดและนำไปให้เช่าได้ ก็สามารถสร้างรายได้ให้ทั้งการบินไทยและธพส.” พ.อ.นาฬิกอติภัค กล่าว

การบินไทยผุดแคมเปญล่ารายชื่อหนุน “พีระพันธุ์” นั่งบริหารแผนฟื้นฟู เตรียมยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและเจ้าหนี้รายใหญ่ 3 พ.ค.นี้

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2564 นายนเรศ ผึ้งแย้ม  ที่ปรึกษาสหภาพแรงงานการบินไทยร่วมใจสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทีมงานได้ทำแคมเปญสำรวจความคิดเห็นของพนักงานทุกกลุ่มผ่านทาง Change.org ในประเด็นสนับสนุนให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มาเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูการบินไทย

โดยเหตุผลที่มีการทำแคมเปญนี้ขึ้นมา เพราะที่ผ่านมาการบินไทยยังขาดผู้บริหารที่มีความซื่อสัตย์ เป็นธรรม และโปร่งใส แม้จะออกจากรัฐวิสาหกิจมาแล้วขณะนี้ก็ยังมองไม่เห็นทางรอด จึงต้องการคนอย่างนายพีระพันธุ์ ให้มาบริหารแผนฟื้นฟูการบินไทยเพราะมองว่าเป็นความหวังที่จะพาการบินไทยไปรอด ถือเป็นบุคคลที่เก่ง มีประสบการณ์

อย่างไรก็ตามขณะนี้ผลการลงชื่อในแคมเปญสนับสนุนให้นายพีระพันธุ์เป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูการบินไทยผ่าน Change.org เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพบว่ามีคนเข้ามาสนับสนุนแล้วกว่า 1,267 คน โดยหลังจากนี้จะนำหนังสือไปยื่นต่อนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเจ้าหนี้รายใหญ่ทั้ง 3 ราย ในวันที่ 3 พ.ค.นี้

ฝ่ายความมั่นคงไทย ยังคงตรึงกำลังมิให้มีการละเมิดหรือรุกล้ำอธิปไตย หลังสถานการณ์ชายแดนยังไม่สงบ พบ เครื่องบินเมียนมาบินตรวจการเป็นระยะ ชาวบ้านยังหวาดกลัวไม่กล้ากลับเข้าหมู่บ้าน

ความเคลื่อนไหวสถานการณ์ชายแดนฝั่งเมียนมา บริเวณตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังเกิดเหตุกะเหรี่ยง KNU บุกโจมตีฐานที่มั่นทหารเมียนมา เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยชาวบ้านยังเห็นเครื่องบินเมียนมา บินตรวจการในพื้นที่ฝั่งประเทศเมียนมาเมื่อวานนี้

ซึ่งก่อนหน้านี้มีชาวบ้านแม่สามแลบบางส่วนที่อพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย สมัครใจที่จะกลับไปอาศัยอยู่บ้านเนื่องจากเป็นห่วงข้าวของ แต่ต้องยกเลิกการตัดสินใจทันที บางส่วนไปพักอาศัยบ้านญาติที่อยู่ห่างจากพื้นที่ริมน้ำที่ลึกเข้ามา และ บางส่วนได้เดินทางกลับเข้าไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยที่บ้านห้วยกองก๊าด เหมือนเดิม หลังจากช่วงเที่ยงของเมื่อวานชาวบ้านเห็น เครื่องบินบินผ่านบริเวณฐานซ่อแลท่า ฝั่งประเทศเมียนมา

ขณะที่ ทางหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงของไทย ยังคงปิดกั้นไม่ให้สื่อหรือบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ เข้าไปในพื้นที่บ้านแม่สามแลบ เนื่องจากต้องป้องกันความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของสถานการณ์การณ์โควิด และ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และ ยังคง ตรึงกำลังมิให้มีการละเมิดหรือรุกล้ำอธิปไตย และ คอยช่วยเหลืออำนวยความสะดวกแก่ ผู้หลบหนีภัย และให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บตามหลักมนุษยธรรม


สุกัลยา / ถาวร รายงาน

Update ! 73 จังหวัด/พื้นที่ (72 จังหวัด + กทม.) ที่มีบทลงโทษ กรณีประชาชนไม่ใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เมื่ออยู่นอกเคหสถาน/สถานที่สาธารณะ เพิ่ม จังหวัดเชียงราย น่าน และกำแพงเพชร

Update ! 73 จังหวัด/พื้นที่ (72 จังหวัด + กทม.) ที่มีบทลงโทษ กรณีประชาชนไม่ใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เมื่ออยู่นอกเคหสถาน/สถานที่สาธารณะ เพิ่ม จังหวัดเชียงราย น่าน และกำแพงเพชร

ภาคกลางและภาคตะวันออก

1.) กาญจนบุรี (เฉพาะตลาด ตลาดนัด ตลาดน้ำ)
2.) ปราจีนบุรี
3.) เพชรบุรี
4.) สุพรรณบุรี
5.) อยุธยา
6.) สมุทรสาคร
7.) ลพบุรี
8.) สมุทรปราการ
9.) ประจวบคีรีขันธ์
10.) ชลบุรี
11.) สระบุรี
12.) ตราด
13.) นนทบุรี
14.) นครปฐม
15.) จันทบุรี
16.) กรุงเทพมหานคร
17.) ปทุมธานี
18.) ฉะเชิงเทรา
19.) อ่างทอง
20.) สระแก้ว
21.) ชัยนาท
22.) นครนายก
23.) สิงห์บุรี
24.) ราชบุรี

ภาคใต้

1.) สุราษฎร์ธานี
2.) ตรัง
3.) นครศรีธรรมราช
4.) นราธิวาส
5.) ปัตตานี
6.) พังงา
7.) ภูเก็ต
8.) ระนอง
9.) สตูล
10.) สงขลา
11.) ยะลา
12.) กระบี่
13.) พัทลุง
14.) ชุมพร

ภาคเหนือ

1.) สุโขทัย 
2.) ตาก
3.) เพชรบูรณ์
4.) อุตรดิตถ์
5.) ลำปาง
6.) ลำพูน
7.) พิษณุโลก
8.) เชียงใหม่
9.) นครสวรรค์
10.) แพร่
11.) อุทัยธานี
12.) พิจิตร
13.) เชียงราย
14.) น่าน
15.) กำแพงเพชร

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

1.) ยโสธร
2.) หนองคาย
3.) อุบลราชธานี
4.) ชัยภูมิ
5.) มหาสารคาม
6.) มุกดาหาร
7.) ศรีสะเกษ
8.) สุรินทร์
9.) อุดรธานี 
10.) เลย
11.) อำนาจเจริญ 
12.) บุรีรัมย์
13.) นครพนม
14.) ขอนแก่น
15.) กาฬสินธุ์
16.) นครราชสีมา
17.) บึงกาฬ
18.) หนองบัวลำภู
19.) ร้อยเอ็ด
20.) สกลนคร

นอกจากนี้ จังหวัดสมุทรสงคราม มีประกาศ "ขอความร่วมมือ" ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า
ศบค.มท.
ข้อมูล ณ 29 เม.ย.64 เวลา 09.20 น.

'สรยุทธ' ได้โพสต์ความในใจผ่านเฟซบุ๊กโดยบอกเล่าความรู้สึกตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรือนจำจนกระทั่งได้รับการพักโทษและมีโอกาสกลับมานั่งอ่านข่าวอีกครั้งว่า...

หลังจากได้ปล่อยทีเซอร์เตรียมคัมแบ็คในเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 อีกครั้งของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ไปก่อนหน้า

ล่าสุด สรยุทธ ได้โพสต์ความในใจผ่านเฟซบุ๊กโดยบอกเล่าความรู้สึกตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรือนจำจนกระทั่งได้รับการพักโทษและมีโอกาสกลับมานั่งอ่านข่าวอีกครั้งว่า...

วันที่ผมถูกจำคุก รับโทษตามคำพิพากษา

ผมนึกถึงประโยค อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้

พูดง่าย แต่ทำยากเหลือเกิน โดยเฉพาะทำใจ

ผมพยายามมองในแง่ดีว่า อย่างน้อยมันก็จบเสียที

วันหนึ่งผมจะได้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่

ในคุก ผมพยายามใช้เวลาให้เป็นประโยชน์

ทั้งกับเรือนจำ ทั้งกับเพื่อน ๆ ผู้ต้องขัง

แม้กระทั่งกับตัวผมเองเพื่อให้เวลามันผ่านไปได้

ในคุกไม่เคยมีความสุข

ขอแค่ทุกข์พอประมาณก็ดีถมไปแล้ว

ผมได้รับมอบหมายให้ทำ “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ”

ให้ความรู้เรื่องโควิด-19 เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกจนนำไปสู่เหตุวุ่นวาย

ผมเสนอทำรายการ “กำลังใจสู่ชาวเรือนจำ”

เพราะผมอยากเห็นเพื่อน ๆ มีกำลังใจ รอวันเวลาออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่และไม่หวนกลับไปทำผิดซ้ำอีก

แน่นอน ผมต้องให้กำลังใจตัวเองด้วยให้อดทน

ก้มหน้ารับโทษตามคำพิพากษา

กระทั่งผมได้รับการพักการลงโทษตามกฎเกณฑ์

ได้ออกมาใช้ชีวิตในโลกภายนอกอีกครั้ง

ผมดีใจที่แฟนข่าวไม่ลืมกัน

โลกเปลี่ยนไปมาก สังคมข่าวสารก็เปลี่ยนไปเยอะ

งานข่าวคืออย่างเดียวที่ผมทำเป็นและการทำงานคือชีวิตของผม

ผมต้องหยุดใช้ชีวิตของผมมานาน ตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษา

ทุกวันตื่นขึ้นมาแล้วไม่ได้ไปใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็น

ทุกข์ที่สุดจริง ๆ ครับ

วันที่ผมได้รับการพักการลงโทษ ผมได้รู้ในสิ่งที่ผมเองคาดไม่ถึงจากช่องทางการสื่อสารในโลกยุคใหม่

ทุกคนแสดงออกได้ บอกความรู้สึกได้

ผมได้รู้ว่ามีแฟนข่าวรอคอยการกลับมา

กลับมาทำหน้าที่หน้าจออีกครั้ง

หลายคนรับผมเป็นคนในครอบครัวจริง ๆ

หลายคนบอกว่าดูผมตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนเรียนจบ ทำงานทำการ มีลูกมีเต้า

คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายมากมายที่ลูก ๆ หลาน ๆ ออกมาบอกว่าท่านรออยู่นะ

วันแรกที่ผมเดินเข้าคุก ผมไม่ได้ร้องไห้

แต่วันแรกที่ผมได้พักการลงโทษ ผมกลับบ้านไปร้องไห้

ผมได้อ่านข้อความต่าง ๆ เสมือนได้พบครอบครัวใหญ่ของผม

เสมือนญาติ ๆ สนิทของผม พากันมารับผมออกจากเรือนจำ

หลายคนบอกน้ำตาไหล และผมก็น้ำตาไหล

พวกเขาน่าจะอยากให้ผมได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ กลับไปทำหน้าที่พูดคุยกับพวกเขาทุกเช้า

พวกเขาอยากให้ผมกลับไปทำรายการ เป็นคนมานั่งบอกเล่าข่าวให้ฟังทุก ๆ วัน

บางวันฟังแล้วเขาอาจจะชอบใจ บางวันอาจจะไม่ชอบใจ เหมือนที่เคยเป็นมา

เป็นเพื่อน เป็นพี่เป็นน้อง เป็นลูกเป็นหลาน เป็นลุงเป็นอา ยามที่เขาทำกิจวัตรตอนเช้า

หรือแม้แต่เป็นนาฬิกาปลุก

ไม่มีใครรู้ว่ารายการที่ผมกลับมาทำจะประสบความสำเร็จหรือไม่?

โลกเปลี่ยนไป สังคมเปลี่ยนไป

แต่ผมเชื่อของผมว่า ครอบครัวข่าวของผม แฟนข่าวของผม ยังอยากพบอยากเจอกัน

ความผูกพันที่เกิดขึ้นจากความจริงใจต่อกันมายาวนาน

วันนี้ ผมอยากจะกลับมาทักทาย พูดคุย เล่าเรื่อง

อยากจะร่วมทุกข์ร่วมสุขอย่างที่เคยเป็นมา

ขอบคุณที่ติดตามเป็นกำลังใจให้เสมอมาครับ


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=3980372595383814&id=1263483477072753

ทบ.แจ้งเลื่อนรับทหารใหม่ จากเดิม 1-3 พ.ค. เป็น 1 และ 3 กรกฎาคม 64 สอดคล้องสถานการณ์ COVID คำนึงความปลอดภัยทหารใหม่เป็นสำคัญ

พล.ท. สันติพงศ์ ธรรมปิยะ  โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่ กองทัพบกได้ดำเนินการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้าเป็นทหารกองประจำการประจำปี 2564 ตั้งแต่วันที่ 1-20 เมษายน 2564 ซึ่งการตรวจเลือกเป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อยภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 โดยทางราชการได้มีการนัดหมาย

ให้ผู้ที่ผ่านการตรวจเลือกเข้ารายงานตัวเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ผลัด 1/2564 ในห้วงวันที่ 1-3 พฤษภาคม ตามที่ระบุไว้ในหมายนัดเข้ารับราชการทหาร (สด.40)  โดยมีทหารกองประจำการจะต้องเข้ามารับราชการทหาร ผลัดที่ 1/2564  จากทุกเหล่าทัพ จำนวนทั้งสิ้น 45,128 นาย ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 387 นาย, กองบัญชาการกองทัพไทย 545 นาย, กองทัพบก 35,916 นาย (ทหารกองเกินที่มาจากการตรวจเลือก  32,709 นายและจากการรับสมัครฯ ด้วยระบบออนไลน์ 3,207 นาย), กองทัพเรือ 3,701นาย และกองทัพอากาศ 4,579 นาย 

เนื่องจากตั้งแต่ต้นเดือน เมษายน 2564 จนถึงปัจจุบัน สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ระลอก 3 กระจายอยู่เกือบทุกจังหวัด และ ศบค.ได้ยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด งดหรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมการอยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมากและสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา กองทัพบกได้มีการกำหนดมาตรการและเตรียมความพร้อมเพื่อรับทหารกองประจำการเข้าหน่วยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ COVID-19 มาเป็นลำดับ เพราะตระหนักดีว่าการรวมตัวของทหารกองประจำการซึ่งเป็นช่วงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ อีกทั้ง ผู้ที่จะต้องเข้ามาประจำการในหน่วยทหารมาจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ อาจมีความสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคในหน่วยทหาร แม้จะมีการเตรียมมาตรการรองรับไว้อย่างรอบด้านไว้แล้วก็ตาม ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของผู้ที่จะต้องเข้าประจำการในครั้งนี้ รวมถึงลดการกระจายเชื้อสู่ครอบครัวและประชาชน กองทัพบกจึงได้เสนอข้อพิจารณาตามสายการบังคับบัญชา เพื่อเลื่อนการรับทหารใหม่เข้าประจำการ ใน 1 และ 3 พ.ค.นี้ ออกไปก่อนจนกว่าระดับการแพร่กระจายของ COVID-19 จะลดลง 

ซึ่งเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามใน ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 21 ประกาศให้ ทหารกองเกินที่ได้รับหมายนัดเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการ รวมถึงผู้ที่ผ่านการคัดเลือกโดยวิธีร้องขอ (กรณีพิเศษ)​ งดการเดินทางเพื่อรายงานตัวเข้ารับราชการทหารกองประจำการในวันที่ 1 และ 3 พฤษภาคม 2564 โดยกำหนดให้มารายงานตัวเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการในวันที่ 1 และ วันที่ 3 กรกฎาคม 2564  เป็นการเลื่อนกำหนดการเข้ารับราชการของทหารกองประจำการ ผลัดที่ 1/64 ออกไปอีก 2 เดือน

กองทัพบกจึงขอแจ้งให้ทหารกองเกินที่จะต้องเข้าประจำการผลัดที่ 1/64 ตามหมายนัดเข้ารับราชการทหาร (สด.40) ให้ไปรายงานตัวเพื่อเข้าประจำการ โดยผู้ที่กำหนดให้รายงานตัว 1 พฤษภาคม 64 ก็ให้ไปรายงานตัว 1 กรกฎาคม 64

ส่วนผู้ที่กำหนดให้รายงานตัววันที่ 3 พฤษภาคม 64 ก็ให้ไปรายงานตัววันที่  3 กรกฎาคม 64 หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่เจ้าหน้าที่สัสดีเขต/อำเภอ หรือ กองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน https://sassadee.rta.mi.th โทร. 0-2223-3659

การเลื่อนกำหนดรายงานตัวเข้าประจำการดังกล่าว เพื่อควบคุมและป้องกันโรคในระดับบุคคล หน่วยทหาร และประชาชนทั่วไป  สอดคล้องกับมาตรการของ ศบค. ส่วนสิทธิของทหารกองประจำการ ที่เกี่ยวข้องกับการรับราชการทหารนั้น ยังคงเป็นไปตามปกติ

เจ้าของผับย่านบางพลี หันขายทุเรียนเลี้ยงลูกน้อง-จ่ายค่าเช่า

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักอยู่ในขณะนี้ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารร่วมไปถึงผับต่าง ๆ ต้องพากันปิดตัวตามนโยบายป้องการแพร่ระบาดของรัฐบาล ต่างพากันได้รับผลกระทบอย่างหนัก พนักงานต่างพากันตกงานกันเป็นจำนวนมาก และเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลง

ผู้ประกอบการบางร้านยังคงตั้งความหวังว่ารัฐบาลจะหาวิธีการหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้โดยเร็ว เพื่อจะได้กลับมาเปิดกิจการได้อีกครั้ง จึงได้หันมาหากิจกรรมอย่างอื่นมาทำ เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนหาเงินเลี้ยงลูกน้องและค่าเช่าร้านให้ประคองตัวอยู่ได้

ล่าสุด ‘ร้านโซดา’ ซึ่งเปิดกิจการประเภทผับ ตั้งอยู่กลางตลาดนัดเรือบิน ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งรอบแรกและรอบที่สอง ทำให้ต้องหยุดการดำเนินงาน ซึ่งครั้งแรกที่ว่าสาหัสแล้ว แต่พอมาครั้งที่สองสาหัสยิ่งกว่า จึงต้องหันไปรับทุเรียนหมอนทองจากจังหวัดจันทบุรีมาขาย ส่วนในโซนที่เปิดเป็นผับต้องติดป้ายเซ้งกิจการ เนื่องจากประคองเอาไว้ไม่ไหว

นายสุเทพ รุ่งเรื่อง อายุ 49 ปี หุ้นส่วนใหญ่ ได้เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางผับเราต้องปิดตัวลงทำให้ขาดรายได้และเงินที่จะต้องมาจ่ายให้พนักงานในร้านและจ่ายค่าเช่าที่ซึ่งตกแล้วเดือนละกว่า 1 แสนบาท ตนจึงได้หาทางออกโดยการไปรับทุเรียนมาจากสวนของเพื่อนที่อยู่ในจังหวัดจันทบุรี ประกอบช่วงนี้เป็นช่วงที่สถานการณ์โควิดกำลังระบาดอย่างรุนแรง ทำให้ธุรกิจใหญ่ของตนต้องปิดตัวลง จึงได้หันไปรับทุเรียนมาขายเพื่อหารายได้เลี้ยงลูกน้องและจ่ายค่าเช่าที่ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว จังหวะเป็นช่วงเข้าหน้าทุเรียนพอดี

สำหรับ ราคาขายเริ่มตั้งแต่ 100 บาทไปจนถึง 140 บาท ต่อกิโลกรัม คิดเป็นกำไรแค่กิโลกรัม 5-10 บาทเท่านั้น แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่อีกอย่างหนึ่งคือหน้าทุเรียนจันทบุรี จะมีแค่ 4 เดือน และถ้าหมดหน้าทุเรียนแล้วสถานการณ์โควิดยังระบาดอยู่หรือเปล่า ถ้ามันยังอยู่เราก็ต้องคิดหาผลไม้อย่างอื่น อาจจะมีเงาะ มังคุดหรือลองกองมาขายแทน และเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ทุเรียนพึ่งมาส่งให้ 5 ตัน จากที่โควิดระบาดช่วงแรกเราลงครั้งละ 10 ตัน เราก็จะขายประมาณ 2-3 วันก็หมด เพราะเราขายถูก มีทั้งมารับไปขายมีทั้งคนมาซื้อกินเอง และของเรายังมีปลอกเนื้อขายด้วย แต่ถ้าชาวบ้านมาซื้อเอาไปกินเองเราก็จะคิดค่าบริการปลอกแค่ 20 บาท ส่วนที่เราปลอกแล้วเหลือแต่เนื้อล้วน ๆ เราขายกิโลกรัมละ 550 บาท

โดยเฉลี่ยในแต่ละวันจะมีคนมาสั่งเนื้อทุเรียนที่แกะไว้วันละไม่ต่ำกว่า 100 กิโลกรัม และตนยืนยันว่าทุเรียนหมอนทองที่รับมานั้น เป็นทุเรียนจากจังหวัดจันทบุรี 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ทุเรียนจากที่อื่นมาย้อมแมวขาย และถ้าซื้อทุเรียนจากเราไปลูกไม่สุกหรือเป็นทุเรียนอ่อนสามารถนำกลับมาเคลมที่ร้านได้

ส่วนรายได้จากการขายทุเรียน ก็พอได้ค่าข้าวค่าลูกน้องจะได้ไม่ตกงานและค่าเช่าที่ บางครั้งก็ขาดบ้างเราก็ต้องเติมเอา แต่ก็ยังดีกว่าขาดทั้งหมด โดยเราจะเปิดขายตั้งแต่ 08.00 น.ไปจนถึง 20.00 น.ทุกวัน หรือเข้ามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ในเพจ เจ๊นก ทุเรียนจันทบุรี หรือโทรสอบถามได้ที่หมายเลข 096-395-4626


ภาพ - ข่าว ก๊วก สมุทรปราการ

ครม. ให้ อนุรักษ์-พัฒนา เมืองเก่าอุทัยธานี เมืองเก่าตรัง และเมืองเก่าฉะเชิงเทรา

เมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าและแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าอุทัยธานี เมืองเก่าตรัง และเมืองเก่าฉะเชิงเทรา โดยขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าอุทัยธานี มีเนื้อที่ประมาณ 1.96 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,058 ไร่  มีสถานที่สำคัญเช่น วัดอุโปสถารามหรือวัดโบสถ์ พื้นที่ย่านการค้าดั้งเดิมบริเวณถนนศรีอุทัยและถนนท่าช้าง ย่านชุมชนชาวจีนตรอกโรงยา และชุมชนชาวแพแม่น้ำสะแกกรัง

ส่วนขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าตรัง มีเนื้อที่ประมาณ 1.91 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,192  ไร่  มีองค์ประกอบเมืองที่สำคัญเช่น หอนาฬิกาจังหวัดตรัง สถานีรถไฟตรัง วิหารคริสตจักรตรัง จวนผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พื้นที่ย่านศูนย์กลางการค้าดั้งเดิมบริเวณถนนพระราม6 ถนนวิเศษกุล ถนนกันตัง และถนนราชดำเนิน ซึ่งมีอาคารเรือนแถวและบ้านร้านค้าแบบจีนและแบบผสมผสาน 

และขอบเขตพื้นที่เมือเก่าฉะเชิงเทรามีเนื้อที่ประมาณ 3.96  ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 2,475 ไร่ ครอบคลุมองค์ประกอบเมืองที่สำคัญเช่น ป้อมและกำแพงเมืองตามแนวตะวันออก-ตะวันตกขนานกับแม่น้ำบางปะกง วัดโสธรวรารามวรวิหาร อาคารไปรษณีย์หลังเก่า  ศาลหลักเมืองฉะเชิงเทรา พื้นที่ย่านการค้าบริเวณถนนมรุพงษ์  และพื้นที่บริเวณริมแม่น้ำบางปะกง ย่านการค้าตลาดทรัพย์สินพระมหากษัตริย์

 แนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า ประกอบด้วย  1.แนวทางทั่วไป ได้แก่ การมีส่วนร่วมและการประชาสัมพันธ์ การสร้างจิตสำนึกการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน การส่งเสริมกิจกรรมและวิถีชีวิตท้องถิ่น การส่งเสริมคุณภาพชีวิต การป้องกันภัยคุกคามจากมนุษย์และธรรมชาติ การประหยัดพลังงาน ด้านการสัญจรและสภาพแวดล้อม และการดูแลและบำรุงรักษาอาคารและสาธารณูปการ 2. แนวทางสำหรับพื้นที่หลัก ได้แก่ ด้านการใช้ประโยชน์ที่ดิน ด้านอาคารและสภาพแวดล้อม ด้านระบบการจราจรและคมนาคมขนส่ง ด้านการพัฒนาภูมิทัศน์ และด้านการบริหารและการจัดการ

กองบัญชาการตำรวจนครบาล ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ได้เชิญรถตรวจโควิด-19 พระราชทาน มาให้บริการตรวจฟรีแก่ข้าราชการตำรวจในสังกัด สร้างความพร้อมทำงานเพื่อประชาชน

วันนี้ (27 เม.ย.64) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น., พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.อภิสัณห์ หว้าจีน รอง ผบก.อก.บช.น. ได้นำข้าราชการตำรวจในสังกัด จำนวน 1,200 นาย เข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) โดยใช้รถตรวจหาเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน จากสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ณ.ลานฝึกอบรม วังปารุสกวัน โดยจะเริ่มตรวจตั้งเเต่ เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป จำนวน 2 วัน วันละ 600 นาย เพื่อป้องกันการติดเชื้อของข้าราชการตำรวจในสังกัด

นอกจากนี้ ทาง ผบช.น. ยังได้เปิดเผยอีกว่า กรณีข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลติดเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) นั้น เป็นเพียงบางส่วนไม่ใช่จำนวนมาก ขอยืนยันว่าตำรวจนครบาลยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนได้ตามปกติ และขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมือในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) เป็นอย่างดี

กองบัญชาการตำรวจนครบาล ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า แม้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (Covid-19) เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดอย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกันหากพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่เสี่ยงที่ฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อ โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือสถานีตำรวจท้องที่ได้ทันที

​​​


ที่มา: ทีมงานประชาสัมพันธ์ บช.น.

'ไบเดน' ไฟเขียว!! ปล่อย AstraZeneca 60 ล้านโดสสู่ตลาดต่างแดน หลังหวงแหนวัคซีน เพราะยึดนโยบาย American First จนถูกด่า

หลังจากที่โดนกระแสวิจารณ์อย่างมากมาย เรื่องนโยบาย American First ของ 'โจ ไบเดน' ที่จะเร่งฉีดวัคซีน 100 ล้านโดส ภายใน 100 วันที่เข้ารับตำแหน่ง และกลายเป็นที่มาของคำสั่งประธานาธิบดี ระงับการส่งออก 'วัคซีน Covid-19' และ 'วัตถุดิบ' ที่ใช้ผลิตวัคซีนออกนอกประเทศ เพื่อสงวนไว้ผลิตวัคซีนเฉพาะในสหรัฐอเมริกา จนผู้ผลิตวัคซีนต่างประเทศขาดแคลน ไม่สามารถเร่งผลิตวัคซีนได้ตามกำหนดเวลา

โดยหนึ่งในนั้นคือบริษัท The Serum Institute of India (SII) โรงงานผู้ผลิตวัคซีนที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ซึ่งได้ยิง Twitter ตรงถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขอร้องให้ยกเลิกคำสั่งระงับการส่งออกวัตถุดิบ เพื่อจะได้เร่งผลิตวัคซีน AstraZeneca เนื่องจากตอนนี้อินเดียกลายเป็นประเทศที่เจอวิกฤติการแพร่ระบาดของ Covid-19 ระลอกใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้ว

เมื่อมีการนำเสนอข่าวทวิตเตอร์ของ SII ออกไป ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงนโยบายของสหรัฐฯ และ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่มุ่งแต่จะเอานโยบายของตนเป็นที่ตั้ง โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประเทศอื่น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่ยากจนที่ยังไม่มีโอกาสเข้าถึงวัคซีน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จึงได้ต่อสายตรงถึงนายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดิ เพื่อยืนยันว่าสหรัฐฯ จะรีบส่งความช่วยเหลือถึงอินเดียด่วนที่สุด รวมถึงจัดส่งวัคซีน ถังออกซิเจน และอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นไปให้ด้วย

เจ้าหน้าที่อาวุโสของทำเนียบขาวได้โพสต์ทวิตเตอร์ว่า สหรัฐฯ จะอนุมัติการส่งออกวัคซีน AstraZeneca จำนวน 60 ล้านโดสไปต่างประเทศ แต่ยังไม่มีรายละเอียดว่าวัคซีนล๊อตนี้จะถูกส่งไปที่ไหน จำนวนเท่าไหร่บ้าง ซึ่งเป็นหน้าที่รับผิดชอบขององค์การอาหารและยาที่จะเป็นผู้จัดการ และย้ำว่า วัคซีนในสหรัฐก็ยังมีอยู่อย่างจำกัด ไม่ได้มีอย่างเหลือเฟือดังที่เข้าใจ

โดยก่อนหน้านี้ทางสหรัฐได้ให้ประเทศแคนาดา และ เม็กซิโก ยืมวัคซีน AstraZeneca ไปแล้ว 4 ล้านโดส แต่ทั้งนี้ วัคซีนของ AstraZeneca ยังไม่ได้รับการรับรองให้ใช้อย่างเป็นทางการในสหรัฐฯ รับรองเพียงวัคซีนของ Pfizer Moderna และ Johnson & Johnson เท่านั้น

ปัจจุบันมีชาวสหรัฐฯ กว่า 140 ล้านคน ได้รับวัคซีน Covid-19 ไปแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม จนถึงตอนนี้โครงการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ ก็ยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างเร่งด่วนตามนโยบายของรัฐบาล และบริษัทผู้ผลิตวัคซีนเจ้าใหญ่ในสหรัฐฯ ทั้ง Pfizer และ Moderna ที่มีกำหนดส่งมอบวัคซีนจำนวน 600 ล้านโดสให้รัฐบาลกลางภายในเดือนกรกฎาคม 2021 นี้

ในวิกฤติมหาโรคระบาดระดับโลกเช่นนี้ หากประเทศมหาอำนาจคิดจะเอารอดตัวเพียงลำพัง คงไม่ดีนัก เพราะการพ้นวิกฤติแบบชัดและแท้จริง คือ การรอดไปทั้งโลก และการช่วยเหลือเผื่อแผ่ประเทศร่วมโลกที่ยากลำบาก จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง


อ้างอิง:

https://www.channelnewsasia.com/news/world/us-export-of-up-to-60-million-astrazeneca-covid-19-vaccine-14700318

https://www.express.co.uk/news/world/1420452/why-is-astrazeneca-not-approved-in-US-evg

นักแสดงหนุ่ม เอ พศิน เรืองวุฒิ เปิดเผยคำทำนายของหมอดูชื่อดังที่ได้ทำนายเรื่องราวของโควิด-19 ในประเทศไทย

นักแสดงหนุ่ม เอ พศิน เรืองวุฒิ เปิดเผยคำทำนายของหมอดูชื่อดังที่ได้ทำนายเรื่องราวของโควิด-19 ในประเทศไทย เอาไว้ก่อนจะมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดระลอกที่ 3 ซึ่งไทม์ไลน์นั้นตรงกับสถานการณ์ปัจจุบันเป๊ะ

พร้อมระบุแคปชั่นว่า “#คำทำนาย ขอให้เป็นจริงตามนั้น อ.พรหมญาณ ทำนายไว้ก่อนโควิดระบาด รอบนี้ #covid19 ไม่ได้งมงาย แต่ คำทำนายเชิงบวก มี Timeline ชัดเจน ก็อยากให้เป็นจริง #ขวัญและกำลังใจ สำคัญมาก ช่วยกันดูแลกันดี ๆ นะครับ ” โดยหมอดูชื่อดังได้ทำนายเอาไว้ว่า

เมษายน (ทำนายไว้เมื่อ 23 ธ.ค. 63) โควิดจะกลับมาระบาดหนักกว่าเดิม แพร่จากแหล่งอโคจรกิน ดื่ม เที่ยว

พฤษภาคม-มิถุนายน (ทำนายไว้เมื่อ 23 ธ.ค. 63) ไทยจะเจอวัคซีนที่ได้ผลดีมาก อาจเป็นไปได้ว่าไทยผลิตได้เอง

กรกฎาคม มีความผันผวนจากต่างประเทศ มีการถกเถียงเรื่องการรักษา

สิงหาคม-กันยายน การรักษาได้ผลดีมาก เริ่มนิ่ง มีวัคซีนตัวหนึ่งที่โดดเด่นได้ผลเกือบ 100%

ตุลาคม ควบคุมสถานะการณ์ได้ดีเกือบทั้งหมด

พฤศจิกายน มีความขัดแย้งทางวิชาการในการรักษา ทำให้วัคซีนไปไม่ทั่วโลก

ธันวาคม ทุกอย่างราบรื่น โลกเริ่มนับหนึ่งใหม่

มกราคม เปิดการเดินทางทั่วโลก


ที่มา : https://www.matichon.co.th/entertainment/news_2692094

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4503287796353073&id=100000156922776

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวถึงปัญหาการบริหารจัดการเตียงสำหรับผู้ป่วยว่า..

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวถึงปัญหาการบริหารจัดการเตียงสำหรับผู้ป่วย ว่า วันนี้มีการประชุมของคณะทำงาน 2 ชุด คือ ชุดของปลัดกระทรวงสาธารณสุข และชุดของเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ รายงานว่า วันที่ 25 เม.ย. 2564 สามารถนำผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว 1,182 คน แบ่งเป็นการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ดังนี้

- จากระบบสายด่วน 1668 และ 1330 แอดมิทได้ 155 คน ยังรอเตียง 69 คน และอื่น ๆ 3 คน (ติดต่อผู้ป่วยไม่ได้ , ปฎิเสธเข้ารับการรักษา)

- โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย แอดมิทได้ 135 คน รอเตียง 88 คน

- กรุงเทพมหานคร แอดมิทได้ 347 คน รอเตียง 37 คน

- โรงพยาบาลเอกชน แอดมิทได้ 545 คน รอเตียง 7 คน และอื่น ๆ 44 คน

ดังนั้น ข้อมูลในวันที่ 26 เม.ย. มีผู้ป่วยที่ยังรอเตียงอีก 201 คน ซึ่งทุกหน่วยงานกำลังเร่งประสานรับผู้ป่วยมาโรงพยาบาลและจัดหาเตียงให้อย่างเต็มที่

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทุก ๆ ท่านที่มีส่วนร่วม การช่วยเหลือ ทั้งเพจดัง ๆ อินฟูเอ็นเซอร์ ดารา พรรคการเมืองผู้ที่มีศักยภาพทุกองค์กรอาสามาช่วยพี่น้องประชาชนมาเข้าสู่การรักษา ทั้งในเรื่องของโลจิสติกส์ และอาหารการกิน ขอกราบขอบพระคุณแทนพี่น้องประชาชน และกราบขอบพระคุณแทนคนไข้ที่รออยู่ ทำให้เราหันมาเห็นใจกันยามทุกข์ยาก ไม่มีใครเจตนาทำให้ใครเจ็บใครป่วย หรือใครเสียชีวิตรออยู่ที่บ้าน

"ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนและบุคคลากรทุกคนทำงานอย่างหนัก ในความเครียดนี้ มีอารมณ์ หรือมีเรื่องของการระบายอารมณ์หรือแสดงปฏิกิริยา ตรงนี้มาบ้าง ผมเองยังต้องดูแลจิตใจตัวเองในฐานะที่เรียนรู้ด้านจิตวิทยามา ก็ขอฝากพี่น้องประชาชนทุกท่าน กำลังใจเท่านั้น และการมีจิตอาสา ในยามทุกข์ยาก จำได้มั๊ยครับตอนน้ำท่วม ที่อุบลฯ ผมเห็นการช่วยเหลือกัน หรือกรณีหมูป่าที่ติดถ้ำ มีคนเก่งๆมาช่วยกัน บรรยากาศอย่างนี้ ต้องการคนเก่งต้องการคนดี และผมเชื่อว่าท่านเองก็มีศักยภาพอย่างนั้น พวกเราต้องช่วยกันเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ครับ"

เริ่ม 28 เม.ย.นี้ รถเมล์ ขสมก. ลดเที่ยววิ่ง พร้อมขอความร่วมมือยืนห่าง 30 ซม. ลดใช้เงินสดจ่ายตั๋ว

27 เม.ย. 64 นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ตามที่กรมการขนส่งทางบก ได้ออกประกาศ เรื่อง “การปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19)” เมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ.2564 โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่ง พิจารณาปรับลดจำนวนเที่ยวการเดินรถ ในการให้บริการขนส่งผู้โดยสารระหว่างจังหวัดในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดเท่าที่สามารถจะทำได้ โดยให้พิจารณาจัดการเดินรถตามความจำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ รวมทั้ง ปรับลดการให้บริการ ในช่วงเวลา 23.00-04.00 น. ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2564 เป็นต้นไป ซึ่งในส่วนของการปรับลดจำนวนเที่ยววิ่งรถกะสว่าง ขสมก. ได้ดำเนินการไปแล้ว

ทั้งนี้ขสมก. จึงเตรียมปรับลดจำนวนเที่ยววิ่งรถโดยสารทุกประเภท ในช่วงเวลาการให้บริการปกติ ทั้งรถโดยสารธรรมดา และรถโดยสารปรับอากาศ ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2564 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศดังกล่าว และเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนผู้ใช้บริการในปัจจุบันที่มีจำนวนลดลง เนื่องจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นการทำงานอยู่ที่บ้าน (Work From Home) และสถานศึกษาหลายแห่ง ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนเป็นแบบออนไลน์

อย่างไรก็ตาม ขสมก. จะปรับลดจำนวนเที่ยววิ่ง เฉพาะเส้นทางที่มีผู้ใช้บริการลดลง ส่วนเส้นทางที่มีจำนวนผู้ใช้บริการเท่าเดิม จะไม่มีการปรับลดจำนวนเที่ยววิ่งแต่อย่างใด นอกจากนี้ ขสมก. ยังได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เพื่อลดผลกระทบและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนผู้ใช้บริการรถโดยสารของ ขสมก. โดยแบ่งเป็น 3 ด้าน ดังนี้

ด้านพนักงานประจำรถ

1.) ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของพนักงานขับรถ และพนักงานเก็บค่าโดยสารทุกครั้งก่อนขึ้นปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสาร หากตรวจพบว่าพนักงานมีอุณหภูมิสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส จะไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่และให้รีบไปพบแพทย์ทันที

2.) กำชับพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ขณะปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสาร และ

3.) ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะใช้บริการรถโดยสาร กรณีมีผู้ใช้บริการบนรถมากพอสมควร ควรรอใช้บริการรถโดยสารคันถัดไป

สำหรับด้านรถโดยสารประจำทาง

1.) เพิ่มความถี่ในการล้างทำความสะอาดระบบปรับอากาศ และการทำความสะอาดผ้าม่าน

2.) ใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% ฉีดพ่นทำความสะอาดภายใน รถโดยสาร และใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้บริการต้องสัมผัส เช่น เบาะที่นั่ง ราวจับ กริ่งสัญญาณ เป็นต้น พร้อมทั้งติดตั้งขวดเจลแอลกอฮอล์ สำหรับให้ผู้ใช้บริการล้างมือบริเวณประตูทางขึ้น

3.) กำหนดจุดนั่ง (เบาะที่ไม่มีเครื่องหมายกากบาท) และจุดยืนภายในรถโดยสาร

4.) ติดตั้ง QR Code แอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” บริเวณหลังเบาะที่นั่ง และบริเวณผนังด้านข้าง ภายในรถโดยสาร สำหรับให้ผู้ใช้บริการสแกนผ่านโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน เพื่อเก็บข้อมูลการเดินทาง กรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อใช้บริการรถโดยสารคันเดียว และเวลาเดียวกันกับผู้ใช้บริการ จะมีการแจ้งเตือน ผ่านระบบ SMS ว่าผู้ใช้บริการ มีความเสี่ยงให้รีบไปพบแพทย์ และ

5.) ติดตั้ง QR Code แอปพลิเคชัน “หมอชนะ” บริเวณผนังด้านข้างภายในรถโดยสาร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ ในการใช้โทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนดาวน์โหลดแอปพลิเคชันดังกล่าว

ด้านผู้ใช้บริการ

1.) ผู้ใช้บริการจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะใช้บริการรถโดยสาร

2.) ล้างทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ที่ติดตั้งบริเวณประตูทางขึ้น

3.) เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการ ควรสแกน QR Code แอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” บนรถโดยสาร เพื่อเช็คอินเมื่อขึ้นรถ และเช็คเอาท์ก่อนลงจากรถ สำหรับผู้ถือบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ของ ขสมก.ทุกประเภท ควรลงทะเบียนบัตรที่ www.bmta.co.th เพื่อให้บัตรดังกล่าว สามารถเช็คอิน – เช็คเอาท์ โดยอัตโนมัติ เมื่อนำบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์มาแตะที่เครื่อง EDC เพื่อชำระค่าโดยสาร

4.) เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการ ควรดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” เพื่อตอบแบบสอบถามประเมินความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 และลงทะเบียน

5.) ขอความร่วมมือนั่งบนเบาะที่กำหนด (เบาะที่ไม่มีเครื่องหมายกากบาท) และยืนบนจุดที่กำหนด หรือยืนห่างกันอย่างน้อย 30 เซนติเมตร กรณีมีผู้ใช้บริการบนรถมากพอสมควร ควรรอใช้บริการรถโดยสารคันถัดไป

6.) ผู้ใช้บริการจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของพนักงานเก็บค่าโดยสาร นายตรวจ และเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษอย่างเคร่งครัด และ

7.) ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ ชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสด ผ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทของ ขสมก. บัตรเดบิต-เครดิตที่มีสัญลักษณ์คอนแทคเลส บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโมบายแบงก์กิ้ง เพื่อลดการสัมผัสธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ ที่อาจเป็นสื่อกลางในการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top