Friday, 16 May 2025
NEWS

รมว.เฮ้ง อัด ผู้ไม่หวังดีปั้นข่าวปลอม แจงกรณีมีนักธุรกิจใจบุญ นำอาหารมามอบที่หาดพัทยา เป็นการแบ่งเบาช่วยประชาชนสู้โควิด 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณีที่เว็บไซต์ BRIGHTTV.CO.TH เผยแพร่ข่าวมาถึงขั้นนี้แล้ว! ลูกจ้างตกงาน นั่งขออาหารริมหาดพัทยา เจอพิษโควิดไร้การเยียวยาจากรัฐนั้น จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ พบว่า ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวเก่า เมื่อวันที่ 15 -16  มิถุนายนที่ผ่านมา มีนักธุรกิจซึ่งเป็นผู้ใจบุญในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ได้บริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง รวมถึงอาหารกล่องมามอบให้แก่ประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่บริเวณชายหาดพัทยา คนที่มารับอาหารก็มีความหลากหลาย โดยมีเจ้าหน้าที่เทศกิจของเมืองพัทยา มาอำนวยความสะดวกในการจัดระเบียบรักษาระยะห่าง ซึ่งได้มีการดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว โดยผู้ประสงค์จะนำอาหารมามอบจะต้องแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทราบ เพื่อจะได้ช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดระเบียบให้มีการรักษาระยะห่างตามที่สาธารณสุขกำหนด 

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า รัฐบาล ได้มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาลูกจ้างในหลายๆ มาตรการ ทั้ง โครงการ ม.33 เรารักกัน การตรวจโควิดเชิงรุก การฉีดวัคซีนผู้ประกันตน การจ่ายสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัยโควิด-19 แก่ลูกจ้างในแคมป์คนงาน 50 เปอร์เซ็นของค่าจ้าง เป็นเวลา 1 เดือน เป็นต้น 

ส่วนเรื่องที่มีคนใจบุญมักนำอาหารมามอบให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดที่ชายหาดเมืองพัทยาอยู่บ่อยครั้ง ถือเป็นเรื่องปกติ บางครั้งก็เป็นคนไทยบ้าง บางครั้งก็เป็นชาวต่างชาติที่ร่วมทุนกันบริจาคบ้าง เพื่อเป็นการแบ่งบันน้ำใจของภาคเอกชนใจดี นำอาหารมาแจกจ่ายแก่ประชาชนทั่วไป 

"การที่ผู้ไม่หวังดีพยายามปั้นข่าวปลอมขึ้นมา เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้ประชาชนเสียกำลังใจ ชาวบ้านเกิดความเข้าใจผิด โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ ประเทศชาติต้องการความสามัคคีปรองดอง การช่วยเหลือแบ่งปันกันจะทำให้พวกเราทุกคนก้าวข้ามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดไปได้" นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด

"ผอ.สสน.นทพ." ตรวจเยี่ยมชุดควบคุมแคมป์คนงานก่อสร้างในพื้นที่กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก เขตลาดกระบัง

พล.อ.นเรนทร์  สิริภูบาล ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) มอบหมายให้ พล.ต.ธนินทร์  พู่ทองคำ ผู้อำนวยการสำนักงานสนับสนุน หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผอ.สสน.นทพ.) ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและรับทราบปัญหาข้อขัดข้องพร้อมมอบแนวทางในการปฏิบัติให้แก่ชุดควบคุมแคมป์คนงานก่อสร้างในพื้นที่กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก เขตลาดกระบัง ซึ่งเป็นกำลังพลที่ นทพ. จัดสนับสนุนศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) กทม. ในการดูแลควบคุมแคมป์คนงานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจัดกำลังพลจากสำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สนภ.1 นทพ.), สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สทพ.นทพ.) และสำนักงานสนับสนุน หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สสน.นทพ.) สนธิกำลังกับตำรวจ เทศกิจ และเจ้าหน้าที่เขตลาดกระบัง เข้าดูแลควบคุมแคมป์คนงานก่อสร้างในพื้นที่กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก เขตลาดกระบัง จำนวน 12 แห่ง เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งเฝ้าระวังรวบรวมข้อมูลสถานการณ์และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำส่งผู้ป่วยติดเชื้อให้เข้าสู่กระบวนการรักษาโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานในพื้นที่เสี่ยง ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานโดยพลการหรือหลบหนี ตามนโยบายของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสั่งการของ พลเอก เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ผบ.ทสส./หน.ศปม.) เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนของชาติให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วต่อไป

'Ericsson' บริษัทเทเลคอมยักษ์ใหญ่จากสวีเดน คว้าดีลเซ็นสัญญาการพัฒนาระบบ 5G ในประเทศมาเลเซียได้สำเร็จ

มาเลเซียเคาะเรียบร้อยสำหรับสัญญาการพัฒนาระบบ 5G ทั่วประเทศ และผู้ที่มาเซ็นดีลมูลค่ากว่า 2.65 พันล้านเหรียญกลับไม่ใช่อดีตเต็ง 1 อย่าง Huawei แต่เป็น Ericsson บริษัทเทเลคอมยักษ์ใหญ่จากสวีเดน ที่จะรับผิดชอบการวางระบบ 5G แบบ end-to-end ครบวงจร ตั้งแต่ การวางระบบพื้นฐาน ติดตั้งเสาสัญญาณ วางเครือข่ายไฟเบอร์ และระบบบริหารจัดการธุรกิจทั้งหมด เพื่อสนับสนุนบริษัทเทเลคอมในประเทศนานถึง 10 ปี

Digital Nasional Berhad (DNB) หน่วยงานผู้ดูแลสัญญา 5G ของรัฐบาลมาเลเซีย ได้อธิบายถึงภาพรวมโครงการ 5G ร่วมกับ Ericsson และเป้าหมายที่จะเกิดขึ้นกับเทคโนโลยีการเชื่อมโยงสื่อสารในมาเลเซียด้วยระบบใหม่นี้ แบ่งเป็น 2 ระดับ

ระดับแรก การพัฒนาระบบ 5G จะทำให้เกิดการยกระดับความรู้ในระบบนิเวศน์การสื่อสารที่ได้จากเทคโนโลยีของ Ericsson สู่ผู้ประกอบการด้านเทเลคอมในประเทศ ที่สามารถต่อยอด สร้างมูลค่าใหม่ ๆ ในภาคธุรกิจได้อย่างมากมายมหาศาล

ระดับที่สอง คือ พัฒนาศักยภาพในการครอบคลุมพื้นที่การใช้งานทั่วประเทศได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น และตั้งเป้าว่า ในพื้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ไซเบอร์จายา และ ปูตราจายา จะสามารถใช้ระบบ 5G ได้ภายในไม่เกินสิ้นปี 2021 นี้ และชาวมาเลเซียในพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศกว่า 80% จะสามารถเข้าถึงระบบดิจิตอล 5G ได้ภายในปี 2024

การปาดเข้าวินของ Ericsson นับเป็นข่าวใหญ่ในแวดวง 5G ในย่านอาเซียน เนื่องจากก่อนหน้านี้ มาเลเซียเคยมีข่าวว่าจะให้สัมปทานวางระบบ 5G แก่ Huawei มาตั้งแต่สมัยอดีตนายกรัฐมนตรี มหาธีร์ มูฮัมหมัด และได้เซ็นสัญญากับบริษัท Maxis ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของมาเลเซียมาแล้ว

แต่จากกระแสกดดันอย่างหนักจากสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ไว้ใจระบบ 5G ในประเด็นด้านความมั่นคง และการจารกรรมข้อมูล ที่ทำให้หลายชาติจำเป็นต้องรื้อสัญญาวางระบบของ Huawei ใหม่รวมถึงสิงคโปร์ ที่เปลี่ยนใจไปเซ็นสัญญาพัฒนาระบบ 5G กับบริษัท Nokia และ Ericsson ไปแล้วเช่นกัน เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2020 ที่ผ่านมานี้เอง คาดว่าจะสามารถเริ่มใช้ระบบ 5G ได้ถึง 50% ของเครือข่ายที่ใช้ในสิงคโปร์ทั้งหมดภายในปี 2022

ส่วนการพัฒนาระบบ 5G ในประเทศไทยก็ไม่ได้ช้ากว่าประเทศในย่านอาเซียนอื่น ๆ ที่ตอนนี้มีบริษัท Nokia เข้ามาวางระบบเครือข่าย 5G สำหรับองค์กร และมีสัญญาการติดตั้งอุปกรณ์ทั้งของ Ericsson และ Huawei ที่คาดว่าตลาดเครือข่าย 5G ในไทย น่าจะมีการแข่งขันสูง และน่าจับตามองมากเช่นกัน

 

 

อ้างอิง

https://www.thestar.com.my/business/business-news/2021/07/01/malaysia-picks-ericsson-for-rm11bil-project-to-deploy-5g-nationwide

http://focusmalaysia.my/singapore-telcos-pick-nokia-ericsson-over-huawei-to-build-main-5g-networks/

https://soyacincau.com/2020/06/25/singapore-5g-singtel-starhub-m1-pick-nokia-ericsson-tpg-huawei/

https://www.bangkokpost.com/tech/1987367/nokia-builds-on-5g-for-enterprise-use


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'เจดอน ซานโช่' กลายเป็นที่พูดถึงก่อนนัดเตะ อังกฤษ-ยูเครน เมื่อเขาเพิ่งกลายเป็นสมาชิกคนใหม่ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

คืนพรุ่งนี้ อังกฤษจะลงเตะกับยูเครน ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึกยูโร 2020 แต่คนที่กำลังเป็นข่าวร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ กลับเป็นตัวสำรองอย่าง เจดอน ซานโช่ ที่เพิ่งกลายเป็นนักเตะคนใหม่ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปเรียบร้อย

ย้อนเวลากลับไปสักหน่อย ซานโช่มีมหากาพย์เรื่องการย้ายทีมมาอย่างยาวนานกว่า 2 ปี สรุปสุดท้าย เพิ่งได้ย้ายมาแมนฯ ยูฯ ด้วยค่าตัวราว ๆ 85 ล้านยูโร แอบได้ยินเสียงเด็กผีเฮกันเบา ๆ ว่า ‘เฮ้อ มาสักที’

เพราะการรอคอยอย่างยาวนาน จนทำให้ความพีกของสตาร์รายนี้ ดูจะแผ่วลงไปพอสมควร แถมฤดูกาลก่อนก็ไม่ได้เปรี้ยงปร้างกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต้นสังกัดเดิมในบุนเดสลีลา เยอรมัน สักเท่าไร ด้วยเหตุนี้ การมาของเสี่ยโช่ เอ้ย! ซานโช่ จึงไม่ได้สร้างความกระดี๊กระด๊าให้กับแฟน ๆ ผีแดงมากมายเท่าที่ควร

กลับมาที่ในแคมป์ทีมชาติอังกฤษในเวลานี้ จาก 4 นัดที่ผ่านมา ฟอร์มของบรรดานักเตะกองหน้าทำผลงานได้ดีกันแทบทุกคน ทั้งราฮีม สเตอร์ลิ่ง, แจ็ค กรีลิช, ฟิล โฟเด้น นั่นเองจึงทำให้ซานโช่ต้องกลายเป็นตัวสำรองอดทน

ซานโช่ เพิ่งลงเล่นให้อังกฤษในทัวนาเม้นท์นี้ไปแค่ 6 นาที โดยถูกเปลี่ยนตัวลงมาช่วงท้ายเกมกับสาธารณรัฐเช็ก ในรอบแรก และในเกมที่พบกับทีมชาติเยอรมัน รอบ 16 ทีม เจ้าตัวก็คาดหวังว่าจะได้ลงสนามเป็นตัวจริง เนื่องจากรู้ไส้รู้พุงนักเตะเยอรมันเป็นอย่างดี แต่แกเร็ธ เซาธ์เกต นายใหญ่ทีมชาติอังกฤษ ก็ไม่เลือกใช้งานเขา ด้วยเหตุผลสั้น ๆ ว่า ‘เรามีตัวเลือกกองหน้าที่มากมายจริง ๆ’

สถานภาพของซานโช่ในเวลานี้ ไม่ต่างจากคนอยากปล่อยของ ขอแค่เวลาและโอกาส ยิ่งเป็นช่วงสบายตัว สบายใจ ปลดล็อกความกดดันจากเรื่องการย้ายทีมไปแล้วแบบนี้ รับประกันว่าซานโช่อยากโชว์ของแน่นอน ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับนายใหญ่อย่างเซาธ์เกตแล้วล่ะว่า จะ ‘ใจถึง’ ส่งเสี่ยคนใหม่ เอ้ย! นักเตะคนใหม่ของแมนฯ ยูฯ ลงสนามวาดลวดลายหรือไม่

นัดที่เจอกับยูเครนคงมีคำตอบรออยู่!


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

คำรณ ปราโมช ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งและอดีตกรรมการผู้จัดการนิตยสารอิมเมจ โพสต์ข้อความสนับสนุนการเปิดภูเก็ตรับนักท่องเที่ยว ภายใต้ชื่อ ภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์

คำรณ ปราโมช ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งและอดีตกรรมการผู้จัดการนิตยสารอิมเมจ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัวสนับสนุนการเปิดภูเก็ตรับนักท่องเที่ยว ภายใต้ชื่อ ภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ โดยระบุว่า สื่อต่างประเทศต่าง ๆ อาทิ (นิตยสาร Travel + Leisure) เริ่มลงข่าวเกี่ยวกับการเปิดเกาะภูเก็ต ตามที่รัฐบาลตั้งชื่อ Phuket sandbox กันแล้ว น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี

ด้วยความที่ไปเรียนประเทศอังกฤษตอนเด็ก ๆ ตั้งแต่สิบเอ็ด สิบสองขวบ ในช่วงปี 1974 เมื่อเรียนภาษาอังกฤษ คำว่า Sandbox สำหรับเราจะมีความเข้าใจเสมอว่า มันคือกล่อง หรือการนำไม้มากั้นพื้นที่ ใส่ทราย เป็นพื้นที่ ๆ ปลอดภัย สำหรับเด็ก ๆ เล่นกันอย่างมีความสุข

ต่อมาไม่กี่ปีมานี่ คำศัพท์ที่ถูกพูดถึงอย่างมากในแวดวง Fintech คือ Regulatory Sandbox เป็นพื้นที่ทดสอบภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่ บริษัท ผู้ประกอบการ หรือนักลงทุนสามารถมาทดสอบผลิตภัณฑ์และบริการของตนได้โดยได้รับการยกเว้นกฎเกณฑ์หรือข้อบังคับบางอย่าง เพื่อรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วหรือการเกิดขึ้นของนวัตกรรมใหม่ ๆ

แนวคิดดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศอังกฤษ ในปี 2015 เมื่อ FCA หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของอังกฤษ ส่งเสริมการแข่งขันและการปรับปรุงพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ จนกลายเป็นต้นแบบให้มีการนำแนวคิดนี้ไปต่อยอดใช้เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมต่าง ๆ ในหลายประเทศทั่วโลก และปัจจุบันคำ ๆ นี้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในหลากหลายแวดวง รวมไปถึงใช้แทนโครงการพื้นที่นำร่องต่าง ๆ

สำหรับแฟน ๆ ซีรีส์เกาหลี คิดว่าหลาย ๆ คนที่เคยดู เรื่อง Start-Up คงจะคิดถึงช่วงที่ ประธานยุน ตอบคำถามถึงที่มาของการตั้งชื่อ ‘แซนด์บ็อกซ์’ (Sandbox) ในตอนต้นเรื่องซีรีส์ Start-Up ซึ่งประธานยุนได้รับแรงบันดาลใจนี้มาจากเรื่องราวที่ ซอชองมยอง (รับบทโดย คิมจูฮอน) พ่อของซอดัลมี (รับบทโดย ซูจี) เคยเล่าเรื่องที่ลูกสาวให้ฟัง ว่าครั้งหนึ่งลูกสาวของเขาเล่นชิงช้าในสนามเด็กเล่นแล้วล้มลงมาบาดเจ็บ แล้วจะให้เลิกเล่น แต่ลูกกลับบอกว่าให้ปูพื้นทรายที่ใต้ชิงช้าแทน

เมื่อรัฐบาลเลือกที่จะใช้คำว่า Phuket sandbox เราก็ชอบที่ใช้คำนี้ น่ารักและมีความหมายก็ดี ส่วนตัวแล้วก็นึกภาพ หากจะอยู่ในพื้นที่แค่เกาะภูเก็ตที่มี ชายหาดขาวสะอาด ทะเลสีคราม แสงแดดและอากาศ ทีดี ของกินอร่อยๆ ฃื้อของจับจ่ายได้สนุกสนาน และมีความปลอดภัย แค่นี้ก็มีความสุข และอดไม่ได้ที่จะคิดถึงสมัยเด็ก ๆ เลยเอามาฝากอีกสองรูปสุดท้าย

ที่เอ่ยมาก็เพราะ เดาไว้ไม่ผิด คณะชังถ่วงชาติก็เริ่ม ดราม่า ด้วยวิธีการเดิม ๆ เช่นเคย ที่ตลกร้ายก็ไปเปรียบเทียบกับ ปราสาททรายว่า ลมพัด น้ำเซาะก็ไม่เหลืออะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ มันคนละคำ คนละความหมายระหว่าง sandcastle กับ sandbox

นี่หากมีคนรู้จักมาเปรียบเทียบระหว่างสองความหมายนี้ จะเอาตีนถีบกะโหลกแรง ๆ ซักสามที เผื่อสมองจะเข้าที่ เลิกสมองกลวงซักที

 

ที่มา : https://www.facebook.com/1012077191/posts/10221368969146335/


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ม.ร.ว.วรปภาฯ บำเพ็ญกุศลและตรวจเยี่ยม ‘โครงการโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวังวัดเกาะเกรียง’

หม่อมราชวงศ์วรปภา จักรพันธุ์ เดินทางมาบำเพ็ญกุศลและตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวังวัดเกาะเกรียง ระยะที่ 2 ภายใต้การดำเนินการตามมาตรการป้องกัน และการดูแลควบคุมในสถานะการณ์โควิด -19 อย่างเคร่งครัด

โดยมี นายพงศธร กาญจนะจิตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พล.ต.วัชชรินทร์ สุวรรณรินทร์ นายทหารราชองครักษ์พิเศษ และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดปทุมธานี นายพงษ์เทพ รุ่งเรือง พัฒนาการจังหวัดปทุมธานี นายฉัตรชัย ชูเชื้อ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี คณะทำงานโครงการโคก หนอง นา ประกอบด้วย นายธนบดี ศรีเมือง นายจักรฤกษณ์ ทองสิริประภา นางสาวจันทร์ทิพย์ พร้อมจิตร ดร.จิดาภา แต่สกุล นายกสมาคมสตรีไทยสากล ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนทั่วไปร่วมต้อนรับ ณ วัดเกาะเกรียง ตำบลบางคูวัด อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 64 ที่ผ่านมา

หม่อมราชวงศ์วรปภา จักรพันธุ์ ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณภายในวัดเกาะเกรียง และสนทนาธรรมกับพระมหาบัญญัติ สุจิตฺโต ดร.เจ้าอาวาสวัดเกาะเกรียง ณ อุโบสถวัดเกาะเกรียง จากนั้นเดินทางมายังอาคารเฉลิมพระเกียรติเพื่อรับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินโครงการโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง วัดเกาะเกรียง และมอบของที่ระลึกให้แก่ผู้สนับสนุนโครงการโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวังวัดเกาะเกรียง และได้กล่าวชื่นชมให้กำลังใจคณะทำงานที่ได้ดำเนินโครงการมาด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ

ต่อจากนั้น หม่อมราชวงศ์วรปภา จักรพันธุ์ ได้ร่วมปลูกต้นรวงผึ้งต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 ในพื้นที่ดำเนินโครงการพระราชทานพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โครงการโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวังวัดเกาะเกรียง เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และเพื่อเป็นตัวแทนแห่งพระองค์และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ราษฎร

โดยมี ดร.จิดาภา แต่สกุล นายกสมาคมสตรีไทยสากล พร้อมคณะที่ปรึกษา พล.อ.สมโภชน์ นนทชัย พล.ต.วัชชรินทร์ สุวรรณรินทร์ ศ.พิเศษ ดร.เพียงฤทัย วรดิถี คณะกรรมการสมาคมฯ อาทิ ดร.ซัน ณรามิล คุ้มรักษ์ ดร.ศุภชัย อนุที นางปัทมพร กล่อมจิตร์ นางศศิรินทร์ บุญล้อมทรัพย์ คุณรัชฏาภรณ์ วิเศษ นางจุฑารัตน์ พัฒนาทร เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม นางบุญเยี่ยม บุญเลิศ บริษัท ไท้หลิง ดีเวลล็อบเมนท์ กรุ๊ป จำกัด ข้าราชการ ทหาร ประชาชน ร่วมปลูกต้นรวงผึ้งในพื้นที่โครงการโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวังวัดเกาะเกรียง


ภาพ/ข่าว  เจนกิจ นัดไธสง  รายงาน

ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพร้อมคณะฯ เข้าพบ ผบ.ตร. เพื่อแนะนำตัว และหารือแนวทางในการดำเนินงานด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน

พล.ต.ต.ญาณพงศ์ โสมาภา ผู้บังคับการกองสารนิเทศ เปิดเผยว่า วันที่ 2 ก.ค. 2564  เวลา 10.00 น. ณ ห้องพรหมนอก ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้การต้อนรับนางสาวพรประไพ กาญจนรินทร์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมคณะ ซึ่งเป็นคณะกรรมการฯชุดใหม่ ที่เข้าพบเพื่อแนะนำตัว และร่วมหารือข้อราชการต่าง ๆ

ที่สืบเนื่องจากกรณีที่มีการร้องเรียนในการปฏิบัติหน้าที่ที่อาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิมนุษยชนคณะกรรมการฯ ได้กล่าวถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน เป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันบูรณาการความร่วมมือกัน ซึ่งการเข้าหารือในครั้งนี้เพื่อแสวงหาความร่วมมือจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดูแลความสงบเรียบร้อยในสังคมที่เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยคณะกรรมการฯ เป็นผู้ประสานงานในเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ได้แสดงความห่วงใยในเรื่องของการชุมนุมและการแสดงออกทางสังคมการเมือง และรู้สึกเห็นใจตำรวจที่เป็นผู้รักษากฎหมายในการดูแลความสงบเรียบร้อย ท่ามกลางความเห็นต่างและความขัดแย้ง ที่อาจมีการกระทบกระทั่งกันในบางครั้ง ซึ่งก็อยากให้ทุกฝ่าย อยู่ภายใต้กฎหมายและปฏิบัติตามหลักสากลภายหลังการหารือร่วมกัน

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวขอบคุณประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะ ที่ให้เกียรติสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการเข้าพบครั้งนี้ ซึ่งได้แนวทางในการดำเนินงานด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนร่วมกันเป็นอย่างดี เพื่อประโยชน์ของประชาชนตามสิทธิแห่งรัฐธรรมนูญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติยินดีให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการฯ และพร้อมสนับสนุนการทำงานเพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนต่อไป

สภาหอการค้าสหรัฐฯ ร้องรัฐบาลหยุดให้เงินเยียวยา แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน เผย บางบริษัทจูงใจพนักงานใหม่ด้วยไอโฟน และเงินพิเศษ

คนอเมริกันไม่อยากกลับไปทำงาน ทำธุรกิจขาดแคลนแรงงาน หลังรัฐอัดฉีดเงินจนเคยตัว ด้านหอการค้าร้องรัฐหยุดเงินเยียวยา เผยบางบริษัทจูงใจพนักงานใหม่ด้วยไอโฟน และเงินพิเศษ

เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่กำลังฟื้นตัวอย่างร้อนแรงหลังจากที่หลายพื้นที่สามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้แล้วเกือบ 100% ทำให้ความต้องการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นอย่างสูงในช่วงนี้

แต่สิ่งที่ตรงกันข้ามกับความต้องการรับคนเข้าทำงานคือ จำนวนของชาวอเมริกันที่อยากจะไปกลับไปทำงานนั้นลดลงอย่างมาก กระทบไปถึงธุรกิจต่าง ๆ ที่กำลังขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก จนต้องมีการออกแคมเปญต่าง ๆ เพื่อที่จะดึงดูดให้คนไปสมัครงานกัน

ร้านฟาสต์ฟู้ดแบรนด์ดังวิกฤต คนไม่อยากสมัคร เร่งออกโบนัสพิเศษล่อใจ

ธุรกิจร้านอาหารจานด่วนชื่อดังหลายแบรนด์ ต่างกำลังประสบปัญหาอย่างหนักในการหาพนักงานเข้ามาทำงานเพิ่มเติม เนื่องจากคนสนใจกลับมาทำงานน้อยลง เนื่องจากได้รับเงินเยียวยาจากทางรัฐบาลมานานหลายเดือนติด ๆ กันจนเคยตัว

ก่อนหน้านี้มีภาพที่ถูกแชร์ออกไปบนโลกออนไลน์ว่าร้าน McDonald's ในรัฐอิลลินอยส์ให้สิทธิพิเศษเป็นโทรศัพท์มือถือ iPhone สำหรับพนักงานใหม่ที่เข้ามาสมัครงานกับทางร้าน แต่มีเงื่อนไขก็คือ จะต้องทำงานให้ครบ 6 เดือนถึงจะได้ iPhone ไปครอง

ขณะที่ Axios รายงานว่า McDonald's แห่งหนึ่งในเมืองอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย เสนอโบนัสจ่ายล่วงหน้า 500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 16,000 บาท สำหรับพนักงานใหม่

ส่วนร้านฟาสต์ฟู้ด Wendy’s จะให้โบนัสสำหรับผู้ที่มาสมัครงานใหม่และผู้แนะนำคนละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3,200 บาท ทันทีในวันเดียวกัน

Chipotle ก็กำลังเพิ่มค่าจ้างพนักงานร้านอาหารเป็น 15 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 480 บาทต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ย

ส่วนที่รัฐโอไฮโอ ร้าน White Castle ได้เริ่มเพิ่มค่าจ้างรายชั่วโมงจาก 11.50 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 368 บาท เป็น 15 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 480 บาท ตามรายงานของ The Columbus Dispatch

ธุรกิจบริการของสหรัฐฯ กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง โดยเมื่อเดือนเมษายน สำนักสถิติแรงงานรายงานว่า ภาคบริการขาดแคลนพนักงานราว 349,000 ตำแหน่ง ในขณะที่เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีผู้คนมากกว่า 15 ล้านคน แจ้งเคลมเงินประกันสังคมกับรัฐบาล

ขณะนี้ รัฐบาลกลางและท้องถิ่นได้แจกเงินเยียวยาเฉลี่ย 638 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 20,400 บาทต่อสัปดาห์ ให้แก่ผู้ว่างงาน ซึ่งสูงกว่าเงินช่วยเหลือการว่างงานปกติก่อนการระบาดของไวรัสถึง 300 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 9,600 บาท โดยรัฐที่แจกมากที่สุด ได้แก่ แมสซาชูเซตส์ และวอชิงตัน โดยแจกอยู่ที่ 850 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 25,600 บาทต่อสัปดาห์

แต่มาตรการจ่ายเงินเยียวยาของสหรัฐฯ กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายนนี้ แต่ก็มีบางรัฐที่ประกาศยกเลิกมาตรการก่อนจะถึงกำหนดแล้ว ซึ่งก็คือรัฐแมรี่แลนด์ และเทนเนสซี่ ที่จะสิ้นสุดมาตรการในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้

ในขณะเดียวกันอัตราการว่างงานในสหรัฐฯ ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 5.8% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งสูงกว่าช่วงที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีที่ 3.5%

McDonald's ระบุว่า ตอนนี้มีต้องการจ้างพนักงานถึง 10,000 คน ในร้านอาหารของบริษัทและจะเพิ่มค่าจ้างให้อีกด้วย โดยพนักงานระดับเริ่มต้นจะได้รับอย่างน้อย 11-17 ดอลลาร์สหรัฐ (352-547 บาท) ต่อชั่วโมง ในขณะที่เป็นระดับหัวหน้างานจะได้รับขั้นต่ำ 15-20 ดอลาร์สหรัฐฯ (480-641 บาท) ต่อชั่วโมง

สาเหตุของการที่ผู้คนไม่ยอมกลับไปทำงานก็เนื่องจากว่า การได้รับเงินเยียวยาวที่สูงกว่าค่าแรงที่ได้จากการทำงาน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 638 ดอลลาร์สหรัฐ (20,457 บาท) ต่อสัปดาห์ ซึ่งได้มากกว่าก่อนเกิดโรคระบาดถึง 300 ดอลลาร์สหรัฐ (9,619 บาท)

หมายความว่าคนที่ทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ก่อนเกิดโรคระบาด ตอนนี้ได้รับเงินเกือบ 16 ดอลลาร์สหรัฐ (513 บาท) ต่อชั่วโมง โดยที่ไม่ต้องทำเลย ซึ่งมากกว่าค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลกลาง ที่ระบุไว้ที่ 7.25 ดอลลาร์สหรัฐ (232 บาท) ถึงสองเท่า

สภาหอการค้าสหรัฐฯ ร้องรัฐบาลหยุดให้เงินเยียวยา แก้ปัญหาแรงงานขาด

นายนีล แบรดลีย์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านนโยบายของสภาหอการค้าสหรัฐฯ แถลงการณ์ถึงผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่กำลังขาดแคลนแรงงาน โดยเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ยุติการให้เงินเยียวยาผู้ที่ตกงานจากผลกระทบของโรคระบาด เพื่อผลักดันให้คนกลับมาทำงาน

"ตัวเลขการจ้างงานที่น่าผิดหวังทำให้เห็นได้ชัดว่าการจ่ายเงินสำหรับผู้ที่ไม่ได้ไปทำงานกำลังส่งผลกระทบต่อตลาด ตามการวิเคราะห์ของสภาหอการค้าพบว่า การจ่ายเงิน 300 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ให้แก่ผู้ที่ตกงาน ทำให้ผู้ที่ได้รับเงิน 1 ใน 4 มีรายได้ขณะตกงานมากกว่าไปทำงาน"

ทั้งนี้ รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ โดยหนึ่งในมาตรการดังกล่าว ได้แก่ การส่งเช็คเงินสดไปให้ผู้ที่ตกงานเป็นเงิน 300 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์จนถึงเดือนกันยายน

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่ามาตรการแจกเงินแก่คนตกงานดังกล่าว ได้ลดแรงจูงใจที่จะทำให้แรงงานกลับเข้าตลาด และเป็นสาเหตุทำให้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรต่ำกว่าคาดที่ควรจะเพิ่มขึ้นถึง 1,000,000 ตำแหน่ง แต่ก็มีตัวเลขเพียงแค่ 266,000 ตำแหน่งเท่านั้น

เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 6.4% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นตัวเลขการขยายตัวสูงเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ไตรมาส 3/2546 ส่งผลให้อุปสงค์ในตลาดแรงงานพุ่งขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจเกิดภาวะขาดแคลนแรงงานและวัตถุดิบ นับตั้งแต่ภาคการผลิตไปจนถึงร้านอาหาร

 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.dailymail.co.uk/news/article-9742549/McDonalds-offers-500-bonus-new-staff-Wendys-gives-100-Chipotle-increase-pay.html

https://www.uschamber.com/press-release/hiring-bonuses-show-real-potential-bring-back-america-s-workers

https://www.uschamber.com/press-release/number-of-open-jobs-jumps-1-million-americas-worker-shortage-crisis-worsening-urgent

ที่มา : https://www.facebook.com/100764650095869/posts/1773045692867748/


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

บิ๊กแมทซ์อีกครั้ง! อิตาลีดวลแข้งเบลเยี่ยม สูสีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

คืนนี้มีบิ๊กแมทซ์อีกครั้ง เมื่อเต็ง 3 อย่างอิตาลี จะลงดวลแข้งกับทีมเต็ง 4 อย่างเบลเยี่ยม งานนี้บอกเลยว่า สูสีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!

ลองเทียบสถิติของทั้งสองทีมตลอด 4 นัดในยูโรที่ผ่านมา ถือว่ายอดเยี่ยมกระเทียมเจียวด้วยกันทั้งคู่ คือชนะรวดทั้ง 4 แมทซ์ เบลเยี่ยมอาจดูดีกว่านิด ๆ ตรงชนะในเวลา 90 นาทีทั้ง 4 นัด (อิตาลีผ่านออสเตรียในรอบ 16 ทีม ด้วยการชนะในช่วงต่อเวลา 120 นาที)

แต่ถึงตรงนี้ ดูตามหน้าเสื่อ อิตาลีเป็นต่อนิด ๆ นะครับ ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดุดัน รับแน่น เสียยาก และมีเกมบุกที่หวังผลได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากอยากจะผ่านเบลเยี่ยมไปให้ได้ ก็ต้องหยุดเกมบุกคุณภาพของเบลเยี่ยมให้ได้ซะก่อน

เบลเยี่ยมผ่านมาถึงรอบนี้ ซัดไป 8 ประตู ซึ่ง 3 ใน 8 เป็นผลงานของ พี่ตู้-โรเมลู ลูกากู ยอดกองหน้าของทีมนั่นเอง

ลูกากู จัดว่าทำผลงานในยูโรครั้งนี้ได้ไฉไลอยู่นะครับ ลงไปทั้งหมด 4 นัด มีความพยายามในการทำประตู 9 ครั้ง ยิงตรงกรอบ 4 ครั้ง และเปลี่ยนเป็นประตูได้ถึง 3 ประตู ซึ่งใน 3 ประตูที่ว่านี้ เป็นการยิงจากเท้าซ้าย 1 ลูก และจากเท้าขวาข้างไม่ถนัดอีก 2 ลูก

จัดว่าไม่ธรรมดา ซึ่งบรรดากองหลังอิตาลีนั้นรู้ดี เพราะต้องไม่ลืมว่า พี่ตู้นั้นเล่นอยู่ในกัลโช่ เซเรียอา หรือลีกอิตาลี มากว่า 2 ปี ลงไป 72 นัด ยิงไป 47 ประตู แถมฤดูกาลล่าสุดยังเป็นดาวซัลโวประจำลีกซะอีก ยิงไป 24 ประตู

อย่างที่บอกไป บรรดากองหลังอิตาลี รู้พิษสงของพี่ตู้เป็นอย่างดี แต่จะ ‘เอาพี่ตู้อยู่’ หรือเปล่า อันนี้ต้องใช้วิทยายุทธกันหนักหน่อย ไม่นับบรรดาตัวรุกคนอื่น ๆ ในทีมเบลเยี่ยมเวลานี้ ที่ก็จัดจ้านในย่านยูโรกันทั้งสิ้น

คืนนี้เบลเยี่ยมมา ‘ชื้อเกมบุก’ อย่างแน่นอน ก็ขึ้นอยู่กับว่า อิตาลีจะรับไหวไหม และจะจัดการลูกากูอยู่หมัดแค่ไหน ตามสถิติที่เจอกันมาในระดับรายการเมเจอร์ 4 ครั้ง อิตาลีเอาชนะได้ 3 ครั้ง และเสมอไป 1 ครั้ง ครั้งนี้เป็นการเจอกันครั้งที่ 5 ผลจะเข้าข้างฝั่งอิตาลีอีกหรือไม่ คืนนี้ตีสอง เจอกัน!!


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“Blood Challenge” ได้เวลากลับมาช่วยเพื่อน บริจาคโลหิต ฝ่าวิกฤติ COVID-19 ส่งต่อบุญผ่านสื่อสังคมออนไลน์กับแนวคิดการนำกระแส Challenge เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เกิดการบริจาคโลหิตเพิ่มขึ้น

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เชิญชวนร่วมส่งต่อบุญผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กับโครงการ Blood Challenge สร้างกระแสการบริจาคโลหิต ผ่าน Facebook, Instagram, Twitter และ TikTok เพียงโพสต์ภาพและข้อความพร้อมติด #BloodChallenge และ Tag ชวนครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้จัก ร่วมแคมเปญอีก 3 คน ตั้งค่าเป็นสาธารณะ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป

รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 สร้างความวิตกกังวลต่อผู้บริจาคโลหิตเป็นอย่างมาก ทำให้ภาพรวมการบริจาคโลหิตมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง มีโลหิตสำรองไม่ถึง 3,000 ยูนิตต่อวัน ตามมาตรฐานงานบริการโลหิต ส่งผลให้โรงพยาบาลทั่วประเทศขาดแคลนโลหิต เสี่ยงต่อการเลื่อนการผ่าตัด เลื่อนการรักษา โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเลือดที่จำเป็นต้องได้รับเลือดเป็นประจำสม่ำเสมอ

จึงมีแนวคิดในการนำกระแส Challenge มาประชาสัมพันธ์ให้เกิดการบริจาคโลหิตเพิ่มขึ้น โดยขอเชิญชวนผู้บริจาคโลหิตและประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมในกิจกรรม 2 รูปแบบ ดังนี้

1. ผู้บริจาคโลหิต ถ่ายภาพถือป้ายรณรงค์ เขียนข้อความเชิญชวนสั้น ๆ โพสต์ลง Social Media อาทิ Facebook, Instagram, Twitter, TikTok พร้อมทั้ง Challenge และ Tag ต่อไปยังครอบครัว เพื่อน คนรู้จัก ให้มาบริจาคโลหิตต่ออีก 3 คน และติด #BloodChallenge ตั้งค่าเป็นสาธารณะ

2. ผู้ที่ไม่สามารถบริจาคโลหิตได้ สามารถร่วมกิจกรรมเชิญชวนบริจาคโลหิต และประชาสัมพันธ์โครงการฯ โดยเขียนข้อความเชิญชวนสั้นๆ และโพสต์ลง Social Media พร้อมทั้ง Challenge และ Tag ต่อไปยังครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้จัก ให้มาบริจาคโลหิตต่ออีก 3 คน และติด #BloodChallenge ตั้งค่าเป็นสาธารณะ

เพียงเท่านี้ คุณก็ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ด้วยการบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอทุก 3 เดือน เพื่อให้มีโลหิตสำรองเพียงพอจ่ายให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ ลดภาวะการขาดแคลนโลหิตในสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ได้

 

ที่ปรึกษาศบค. แนะ ให้ตั้งความหวังอยู่บนพื้นฐานที่เป็นจริง เพราะโควิดจะอยู่กับเราจนถึงอย่างน้อยปีหน้า

2 ก.ค. 64 ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ตั้งความหวังที่เป็นจริง

เราทุกคน หวังว่าโควิดจะหายไปจากโลกนี้

หวังว่าเราจะได้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม เหมือนก่อนโควิด

แต่ความเป็นจริงคือ

- โควิด จะอยู่กับเราต่อไปจนถึงอย่างน้อยปีหน้า และต่อ ๆ ไปก็จะยังกลับมาเรื่อย ๆ แม้ว่าอาจจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว ก็ยังไม่มีอะไรรับประกันได้

- การที่เราจะใช้มาตรการกดจำนวนผู้ติดเชื้อให้ลดลง อาจตามมาด้วยความทุกข์เข็ญของปากท้องของผู้คนจำนวนมากเช่นกัน แต่ถ้าให้เสรีภาพในการทำมาหากินตามปกติ ก็จะเกิดความเสี่ยงต่อการรวมตัวและแพร่ระบาดอีก

- นับจนถึงวันนี้ ยังไม่มีประเทศไหนที่ได้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนก่อนโควิดจริง ๆ เลยแม้แต่ประเทศเดียว ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนไปเท่าไหร่ก็ตาม จะมีก็แค่ช่วงสั้น ๆ เท่านั้น

ดังนั้น สิ่งที่เราทำได้ และควรทำ อาจเริ่มต้นจากการ set expectation หรือตั้งความหวังที่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เช่น

- ยอมรับว่าเราต้องอยู่ร่วมกับโควิดไปอีกอย่างน้อยหนึ่งปี หรือนานกว่านั้น คงไม่ต้องรอว่าเมื่อไหร่เราจะได้กลับมาทำอะไรเหมือนเดิม แต่คิดล่วงหน้าไปเลยว่าเราจะทำอย่างไร เปลี่ยนแปลงตัวอย่างไร เพื่อให้อยู่กับโควิดให้ได้ และหวังว่าสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงนั้น จะทำให้เราอยู่รอดปลอดภัยได้

- รับรู้ว่าสงครามครั้งนี้มีศึกสองด้าน คือสุขภาพกับเศรษฐกิจ ถ้าเลือกดูแลด้านหนึ่งเป็นพิเศษ อีกด้านก็จะแย่ ประเทศส่วนใหญ่ ในช่วงแรกก็จะเน้นสุขภาพ แต่เมื่อเวลาผ่านไป สุดท้ายก็ต้องกลับมาสู่ทางสายกลาง ซึ่งไม่มีทางที่จะกดยอดให้ต่ำมาก ๆ ได้ เพราะว่าจะเปิดช่องให้ทำมาหากิน ดำเนินชีวิตกันไปเท่าที่จะทำได้ ดังนั้น ความหวังของเราคือ การสามารถอยู่ร่วมกับโควิดไปได้โดยไม่มีความเสี่ยงมากเกินไป โดยที่ยังทำมาหากิน ใช้ชีวิตตามเดิมได้เท่าที่จะทำได้ บวกกับการใช้ชีวิตแบบใหม่ที่มาจากการปรับตัวของเรา

- รับรู้ว่ายอดผู้ติดเชื้อ เป็นระลอก มีขึ้นมีลง ขาขึ้นจะดูน่ากลัว เราก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ไม่ว่ายอดจะขึ้นไปสูงอย่างไร ก็จะต้องมีจุดที่ตกลงมา เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับทุกประเทศ ความหวังของเรา คือ ทำอย่างไรให้การระบาดนั้นสั้นที่สุด ผู้เสียชีวิตน้อยที่สุด (ซึ่งเป็นเหตุผลที่จำเป็นต้องให้คนแก่และกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด)

- รับรู้ว่าในวิกฤต จะมีความวุ่นวายสับสน เหมือนในภาวะสงคราม โดยเฉพาะเรื่องข้อมูลข่าวสาร และก็ไม่ใช่ทุกสื่อมวลชนที่จะเป็นที่พึ่งได้ แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดหวังว่าการสื่อสารจะต้องเป็นไปในทางเดียวกันทั้งหมด ตราบใดที่ทุกคนจะพูดจะเขียนอะไร ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ ก็มีช่องทางให้ทำได้ทั้งสิ้น หรือจะหวังให้ทุกสื่อทุกคนสื่อสารด้วยจริยธรรมก็คงไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

ดังนั้น นอกจากเราควรจะคาดหวังข้อมูลที่ดี มีประโยชน์จากทางการแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญก็คือที่แต่ละคนควรจะหวังพึ่ง ก็คือสติของเราเองในการแยกแยะข้อมูลข่าวสารที่ท่วมท้นในทุก ๆ วัน ไม่เช่นนั้นเราก็จะตกเป็นเหยื่อเองได้

เรื่องมาตรการต่าง ๆ ของรัฐ เป็นสิ่งที่เราทุกคนในฐานะประชาชนมีสิทธิเรียกร้องและแสดงความคิดเห็น ซึ่งผมก็เชื่อว่าสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ คงไม่มีประเทศไหน ต้องการให้เกิดความเสียหายหรือใครเสียชีวิต และอยากจะแก้ปัญหาให้ดีที่สุด ซึ่งก็คงไม่สามารถจะเป็นที่พอใจของทุกคนได้ และก็คงไม่มีประเทศไหนที่สามารถดูแลทุกคนได้ทุกวันตลอดไป

แต่อย่างน้อย ถ้าเราเริ่มต้นจากการตั้งความหวังที่เป็นจริง เราอาจจะเริ่มมองว่า เป้าหมายของเรา ไม่ใช่การกลับไปสู่อดีตที่เคยทำ เพราะมันอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่อาจจะเป็น การยอมรับความจริงว่าชีวิตของเราคงไม่ได้กลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว และเราจะทำอย่างไรให้มันดีที่สุด

ขอเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ ท่านครับ

 

 

ที่มา : https://www.facebook.com/warat.karuchit


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พล.อ.ประวิตร เร่งช่วยเหลือ ผู้ยากไร้/เกษตรกร ติดตามผลแก้ปัญหา ที่ดินทำกิน/แหล่งน้ำ/หนี้สิน SET ZERO เช่าซื้อที่ดินเป็นเช่า ลดความเดือดร้อน มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำ ย้ำไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการแก้ไขปัญหา ของสภาเครือข่ายประชาชนอีสาน (สอส.) และสภาประชาชน 4 ภาค ครั้งที่ 1/2564 โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.กษ. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้รับทราบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่ดิน และป่าไม้ กรณีการจัดหาที่ดิน เพื่อนำมาจัดสรรให้กับสมาชิกเครือข่ายฯ ซึ่งมีความคืบหน้า โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจพื้นที่ ว่ามีพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม หรือที่สาธารณะที่ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ เพื่อพิจารณาจัดหาที่ดินแปลงใหม่ให้กับสมาชิกฯ ที่ยังไม่มีที่ทำกิน และรับทราบการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร

กรณีข้อเรียกร้องขอให้ชะลอการดำเนินคดี ซึ่งสถาบันเจ้าหนี้ได้ให้ความช่วยเหลือในระดับหนึ่งแล้ว ตามมาตรการของรัฐที่มีอยู่ รวมทั้งได้รับทราบ การส่งเสริมและฟื้นฟูอาชีพภาคเกษตร ซึ่งกลุ่มเกษตรกร ภาคเครือข่ายฯ ได้เสนอโครงการฟื้นฟูอาชีพตามหลัก เกษตรทฤษฎีใหม่โดยผสมผสานหลักเศรษฐกิจพอเพียง

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ เรื่องสำคัญ ได้แก่การแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำตามข้อเสนอของ สมาชิกสภาเครือข่ายฯ ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เนื้อที่ 15,092ไร่ ในพื้นที่นำร่อง 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ลพบุรี,จ.นครราชสีมา และ จ.เพชรบุรี จำนวน 9 โครงการ วงเงิน 75,118,141 บาท

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวย้ำว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ ต่อการแก้ไขปัญหา ความยากจน และเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ จากปัญหาที่ดินทำกิน, หนี้สิน, แหล่งน้ำ และการส่งเสริมฟื้นฟูอาชีพ มาอย่างต่อเนื่อง โดยยืนยันว่า จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเป็นอันขาด พร้อมทั้ง ได้กำชับ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของภาครัฐ ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ยากไร้ และพี่น้องเกษตรกรอย่างจริงจังโดยเร็ว ภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน พร้อมต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบด้วย

หมอบุญ วนาสิน แจงวัคซีน "ไฟเซอร์-โมเดอร์นา" ล่าช้า เหตุเพราะไทยไม่ยอมเซ็นสัญญา หลังต่อสายตรงทวงถามทำไมไทยไม่ได้วัคซีน

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 64 นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์ แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผ่านรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ถึงกรณีการนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา และไฟเซอร์ที่ล่าช้า ว่า การสั่งซื้อวัคซีนนั้น ผู้ผลิตระบุว่าหลังจากเซ็นสัญญาแล้ว จะใช้เวลาอีก 4 เดือน ถึงจะส่งวัคซีนไปยังประเทศที่ซื้อได้ ถ้าไม่ติดเงื่อนไขจากรัฐบาล ทางรพ.ธนบุรี พร้อมจะเซ็นซื้อโมเดอร์นา ไฟเซอร์ 50 ล้านโดส ตั้งแต่ต.ค. 2563 แล้ว แต่การซื้อขายจำเป็นต้องซื้อรัฐต่อรัฐ ทำให้เอกชนซื้อไม่ได้ ต้องรอจนปัจจุบัน

ทั้งนี้ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีการยืนยันจากทั่วโลก ว่า วัคซีนแบบ mRNA คือวัคซีนที่ดีที่สุด โดยเฉพาะไฟเซอร์และโมเดอร์นา เช่น การศึกษาของสหรัฐอเมริกา ยืนยันแล้วว่าวัคซีน ที่ผลิตเทคโนโลยีใหม่ mRNA อย่าง โมเดอร์นา และไฟเซอร์ มีประสิทธิผลดีที่สุด คุ้มกันไม่ให้เกิดโรคได้ ไม่ใช่เพียงแค่ป้องกันการเสียชีวิต หรือ อาการหนักเท่านั้น โดยมีประสิทธิภาพสามารถป้องกันได้ทั้ง โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) สายพันธุ์อัลฟ่า (อังกฤษ) และสายพันธุ์เบต้า (แอฟริกาใต้)

ส่วน เรื่องการซื้อวัคซีนที่ล่าช้านั้น ตนได้ติดต่อไปทางบริษัทผู้ผลิต เนื่องจากสนิทกัน ด้วยความสงสัยว่าทำไมประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย อย่าง ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ถึงได้แล้ว แต่ไทยไม่มีสักโดส จึงโทรศัพท์ไปที่ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ที่สนิทเป็นการส่วนตัว โดยได้คำตอบว่า “ไทยไม่ยอมเซ็นสัญญา”


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยเผยภาพวัคซีนป้องกันโควิด-19 ถึงไทยเมื่อวันที่ 1 ก.ค. อีก 1 ล้านโดส พร้อมประกาศสนับสนุนประเทศไทยต่อสู้กับโรคระบาด

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. เพจ “Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย” โพสต์ภาพวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับการซีลอย่างดี ถูกลำเลียงถึงประเทศไทยอีก 1 ล้านโดส เพื่อใช้ต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดในประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ โดยทาง “สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย” ได้ระบุข้อความว่า

“เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม วัคซีนป้องกันโควิด-19 ชุดใหม่ของจีนจำนวน 1 ล้านโดส ส่งถึงกรุงเทพฯ แล้ว จีนได้จัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่ประเทศไทยแล้ว จำนวน 13 ชุด รวมทั้งสิ้น 11.5 ล้านโดส”

นอกจากนี้ ในวันที่ 1 ก.ค. ยังเป็นวันครบรอบ 100 ปี การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน จึงได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมประกาศว่า ประเทศจีนจะสนับสนุนประเทศไทยในการต่อสู้กับโรคระบาดต่อไปภายใต้การนำที่แข็งแกร่งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และจะส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทยให้ดียิ่งขึ้นต่อไป


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ป.ป.ช. มีมติตั้งคณะไต่สวนอดีตผู้ว่าฯ - นายกอบจ. และบริษัทที่เกี่ยวข้อง กรณีเสาไฟกินรี ระบุต้องแล้วเสร็จภายใน 180 วัน

1 ก.ค. 64 นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหาผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ กระทำการจัดซื้อจัดจ้างโครงการเสาไฟฟ้าแสงสว่างพร้อมรูปประติมากรรมกินรีโดยมิชอบ

โดยจากการตรวจสอบพบว่า ในปีงบประมาณ 2556, 2557, 2561, 2562, 2563, 2564 ซึ่งทาง อบต.ราชาเทวะ ได้จัดทำโครงการจัดซื้อเสาไฟฟ้าและซ่อมบำรุงเสาไฟฟ้าดังกล่าว โดยมีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างไม่ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีการงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2541

และพบว่าการจัดซื้อจัดจ้างมีการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทผู้รับจ้างบางราย และยังพบว่าการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติแต่งตั้งองค์คณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงรวม 5 คณะ โดยแต่ละคณะจะแยกไต่สวนกันคนละปีงบประมาณ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนผู้ถูกกล่าวหากรณีนี้ มีทั้ง อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ, นายก อบต.ราชาเทวะ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และบริษัทเอกชน รวมกว่า 20 ราย ทั้งนี้ ตามกฎหมายระบุว่าการไต่สวนข้อเท็จจริงดังกล่าวต้องแล้วเสร็จภายใน 180 วัน

 

ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/108312


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top