Friday, 16 May 2025
NEWS

บก.ทบ. จัดตรวจเชิงรุกคัดกรองเชื้อกำลังพล WFH สร้างความปลอดภัยกำลังพลผู้ปฏิบัติงานทุกระดับ 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ส จากนโยบายพิทักษ์พลที่สอดคล้องกับมาตรการป้องกัน COVID-19 ที่กองทัพบกดำเนินการอย่างเคร่งครัด เพื่อลดการติดเชื้อสู่หน่วยทหารและกำลังพล โดยเฉพาะมาตรการ WFH (Work From Home) ให้กำลังพลปฏิบัติงาน ที่ที่พัก และผลัดเปลี่ยนมาปฏิบัติงานในหน่วยทหารตามวงรอบเพื่อลดความแออัด เมื่อกลับมาปฏิบัติงานในที่ตั้งหน่วยจะมีการตรวจคัดกรองหรือการตรวจคัดกรองเชิงรุกให้กำลังพลตามแนวทางของ ศบค.19 ทบ. 

สำหรับในพื้นที่กองบัญชาการกองทัพบก กทม. พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มีนโยบายให้ดำเนินการตรวจคัดกรองเชิงรุก โดยมอบให้สถาบันวิจัยวิทยาศาตร์การแพทย์ทหาร เข้าดำเนินการตรวจคัดกรองเชิงรุกหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ด้วยวิธี Rapid Test ให้กับกำลังพลทุกระดับที่หมุนเวียนเข้ามาปฏิบัติงาน 

โดยได้จัดตรวจคัดกรองเชิงรุกในผลัดแรกไปแล้วเมื่อ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา และล่าสุดในวันที่ 30 มิ.ย. 64 ได้จัดตรวจคัดกรองเชิงรุกในผลัดที่ 2 ซึ่งมีกำลังพลเข้ารับการตรวจ 1,360 นาย โดย ผู้บัญชาการทหารบกได้มาตรวจเยี่ยมและเข้ารับการตรวจหาเชื้อพร้อมกับข้าราชการที่ปฏิบัติงานในกองบัญชาการกองทัพบกด้วย สำหรับผลการตรวจหากพบกำลังพลมีการติดเชื้อจะมีการตรวจซ้ำและนำเข้าสู่กระบวนการควบคุมและรักษาตามลำดับต่อไป โดยระหว่างการตรวจคัดกรองได้มีการให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการตรวจหาเชื้อ การฉีดวัคซีน COVID-19 เพื่อให้ตระหนักและสามารถปฏิบัติตนได้สอดคล้องกับพัฒนาการของการแพร่ระบาด 

“การตรวจคัดกรองเชิงรุกก่อนเข้าปฏิบัติงาน เป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ในการดูแลกำลังพลไม่ให้มีการติดเชื้อ เป็นการสร้างความปลอดภัย ป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID ในสถานที่ทำงาน และไม่เป็นภาระด้านการรักษาพยาบาลให้กับระบบสาธารณสุข ที่สำคัญทำให้กำลังพลมีความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การตรวจคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่กองบัญชาการกองทัพบกจะมีการจัดตรวจตามวงรอบแบ่งผลัดปฏิบัติงานตามมาตรการ WFH อย่างต่อเนื่องทุก 7 วันทำการ

กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลประกาศหาผู้ที่สนใจซื้อต่อวัคซีน Pfizer มากกว่า 8 แสนโดสที่ค้างอยู่ในสต็อค และกำลังจะหมดอายุภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2021 นี้ หากไม่มีประเทศไหนสนใจก็จำเป็นต้องทำลายทิ้งทั้งหมด

วัคซีนตกค้างมูลค่ารวมหลายล้านเหรียญที่อิสราเอลถือครองอยู่และประกาศขายเป็นเพียงส่วนหนึ่ง เพราะจากข้อมูลที่เปิดเผยโดยสื่อมวลชนอิสราเอลพบว่า รัฐบาลมีวัคซีน Pfizer เหลือค้างที่กำลังจะหมดอายุถึง 1.4 ล้านโดส แต่ด้วยสถานการณ์การระบาดของ Covid-19 สายพันธุ์ Delta ที่กลับมาใหม่ในอิสราเอล จึงต้องเร่งฉีดวัคซีนประมาณ 6 แสนโดส ให้กับกลุ่มเยาวชนชาวอิสราเอลอายุระหว่าง 12-15 ปี ให้ทันภายในเดือนนี้

ส่วนที่เหลือมากกว่าครึ่งที่ฉีดไม่ทัน จำเป็นต้องทิ้งไป

ตอนนี้รัฐบาลอิสราเอลกำลังเร่งเจรจาหาประเทศที่สนใจมาซื้อวัคซีนต่อจากอิสราเอล หรือแม้แต่ขายโควตายอดจองวัคซีนล่วงหน้า ซึ่งมีรายงานว่ามีถึง 3 ประเทศที่เข้ามาติดต่อขอรับซื้อวัคซีนแล้ว

แต่ก่อนหน้านี้ อิสราเอลก็มีวัคซีนล็อตที่หมดอายุภายในเดือนมิถุนายนปีนี้ และได้ติดต่อส่งมอบให้กับรัฐบาลปาเลสไตน์ แต่ถูกปฏิเสธไปเมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายน ซึ่งกระชั้นชิดกับวันหมดอายุมากจึงต้องทิ้งไป

แต่วัคซีนล็อตที่กำลังจะหมดอายุในเดือนกรกฎาคมมีมากถึงกับต้องประกาศขาย และเร่งฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับวัยรุ่นอิสราเอลให้ทันภายในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ เพื่อจะได้มารับวัคซีนเข็ม 2 ได้ทันวันหมดอายุ เท่ากับว่าจำเป็นต้องเร่งฉีดให้ได้มากถึง 1.3 หมื่นคนต่อวันเป็นอย่างน้อย

จนถึงตอนนี้ มีประชาชนชาวอิสราเอลรับวัคซีนครบ 2 เข็มไปมากกว่า 5 ล้านคน คิดเป็น 57% ของประชากร มากเป็นอันดับ 1 ของโลก และอิสราเอลเป็นประเทศแรก ๆ ในโลกที่ได้รับวัคซีน Pfizer ในจำนวนที่ไม่มีการเปิดเผย

แต่ถึงแม้จะมีวัคซีนในสต็อคเป็นจำนวนมากแล้ว จนไม่สามารถฉีดทันวันหมดอายุ และต้องเหลือทิ้งเกือบล้านโดส แต่เมื่อช่วงเดือนเมษายนก็พบว่าอดีตนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ได้เซ็นสั่งวัคซีน Pfizer เข้ามาเพิ่มอีก 18 ล้านโดส เตรียมที่จะฉีดกระตุ้นเข็ม 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

อ้างอิง : https://www.timesofisrael.com/israel-may-have-to-throw-away-nearly-1-million-covid-vaccines/

https://www.fr24news.com/a/2021/06/israel-may-have-to-throw-away-nearly-a-million-covid-vaccines.html


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อดีตผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน แห่ง วช. ให้มุมมองเกี่ยวกับ BRI

เมื่อสถานการณ์ภาพรวมโควิด-19 ทั่วโลกเริ่มทรง ๆ ผู้คนเริ่มชินชากับตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวัน ประเด็นโรคระบาดครั้งใหญ่ แผ่วเบาลงบ้างจากความสนใจของประชาคมโลก

เวลานี้จึงมีเรื่องราวของ อภิมหายุทธศาสตร์ Belt and Road initiative (ข้อริเริ่มแถบและเส้นทาง) หรือ BRI หวนกลับมาเป็นหัวข้อสำคัญอีกครั้ง

ล่าสุด กลายเป็นหนึ่งในวาระการประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ประกอบด้วย สหราชอาณาจักร, แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น และ สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีขึ้นที่รีสอร์ทริมทะเลคาร์บิสเบย์ มณฑลคอร์นวอลล์ ของสหราชอาณาจักร เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

‘ไบเดน ยุ G7 รวมพลังต้านอิทธิพลจีน เปิดแผนสู้โครงการเส้นทางสายไหม’ กลายเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ของ เว็บไซต์ ผู้จัดการออนไลน์ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2564

คล้อยหลังไม่ทันข้ามวัน เพจ TNN World รายงานข่าวในประเด็นเดียวกัน โดยอ้างถึงบทวิเคราะห์ของ สำนักข่าว Reuters ที่ระบุ ผู้นำ G7 กำลังหาหนทางร่วมกันในการรับมือกับ สี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดของจีน ที่แสดงท่าทีแข็งกร้าวมากยิ่งขึ้น หลังแผ่ขยายอำนาจทางเศรษฐกิจและทางทหารขนานใหญ่ ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา

บทวิเคราะห์ จากรอยเตอร์ ยังเชื่ออีกว่า ผู้นำกลุ่ม G7 กำลังเตรียมเสนอโครงการโครงสร้างพื้นฐานให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา เพื่อแข่งกับโครงการเส้นทางสายไหม ในศตวรรษที่ 21 หรือ Belt and Road initiative (BRI) มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของผู้นำจีน

ในโอกาสที่ BRI ถูกจับตาอีกครั้งและพรรคคอมมิวนิสต์จีน เฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2021 นี้ เพจเฟซบุ๊ก Platform Economy and Transition in the New Era under the BRI ASEAN ได้นำเสนอบทสัมภาษณ์แบบ Exclusive จาก รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน แห่ง วช. ซึ่งเกาะติดจับตาการเปลี่ยนแปลงของจีนมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนานเกือบ 30 ปี มีบทความวิเคราะห์ผ่านสื่อต่าง ๆ มีผลงานหนังสือ 9 เล่ม และงานวิจัยเกี่ยวกับจีน อีก 20 กว่าเรื่อง อีกทั้งยังเน้นลงพื้นที่เก็บข้อมูลในจีน เพราะอยากไปเห็นด้วยตาตัวเอง ไม่ใช่แค่มองจีนผ่านสื่อตะวันตก จึงตั้งใจเดินทางไปให้ครบทุกมณฑลของจีนว่า...

วันที่ ‘สื่อไทย’ ต้องรู้เท่าทันแผนการใหญ่ BRI หรือ Belt and Road initiative (เส้นทางสายไหมใหม่) ของจีน!!

แน่นอนว่าหลายคนอาจจะวัดจากปริมาณงานที่ทำเกี่ยวกับจีนของ รศ.ดร.อักษรศรี และมีเข้าใจผิดไปบ้างว่าเธอเป็นนักวิชาการ ‘โปร จีน’ ซึ่งเธอออกตัวก่อนว่า ไม่ใช่เลย เพียงแต่เธอมอง จีน ในมุมของความซับซ้อนซ่อนเงื่อน และเปลี่ยนแปลงเร็วมาก จึงต้องศึกษาให้รู้เท่าทัน และเกาะติดจับตาอย่างต่อเนื่อง

รศ.ดร.อักษรศรี >> “จับเรื่องจีนอย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี 2535 ที่เริ่มเรียนปริญญาโท เพราะมี Passion ที่เริ่มจากความสงสัยในระบบแบบจีน ต้องการไขปริศนาระบบแบบจีนที่ไม่เหมือนใคร จากที่เคยเรียนรู้มาแบบเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก จึงเกิดความสงสัยว่า การที่จีนปกครองแบบคอมมิวนิสต์ แต่จะใช้เศรษฐกิจแบบทุนนิยมกลไกตลาด แล้วมันจะไปด้วยกันได้เหรอ มันจะทำได้นานแค่ไน มันจะพังลงสักวันหนึ่งมั้ย หรือจะล่มสลายเหมือนสหภาพโซเวียตมั้ย” รศ.ดร.อักษรศรี ยิ้มเมื่อเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่สนใจไขปริศนาระบบแบบจีน ก่อนบอกจริงจังว่า…

รศ.ดร.อักษรศรี >> “ช่วงแรก ๆ บอกเลยว่า ออกแนวจับผิดว่า ระบบแบบจีนจะไหวมั้ย มันจะล่มสลายเมื่อไร ตอนนั้นมองอย่างนั้น เพราะเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีแนวเศรษฐศาสตร์กระแสหลักมาไง เลยเอากรอบแบบตะวันตกไปมองจีน แต่เมื่อเวลาผ่านไป จีนเติบโตอย่างที่ยากจะหยุดยั้ง ด้วยระบบทุนนิยมโดยรัฐของจีนที่ไม่ได้เดินตามตำราฝรั่ง จึงสนใจศึกษาเรื่องจีนที่แปลกไม่เหมือนใครอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสนุกกับการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกผันของจีน และมามองจีนตามข้อเท็จจริงที่ได้ไปเห็นหรือสัมผัสมาด้วยตัวเอง”

ทั้งนี้หากมองในประเด็นเกี่ยวกับ BRI นั้น เธอชี้ว่าไทยไม่ควรเคลิ้มเกินไป และไม่เชียร์เกินงาม…

รศ.ดร.อักษรศรี >> “เมื่อโลกหมุนมาถึง พ.ศ. นี้ ปฏิเสธไม่ได้ หากเอ่ย ถึง จีน เมื่อไหร่ ย่อมจะมีความเชื่อมโยงกับ BRI ไม่ทางใดทางหนึ่ง เพราะยุทธศาสตร์ BRI เป็น Long Term Strategy ที่จีน “คิดใหญ่ มองไกล” ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ที่ฉาบฉวยทำไปวัน ๆ และภายใต้ BRI จีน ไม่ใช่แค่ส่งออกแค่สินค้าจีน หรือจีนไม่ได้แค่ส่งออกแค่นักธุรกิจจีน แต่จีนใช้ BRI เพื่อส่งออกแพลตฟอร์มจีน และส่งออกเทคโนโลยีจีน นี่คือสิ่งที่อยากให้ความสำคัญว่าหลายอย่างที่จีนทำวันนี้ ล้วนเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ใหญ่ BRI

“ที่สำคัญ BRI ไม่ใช่แค่ FTA (Free Trade Area) แต่ BRI คือ Grand Strategy เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาวที่ครอบคลุมหลายมิติ เป็นหนังเรื่องยาวที่ต้องเกาะติด เป็นคัมภีร์ที่ สี จิ้นผิง ใช้บุกโลก ฉะนั้น ทุกภาคส่วนต้องตื่นตัว รวมทั้งสื่อมวลชนด้วย”

รศ.ดร.อักษรศรี ยังบอกต่อ “จากประสบการณ์ที่จับเรื่องจีนมานาน สามารถสรุปได้ว่า Mindset ของสื่อไทย ทั้งสื่อกระแสหลัก และสื่อโซเซียลที่มีต่อจีนนั้น แบ่งเป็นสองกลุ่มสุดขั้ว คือ กลุ่มโปรจีน กับ กลุ่มไม่เอาจีน ซึ่งสื่อโซเชียลไทยที่โปรจีนก็จะชื่นชม สี จิ้นผิง ดุจดั่งผู้นำในฝันดีเลิศไปหมด ส่วนฝ่ายที่ไม่เอาจีน ก็แสดงความเห็นรุนแรง แบบสุดขั้ว จับผิดไปหมด และรู้สึกเสียดายมาก ที่สื่อไทยกระแสหลัก มักทำงานเรื่องจีน แค่ตามวาระงาน เช่น การทำข่าว BRI ก็นำเสนอเป็นข่าวรูทีน ตามวาระ Event การประชุมที่เกิดขึ้นเนือง ๆ ไม่ต่างกับข่าวต่างประเทศทั่ว ๆ ไป ไม่ค่อยมีการวิเคราะห์เจาะลึกอะไรมากมายนัก

“สื่อไทยส่วนใหญ่ ทำงานเหวี่ยงไปตามกระแส มากกว่านำกระแส ในขณะที่ตัวอาจารย์เองเริ่มเกาะติดเรื่อง One Belt One Road (ชื่อเรียกเดิม BRI) มาตั้งแต่ครั้งแรกที่สี จิ้นผิง ไปพูดคำนี้ที่เอเชียกลางเมื่อกันยายน 2013 และเขียนบทความเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องหลาย 10 ชิ้น ตั้งแต่นั้นมา จนเขียนหนังสือวิเคราะห์ BRI โดยเฉพาะออกมาหนึ่งเล่ม ชื่อว่า ‘The Rise of China จีนคิดใหญ่มองไกล’ 

ในขณะที่ สื่อไทยเพิ่งจะมาสนใจ BRI ก็ตอนที่มีกระแสดราม่า ว่า ผู้นำไทยไม่ได้รับเชิญจากจีนให้เข้าร่วมประชุม BRI Summit ครั้งแรกที่ปักกิ่งในเดือนพฤษภาคมปี 2017 บางคนบอกว่า เพราะเป็นผู้นำทหารที่มาจากการปฏิวัติ พอมีดราม่าเรื่อง BRI ขึ้นมาเท่านั้นแหละ คนไทยรู้จักยุทธศาสตร์นี้ของจีนขึ้นมาเลย (ยิ้ม) แต่น่าเสียดายที่บางคนก็ยังรู้จักแบบคลาดเคลื่อน เช่น บอกว่า BRI ไม่พาดผ่านไทย ไม่รวมประเทศไทยด้วย (หัวเราะ) ทั้ง ๆ ที่นายกฯ จีน หลี่ เค่อเฉียง พูดชัดว่าโครงการรถไฟไทย-จีน คือ ส่วนหนึ่งของ BRI และหลี่ เค่อเฉียง มาประกาศ 1 ใน 6 ระเบียงเศรษฐกิจของ BRI ตอนบินกรุงเทพฯ (ธันวาคม 2014) คือ ระเบียงเศรษฐกิจจีน-คาบสมุทรอินโดจีน (China-Indochina Peninsula Economic Corridor) ที่เกี่ยวข้องกับไทยโดยตรง

สื่อไทยต้อง #แปลงจีนให้เป็นโอกาส!!

รศ.ดร.อักษรศรี >> “อีกหนึ่งข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ตั้งแต่เกาะติดพัฒนาการของ BRI จีนได้พยายามใช้แผนการใหญ่ BRI ในการออกไปมีอิทธิพลระดับโลกแบบเนียน ๆ ไม่โฉ่งฉ่าง และใช้เป็น Soft Power เพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีกับสื่อทั่วโลก รวมทั้งสื่อไทยผ่านการจัดสอนภาษาจีนให้ฟรี จัดทำกิจกรรมด้านวัฒนธรรมและศิลปะบันเทิง รวมทั้งจัดพาสื่อไทยจากค่ายต่าง ๆ ไปทัศนศึกษาในจีนและดูแลอย่างดี เป็นต้น”

นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ท่านนี้ ให้ความเห็นในประเด็นนี้ว่า การไปศึกษาดูงาน การไปเรียนรู้ด้านภาษาหรือวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่จีนเสนอมาให้สื่อไทย ก็ไม่ได้เสียหายอะไร จึงคิดว่า ไม่ควรปฏิเสธ เพียงแต่ต้องใช้วิจารญาณในการที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่ควรเคลิ้มตามโดยง่าย แต่ควรทำสิ่งที่ขอแนะนำว่า ต้อง ‘แปลงจีนให้เป็นโอกาส’ เพื่อไปรู้เท่าทันจีนด้วยตาเราเอง ไปอัปเดทข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามาก อัปเดทชีวิตความเป็นอยู่ของคนจีนในจีน แต่ต้องตระหนักด้วยว่า สิ่งที่ฝ่ายจีนจัดให้ไปดู ก็คงจะโรยผักชีรออยู่เช่นกัน จึงไม่ควรเคลิ้มจนเกินไป หรือเชียร์จนเกินงาม

“การไปเห็นด้วยตาตัวเองย่อมจะดีกว่า อย่ามองจีนโดยผ่านสายตาสื่อตะวันตกมากเกินไป เพราะต้องยอมรับ มีสื่อไทยจำนวนไม่น้อย ที่อ่านแค่แมกกาซีนฝรั่ง อ่านบทความฝรั่ง แล้วนำมาแปลเพื่อเผยแพร่ในช่องทางต่าง ๆ ของสื่อไทย มีคอลัมน์นิสต์ไทยบางคนไม่เคยบินไปจีนเลยด้วยซ้ำ หรือไปจีนนานมากแล้ว แต่ก็แปลบทความฝรั่งแล้วมาเขียนวิเคราะห์เรื่องจีน แล้วก็ใส่ซีอิ๊ว พริกไทย เข้าไปหน่อย เพื่อทำให้ดูเป็นเวอร์ชั่นไทย” 

รศ.ดร.อักษรศรี ให้ข้อสังเกตก่อนบอกต่ออีกว่า “ระบบจีนไม่เหมือนใคร ยิ่งจีน มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนแค่ไหน ยิ่งต้องรู้ให้จริง เรื่องจีน ทุกวันนี้มี Fake News เรื่องจีนเยอะมาก สื่อมวลชน ยิ่งต้องรู้ให้รอบด้าน ยิ่งต้องเกาะติดอัปเดท จึงขอแนะนำคาถาในการทำรายงานสื่อเกี่ยวกับจีน ด้วยหลัก 4 ร คือ รู้เขา รู้เรา รู้จริง และ รู้เท่าทัน”

แล้วสื่อไทยต้องทำอย่าง ถึงจะรู้จริง?

รศ.ดร.อักษรศรี >> “ต้องใฝ่รู้ เกาะติด ทำการบ้าน ฟังข้อมูลหลายฝ่าย ทั้งจากสื่อตะวันตก สื่อจีน นักวิชาการจากค่ายต่าง ๆ แล้วนำมาวิเคราะห์ มันไม่ยากนะ ถ้าอยากจะรู้จริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพียงแต่มีใจทุ่มเทรึเปล่าแค่นั้นเอง”

ในฐานะนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ มองอย่างไร? หากสื่อมีข้ออ้างเรื่องข้อจำกัดในการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับจีนให้รอบด้าน 

รศ.ดร.อักษรศรี มองว่า “ถ้าเป็นสื่อมืออาชีพ ไม่ควรมีข้ออ้าง ไม่ว่าจะอ้างเรื่องไม่มีงบในการบินไปลงพื้นที่เก็บข้อมูล ไม่มีงบค่าแปลหรือมีข้อจำกัดด้านภาษา ฯลฯ เพราะยุคนี้มีเทคโนโลยีช่วยได้ และมีข้อมูลเกี่ยวกับจีนหลายช่องทางมาก สื่อมืออาชีพ ต้องทำได้ สิ่งสำคัญอยู่ที่ตัวสื่อเอง มี Passion ที่สนใจใฝ่รู้เรื่องจีน อย่างจริงจังแค่ไหน

สุดท้าย ถ้าสื่อไม่มี Passion เรื่อง BRI แล้ว ‘ประเทศไทย’ จะไปต่อได้หรือไม่? 

รศ.ดร.อักษรศรี บอกตรง ๆ ว่า...

“ไปต่อได้แน่นอน เพราะคุณูปการ (Contribution) ของสื่อหรืออิทธิพลของสื่อที่มีต่อนโยบายต่างประเทศของไทยที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มากมายอะไรขนาดนั้น (ยิ้ม) เพราะข้อเท็จจริง คือ การกำหนดนโยบายของไทยเป็นเรื่องของนักการเมืองหรือชนชั้นปกครองมากกว่า แต่ถ้าจะขออนุญาตแนะนำ คือ สื่อต้องมีจุดยืนที่แน่วแน่ มี Strong Position ของตัวเองในการนำเสนอข้อเท็จจริงและบทวิเคราะห์อย่างรอบด้าน ที่สำคัญ อย่าสร้างดราม่า หรือปั่นกระแส เพื่อแค่หวังยอดวิวหรือยอดแชร์ รวมทั้งอย่าตกเป็นเหยื่อหรือเครื่องมือของนักการเมือง จนทำให้งานที่สื่อออกมาจะแกว่งไปแกว่งมา ตามผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม”

 

ที่มา : https://www.facebook.com/1037140385/posts/10223542323199664/?d=n
https://www.facebook.com/101768495251562/posts/178195904275487/?d=n


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' การันตีความดี ‘หมอยง’ ย้ำชัด เป็นทรัพยากรสำคัญของชาติ

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุว่า ตามที่มีบุคคลเรียกร้องผ่านสื่อมวลชนให้ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยปลดนายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ ออกจากตำแหน่งหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยา คลีนิคภาควิชากุมารเวชศาสตร์ ด้วยการกล่าวอ้างว่า นายแพทย์ยง ในฐานะที่ปรึกษาสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ให้กับรัฐบาล ขาดจรรยาบรรณรับใช้การเมือง นั้น

ผมไม่รู้คุณคือใคร กล้าที่จะเรียกร้องให้ปลดคนที่ทำงานเสียสละเพื่อส่วนรวม แต่ไม่กล้าเปิดเผยชื่อ การเรียกร้องผ่านสื่อเช่นนี้ ต้องมีตัวตน อย่าทำตัวลึกลับ หลบอยู่ในเงามืด

สถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโควิด เป็นสถานการณ์รุนแรงและอันตราย ต้องการบุคคลที่มีความรู้จริง ไม่ใช่การลองผิดลองถูก ต้องไม่เอาชีวิตเพื่อนมนุษย์มาทดลองวิชา

ได้ทราบว่า มีนิสิตเก่าคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ กำลังร่วมลงชื่อเพื่อสนับสนุนและให้การรับรองความดีของนายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ

ผมในฐานะนิสิตเก่าจุฬาคนหนึ่ง แม้จะไม่ได้เรียนคณะเดียวกับท่าน แต่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนิสิตปี 2512 ขอให้กำลังใจนายแพทย์ยง ขอให้ท่านยืนหยัด อดทน และทำงานเพื่อประเทศชาติ และเพื่อสุขภาพของคนไทยต่อไป

#save หมอยง

 

https://www.facebook.com/nantiwat.samart/posts/1656464041206238


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม วัคซีนโควิด-19 ไทย รุดหน้า คาดช่วยส่งออก สร้างรายได้ให้ประเทศ

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ติดตามและแสดงความชื่นชมความก้าวหน้าผลงานวิจัยวัคซีนโควิด-19 โดยทีมแพทย์และนักวิจัยไทย เป็นอีกความหวังของประเทศในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคฯ ซึ่งนายกฯ ให้ความสำคัญในการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาวัคซีนภายในประเทศ 2 แนวทางสำคัญ คือ

1.) ให้การสนับสนุนสถาบันวัคซีนแห่งชาติ คณะแพทย์ในมหาวิทยาลัย และองค์กรชั้นนำ ในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนในรูปแบบต่าง ๆ

และ 2.) รับการถ่ายทอดกระบวนการผลิตวัคซีนจากต่างประเทศโดยบริษัท Siam Bioscience Co,.Ltd. ของไทย สำหรับวางรากฐานในไทยเพื่อพึ่งพาตนเองด้านวัคซีน ลดงบประมาณการจัดซื้อและสามารถส่งออกเชิงพาณิชย์ได้ในอนาคตอีกด้วย

น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในไทย ประกอบด้วย

1.) โครงการศึกษาวิจัยระยะที่ 1/2 เพื่อประเมินความปลอดภัย และความสามารถในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของวัคซีน NDV-HXP-S ในประเทศโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ร่วมกับศูนย์วัคซีน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล เริ่มฉีดอาสาสมัครเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ซึ่งวัคซีน NDV-HXP-S มีจุดเด่น คือ โรงงานของ อภ. มีความพร้อมในการผลิตระดับอุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และได้รับความร่วมมือระดับนานาชาติจากองค์กร PATH ในการสนับสนุนกล้าเชื้อไวรัส คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการร่วมกันวิจัยจากผู้ผลิตจากประเทศเวียดนามและบราซิล

2.) โครงการพัฒนา mRNA วัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 โดยศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด mRNA ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตเช่นเดียวกับวัคซีนจาก Pfizer-BioNTech และวัคซีนจาก Moderna ผลศึกษาการทดลองใน “หนู และ ลิง” พบว่า กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ในระดับสูง ช่วยยับยั้งการติดเชื้อในสัตว์ทดลองได้ โดยเริ่มการศึกษาในมนุษย์ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ทดสอบในระยะที่ 1 ใช้อาสาสมัครจำนวน 72 คน ซึ่งวัคซีน ChulaCov19 มีจุดเด่น คือ สามารถอยู่ในอุณหภูมิตู้เย็น (2-8 องศาเซลเซียส) ได้นาน 3 เดือน และเก็บในอุณหภูมิห้อง (25 องศาเซลเซียส) ได้นาน 2 สัปดาห์

จากการทดลองในหนูทดลองชนิดพิเศษที่ออกแบบให้สามารถเกิดโรคโควิด-19 ได้ พบว่า เมื่อหนูได้รับวัคซีน ChulaCov19 ครบ 2 เข็ม ห่างกัน 3 สัปดาห์ แล้วให้หนูทดลองได้รับเชื้อโควิด-19 เข้าทางจมูก สามารถป้องกันหนูทดลองไม่ให้ป่วยและยับยั้งไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าสู่กระแสเลือด รวมทั้งสามารถลดจำนวนเชื้อในจมูกและในปอดลงไปอย่างน้อย 10,000,000 เท่า มีความปลอดภัยในสัตว์ทดลอง วัคซีนชนิด mRNA ยังสามารถปรับแต่งวัคซีนต้นแบบตามพันธุกรรมของเชื้อกลายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว

3.) โครงการพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด DNA (วัคซีนโควิเจน) โดยบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ผลการทดสอบในหนูทดลอง พบว่า วัคซีนมีความปลอดภัย และสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขออนุมัติกับทาง อย. เพื่อทดสอบในมนุษย์ในระยะที่ 1 และคาดว่าจะวิจัยในคนระยะที่ 2 และ 3 ในปีนี้ (ข้อมูลเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564) โดยมีแผนการทดสอบในมนุษย์ในระยะที่ 1 ในประเทศออสเตรเลียรวมด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยของบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์ฯ CU Innovation Hub ที่ใช้ใบยาสูบเป็นพืชในกระบวนการสร้างวัคซีน หลังจากที่มีการผลิตวัคซีนล็อตแรกเสร็จ จะนำไปสู่ขั้นตอนการทดสอบวัคซีนในมนุษย์ คาดจะอยู่ในช่วงประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้

น.ส.รัชดา กล่าวว่า บริษัท AstraZeneca ประเทศไทย แจ้งแผนการส่งมอบวัคซีนให้กระทรวงสาธารณสุข ครบ 6 ล้านโดสในสัปดาห์นี้ ตามแผนทั้งหมด 61 ล้านโดส และในช่วงต้นของเดือนกรกฎาคม จะมีวัคซีนจากการสนับสนุนของรัฐบาลญี่ปุ่น อีกจำนวน 1.05 ล้านโดส ขณะเดียวกัน ระบบ "หมอพร้อม" ได้เลื่อนการฉีดวัคซีนให้เร็วขึ้นแก่ผู้ลงทะเบียนกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง ในพื้นที่กทม. จากเดือน สิงหาคม เป็น กรกฎาคม

ส่วนกรมการแพทย์ ได้เปิดให้ผู้สูงอายุตั้งแต่ 75 ปีขึ้นไป สามารถรับการฉีดวัคซีนที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ แบบระบบ On-site เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ โดยจะเริ่ม 30 มิถุนายน-18 กรกฎาคม

ทั้งนี้ รัฐบาลได้เร่งเดินหน้า ตามแผนการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรร้อยละ 70 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ประเทศเร็วที่สุด


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เปิดสถิติ 4 นักเตะคีย์แมน ที่พลาดท่าตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโร 2020

ศึกรอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลยูโร 2020 จบลงไปเป็นที่เรียบร้อย มี 8 ทีมเข้ารอบ เตรียมไปเจอกันต่อที่สนามหน้า ส่วนอีก 8 ทีมที่ตกรอบ ก็เตรียมไปเจอกันที่สนามบิน ผ่าม!! กลับบ้านสิครับรอไร! โดยเฉพาะกับบรรดาสตาร์ของหลาย ๆ ทีมที่จบภารกิจ ‘แบกทีม’ ไปเป็นที่เรียบร้อย

ไม่ว่าจะเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้, แกเร็ธ เบล, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ หรือ ลูก้า โมดริช ทั้งหมดไปเจอกันที่สนามบิน ไม่ช่าย! ทั้งหมดจบเส้นทางยูโร 2020 ลากกระเป๋าขึ้นเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ได้ฝากผลงาน ‘การแบกทีม’ หรือจะเรียกว่า เป็นหัวใจของทีม เอาไว้อย่างน่าชื่นชม เราจึงไปรวบรวมผลงานที่พวกเขาทำเอาไว้ในยูโรครั้งนี้มาให้ดูกันครับ...


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อารยะขัดขืน! ผู้ประกอบการร้านอาหาร ผุดแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม ต่อต้านมาตรการห้ามนั่งกินที่ร้าน พร้อมเชิญชวนให้มาร่วมลงชื่อ

จากกรณีราชกิจจานุเบกษา ได้ออกประกาศล็อกดาวน์กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ปิดไม่ให้นั่งทานอาหารในร้าน ล็อกแคมป์คนงานเป็นเวลากว่า 1 เดือน

ทำให้โลกออนไลน์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การออกประกาศดังกล่าว เนื่องจากก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาบอกว่าจะไม่มีการล็อกดาวน์ ทำให้เกิดความเสียหายต่อสินค้าที่สั่งไว้จำนวนมาก เนื่องจากเพิ่งได้ขยายเวลาเปิดร้านอาหารถึงเวลา 23.00 น. ได้เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น

ล่าสุดในโลกออนไลน์ มีการผุดแคมเปญใหม่ #กูจะเปิดมึงจะทำไม จากกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่เรียกร้องให้บรรดาร้านอาหารแสดงอารยะขัดขืนต่อมาตรการดังกล่าว

ทั้งนี้ มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุว่า ร้านไหนอยากร่วมแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม มาค่ะ จะร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านลาบ ร้านคราฟท์เบียร์ ร้านเหล้า ลงชื่อกันไว้ก่อนได้เลยค่ะ

ใจความระบุว่า เราจะชวนคุณเปิดขายอาหาร+เครื่องดื่มกลับบ้าน และจัด event เปิดเวทีปราศรัย เล่นดนตรี unplugged ในร้าน ให้เข้าฟังร้านละ 20 คน จัดทีละเขต (ถ้าดูในฟอร์มจะเห็นว่าเราให้ระบุพื้นที่ สน.ไว้) เขตละ 5-10 ร้านในวันเดียวกัน ใครใคร่ไปร้านไหนไป แล้วก็เปลี่ยนไปจัดเขตอื่นต่อ ไอเดียมาจากงานคืนกลางคืน ของศิลปิน ปชต. กับร้าน Junk House Music Bar

กิจกรรมระยะสอง : Open!

ส่งเสียงขนาดนี้แล้วไม่ฟัง เราก็อย่าฟังมัน

เปิดร้านค่ะ เปิดให้นั่ง ขายเหล้าเบียร์ เล่นดนตรีสด แบบมีมาตรการ รักษาระยะห่าง ไม่ต้องประชาสัมพันธ์ ไม่ต้องเอิกเกริก แต่เปิดโอกาสให้ลูกค้าประจำและเพื่อนฝูงได้มาสนับสนุนคุณ ถ้ามีการมาจับกุม เราก็รวมพลังกันด่าและสู้ ถึงตอนนั้น เครือข่ายเราก็จะแข็งแรงแล้ว

กิจกรรมระยะสาม : Market Place + Mob

ถ้าทำขนาดนี้แล้วยังไม่เกิดอะไร ลงถนนกันเถอะ

ออกร้านขายอาหารบนถนนกันค่ะ เปิดลานเบียร์ ตั้งเวทีเล่นดนตรี แล้วก็ปราศรัยใหญ่ด่าพวกมัน เชื่อว่าคนเอาแน่ ลูกค้าคุณจะตามมาซื้อ มวลชนจะมากินมา support แน่ ๆ

เริ่มต้นจากการกรอกฟอร์มค่ะ ย้ำอีกที

ทั้งหมดนี้เป็นไอเดียเบื้องต้นจากการปรึกษาหลาย ๆ คนนะคะ ซึ่งเราเข้าใจค่ะว่ามันมีความเสี่ยงหลายอย่าง แต่จุดนี้ถ้าจะสร้างเครือข่ายและเกราะป้องกันช่วยเหลือกัน คุณต้องแสดงความกล้าหาญและประกาศตัวแล้วล่ะ

นั่นแหละ เริ่มจากการกรอกฟอร์ม หรือไปชวนร้านโปรดของคุณให้มาลงชื่อกัน

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ ยังพบว่า แฮชแท็ก #กูจะเปิดมึงจะทำไม ยังติดเทรนด์ทวิตเตอร์ อันดับ 1 ของประเทศไทย ในวันที่ 30 มิถุนายน อีกด้วย

 

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6481398


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พก.จับมือ KEAD ร่วมลงนาม MOU เพื่อต่อยอดโอกาสการจ้างงานคนพิการ

วันนี้ (29 มิ.ย. 64) เวลา 13.00 น. ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร 60 ปี บ้านราชวิถี กรุงเทพฯ นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MEMORANDUM OF UNDERSTANDING) ระหว่างสำนักงานเพื่อการจ้างงานคนพิการ สาธารณรัฐเกาหลี (Korea Employment Agency for Persons with Disabilities: KEAD) ภายใต้สังกัดกระทรวงแรงงานและการจ้างงาน สาธารณรัฐเกาหลี และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ภายใต้สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประเทศไทย

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดเตรียมขอบข่ายงานด้านความร่วมมือระหว่าง KEAD และ พก. ในการแลกเปลี่ยนทักษะและความรู้ด้านนโยบายการจ้างงานคนพิการเพื่อต่อยอดถึงโอกาสการจ้างงานคนพิการที่ดีมากยิ่งขึ้นในอนาคต พร้อมแลกเปลี่ยนและประสานความร่วมมือในการส่งเสริมคนพิการ การแลกเปลี่ยนนโยบายการจ้างงานคนพิการ และความร่วมมือด้านการสร้างระบบการจ้างงานคนพิการ โดยมีข้าราชการ เจ้าหน้าที่ พก. และฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบออนไลน์ Zoom cloud Meeting

#ข่าวสารพก #กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

ติดตามข่าวสาร พก.ได้ที่

เว็บไซต์ : http://www.dep.go.th/

Facebook : https://www.facebook.com/dep.go.th

Twitter : shorturl.at/kEQX6

Youtube : shorturl.at/tvIM6

Instagram : https://instagram.com/depmsdhs?r=nametag

“ยูเครน” ซัดชัย นาทีที่ 120 ดับ “สวีเดน” คว้าตั๋วรอบ 8 ทีม รอดวล “อังกฤษ”

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2020" รอบ 16 ทีมสุดท้าย คู่สุดท้าย เป็นการฟาดแข้งกันระหว่าง สวีเดน กับ ยูเครน

เกมคู่นี้สู้กันได้อย่างสนุก แม้ชื่อชั้นยูเครนจะเป็นรอง แต่ก็สู้กับสวีเดนได้อย่างสูสี และได้ประตูนำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 27 จากการยิงของโอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก

จากนั้น นาทีที่ 43 สวีเดน มาไล่ตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ อเล็กซานเดอร์ อีซาค จ่ายให้ เอมิล ฟอสเบิร์ก ซัดนอกกรอบเขตโทษ บอลแฉลบ อิลเลีย ซาบาร์นยี หนีมือผู้รักษาประตูยูเครนเข้าไป ถือเป็นประตูที่ 4 ในทัวร์นาเมนต์ของเจ้าตัว และจบครึ่งเวลาแรกไปด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังรูปเกมค่อนข้างสนุก แต่ทำอะไรกันไม่ได้ จบ 90 นาทีเสมอกันที่ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษไปอีก 30 นาที

แต่แล้วช่วงต่อเวลาพิเศษ สถานการณ์ของสวีเดนต้องตกเป็นรองเมื่อต้องเหลือ 10 คนในสนาม เนื่องจาก มาร์คัส ดาเนียลสัน จงใจเปิดปุ่มเข้าสกัดใส่ อาร์เตม เบเซดิน เมื่อผู้ตัดสินดูภาพจาก VAR แจกใบแดงไล่ออกจากสนามทันที

ยูเครน อาศัยตัวผู้เล่นที่เหนือกว่า พยายามขึงเกมบุกเพื่อทำประตูให้ได้ ก่อนจะมาประสบความสำเร็จในนาทีที่ 120+1 จาก อาร์เตม ดอฟบีค ที่โหม่งเช็ดหนีมือนายทวารสวีเดนเข้าไป และกลายเป็นประตูชัยในเกมนี้ ส่งผลให้ยูเครนผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ รอดวลกับ อังกฤษ ในรอบต่อไป


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘อังกฤษ’ ขึ้นเต็งหนึ่ง หลังโค่นเยอรมนี ลิ่ว 8 ทีมยูโร 2020

ศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย คู่ที่ 7 บิ๊กแมตช์ของรอบนี้ เป็นการพบกันระหว่าง ‘สิงโตคำราม’ ทีมชาติอังกฤษ กับ ‘อินทรีย์เหล็ก’ ทีมชาติเยอรมนี ซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่า อังกฤษ สามารถเอาชนะได้ 2-0 จากประตูของ ราฮีม สเตอร์ลิง และแฮร์รี เคน ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ผ่านเข้าไปเจอกับทีมชาติยูเครนต่อไป

จากผลการแข่งขันล่าสุด ทางบ่อนรับพนันถูกกฎหมายต่างประเทศหลายเจ้า ที่ก่อนหน้านี้ยกให้ ฝรั่งเศส เป็นตัวเต็งที่จะได้แชมป์ แต่กระเด็นตกรอบไปแล้ว ทำให้มีการปรับราคายก ‘สิงโตคำราม’ ทีมชาติอังกฤษ ขึ้นมาเป็นเต็งหนึ่งแทน ที่อัตรา 2/1 (แทง 1 จ่าย 2)


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

จับตาดู ทีมสิงโตคำราม จะเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในฐานะ ‘แชมป์’ ได้หรือไม่?

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

เมื่อคืน สิงโตคำรามใส่อินทรีเหล็ก จนจำต้องถอยทัพกลับแคว้นบาวาเรียเป็นที่เรียบร้อย เรากำลังพูดถึง ขุนพลทีมชาติอังกฤษ ที่ทำผลงานเอาชนะทีมชาติเยอรมันไปด้วยสกอร์ 2-0 กรุยทางผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึกฟุตบอลยูโร 2020 ได้เป็นผลสำเร็จ

ได้ยินเด็กแถวบ้านตะโกนว่า ‘อังกฤษมาละเว้ยยย!’ แหม่ สงสัยจะมาจริงอะไรจริง ยิ่งใครดูฟอร์มเมื่อคืนที่ชนกับเยอรมัน ต้องบอกว่า ขุนพลสิงโตหนุ่มชุดนี้ เล่นบอลมีระบบ ระเบียบ และมีความเขี้ยวมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ

ต้องยกความดีให้กับหัวหน้าคุมสิงโต นามว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษชุดนี้ ที่เพิ่มเติมโหมดความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการบิ้วท์เกมจากแผงหลังและแผงกลางขึ้นไป ทำได้ดี และเล่นกันได้ง่าย จนทำให้บอลของอังกฤษดูเนียนขึ้น

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ เซาธ์เกตเลือกใช้งานเซ็นเตอร์แบ็คอย่าง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ และ จอห์น สโตนส์ ที่เด่นเรื่องการพาบอลจากหลังขึ้นไปหน้าได้ดีทั้งคู่ รวมไปถึงคู่แผงมิดฟิลด์ตรงกลางอย่าง เดแคลน ไรซ์ และ คาลวิน ฟิลลิปส์ ที่เล่นบอลง่าย ไม่เลือกเก็บบอลนาน ทำชิ่งเปิดบอลให้เกมไหลลื่นอยู่ตลอด

แม้ว่าจะยิงได้น้อยในรอบแรก ไม่ถูกใจกองเชียร์สักเท่าไร แต่สำหรับฟุตบอลทัวร์นาเม้นท์แบบนี้ ทีมที่ค่อย ๆ ทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ นี่แหละ จะเป็นทีมที่น่ากลัว และจะไปได้ไกลที่สุด เพราะนั่นเป็นสัญญาณว่า รูปแบบการเล่นของทีมกำลังค่อย ๆ ลงตัวมากขึ้นเป็นลำดับ

ซึ่งทีมอังกฤษ กำลังเดินเครื่องไปแบบนั้น เหมือนเป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่ต้นไม่แรง แต่แซงปลายกันยาว ๆ เอาเป็นว่า หากผ่านรอบ 8 ทีม ที่จะพบกับยูเครนไปได้ ถึงตรงนั้น อังกฤษมีโอกาสสูงที่จะคว้า ‘แชมป์ฟุตบอลยูโร 2020’ เพราะทั้งฟอร์มการเล่น กำลังใจ และกระแสกองเชียร์ มาเต็มร้อยแน่นอน

อีกไม่นาน คงได้รู้กันว่า สิงโตชุดนี้ จะเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในฐานะ ‘แชมป์’ ได้หรือไม่?


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"Shell" เป็นมากกว่า "สถานีบริการปั๊มน้ำมัน" เพราะเป็นจุดพักรถ พักคน และมอบความรู้แก่ "ผู้ใช้บริการ" ครบวงจร เพรียบพร้อมด้วย "อารยะสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล"

วันที่ 29 มิถุนายน 2564 ณ สถานีบริการปั๊มน้ำมัน "Shell" ตา-ยาย ต.ทุ่งควายกิน อ.แกลง จ.ระยอง นายกรทัศน์ นายกรวัชญ์ น.ส.กรรวี ครอบครัว "คุณาวุฒิ" (ผู้บริหาร) ให้การต้อนรับ นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย / นายภูชิชย์ พิมักษ์กรณ์ ที่ปรึกษานายกสมาคมคนพิการภาคตะวันออก และตำแหน่ง "ฑูตอารยะสถาปัตย์จังหวัดชลบุรี" / นางสาวภัสวรินทร์ กิตติโชคกุลพัทธ์ นายกสมาคมส่งเสริมและพัฒนาคนพิการไทย / นายณรงค์ พูลประดิษฐ์ ประธานคนพิการจังหวัดระยอง ลงพื้นที่ตรวจสอบ "สิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อคนพิการ ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และผู้อาจมีอาการเจ็บป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้รถวีลแชร์ " เช่น ที่จอดรถ ห้องน้ำ ทางลาดชัน จุดเชื่อมต่อในการใช้พื่นที่ในรอบ ๆ บริเวณสถานีบริการปั๊มน้ำมัน "Shell" ที่บรรจง ออกแบบ ดีไซน์ เพื่อเตรียมการรองรับกลุ่มผู้ใช้บริการที่มีความต้องการจำเป็นใช้พื่นที่พิเศษ โดยการลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้พบว่าเป็นสถานีบริการน้ำมันที่เอื้ออำนวยความสะดวกกับกลุ่มฯ นี้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นมากกว่าสถานีบริการปั๊มน้ำมัน นั้นคือ เป็น "ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง น้อมนำพระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 9"

โดยการนำการเรียนรู้จาก "แหลมผักเบี้ย" จ.เพชรบุรี มาปฎิบัติใช้กับพื้นที่หลังบริเวณปั๊มน้ำมัน โดยน้ำที่ผู้ใช้บริการแล้ว เช่น ห้องสุขา ที่ล้างมือ ร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ มาผ่านกระบวนการกลั่นกรอง ดักไขมัน เศษอาหาร จนเป็นน้ำที่กึ่งดี ผสมผสานกับการใช้น้ำหมักชีวภาพ และหลักการ "คลองไส้ไก่" เพื่อใช้เวลา แสงแดด บำบัดเป็นน้ำสะอาด และสามารถนำกลับมาใช้ในการการเกษตรต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น สถานีบริการปั๊มน้ำมันแห่งนี้ยังใช้ "แหล่งพลังงานโซล่าเซลล์" (พลังงานแสงอาทิตย์) นำมาใช้กับอุปกรณ์เครื่องไฟฟ้าในร้านกาแฟ และยังมีการออกแบบที่รองรับกับสภาพอากาศโดยรอบ ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศมาเป็นการสร้างความร่มเย็นให้กับผู้ใช้บริการ อีกด้วย และความใส่ใจที่มีต่อผู้ใช้บริการอีกมาก เช่น จัดทำห้อง "ละหมาด" เพื่อสำหรับพี่น้องชาว "มุสลิม" ที่มีความจำเป็นจะต้องปฏิบัติภารกิจทางศาสนา และมีการออกแบบโดยถูกต้องตามหลักศาสนาโดยได้การรับรองจาก "วัฒนธรรมจังหวัดระยอง"

และที่จะขาดมิได้เลยที่ต้องกล่าวชื่นชมสถานีบริการปั๊มน้ำมัน "Shell" แห่งนี้นั่นก็คือ การจัดเตรียมพื้นที่สำหรับคนรักสัตว์ มีพื้นที่ไว้สำหรับ สัตว์เลี้ยงขับถ่าย โดยการออกแบบที่มีความสะอาดถูกสุขอนามัย โดยไม่มีการคิดค่าใช้บริการกันแต่อย่างใด

สุดท้ายนี้ "คณะผู้นำคนพิการ" ยังได้กล่าวชื่นชมและขอขอบพระคุณทางผู้บริหารที่มีเจตคติที่ดี และมีแนวความคิดที่เอื้อเฟื้อต่อสังคม ในการสรรค์สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อคนทั้งมวล มา ณ โอกาส นี้ด้วย

ครม.ยกเลิก 27 ก.ค. เป็นวันหยุดพิเศษ เหตุต้องปรับตามสถานการณ์โควิด-19 ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีเคยกำหนดให้วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2564 เป็นวันหยุดพิเศษต่อเนื่อง เพื่อให้ได้หยุดต่อเนื่องหลายวัน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม ตรงกับวันอาสาฬหบูชา วันที่ 25 กรกฎาคม ตรงกับวันเข้าพรรษา วันที่ 26 กรกฎาคมเป็นวันหยุดชดเชยวันอาสาฬหาบูชา

และในวันพุธที่ 28 กรกฎาคมตรงกับวันเฉลิมพระชนพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมติครม.เมื่อปีที่ผ่านมาจึงได้เห็นชอบให้วันอังคารที่ 27 กรกฎาคมเป็นวันหยุดพิเศษ เพื่อที่จะได้มีวันหยุดระยะยาวหลายวันเพื่อให้ประชาชนเดินทางออกไปท่องเที่ยวเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ

แต่นั่นคือเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้ว แต่เมื่อมาพิจารณาสถานการณ์ในปีนี้ จะต้องมีมาตรการเข้มงวดขึ้นในมาตรการสาธารณสุขและทาง ศบค. ได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามจังหวัด ดังนั้น เมื่อพิจารณาสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว ครม. จึงมีมติเห็นชอบให้ยกเลิกประกาศที่เคยให้วันอังคารที่ 27 กรกฎาคมเป็นวันหยุดพิเศษ

ส่วนประชาชนที่เคยวางแผนเรื่องการเดินทางในช่วงวันหยุดยาวดังกล่าวนั้น ครม. กำชับให้ภาคราชการและหน่วยงานส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในเรื่องการยกเลิกตั๋วเดินทางหรือการจองที่พักเพื่อให้ความสะดวกกับประชาชนด้วย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“เรืองไกร” ลุยยื่น “ชวน” เองขอรายละเอียดยิบปมใช้รถหลวงผิดระเบียบหรือไม่ จ่อสอบ จนท.รายอื่นอีก

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการงบประมาณ 65 กล่าวว่า ในวันที่ 30 มิ.ย. ต้นจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพื่ ฝอขอข้อมูลรถประจำตำแหน่ง ทะเบียน ฮภ 2882 กรุงเทพมหานคร เพื่อประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่าย พ.ศ.2565 ของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ และเพื่อประกอบการตรวจสอบรถประจำตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ของรัฐรายอื่น ๆ ต่อไปด้วย ทั้งนี้ ประธานรัฐสภาและประธานสภาฯ ตามปกติมีหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ตามข้อบังคับ ตามกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ขอเอกสารประกอบการพิจารณาด้วย รถทะเบียน ฮภ 2882 ถูกใช้เป็นรถประจำตำแหน่งประธานรัฐสภา หรือประธานสภาฯ ซึ่งมีเพียงคันเดียวใช่หรือไม่ รถทะเบียน ฮภ 2882 จัดซื้อโดยเงินงบประมาณปีใด ราคาเท่าใด มีการคืนเงินงบประมาณที่เหลือหรือไม่ อย่างไร เมื่อวันที่เท่าใด ขอเอกสารการเงินการบัญชีและเอกสารประกอบดังกล่าวทั้งหมดด้วย 

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า รถประจำตำแหน่งคันดังกล่าว มีการจัดทำทะเบียนแยกประเภทตามข้อ 9 ของระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยรถราชการ พ.ศ.2523 ครบถ้วนหรือไม่ ขอเอกสารทะเบียนแยกประเภทดังกล่าวด้วย เพื่อประกอบการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ขอทราบข้อมูลว่ารถประจำตำแหน่งทะเบียน ฮภ 2882 มีการบันทึกบัญชีทรัพย์สินถาวร รายการยานพาหนะ ที่สำนักงานเลขาธิการสภาฯ อย่างไร มีอายุการใช้งานกี่ปี มีการคิดค่าเสื่อมราคาปีละเท่าใด ค่าเสื่อมราคาสะสม ณ วันที่ 30 ก.ย.63 เป็นเท่าใด เก็บรักษาที่อยู่ในความควบคุมและความรับผิดชอบของใคร สภาฯ มีการซ่อมบำรุงอย่างไร ขอรายละเอียดประวัติการซ่อมบำรุง รวมทั้งเอกสารการเงินการบัญชีและใบเสร็จด้วย นอกจากนี้มีการตรวจสอบมลพิษ ทุกระยะเวลา 6 เดือน หรือทุกระยะ 15,000 กิโลเมตรหรือไม่ ขอหลักฐานการตรวจสอบมลพิษด้วย มีการทำประกันภัยอย่างไร มีการต่อทะเบียนรถครบถ้วนเป็นประจำทุกปี หรือไม่ ขอเอกสารที่เกี่ยวข้องด้วย มีการใช้โดยเป็นไปตามเงื่อนไขข้อ 13 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ.2523 โดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ เคยมีการนำไปใช้นอกเหนือหน้าที่ปกติตามข้อ 19 วรรคสาม ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ.2523 หรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า รถประจำตำแหน่งคันดังกล่าว มีการเติมน้ำมันด้วยเงินของประธานรัฐสภาเองตามเงื่อนไขข้อ 21 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 หรือไม่ ขอบิลค่าน้ำมันมาประกอบการพิจารณาด้วย นอกจากนี้มีการนำไปใช้แจกหน้ากากอนามัยซึ่งรับบริจาคมาในนามมูลนิธิฯ ตามคำร้องที่เกี่ยวข้องไปแล้วทั้งหมดกี่ครั้ง กี่วัน ที่ไหนบ้าง เวลาใด มีใครร่วมบ้าง มีรายงานการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจดังกล่าวแต่ละครั้งหรือไม่ จึงเรียนมาเพื่อขอให้ท่านประธานสภาฯ ได้สั่งการให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้ชี้แจงและจัดส่งเอกสารข้อมูลรถประจำตำแหน่ง ทะเบียน ฮภ 2882 กรุงเทพมหานคร ให้ตนโดยเร็ว เพราะจะนำไปเป็นกรณีตัวอย่างที่สามารถตรวจสอบได้ เพื่อประกอบการพิจารณางบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2565 ของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ และเพื่อประกอบการตรวจสอบรถประจำตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ของรัฐรายอื่นๆ ต่อไปด้วย

รมว.เฮ้ง ส่งมอบปลากระป๋องและไข่ไก่แก่สมาคมก่อสร้างไทย ช่วยเหลือตามมาตรการปิดแคมป์คนงาน สู้ภัยโควิด-19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ส่งมอบปลากระป๋องจำนวน 90,000 กระป๋อง และไข่ไก่จำนวน 250,000 ฟอง แก่ นายปิติพันธุ์ ธนศรีวนิชชัย รองเลขาธิการ สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นผู้รับมอบ โดยมี นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน 

นายสุชาติ กล่าวว่า ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานจากกรณีที่ทาง ศบค.มีมติให้ปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง งดการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ นครปฐม เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในคลัสเตอร์แคมป์คนงานนั้น และได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานดูแลแรงงานที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้โดยการจ่ายเยียวยาสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน 50 เปอร์เซ็นของค่าจ้างนั้น

“ในวันนี้กระทรวงแรงงาน ขอขอบคุณภาคเอกชนอย่างบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ที่ได้มอบปลากระป๋อง 90,000 กระป๋อง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟที่ได้มอบไข่ไก่ 200,000 ฟอง และบริษัทในเครือแสงทอง-อัครา ได้มอบไข่ไก่ 50,000 ฟอง ที่ร่วมแรงร่วมใจกับภาครัฐ สนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ส่งมอบให้แก่สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อนำไปช่วยเหลือพี่น้องผู้ใช้แรงงานตามมาตรการปิดแคมป์คนงานต่อไป” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top