Wednesday, 14 May 2025
NEWS FEED

“ภูมิธรรม”มอบ สศท. จับมือพาณิชย์ พันธมิตร ต่อยอดงานศิลปหัตถกรรมไทย ชูใช้อัตลักษณ์ท้องถิ่นปรับให้ทันโลก พร้อมสร้างทายาทคนรุ่นใหม่สืบทอด

วันที่ 24 มิถุนายน 2567 เวลา 13.00 น.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายการขับเคลื่อนสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย(องค์การมหาชน) สศท. หรือ sacit ที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อสืบสานงานสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ชูงานศิลปหัตถกรรมที่เป็น Soft Power ช่วยผลักดันเศรษฐกิจ สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศ โดยเน้นย้ำให้ สศท.เดินหน้า “สืบสาน รักษา พัฒนาต่อยอด”งานศิลปหัตถกรรม พร้อมเป็นศูนย์กลางด้านองค์ความรู้ในงานหัตถศิลป์ทรงคุณค่า ควบคู่การ บูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานพันธมิตร สร้างความยั่งยืนให้แก่งานศิลปหัตถกรรมไทย โดยมีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ดร.เสรี นนทสูติ ประธานกรรมการ สศท. นางพรรณวิลาส แพพ่วง รักษาการแทนผู้อำนวยการ สศท. ร่วมด้วย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทยเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนงานศิลปหัตถกรรมไทยในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรม ซึ่งนับว่าเป็นกลไกสำคัญที่ผลักดันให้งานศิลปหัตถกรรมเป็น Soft Power ของประเทศที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ภารกิจที่สำคัญอีกด้านหนึ่งของ สศท.คือการรวบรวมองค์ความรู้และฐานข้อมูลเกี่ยวกับ ครูศิลป์  ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าของชาติที่จะต้องสืบสาน รักษา และต่อยอดให้คงอยู่

“ต้องให้โอกาสเอาช่างฝีมือที่ทันต่อโลก ทันยุคสมัย มาปรับเปลี่ยนกับของเดิมที่มีอัตลักษณ์ของไทยโดยไม่เสียอัตลักษณ์ ให้คนใหม่ๆหรือต่างประเทศเข้าสู่งานศิลป์ของไทยได้เพิ่มขึ้นทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลง เข้าถึงได้กับคนรุ่นใหม่ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับซอฟต์พาวเวอร์ เป็นงานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย  ดูแล สร้างสรรค์ภูมิปัญญา ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี  เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับผู้สร้างสรรค์อย่างเป็นรูปธรรม วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปเร็ว ถ้าเราจะอยู่ในโลกนี้ได้ต้องปรับตัวให้ทันกับโลก“ นายภูมิธรรมกล่าว

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า SACIT อยู่กับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นกระทรวงมีศักยภาพที่จะทำให้ชุมชน วิสาหกิจชุมชนและประชาชนเติบโตได้ ทั้งเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา การจดทะเบียน การส่งเสริมการส่งออกทุกส่วนต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันกับพันธมิตร ดึงคุณค่าอัตลักษณ์ของไทยให้ออกมาได้อย่างมีศักยภาพ ให้คนไทยรู้สึกภาคภูมิใจในงานหัตถกรรมและการรักษาหัตถกรรมไทยให้ยั่งยืนต้องมีทายาท สร้างคนรุ่นใหม่เข้ามา เด็กรุ่นใหม่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ให้เกิดการประสานงานกันของคนทั้ง 3 รุ่น ทั้งรุ่นใหญ่ รุ่นกลาง รุ่นใหม่ จะเกิดองค์ความรู้มาพัฒนาสอดรับกับยุคสมัย ให้เราเป็น Craft Center ของประเทศ รัฐบาลพร้อมสนับสนุน

ซึ่งที่นี่มีภาระค่าใช้จ่ายดูแลต้องเข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหา และตนได้ให้นโยบายว่าทำอย่างไรให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางให้จังหวัดต่างๆในภาคกลางมาใช้จัดแสดงงาน ใช้สถานที่และเป็นศูนย์ท่องเที่ยวประสานงานกับพันธมิตรเป็นศูนย์กลางในระดับประเทศต่อไป  และกระทรวงพาณิชย์ก็จะให้หน่วยงานต่างๆเข้ามาใช้สถานที่ พร้อมให้คนรุ่นใหม่เข้ามาใช้ได้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้วัฒนธรรม หัตถกรรมไทย ถ่ายทอดให้ชาวต่างชาติเห็นถึงจิตวิญญาณของคนไทย

นราธิวาส-รอง ผอ.รมน.ภาค 4 สน. ตรวจเยี่ยมกำลังพล ย้ำมาตรการในการปฏิบัติงานดูแลความสงบเรียบร้อย ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

พลตรี ไพศาล  หนูสังข์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ณ กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 4 ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส และตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 11 ตำบลโล๊ะจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส พร้อมรับทราบปัญหาข้อขัดข้อง ในการปฏิบัติงานของหน่วยเพื่อเป็นการเน้นย้ำการปฏิบัติงาน และสร้างความเข้มแข็ง ในการดูแลความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนระหว่างไทย- มาเลเซีย ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

โอกาสนี้ พลตรี ไพศาล  หนูสังข์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และคณะ ได้ตรวจเยี่ยมและร่วมรับฟังผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของหน่วย รวมถึงรับทราบปัญหาข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน พร้อมได้มอบแนวทางข้อแนะนำต่าง ๆ ในการปฏิบัติงาน อีกทั้งได้นำนโยบายข้อสั่งการของ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 มาเน้นย้ำแก่เจ้าหน้าที่ให้นำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายต้องมีการวางแผนการปฏิบัติงานอย่างรัดกุม ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังไม่ประมาท และให้มีการประสานการทำงานร่วมกันระหว่าง ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น เครือข่ายภาคประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการผนึกกำลังยับยั้งการกระทำผิดกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่จะต้องปรับเปลี่ยนยุทธวิธีไป ตามสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อควบคุมบุคคลหรือสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิด ผ่านเข้า-ออก และป้องกันการก่อเหตุในทุกรูปแบบ ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย
ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส 

‘ทบ.’ โต้!! ‘สส.ก้าวไกล’ หลังให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน ยัน!! ‘ที่ดินทหาร’ เป็นไปตามกฎหมาย-ระเบียบราชพัสดุ

(24 มิ.ย. 67) พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวถึงกรณีนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการการทหาร ตั้งข้อสังเกตพื้นที่ทหารซึ่งเป็นที่ราชพัสดุ แต่เจ้าของพื้นที่ไร้อำนาจเรียกคืน เปรียบเป็นพื้นที่เอกราชของกองทัพที่ไม่มีใครเข้าไปตรวจสอบได้ ว่า ข้อมูลดังกล่าวอาจสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อนให้กับสังคม ในประเด็นที่เกี่ยวกับที่ดินทหารในหลายประการ กองทัพบกจึงขอให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง และป้องกันการบิดเบือนข้อมูลทั้งที่เจตนาและด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนี้

ที่ดินทหาร คือ ที่ดินราชพัสดุ ตาม พ.ร.บ. ที่ราชพัสดุ พ.ศ.2562 โดยมีกระทรวงการคลัง เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ส่วนกองทัพบก เป็นผู้ใช้ที่ราชพัสดุ ตามกฎกระทรวง การใช้ที่ราชพัสดุ พ.ศ.2563 โดยเป็นการใช้ตามอำนาจหน้าที่ของกองทัพ ด้านความมั่นคง และการพัฒนาประเทศ ซึ่งยังคงต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการใช้ที่ราชพัสดุ และเนื่องจากพื้นที่ของกองทัพบก เป็นพื้นที่เพื่อความมั่นคง มีชั้นความลับทางราชการทหาร จึงทำให้บุคคลภายนอกเข้าถึงได้ยาก การไม่ได้รับรู้ข้อมูลเชิงลึก อาจทำให้ถูกมองว่ากองทัพบก ทำอะไรได้ตามใจ ซึ่งแท้จริงแล้วกองทัพบกก็ยังคงต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบต่าง ๆ

พื้นที่ไม่ลงสี หรือสีขาวนั้น กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้กำหนดข้อยกเว้นสำหรับที่ดินของกองทัพ เพื่อกำหนดเป็นพื้นที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างที่สำคัญต่าง ๆ เช่น คลังอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงที่ตั้งโรงงานต่าง ๆ ของกองทัพ รวมถึงระบบด้านความปลอดภัยและสาธารณูปโภคที่สนับสนุนเกื้อกูลกัน

ทั้งนี้ การก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ กองทัพบก ยังคงต้องเป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องเช่นกัน หากหน่วยงานใดมีความประสงค์จะขอใช้ที่ราชพัสดุในความครอบครอง ดูแลและใช้ประโยชน์ ของกองทัพก็สามารถกระทำได้ตาม กฎกระทรวง การใช้ที่ราชพัสดุ พ.ศ.2563 ข้อ 3 โดยขอความเห็นชอบจากกองทัพในฐานะส่วนราชการที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ แล้วยื่นคำขอไปยังกรมธนารักษ์ หรือสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ ซึ่งในปัจจุบันกองทัพก็ได้ยินยอมให้ส่วนราชการใช้หลายพื้นที่ เช่น บริเวณที่ตั้งของรัฐสภา , มอเตอร์เวย์ทั้งสายตะวันตกและสายตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงที่ตั้งสำนักงานของส่วนราชการอื่น ๆ เป็นต้น

กองทัพบกตระหนักดีว่าการได้รับการบริการในด้านต่าง ๆ ของประชาชน เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่ผู้ที่เข้าไปยึดถือครอบครอง (บุกรุกที่ดินของรัฐ) ในพื้นที่ครอบครองของกองทัพบกโดยมิชอบ ซึ่งบางพื้นที่เป็นพื้นที่ความมั่นคงตามแนวชายแดน ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งในปัจจุบันกองทัพบก ได้นำที่ดินที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจของกองทัพบก ร่วมกับกรมธนารักษ์ จัดทำโครงการ 'ธนารักษ์เอื้อราษฎร์' ซึ่งเป็นการจัดสรรพื้นที่ราชพัสดุที่อยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการต่าง ๆ นำมาให้ประชาชนใช้ประโยชน์ จึงขอให้ประชาชนที่สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการและติดตามข่าวสารได้ที่สำนักงานธนารักษ์และหน่วยทหารในพื้นที่

ผนึกพลัง ตำรวจ - เอไอเอส เปิดยุทธการทลายเครือข่าย “แก๊งตระเวนลักแบตเตอรี่สำรองเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ”

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.พัฒนา ปรีชานันท์ รอง ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.พัลลภ สุภิญโญ รอง ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.วราวุธ เจริญชนม์ รอง ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.กฤตยา เลาประสพวัฒนา รอง ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.เอนก บุตรอินทร์ รอง ผบก.สง.ก.ต.ช. ปฏิบัติราชการ บก.สส.ภ.2

พร้อมด้วยชุดสืบสวน บก.สส.ภ.2 ทำการสืบสวนเนื่องจากได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนร้ายตระเวนลักทรัพย์แบตเตอรี่(ลิเธียม)ที่ติดตั้งกับเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือของบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวิร์ค จำกัด ในกลุ่ม เอไอเอส จำนวนหลายท้องที่ในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 จากการประสานของมูลจาก บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวิร์ค จำกัด ว่าในห้วงระยะเวลา ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2566 ถึงปัจจุบัน พบว่าเกิดเหตุคนร้ายได้ตระเวนก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน กว่า 150 ครั้ง ได้ทรัพย์สินเป็นแบตเตอรี่ ไม่ต่ำกว่า 300 ลูก ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่าสิบล้านบาท คนร้ายได้ตระเวนลักทรัพย์ในพื้นที่หลายจังหวัดในภาคตะวันออก โดยเลือกพื้นที่ห่างไกลและไม่ค่อยมีกล้องวงจรปิด ออกตระเวนลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง และจากแผนประทุษกรรมการก่อเหตุพบว่าคนร้ายเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับระบบเสาสัญญาณโทรศัพท์เป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่าคนร้ายเป็นกลุ่มคนที่เคยประกอบอาชีพเกี่ยวกับการติดตั้งระบบในเสาสัญญาณโทรศัพท์

ด้านนายสมภพ กิตติวิรุฬห์วัฒน รักษาการหัวหน้างานปฏิบัติการภูมิภาค-ภาคตะวันออก เอไอเอส กล่าวว่า “จากกรณีที่มีมิจฉาชีพขโมยแบตเตอรี่ สถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของเอไอเอส ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบกับความเสี่ยงของการให้บริการสัญญาณเครือข่ายอย่างยิ่ง เนื่องจากทำให้สถานีฐานขาดระบบสำรองแหล่งพลังงาน อันอาจทำให้ไม่สามารถให้บริการสัญญาณได้ตามปกติ ดังนั้นทีมวิศวกร และฝ่ายกฎหมายของเอไอเอส จึงเดินหน้าทำงานสืบสวนในเชิงลึกร่วมกับตำรวจ โดยกองบังคับการสืบสวน สอบสวนตำรวจภูธร ภาค 2 มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามกลุ่มมิจฉาชีพและสามารถเข้าจับกุมรายใหญ่ได้ในครั้งนี้ ซึ่งในนามของเอไอเอส ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่านอย่างยิ่ง ที่ให้ความสำคัญกับคดีนี้ ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า ในพื้นที่อื่นๆ หากมีการผนึกกำลังร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในลักษณะนี้ จะทำให้สามารถติดตามจับกุม และนำทรัพย์สินกลับมาเพื่อให้สามารถส่งมอบสัญญาณเครือข่ายได้อย่างมีคุณภาพต่อไป อย่างไรก็ตามหากประชาชนพบเหตุต้องสงสัย สามารถแจ้งมาที่บริษัทฯ หรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอดเวลาเช่นกัน”

สำหรับ แบตเตอรี่ลิเธียม ที่ได้ทำการติดตั้งกับเสาสัญญาณโทรศัพท์ มีไว้สำหรับเป็นกระแสไฟฟ้าสำรองกรณีหากมีเหตุไฟฟ้าดับ แบตเตอรี่จะทำงานจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับเสาสัญญาณโทรศัพท์ทำให้ประชาชนที่มีพื้นที่การใช้งานบริเวณเสาสัญญาณนั้นๆ ยังสามารถใช้สัญญาณโทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารได้ บริษัทจึงต้องใช้แบตเตอรี่ลิเธียมที่มีกำลังวัตต์สูง เพื่อสำรองกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอที่จะทำให้สัญญาณโทรศัพท์ไม่ขัดข้องในกรณีที่ไฟฟ้าดับ โดยในเสา 1 ต้น จะติดตั้งประมาณ 2-3 ลูก ราคาอยู่ที่ประมาณ ลูกละ 40,000 บาท ซึ่งแบตเตอรี่ลิเธียม ประเภทนี้จะไม่ได้มีการนำมาขายตามท้องตลาด ทางบริษัทนำเข้าแบตเตอรี่ จะจำหน่ายให้กับบริษัทที่จะต้องนำไปใช้งานจริงเท่านั้น

คนร้ายได้กระทำกันเป็นขบวนการเครือข่าย โดยหลังจากที่คนร้ายได้ทำการลักทรัพย์แบตเตอรี่แล้ว จะรีบนำไปส่งขายให้กับกลุ่มรับซื้อของโจร ในราคาลูกละ 5,000-8,000 บาท จากนั้น กลุ่มคนรับซื้อของโจรจะดำเนินการปลด Alert ในตัวแบตเตอรี่ แล้วนำไปลงขายใน Social ตลาดมืด ในราคาลูกละ 12,000 – 14,000 บ. และหากซื้อจำนวนมากๆ ราคาจะถูกลง ซึ่งตลาดมืดที่มีความต้องการแบตเตอรี่ประเภทนี้สูงที่สุด คือ กลุ่มตลาดที่รับติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ เนื่องจากเป็นแบตเตอรี่ ที่มีกำลังวัตต์สูง ในการเก็บไฟฟ้า รองลงมาจะเป็น กลุ่มเครื่องเสียงรถยนต์ กลุ่มเครื่องเสียงรถแห่ กลุ่มทำเหมืองขุดบิทคอย เป็นต้น

ชุดสืบสวน บก.สส.ภ.2 ได้ รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้ร่วมกันประชุมวางแผนกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและวิศวกร ของบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวิร์ค จำกัด เพื่อประสานข้อมูลในการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ และทำลายเครือข่ายขบวนการลักแบตเตอรี่เสาสัญญาณโทรศัพท์ ในครั้งนี้ ซึ่งชุดสืบสวนสามารถรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 7 คน และขออนุมัติศาลขอหมายค้นเพื่อตรวจยึดของกลาง อีกจำนวน 8 จุด ซึ่งได้ดำเนินการวางแผน Operation ตั้งแต่ วันที่ 21–23 มิ.ย. 67 ซึ่งรายละเอียดผลการปฏิบัติการ มีดังนี้

จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 6 ราย ประกอบด้วย

1.นายอัศวิน สงวนนามสกุล

2.นายอิบรอฮีม สงวนนามสกุล

3.นายนาวิน สงวนนามสกุล

4.นายรุ่งอนัน สงวนนามสกุล

5.นายศราวุธ สงวนนามสกุล

6.นายปริวัฒน์ สงวนนามสกุล

7.นายวีระวุฒฺ สงวนนามสกุล หลบหนีการจับกุม

รวมจับกุม 6 คน ตรวจยึดของกลางรวม จำนวน 114 ลูก

ซึ่งการตรวจยึดจากผู้ที่รับซื้อรวมถึงคนกลางที่รับซื้อแบตเตอรี่ซึ่งถูกขายบน Social ด้วยจากการขยายผลพบกลุ่มผู้กระทำความผิดที่เป็นตัวลงมือลักทรัพย์และตัวกลางรับซื้ออีกหลายราย ซึ่งจะได้จับกุมให้หมดทั้งขบวนการและได้ประสานงานกับชุดสืบสวน บก.สส.ภ.3,กก.สืบสวน ภ.จว.นครราชสีมา,กก.สืบสวน ภ.จว.ชลบุรี การตรวจยึดในครั้งนี้

การกระทำของผู้ลงมือและตัวกลางรับซื้อ เป็นความผิดฐานลักทรัพย์/รับของโจร ซึ่งมีอัตราโทษสูงถึง 5 ปี และหากมีพฤติการณ์ลักทรัพย์ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ หรือรับของโจร เฉพาะที่เกี่ยวกับการช่วยจำหน่าย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดอันมีลักษณะเป็นการค้า ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน อีกส่วนหนึ่ง ต้องระวางโทษตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะถูกดำเนินการตามมาตรการยึดทรัพย์

ในส่วนตัวกลางรับซื้อ รับจำหน่าย ได้มีการอายัดบัญชีไว้แล้ว กว่า 1,000,000 บาท และจะถูกดำเนินคดีทุกกรรม เป็นกระทงความผิดไป

สมุทรปราการ-โครงการส่งเสริมการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรปลอดภัยได้มาตรฐาน "ปลาสลิดบางบ่อ” ออนไลน์ทั่วโลก

นายสุจินต์ วาจากิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานเปิดงาน "ปลาสลิดบางบ่อ ออนไลน์ทั่วโลก" ภายใต้โครงการส่งเสริมการผลิต และสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรปลอดภัยได้มาตรฐาน ประจำปี พ.ศ. 2567

โดยมี นายสาธิต กล่อมสวัสดิ์ พาณิชย์จังหวัดสมุทรปราการ คุณโอฬาร กิจเลิศไพโรจน์ รองประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง ตลอดจนเจ้าหน้าที่แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน ร่วมในพิธีเปิดงานในครั้งนี้ ณ เวทีกิจกรรม บริเวณ Grand Hall ชั้น 1 ศูนย์การค้า อิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ วัตถุประเพื่อขยายช่องทางการตลาด และประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ปลาสลิดบางบ่อให้มากยิ่งขึ้น พัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ หรือกลุ่มเกษตรกร เพื่อสร้างรายได้ให้กับระบบเศรษฐกิจฐานราก (Local Economy) โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับการจัดสรร สนับสนุนจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของจังหวัดจังหวัดสมุทรปราการ

ภายในงานมีผู้ผลิต ผู้ประกอบการเข้าร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้า จำนวนกว่า 40 ราย ซึ่งประกอบไปด้วยสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลาสลิด สินค้ากลุ่ม OTOP/SMEs กลุ่มวิสาหกิจชุมชน สินค้าเครือข่าย MOC Biz Club เป็นต้น นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมเจรจาธุรกิจเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้เพิ่มมากขึ้น กิจกรรมพิเศษอื่นๆ เช่น กิจกรรมนาทีทองที่ทุกท่านจะสามารถซื้อสินค้าภายในงานได้ในราคาถูก, กิจกรรมจับสลากลุ้นรางวัลทุกวัน มูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท ตลอดการจัดงาน และในทุกวันยังมีกิจกรรมสาธิตเมนูจากสินค้า G1 จ.สมุทรปราการ จากเชฟชื่อดังทุกวัน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-26 มิถุนายน 2567

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ทำกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาปรับภูมิทัศน์พื้นที่ โดยรอบหน่วยงาน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี  3 มิถุนายน 2567

วันนี้ 24 มิ.ย.67 เวลา 09.45 น. พล.ต.ท.คีรีศักดิ์  ตันตินวะชัย ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบูรณ์    เทียนขาว รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์  รู้ยืนยง รอง ผบช.ปฏิบัติราชการ บช.ปส., พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส., พล.ต.ต.อาทร ชิ้นทอง ผบก.ประจำ บช.ปส., พ.ต.อ.วรพงษ์  ภวเวส รอง ผบก.ปส.1, พ.ต.อ.หญิง แจ่มศรี  สุรัสสนันท์ รอง ผบก.ปส.4, พ.ต.อ.บุญส่ง สนทยานานนท์ รอง ผบก.สกส., พ.ต.อ.หญิง บุศรา  จงรัชอบ รอง ผบก.ขส., พ.ต.อ.วันชนะ  บวรบุญ รอง ผบก.ขส. และข้าราชการตำรวจในสังกัดจำนวน 80 นาย ร่วมกันทำกิจกรรมอาสาพัฒนาปรับภูมิทัศน์พื้นที่ ทาสีตีเส้นจราจร เก็บกวาดขยะ โดยรอบหน่วยงาน และพื้นที่ใกล้เคียง สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิม พระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2567 และ เพื่ออำนวยความสะดวก ในการใช้รถใช้ถนน รวมทั้งเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ให้แก่ประชาชนและข้าราชการตำรวจ ที่สัญจรผ่านไปมา ณ บริเวณแห่งนี้ 

ทั้งนี้ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานโครงการจิตอาสาพระราชทาน ตามแนวพระราชดำริ “เราทำความดี เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์” ด้วยทรงมุ่งหวังให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่า มีความสมัครสมานสามัคคี ร่วมมือร่วมใจ ประกอบกิจกรรมสาธารณะนี้ ยังประโยชน์สุขแก่ชุมชนส่วนรวม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

คำประกาศสละราชสมบัติ ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗

“…ข้าพเจ้าเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใดคณะใด โดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิ์ขาดและโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร…”

คำประกาศสละราชสมบัติ ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗

'Pat Hemasuk' นักวิชาการ-อินฟลูฯ การเมือง เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบในวัย 64 ปี

(24 มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพดล พรหมภาสิต เลขาธิการศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) แจ้งข่าวมาว่า นายธนพัฒน์ หิมะสุข อายุ 64 ปี เจ้าของเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า 'Pat Hemasuk' นักวิชาการอิสระ ที่วิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์การเมือง กลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์บนโลกออนไลน์ ได้เสียชีวิตลงแล้ว

โดยศพสวดพระอภิธรรมที่ศาลา 16 วัดชลประทานรังสฤษดิ์ พระอารามหลวง ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่วันที่ 22-25 มิ.ย. 67 เวลา 19.00 น. และประชุมเพลิงในวันที่ 26 มิ.ย. 67 เวลา 16.30 น.

ปทุมธานี ผอ.รพ.ธรรมศาสตร์ และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ฯ ขอบคุณผู้สนับสนุนละครเวทีการกุศลจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2567 รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ดิลก ภิยโยทัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และ รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอัจฉรา ตั้งสถาพรพงษ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอบคุณผู้สนับสนุนละครเวที การกุศลจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้  

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ดิลก ภิยโยทัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ  ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดกิจกรรมเชิญชวนผู้มีอุปการะคุณร่วมบริจาคสมทบทุนการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ ผ่านการชมละครเวที ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล รอบการกุศล ในวันที่ 22 มิถุนายน 2567 ณ เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์  โดยมีวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรม ดังนี้ 1. เพื่อระดมทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2. เพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่มีความจำเป็นและเพียงพอต่อการให้บริการผู้ป่วยผ่าตัด 3. เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอัจฉรา ตั้งสถาพรพงษ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า รายได้จากการจำหน่ายบัตรละครเวทีการกุศลในครั้งนี้มียอดรวมทั้งสิ้น 10,936,598 บาท  (สิบล้านเก้าแสนสามหมื่นหกพันห้าร้อยเก้าสิบแปดบาทถ้วน)  โดยวัตถุประสงค์ที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ได้กล่าวข้างต้นจะสำเร็จลุล่วงไปไม่ได้  หากไม่ได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากผู้มีอุปการะคุณ ทุกท่าน ในนามโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอขอบคุณ ผู้มีอุปการะคุณ ผู้บริจาคทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่าเพื่อรับชมละครเวที ฟ้าจรดทราย รอบการกุศล และขอขอบคุณเงินบริจาคของทุกท่านที่ “ช่วยเรา เพื่อให้เราได้ช่วยคนอื่นต่อไป”

ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

เชียงใหม่-เปิดกิจกรรมปฐมนิเทศนักเรียนชั้น ม. 4 โครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ฯ กลุ่มภาคเหนือตอนบน ปี 2567

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2567 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย โดยนายสำเร็จ ไกรพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ประธานศูนย์เครือข่ายห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม กลุ่มภาคเหนือตอนบน จัดกิจกรรมปฐมนิเทศนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม กลุ่มภาคเหนือตอนบน ประจําปีการศึกษา 2567 โดยมีนายคงกระพัน เวฬุสาโรจน์ ศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม พร้อมด้วย นายบุญเสริญ สุริยา ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวต้อนรับ นายสมบัติ คำบุญสูง รองผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวรายงาน ผู้ประสานงานห้องเรียนพิเศษ วิทยาศาสตร์ฯ เครือข่ายภาคเหนือตอนบน คณะวิทยากร คณะผู้บริหารสถานศึกษา คณะครู แขกผู้มีเกียรติ และนักเรียนในโครงการห้องเรียนพิเศษ วิทยาศาสตร์ฯ  ร่วมเปิดกิจกรรม ณ.ห้องประชุมดารารัศมี โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย 

นายคงกระพัน เวฬุสาโรจน์ ศึกษาธิการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ฯ กลุ่มภาคเหนือตอนบน เป็นกิจกรรมที่มีคุณค่า และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักเรียนห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ฯ เพราะในชีวิตประจำวันของนักเรียนและของมนุษย์ทุกคน จะต้องเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา วิวัฒนาการทางด้านความรู้ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้านของชีวิต จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหล่อหลอมให้คนในสังคม 

โดยเฉพาะเยาวชนได้รู้จักวิธีการคิดอย่างมีเหตุผล มีวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ อันจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาด้านสติปัญญา โดยใช้กระบวนการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เนื่องจากกระบวนการดังกล่าว เป็นกระบวนการที่สร้างคนให้มีเหตุผล มีความเชื่อมั่นในตนเอง ผ่านการวิเคราะห์สภาพการณ์ หรือปัญหาในชีวิตประจำวัน ให้อยู่ในแนวทางของเหตุและผลตามหลักตรรกะทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะเป็นคุณลักษณะหนึ่งที่สำคัญของพลเมืองในสังคมยุคปัจจุบัน และต่อไปในอนาคต 

นายบุญเสริญ สุริยา ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวว่า โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยได้เจริญก้าวหน้า มีพัฒนาการด้านคุณภาพ   ในการจัดการศึกษาอันมีรูปแบบที่เหมาะสมกับแต่ละยุคสมัยมาอย่างต่อเนื่อง เป็นโรงเรียน แม่ข่ายหรือศูนย์การเรียนรู้ในโครงการพิเศษต่าง ๆ มากมาย ทั้งในระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ รวมถึงยังได้รับเป็นศูนย์ประสานงานโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม กลุ่มภาคเหนือตอนบน อีกด้วย 

ซึ่งในบทบาทหน้าที่ที่ได้รับนี้ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยจึงได้ประสานความร่วมมือกับโรงเรียน ในเครือข่าย รวมถึงองค์กรภาคีเครือข่ายของโรงเรียน และหน่วยงานทางด้านวิทยาศาสตร์ ในการระดมสรรพกำลังของบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ทางด้านวิทยาศาสตร์ มาช่วยกันขับเคลื่อนงานโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ฯ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และมุ่งตรงสู่การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อผู้เรียน  

การเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ มั่นใจว่านอกเหนือจากได้รับความรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว นักเรียนและครูผู้ประสานงานโครงการทุกท่าน ยังจะได้รับประสบการณ์ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างโรงเรียน ซึ่งสิ่งนี้มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เนื่องด้วยในแต่ละโรงเรียนอาจมีข้อดีและข้อจำกัดบางประการที่ไม่สามารถต่อยอดและเพิ่มพูนศักยภาพให้แก่นักเรียนได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากแต่เมื่อได้เดินทางมาพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน อาจจะเป็นการจุดประกายความคิดให้ทุกท่าน นำไปต่อยอดในการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการผลิตผลงาน หรือสร้างโครงงานทางวิทยาศาสตร์ให้สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณชนได้จริง ในวงกว้างต่อไป

ด้านนายสมบัติ คำบุญสูง รองผู้อำนวยการโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กล่าวว่า กิจกรรมปฐมนิเทศนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปีการศึกษา 2567 ของโรงเรียนในเครือข่ายโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม กลุ่มภาคเหนือตอนบน หรือกลุ่มโรงเรียน S.M.T.E. ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนแม่ข่าย รับหน้าที่ดำเนินการจัดกิจกรรมเป็นประจำทุกปี มาตั้งแต่ ปีพุทธศักราช 2551 ถึงปัจจุบัน เพื่อสร้างเจตคติที่ดีต่อวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม รวมถึงจุดประกายแนวคิดในการทำโครงงาน และงานวิจัยสำหรับนักเรียนในโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ฯ ของโรงเรียนในเครือข่าย ให้เกิดความต่อเนื่อง ยั่งยืน และเกิดประสิทธิผล ที่เป็นรูปธรรม
 
การจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีคณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนในเครือข่ายกลุ่มภาคเหนือตอนบน จำนวน23โรงเรียน เข้าร่วมกิจกรรมรวมทั้งสิ้น  694 คน โดยดำเนินการจัดกิจกรรมระหว่างวันที่  23-25 มิถุนายน พุทธศักราช 2567 ทั้งนี้ ได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรจาก สพฐ. รวมถึงคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้มาให้ความรู้ และบรรยายพิเศษเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานวิจัยให้แก่นักเรียน 

ตลอดจนมีกิจกรรมการศึกษาเรียนรู้ตัวอย่างงานวิจัย จากแหล่งเรียนรู้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ ที่หลากหลาย เพื่อให้นักเรียนได้รับโอกาสในการพัฒนาความรู้ และทักษะด้านวิทยาศาสตร์ รวมทั้งได้เพิ่มพูนประสบการณ์ ในการ เยี่ยมชมห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัย และได้พบกับนักวิทยาศาสตร์มืออาชีพ เพื่อเป็นการจุดประกายในการเขียนหัวข้อโครงร่างงานวิจัยของนักเรียนต่อไป  

พัฒนชัย/เชียงใหม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top