Wednesday, 14 May 2025
NEWS FEED

‘เศรษฐา’ ลงพื้นที่ ‘วอคกิ้งสตรีท พัทยา’ ทักทาย ผู้ประกอบการ เน้น!! ให้ดูแลด้าน ‘ความปลอดภัย-ทรัพย์สิน’ ของนักท่องเที่ยว

เมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.67) เวลา 20.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นั่งรถโดยสารประจำทาง รอบเมืองพัทยา (รถสองแถว หมายเลข 224) เดินทางมายัง ถนนวอล์คกิ้งพัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อเยี่ยมชมเมือง และ บรรยากาศ ย่านสถาบันเทิงระดับโลก พร้อมกับ ทักทายนักท่องเที่ยว โดยมี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี , นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 และ หัวหน้าราชการต่างๆ ให้การต้อนรับ

สำหรับการเดินทาง ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในครั้งนี้ เป็นการเดินทางมาส่วนตัว เพื่อเยี่ยมชมบรรยากาศ สถานบันเทิง และ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองพัทยา ร่วมถึง ดูระบบ การดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาเที่ยวเมืองพัทยา  ระหว่างลงพื้นที่เยี่ยมชม มีนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และ ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ชาวเกาหลี ต่างโบกมือทักทาย และ มีกลุ่มผู้ประกอบนำดอกไม้มาให้กำลังใจท่านนายกเศรษฐา อีกด้วย

ด้านนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า  ซึ่งในวันนี้ นายกเศรษฐา ทวีสิน ก็ได้มาพื้นที่เมืองพัทยาเพื่อตรวจสอบเรื่องการกระตุ้นการท่องเที่ยว ตั้งแต่เช้า โดยไปลงพื้นที่เกาะล้าน สนามกีฬาฟุตบอล 20,000 ที่นั่ง จากนั้นก็ได้ร่วมงาน Pattaya International Pride Festival 2024 และได้ลงพื้นที่ดูการท่องเที่ยวภาคกลางคืน บริเวณถนนวอคกิ้งสตรีท พัทยา นายกเศรษฐาก็ได้ทักทาย ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมไปถึงได้ดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่คอยดูแลนักท่องเที่ยวหลังจากการดื่มภายในสถานบันเทิง หลังจากที่เมืองพัทยาได้ขยายเวลาปิดเป็น 04.00 น. ทางเมืองพัทยาก็เข้มงวดในเรื่องการเมาแล้วขับ โดยมีการให้นั่งห้องสำหรับพักผ่อน ก่อนที่จะเดินทางกลับ ก็ดูภาพรวมการท่องเที่ยวและการเติม เฟสติวัลระดับใหญ่เข้ามาจัดในพื้นที่เมืองพัทยา และสิ่งที่นายกเศรษฐาให้ความสำคัญ คือการดูแลความปลอดภัยและทรัพย์ของนักท่องเที่ยว

‘โกเด๊ะ พรัญชัย’ ยังไม่ขอส่งนักมวยชก ‘ONE’ ชี้!! รายได้ดี แต่แลกมาด้วยการบาดเจ็บ ทำให้อายุมวยสั้น

(23 มิ.ย.67) เพจ ‘ที่นี่มวยไทย’ ได้โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับ ‘โกเด๊ะ พรัญชัย’ โดยได้ระบุว่า

พรัญชัย ยังไม่ขอส่งนักมวยชก ONE เซฟนักมวย

‘โกเด๊ะ’ พรัญชัย อดิเทพวรพันธ์ ยอมรับทั้งฉลามและเขี้ยวอายุมากขึ้นแล้วจึงต้องการยืดอายุการใช้งานเซฟร่างกายให้มากขึ้นเพื่อสร้างรายได้ไปเลี้ยงครอบครัวนานๆ

มีคนถามทำไมไม่ให้นักมวยพรัญชัยไปชก ONE รายได้ดีมากโดยเฉพาะถ้าได้โบนัสแต่ผมว่ามันแลกมาด้วยความเจ็บปวดเกินไป อายุมวยจะสั้น

อย่างฉลามไปชก ONE ปรากฏว่าข้อมือหักหยุดไป7-8 เดือน มันไม่คุ้มกันเลย ผมจึงเปลี่ยนแนวอย่าง RWS ที่ค่าตัวก็โอเค.น่าพอใจไม่ยิ่งหย่อนกว่าที่ไหนและไม่เสี่ยงกับการบาดเจ็บด้วย ผมจึงต้องเซฟพวกเขาอย่างฉลาม เขี้ยว ให้ชกมวยต่อไปนานที่สุด

'พล.ต.อ.เอก' ชี้!! ปมคำสั่งให้ออก 'บิ๊กโจ๊ก' ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่? ควรรอการวินิจฉัยของ 'ก.พ.ค.ตร.' ที่มีผลผูกพันตามกม.จะดีที่สุด

(23 มิ.ย.67) มีรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จะเดินทางไปเป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 5/2567 ในวันพุธที่ 26 มิถุนายน 2567 เวลา 15.00 น.ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.

โดยมีวาระที่น่าสนใจกรณี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งที่ 177/2567 ลง 18 เม.ย.2567 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยข้าราชการตำรวจ กรณี ตร. มีคำสั่งที่ 178 /2567 ลง 18 เม.ย.67 ให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน โดยที่ประชุมจะพิจารณาผลสรุปการสอบสวนของอนุฯ ก.ตร.วินัย ที่มีผลสรุปคำสั่ง ตร.ที่ 177,178/2567 เรื่องให้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ออกจากราชการไว้ก่อนว่าชอบด้วยกฏหมายหรือไม่

มีรายงานว่าคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจเกี่ยวกับดำเนินการทางวินัย หรือ อนุฯ ก.ตร.วินัย ที่มีพล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธาน ได้สรุปผลการพิจารณา โดยมีมติว่าคำสั่งให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งลงนามโดยพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) ชอบด้วยกฎหมาย โดยหลังจากนี้จะเสนอเข้าที่ประชุมก.ตร.พิจารณาลงมติ หากก.ตร.เห็นชอบเท่ากับว่าคำสั่งให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการมีผลแล้ว แต่หากก.ตร.มีเห็นแย้งและมติว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายก็อาจจะมีมติให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. แก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งต่อไป

ด้านพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ระบุว่า ก่อนหน้านี้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นเรื่องให้ก.ตร.พิจารณา 2 ครั้ง เพื่อให้ก.ตร.มีมติให้ผบ.ตร.ยกเลิกคำสั่ง โดยอ้างว่าคำสั่งดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมาย โดยในครั้งที่ 2 ได้แนบบันทึกของคณะกรรมการกฤษฎีกาอย่างที่นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี สรุปว่าคำสั่งไม่ชอบ ซึ่งทางก.ตร.ได้ส่งเรื่องให้อนุฯ ก.ตร.วินัย พิจารณากลั่นกรอง ก่อนนำเสนอเข้าก.ตร.ชุดใหญ่พิจารณาให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้โดยปกติหากอนุฯ ก.ตร.มีมติอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น

"อย่างไรก็ตามก.ตร.อาจไม่เห็นด้วยก็ได้ และอาจมีมติให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ยกเลิกคำสั่ง เพราะว่าพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ อยู่ดีๆ ไปยกเลิกคำสั่ง ตัวเองก็ติดคุก ไม่มีหลังพิง จะอ้างว่ากฤษฎีกามีความเห็นมาก็ไม่เพียงพอ อย่างที่ผมย้ำ ความเห็นของกฤษฎีกาอย่างที่นายวิษณุ ฟันธง เป็นเพียงแค่ข้อสังเกตเท่านั้น ไม่ใช่ความเห็น เพราะหากเป็นความเห็นของกฤษฎีกา ใครถามอะไรไปอันนี้ต้องปฏิบัติตาม" พล.ต.อ.เอก ระบุ

พล.ต.อ.เอก อธิบายเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าวทางสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือสอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกาไป 2 เรื่อง เรื่องแรกถามว่าจะต้องกราบบังคมทูลหรือไม่ ส่วนเรื่องที่สองถามว่าจะต้องกราบบังคมทูลเมื่อไหร่ แต่ปรากฏว่าคณะกรรมกฤษฎี ตอบ 2 อย่างไม่พอ ยังมีแถมข้อสังเกตมาด้วย ตรงนี้เคยมีคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดว่าหากหน่วยงานของรัฐสอบถามประเด็นในข้อกฎหมายเรื่องใด หากคณะกฤษฎีกาชี้มาอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามนั้น แต่กรณีนี้เป็นเพียงข้อสังเกตุที่ไม่ได้มีการสอบถาม จึงเป็นดุลพินิจของแต่ละหน่วยงานว่าจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้

"คงต้องรอดูว่าก.ตร.จะพิจารณาอย่างไร หากก.ตร.เห็นว่านายวิษณุพูดมามีเหตุมีผลก็สั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยกเลิกคำสั่ง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นเรื่องที่แปลก เพราะเท่ากับก.ตร.มาหัก อนุฯ ก.ตร.ที่เป็นลูกน้องตัวเอง"พล.ต.อ.เอก กล่าว

พล.ต.อ.เอก กล่าวด้วยว่า ทางออกที่ดีควรจะรอการวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. ซึ่งตรงนี้มีผลผูกพันตามกฎหมาย ไม่เหมือนกับความเห็นของกฤษฎีกา เพราะการวินิจฉัยของก.พ.ค.ตร. กฎหมายบอกเลยว่าให้เป็นที่สุด หากชี้ว่าคำสั่งมิชอบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อุทธรณ์ฎีกาอะไรไม่ได้เลย ต้องรับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กลับเข้ารับราชการทันที หากไม่ทำถือว่าผิดวินัย ติดคุกเลย แต่ในทางกลับกันหากวินิจฉัยแล้วไม่เป็นคุณ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ยังสามารถไปฟ้องศาลปกครองสูงสุดต่อไป

'พีระพันธุ์' ตัดริบบิ้น!! นิทรรศการ 'การศึกษาระดับอุดมศึกษาของประเทศจีน' เชื่อมโยงเด็กไทย เก็บเกี่ยวโอกาสใหม่ๆ จากรั้วอุดมศึกษาแดนมังกร

(22 มิ.ย.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการ การศึกษาระดับอุดมศึกษาของประเทศจีนประจำปี 2567 ณ BANGKOKTHONBURI HALL มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี โดยมีศาสตราจารย์ ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดี มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี, รศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง พร้อมด้วยอาจารย์และนักศึกษา ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เข้าร่วมในพิธีเปิดครั้งนี้ด้วย

สำหรับนิทรรศการ การศึกษาระดับอุดมศึกษาของประเทศจีนประจำปี 2567 จัดขึ้นเพื่อเป็นการเสริมสร้าง และยกระดับความสัมพันธ์ ในด้านการแลกเปลี่ยนและเป็นความร่วมมือ ระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีน และราชอาณาจักรไทยในด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษา คณะกรรมการด้านการให้ทุนการศึกษาต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (China Scholarship Counci -CSc) ร่วมกับมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 2567

ทั้งนี้ ภายในงานนิทรรศการ มีผู้แทนจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 32 แห่ง เข้าร่วมในงานอย่างคับคั่ง เช่น Tsinghua University, China University of Political Science and Law, Beihang University, Harbin Institute of Technology และ Xiamen University เป็นต้น

การจัดงานนิทรรศการ การศึกษาระดับอุดมศึกษาของประเทศจีน ประจำปี 2567 ในครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อเปิดโอกาส ให้มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้นำเสนอเกี่ยวกับการพัฒนาทางด้านการศึกษาในระดับนานาชาติ รวมถึงนโยบายเกี่ยวกับทุนการศึกษาต่างๆ ที่มีความหลากหลายสำหรับการศึกษาในสาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านการสื่อสารในรูปแบบของการสื่อสารโดยตรง เพื่อเป็นการส่งเสริมการขับเคลื่อนของนักวิชาการ และนักศึกษา ตลอดจนความร่วมมือด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีน และราชอาณาจักรไทย บนพื้นฐานของการได้รับประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ 

‘เศรษฐา’ เตรียมผลักดัน ‘โรงไฟฟ้านิวเคลียร์’ เร่งเดินหน้า!! ทำความเข้าใจ กับประชาชน

(22 มิ.ย.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานของนายกฯ ผ่านรายการ ‘คุยกับเศรษฐา’ เป็นเทปแรก ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ดำเนินรายการโดยนายธีรัตถ์ รัตนเสวี  

ส่วนหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ นายเศรษฐา กล่าวถึงการผลักดันโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ว่า การทำงานมีหลายเรื่องไม่ใช่ตัดสินใจคนเดียวได้ โดยมีทั้งพรรคร่วมรัฐบาล, ฝ่ายตรวจสอบ, รัฐสภา , ข้าราชการ และ NGO ใช้คำว่าหลาย ๆ การริเริ่มอาจมีคนแย้งบ้าง เราก็ต้องทำประชาพิจารณ์ เป็นอะไรที่คนมีข้อกังขาเช่นกัน 

นายกรัฐมนตรี ยกตัวอย่าง มีผู้บ่นเรื่องค่าไฟแพงในขณะที่ค่าไฟที่ถูกที่สุด คือ พลังงานนิวเคลียร์ โดยทุกคนอยากได้หมด แต่อย่ามาอยู่บ้านฉันนะ ไปอยู่บ้านคนอื่นแล้วกัน 

“ผมก็เริ่มค้นคว้าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่านี่คือเรื่องที่เราดูอยู่” นายเศรษฐา กล่าว

ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา ยืนยันว่าประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องเตรียมแผนการศึกษาสำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยนายเศรษฐา ระบุบนเวที Thailand Energy Executive Forum จัดโดยสถาบันวิทยาการพลังงาน (วพน.) เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2567 ว่า แม้ตอนนี้ไทยจะไม่มีแผนการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่หลายประเทศได้มีเทคโนโลยีทั้งสหภาพยุโรป (EU) ฝรั่งเศส และจีน ซึ่งไทยสามารถเรียนรู้และเก็บข้อมูลเพื่อที่ในอนาคตหากต้องตัดสินใจจะตัดสินใจได้ถูกต้อง   

รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานระบุว่า ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (PDP 2024) รักษาระดับราคาค่าไฟฟ้าไม่ให้เกิน 4 บาทต่อหน่วย จากแผนเดิม (PDP 2018) โดยค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.66 บาทต่อหน่วย

สาวโพสต์ข้อความ ขอให้ ‘พ่อค้าโรตี’ ล้างมือก่อนทำ เจอด่ากลับ ชาวเน็ตแนะ!! ให้ไปร้องเรียน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

(22 มิ.ย.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ออกมาโพสต์ข้อความแบ่งปันประสบการณ์เจอพ่อค้าขายโรตีที่นิสัยแย่แถมยังสกปรกอีก เหตุเกิดขึ้นบริเวณประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความเล่าเหตุการณ์ที่เจอว่า

เมื่อถึงเชียงใหม่ก็ไม่ประทับใจเลย

อุ้มลูกเดินเล่นตรงประตูท่าแพ เจอร้านขายโรตีซึ่งเป็นอะไรที่ชอบมากๆเลยเดินเข้าไปแต่พ่อค้านอนเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงพื้นแถวนั้นพอเห็นเดินไปหน้าร้านก็รีบลุกขึ้น วางโทรศัพท์ลง แล้วเอามือปัด ๆ ที่ก้น ยืนเตรียมทำท่าจะทำโรตี เราเลยถามไปว่า

เรา: ก่อนทำจะล้างมือก่อนมั้ยคะ

พ่อค้า: (หัวเราะ) แต่บอกว่าไม่ล้าง เชิญป้ายหน้าเลย ไม่ขาย

เรา: โอเคค่ะ แค่ถามดูไม่ล้างก็ไม่ซื้อค่ะ (แล้วเราก็เดินออกไป) 

พอออกไปได้ 2-3 ก้าวพ่อค้าตะโกนเสียงดังว่าเรื่องมากก็ไม่ต้องแดก จะให้ล้างมือก็ไม่ต้องแดก

พอเราได้ยินก็เลยสวนไป นี่ก็ไม่แดกแล้วไง มันก็เสแสร้งกลับมาว่ากูพูดกับเมียกูมึงร้อนตัวทำไม แล้วก็ตะโกนด่าเราไม่หยุดบอกเลยว่ามารยาททรามมาก ร้านอยู่หน้าประตูท่าแพแทนที่จะเป็นหน้าตาให้เชียงใหม่แต่พูดกับนักท่องเที่ยวได้แย่มาก

คือถ้ายืนทำอยู่แล้ว แล้วเราไปต่อแถวซื้อจะไม่ว่าไม่ถามอะไรเลยแต่นี่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงพื้น ไม่อยากต่อความยาวเพราะอุ้มลูกอยู่พร้อมพี่เรณ่าสามีก็ไม่อยู่เพราะเดินไปเอาของไม่งั้นอาจจะเรื่องใหญ่กว่านี้ เลยเดินออกไม่อยากเสียสุขภาพจิต แต่บังเอิญว่าน้องสาวแท้ ๆ ที่ไปด้วยยืนอยู่ตรงนั้นได้ยินเสียงพ่อค้าตะโกนด่าแต่ไม่รู้ว่าด่าพี่สาวตัวเอง เพราะเดินคนละฝั่ง พอโทรคุยกันถึงรู้ เลยถ่ายรูปร้านมาให้เพื่อแจ้งให้ทราบว่าสถานที่ที่เป็นจุดเช็กอินของเชียงใหม่ไม่ควรมีคนพฤติกรรมแบบนี้ ขอให้ไม่ประทับใจเรื่องนี้เรื่องเดียวละกันนะทริปนี้

ทั้งนี้พบว่าเรื่องราวดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเชียงใหม่และชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก แนะนำให้ร้องเรียนไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้แจ้งตำรวจในพื้นที่ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวไม่อนุญาตให้มีการขายของ นอกจากนี้ พบว่ามีชาวเชียงใหม่เข้ามาแสดงความคิดเห็นขอโทษผู้โพสต์รายนี้เป็นจำนวนมาก

‘ตำรวจปอท.’ บุกรวบเจ้าของเพจดัง ‘Top Comment’ เหตุ!! รับจ้างโปรโมต ‘เว็บพนันฟุตบอลยูโร’

(22 มิ.ย.67) พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.สั่งการ พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท. พ.ต.ท.ประทีป จันทร์เพชรบุรี, พ.ต.ท.หญิง สุธัญดา เอมเอก สว.กก.3 บก.ปอท.นำกำลังจับกุม นายชวัลวิทย์ฯ หรือเดียร์ อายุ 36 ปี พร้อมของกลางแท็บเล็ต IPAD Pro จำนวน 1 เครื่อง ,คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 2 เครื่อง ,โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ IPHONE 1 เครื่องและสมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำนวน 1 เล่ม ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 3 ต.ตลาด อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ทั้งนี้สืบเนื่องช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 ทาง บก.ปอท. ตรวจพบเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ Top Comment ซึ่งเปิดเป็นสาธารณะมีผู้ติดตามกว่า 2 ล้านคน โพสต์รูปภาพเป็นคอมเมนต์ต่าง ๆ และติดป้ายโฆษณาของเว็บไซต์พนันฟุตบอล เพื่อชักชวนให้เล่นการพนัน จนทราบว่าเจ้าของเพจคือนายชวัลวิทย์ จึงเข้าทำการตรวจค้นและจับกุมดังกล่าว

สอบสวน นายชวัลวิทย์ รับสารภาพว่า เปิดเพจมาตั้งแต่ปี 57 เผยแพร่ภาพและข้อความที่เป็นกระแส จนมีผู้ติดตามมากกว่า 2 ล้านคน พร้อมรับลงโฆษณาต่าง ๆ โดยยอมรับว่าปัจจุบันกว่า 90% เป็นโฆษณาเว็บไซต์การพนันฟุตบอล มีรายได้เดือนละ 150,000 บาท จึงแจ้งข้อหา “ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันฯ” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท.ดำเนินคดีต่อไป

‘นักกฎหมายอิสระ’ โต้ ‘เนติบริกร-กฤษฎีกา’ ตีความกฎหมายผิด ย้อนถาม!! ถ้ามี ตำรวจถูกจับกลางบ่อน ยังต้องรอการสอบสวนอีกไหม

เมื่อวานนี้ (21 มิ.ย.67) จากกรณี นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แถลงผลการสอบสวน ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีที่ปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณชนเกี่ยวกับความขัดแย้ง ในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.

นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยได้ระบุว่า 

ผมเกรงว่า อ.วิษณุ และ คณะกรรมการกฤษฎีกา อาจตีความกฎหมายผิดพลาดนะครับ

ข้ออ้าง อ.วิษณุ เรื่อง มาตรา 120 วรรคท้าย เป็นเรื่องกรณีวินัยทั่วไป ที่อาจต้องรอการสอบสวนชัด ๆ เห็นได้จาก มาตรา 120 วรรคสามเอง ยังบอกว่าถ้าผิดชัดไม่ต้องรอการสอบสวนก็ได้ 

ส่วนกรณี บิ๊กโจ๊ก เป็นกรณี มาตรา 131 ใช้กับกรณีร้ายแรงยิ่งกว่าวินัยทั่วไปหรือความผิดอาญา กฎหมายให้อำนาจ นายกฯ หรือ ผบ.ตร. ดำเนินการสั่งให้ตำรวจออกจากราชการไว้ก่อนได้ ไม่ต้องรอการสอบสวน

ถ้านายตำรวจถูกจับกลางบ่อนพร้อมยาเสพติด อ้างว่าเดินหลงเข้าไปพอดี ยังต้องรอการสอบสวนไหมครับ ?

‘สุริยะ’ เผย ‘โทลล์เวย์’ ยอมลดค่าผ่านทาง เร่ง!! ปรับเงื่อนไขสัญญา หาราคาที่เหมาะสม

(22 มิ.ย.67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่บริษัททาง ยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการทางยกระดับอุตราภิมุข หรือทางด่วนโทลล์เวย์ประกาศเตรียมปรับค่าผ่านทางตามสัญญาสัมปทานในวันที่ 22 ธ.ค.67 ตนเล็งเห็นถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับค่าครองชีพของประชาชน จึงได้ให้กรมทางหลวง (ทล.) เจรจากับเอกชนคู่สัญญา อีกทั้งตนยังได้โทรศัพท์ไปยังนายสมบัติ พานิชชีวะ ประธานกรรมการบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) เพื่อเจรจาให้ชะลอการปรับขึ้นค่าผ่านทาง และได้ข้อสรุปเบื้องต้นของการเจรจาโดยทางเอกชนยินดีร่วมมือ แต่ขอให้รัฐชดเชยในลักษณะคล้ายกับการเจรจากับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด หรือบีอีเอ็ม ที่ขยายสัญญาสัมปทานแลกกับปรับโครงสร้างค่าผ่านทางลงเหลือ 50 บาทตลอดสาย

นอกจากนั้นตนยังได้มอบหมายให้ ทล.ศึกษารายละเอียดเปรียบเทียบกรณีปรับลดค่าผ่านทาง ต้องคงอัตราเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมไม่เป็นภาระประชาชนมากเกินไป และหากลดค่าผ่านทางลง จะต้องขยายสัญญาสัมปทานเพิ่มอย่างไร อีกทั้งการดำเนินงานเหล่านี้จะจูงใจให้ประชาชนเข้ามาใช้บริการทางด่วนโทลล์เวย์เพิ่มขึ้นอย่างไร โดยหากปรับเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากปัจจุบันปริมาณ 4-5 หมื่นคันต่อวัน เป็น 8 หมื่นคันต่อวัน ทางด่วนจะรองรับได้หรือไม่

แน่นอนว่าจะไม่ใช้วิธีชดเชยเงิน เพราะจะเป็นภาระงบประมาณ แต่ใช้วิธีเจรจากับเอกชนขยายสัญญาแลกเปลี่ยน แต่จะขยายนานแค่ไหน ทางหลวงจะศึกษา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการเจรจาขยายสัญญาสัมปทานครั้งนี้ ไม่ได้เอื้อเอกชน แต่เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะหากไม่เจรจาและปล่อยให้สัมปทานหมด ประชาชนต้องแบกภาระค่าผ่านทางที่จะปรับขึ้นตามสัญญาสัมปทานอีก 2 ครั้ง ในเดือน ธ.ค.67 และ ธ.ค.72

'หนุ่มปัตตานี' พลัดถิ่นไป 'อินโดนีเซีย' นานเกือบ 30 ปี ตามหาครอบครัว หลังหลงขึ้นเรือสินค้า จนต้องจากบ้านเกิดมาตั้งแต่อายุ 11 ปี

(22 มิ.ย.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘BANG DUL’ ได้โพสต์คลิปเพื่อตามหาครอบครัวให้กับชายชาวไทยที่ชื่อว่า ‘อนันต์’ ซึ่งชายคนนี้ได้พลัดหลงไปกับเรือสินค้า จนต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยในคลิปนั้น มีใจความว่า

ประกาศตามหาครอบครัวชาวไทยคนหนึ่ง ซึ่งพลัดถิ่นมาอยู่อินโดนีเซีย เกือบ 30 ปีแล้วที่ไม่ได้กลับบ้านที่ประเทศไทย เรื่องของเรื่องก็คือมีชาวไทยคนนึงได้เดินทางมาทำธุระ ที่หมู่เกาะรีเยา ประเทศอินโดนีเซีย จากนั้นเมื่อชาวบ้านรู้ว่ามีคนไทยมาเยือนที่นี่เขาก็ได้พาคุณอนันต์ มาเจอกับชาวไทยดังกล่าว ซึ่งคุณอนันต์ก็ได้เล่าว่าตัวเองนั้นเป็นคนไทย ซึ่งมาจากจังหวัดปัตตานี 

ซึ่งเมื่อ 11 ปีก่อน ก็ได้หลงขึ้นมาอยู่บนเรือสินค้า แล้วเรือลำนั้นก็ออกจากจังหวัดปัตตานี ซึ่งในขณะนั้นก็ไม่รู้ว่าเรือจะไปที่ไหน เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มสงสัยว่าทำไมเรือถึงไม่ไปจอดที่ท่าเรือจังหวัดปัตตานีเสียที จึงได้ตัดสินใจกระโดดลงน้ำ แล้วก็ว่ายน้ำไปขึ้นฝั่งที่ หมู่เกาะรีเยา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งในขณะนั้นมีอายุเพียง 11 ขวบเท่านั้น เมื่อชาวบ้านเห็นเขาก็ได้ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการให้ที่พักอาศัยให้อาหาร แล้วก็พยายามจะส่งเขากลับมาที่ประเทศไทย แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคนั้นก็คือ นายอนันต์นั้นไม่มีเอกสารประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชนพาสปอร์ตหรือเอกสารประจำตัวใดๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ต่างกับบุคคลที่ไม่มีสัญชาติ จะเป็นคนไทยก็ไม่มีเอกสารจะเป็นคนอินโดนีเซียก็ไม่ใช่

เขาได้อยู่ที่ประเทศอินโดนีเซียมาเกือบ 30 ปีแล้ว ประมาณ 28 ปีแล้วที่ไม่ได้กลับบ้าน เขาบอกว่าเขายังจำครอบครัวได้ดี เขามีแม่แล้วเขาก็มีน้องชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งแม่ของเขานั้นมีชื่อว่าจันทรา แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือเขาไม่สามารถจะจดจำนามสกุลของตัวเองได้

แต่ว่าถ้าใครรู้จักครอบครัวของคุณอนันต์ ก็สามารถส่งข้อมูลมายังอีเมล [email protected] ได้ ช่วยกันเพื่อเป็นโอกาสให้เขา สามารถติดต่อกับครอบครัวของตัวเองได้

ถ้าใครเห็นข่าวนี้ก็รบกวนขอช่วยกันแชร์ เพื่อเป็นโอกาสให้นายอนันต์ ได้กลับไปยังบ้านเกิด ให้เขาได้กลับไปพบกับครอบครัวของตัวเองอีกครั้ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top