Saturday, 12 October 2024
TODAY SPECIAL

11 ตุลาคม พ.ศ. 2476 ‘กบฏบวรเดช’ การก่อกบฏครั้งแรกของชาติไทย ศึกชิงอำนาจ ‘ขุนนางเก่าฝ่ายอนุรักษ์ฯ กับ คณะราษฎร’

เหตุการณ์ “กบฏบวรเดช” เกิดขึ้นในวันที่ 11 ตุลาคม 2476 ถือเป็นการก่อกบฏครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย อันเป็นผลมาจากความขัดแย้งระหว่างขุนนางเก่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมกับฝ่ายคณะราษฎรผู้ทำการอภิวัตน์การปกครองในปี 2475

โดยคณะทหารในนาม “คณะกู้บ้านกู้เมือง” นำโดย “พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช” อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหม “พลตรี พระยาจินดาจักรรัตน์ (เจิม อาวุธ)” “พลตรี พระยาทรงอักษร (ชวน ลิขิกร)” และ “พันเอก พระยาศรีสิทธิสงคราม (ดิ่น ท่าราบ)” ได้นำกองกำลังทหารหัวเมืองจากนครราชสีมา สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา บุกเข้ายึดดอนเมืองและพื้นที่ทางด้านเหนือของพระนคร โดยตั้งกองอำนวยการใหญ่อยู่ที่สโมสรทหารอากาศ กรมอากาศยาน ดอนเมือง ระหว่างวันที่ 11 - 25 ตุลาคม 2476

แล้วยื่นหนังสือเรียกร้องให้ฝ่ายรัฐบาลลาออก โดยอ้างเหตุผลว่า คณะรัฐมนตรีปล่อยให้มีการดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และไม่พอใจที่ “หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์)” ซึ่งคณะผู้ก่อการมองว่ามีความคิดแบบคอมมิวนิสต์ กลับมาร่วมคณะรัฐบาล

“พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน)” นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ตอบปฏิเสธและส่งกำลังกองผสมนำโดย “หลวงพิบูลสงคราม (จอมพล ป.พิบูลสงคราม)” เข้าปราบปรามจนได้ชัยชนะในวันที่ 25 ตุลาคม 2476

จากนั้น “พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช” ได้เสด็จลี้ภัยการเมืองไปยังอินโดจีนของฝรั่งเศส ต่อมารัฐบาลได้ก่อสร้าง “อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ” (คนทั่วไปรู้จักกันในชื่อ “อนุสาวรีย์หลักสี่”) ขึ้นที่บริเวณหลักสี่ เขตบางเขน เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเหตุการณ์ปราบกบฏในครั้งนี้

10 ตุลาคม ของทุกปีเป็น ‘วันสุขภาพจิตโลก World Mental Health Day’ ร่วมตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพจิต

วันที่ 10 ตุลาคม ของทุกปีเป็นวันสุขภาพจิตโลก (World Mental Health Day) เพื่อให้ผู้คนและสังคมได้เห็นความสำคัญของสุขภาพจิต และเพื่อการป้องกันและบำบัดรักษาผู้ที่เจ็บป่วยทางจิตใจ รวมไปถึงการส่งเสริมให้มีสุขภาพจิตที่ดี

ปัญหาสุขภาพจิต ครอบคลุมหลากหลายปัญหา ตั้งแต่ ภาวะซึมเศร้า โรควิตกกังวล ไปจนถึง โรคจิตเภทหรือโรคอารมณ์สองขั้ว

โดยสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อผู้คนหลายล้านคนทั่วโลก ซึ่งตามสถิติแล้วในช่วงชีวิตหนึ่ง 1 ใน 4 คนจะประสบกับปัญหาสุขภาพจิตอย่างใดอย่างหนึ่ง 

ซึ่งถึงแม้ตามสถิตินั้น จะเปิดเผยว่า คนส่วนใหญ่มักประสบกับปัญหาเหล่านี้ แต่สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ ปัญหาสุขภาพจิตนี้ ถือเป็นปัญหาที่ถูกละเลยมากที่สุดในโลกก็ว่าได้

ดังนั้น ในปี 2535 องค์การอนามัยโลก ได้กำหนดให้วันที่ 10 ตุลาคม ของทุกปีเป็น “วันสุขภาพจิตโลก” หรือ World Mental Health Day โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้คนทั่วโลก ตระหนักรู้ และเข้าใจเกี่ยวกับปัญหานี้มากยิ่งขึ้นนั้นเอง

9 ตุลาคม พ.ศ. 2538 หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีคนที่ 13 ของไทย ถึงแก่อสัญกรรม

ศาสตราจารย์ พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีคนที่ 13 ของประเทศไทย เป็นผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ พรรคกิจสังคม หนังสือพิมพ์สยามรัฐ และเป็นนักเขียน 

โดยในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ทางองค์การยูเนสโกได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์เป็นบุคคลสำคัญของโลกใน 4 สาขา ได้แก่ การศึกษา วัฒนธรรม สังคมศาสตร์ และสื่อสารมวลชน ในวาระครบรอบ 100 ปี ชาตกาล พ.ศ. 2554

ม.ร.ว. คึกฤทธิ์เกิด 20 เมษายน 2454 ในเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เป็นโอรสของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ กับหม่อมแดง (บุนนาค) เรียนมัธยมที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จากนั้นไปเรียนต่อวิชาปรัชญา เศรษฐศาสตร์ และการเมือง จากวิทยาลัยควีนส์ (The Queen’s College) มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด กลับมารับราชการที่กรมสรรพากร และกระทรวงการคลัง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้าเป็นทหาร ต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นพลตรีในปี 2531 เริ่มเล่นการเมืองตั้งแต่ปี 2488 โดยก่อตั้ง พรรคก้าวหน้า ต่อมาได้ยุบรวมกับ พรรคประชาธิปัตย์ จากนั้นก่อตั้ง พรรคกิจสังคม ในปี 2517 และขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 13 ของไทยเมื่อปี 2518 นอกจากบทบาททางการเมืองท่านยังมีบทบาทสำคัญในด้านหนังสือพิมพ์และวรรณกรรมด้วย โดยก่อตั้ง หนังสือพิมพ์ สยามรัฐ ในปี 2493 

ในบทบาทนักเขียน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ได้เขียนนวนิยาย สี่แผ่นดิน, ไผ่แดง, กาเหว่าที่บางเพลง, ซูสีไทเฮา, สามก๊กฉบับนายทุน, ราโชมอน, ฮวนนั้ง, โจโฉ, นายกตลอดกาล รวมเรื่องสั้น เช่น มอม, เพื่อนนอน, หลายชีวิต หนังสือสารคดี เช่น ฉากญี่ปุ่น, ยิว, เจ้าโลก, สงครามผิว, คนของโลก, ชมสวน, ธรรมคดี, น้ำพริก, ฝรั่งศักดินา, สรรพสัตว์, สัพเพเหระคดี, ข้อคิดเรื่อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย, โครงกระดูกในตู้, พม่าเสียเมือง, ถกเขมร, เก็บเล็กผสมน้อย, เบ้งเฮ็ก ผู้ถูกกลืนทั้งเป็น, เมืองมายา, เรื่องขำขัน, กฤษฎาภินิหารอันบดบังมิได้, คนรักหมา, ตลาดนัด, นิกายเซน, บันเทิงเริงรมย์, วัยรุ่น, สงครามเย็น, อโรคยา, สยามเมืองยิ้ม, ห้วงมหรรณพ รวมถึงบทละครเวทีเรื่อง ลูกคุณหลวงและราโชมอน

จากผลงานเขียน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ประจำปี พ.ศ. 2528

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2538 ณ โรงพยาบาลสมิติเวช สิริรวมอายุ 84 ปี 5 เดือน 20 วัน

๘ ตุลาคม วันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า คณะผู้บริหาร และพนักงาน สำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เป็นพระธิดาในสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี กับวีระยุทธ ดิษยะศริน เป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเป็นพระภาคิไนยในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

>>พระประวัติ
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ หรือพระนามลำลองว่า พระองค์หริภา ประสูติเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2525 ณ พระตำหนักใหม่ สวนจิตรลดา เป็นพระธิดาพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี กับนาวาอากาศเอกวีระยุทธ ดิษยะศริน มีพระขนิษฐาหนึ่งพระองค์ คือพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

เมื่อประสูติพระองค์ดำรงพระยศที่ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า ด้วยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระโอรสพระธิดาในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ให้ดำรงฐานันดรศักดิ์เป็น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า ทุกพระองค์ ซึ่งพระยศดังกล่าวเทียบเท่าตำแหน่ง "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า"

>>การศึกษา
พระองค์เข้ารับการศึกษาระดับอนุบาลปีที่ 1 - ประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนจิตรลดา, ประถมศึกษาปีที่ 5 - มัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนฮอล์ตัน-อามส์ (Holton-Arms School) รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา, ระดับเกรด 8 โรงเรียนเฮอร์เบิร์ตฮูเวอร์มิดเดิล (Herbert Hoover Middle School) สหรัฐอเมริกา, ระดับเกรด 8-11 โรงเรียนมัธยมวอลเตอร์ จอห์นสัน (Walter Johnson High School) สหรัฐอเมริกา ภายหลังได้นิวัติกลับประเทศไทยและเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5-6 โรงเรียนจิตรลดา

ส่วนระดับอุดมศึกษา ทรงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาภาพพิมพ์ (เกียรตินิยมอันดับ 2) คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

ปัจจุบันสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาศิลปไทย ภาควิชาศิลปไทย มหาวิทยาลัยศิลปากร

>>พระกรณียกิจ
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ทรงประกอบพระกรณียกิจทั้งในด้านการสนองพระเดชพระคุณในฐานะพระราชวงศ์ และพระกรณียกิจในด้านต่าง ๆ อาทิ

- รองประธานกิตติมศักดิ์ มูลนิธิอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
- นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ สมาคมกีฬาทางอากาศและการบินแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
- ประธาน ศูนย์ปฏิบัติการบินอาสา อนุรักษ์และกู้ภัย สิริภาจุฑาภรณ์ เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยพิบัติ
- โครงการงานบ้านกู้ภัย ‘โครงการบ้านกู้ภัยร่วมใจสิริภา’ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบพิบัติภัย

>>ด้านศิลปะ
ทรงส่งเสริมงานด้านต่าง ๆ ของคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมไทย ต่าง ๆ อาทิ

- ทรงจัดประมูลงาน ‘ภาพฝีพระหัตถ์พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์’ เพื่อช่วยเหลือสุนัขจรจัด ในงาน ‘นิทรรศการศิลปะเพื่อสุนัข My Friends’
- งานบูรณะพระวิหาร บูรณะภาพจิตรกรรมฝาผนังบูรณะศาลาบ่อทิพย์ และปรับพื้นที่ภูมิทัศน์ วัดธาราทิพย์ชัยประดิษฐ์ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
- โครงการจัดสร้างสวนประติมากรรม ‘พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพุทธศาสนา’ เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ และสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับชุมชน
- โครงการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์เวียงท่ากาน ตำบลบ้านกลาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่
- โครงการวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังพระวิหารวัดหนองน้ำขุ่น ตำบลวังหว้า อำเภอแกลง จังหวัดระยอง

7 ตุลาคม พ.ศ. 2463 ‘เรือหลวงพระร่วง’ เดินทางถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา เรือรบหลวงลำแรกของไทยจากเงินเรี่ยไรชาวสยาม

วันนี้ เมื่อ 103 ปีก่อน ‘เรือหลวงพระร่วง’ เรือรบหลวงลำแรกของไทย เดินทางมาถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้การบังคับการโดย ‘กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์’ 

เรือหลวงพระร่วง เป็นเรือหลวงลำแรกในประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งข้าราชการและประชาชนผู้มีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างเรือรบไว้เพื่อป้องกันราชอาณาจักรทางทะเล จึงร่วมกันจัดตั้ง ราชนาวีสมาคมแห่งกรุงสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ (The Royal Navy League of Siam) ขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2457 เพื่อเรี่ยไรทุนทรัพย์ซื้อเรือรบถวายเป็นราชพลี 

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีความยินดีและเห็นชอบ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานนามเรือนี้ว่า พระร่วง อันเป็นสิริมงคลตามวีรกษัตริย์อันเป็นที่นับถือของชาวไทยทั่วไป พระองค์ทรงเป็นกำลังสำคัญในการหาทุนเพื่อสร้างเรือลำนี้ เช่น ได้แก้ไขบทละครเรื่อง ‘มหาตมะ’ ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2475 ทรงนำเรื่องการเสียสละทุนทรัพย์สมทบทุนสร้างเรือรบเข้ามาเป็นหัวใจของเรื่อง และได้โปรดเกล้าฯ ให้มีการแสดงเพื่อเก็บเงินสมทบทั้งในพระนครและต่างจังหวัด ทั้งยังมีการแสดงละครพระราชนิพนธ์อีกหลายเรื่องตลอดจนโปรดเกล้าฯ ให้มีการประกวดภาพเพื่อหารายได้อีกด้วย 

นอกจากนั้นพระองค์ยังได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นจำนวน 80,000 บาท กับเงินที่พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการได้พร้อมใจกันออกทุนเรี่ยไรถวายเมื่อครั้งจัดงานพระราชพิธีทวีธาภิเษกพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งยังเหลือจากการใช้จ่ายเป็นจำนวนเงิน 116,324 บาท ทั้งยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ซึ่งโปรดเกล้าฯ พระราชทานทรัพย์อีกเป็นจำนวนเงิน 40,000 บาท เมื่อรวมกับเงินที่เรี่ยไรทั่วพระราชอาณาจักร ได้จำนวนรวมทั้งสิ้น 3,514,604 บาท 1 สตางค์ ในปี พ.ศ. 2463

ต่อมา นายพลเรือโท พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงได้รับแต่งตั้งเป็นข้าหลวงพิเศษออกไปจัดซื้อเรือในภาคพื้นยุโรปพร้อมด้วยนายทหารอีก 5 นาย คณะข้าหลวงพิเศษตรวจการซื้อเรือในภาคพื้นยุโรปชุดนี้คัดเลือกได้เรือพิฆาตตอร์ปิโด มีนามว่า ‘เรเดียนท์’ (RADIANT) ของบริษัทธอร์นิครอฟท์ (Thornycroft Co.,) ประเทศอังกฤษ ซึ่งเห็นว่าเหมาะสมแก่ความต้องการของกองทัพเรือและเป็นเรือที่ต่อขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2459 ระหว่างมหาสงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้นสงครามยุติลงเมื่อ พ.ศ. 2461 อังกฤษจึงยินดีขาย คณะข้าหลวงพิเศษได้ตกลงซื้อเรือลำนี้เป็นเงิน 200,000 ปอนด์ ส่วนเงินที่เหลือจากการซื้อเรือนั้นได้พระราชทานให้แก่กองทัพเรือไว้สำหรับใช้สอย เสด็จในกรมฯ ได้เป็นผู้บังคับการเรือลำนี้จากประเทศอังกฤษเข้ามาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2463 นับเป็นเกียรติประวัติครั้งแรกที่คนไทยเดินเรือทะเลได้ไกลถึงเพียงนี้

สำหรับสมรรถนะของเรือหลวงพระร่วงมีดังนี้ คือ มีระวางขับน้ำ 1,046 ตัน ความยาวตลอดลำ 83.57 เมตร ความกว้างสุด 8.34 เมตร กินน้ำลึก 4 เมตร อาวุธปืน 102 ม.ม. 3 กระบอก ปืน 76 ม.ม. 1 กระบอก ต่อมาติดปืน 40 ม.ม. 2 กระบอก ปืน 20 ม.ม. 2 กระบอก มีตอร์ปิโด 21 นิ้ว 4 ท่อ มีรางปล่อยระเบิดลึก และมีแท่นยิงปืนระเบิดลึก 2 แท่น เครื่องจักรเป็นแบบไอน้ำแบบ บี.ซี. เกียร์ เทอร์ไบน์ จำนวน 2 เครื่อง ใบจักรคู่ กำลัง 29, 000 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 35 น นอต ความเร็วมัธยัสถ์ 14 นอต รัศมีทำการเมื่อความเร็วมัธยัสถ์ 1,896 ไมล์ ทหารประจำเรือ 135 คน

6 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ‘กัมพูชา’ ฟ้องเรียกร้องสิทธิเหนือ ‘เขาพระวิหาร’ สุดท้าย ‘ศาลโลก’ ให้ไทยแพ้ 9 ต่อ 3 เสียง

วันนี้ เมื่อ 64 ปีก่อน กัมพูชา ยื่นฟ้องต่อศาลโลก เรียกร้องกรรมสิทธิ์เหนือเขาพระวิหาร ในเขตอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษของไทย

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2502 รัฐบาลกัมพูชา นำโดย เจ้านโรดม สีหนุ ได้ยื่นฟ้องต่อ ศาลโลก หรือ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เรียกร้องกรรมสิทธิ์เหนือ เขาพระวิหาร ในเขตอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษของไทย โดยอ้างว่าประเทศไทยละเมิดอธิปไตยเหนือเขาพระวิหารซึ่งเป็นของกัมพูชา ตั้งแต่ปี 2497 เป็นต้นมา และขอเรียกร้องให้คืนอธิปไตยเหนือเขาพระวิหารคืนแก่กัมพูชา 

การไต่สวนพิจารณาคดียาวนานถึง 3 ปี มีการนัดพิจารณาสืบพยานทั้งหมด 73 ครั้ง จนในที่สุด เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 ศาลโลกก็ตัดสินให้กัมพูชาเป็นฝ่ายชนะคดีด้วยคะแนน 9 ต่อ 3 เสียง ยังผลให้ประเทศไทยต้องยินยอมทำตามข้อเรียกร้องทั้ง 2 ข้อของกัมพูชา 

หลังจากแพ้คดี จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ยินยอมให้นักศึกษาเดินขบวนประท้วงคำตัดสิน และปิดทางขึ้นปราสาทซึ่งอยู่ในเขตประเทศไทย เป็นการตอบโต้กัมพูชา เหลือเพียงทางขึ้นเป็นช่องเขาแคบ ๆ สูงชันและอันตราย ในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของกัมพูชา เขาพระวิหารก็ถูกปิด ๆ เปิด ๆ ให้เข้าชมอยู่หลายครั้งตามสถานการณ์ภายในประเทศ ก่อนจะเกิดความร่วมมือกันอีกครั้งระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวจนถึงปัจจุบันนี้ เขาพระวิหารนับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของ จ. ศรีสะเกษ

5 ตุลาคม ‘วันนวัตกรรมแห่งชาติ’ เทิดพระเกียรติ ‘ในหลวง รัชกาลที่ 9’ ‘พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย’

วันที่ 5 ตุลาคม ของทุกปี กำหนดให้เป็น ‘วันนวัตกรรมแห่งชาติ’ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 รำลึกถึงพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถด้านนวัตกรรม

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการดำเนินโครงการของศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ และทรงได้มีพระราชดำรัสแสดงถึงความเป็นนวัตกรรมของ ‘โครงการแกล้งดิน’ ที่ไม่มีใครทำมาก่อน ทั้งนี้ได้ทรงพระราชทานพระราชดำริให้ทำเป็นตำรา คือ ‘คู่มือปรับปรุงดินเปรี้ยวจัดเพื่อการเกษตร’ สำหรับที่จะใช้พัฒนาพื้นที่ดินเปรี้ยวอื่น ๆ ต่อไป

ด้วยพระปรีชาสามารถทางด้านนวัตกรรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และความตั้งพระราชหฤทัยที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทยนั้น เป็นที่ประจักษ์และเป็นที่สรรเสริญพระเกียรติคุณกันทั่วทิศานุทิศ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเทิดพระเกียรติพระองค์เป็น ‘พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย’ จากการใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหาสภาพดินเปรี้ยว ให้สามารถใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้ 

คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ให้ดำเนินโครงการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนี้

1. เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็น 'พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย'
2. ให้วันที่ 5 ตุลาคมของทุกปี เป็น 'วันนวัตกรรมแห่งชาติ'

4 ตุลาคม พ.ศ. 2313 ‘พระเจ้าตากสินมหาราช’ สถาปนาราชธานีแห่งใหม่ ทรงพระราชทานนามว่า ‘กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร’

ย้อนกลับไปเมื่อที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2313 ‘เมืองธนบุรี’ ได้ถูกสถาปนาเป็น ‘ราชธานีแห่งใหม่’ หลังจาก ‘สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี’ หรือ ‘สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช’ สามารถกู้เอกราชคืนมาจากพม่า  

ในเวลานั้นสภาพบ้านเมืองของกรุงศรีอยุธยาทรุดโทรมมาก ไม่เหมาะสมที่จะใช้เป็นเมืองหลวง เนื่องจากกรุงศรีอยุธยาถูกทำลายและยากแก่การบูรณะ นอกจากนี้กรุงศรีอยุธยายังมีพื้นที่กว้างขวางยากแก่การรักษาบ้านเมือง และอยู่ห่างจากปากแม่น้ำไม่สะดวกในการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ทำให้ต้องสถาปนาราชธานีแห่งใหม่

สำหรับสาเหตุที่พระเจ้าตากสินมหาราชเลือก ‘กรุงธนบุรี’ เพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก เหมาะสมกับกำลังป้องกันทั้งทางบกและทางน้ำ โดยตั้งอยู่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะดวกในการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ และยังสะดวกในการควบคุมการลำเลียงอาวุธและเสบียงต่าง ๆ ไปตามหัวเมืองเมื่อเกิดศึกสงคราม 

นอกจากนี้ หากข้าศึกยกกำลังมามากเกินกว่ากำลังจะต้านทานก็ยังสามารถย้ายไปตั้งมั่นที่จันทบุรีได้โดยอาศัยทางเรือ อีกทั้งยังมี 2 ป้อมปราการทั้งป้อมวิไชยประสิทธิ์ และป้อมวิไชเยนทร์ อยู่ทั้งสองฟากแม่น้ำที่สร้างไว้ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชใช้ป้องกันข้าศึกที่จะเข้ามารุกรานโดยยกกำลังมาทางเรือ 

โดยเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2313 พระราชทานนามว่า ‘กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร’ และทรงสร้างพระราชวังขึ้นทางทิศใต้ของกรุงธนบุรี ขนาบข้างด้วยวัดแจ้ง หรือวัดมะกอก (ปัจจุบันคือ วัดอรุณราชวรารามราชวรวิหาร) และวัดท้ายตลาด (ปัจจุบันคือวัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร)   

อย่างไรก็ดี ‘อาณาจักรธนบุรี’ เป็นอาณาจักรเพียงแค่ช่วงสั้น ๆ ระหว่างปี 2310 - 2325 หรือเพียง 15 ปี มีพระมหากษัตริย์ปกครองเพียงพระองค์เดียว คือ ‘สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี’ และต่อมาสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ และทรงย้ายเมืองหลวงไปยังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา คือ กรุงเทพมหานครในปัจจุบัน

3 ตุลาคม พ.ศ. 2456 วันประสูติ ‘สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร’ สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

3 ตุลาคม พ.ศ. 2456 เป็นวันประสูติ ‘สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน)’ สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

สำหรับพระนามเดิมนั้นมีว่า ‘เจริญ คชวัตร’ ประสูติที่ อ.เมืองกาญจนบุรี พระชนกชื่อ ‘น้อย คชวัตร’ พระชนนีชื่อ ‘กิมน้อย คชวัตร’

ปี 2469 บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ) จ.กาญจนบุรี เมื่ออายุครบ 20 พรรษาก็อุปสมบทเป็นพระภิกษุวัดเทวสังฆาราม จ.กาญจนบุรี จากนั้นได้ทรงทำทัฬหีกรรม (ญัตติซ้ำ) เป็นธรรมยุต ที่วัดบวรนิเวศวิหารเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476

ต่อมาทรงสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยคในปี พ.ศ. 2484 และอีก 6 ปีต่อมาได้เป็นพระราชาคณะสามัญที่พระโสภนคณาภรณ์ และได้เลื่อนขั้นขึ้นตามลำดับจนได้รับพระราชทานสถาปนาขึ้นดำรงตำแหน่ง ‘สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก’ ลำดับที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2532 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

นอกจากนี้ ยังถือเป็นสมเด็จพระสังฆราชที่มีพระชันษามากกว่าสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ในอดีตและเป็นพระองค์แรกของไทยที่มีพระชันษา 100 ปี โดยสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เนื่องจากติดเชื้อในกระแสพระโลหิต

ตำแหน่งหนึ่งที่สำคัญ ที่ได้รับการถวาย คือ ผู้นำคณะสงฆ์สูงสุดแห่งโลกพระพุทธศาสนา (Supreme Holiness of World Buddhism) อันเป็นตำแหน่งที่ได้รับการทูลถวายจากผู้นำชาวพุทธโลกจาก 32 ประเทศเข้าร่วมประชุมสุดยอดพุทธศาสนิกชนแห่งโลก ณ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ ปี 2555 ในฐานะที่ทรงได้รับการเคารพอย่างสูงสุด

รวมทั้งเป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกแห่งประเทศไทย ผู้สอนพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ทุกคนปฏิบัติธรรมตั้งอยู่ในพระปัญญาธรรมและพระกรุณาธรรม นำไปสู่สันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองมีพระบารมีปกแผ่ไพศาลไปทั่วราชอาณาจักรไทยและทั่วโลก นับเป็นแบบอย่างของสากลโลก ซึ่งเป็นการมอบตำแหน่งนี้เป็นครั้งแรกของโลกอีกด้วย

2 ตุลาคม ของทุกปี ‘วันปลอดความรุนแรงสากล’ (International Day of Non-Violence) วันคล้ายวันเกิด ‘มหาตมะ คานธี’ ผู้ริเริ่มปรัชญา-หลักการไม่ใช้ความรุนแรง

ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ได้ร่วมกันลงมติให้วันที่ 2 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันแห่งการไม่ใช้ความรุนแรงสากล เนื่องจากตรงกับวันคล้ายวันเกิดของ มหาตมะ คานธี (2 ตุลาคม ค.ศ. 1869) ผู้ที่ริเริ่มปรัชญาและหลักการไม่ใช้ความรุนแรง 

ทั้งนี้ สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้กำหนดวันนี้ขึ้นเพื่อให้ผู้คนทั่วโลก ตระหนักถึงการไม่ใช้ความรุนแรง และเพื่อให้เกิดสังคมที่มีความสันติสุข มีความอดทนอดกลั้น และเข้าใจหลักการไม่ใช้ความรุนแรงอย่างลึกซึ้ง

ตามคำนิยามขององค์กรอนามัยโลก ‘ความรุนแรง (violence)’ คือการใช้กำลังหรือพลังทางกายข่มขู่ เพื่อให้ผู้อื่นทำตามความต้องการของตัวเอง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดการบาดเจ็บ การเสียชีวิต การทำร้ายจิตใจ

และความรุนแรงนั้นสามารถเกิดได้แทบทุกที่บนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นในสถานการณ์ใหญ่ ๆ อย่างสงคราม หรือแม้แต่ในที่ที่น่าจะปลอดภัยที่สุด อย่างเช่น ในบ้าน หรือในครอบครัว และสิ่งที่ตามมาหลังจากความรุนแรงได้เกิดขึ้น นั่นก็คือ จะมีคนได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าจะทางร่างกาย หรือทางจิตใจ

ดังนั้น ในวันที่ 2 ตุลาคมของทุกปี จึงถูกกำหนดให้เป็น ‘วันปลอดความรุนแรงสากล’ หรือ International Day of Non-Violence ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดของ มหาตมะ คานธี 2 ตุลาคม ค.ศ. 1869 (พ.ศ. 2412) ผู้ที่ริเริ่มปรัชญาและหลักการไม่ใช้ความรุนแรง 

โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ผู้คนไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาต่าง ๆ รวมถึงให้ตระหนักรู้ถึงผลเสียมากมายที่จะตามมาหลังจากที่ความรุนแรงเกิดขึ้นอีกด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top