Wednesday, 4 October 2023
TODAY SPECIAL

‘พิมรี่พาย’ สติหลุดกลางไลฟ์ ‘ทุ่มสินค้า-วีนพนง.-หยิบน้ำมันราดหน้า’ ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งเป็นห่วง-ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรม

(3 ต.ค. 66) กลายเป็นกระแสดรามาสนั่น แม่ค้าออนไลน์เบอร์ต้น ‘พิมรี่พาย’ หลังจากเมื่อคืนไลฟ์ขายแป้ง แล้วเหมือนหลุดฟิวส์ขาดสติแตกวีนกลางไลฟ์ ขว้างปาข้าวของพังกระจาย ตะโกนดังลั่นตำหนิการทำงานพลาดของลูกน้องใส่รหัสสินค้าผิด อาทิ มึงพลาดได้ไง ไอ้…… มึงแก้ยัง แก้หรือยัง มึงเอารุ่นดีๆ ขึ้นมา เอาออกไป ทำไมมมมมมม…….. ก่อนจะลบไลฟ์ดังกล่าวทิ้ง

จากนั้นไลฟ์ใหม่แต่ยังมีพฤติกรรมที่หลายคนมองว่าแปลกไปอีก ทั้งเอาลิปสติกมาเขียนที่ฟัน เอาแป้งมาทาที่ฟันด้วยแบบไม่สนความสวยกันแล้ว หรือเอาน้ำมันราดที่หน้าทดสอบแป้งกันไปเลย

ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งเป็นห่วงทั้งไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรม อาทิ เข้าใจเลยค่ะ เงินหายไปเท่าไหร่ เขาเหนื่อยนะ จากคนขายออนไลน์เหมือนกันค่ะ, เสียดายของแตกหมดล่ะมั้งบ่ได้ขายพอดี, อะไรจะขนาดนั้น, เขาจริงจังกับการขายวันนี้มากๆ จริงๆ ค่ะ ต้องไปดูไลฟ์เต็มเลยอาจจะทำโมโหมาก 1 นาที คนกดหลายออเดอร์มากๆ วันนี้, แล้วเอาของที่หล่นส่งให้ลูกค้าไหมคะ มันจะแตกไหม แค่สงสัย, ช่วงขาลง/ก็จะเรียกเรตติ้ง เป็นธรรมดา เป็นต้น

3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสบังคับสยาม ยอมยกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง แลกกับเมืองจันทบุรี ในวิกฤตการณ์ ร.ศ.112

วันนี้ เมื่อ 130 ปีก่อน ฝรั่งเศสบังคับสยาม สละพื้นที่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ในวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 นับเป็นการเสียดินแดนครั้งที่ 2 

‘การรบที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา’ จุดเริ่มต้นของ ‘วิกฤติการณ์ ร.ศ. 112’ หรือ ‘กรณีพิพาทไทย-ฝรั่งเศส ร.ศ. 112’ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เกิดขึ้นเมื่อกองทัพฝรั่งเศสส่งเรือรบ 2 ลำ คือ เรือแองกองสตองต์ และ เรือโกแมต์ โดยมีเรือสินค้า ‘เจ. เบ. เซย์’ เป็นเรือนำร่อง รุกล้ำฝ่าสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามา 

โดยหมู่ปืนใหญ่ที่ป้อมพระจุลจอมเกล้าและหมู่เรือรบซึ่งเป็นแนวป้องกันของไทยได้ยิงสกัดถูกเรือสินค้าเสียหาย เรือรบของฝรั่งเศสจึงยิงตอบโต้ โดนเรือมกุฎราชกุมารของไทยเสียหาย และทหารไทยเสียชีวิต 8 นาย บาดเจ็บ 40 นาย ส่วนทหารฝรั่งเศสเสียชีวิต 3 นายและบาดเจ็บอีก 3 นาย จากนั้นเรือรบฝรั่งเศสทั้งสองก็แล่นฝ่าเข้ามาที่สถานกงสุลฝรั่งเศส ถนนเจริญกรุง 

โดยผลจากการปะทะกันครั้งนี้ ฝรั่งเศสได้บังคับให้สยามลงนามใน ‘สนธิสัญญาสันติภาพ’ ในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 ซึ่งเป็นการทำสัญญาสงบศึกระหว่างรัฐบาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส

โดยสาระสำคัญเป็นข้อกำหนดที่ฝรั่งเศสตั้งขึ้นเอง เช่น ให้สยามยอมสละข้ออ้างทั้งปวงว่า มีกรรมสิทธิ์อยู่เหนือดินแดนทั่วไปทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง และบรรดาเกาะทั้งหลายในแม่น้ำนั้น ห้ามมิให้มีเรือติดอาวุธไว้ใช้ หรือเดินไปมาในน่านน้ำของทะเลสาบ และของแม่น้ำโขง และลำน้ำที่แยกจากแม่น้ำโขง ไม่สร้างค่ายหรือที่ตั้งกองทหารไว้ในเมืองพระตะบอง และเมืองนครเสียมราฐ รวมทั้งบนฝั่งขวาแม่น้ำโขงในรัศมี 25 กิโลเมตร 

โดยให้บุคคลสัญชาติฝรั่งเศสก็ดี บุคคลในบังคับหรือในปกครองฝรั่งเศสก็ดี จะไปมาหรือค้าขายได้โดยเสรี ขออารักขาเมืองจันทบุรี ให้ลงโทษบุคคลที่เป็นต้นเหตุแห่งการสูญเสียชีวิตของทหารฝรั่งเศสในคำม่วนโดยมีคนของฝรั่งเศสเข้าร่วมพิจารณาตัดสินด้วย และที่สำคัญในกรณีเกิดความยุ่งยากในการตีความหมายของสัญญานี้ให้ใช้ฉบับภาษาฝรั่งเศสเท่านั้น

นอกจากนี้สนธิสัญญาฉบับดังกล่าวยังกำหนดให้สยามชดใช้ค่าเสียหายให้ฝรั่งเศสเป็นเงินจำนวน 3 ล้านฟรังก์ ตีเป็นเงินไทยประมาณ 1,560,000 บาท ในสมัยนั้น บังคับให้รัฐบาลสยามยอมสละดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ตลอดถึงเกาะแก่งในแม่น้ำโขงทั้งหมด เป็นพื้นที่ 143,000 ตารางกิโลเมตร และฝรั่งเศสได้ยึดเมืองจันทบุรีไว้ในอารักขานานกว่า 10 ปี (ระหว่างปี 2436-2447) จนกว่าสยามจะชดใช้ค่าเสียหายจนครบ ผลจากกรณีพิพาทกับฝรั่งเศสครั้งนี้ทำให้สยามต้อง เสียดินแดนเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งนับเป็นการเสียเนื้อที่ครั้งใหญ่ที่สุด

ทั้งนี้ กรณีพิพาทดังกล่าว ได้กลายเป็นชนวนสงครามความขัดแย้งขึ้นอีกครั้งบนคาบสมุทรอินโดจีนระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในกรณีพิพาทอินโดจีนระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีจักรวรรดิญี่ปุ่นเข้าร่วมวงศ์ไพบูลย์ด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามมหาเอเชียยบูรพาอีกด้วย

2 ตุลาคม พ.ศ. 2412 วันเกิด ‘มหาตมะ คานธี’ มหาบุรุษแห่งสันติภาพ

2 ตุลาคม วันเกิดมหาตมะ คานธี ครบรอบ 154 ปี มหาบุรุษแห่งสันติภาพ ผู้นำคนสำคัญ ในการเรียกร้องเสรีภาพและเอกราชของอินเดีย

โมหันทาส กรรมจันทร์ คานธี หรือ มหาตมะ คานธี เกิดวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2412 (ค.ศ. 1869) ที่จังหวัดโพรบันดาร์ รัฐคุชราต ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย ในตระกูลชนชั้นสูง พ่อเป็นข้าราชการ และมารดาเป็นแม่บ้านที่เคร่งศาสนา และมักปลูกฝังแนวคิดหลักจริยธรรมฮินดู การบริโภคมังสวิรัติ ความแตกต่างทางศาสนา การใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย และการไม่ใช้ความรุนแรงให้คานธี

ในวัยเด็กเขาไม่ใช่คนเรียนเก่ง หรือมีความสามารถพิเศษโดดเด่นชัดเจน ครอบครัวจึงให้เขาไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศเจ้าอาณานิคม เพื่อโอกาสทางการงานที่ดีในอนาคต คานธีในวัย 18 ปีจึงเดินทางไปอังกฤษ และเข้าเรียนนิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน (University College London)

เมื่อเรียนจบ คานธีได้ไปรับตำแหน่งที่ปรึกษาทางกฎหมายที่ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศอาณานิคมของอังกฤษ ที่ชาวอินเดียอพยพไปทำงานกันมาก

ณ ประเทศแห่งนี้เขาได้พบประสบการณ์เหยียดสีผิวตั้งแต่เริ่มเดินทางมาถึง จากการที่เขาต้องการซื้อตั๋วรถไฟชั้น 1 แต่ถูกขับไล่ให้ไปนั่งชั้น 3 ทว่าคานธีนั้นไม่ยอม จึงถูกเจ้าหน้าที่จับโยนลงจากรถไฟ และเหตุการณ์ครั้งนี้ได้จุดประกายให้คานธีเริ่มมีแนวคิดเรื่องการเปลี่ยนแปลงสังคมนับตั้งแต่นั้น

ชื่อของ คานธี กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างเมื่อครั้งถูกจับกุมฐานเป็นแกนนำการประท้วง และเดินขบวนต่อต้านการเรียกเก็บภาษีต่อผู้มีเชื้อสายอินเดีย ท้ายที่สุดอังกฤษถูกกดดันให้ยกเลิกการเก็บภาษีดังกล่าว ก่อนปล่อยตัวคานธีในเวลาต่อมา ข่าวเรื่องชัยชนะของคานธีถูกรายงานไปทั่วอังกฤษ กระทั่งกลายเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ

คานธี กลายเป็นผู้นำคนสำคัญของอินเดียในการเรียกร้องให้อังกฤษปลดปล่อยตนออกจากการเป็นอาณานิคม ซึ่งช่วยนำอินเดียไปสู่ความเป็นอิสระ เป็นแรงบันดาลใจให้กับการเคลื่อนไหวที่ไม่รุนแรงเพื่อสิทธิพลเมืองและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมทั่วโลก

ตลอดชีวิตของเขายังคงยึดมั่นในความเชื่อของเขาในการไม่ใช้ความรุนแรงแม้ภายใต้สภาวะที่กดขี่และเผชิญกับความท้าทายที่ดูเหมือนจะผ่านไม่ได้

2 ตุลาคม ของทุกปี ยังถูกกำหนดให้เป็น วันไม่ใช้ความรุนแรงสากล (International Day of Non-Violence) จากมติของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2550 เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของ มหาตมะ คานธี ผู้นำการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องอิสรภาพชาวอินเดีย ผู้ที่ริเริ่มปรัชญาและหลักแห่งการไม่ใช้ความรุนแรง

ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติยังได้กำหนดวันนี้ขึ้นเพื่อให้ผู้คนทั่วโลกตระหนักถึงการยุติความรุนแรง และเพื่อให้เกิดสันติสุขแก่สังคม มีความอดทนอดกลั้น และเข้าใจหลักการไม่ใช้ความรุนแรงอย่างลึกซึ้งนั่นเอง

นายอานันท์ ชาร์มา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย ได้กล่าวเมื่อครั้งการเสนอมติในสมัชชาใหญ่ ในนามของผู้สนับสนุนกว่า 140 คนเอาไว้ว่า การสนับสนุนมติดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเคารพต่อมหาตมะ คานธี ในระดับสากล และเพื่อเป็นการค้ำจุน หลักการและปรัชญาแห่งการไม่ใช้ความรุนแรง

1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ

วันนี้ เมื่อ 155 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ประสูติ เมื่อวันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 ทรงพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฎว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามกุฎ บุรุษรัตนราชรวิวงศ์ วรุตมพงศ์บริพัตร ศิริวัฒนราชกุมาร 

ทรงได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าฟ้าต่างกรม มีพระนามกรมว่า กรมหมื่นพิฆเนศวร สุรสังกาศ หลังจากทรงผนวชเป็นสามเณรทรงได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ฯ กรมขุนพินิตประชานาถ ทรงเป็นพระราชปิโยรสที่สมเด็จพระบรมชนกนาถโปรดให้เสด็จอยู่ใกล้ชิดติดพระองค์เสมอเพื่อให้มีโอกาสแนะนำสั่งสอนวิชาการต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชารัฏฐาภิบาล ราชประเพณีและโบราณคดี นอกจากนั้นยังทรงศึกษาภาษามคธ ภาษาอังกฤษ การยิงปืนไฟ กระบี่กระบอง มวยปล้ำ รวมทั้งการบังคับช้างอีกด้วย

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการกราบบังคมทูลเชิญขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์สืบต่อจากสมเด็จพระบรมราชชนกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 ด้วยพระชนมายุเพียง 15 พรรษา ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2411 โดยมีเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จนหลังจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งที่ 2 เมื่อพระชนมายุ 20 พรรษา ในวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2416 จึงทรงปกครองแผ่นดินด้วยพระองค์เองอย่างสมบูรณ์ ทรงครองราชย์อยู่เป็นเวลายาวนานถึง 42 ปี และได้ทรงพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศทุกวิถีทาง

ในบั้นปลายพระชนม์ชีพ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพลานามัยไม่สมบูรณ์นัก หลังจากเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 แล้ว พระอาการก็ค่อยทรุดลงเป็นลำดับ และเสด็จสวรรคตด้วยพระโรคพระวักกะพิการเมื่อเวลา 2 ยาม 45 นาที ของวันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 สิริพระชนมายุ 58 พรรษา ทรงครองสิริราชสมบัติ 42 ปี ทรงมีพระราชโอรส พระราชธิดารวมทั้งสิ้น 77 พระองค์ ด้วยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อไพร่ฟ้าประชาชนอย่างหาที่สุดมิได้มาตลอดรัชกาลอันยาวนาน ประชาชนจึงพร้อมใจกันถวายพระบรมราชสมัญญานาม ว่า สมเด็จพระปิยมหาราช อันมีความหมายว่า พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน และถือวันที่ 23 ตุลาคม เป็นวันปิยมหาราชมาจนตราบเท่าทุกวันนี้

30 กันยายน พ.ศ. 2511 ยกเลิก 'รถราง' ในกรุงเทพมหานคร หลังได้รับความนิยมลดลง

วันนี้เมื่อ 55 ปีก่อน เป็นวันสุดท้ายของการให้บริการรถรางในกรุงเทพมหานคร หลังได้รับความนิยมลดลง จากการที่ประชาชนมีตัวเลือกในการเดินทางมากยิ่งขึ้น

กิจการเดินรถราง เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยนายจอห์น ลอฟตัส ชาวเดนมาร์ก ของพระบรมราชานุญาตเดินรถราง จนเปิดการเดินรถครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 กันยายน ปี พ.ศ. 2431 โดยใช้ม้าลากไปตามราง ถือเป็นระบบขนส่งมวลชนแรกสุดในกรุงเทพฯ และเป็นชาติแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในเวลาต่อมา รถรางถูกพัฒนาจากการใช้ม้าลาก เป็นการใช้ไฟฟ้าลาก ซึ่งก็ถือเป็นรถรางระบบไฟฟ้าชาติแรกในเอเชียอีกด้วย กิจการรถรางถูกเปลี่ยนมือหลายครั้งระหว่างการเปิดให้บริการ จนกระทั่งถูกโอนเป็นกิจการของบริษัท ไฟฟ้าสยาม จำกัด และมีเส้นทางเดินรถรางทั่วกรุงเทพฯ 11 สาย

แต่อย่างไรก็ตาม หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประชาชนมีตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้น รถรางเสื่อมความนิยม ทางการจึงค่อย ๆ ยกเลิกรถรางทีละสาย จนยกเลิกทั้งหมดในวันที่ 30 กันยายน ปี พ.ศ. 2511

เกิดอะไรขึ้น? ‘เก๋ไก๋ สไลเดอร์’ ลบคลิปคู่ ‘แน็ก ชาลี’ เกลี้ยง พร้อมทิ้งข้อความ “ขอให้โชคดี” ทำชาวเน็ตจับตาความสัมพันธ์

มีเรื่องดรามาอีกจนได้ สำหรับคู่รัก ‘แน็ก ชาลี’ กับ ‘เก๋ไก๋ ณัฐธิชา นามวงษ์’ หรือ ‘เก๋ไก๋ สไลเดอร์’ หลังฝ่ายหญิงไม่มีคลิปและรูปภาพที่เคยถ่ายคู่กันแล้ว ในโลกโซเชียลต่างคาดเดาต่างๆ นานา ว่าเกิดปัญหา ทั้งคู่เลิกกันจริง หรือแค่งอนจึงซ่อนคลิปภาพไว้ไม่ได้ลบออก หรือเพิ่งรับงานละครเป็นครั้งแรก อยากโฟกัสเรื่องงาน

ขณะที่ใน TikTok วิพากษ์วิจารณ์กันจนแฟนคลับว้าวุ่นไปหมด โดยมีคนแคปข้อความที่ ‘เก๋ไก๋’ ได้เข้าไปคอมเมนต์ใน TikTok ของ แฟนหนุ่มไว้ว่า…

“พี่แน็กเป็นคนเก่ง มีความรู้ ความสามารถ ทัศนคติดี ไปงานไหนๆ ก็มีสติในการตอบคำถามมากๆ ขอให้พี่โชคดีอย่างที่อวยพรให้เก๋ไก๋ แล้วขอให้พี่มีความสุขมากๆ ค่ะ”

โดย ‘แน็ก ชาลี’ ก็ได้มาตอบกลับว่า…

“พิมพ์แปลกจัง ใครบอกให้พิมพ์ กับกลับมาเปิดคลิปจัสตินหรอครับ ปิดแล้วไม่ต้องเปิดอีกก็ได้นะ ส่วนผมก็ตอบตามสิ่งที่ผมคิดจริงๆ แค่นั้นเอง ขอบคุณครับ”

ทั้งนี้ยิ่งทำเอาสงสัยกันหนัก ว่าเกิดอะไรขึ้น หลายคนก็บอกให้รอฟังจากปากของ ‘แน็ก’ และ ‘เก๋ไก๋’ ก่อนดีกว่า ล่าสุดเหมือนจะมีการง้อกันหรือเปล่า? เก๋ไก๋โพสต์คลิปหน้าเศร้าคัฟเวอร์ลงสตอรี่ ติ๊กต็อกมีการแชร์คลิปพร้อมข้อความว่า…

“สตอรี่ง้อที่รักมาแล้ว แอดจัดให้พร้อมซับไม่ต้องไปหาแปล #เก๋ไก๋ #เก๋ไก๋สไลเดอร์ #เก๋ไก๋แฟนแน็ก #แน็กชาลี #charliepotjes”

ด้านแฟนๆ ก็เข้ามาแสดงความเห็นหายว้าวุ่นแล้ว เก๋ไก๋มาง้อแน็กแล้ว อาทิ

- “ยัยน้อง ง้อเอง นักเลงพอ พี่ชาใจอ่อนได้แล้วนะ แฟนมาง้อแล้ว”

- “คนพี่ก็มาๆ มาใจอ่อนเร็วๆ แฟนคลับจะได้เลิกตีกัน”

- “หายน้อยใจได้แล้วนะชาลี น้องเก๋ตาช้ำหมดแล้ว รักกัน มีรอยยิ้มให้กันดีกว่า”

ขณะที่ก็มีคอมเมนต์อีกส่วนหนึ่งดรามาถล่ม เก๋ไก๋ ว่าไม่รู้จักโต ดูทรงท่าจะไม่รอด อาทิ

- “แค่ทะเลาะก็ลบคลิปเลย บางทีความคิดเก๋ดูเด็กไปนะ หรือต้องการเลิกจริงๆ”

- “ดูทรงแล้วไม่น่าจะรอด เก๋ดูเด็กน้อยไป”

- “เก๋ดูไม่โต ติดเด็ก เวลาพูดก็พูดไปเรื่อยๆ เหมือนคลิปนึงเก๋พูดจนเพื่อนต้องห้าม เพราะติดพูดๆ ไปเรื่อย ทฤษฎีนั่นนี้ จนลืมว่าตัวเองต้องโตนะ แยกแยะให้ออก”

- “ตอนใหม่ๆ ก็ง้อได้หรอกถ้าทำบ่อยๆ ทะเลาะกันทีซ่อนคลิปที ทำให้คนอื่นรู้ว่าทะเลาะกันนานๆ ไปผู้ชายจะเบื่อ ทำตัวเป็นเด็กไป ทะเลาะกันคุยกันเคลียร์กันสองคนก็พอ”

ด้านแฟนๆ อีกส่วนหนึ่งก็ปรามดรามา อาทิ

- “เราว่า ชาวเน็ตไม่ควรไปตัดสินแทนชีวิตคู่เขาอะ อย่าไปสร้างปมให้ใครอีก ให้ 2 คนเรียนรู้กันไป ทำอย่างกับพวกเธอไม่เคยทะเลาะกับผัว กว่าจะลงตัวมันใช้เวลา”

- “ทุกคนบอกแน็กชัดเจน แล้วเก๋ไม่ชัดเจนตรงไหน แถมเป็นฝ่ายลงคลิปเปิดตัวก่อนด้วยซ้ำ แน็กกับเก๋ยังต้องปรับตัวกันอีกเยอะ ปรับไม่ได้ก็ต่างคนต่างไป ไม่ผิดนะ”

- “อย่าทะเลาะกันบ่อยนะ แฟนคลับใจไม่ดี”

28 กันยายน พ.ศ. 2549 สนามบินสุวรรณภูมิ เปิดให้บริการเป็นทางการครั้งแรก

วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิเริ่มเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ครั้งแรกอย่างเป็นทางการ หลังจากใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างนาน 45 ปี

สนามบินสุวรรณภูมิ มีชื่อเดิมว่า สนามบินหนองงูเห่า ตั้งอยู่บน ถ.บางนา-ตราด ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 หลังจากก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ว่าจ้างบริษัท ลิชฟิลด์ มาศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2503 เนื่องจากต้องการให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมืองและตั้งเป้าให้เป็นศูนย์กลางการบินในทวีปเอเชีย

สำหรับของสนามบินสุวรรณภูมิ มีความหมายว่า ‘แผ่นดินทอง’ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อให้เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2543 และเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2545 

27 กันยายน พ.ศ. 2448 ‘อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์’ สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ เสนอสมการก้องโลก ‘E=mc2’ เป็นครั้งแรก

วันนี้ เมื่อ 118 ปีก่อน เผยแพร่บทความเรื่อง ‘Does the Inertia of a Body Depend Upon Its Energy Content ?’

วันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 1905 (พ.ศ. 2448) อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) นักวิทยาศาสตร์เอกของโลก เผยแพร่บทความเรื่อง ‘Does the Inertia of a Body Depend Upon Its Energy Content ?’ (จริงหรือไม่ที่ความเฉื่อยขึ้นอยู่กับพลังงานภายในของวัตถุ) เป็นครั้งแรก ซึ่งได้นำเสนอสมการก้องโลก E=mc2 สมการนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงาน อธิบายได้ว่า เมื่อให้พลังงานกับมวลเพื่อให้มีความเร็วเพิ่มขึ้น มวลนั้นก็จะมีค่าเพิ่มขึ้นด้วย จากทฤษฎีนี้ทำให้นำสู่ผลที่ว่าไม่มีอะไรเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าแสง หลักการนี้จึงเป็นหลักการเบื้องต้นของ ‘ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป’ (theory of relativity) 

แม้ว่าไอน์สไตน์จะใช้เวลาเพียงแค่ 4 เดือน ในการสร้างผลงานปฏิวัติโลกด้วยผลงานเด่น ๆ 3 ผลงานในปีนี้ คือ ‘ปรากฏการณ์โฟโตอิเลกตริก’ (Photoelectric Effect) ‘การเคลื่อนที่แบบบราวเนียน’ (Brownian Motion) และ ‘ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ’ (special relativity) แต่โลกต้องใช้เวลาอีกหลายทศวรรษเพื่อทำความเข้าใจและเห็นคุณค่าในผลงานเหล่านี้ 

ต่อมาได้มีการประกาศให้ปี 2448 เป็นปีมหัศจรรย์ของไอน์สไตน์และในปี 2548 วงการวิทยาศาสตร์โลกได้ประกาศให้เป็น ‘ปีฟิสิกส์โลก’ (World Year of Physics 2005) และมีการจัดงานฉลองครบรอบ 1 ศตวรรษปีมหัศจรรย์ไอน์สไตน์

‘เกลือ กิตติ’ โชว์บัตรนักศึกษาในวัยเลข 4 หลังตัดสินใจเรียนป.ตรี สาขาวิชาเกี่ยวกับจิตวิทยา เพื่อเป็นประโยชน์กับตัวเองในอนาคต

(26 ก.ย.66) ไม่มีใครแก่เกินเรียน…เช่นเดียวกับ ‘เกลือ กิตติ เชี่ยววงศ์กุล’ ในวัย 44 ปี ที่ล่าสุดออกมาโพสต์ภาพถ่ายบัตรประจำตัวนักศึกษาหลังตัดสินใจลงเรียนปริญญาตรีใบที่สอง ในสาขาวิชาเกี่ยวกับเรื่องจิตวิทยา โดยเกลือได้เขียนข้อความบอกเหตุผลที่เรียนครั้งนี้ว่า

“กลับมาเป็นนักศึกษาอีกครั้ง ในวัยเลขสี่ด้วยเหตุผลหลายข้อ ข้อแรก เราคิดว่าการเรียนจิตวิทยาน่าจะเป็นประโยชน์ต่ออาชีพพิธีกร เพราะการเข้าใจมนุษย์ น่าจะสำคัญพอๆ กับการสื่อสาร ซึ่งการสื่อสารเราได้เรียนไปแล้ว แล้วตอนทำรายการก็มีน้องหลายคนมาปรึกษา เราได้แต่ตอบจากประสบการณ์ชีวิตซึ่งบางทีอาจจะไม่ใช่คำปรึกษาที่ดีที่สุดสำหรับเขาทั้งหลาย ข้อสอง อยากเอาชนะความกลัวของตัวเอง ความกลัวเรียนไม่จบมันหลอนมาตั้งแต่เด็ก บางคืนยังมีแอบฝันว่าตัวเองเรียนไม่จบ เลยเรียนป.ตรีมันอีกใบซะเลย และข้อสุดท้าย อยากเรียนเพื่อเป็นตัวอย่างให้ลูกๆ ได้เห็นว่า ชีวิตของเรานั้นต้องเรียนรู้ตลอดทั้งชีวิต ไม่มีใครแก่เกินเรียน จะเรียนจบหรือไม่นั้นก็ต้องพยายามดู เป็นกำลังใจให้ข้าพเจ้าด้วยยย #รามคำแหง”

26 กันยายน พ.ศ. 2430 ไทย-ญี่ปุ่น ลงนามปฏิญญาทางพระราชไมตรี ปฐมบทสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ

วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2430 หรือ เมื่อ136 ปีที่แล้ว ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นได้ลงนามในปฏิญญาทางพระราชไมตรีและการพาณิชย์ระหว่างญี่ปุ่นและไทย เริ่มความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ

ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับไทย มีประวัติยาวนานหลายร้อยปี แต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการโดยการลงนามในปฏิญญาทางไมตรี และการพาณิชย์ เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2430

ที่ผ่านมาไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและราบรื่น ความร่วมมือของทั้งสองประเทศครอบคลุมทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวัฒนธรรม เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของประเทศ ไทยได้มุ่งกระชับความสัมพันธ์ และความร่วมมือกับญี่ปุ่นให้พัฒนาไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจ (strategic and economic partnership)

การเยือนสำคัญในระดับพระราชวงศ์ ที่สำคัญ คือในช่วงต้นรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ เพื่อทรงเจริญสัมพันธไมตรี พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และหนึ่งในประเทศที่พระองค์เลือกเสด็จพระราชดำเนินเยือน คือ ประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2506

ในครั้งนั้น พระองค์ทรงเสด็จเยือนกรุงโตเกียว เมืองนาโงยา จังหวัดเกียวโต และนารา และฝ่ายญี่ปุ่นได้ถวายการต้อนรับ ด้วยการนำเสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงงานผลิตกล้องถ่ายรูป และวิทยุ เพื่อทอดพระเนตรเทคโนโลยีการผลิตของญี่ปุ่น ซึ่งชี้ให้เห็นว่าฝ่ายญี่ปุ่นทราบถึงความสนพระราชหฤทัยของพระองค์เป็นอย่างดี

การเสด็จพระราชดำเนินเยือนญี่ปุ่นในครั้งนั้น เป็นจุดเริ่มต้นแห่งพระราชไมตรีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ซึ่งในขณะนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมารอะกิฮิโตะ

เพื่อทรงตอบแทนพระราชไมตรี มกุฎราชกุมารอะกิฮิโตะ พร้อมด้วยเจ้าหญิงมิชิโกะ (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2507 ในครั้งนั้นมีเหตุการณ์อันเป็นที่ระลึกแห่งพระราชไมตรี และพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และนับเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

ขณะที่ความสัมพันธ์ระดับประชาชนของทั้งสองประเทศก็มีความใกล้ชิดแนบแน่น ปัจจุบัน มีชาวไทยที่พำนักอยู่ในญี่ปุ่น ประมาณ 50,000 คน ในขณะที่มีชาวญี่ปุ่นที่พำนักอยู่ในประเทศไทยประมาณ 40,000 คน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top