Saturday, 10 May 2025
NEWS FEED

๕ ธันวาคม วันพ่อแห่งชาติ

๕ ธันวาคม ๒๕๖๓

น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

ข้าพระพุทธเจ้า คณะผู้บริหาร และพนักงาน บริษัท เดอะสเต็ทส์ไทม์ จำกัด


 

"คนละครึ่ง" งานดี!! ดัน "ดัชนี" ดีดตัว

นาทีนี้ "โครงการคนละครึ่ง" กลายเป็นพระเอกสร้างชื่อให้กับรัฐบาล สร้างผลงานดี จนส่งผลให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยกันมาก หมุนวนจนระบบเศรษฐกิจเริ่มขยับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า "แต้มบุญของโครงการคนละครึ่ง ทำให้เกษตรกรได้หายใจหายคอกันบ้าง เนื่องจากโครงการนี้มีส่วนช่วยกระตุ้นราคาพืชผลทางการเกษตรดีขึ้นหลายรายการ โดยเฉพาะข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมันและปศุสัตว์ สร้างกำลังซื้อในหลายจังหวัดให้ดีดตัวขึ้นไปตาม ๆ กัน"

แรงบวกของโครงการดังกล่าวสะท้อนไปสู่ตัวชี้วัดด้านต่าง ๆ ของประเทศที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ "ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค" เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่สำรวจจากประชาชน 2,241 คน ทั่วประเทศ ซึ่ง "ดีดตัว" ขึ้นทุกรายการเป็นเดือนที่ 2 และถือเป็นการดีดตัวสูงสุดในรอบ 9 เดือน นับตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ.2563 เป็นสัญญาณดีที่เศรษฐกิจไทยค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง

ธนวรรธน์ กล่าวถึงดัชนี้ในส่วนอื่น ๆ อีกว่า…

- ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมก่อนหน้า คือ 43.9 ดีดขึ้นเป็น 45.6 ในเดือนตุลาคม พ.ศ.2563

- ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานก่อนหน้านี้อยู่ที่ 49.0 เพิ่มขึ้นเป็น 50.0

- ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตจาก 59.9 ดีดมาอยู่ที่ 61.6 ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนมาถึง "ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค" ที่เคยอยู่ที่ 50.9 ดีดตัวเพิ่มขึ้นมาที่ 52.4

- คิดเป็นดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปัจจุบันจาก 35.1 ขึ้นมาอยู่ที่ 36.3

- และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตจาก 58.5 ขึ้นมาที่ 60.1

ถึงกระนั้น ก็ไม่ใช่ดัชนีทุกรายการที่จะขึ้นทั้งหมด โดยเฉพาะในส่วนของดัชนีความเห็นทางการเมืองนั้นกลับอยู่ที่ 23.0 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 14 ปี 3 เดือน เห็นได้ชัดเลยว่าผู้บริโภคมองการเมืองขาดเสถียรภาพอยู่มาก

อย่างไรเสีย แม้ดัชนีจะดีดตัวขึ้นในทุกรายการก็ตาม แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับปกติที่อยู่ในระดับ 100 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยังมองเศรษฐกิจในมุมลบจากปัญหาการเมืองในประเทศ และวิกฤต โควิด-19 ทั่วโลกอยู่

เสี่ยหนู ของขึ้น! ติงผู้ติดเชื้อใหม่ ไร้ความรับผิดชอบ

ดูท่าว่า เสี่ยหนู - อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จะของขึ้นหนัก!!

หลังคนไทยบางกลุ่ม กำลังจะเป็นชนวนการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ในไทยอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง (Super Spread) ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาดในไทยก่อนหน้านี้กำลังไปได้สวย และภาคเศรษฐกิจก็พร้อมขยับเดินหน้าเต็มตัว

โอบาม่า-บุช-คลินตัน พร้อมฉีดวัคซีน Covid-19 การันตีความปลอดภัย

3 อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ “บารัค โอบาม่า”, “จอร์จ บุช” และ “บิล คลินตัน” พร้อมที่จะฉีดวัคซีน Covid-19 โชว์ออกโทรทัศน์ เพื่อโปรโมทการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน และยังเป็นการรับประกันความปลอดภัย ไร้กังวล สำหรับชาวสหรัฐที่ยังไม่มั่นใจที่จะรับวัคซีน

จากสถานการณ์ Covid-19 ล่าสุดในสหรัฐอเมริกา ผู้ติดเชื้อยังพุ่งต่อเนื่อง ยอดผู้ติดเชื้อรายวันแตะที่ระดับ 2 แสนคนต่อวัน และมีผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 14 ล้านคนไปเรียบร้อยแล้ว

ที่น่าตกใจยิ่งกว่ายอดผู้ติดเชื้อ ก็คือยอดผู้เสียชีวิต ที่มีรายงานว่ายอดผู้เสียชีวิตในวันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา สูงถึง 3,157 คน เป็นยอดที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ที่สหรัฐเจอวิกฤติ Covid-19 ทำให้ตอนนี้สหรัฐมีผู้เสียชีวิตจาก Covid-19 ไปแล้วมากกว่า 270,000 คน

ผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐคาดการณ์ว่า หากยอดผู้ติดเชื้อยังคงพุ่งสูงเช่นนี้ อาจทำให้สหรัฐมีผู้เสียชีวิตมากถึง 450,000 คนภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 หากเป็นเช่นนั้นจริง จะทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจาก Covid-19 ในสหรัฐสูงกว่ายอดผู้ที่เสียชีวิตในช่วงสงครามกลางเมืองสหรัฐถึง 2 เท่า

แต่ถึงจะมียอดผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตสูงมากแค่ไหนก็ตาม กลับมีชาวสหรัฐเป็นจำนวนมากที่จะไม่ยอมฉีดวัคซีนแม้รัฐบาลจะให้ฉีดฟรีก็เถอะ

จากผลโพลล่าสุดที่จัดทำโดยสำนักวิจัย Gallup พบว่ามีชาวอเมริกันถึง 42% ในกลุ่มสำรวจ ยังคงยืนยันว่าจะไม่ฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน แม้ว่าจะฉีดฟรี เพราะไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัย อีกทั้งในสหรัฐมีกลุ่มต่อต้านการฉีดวัคซีน และกลุ่มที่เชื่อทฤษฎีสมคบคิด QAnon ที่เชื่อว่าการฉีดวัคซีนมีจุดประสงค์แอบแฝงอื่น

อดีตประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการ SiriusXM โดยผู้ประกาศข่าวโจ แมดิสัน ว่า หาก ดร. แอนโธนี ฟาวซี หัวหน้าศูนย์ Covid-19 แห่งสหรัฐยืนยันว่าวัคซีนไหนปลอดภัย เขาก็พร้อมที่จะฉีดวัคซีนออกสื่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้คนอเมริกัน

หลังจากนั้นไม่นาน โฆษกประจำตัวของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ บุช และ บิล คลินตัน ก็ออกมาบอกว่า ทั้งบุช และ คลินตัน ก็พร้อมที่จะฉีดวัคซีนออกสื่อเหมือนกัน เพื่อให้ชาวอเมริกันที่ยังระแวง เปิดใจรับวัคซีน จะได้ยับยั้งการแพร่ระบาดของ Covid-19 ในสหรัฐได้เสียที

แต่ว่าประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ณ เวลานี้อย่าง โดนัลด์ ทรัมพ์ ยังคงเก็บตัวเงียบ ไม่พูดถึงเรื่องปัญหา Covid-19 แต่อย่างใด

และในสัปดาห์หน้า องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐจะประชุมกันเพื่อลงมติอนุมัติวัคซีน Covid-19 ล็อตแรกของบริษัท Pfizer และ BioNTech แล้ว

ด้วยปริมาณวัคซีนที่สั่งจอง และพร้อมผลิต ก็มีพอที่จะทยอยฉีดให้ประชาชนทั่วไปได้ในปีหน้า เรื่องงบไม่มีปัญหา กลัวเพียงแต่ว่า คนอเมริกันไม่ยอมมาฉีด

แต่หากให้พรีเซนเตอร์แม่เหล็กอย่าง โอบาม่า – บุช - คลินตัน ออกมาฉีดวัคซีนโชว์ออกสื่อ ก็น่าจะสร้างแรงจูงใจให้คนอเมริกันยอมมารับวัคซีนกันไม่น้อย แต่สุดท้ายก็คงเป็นสิทธิ์ของคนอเมริกันว่าจะสมัครใจฉีดวัคซีนกันหรือเปล่า หรืออาจสละสิทธิ์ก่อนเพื่อขอดูผลข้างเคียงจากกลุ่มคนที่ได้รับวัคซีนล็อตแรกไปก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ดังนั้นสงครามต่อสู้กับเจ้าเชื้อ Covid-19 ก็ยังไม่จบง่าย ๆ แน่นอน


แหล่งข่าว

https://www.theguardian.com/us-news/2020/dec/03/obama-clinton-bush-covid-vaccine-safety

https://www.theguardian.com/world/2020/dec/03/us-logs-a-record-3157-coronavirus-deaths-in-one-day

https://news.gallup.com/poll/325208/americans-willing-covid-vaccine.aspx

อังกฤษไฟเขียววัคซีนโควิด-19 "ไฟเซอร์" พร้อมฉีดจริงสัปดาห์หน้า...เพียงพอ 20 ล้านคน

หลังการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ในปีนี้ ได้ทุบเศรษฐกิจโลกพังยับเยิน รวมถึงมีผู้สังเวยโรคร้ายดังกล่าวไปแล้วกว่า 1.5 ล้านคนทั่วโลก

นั่นจึงทำให้ผู้คนทั่วโลกต่างรอคอยวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินชีวิตกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง

ปัจจุบันวัคซีนที่กำลังเป็นที่จับตาเป็นของ "ไฟเซอร์ - ไบโอเอ็นเทค" และวัคซีนจาก "โมเดอร์นา" ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐฯ ได้รับการยืนยันถึงประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 สูงกว่า 90% โดยทั้ง 2 ชนิดต่างเป็นวัคซีนแบบตัดต่อสารพันธุกรรมหรือที่เรียกกันว่า RNA (mRNA)

ล่าสุดอังกฤษกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุมัติการใช้งานวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทเวชภัณฑ์ไฟเซอร์ (Pfizer) และ ไบโอเอ็นเทค (BioNTech)

โดยรัฐบาลอังกฤษ เห็นพ้องตามคำแนะนำจากสำนักงานกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและยา (Medicines and Healthcare products Regulatory Agency - MHRA) และรับรองการใช้งานวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทดังกล่าว

ด้าน แม็ตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ ยอมรับว่า นี่เป็นข่าวดีมาก พร้อมประกาศว่าโครงการแจกวัคซีน โควิด-19 จะเริ่มแจกจ่ายทั่วสหราชอาณาจักรตั้งแต่ต้นสัปดาห์หน้า โดยโรงพยาบาลทั่วอังกฤษมีความพร้อมที่จะทำการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน ซึ่งเพียงพอสำหรับ 20 ล้านคน หลังจากรัฐบาลอังกฤษได้ทำสัญญาสั่งซื้อวัคซีนจากไฟเซอร์จำนวน 40 ล้านโดส

ทั้งนี้ทางคณะกรรมการด้านวัคซีนจะพิจารณาว่าคนกลุ่มใดที่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรก ๆ ตัวอย่างเช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ตามสถานสงเคราะห์, เจ้าหน้าที่สาธารณสุข, ผู้สูงวัย หรือผู้ที่มีความเปราะบางเป็นพิเศษ ต่อไป


ที่มา: รอยเตอร์, BBC

ทัพภาค 4 ระดมพล!! เร่งรุดช่วยน้ำท่วมใต้ 7 จังหวัด

จากกรณีฝนตกติดต่อกันจนถึงวันนี้ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันใน 7 จังหวัดภาคใต้ ตั้งแต่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส

ผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ประสบปัญหาอย่างหนัก ทาง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จึงได้กำชับกองทัพภาคที่ 4 จัดหน่วยช่วยดูแลประชาชนให้ปลอดภัย

และคลี่คลายสถานการณ์ตามแผนการช่วยเหลือ ร่วมกับส่วนราชการประจำจังหวัด ตามที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้สั่งการ โดยเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีระดับน้ำท่วมสูงเกือบทุกอำเภอ

ทั้งนี้กองทัพภาคที่ 4 ได้สำรวจเส้นทางและช่วยเหลือประชาชน โดยพลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้บินสำรวจสภาพน้ำและสั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่ 8 ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย เข้าช่วยประชาชนเร่งด่วนให้ทันน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง และถนนเส้นทางหลักในจังหวัดนครศรีธรรมราช ถูกตัดขาด 7 สาย

โดยตั้งแต่ช่วงเมื่อวาน จนถึงวันนี้ได้ทำการเร่งอพยพประชาชนจากพื้นที่ต่าง ๆ ไปยังสถานที่ที่ทางจังหวัดเตรียมไว้ พร้อมช่วยขนย้ายสิ่งของตามบ้านเรือนโรงเรียนขึ้นที่สูง เคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงไปยังโรงพยาบาล รับส่งประชาชนที่ติดค้างที่ท่าอากาศยาน โดยงานเร่งด่วนคือการจัดรถครัวสนามและเร่งอพยพผู้คนที่ยังติดค้างมายังศูนย์อพยพโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายใน7วัน

นอกจากนี้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันมอบอาหารเครื่องดื่มสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้กับผู้อพยพที่เดินทางมาอาศัยพักพิง ณ ศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนเทศบาลวัดท่าโพธิ์ อ.เมือง ประมาณ 60 ครัวเรือน จำนวน 230 คน และคาดว่าจะมีผู้อพยพเข้ามาอีก 160 ครัวเรือนประมาณ 700 คนในเขตเทศบาล ขณะเดียวกันที่ อ.ทุ่งสง ซึ่งมีน้ำป่าไหลหลากเป็นวงกว้าง ทางกองบัญชาการช่วยรบที่ 4 ก็ได้เข้าช่วยประชาชนแล้วเช่นกัน

ในส่วนของจังหวัดสงขลา ได้มีการช่วยขนย้ายคนและสิ่งของ ทั้งนำกระสอบทรายไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบในเขต อ.เมือง ขณะที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มวลน้ำหนุนเข้าท่วมในพื้นที่ ฝนยังคงตกหนักส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขัง 30 - 120 ซม. ทางกองทัพจึงได้จัดกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ ช่วยขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และขนย้ายปศุสัตว์ ในพื้นที่ ต.ทุ่งเตา อ.บ้านนาสาร คู่ขนานไปกับ ร.25 พัน.3 ที่ได้จัดกำลังพล ยานพาหนะ ช่วยขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง เเละอพยพประชาชนที่ ต.ท่าเคย อ.ท่าฉาง ซึ่งมวลน้ำได้เพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ฝนยังคงตกหนักและได้รับอิทธิพลน้ำหนุนมาจากพื้นที่ใกล้เคียง โดยคาดว่าภายใน 2 วันนี้ น้ำยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามภาพรวมในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม ภาคใต้จะเกิดมรสุมประจำทุกปี โดยที่ผ่านมาทางกองทัพภาคที่ 4 ได้เตรียมความพร้อมบรรเทาอุทกภัย ช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นระบบไว้ก่อนหน้า โดยมีการแบ่งมอบพื้นที่อย่างชัดเจน รวมถึงประสานการปฏิบัติกับทางจังหวัด ทางอำเภอ ติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลใกล้ชิด เชื่อว่า จนท.ทุกส่วนมีความพร้อมเข้าดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้สามารถขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 หมายเลขโทรศัพท์ 075 - 383405 ตลอด 24 ชั่วโมง

รอรับได้เลย!! ภาคต่อนโยบายดันศก. "คนละครึ่งเฟส 2" & "เติมเงินบัตรคนจน"

ใครพร้อมเตรียมตัวให้ดี เพราะภาคต่อโครงการคนละครึ่งเฟส 2 และเติมเงินบัตรคนจน กำลังถูกเสิร์ฟต่อแบบติด ๆ

ในที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 หรือ ศบศ. ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้มีการประชุมพิจารณาโครงการคนละครึ่งเฟส 2 และโครงการช่วยเหลือเงินค่าครองชีพให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน ผ่านการชงโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

ทั้งนี้นายกฯ จะพิจารณาความเหมาะสมทั้งจำนวนที่จะเปิดเพิ่ม ระยะเวลาใช้จ่ายและเพิ่มเงินให้กับผู้ลงทะเบียนเก่าและใหม่โดยจะเปิดการลงทะเบียนรับสิทธิอีก 5 ล้านคน โดยโครงการคนละครึ่งรอบแรกจะมีการเติมเงินเพิ่มขึ้นอีก 500 บาท เป็นวงเงินอยู่ที่ 3,500 บาท และผู้ที่ถูกตัดสิทธิจากเฟสแรกเนื่องจากไม่ได้ใช้จ่ายภายใต้โครงการในวันที่กำหนด สามารถลงทะเบียนรอบที่ 2 นี้ได้ รวมถึงยังเตรียมพิจารณาปรับปรุงมาตรการ "เราเที่ยวด้วยกัน" และ "มาตรการท่องเที่ยวของผู้สูงอายุ" อีกด้วย

สำหรับเบื้องต้นโครงการคนละครึ่งเฟส 2 จะเปิดให้ลงทะเบียนช่วงเดือนธันวาคมนี้ เพื่อให้ใช้สิทธิ์ทันวันที่  1 ธันวาคม พ.ศ.2564 ระยะเวลาการใช้สิทธิประมาณ 2-3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม พ.ศ.2564 และบัตรคนจนจะมีการเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเพิ่มอีก 500 บาท ต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น  3 เดือน
 

มติศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด ‘ลุงตู่’ รอดคดีบ้านพักทหาร นั่งนายกฯ ต่อ

เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2563 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดี ใช้บ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 หลังเกษียนอายุราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่า ‘ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ’ ส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีเหตุที่จะสิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี และศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้มีสิทธิพักอาศัยในบ้านรับรอง .

เหตุผลเพราะเคยเป็นอดีตผู้นำสูงสุดของกองทัพบกมาก่อน อีกทั้งยังไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงแต่อย่างใด ความเป็นนายกรัฐมนตรี จึงไม่สิ้นสุดลง

"การบินไทย" คัมแบ็ค!! ปั้นรายรับน่านฟ้าสยาม ขนานรายได้ธุรกิจส่งผัก

หยุดทำการบินเส้นทางในประเทศไปตั้งแต่เดือนเมษายน ตอนนี้การบินไทยกำลังจะทะยานสู่น่านฟ้าอีกครั้ง!!

หลังจากรัฐบาลได้คลายล็อกดาวน์มาตรการคุมเข้ม โควิด-19 และสนับสนุนให้สายการบินไทยสมายล์ทำการบินแทนในเส้นทางที่การบินไทยเคยทำการบินอยู่

แต่ตอนนี้ การบินไทย เตรียมจะกลับมาบินในประเทศอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2563 - วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564

โดยการบินไทยจะกลับมาเปิดบินใน 2 เส้นทาง ได้แก่

1.) ให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศเฉพาะเส้นทางกรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ) - เชียงใหม่

2.) เส้นทางบินกรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ) - ภูเก็ต

ทั้ง 2 เส้นทางดังกล่าว การบินไทย จะทำการบิน จำนวน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ให้บริการในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ด้วยเครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-200ER

.

- เส้นทางกรุงเทพฯ (BKKเชียงใหม่ (CNX) / เชียงใหม่ - กรุงเทพฯ ได้แก่ TG108 (WE5108) BKK 1210 น.- CNX 13.30 น./TG109 (WE5109) CNX 14.30น. - BKK 15.55 น.

- เส้นทางกรุงเทพฯ(BKK) - ภูเก็ต(HKT) / ภูเก็ต-กรุงเทพฯ ได้แก่ TG205 (WE5205) BKK 12.05 น.- HKT 13.30น. / TG206 (WE5206) HKT 14.20 น.- BKK 15.45 น.

.

ทั้งนี้เบื้องต้นสามารถจองบัตรโดยสารได้จากเว็บไซต์ www.thaismileair.com ส่วนในเว็บไซต์ของการบินไทยคาดว่าจะเปิดให้จองในลำดับถัดไป

นอกจากการเปิดเส้นทางการบินในประเทศอีกครั้งของการบินไทยในครั้งนี้ จะเป็นแผนการหารายได้หนึ่ง

แต่การบินไทย ยังเตรียมหารายได้อื่นควบคู่กันไป โดยเฉพาะกับการเร่งหารายได้จากธุรกิจคาร์โก้

ซึ่งจะร่วมมือกับ 3 กระทรวง คือ กระทรวงคมนาคม / กระทรวงพาณิชย์ / กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อกระตุ้นการขนส่งผักและผลไม้ สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกร ภาคส่งออกและการบินไทยเองด้วย

ตรงนี้เป็นแนวทางต่อเนื่องของการบินไทยในการจัดบริการขนส่งผักและผลไม้ตามฤดูกาล ในราคาขนส่งถูกพิเศษ เพื่อสนับสนุนการส่งออก และช่วยกระจายสินค้าไปต่างประเทศ

ซึ่งเป็นอีกธุรกิจที่ได้รับการตอบรับดี โดยที่ผ่านมาการบินไทยได้ขนส่งสินค้าไปหลายประเทศ เช่น มะม่วง ได้รับการตอบรับอย่างดีจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และฮ่องกง

นอกจากนี้ยังได้หารือกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อขอข้อมูลแนวโน้มการส่งออกสินค้าผักและผลไม้ปี พ.ศ.2564 เพราะปัจจุบันการบินไทยทำการบินกึ่งพาณิชย์ โดยมีจุดหมายปลายทางเพิ่ม อาทิ ยุโรป ซึ่งประเมินว่าธุรกิจคาร์โก้ปีหน้าจะสร้างรายได้สนับสนุนการบินไทยต่อเนื่อง

ชาวนาไทยได้เฮ! นายกฯ ลั่น “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างล่าง” อัดฉีดเงินประกันรายได้อีก 2.87 ล้านบาท

ชาวนาไทยเตรียมเฮอีกรอบ หลังจากคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน เห็นชอบปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/2564 รอบที่ 1 เพิ่มเติมอีก 28,711.29 ล้านบาท

จากเดิมก่อนหน้านี้ ทางคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเบื้องต้น เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 จำนวน 18,096.06 ล้านบาท รวมเป็น 46,807.35 ล้านบาท

พร้อมมอบหมายธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และกระทรวงพาณิชย์ จัดทำรายละเอียดโครงการฯ และงบประมาณให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561

และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตรวจสอบการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปริมาณผลผลิต ประมาณการณ์วงเงินที่ใช้ เพื่อให้การจ่ายเงินถูกต้องครบถ้วน

โดยนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานบอร์ด นบข. ยืนยันรัฐบาลพร้อมดูแลคนทั้งประเทศ โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกร กำชับทุกฝ่ายให้ช่วยกันดูแล ให้ดำเนินการอย่างโปร่งใส สุจริต และสามารถตรวจสอบได้ และต้องส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวอย่างเป็นระบบ ให้ไทยมีพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ ล่าสุดทาง ธ.ก.ส. เริ่มจ่ายเงินช่วยเหลือโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2563/64 ตามนโยบายรัฐบาล ในอัตราไร่ละ 500 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 10,000 บาทต่อครัวเรือน วงเงินกว่า 28,000 ล้านบาท เข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงแล้ววันนี้ (1 ธันวาคม พ.ศ.2563) จำนวนกว่า 400,000 ครัวเรือน หรือคิดเป็นจำนวนเงินกว่า 1,600 ล้านบาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top