Tuesday, 13 May 2025
NEWS FEED

"สมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิสซุม” จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี พ.ศ. 2564 "New Normal" สุดยิ่งใหญ่!

เมื่อวันที่ 16-18 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา "สมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม" (ไทย) ดำเนินการจัดสัมมนาเครือข่ายผู้ปกครองบุคคลออทิสติกและการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ผ่านระบบทางไกลและ FB สมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม (ไทย) ระหว่าง16-18 ก.ย. 2564 สำเร็จเสร็จสิ้นในภารกิจดังกล่าว นับเป็นการประชุมที่ประสบความสำเร็จ สมาชิกเข้าประชุมในระบบ Zoom ทั่วประเทศ และหลายท่านติดตามผ่านเพจในเครือข่ายออทิสติกไทยด้วย

การจัดประชุมดังกล่าว ครบถ้วนทั้ง ภาคเวทีวิชาการ ที่มีวิทยากรทั้งไทยและต่างประเทศ เช่นจาก SAAC หรือ St. Andrew’s Autism Center โดย Bernard Chew และDennis Aug ประเทศ สิงค์โปร์มาร่วมสัมมนาแลกเปลี่ยนกับคณะนักวิชาการและผู้บริหารสมาคมฯของประเทศไทย เน้นต้นแบบระบบการจัดสวัสดิการที่พักอาศัยสำหรับบุคคลออทิสติกในประเทศสิงค์โปร์ ซึ่งถือเป็น Best Pratise. ที่ดี โดยแบ่งเป็นSession ต่าง ๆ

Session ที่ 1 ด้านนโยบาย  การสัมมนากล่าวรายงาน โดย อ.ชูศักดิ์ จันทยานนท์ นายกสมาคมกล่าวเปิดโดยอธิบดีสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรม พก. และนำเสนอแนวคิด “Human to Ability” ที่กรม พก.กำหนดเป็นเป้าหมายหลักในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการกว่า 2 ล้านคน โดยนโยบายการทำงาน แบ่งเป็น 3 ระดับ คือระดับชาติ (National Lever)เน้น Big Data ด้านคนพิการ การขับเคลื่อนการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวก การเสริมพลังคนพิการและภาคีเครือข่าย ระดับเชิงประเด็น (Sectorial Lever) เน้นการส่งเสริมอาชีพและการจ้างงานคนพิการ การปรับเปลี่ยนระบบการจดทะเบียนคนพิการ ให้เป็นระบบดิจิตอล การปรับระบบ การจัดให้มี One Stop Service การปฎิรูปการดำเนินงานกองทุนคนพิการ การปรับปรุงระเบียบด้านสวัสดิการคนพิการและการช่วยเหลือคนพิการที่ไม่มีผู้ดูแลหรือมีแต่ไม่สามารถดูแลคนพิการได้  ทั้งนี้เน้นการบริหารจัดการองค์กรที่ดี และการพัฒนากำลังคนที่ทำงานด้านคนพิการทั้งระบบ 

ช่วงต่อมาผู้เชี่ยวชาญ กรม พก. คุณณัฐอร อินทร์ดีศรี บรรยายถึง กรอบแนวคิดและความคืบหน้าในการจัดทำ อันบัญญัติสวัสดิการคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ ที่ผ่านการพิจารณาจากอนุกรรมการด้านสวัสดิกราคนพิการและเตรียมนำเสนอคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติต่อไป

Session ที่ 2 ส่วนความร่วมมือภาคธุรกิจ คุณรมมุก เพียจันทร์ ผู้แทนจากกลุ่มTrue นำเสนอเรื่องการสนับสนุนการขับเคลื่อนงานกับภาคีออทิสติกไทย ทั้งสมาคมและมูลนิธิออทิสติกไทยและชุมชน เช่น การร่วมจัดงานวันออทิสติกโลก การจัดจ้างงานบุคคลออทิสติก การสนับสนุนการจัดตั้ง”ธนาคารชุมชนออทิสติก” การเปิดช่องทางการตลาดออนไลน์ การสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม การพัฒนาแอปฟลิเคชั่นและระบบการคัดกรองความต้องการจำเป็นพิเศาหรือ STS

Session ที่ 3 ด้านวิสาหกิจเพื่อสังคม ผอ.นภา เศรษฐกร  ผอ.สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม(สวส) ให้เกียรติบรรยายพิเศษ เรื่อง”การขับเคลื่อนวิสาหกิจเพื่อสังคม” ซึ่งเครือข่ายออทิสติก มีความเข้าใจและเข้มแข็งในเรื่องนี้มาก มีวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย 2 แห่ง คือ บริษัทออทิสติกไทย วิสาหกิจเพื่อสังคม ที่มี Brand Art Story by Autisticthai /Bran For All Coffee และ บริษัทเด็กพิเศษวิสาหกิจเพื่อสังคมจังหวัดพังงา มีBran ผลิตภัณฑ์ของตนเอง

Session ที่ 4 ด้านกรณีศึกษาในประเทศ กรณีตัวอย่างการจัด”ศูนย์ดำรงชีวิตอิสระคนพิการ” หรือ ศูนย์ IL คุณธีรยุทธ สุคนธวิท ประธานสภาศูนย์การดำรงชีวิตอิสระฯ ซึ่งบุกเบิกงานนี้มากว่า 20ปี ได้อธิบาย”แนวคิด ประเภทการจัดบริการ และแนวการจัดการ” ให้รับทราบ ซึ่งนับว่า ศูนย์IL มีกิจกรรมที่สนับสนุนคนพิการทางกายและการเคลื่อนไหวครบทุกมิติ ทั้งมิติสุขภาพ ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบหลักประกันสุขภาพ มิติสังคม ที่มีบริการข้อมูลข่าวสาร บริการให้คำปรึกษาฉันท์เพื่อน บริการฝึกทักษะการดำรงชีวิตอิสระ บริการผู้ช่วยคนพิการ และการพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ เช่น การประสานการรับสิทธิต่าง ๆ รวมถึงช่วงโควิด-19ก็ได้จัดความช่วยเหลือคนพิการในสังกัดหน่วยบริการด้วย

Session ที่ 5 การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ นอกจากประธานกลุ่มโซนภาคของสมาคมจะถอดบทเรียนการทำงานร่วมกัน ในประเด็นการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ ซึ่งรายละเอียดติดตามได้ในเวปไซต์ออทิสติกไทยดอทคอม

Session ที่ 6 องค์ความรู้จากต่างประเทศ มีการเชิญวิทยากรต่าง ๆ ประเทศจาก SAAC ประเทศสิงคโปร์ตามกล่าวข้างต้น เล่าถึงระบบการจัดการResidential Home Day Activity Center ทำให้กลุ่มผู้นำสมาคม สามารถนำแนวคิดมา Adopt and Adapt เพื่อนำสู่การพัฒนาระบบ”บ้านพิทักษ์สิทธิออทิสติกในประเทศไทยได้  ตัวอย่างชุดความคิด เรื่อง 10 มิติที่ควรคำนึงถึง ในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตบุคคลออทิสติก (สุขภาพ การศึกษา ที่พักอาศัย การเดินทาง ความเป็นพลเมือง เศรษฐกิจ การสร้างงาน/สร้างอาชีพ ความสัมพันธ์กับครอบครัว สันทนาการ และคุณค่าความเป็นมนุษย์ ) เป็นหลักสำคัญในการออกแบบบริการกับบุคคลออทิสติกทุกระดับ) โดยการจัดการในบ้านพิทักษ์ในสิงคโปร์ เน้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เรียกว่าKey Learning Domains ได้แก่ ทักษะการสื่อสาร ทักษะเชิงสมรรถนะ การปฎิบัติกิจวัตรประจำวัน การฝึกอาชีพขั้นพื้นฐานที่เน้น คุณค่าที่ได้ทำงาน นันทนาการ กีฬา ศิลปะ และการพัฒนาทักษะสังคมอารมณ์ ส่วนด้านการบริหารจัดการเน้น  การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชน โดยระบบของสิงคโปร์รัฐจะอุดหนุนงบประมาณให้บางส่วน และผู้ปกครองสนับสนุนบางส่วน รวมทั้งการจัดหาผู้สนับสนุนต่าง ๆ ด้วย

 

‘เทพมนตรี’ เย้ย ‘ไพบูลย์' ตรรกะตลก! ไม่กล้าดีเบตกับ ‘หมอวรงค์' อ้างไม่ใช่นักกฎหมาย

20 ก.ย. 64  เพจ "ไทยภักดี" ได้โพสต์ข้อความว่า นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระ กล่าวถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่รับคำท้าดีเบต นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เรื่องแก้รัฐธรรมนูญว่า "ท่านไพบูลย์ให้เหตุผลว่า คุณหมอไม่ใช่นักกฎหมาย ตรรกะแบบนี้มันตลก เพราะยุคสมัยนี้ไม่ควรวัดกันแค่จบอะไรมา ที่จบมาโดยตรงเป็นบ้าก็เยอะ เป็นศรีธนญชัยก็แยะ เอาเปรียบชาวบ้านเป็นอาชญากรก็ไม่น้อย ความเชี่ยวชาญมันอยู่ที่ความสนใจ การใฝ่หาความรู้ ความพากเพียร ขยันอดทน ดีกรีด็อกแด็กมีมากมายที่สู้สติปัญญาชาวนาชาวไร่ก็ยังไม่ได้

ท่านไพบูลย์ลองคิดดู หรือที่ไม่กล้ารับคำท้าเพราะกลัว ความกลัวของคนถ้าไม่ขลาดเขลาเป็นทุนเดิม ก็คงเป็นเพราะเถียงสู้ไม่ได้ หรือไม่มีความจริงใจบริสุทธิ์ใจต่อเรื่องที่เขาสงสัย 

ท่านไพบูลย์เป็นบุคคลชวนต้องสงสัยเอามาก ๆ เพราะสิ่งที่ทำมีนักกฎหมายจำนวนไม่น้อยเขาว่าไม่ถูกต้อง

ถ้าถามแบบคนมีตรรกะพื้น ๆ ขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 มาตรา แต่แก้ไปแก้มาตีความเข้าข้างตัวจนแก้ได้ 3 มาตรา แล้วนำไปโหวตจนครบวาระ 3 เสียงส่วนใหญ่ที่เป็น ส.ส.และส.ว.ไม่มีใครตั้งข้อสังเกต ไม่มีใครไม่เห็นด้วยมันแปลก เหมือนใช้พวกมากลากไป

แล้วพอหมอวรงค์ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรียื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความก่อนเพราะถ้านำขึ้นทูลเกล้าฯ เลยจะไม่งาม ท่านไพบูลย์ก็รีบออกมาบอกว่าไม่ต้อง

สิงคโปร์ส่อแวววิกฤต ติดโควิดทะลุ 1,000 คน 2 วันติด ทั้งที่ฉีดวัคซีนมากอันดับต้น ๆ ของโลก

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในประเทศสิงคโปร์ พุ่งทะลุ 1 พัน 2 วันติด ทางการจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาด หวั่นระบบสาธารณสุขตึงตัว

กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์รายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 1,012 คน แบ่งเป็น 3 คน มาจากต่างประเทศ และอีก 1,009 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ นอกจากนี้ ทางการยังพบการระบาดแบบกลุ่มก้อน หรือคลัสเตอร์ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์’ ทรงกรุณาประทานยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร แด่เรือนจำกลางเชียงใหม่ 100,000 เม็ด

วันที่ 20 กันยายน 2564 หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ทรงกรุณาให้ นางสาวชญาณิศา ฐาณิชณาณัณ กรรมการผู้จัดการบริษัท เดอะไบบูรี่ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำเชิญยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรประทาน ให้ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ เพื่อใช้ช่วยเหลือบรรเทาภัยเบื้องต้นในสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัส (โควิด-19) ที่กำลังแพร่ะบาดในเรือนจำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ในเรือนจำ ผู้ต้องขังในเรือนจำกลาง และเรือนจำในเครือข่าย โดยมี พันตำรวจตรีชัยรัตน์ กิจงาม เป็นผู้อ่านหมายหนังสือประทานยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรทุกหมู่เหล่า

นายยุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย เลขานุการในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า โดยแต่เดิม หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ทรงมีความห่วงใยต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่าเสมอมา ทรงจัดหาสิ่งของต่าง ๆ ที่พอจะช่วยเหลือ บรรเทาภัย และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้า และผู้ประสบภัยจากโรคระบาด โควิด-19 มาโดยตลอด ซึ่งตลอดช่วงเวลา 2 ปี ของการแพร่เชื้อโรคระบาดนี้ พระองค์ท่านมีรับสั่งให้คณะทำงานในส่วนพระองค์ แบ่งสายงานหาทางให้ความช่วยเหลือประชาชนทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และเขตปริมณฑล รวมทั้งต่างจังหวัดมาโดยตลอด

สปสช.วอนคนรับแจก ATK ให้ตรวจหาเชื้อทันที หลังพบข้อมูลรับไป 1.2 แสนชุด แต่ตรวจแค่ 6%

19 ก.ย. 64 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่ สปสช.ได้ดำเนินการนโยบายแจกชุดตรวจ “แอนติเจน เทสต์ คิท” (Antigen Test Kit : ATK) เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตนเอง โดยเริ่มแจกจ่าย ATK แล้วเมื่อวันที่ 16 ก.ย. เป็นวันแรก จากข้อมูลองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้แบ่งการตรวจรับ ATK เป็น 4 งวด งวดที่ 1 จำนวน 1.167 ล้านชุด ตรวจรับเรียบร้อยแล้ว และมีการกระจายไปที่ร้านยา และคลินิกชุมชนอบอุ่นใน กทม. 

รวมถึงหน่วยบริการในจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 เขตสีแดงเข้มที่จัดส่งแล้ว คือ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา สระบุรี นนทบุรี ตาก และอุตรดิตถ์เรียบร้อยแล้ว ส่วนงวดที่ 2 และงวดที่ 3 จำนวน 2.155 ล้านชุด และ 1.4 ล้านชุด ตรวจรับแล้วเสร็จแล้วเมื่อวันที่ 17 ก.ย. และจัดส่งไปยังหน่วยบริการในเขต 4, 5, 6, 11 และเขต 12 เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ส่วนงวดที่ 4 จำนวน 3.778 ล้านชุด ที่เป็นล็อตสุดท้าย จะมีการตรวจรับอีกครั้งในวันที่ 22 ก.ย. นี้ โดยจะทยอยส่งให้กับหน่วยบริการในเขต 1, 2, 3, 8, 9 และเขตที่ 10 ต่อไป 

“บิ๊กบี้” ส่งกำลังพลซ่อมบ้าน ช่อยเหลือปชช.ที่ได้รับความเดือดร้อน  

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ร.อ.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากนโยบายของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ให้ความสำคัญเรื่อง การดูแลช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีและมีความสุข ทำให้สังคมมีความเข้มแข็งปลอดภัย อันจะส่งผลดีในด้านการพัฒนาประเทศ รวมทั้งได้น้อมนำแนวพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโครงการจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ในการเป็นทหารพระราชา ร่วมดูแลสุขทุกข์ ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและเสริมปัจจัยพื้นฐานด้านการดำรงชีพให้ประชาชน ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกได้ริเริ่มโครงการ “ปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้กับผู้ยากไร้และด้อยโอกาส” ตั้งแต่ ต.ค.61 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 โดยได้มอบให้กองทัพภาคที่ 1 นำศักยภาพของหน่วยทหารช่างมาดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างให้กับประชาชน บริเวณชุมชนแออัดในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ 25 จังหวัดภาคกลาง ปัจจุบันสามารถดำเนินการซ่อมสร้างและส่งมอบเรียบร้อยแล้วรวม 297 หลังคาเรือน

ล่าสุดได้มอบให้หน่วยทหารทั่วประเทศ สนับสนุนกำลังพลจิตอาสา พร้อมสิ่งอุปกรณ์และยานพาหนะ ประสานร่วมกับส่วนราชการ ภาคเอกชนและประชาชน ในพื้นที่ต่างๆ เข้าดำเนินการสำรวจที่พักอาศัย ตลอดจนอาคารแหล่งสโมสรที่ใช้สำหรับทำกิจกรรมของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดาร ที่มีความชำรุดเสียหาย เพื่อประเมินและพิจารณาปรับปรุงซ่อมแซมให้กับประชาชนและชุมชน พร้อมมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น เสริมการดำเนินชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างกำลังใจให้ประชาชนดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสม มีที่พักอาศัยที่แข็งแรง ถูกสุขอนามัย สามารถใช้ประโยชน์ได้ รวมทั้งยังเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ด้วย 

ทบ. จัดทบทวนมาตรฐานการประกอบเลี้ยง เสริมมาตราการป้องกันโรค เพื่อคุณภาพชีวิตกำลังพลให้สุขภาพดีแข็งแรง 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ท.หญิง นุชระวี แจ่มจำรัส ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากนโยบายพลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการสิทธิและสวัสดิการของทหารกองประจำการมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้เน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วยทุกระดับดูแลความเป็นอยู่ของทหารอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินที่ต้องสะอาด, อร่อย, มีประโยชน์, ปริมาณเพียงพอและผู้บริโภคมีความพึงพอใจเพื่อสร้างขวัญกำลังใจพร้อมเสริมสร้างร่างกายให้ทหารมีความแข็งแรงและสุขภาพที่ดี

กองทัพบก โดย กรมพลาธิการทหารบกจึงได้จัดอบรมทบทวนการปฏิบัติ พร้อมเพิ่มพูนทักษะความรู้ให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ประกอบเลี้ยงจากหน่วยทหารทั่วประเทศใน “หลักสูตรนายสิบสูทกรรม” ผ่านระบบออนไลน์ในห้วงวันที่ 2 ส.ค. - 17 ก.ย. 64 ที่ผ่านมาโดยได้เชิญวิทยากรจากภายในและภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญด้านโภชนาการ การประกอบอาหาร การจัดเลี้ยงและการบริการมาถ่ายทอดความรู้ เพื่อยกระดับการเลี้ยงดูทหารให้มีคุณภาพและมาตรฐานที่ดียิ่งขึ้น โดยในหลักสูตรได้เน้นย้ำถึงมาตรการป้องกันโควิด-19 

ที่กรมควบคุมโรคกำหนด ในการรักษาความสะอาด แยกระหว่างอาหารดิบและอาหารปรุงสุก ให้ความร้อนอาหารอย่างทั่วถึง และเก็บรักษาอาหารในอุณหภูมิที่เหมาะสม ใช้น้ำและวัตถุดิบที่สะอาดและปลอดภัย รวมถึงผู้ประกอบเลี้ยงต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น หมวกคลุมผม ถุงมือ หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าระหว่างประกอบอาหารตลอดเวลา พร้อมจัดเตรียมอาหารเป็นชุดแยกจาน ช้อน ส้อม แก้วน้ำส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค นอกจากนั้นในหลักสูตรยังได้ทบทวนความรู้หลักโภชนาการในการกำหนดและคำนวณปริมาณแคลอรี่อาหารตามคู่มือหลักโภชนาการของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ทหารกองประจำการทุกนายได้ทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่และให้พลังงานที่เพียงพอในทุกมื้อโดยเฉพาะในมื้อเช้าให้เสริมอาหารพิเศษ อาทิ ไข่ น้ำเต้าหู้ นม หรือเครื่องดื่มสุขภาพ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายมีความสมบูรณ์และแข็งแรง ตลอดจนให้หน่วยจัดรายการอาหารพิเศษสัปดาห์ละหนึ่งครั้งเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพล

ทบ. รับซื้อผลผลิต ตลอดสถานการณ์โควิด  พร้อมเร่งมช่วยเหลือเกษตรกรหลังประสบภัยพายุ “โกนเซิน”

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ต.หญิง ปวีณา ศรีบัวชุม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าจากอิทธิพลจากพายุโซนร้อน”โกนเซิน” ที่ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักต่อเนื่อง บริเวณภาคเหนือ, ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 9 – 10 ก.ย. 64 และในช่วงวันที่ 11 - 15 ก.ย. 64 ร่องมรสุมได้เลื่อนพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่งผลให้ปัจจุบันยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกและภาคใต้ เกิดน้ำท่วมขังในพืชสวนไร่นา และพื้นที่การเกษตรเป็นวงกว้าง รวมทั้งในหลายจังหวัดพบความเสียหายหลังจากน้ำลด เกษตรกรหลายครัวเรือนประความเดือดร้อนเป็นอันมาก 

จากสถานการณ์ดังกล่าว กองทัพบกได้เร่งเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ตามนโยบายของ พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ในการช่วยเหลือประชาชนในทุกมิติ และเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส ทั้งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ทำให้เกิดข้อจำกัดในการขนส่งสินค้าและการจำหน่ายผลผลิตของเกษตรกร รวมทั้งข้อจำกัดในการเดินทางของผู้รับซื้อสินค้า อีกทั้ง สิ่งสำคัญที่กองทัพบกได้ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตลอดมาคือการช่วยเก็บเกี่ยวผลผลิตและรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรตาม “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือเรื่องการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรและสนับสนุนพื้นที่จำหน่ายและกระจายผลผลิตทางการเกษตร” ที่ได้จัดทำขึ้น ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งแต่ 30 มิ.ย.64

ทบ.เผยยอดดาวน์โหลดแอพฯ ‘S.M.A.R.T SOLDIERS’ กว่า 40,463 ครั้ง เตรียมพัฒนาเพิ่มฟีเจอร์เชื่อมโยงข้อมูลการออกกำลังกาย พร้อมประชาสัมพันธ์เพิ่มสิทธิประโยชน์สถานที่พัก โรงแรม และสนามกอล์ฟในกิจการ ทบ. 

พันโทหญิง พัชรินทร์ บุศยกุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น "S.M.A.R.T SOLDIERS" (กองทัพบก) เปิดให้ดาวน์โหลดเมื่อ มี.ค.64 ที่ผ่านมา เพื่อให้บริการข้อมูลข่าวสาร, ติดตามความเคลื่อนไหวในภารกิจของกองทัพบกและสาระความรู้เกี่ยวกับงานด้านความมั่นคง รวมไปถึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่กำลังพลจะสื่อสารต่อผู้บังคับบัญชาของกองทัพบก บอกเล่าเรื่องราวสะท้อนถึงปัญหาต่างๆ ตลอดจนรับเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ เพื่อนำไปสู่การตรวจสอบและแก้ไข นอกจากนี้เป็นช่องทางรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อกองทัพบก ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของกองทัพบกได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยในห้วง มี.ค.-ก.ย.64  มีกำลังพลและประชาชนทั่วไปได้ลงทะเบียนและดาวน์โหลด รวม 40,463 ครั้ง

ล่าสุด ได้เตรียมพัฒนาในระยะที่ 2 เพื่อเพิ่มคุณลักษณะของแอพพลิเคชั่นให้มีความหลากหลาย น่าสนใจ และเข้าถึงระบบข้อมูลข่าวสารต่างๆ สามารถตอบสนองความต้องการขอผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น อาทิ การเชื่อมต่อข้อมูลเกี่ยวกับการออกกำลังกายส่วนบุคคล โดยเพิ่มนาฬิกาจับเวลา, แหล่งข้อมูลการเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย, บันทึกประวัติสุขภาพย้อนหลัง รวมทั้งประชาสัมพันธ์สถานที่และลุ้นรับส่วนลดหรือสิทธิประโยชน์เพื่อเข้ารับบริการที่พัก โรงแรม หรือสนามกีฬาในกิจการของกองทัพบก ถือเป็นอีกช่องทางสร้างการรับรู้ให้กับกำลังพลและประชาชนที่สนใจ 

เฮ!! ผู้ประกันตน ม.40 ใน 16 จังหวัด ที่ขึ้นทะเบียนใหม่ รับเงินเยียวยาคนละ 5,000 ได้แล้ววันนี้ 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงการดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ในพื้นที่ 16 จังหวัดสีแดงเข้มควบคุมสูงสุด ประกอบด้วย นครราชสีมา ระยอง ราชบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ลพบุรเพชรบูรณ์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี ตาก อ่างทอง นครนายก สมุทรสงคราม และสิงห์บุรี ว่า ในวันนี้ (20 ก.ย.64) สำนักงานประกันสังคมจะโอนเงินให้กับผู้ประกันตนที่ขึ้นทะเบียนใหม่และจ่ายเงินสมทบเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ระหว่างวันที่ 4 - 24 สิงหาคม 2564 จำนวน 1.94 ล้านคน โดยจะได้รับเงินเยียวยาคนละ 5,000 บาท

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ขอเน้นให้ผู้ประกันตนที่ยังไม่ได้รับสิทธิให้รีบดำเนินการผูกพร้อมเพย์เลขบัญชีธนาคารกับบัตรประชาชน เพื่อธนาคารจะได้โอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน นอกจากนี้ ผู้ประกันตนที่ตกหล่น และอยู่ในพื้นที่ได้รับการเยียวยาแต่ไม่ได้รับเงินเยียวยา สามารถยื่นแบบทบทวนสิทธิ โดยดาวน์โหลดเอกสารแบบคำขอทบทวนสิทธิเยียวยาได้ที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th และกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนส่งมาทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึงสำนักงานประกันสังคมที่สะดวกใน 29 จังหวัดสีแดงเข้ม ได้ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 ตุลาคมนี้ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 กด 1 สำนักงานประกันสังคม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top