Tuesday, 13 May 2025
NEWS FEED

เฮ!! ผู้ประกันตน ม.40 ใน 16 จังหวัด ที่ขึ้นทะเบียนใหม่ รับเงินเยียวยาคนละ 5,000 ได้แล้ววันนี้ 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงการดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ในพื้นที่ 16 จังหวัดสีแดงเข้มควบคุมสูงสุด ประกอบด้วย นครราชสีมา ระยอง ราชบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ลพบุรเพชรบูรณ์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี ตาก อ่างทอง นครนายก สมุทรสงคราม และสิงห์บุรี ว่า ในวันนี้ (20 ก.ย.64) สำนักงานประกันสังคมจะโอนเงินให้กับผู้ประกันตนที่ขึ้นทะเบียนใหม่และจ่ายเงินสมทบเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 ระหว่างวันที่ 4 - 24 สิงหาคม 2564 จำนวน 1.94 ล้านคน โดยจะได้รับเงินเยียวยาคนละ 5,000 บาท

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ขอเน้นให้ผู้ประกันตนที่ยังไม่ได้รับสิทธิให้รีบดำเนินการผูกพร้อมเพย์เลขบัญชีธนาคารกับบัตรประชาชน เพื่อธนาคารจะได้โอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน นอกจากนี้ ผู้ประกันตนที่ตกหล่น และอยู่ในพื้นที่ได้รับการเยียวยาแต่ไม่ได้รับเงินเยียวยา สามารถยื่นแบบทบทวนสิทธิ โดยดาวน์โหลดเอกสารแบบคำขอทบทวนสิทธิเยียวยาได้ที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th และกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนส่งมาทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึงสำนักงานประกันสังคมที่สะดวกใน 29 จังหวัดสีแดงเข้ม ได้ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 ตุลาคมนี้ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 กด 1 สำนักงานประกันสังคม

'ดร.สันต์' เผยบทสรุปข่าวดี 'วัคซีน' ช่วง 2 ปี 4 Waves ข่าวร้ายคนต้านวัคซีน เชื่อ Wave5 มาแน่

Covid-19: บทสรุป 2 ปี 4 Waves ใน อังกฤษ ยุโรป อเมริกา อิสราเอล ข่าวดีของวัคซีนฝรั่ง ข่าวร้ายของคนที่ต่อต้านการฉีดวัคซีน และมองไทยไปข้างหน้า Wave#5 ที่เราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอ แต่จะเจอแบบไหน

หลังจากการระบาดมาหลาย Wave และปิดท้ายด้วย Wave ขนาดใหญ่ของ Delta ในอังกฤษ ยุโรป อเมริกา และอิสราเอล ซึ่งผ่านมาพักใหญ่ทำให้เราได้ข้อมูลสำคัญหลายอย่างเกี่ยวกับความสามารถของวัคซีนในภาวะการระบาดใหญ่ที่เนื่องจากการเปิดเศรษฐกิจเต็มที่ ซึ่งผมทำสรุปมาเป็นตารางให้ตามรูป 

จากตัวเลข ผมคิดว่าเรามีข่าวดีหลายประการ รวมทั้งข่าวร้ายด้วยครับ 

ข่าวดี:
1.) วัคซีนฝรั่ง AZ, Moderna, Pfizer ประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดในภาวะเปิดเมือง ที่ระดับการฉีด Fully Vaccinated 70% โดยเกิด Wave ขนาดใหญ่ขึ้นจริง แต่อัตราการติดเชื้อใหม่เข้าสู่ Saturation ไม่ไปต่อแบบ Exponential โดยไม่ต้อง Lockdown เช่นใน UK การระบาดอิ่มตัวที่ 30,000 เคสต่อวัน และชีวิตเดินหน้าต่อได้ 

2.) อัตราการเสียชีวิตใน ยุโรป อเมริกา อิสราเอล โดยเฉลี่ยลดลงอย่างมากเมื่อมีวัคซีน สถิติโดยเฉลี่ยของแต่ละ Wave 
- Wave#1 อัตราการเสียชีวิต 9.97%
- Wave#2 อัตราการเสียชีวิต 1.78%
- Wave#3 อัตราการเสียชีวิต 1.53%
- Wave#4 อัตราการเสียชีวิต 0.48% หรือลดลงเหลือ 1 ใน 3 ของ Wave ก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากวัคซีน

3.) ขนาดของ Wave Delta ภายใต้วัคซีนมีแนวโน้มเล็กลงกว่า Wave ก่อนหน้าโดยสามารถเปิดเมืองได้ค่อนข้างเต็มที่ แนวโน้มขนาด Amplitude ของ Wave ลดเหลือประมาณ 1 ใน 2 ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตเฉลี่ยรายวันลดลงเหลือประมาณ 1 ใน 6 เมื่อเทียบกับ Wave ก่อนหน้า ทั้งที่จริง ๆ แล้ว Wave ก่อนเป็นของสายพันธุ์เก่าที่ไม่เก่งเท่า Delta ด้วย 

4.) การติดเชื้อและเสียชีวิตใน Wave ล่าสุดจำนวนมากกว่า 90% เกิดในผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน จากงานศึกษาใน USA "Almost all (more than 9 in 10) COVID-19 cases, hospitalizations, and deaths have occurred among people who are unvaccinated or not yet fully vaccinated"

5.) อัตราการเสียชีวิตในผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ตัวเลขยังไม่ชัดเจน แต่มีความหวังว่าแนวโน้มอาจต่ำกว่าระดับ 0.1% ซึ่งก็คือระดับเดียวกับไข้หวัดใหญ่ทั่วไป 

6.) ข่าวดีของเด็ก ๆ UAE เพิ่งอนุมัติ Sinopharm สำหรับเด็ก 3-17 ปี และใน USA Pfizer กำลังจะยื่นขออนุมัติการใช้ในเด็ก 6 เดือน ถึง 5 ปี พ.ย.นี้

7.) ประเทศไทยเรา เปลี่ยนแผนมาใช้วัคซีน AZ, Moderna, Pfizer เป็นหลักในการต่อสู้ให้จบสงครามนี้แล้ว และ Sinopharm สำหรับเด็กก็อยู่ในแผน

'ได๋'​ โพสต์​ภาพรวมผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาดีขึ้นมาก แต่ปัญหายังมี 'เราต้องรอด'​ ยังเดินต่อเต็มที่

ไม่นานมานี้​ 'ได๋-ไดอาน่า​ จงจินตนาการ'​ ผู้ร่วมก่อตั้งเฟซบุ๊กเพจ​ 'เราต้องรอด'​ ได้โพสต์ข้อความ​ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

ตอนนี้สถานการณ์โควิด ดีขึ้นมั้ย? 

ดีขึ้นมากค่ะ เพราะระบบจัดการดีขึ้น

ผู้ติดเชื้อที่มีบัตรปชช. หรือต่างด้าวที่มีประกันสังคม สามารถเข้ารับการรักษาได้เเทบจะทันที

ปริมาณเตียงก็ไม่แน่นเท่าก่อนหน้านี้

เราสามารถ REFER ผู้ป่วยได้มากขึ้น

แต่ปัญหาใหญ่ ๆ​ อีกหนึ่งอย่าง คือ...

- แรงงานต่างด้าวที่ไม่อยู่ในระบบ

- บุคคลที่ตกสำรวจ ไม่มีเอกสารใด ๆ ในการยืนยันตัวตน

- ผู้สูงอายุที่อายุมากเกินกว่าที่ HOSPITEL จะรับ
ผู้พิการที่ไม่ได้ทำบัตรผู้พิการ

- เด็กอ่อน หรือเด็กเล็กที่ไม่สามารถเข้า HOSPITEL ได้เพียงลำพัง

ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่เรายังคงมุ่งมั่นเปิดศูนย์พักคอย 4 แห่ง

✅ ศูนย์พักคอยเราต้องรอด เขตประเวศ ตอนนี้เหมือนศูนย์ AEC เรารับต่างด้าวเข้ามาจนตอนนี้ต้องทำป้ายและเอกสารให้ครบทุกภาษา

✅ ศูนย์พักคอยตันปัน เขตห้วยขวาง มองผิวเผินเหมือน NURSING HOME เพราะมีแต่ผู้ป่วยสูงอายุบ้างติดเตียงบ้างนอนเรียง ๆ​ กัน ช่วงแรก ๆ​ ที่เปิดเรายังโชคดีเพราะมีผู้ป่วยวัยรุ่น หรือ วัยที่ติดเชื้อแล้วไม่หนักมาช่วยเป็นโควิดจิตอาสา ตอนนี้ทีมงานก็พยายามช่วยกันเต็มที่เท่าที่จะทำได้

✅ ศูนย์พักคอยเราต้องรอด เขตคันนายาว ที่นี่เหมือนทุกคนมากันเป็นครอบครัว แต่ความจริงแล้ว คุณตาคุณยาย ลุง ๆ ป้า ๆ แยกกันมา เด็กที่ติดเชื้อก็มากันคนเดียวบ้าง มากับเพื่อนที่ติดด้วยกันบ้าง น้องเล็กสุดที่เคยมาคนเดียวคือสามเดือน แต่ทุกคนก็ช่วยกันดูแลกันและกัน จนเหมือนเป็นครอบครัวใหญ่ 

และสุดท้าย ✅ ศูนย์พักคอยเราต้องรอด เขตบางขุนเทียน กำลังอยู่ในระหว่างการอนุมัติจากสำนักการแพทย์ เห็นว่าจะให้เป็น รพ. สนามเพื่อเตรียมรับมือหากเกิดระลอกต่อไป...

"คุณสมบัติ" ประธานกลุ่มอินเตอร์ลิ้งค์ฯ แชร์ประสบการณ์ How to managed Cabling & Networking for Hospital นำวิทยากรเจาะลึกระบบสายสัญญาณ และอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค แก่กลุ่มโรงพยาบาลกว่า 100 หน่วยงาน

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกลุ่ม อินเตอร์ลิ้งค์ฯ มาแชร์ประสบการณ์ How to managed Cabling & Networking for Hospital พร้อมนำทีมวิทยากรชั้นนำมาเจาะลึกรายละเอียดการออกแบบระบบสายสัญญาณ และอุปกรณ์เน็ตเวิร์คในโรงพยาบาลโดยเฉพาะ ให้กับผู้บริหารหน่วยงานไอที กลุ่มโรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 100 หน่วยงาน

อาทิ โรงพยาบาลศิริราช, รามาธิบดี, พญาไท, จุฬาลงกรณ์, สนง.สาธารณสุขจังหวัดกระบี่, เชียงใหม่ราม, กรุงเทพ อุดรฯ, หัวหิน ฯลฯ เพื่อให้กลุ่มลูกค้าสามารถนำเทคโนโลยีมาเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนามในการขับเคลื่อนประเทศในสถานการณ์ช่วงนี้ให้ดียิ่งขึ้น

???? LIVE จากสนง.ใหญ่ อินเตอร์ลิ้งค์ กรุงเทพฯ

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานผ้าไตร โครงการเทศน์มหาชาติ ให้ผู้ว่าแปดริ้ว ถวายแด่วัดโพนงาม

ในโอกาสที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานผ้าไตร โครงการเทศน์มหาชาติ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ วันที่ 2 เมษายน 2564

โดยนายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ประธานในพิธีเทศน์มหาชาติ ได้ถวายผ้าไตรพระราชทาน แด่พระปัญญาวิสุทธิโมลี (ธ) รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพนงาม ประธานสงฆ์ในพิธีแสดงพระธรรมเทศนาฯ ซึ่งจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 17 กันยายน 2564 เวลา 10.00 น. ณ ศาลาค่ายพุทธบุตร วัดโพนงาม ตำบลคู้ยายหมี อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีนายธนกฤต ฉันทะจรัสศิลป์ นาย อำเภอสนามชัยเขต นายไชยสิทธิ์ ไพบูลย์ นางวรรณชุรีย์ เกิดมงคล คณะผู้บริหาร ครู ผู้แทนผู้ปกครอง นักเรียน คณะสมาคมกลุ่มโรงเรียนค่ายพุทธบุตร (จังหวัดฉะเชิงเทรา และชลบุรี) เจ้าภาพก้ณฑ์เทศน์ ข้าราชการ และประชาชน ได้เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้

นายไชยสิทธิ์ ไพบูลย์ ผู้อำนวยการ คณะผู้บริหาร ครูที่จะเกษียณอายุราชการของโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัยฉะเชิงเทรา ร่วมกับวัดโพนงาม ได้จัดโครงการนี้ขึ้น เพื่อให้คณะผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง นักเรียนและประชาชน ได้มีโอกาสฟังพระธรรมเทศนา รักษาประเพณีอันดีงาม การเทศน์มหาชาติเป็นการระลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า สามารถนำหลักธรรมไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตในสังคมอย่างมีความสุขช่วยส่งเสริมให้เป็นบุตรที่ดีของพ่อแม่ ผู้ปกครอง เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นสาวกที่ดีของพระพุทธศาสนา และเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สืบต่อไป

ทั้งนี้ วัดโพนงาม และคณะผู้จัดโครงการ ตลอดจนประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ได้น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยจะได้นำเงินที่ได้จากการทำบุญจากคณะเจ้าภาพกัณฑ์เทศน์ทั้ง 13 กัณฑ์ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยเสด็จพระราชกุศล สมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดี จัดตั้งกองทุนพระอาพาธวัดโพนงาม และสนับสนุนทุนการศึกษาแก่โรงเรียนตำรวจตระเวณชายแดน ในโอกาสอันควร ต่อไป

พม. เดินหน้าจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ผสานภาคีเครือข่ายเร่งป้องกัน และแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว

17 กันยายน 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว โดยมี นางจินตนา จันทร์บำรุง 
อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวรายงาน วัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกับภาคีเครือข่ายที่มุ่งเน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วม และบูรณาการกันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขยายการดำเนินงานให้ครอบคลุมการช่วยเหลือและคุ้มครองสิทธิไปยังกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ให้มากยิ่งขึ้น

โดยมีหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เข้าร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงฯ จำนวนทั้งสิ้น 27 หน่วยงาน ประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐ จำนวน 16 หน่วยงาน และองค์กรพัฒนาเอกชน จำนวน 11 หน่วยงาน


​นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ที่มีสาเหตุปัจจัยจากปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นับวันจะทวีความรุนแรงและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบและเชื่อมโยงไปสู่ปัญหาสังคมอื่น ๆ อีกหลายประการ สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะทางสังคมที่ไม่เท่าเทียมกันหรือมีความไม่เสมอภาคระหว่างเพศ ที่มาจากความคิด ความเชื่อของคนในสังคม ค่านิยม หรือวัฒนธรรมประเพณี ทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำทั้งทางร่างกาย และจิตใจ อีกทั้ง ยังส่งผลต่อชุมชน และสังคมโดยรวม

รัฐบาลได้มอบหมายให้ พม. ดำเนินงานเชิงรุกที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการป้องกัน และแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัวทุกรูปแบบ จึงนำมาซึ่งความร่วมมือกันในวันนี้ เพราะ พม.ไม่สามารถขับเคลื่อนงานเพียงหน่วยงานเดียวได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน หลายสาขาวิชาชีพ เพื่อดำเนินงานคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงที่มีความซับซ้อน ได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น


​นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวต่ออีกว่า การผสานความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรพัฒนาเอกชน ทั้ง 27 หน่วยงานในวันนี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง พม. กับ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม กรุงเทพมหานคร สำนักงานอัยการสูงสุด ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก มูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นส่วนสำคัญในการระดมสรรพกำลังและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ทั้งในเชิงเฝ้าระวัง ป้องกัน แก้ไขปัญหา ช่วยเหลือ และคุ้มครอง รวมทั้งดำเนินกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองสถานการณ์ และความต้องการของผู้ประสบปัญหาได้มากยิ่งขึ้น

หลวงพ่อสุริยันต์ โฆสปัญโญ วัดป่าวังน้ำเย็นจัดสร้างเหรียญรุ่นรับเสด็จ 'มนต์พระกาฬ'​ เนื่องในงานหล่อพระประจำองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์

หลวงพ่อสุริยันต์ โฆสปัญโญ วัดป่าวังน้ำเย็น อ.เมือง จ.มหาสารคาม จัดสร้างเหรียญรุ่นรับเสด็จ “มนต์พระกาฬ” เนื่องในงานหล่อพระประจำองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ที่วัดหัวดอน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ในวันที่ 15 เดือนสิงหาคม 2564

วัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้ ถวายวัดหัวดอนจัดสร้างองค์พระธาตุ ณ วัดหัวดอน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ที่กำลังเริ่มก่อสร้าง ทางวัดหัวดอน นำโดย พระอาจารย์แก้ว ฐิตสีโล เจ้าอาวาสวัดหัวดอน ได้ขอความเมตตาจากองค์หลวงพ่อสุริยันต์ โฆสปัญโญ วัดป่าวังน้ำเย็น อ.เมือง จ.มหาสารคาม จัดสร้างเหรียญ รุ่นรับเสด็จ “มนต์พระกาฬ” เพื่อจะนำปัจจัยในการบูชาวัตถุมงคล มาจัดทำตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว ในการนี้จึงขอสร้างเหรียญเนื้อต่างๆ​ ดังนี้...

1.เนื้อทองคำลงยา 9 เหรียญ

2.เนื้อทองคำ สร้าง 19 เหรียญ

3.เนื้อทองคำหลังเรียบ สร้าง 1 เหรียญ

4.เนื้อเงินหน้ากากทองคำ สร้าง 19 เหรียญ

5.เนื้อเงินลงยาสีเขียว สร้าง 29 เหรียญ

6.เนื้อเงินลงยาสีน้ำเงิน สร้าง 29 เหรียญ

7.เนื้อเงินลงยาสีแดง สร้าง 29 เหรียญ

8.เนื้อเงิน สร้าง 83 เหรียญ

9.เนื้อนวะโลหะหน้ากากเงิน สร้าง 600 องค์

10.เนื้อนวะโลหะ สร้าง 400 เหรียญ

11.เนื้ออันปาก้า สร้าง 3,000 เหรียญ

12.เนื้อทองเหลือง สร้าง 10,000 เหรียญ

13.เนื้อทองแดงผิวไฟ สร้าง 20,000 เหรียญ

14.เนื้อสามกษัตริย์ สร้าง 10 เหรียญ

15.เนื้อชนวนหน้ากากทองทิพย์ สร้าง 2,900 เหรียญ รวมจำนวนจัดสร้างทั้งหมด 37,128 เหรียญ

ประชุมส่งท้าย…!!! “ผบ.ทสส.” ประชุม ผบ.เหล่าทัพ ร่วม ผบ.เหล่าทัพ -ผบ.ตร. ครบ ส่งท้ายผบ.ทร.-ผบ.ทอ. ที่เกษียณ ปช.สรุปผลงาน 1 ปี 4เหล่าทัพ 

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.เฉลิมพลศรีสวัสดิ์  ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ  โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม สำหรับการประชุมในวันนี้  เป็นการสรุปผลการปฏิบัติงานที่สำคัญของกองทัพไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

การประชุมด้านการพิทักษ์รักษาและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญยิ่ง โดยการถวายความปลอดภัยการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติต่างๆการสนับสนุนการดำเนินงานตามโครงการพระราชดำริ  ซึ่งกองทัพไทยและกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนรับผิดชอบรวม 170 โครงการการน้อมนำและส่งเสริมหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกำลังพลและประชาชน อาทิ  งานเกษตรผสมผสานตามแนวทางพระราชทานเศรษฐกิจพอเพียงของกองบัญชาการกองทัพไทย โครงการทหารพันธุ์ดี "ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย" ของกองทัพบก 

โครงการศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ โคกหนอง นา ของกองทัพเรือ สวนการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงของกองทัพอากาศ และโครงการตำรวจพันธุ์ดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ตลอดจนได้จัดการประกวดผลงานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง  รวมถึงได้สนับสนุนการจัดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน  อาทิโครงการจิตอาสาพัฒนาโดยการขุดลอกคูคลองเก็บขยะ  และพัฒนาภูมิทัศน์ ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ  โครงการจิตอาสาภัยพิบัติซึ่งได้เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศนอกจากนี้ ยังได้จัดโครงการกองทัพไทยร้อยรวมใจสู้ภัยโควิดบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา  ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณโลหิตสะสมกว่า 48 ล้านมิลลิลิตร

สำหรับการป้องกันประเทศกองทัพไทยได้จัดและวางกำลังป้องกันชายแดน รวมทั้งบูรณาการปฏิบัติงานร่วมกับตำรวจตระเวนชายแดนอย่างประสานสอดคล้องในการปกป้องอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติ  ทั้งทางบก ทางทะเล  และทางอากาศ มีศูนย์บัญชาการทางทหารทำหน้าที่อำนวยการ ควบคุมและกำกับดูแลโดยมุ่งให้เกิดความสงบสุข  และพัฒนาร่วมกันลดปัญหาอาชญากรรมตามแนวชายแดน ทั้งยังช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนตามแนวชายแดน   อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การพึ่งพาตนเองในอนาคต

ด้านการรักษาความมั่นคงของรัฐ  ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนรัฐบาล  ในการแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19  โดยกองทัพไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกันปฏิบัติงานภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินความมั่นคง มีการดำเนินการที่สำคัญ อาทิ

- การป้องกันและสกัดกั้นการแพร่ระบาดจากภายนอกประเทศ  ด้วยการสนับสนุนการคัดกรองเลือกผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร  ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ  รวมถึงการสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ฯลฯ

- การป้องกันการแพร่ระบาดภายในประเทศ  ด้วยการใช้มาตรการป้องกันโรค  ชะลอการเดินทางของประชาชนโดยไม่มีเหตุจำเป็น  งดการประชุมกลุ่มทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ฯลฯ

- การสนับสนุนด้านการแพทย์และสาธารณสุข  โดยการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด  การสนับสนุนเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อกลับภูมิลำเนา   การสนับสนุนการตรวจหาเชื้อเชิงรุกฯลฯ

- การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน  ด้วยการจัดตั้งจุดบริการประชาชน แจกจ่ายถุงยังชีพ  สิ่งของอุปโภคบริโภค  การจัดรถครัวสนาม

สรรพสามิต จับของหนีภาษีเพียบ 2 หมื่นคดี ยอดทะลุ 546 ล้าน

นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมฯ ได้จัดทำแผนเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตโดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจจากสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม และเจ้าหน้าที่สรรพสามิต พื้นที่ทั่วประเทศพร้อมสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าอาจมีการกระทำผิด เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และ ความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต และเพื่อเป็นมาตรการเสริมทางอ้อมในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคให้บริโภคสินค้าที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน

สำหรับผลการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตทั่วประเทศ ปีงบประมาณ 2564 ระหว่างวันที่ 10 – 16 ก.ย. 2564 พบว่ามีการกระทำผิด จำนวน 537 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 10.03 ล้านบาท โดยแยกเป็น สุรา จำนวน 293 คดี ค่าปรับ 2.20 ล้านบาท ยาสูบ จำนวน 148 คดี ค่าปรับ 3.09 ล้านบาท ไพ่ จำนวน 8 คดี ค่าปรับ 0.06 ล้านบาท น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จำนวน 26 คดี ค่าปรับ 2.83 ล้านบาท น้ำหอม จำนวน 2 คดี ค่าปรับ 0.06 ล้านบาท รถจักรยานยนต์ จำนวน 45 คดี ค่าปรับ 0.87 ล้านบาท และสินค้าอื่น ๆ จำนวน 15 คดี ค่าปรับ 0.92 ล้านบาท โดยมีของกลางแยกเป็นน้ำสุรา จำนวน 755.990 ลิตร ยาสูบ จำนวน 37,603 ซอง ไพ่ จำนวน 262 สำรับ น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จำนวน 80,110.000 ลิตร น้ำหอม จำนวน 42 ขวด รถจักรยานยนต์ จำนวน 47 คัน

ปตท. ผุดนวัตกรรม ช่วยบุคลากรแพทย์ดูแลประชาชน ลุยใช้แบ่งเบาภาระในโรงพยาบาลสนาม End-to-End

“ปตท.” นำความรู้ลุยพัฒนานวัตกรรม ต่อยอดใช้ในโครงการ End-to-End หวังช่วยแบ่งเบาภาระบุคลากรทางการแพทย์ เยียวยาประชาชนจากผลกระทบโควิด-19 โชว์ศักยภาพผุดชุดตรวจเชื้อไวรัสคุณสมบัติพิเศษ เสื้อกาวน์พลาสติกป้องกันการติดเชื้อ และร่วมบริษัทในเครือสนับสนุนเทคโนโลยีหุ่นยนต์

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงระบาดอย่างต่อเนื่องและรุนแรง กลุ่ม ปตท. จึงนำความรู้ความสามารถมาคิดค้นนวัตกรรม ผลิตอุปกรณ์ และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ และนำมาใช้ภายใต้หน่วยคัดกรองและโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) กลุ่ม ปตท. ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อคัดแยกและเยียวยาประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง

“ถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ต้องร่วมช่วยเพิ่มศักยภาพให้ระบบสาธารณสุข เพื่อให้มีขีดความสามารถในการดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างเพียงพอและทั่วถึงมากขึ้น กลุ่ม ปตท. จึงได้ใช้ความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม ในการคิดค้นอุปกรณ์และวัสดุเพื่อช่วยเหลือการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์มาใช้ในโครงการ End-to-End นี้” นายอรรถพล กล่าว

ซึ่งนวัตกรรมสำคัญที่ได้นำมาใช้ในหน่วยคัดกรองดังกล่าว ได้แก่ ชุดตรวจ Abbott’s COVID-19 Antigen Test Device ที่เป็นชุดตรวจเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก WHO EUL (Emergency Use List) โดยชุดตรวจนี้เป็นระบบ Close system และ Single Flow ป้องกันการปนเปื้อน หรือการฟุ้งกระจาย และมีสาร inactive ของเชื้อโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถแพร่กระจายได้ สามารถใช้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ทุกสายพันธุ์ และสามารถตรวจหาได้ที่ความเข้มข้นของเชื้อต่ำ ที่ค่า CT (Cycle threshold) เท่ากับ 33

รวมถึงการใช้นวัตกรรมเครื่องต้นแบบบำบัด PM2.5 และเชื้อโรคในอากาศ ที่ทีมวิจัยของ ปตท. โดยฝ่ายวิจัยเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม สถาบันนวัตกรรม ได้คิดค้นวิจัยและพัฒนาขึ้น โดยเครื่องดังกล่าวเป็นเทคโนโลยีแบบผสม (Hybrid System) ประกอบด้วย เทคโนโลยีการปล่อยไอออนประจุไฟฟ้า (Ionization) ร่วมกับเทคโนโลยีออกซิเดชันขั้นสูง (AOPs) ที่เกิดขึ้นอยู่ภายในระบบเดียวกัน โดยสามารถบำบัดได้ทั้ง PM2.5 และเชื้อโรคที่ปนเปื้อนอยู่ในอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีการติดตั้งและใช้จริงแล้วภายในพื้นที่ดำเนินโครงการ End-to-End และโรงพยาบาลสนามสีแดง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top