Tuesday, 25 March 2025
NEWS FEED

เปิดภาพเทียบ เกาะหายเกือบทั้งเกาะ หลังภูเขาไฟใต้ทะเลระเบิด สึนามิซัดตองกา

18 มกราคม : สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ห้องปฏิบัติการข่าวสารดาวเทียมสำนักข่าวซินหัวของทางการจีน เผยแพร่ภาพถ่ายจากดาวเทียมต่างช่วงเวลา ซึ่งแสดงการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ของเกาะฮังกา-ฮายาไป (Hunga Ha’apai island) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงนูกูอาโลฟา เมืองหลวงของตองกา ไปทางเหนือราว 65 กิโลเมตร ซึ่งเผยให้เห็นว่าพื้นที่บางส่วนของเกาะฮังกา-ฮายาไป สูญหายหลังเกิดเหตุภูเขาไฟใต้ทะเลปะทุรุนแรง

ขณะที่เดียวกัน กระทรวงกลาโหมนิวซีแลนด์ได้เผยแพร่ภาพถ่ายสภาพเกาะหลักของตองกา หลังจากเกิดเหตุภูเขาไฟใต้ทะเลที่อยู่ใกล้เคียงปะทุอย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 14 และ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยชุดภาพนี้บันทึกโดยเครื่องบินโอไรออน (Orion) ของกองทัพอากาศนิวซีแลนด์

'จักรภพ เพ็ญแข' แชร์ 6 ประสบการณ์ติดโควิด วางแผนไว้ว่าถ้าจู่ๆ ตายไปจะฝากอะไรไว้ให้ใครบ้าง 

18 ม.ค. 65 - นายจักรภพ เพ็ญแข ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง โพสต์เฟซบุ๊ก อัปเดตการป่วยโควิด-19 ของตนเองว่า ส่งข่าวพี่น้องที่รักว่า ผลการตรวจ PCR ล่าสุดของผมออกมาเป็น “ลบ” หรือ “negative” แล้วครับ หมดเชื้อ ทำให้สบายใจขึ้นเยอะ แต่สิ่งที่ต้องทำต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งคือ การป้องกันตัวเองด้วยวัคซีนเพิ่ม (เมื่อถึงเวลา) การสวมหน้ากาก การหมั่นฆ่าเชื้อ และการปรับกิจกรรมในชีวิตให้เสี่ยงน้อยลง เช่น เลี่ยงการรวมกลุ่มที่ไม่จำเป็น เป็นต้น เพราะเชื้อโรคยังทำงานวิวัฒนาการของมันอยู่ เป็นวอร์รูมที่ยังวางแผนรบ ปรับยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีต่อไปเรื่อยๆ เพื่อหาทางเอาชนะเผ่าพันธุ์มนุษย์ เรายังประมาทและปล่อยการ์ดตกไม่ได้

อยากขอแชร์บทเรียนหลัก ๆ จากคราวนี้เพิ่มเติมครับ เพราะใจผมอยากให้เกิดประโยชน์กับท่านจากทุก ๆ กรรมที่เกิดขึ้นกับตัวผม บางประเด็นก็อาจจะรู้กันแล้ว แต่นี่คือประสบการณ์ขั้นปฐมภูมิ ได้รับมาด้วยตัวเอง ไม่ได้ฟังใครต่อมา ก็น่าจะช่วยอะไรในเผ่าพันธุ์ของเราได้บ้างจากความสดของประสบการณ์

1.) ถ้าพลาดพลั้งเกิดติดขึ้นมา (ซึ่งขอภาวนาอย่าให้ท่านโดนเลย) อย่าตกใจ คุมสติให้ได้ก่อน คิดถึงสถานที่ที่ตัวเองจะแยกอยู่คนเดียวได้และมีคนดูแล หรือไม่มีคนดูแลก็เป็นที่ที่ออกมาทำอาหารหรือกิจกรรมต่าง ๆ ได้เองโดยไม่ต้องเสี่ยงแพร่เชื้อให้ใคร การไม่แพร่เชื้อให้คนอื่นก็เรื่องหนึ่ง ตัวเองก็ต้องระวังไม่ให้รับเชื้อเพิ่มด้วย สถานที่ที่ลงตัวในการกักตัวเองจึงเป็นเรื่องแรกที่ต้องคิด

2.) เวลาที่หมดเชื้อสำหรับผม ไม่ใช่แค่ 10 วัน แต่รวมแล้วเป็น 15 วัน (14 หรือ 15 ก็ได้) ผมจึงแนะนำว่าอดทนกักตัวเองให้ได้นานถึง 14 วันเถอะครับ ยิ่งค่าตรวจ PCR แพงอย่างในเมืองไทย การตรวจบ่อยก็ยิ่งทำให้เสียเงินมาก ตอนนี้ยิ่งต้องระวังทุกบาททุกสตางค์กันอยู่ ผมจึงแนะนำให้อึดยาวไปเลย 2 อาทิตย์จึงค่อยตรวจใหม่

3.) เรื่องสำคัญระหว่างกักตัวคือ ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อลดอาการของโรค โรคนี้จะทำให้เราจับไข้ หรือครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดหัว เจ็บคอหรือคันคอ บางทีมีท้องเสีย อ่อนเพลีย ตั้งสมาธิไม่ค่อยได้ เราจึงต้องทำหลายสิ่งหลายอย่างพร้อมกัน แต่ผมแนะนำได้เฉพาะในสิ่งที่ผมทำ จะสอดคล้องกับตัวท่านหรือไม่ขอให้พิจารณาอย่างแยบคายก่อน ผมกินอาหารทุกอย่างที่เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย โดยเฉพาะขิงสด มะนาวสด น้ำผึ้ง ลดอาหารที่กระแทกตัวเราเพิ่มขึ้น เช่น ของมัน ของเย็น ๆ อาหารที่ย่อยยาก เป็นต้น ผมลดกินแป้งและเนื้อสัตว์ กินผักผลไม้มากขึ้น บางมื้อกินแต่ผลไม้อย่างเดียวเหมือนโยคีก็มี เลิกกินไอศกรีมของโปรด ดื่มของร้อน ๆ เป็นประจำ (แต่ผมซึ่งไม่ค่อยได้ดื่มชา ก็ดื่มจนเกิดท้องผูก ทำให้เกิดภาวะทั้งท้องเสียและท้องผูกสลับกันไป ใครไม่คุ้นก็พึงระวัง) น้ำร้อนใส่น้ำมะนาวและเกลือก็ดีมาก ต้นทุนถูกและดื่มได้เรื่อย ๆ หลักการใหญ่คือช่วยร่างกายทำลายเชื้อโรคด้วยการเพิ่มภูมิให้กับร่างกายอย่างตั้งใจและต่อเนื่อง

4.) เรื่องยา ผมกินยา 2-3 อย่าง อย่างที่เล่าไปในครั้งก่อน ๆ กินยาจีนเหลียนหัวจากท่านนายกทักษิณ กินยาฝรั่ง Amoxil ที่หมอท้องถิ่นให้ไปซื้อ และบางวันก็กินแอสไพริน ทั้งหมดนี้ไม่ได้มาโฆษณาให้ยาไหน แต่ต้องการจะแนะนำท่านว่า ยังไม่มียาเฉพาะตัวสำหรับโรคนี้ เราจึงต้องกินแบบเก็บเล็กผสมน้อยไปพลางก่อน โดยสังเกตตัวเองอย่างใกล้ชิดเหมือนทำงานวิจัย ว่าอะไรได้ผลและไม่ได้ผลกับตัวเอง เรื่องนี้ยังไม่มีเทวดาที่ไหนมาให้คำตอบที่สมบูรณ์แบบกับเราได้

‘ตำรวจ’ ร่วมกับ ‘วิริยะประกันภัย’ และ ‘มูลนิธิเมาไม่ขับ’ มอบเงินรางวัล โครงการ “7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น” ให้เจ้าของคลิป รางวัลละ 10,000 บาท และแถลงผลการจับกุมรถที่มีควันดำเกินกฎหมายกำหนดในพื้นที่ กทม.

วันนี้ (18 ม.ค. 65) เวลา 10.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.เชษฐา  โกมลวรรธนะ จตร.(หน.จต.)/หัวหน้าคณะทำงาน งานตรวจสอบติดตามประเมินผล ศจร.ตร. พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผบช.ศ./หัวหน้าคณะทำงาน งานพัฒนามาตรฐานระบบงานจราจร ศจร.ตร. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พร้อมด้วย คุณกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาด บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ  ผู้แทนสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์  สวพ.91 และสถานีวิทยุ จส.100  ร่วมแถลงผลการพิจารณามอบรางวัลและเกียรติบัตรในโครงการอาสาตาจราจร “7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น” ให้แก่เจ้าของคลิปวีดีโอที่ได้รับคัดเลือกจำนวน 7 คลิป  

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีประชาชนได้ส่งคลิปวีดีโอเข้าร่วมโครงการ“7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น”  ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของโครงการดังกล่าว คือ ให้ประชาชนทุกคนร่วมเป็นอาสาตาจราจร ประชาชนสามารถส่งข้อมูลพยานหลักฐานเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือ การกระทำความผิดบนท้องถนนต่าง ๆ ผ่านทางกล้องหน้ารถ หรือโทรศัพท์มือถือ โดยสามารถส่งคลิปวีดีโอผ่านช่องทางมูลนิธิเมาไม่ขับ ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร.  จส.100 และ สวพ.91ในช่วง 7 วันของการควบคุมเข้มข้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 จำนวนกว่า 30 คลิป  ซึ่งมูลนิธิเมาไม่ขับได้เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกคลิปวิดีโอโดยมีหลักเกณฑ์การคัดเลือก คือ  

1) กรณีการกระทำผิดกฎจราจรสำคัญ - เป็นคลิปวิดีโอที่สามารถช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี หรือเป็นข้อมูลให้เข้มงวดกวดขันจับกุมการกระทำผิด หรือเป็นตัวอย่างอุทาหรณ์ไม่ให้ประชาชนทำผิดกฎหมาย

2) คดีอุบัติเหตุจราจร – เป็นคลิปที่สามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในทางคดีให้กับพนักงานสอบสวน

เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด สามารถชี้ตัวคู่กรณีฝ่ายที่กระทำผิดได้   

ซึ่งผลการพิจารณาของมูลนิธิเมาไม่ขับ มีคลิปวิดีโอที่ได้รับรางวัลจำนวน 7 คลิป ดังนี้ 

(1) คลิปกล้องหน้ารถ - รถฟอร์จูนเนอร์ ชนรถหลายคันและขับหลบหนี /สน.พหลโยธิน

(2) คลิปโทรศัพท์มือถือ - ผู้ขับขี่มีอาการเมาสุรา ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ /สภ.คูคต

 (3) คลิปกล้องหน้ารถ - อุบัติเหตุรถกระบะเฉี่ยวชน รถจักรยานยนต์ /สภ.เชียงขวัญ จว.ร้อยเอ็ด

 (4) คลิปกล้องหน้ารถ - รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ขับขี่ย้อนศรถนนคู้บอน  /สน.คันนายาว

 (5) คลิปโทรศัพท์มือถือ - รถจักรยานยนต์ ขับขี่บนทางด่วนกาญจนาภิเษก

 (6) คลิปกล้องติดหมวกนิรภัย - รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกัน แล้วขับหลบหนี  /สน.หลักสอง 

 (7) คลิปโทรศัพท์มือถือ - ผู้ขับขี่ขับรถเกิดอุบัติเหตุและมีอาการเมาสุรา /สภ.เมืองเชียงใหม่ 

ซึ่งทางคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ ของศูนย์บริหารงานจราจร ตร. ได้ส่งข้อมูลให้สถานีตำรวจพื้นที่รับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้ โครงการนี้ยังมีการดำเนินการต่อเนื่องและมอบรางวัล ให้เป็นประจำทุกเดือน เดือนละ 10 คลิป รวมเป็นเงิน 50,000 บาทต่อเดือน จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ส่งข้อมูลพยานหลักฐานเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือการกระทำความผิดบนท้องถนนต่าง ๆ ผ่านทางกล้องหน้ารถ หรือโทรศัพท์มือถือ พร้อมแจ้งข้อมูลชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ผู้แจ้งข้อมูล ตามช่องทางดังกล่าวข้างต้นได้  โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้ง

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ (PM2.5) มีค่าสูงเกินมาตรฐานในหลายพื้นที่  โดยเฉพาะในพื้น กทม. ซึ่งในส่วนงานจราจร  ศจร.ตร. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มมาตรการตรวจจับรถที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐาน โดยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมการขนส่งทางบก กรมควบคุมมลพิษ กรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพื้นที่ เพื่อตั้งจุดตรวจรถควันดำ ทั้งรถบรรทุก รถสาธารณะ และรถกระบะส่วนบุคคล สำหรับในเขตพื้นที่กทม. นั้นมีการตั้งจุดตรวจ จำนวน 20 จุด แบ่งเป็น จุดตรวจตั้งถาวร จำนวน 15 จุด  และจุดตรวจแบบเคลื่อนที่ (Mobile) จำนวน 5 จุด

โดยสถิติที่ผ่านมาในปี 2564  มีการเรียกตรวจรถรถบรรทุกและรถสาธารณะ รวมจำนวน 125,974 คัน มีค่าควันดำเกินกำหนด 51,625 คัน รถกระบะส่วนบุคคล รวมจำนวน 127,141 คัน มีค่าควันดำเกินกำหนด 52,176 คัน รวมมีรถควันดำเกินกำหนดทั้งสิ้น 103,802 คัน ออกคำสั่งห้ามใช้รถรวมทั้งสิ้น จำนวน 4,689 คัน และในปีนี้เฉพาะในช่วงวันที่ 1- 15 ม.ค.65  มีการเรียกตรวจรถบรรทุกและรถสาธารณะรวมจำนวน 3,748 คัน มีค่าควันดำเกินกำหนด 1,482 คัน  รถกระบะส่วนบุคคล รวมจำนวน 4,667 คัน  มีค่าควันดำเกินกำหนด 919 คัน รวมมีรถควันดำเกินกำหนด 2,401 คัน ออกคำสั่งห้ามใช้รถรวมทั้งสิ้น จำนวน 88 คัน ทั้งนี้ บช.น. ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจจับรถที่มีค่าควันดำ โดยหากเป็นรถบรรทุกหรือรถสาธารณะจะมีโทษปรับสูงสุดถึง 50,000 บาท (ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก) ส่วนรถส่วนบุคคล จะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท (ตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก) และจะถูกออกคำสั่งห้ามใช้รถตามกฎหมายทั้งห้ามใช้ชั่วคราวและห้ามใช้เด็ดขาด

ในส่วนของมาตรการการดำเนินคดีกับรถจักรยานยนต์นั้นในช่วงวันที่ 15 พ.ย.64 ถึง 16 ม.ค.65  มีผลการจับกุมข้อหา ขับรถย้อนศร รวม   53,403 ราย ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร  27,466 ราย ขับรถรถจักรยานยนต์บนทางเท้า 7,293 ราย  ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว 2,284 ราย  และดำเนินคดีข้อหาขับรถโดยไม่คำนึ่งถึงความปลอดภัยเป็นจำนวน 70 ราย  รวมผลการดำเนินการทั้ง 4 ข้อหา จับกุมรวมทั้งสิ้น 90,446 ราย แบ่งเป็น รถ จยย.ทั่วไป 74,832 ราย รถ จยย.เดลิเวอรี่  10,869  ราย และรถ จยย.สาธารณะ 4,718 ราย

 

‘วิลาศ’เฮลั่น! ศาลยกฟ้องซิโน-ไทย ฟ้องหมิ่น วิจารณ์ "โครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่เละเทะที่สุด" ชี้!เป็นการติชมโดยสุจริต

(18 ม.ค.65) นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ กล่าวว่าเมื่อเวลา 09.20 น. ที่ห้อง 602 ศาลอาญากรุงเทพใต้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.300/2563 ระหว่างบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่นจำกัด(มหาชน)โจทก์ ฟ้องนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ จำเลยที่ 1 นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ ที่ 2 บริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)ที่ 3 ในข้อหาหมิ่นประมาทและเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาทกรณีนายวิลาศไปออกรายการคมชัดลึกที่ช่องNation TV22 หัวข้อ"รัฐสภาแห่งใหม่ ใช้ชาตินี้ ไม่ใช่ชาติหน้านะจ๊ะ"เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 62 นั้น โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 2 และ 3

ขณะที่คำพิพากษาของศาลบางตอนระบุว่าคณะรัฐมนตรียังมีมติให้เร่งรัดดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ให้แล้วเสร็จภายในปี 2562 และบางตอนระบุว่าการกล่าวของจำเลยที่ 1

คำว่า"เป็นโครงการที่เละเทะที่สุด" จึงเป็นการกล่าวถึงความไม่มีระเบียบในการตั้งคณะกรรมการหลายคณะ รวมทั้งคณะกรรมการเร่งรัดการก่อสร้างฯของฝ่ายผู้ว่าจ้าง มิได้หมายความว่าโจทก์ทำงานก่อสร้างไม่มีมาตรฐาน ไม่มีคุณภาพ ผลงานออกมาเละเทะ ดังที่พยานโจทก์ทั้งสามคิดและเข้าใจ ดังนั้นการกระทำของจำเลยที่ 1  จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(3) พิพากษายกฟ้อง

หลังศาลมีคำพิพากษา นายวิลาศ กล่าวว่า มีประชาชนถามมาว่าจะฟ้องกลับหรือไม่ ตอนนี้กำลังพิจารณาอยู่ แต่คนอย่างตนไม่ยอมให้ใครทำข้างเดียวแน่นอน 

 

‘สปส.’ ขานรับนโยบายรัฐ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง! ยกระดับศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานครบวงจร

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ได้กล่าวถึง การดำเนินการยกระดับศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับดูแลของสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ว่า ตามที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีนโยบายการพัฒนาระบบสาธารณสุขและหลักประกันทางสังคมที่ครอบคลุมด้านการศึกษา สุขภาพ การมีงานทำที่เหมาะสมกับประชากรทุกกลุ่ม ทั้งในระบบและนอกระบบให้ได้รับความปลอดภัยและมีสุขอนามัยที่ดีในการทำงานได้รับรายได้ สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสมกับการดำรงชีพ และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายที่สำคัญของกระทรวงแรงงานในปี 2565 ในด้านการบริหารจัดการแรงงานกลุ่มเปราะบาง และคนพิการให้ได้รับสิทธิและความคุ้มครองด้านแรงงาน มีรายได้ที่เหมาะสมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยตนได้มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมพิจารณายกระดับศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานทั้ง 5 แห่ง ให้มีความพร้อมในการให้บริการลูกจ้างและผู้ประกันตนแบบครบวงจร เพื่อให้พี่น้องแรงงาน ลูกจ้าง ผู้ประกันตนสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่เป็นภาระต่อสังคม สร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว และกลับมาเป็นกำลังในการช่วยกันพัฒนาประเทศต่อไปได้

ด้านนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานภาค 1 จังหวัดปทุมธานี ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานภาค 2 จังหวัดระยอง ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานภาค 3 จังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานภาค 4 จังหวัดขอนแก่น และศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานภาค 5 จังหวัดสงขลา ซึ่งดูแลครอบคลุมครบทุกภาคทั่วประเทศ โดยในปี 2564 มีลูกจ้าง/ผู้ประกันตนที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจากการทำงานจนสูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพ มาเข้ารับบริการ จำนวน 1,251 คน ที่ผ่านมาทั้ง 5 ศูนย์นี้ ได้ทำหน้าที่ฟื้นฟูสมรรถภาพให้แก่ลูกจ้าง ผู้ประกันตนแบบองค์รวม ทั้งฟื้นฟูสภาพร่างกาย ปรับสภาพจิตใจ และฝึกอาชีพให้กับลูกจ้าง สำนักงานประกันสังคม ได้ขานรับนโยบายดังกล่าว โดยพัฒนาศักยภาพของศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน ให้มีความพร้อมในการให้บริการลูกจ้างและผู้ประกันตนแบบครบวงจร ทั้งในด้านบุคลากรมีนักสังคมสงเคราะห์คอยให้คำปรึกษา และนักกายภาพบำบัด

 

ผู้ประกันตนหายห่วง รมว.เฮ้ง เตรียมเตียง Hospitel เกือบ 20,000 เตียง หมุนเวียนเพียงพอ รองรับโควิด-19 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการบริหารจัดการเตียงเพื่อรองรับผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 ที่ติดเชื้อโควิด-19 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้ว่า กระทรวงแรงงานโดยสำนักงานประกันสังคม ได้มีการเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคม พร้อมเตียงซึ่งเป็นของ Hospitel เกือบ 20,000 เตียง ใช้ไปแล้วประมาณ 12,000 เตียง ทั้งนี้ เมื่อผู้ประกันตนรักษาหายและแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ก็จะทำให้เตียงว่างลงอีก ซึ่งในแต่ละวันจะมีผู้ประกันตนหมุนเวียนเข้าออกตลอดเวลา ขณะเดียวกันสำนักงานประกันสังคมจะประสานหาเตียงสำรองเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถรองรับการรักษาผู้ประกันตนได้อย่างเพียงพอ จึงขอให้ผู้ประกันตนไม่ต้องกังวลและมั่นใจได้ว่ากระทรวงแรงงาน จะสามารถบริหารจัดการเตียงและรองรับการรักษาผู้ประกันตนจากทีมแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมได้เป็นอย่างดี 

“ขอให้ผู้ประกันตนไม่ต้องกังวลและมั่นใจได้ว่า รัฐบาล กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสามารถให้การดูแลทุกคนที่ติดเชื้อโควิด-19 อย่างเท่าเทียม มีเตียงรองรับเพียงพอแน่นอน เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งในเรื่องนี้ท่านนายกรัฐมนตรี เป็นห่วงใยและได้กำชับให้ช่วยเหลือดูแลพี่น้องแรงงานดุจคนในครอบครัว โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังและเราจะก้าวข้ามวิกฤตนี้ไปด้วยกัน” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด

เอาจริง..!!! “บิ๊กป้อม” สั่งปราบเชิงรุก “หนี้นอกระบบ” เข้มบังคับใช้กม. ยึดทรัพย์ นายทุนเหิมกดขี่ เก็บดอกโหดใช้ความรุนแรง

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  ได้สั่งการฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครองและตำรวจ เข้มเอาจริงลงไปช่วยดูแลแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจาก “หนี้นอกระบบ” ที่มีมากขึ้น จากกลุ่มนายทุนฉวยโอกาสปล่อยกู้เก็บดอกโหด และส่งแก๊งค์ทวงหนี้เหิมเกริม ข่มขู่และใช้ความรุนแรงกับลูกหนี้หาเช้ากินค่ำ เพื่อไม่ให้ซ้ำเติมบั่นทอนชีวิตครอบครัวผู้มีรายได้น้อย จากปัญหาสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19

โดยย้ำขอให้ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ กทม. รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระจายลงพื้นที่บูรณาการปราบปรามเชิงรุกกับกลุ่มนายทุนรายใหญ่ และเครือข่าย ด้วยมาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางภาษีไปพร้อมกัน  โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. ที่มีประชาชนหาเช้ากินค่ำเดือดร้อนจำนวนมากขึ้น 

“ผบ.ทสส.” นำเหล่าทัพ  น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และบูรพกษัตริย์ทุกพระองค์ ตลอดจนเหล่าบรรพชนไทย ในวันกองทัพไทย 

กองบัญชาการกองทัพไทย จัดงานวันกองทัพไทย ประจำปี 2565 โดยมี พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธาน และได้รับเกียรติจากผู้แทนปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธีฯ

การจัดงานในครั้งนี้ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช องค์วีรกษัตริย์ไทย และบูรพกษัตริย์ทุกพระองค์ ตลอดจนเหล่าบรรพชนของไทยที่ได้สร้างวีรกรรมอันกล้าหาญ สละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้เป็นมรดกตกทอดมาจนทุกวันนี้ โดยในปีนี้ยังคงประกอบพิธีฯ ที่สำคัญต่าง ๆ เช่นเดียวกับที่ได้ปฏิบัติเป็นประจำทุก ๆ ปี ซึ่งกิจกรรมฯ ที่สำคัญ ได้แก่ พิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ กองบัญชาการกองทัพไทย, พิธีถวายราชสักการะพระบรมรูป รัชกาลที่ 5,พิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นมหาราช 9 พระองค์, พิธีวางพวงมาลาสักการะดวงวิญญาณนักรบไทย, พิธีสงฆ์ ณ อนุสรณ์สถานแห่งชาติ และพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ณ กองพันทหารสื่อสาร กรมการสื่อสารทหาร โดยการจัดงานวันกองทัพไทยในปีนี้ ได้ปรับลดจำนวนผู้เข้าร่วมพิธีฯ และดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด

ลาวเบรก!! เคลื่อนย้ายถ่านดำส่งออกต่างประเทศ ป้อง!! ทรัพยากรทางธรรมชาติก่อนถูกทำลาย

เพจ Biz Laos เปิดเผยว่า ทางการสปป.ลาว ให้ยุติการออกใบอนุญาต เคลื่อนย้ายถ่านดำเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ 

สาเหตุ เนื่องจากมีการฉวยโอกาสเก็บซื้อถ่านดำที่ผลิตจากไม้ธรรมชาติจากเตาถ่านไม้ที่ไม่ได้รับอนุญาตปะปนไปด้วยจำนวนมาก ซึ่งเป็นการทำลายทรัพยากรทางธรรมชาติ และละเมิดกฎหมายป่าไม้

โดยมีมาตรการ ดังนี้

1.) ให้ยุติการเคลื่อนย้ายถ่านดำเพื่อนำส่งออกต่างประเทศโดยเด็ดขาด

2.) ให้ตรวจตรา ขึ้นบัญชี โรงงานผลิต เตาเผาถ่าน ถ้าโรงงานใดไม่มีแหล่งที่มาของแหล่งผลิตที่ได้จดทะเบียนไว้ตามกฎหมาย ให้ยกเลิกการผลิต และ ส่วนโรงงานผลิตเตาเผา ไม่มีใบอนุญาตให้จัดสร้าง ก็ให้ยกเลิกและดำเนินคดีตามกฎหมาย

'บิ๊กโจ๊ก' เดินทางเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บกรณีถูกทำร้ายในเรือประมงที่ จ.ปัตตานี

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้เดินทางไปเยี่ยม นายวี เมือน อายุ 38 ปี สัญชาติกัมพูชา ลูกเรือที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.ปัตตานี ร่วมกับ กก.๗ บก.รน. ได้ร่วมกันจับกุม นายโบเฮียม เฮียง อายุ 23 ปี สัญชาติกัมพูชา เป็นลูกเรือประมงชื่อ เรือวรพงศ์นาวี ๒ ซึ่งได้ลงมือทำร้ายร่างกายโดยการใช้อาวุธมีดสปาต้าฟันนายวี เมือน อายุ 38 ปี เพื่อนลูกเรือภายในลำเดียวกันจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทราบเหตุจากการแจ้งเหตุผ่านทางวิทยุเพื่อขอความช่วยเหลือจากไต๋เรือ ก่อนจะนำเรือเข้าเทียบท่าที่ท่าเทียบเรือประมงปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี และเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ PIPO ได้ดำเนินการจับกุมดังกล่าว สอบถามนายโบเฮียมฯ ผู้ก่อเหตุให้การรับว่า ตนก่อเหตุดังกล่าวเนื่องจากไม่พอใจผู้ถูกทำร้ายเนื่องจากชอบด่าพ่อแม่ของตน และชอบขโมยของของตน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินการจับกุมส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top