Friday, 9 May 2025
NEWS FEED

Cafa  Sunshine  Garden เปิดร้านใหม่ "สไตล์สวยงาม" กลางทุ่งนา ณ ราชบุรี

พลตรีหม่อมราชวงศ์ วัยวัฒน์ จักรพันธุ์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดร้าน "Cafa  Sunshine  Garden" ตำบลเตาปูน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี  ร้านกาแฟสวยราคาหลักสิบ วิวหลักล้าน ด้วยวิวสวยๆ ของทุ่งนากว้างใหญ่ เห็นวิวสวยๆ บรรยกาศดีๆ อาจจะทำให้ผู้แวะมาเห็นแล้วอยากนอนเอกเขนกอยู่ทั้งวันไปเลยค่ะ สำหรับตัวร้าน เน้นการตกตแต่งเป็นสไตล์วิลเทจ และรอบล้อมด้วยทุ่งนารวงข้าว ได้กลิ่นไอความเป็นทุ่งนาอีกด้วย สามารถกินลมชมวิว ชิลบรรยากาศดีต้องแวะ! คาเฟ่ถ่ายรูปสวย คาเฟ่บรรยากาศดี พร้อมด้วยอาหาร เครื่องดื่มสุดฟิน ที่สำคัญ อยู่ใกล้กรุงเทพอีกด้วย วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็เดินทางไปได้ง่ายๆ ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ แนะนำเลย!

 

‘ทูตยูเครน-แอมเนสตี้’ แฉ!! รัสเซียใช้อาวุธต้องห้าม หวังทำลายล้างครั้งใหญ่ในสงครามยูเครน

เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐฯ และองค์กรสิทธิมนุษยชนออกมากล่าวหารัสเซียว่ามีการนำระเบิดพวง (cluster bomb) และระเบิดสุญญากาศ (vacuum bomb) ซึ่งเป็นอาวุธต้องห้ามตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ มาใช้โจมตีประชาชนในยูเครน

องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) และฮิวแมนไรต์วอตช์ (HRW) ระบุว่า ดูเหมือนกองทัพรัสเซียจะนำระเบิดพวงหรือระเบิดลูกปรายมาใช้อย่างกว้างขวาง โดยทางแอมเนสตีฯ อ้างว่ามันถูกใช้โจมตีโรงเรียนเตรียมอนุบาลแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ซึ่งมีพลเรือนอาศัยหลบภัยอยู่

อ็อกซานา มาร์กาโรวา เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐฯ แถลงต่อสื่อมวลชนหลังจากที่ได้เข้าพบสมาชิกสภาคองเกรสหลายคนวานนี้ (28 ก.พ.) ว่า รัสเซียมีการใช้อาวุธเทอร์โมบาริก (thermobaric weapon) หรือที่เรียกกันว่า “ระเบิดสุญญากาศ” ในปฏิบัติการรุกรานประเทศของเธอด้วย

“พวกเขาเอาระเบิดสุญญากาศมาใช้ในวันนี้... รัสเซียจงใจให้เกิดการทำลายล้างครั้งใหญ่ในยูเครน” มาร์กาโรวา กล่าว

ระเบิดสุญญากาศ หรืออาวุธเทอร์โมบาริก จะดูดเอาออกซิเจนจากอากาศโดยรอบเข้าไปสร้างการระเบิดที่มีอุณหภูมิสูงมาก และเกิดคลื่นการระเบิด (blast wave) ที่ยาวนานกว่าระเบิดทั่วไป จึงสามารถเผาร่างกายมนุษย์ให้มอดไหม้หมดไปในชั่วพริบตา

เรื่องที่รัสเซียใช้ระเบิดสุญญากาศโจมตียูเครนนั้นยังไม่การยืนยันอย่างเป็นทางการ ขณะที่ CNN รายงานว่า หนึ่งในทีมข่าวสังเกตเห็นแท่นยิงขีปนาวุธเทอร์โมบาริกหลายลำกล้องของรัสเซียถูกติดตั้งไว้ใกล้ชายแดนยูเครนเมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ (26 ก.พ.)

ขบวนรถทหารรัสเซียยาวกว่า 60 กม. กำลังเคลื่อนทัพเข้าประชิด ‘กรุงเคียฟ’

ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุด ชี้ขบวนรถของกองทัพรัสเซียซึ่งยาวเหยียดกว่า 60 กิโลเมตร กำลังมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของยูเครน โดยหัวขบวนอยู่ห่างออกไปทางเหนือแค่ไม่ถึง 30 กิโลเมตร

ภาพถ่ายดาวเทียมของ Maxar วานนี้ (28 ก.พ.) เผยให้เห็นว่า ขบวนรถของทหารรัสเซียยังคงเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่วันอาทิตย์ (27 ก.พ.) โดยกินระยะทางตั้งแต่ถนนใกล้ๆ สนามบินอันโตนอฟ ที่อยู่ห่างจากกรุงเคียฟราว 28 กิโลเมตร เรื่อยไปจนถึงเมืองพรีบีร์สก์ (Prybirsk) รวมระยะทางประมาณ 64 กิโลเมตร

Maxar ระบุว่า “ตลอดเส้นทางมียานพาหนะบางคันที่ขับตามกันมาห่างๆ และบางจุดก็ขับไล่เลี่ยกันมา 2-3 คัน”

ภาพดาวเทียมยังแสดงให้เห็นว่ารัสเซียมีการเสริมกำลังพลและหน่วยเฮลิคอปเตอร์โจมตีบริเวณตอนใต้ของเบลารุส ซึ่งอยู่ห่างชายแดนยูเครนไปทางทิศเหนือแค่ราวๆ 30 กิโลเมตร

‘บิ๊กตู่’ หนุน โครงการจ้างงานคนพิการ หวังลดเหลื่อมล้ำ - สร้างรายได้พึ่งพาตนเอง

“บิ๊กตู่” ชื่นชมผลงานของผู้พิการ ย้ำทุกฝ่ายช่วยกันสานต่อโครงการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม เพื่อส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม ขจัดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส สร้างรายได้ให้ผู้พิการพึ่งพาตนเองได้  

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 มี.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุม เวลา 08.30 น. ที่บริเวณตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และคณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน นายจ้างภาคเอกชนและผู้พิการที่ร่วมโครงการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม ประจำปี 2565 เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ที่สนับสนุนโครงการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม ปี 2565 ทำให้ผู้พิการมีงานทำ สร้างโอกาสและสร้างความเสมอภาคทางสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในการขับเคลื่อนประเทศอย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เน้นการสร้างโอกาสแก่ประชาชนที่เป็นกลุ่มเปราะบาง คนพิการ เพื่อให้มีหลักประกันทางสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น สามารถพึ่งพาตนเองและทำประโยชน์แก่ครอบครัว ชุมชน ตลอดจนสังคมได้ โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

ครม.อนุมัติงบกลางปี 2,000 ลบ. ปลดล็อคปัญหาหนี้เกษตรกรกว่า 3,500 ราย รักษาที่ดินภาคการเกษตรได้กว่า 5,000 ไร่

(1 มี.ค.65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสไกร พิมพ์บึง เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟู และพัฒนาเกษตรกร เปิดเผยว่า วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีมติอนุมัติงบประมาณกลางปี 2565 ของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จำนวน 2,000 ล้านบาท ขอขอบคุณคณะรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกองทุนฟื้นฟูฯ, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองประธานกองทุนฟื้นฟูฯ และ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาหนี้ของเกษตรกรสมาชิก กฟก. สำหรับงบประมาณที่ได้รับในครั้งนี้

เนื่องจาก กฟก. มีงบประมาณไม่เพียงพอเพราะไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2565 จึงจำเป็นต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณจากงบกลางประจำปี พ.ศ. 2565 เพื่อมาดำเนินการภารกิจช่วยเหลือเกษตรกรดังนี้ 1. งบประมาณจำนวน 1,500 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้แทนเกษตรกรจำนวน 3,425 ราย 4,416 สัญญา 2. งบประมาณจำนวน 269,617,500 ล้านบาท เพื่อนำไปฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรสมาชิกองค์กร และ 3. งบประมาณจำนวน 230,382,500 ล้านบาท เพื่อบริหารสำนักงาน

เครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าร่อนจดหมายโต้กรมควบคุมโรค แจง “10 เหตุผล” ไทยควรปลดล๊อคบุหรี่ไฟฟ้า

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “ECST” เผย 10 เหตุผลไทยไม่ควรแบนบุหรี่ไฟฟ้า ชี้รณรงค์เลิกบุหรี่มานาน แต่ไม่ได้ผลเพราะยังมีคนจำนวนมากที่ไม่อยากเลิก แนะดูตัวอย่างอังกฤษ อเมริกา กรีซ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ ที่ให้ทางเลือกผู้สูบบุหรี่พร้อมกับควบคุมได้ดีจึงไม่มีปัญหาการใช้ในเด็กและตลาดใต้ดิน

นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า หรือ ECST และเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 102,000 ราย เผยว่า กรมควบคุมโรคยังคงใช้ข้ออ้างเรื่องอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าและการป้องกันเด็ก รวมถึงความไม่พร้อมด้านงบประมาณ เพื่อให้คงการแบนบุหรี่ไฟฟ้าไว้ โดยไม่มองความก้าวหน้าของเทคโนโลยี วิธีควบคุมของต่างประเทศ และความต้องการของผู้สูบบุหรี่ ทำให้มาตรการแบนบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีประสิทธิภาพและบังคับใช้จริงไม่ได้ เพราะเราก็ยังเห็นกันอยู่ว่ายังมีคนใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าเราจะห้ามนำเข้าและจำหน่ายมา 7-8 ปีแล้ว 

สำหรับในประเทศไทย เรามีแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติฉบับแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 แต่เรากลับพลาดเป้าหมายในการลดอัตราผู้สูบบุหรี่ที่ตั้งไว้มาโดยตลอด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีเพิ่งผ่านร่างแผนปฏิบัติการด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2565-2570 โดยพุ่งเป้าที่การดำเนินงานตาม 6 ยุทธศาสตร์เดิม ภายใต้เงินงบประมาณ 498 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ให้เหลือไม่เกิน 14% โดยไม่ยอมรับความจริงว่าคนที่สูบบุหรี่กว่า 52% จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติไม่เคยคิดที่จะเลิกบุหรี่เลย ทำให้มาตรการและการรณรงค์ที่ผ่านมาแทบจะไม่ตอบโจทย์ผู้สูบบุหรี่ ดังนั้น หากประเทศไทยจะยังคงทำตามแนวทางเดิม โดยไม่พิจารณาวิธีการใหม่ เราก็คงจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างจากเดิม

เครือข่ายฯ ยังได้เผยแพร่ 10 เหตุผลที่บุหรี่ไฟฟ้าควรได้รับการควบคุมอย่างถูกกฎหมายตอบโต้ข้อมูลที่กรมควบคุมโรคได้เคยชี้แจงไว้ก่อนหน้า มีดังนี้ 1. ประเทศส่วนใหญ่ในโลกกว่า 79 ประเทศเลือกที่จะควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมายแทนที่จะแบน จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่ามีเพียง 32 ประเทศเท่านั้นที่แบนผลิตภัณฑ์ ENDS ขณะที่อีก 79 ประเทศมีมาตรการควบคุมในรูปแบบต่าง ๆ เช่น กำหนดอายุผู้ซื้อ ห้ามโฆษณาประชาสัมพันธ์ และอีก 84 ประเทศที่ยังไม่มีนโยบายใด ๆ 2. ประชาชนควรมีสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายน้อยกว่า 3. การควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมายช่วยแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น การจับกุมรีดไถ และขจัดธุรกิจใต้ดินที่มีมูลค่ามหาศาล 4. บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้เป็นต้นทางของการสูบบุหรี่ธรรมดาของเด็กและเยาวชน ดูได้จากประเทศที่บุหรี่ไฟฟ้าสามารถขายได้ถูกต้องตามกฎหมาย จำนวนเด็กและเยาวชนที่สูบบุหรี่กลับไม่ได้เพิ่มขึ้น

'รองปลัดกระทรวงแรงงาน' สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงแรงงาน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง

นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงแรงงาน ประกอบด้วย พระพุทธสุทธิธรรมบพิตร พระพุทธชินราช ศาลพ่อปู่ชัยมงคล ศาลท้าวมหาพรหมเทวฤทธิ์ และศาลพ่อปู่สุชินพรหมมา เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งรองปลัดกระทรวงแรงงาน โดยมีผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น 

กองทัพเรือ สอนวิธีเอาตัวรอดขณะตกน้ำ ตั้งสติอย่าตระหนก พร้อมใช้ 3 ท่าลอยตัว

กองทัพเรือ สอนวิธีเอาตัวรอดขณะตกน้ำ ตั้งสติลอยตัว-ทำท่าปลาดาวคว่ำ-ท่าปลาดาวหงาย-ทำท่าเต่า จงอย่าตระหนกและตั้งสติให้เร็วที่สุด

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กทัพเรือภาคที่ 3 เผยแพร่กิจกรรมการสอนให้ทหารเรือรู้จักวิธีการช่วยเหลือตนเองเมื่อตกน้ำ ขณะสวมใส่เครื่องแบบและรองเท้าคอมแบทในทะเลที่ไกลจากฝั่ง หรือมีคลื่นลมแรง

โดยเมื่อเราประสบอุบัติเหตุจงอย่าตระหนกและตั้งสติให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งพยายามลอยตัวด้วยท่าต่างๆ เหล่านี้ โดยใช้พลังงานให้น้อยที่สุด คือ เบื้องต้นจงอย่าตระหนกและตั้งสติให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งพยายามลอยตัวด้วยท่าต่างๆ เหล่านี้คือ

1.) อย่าตกใจตั้งสติให้เร็วที่สุด

2.) ทำท่าเต่า ใช้การลอยตัวงอเข่า ทั้งสองข้างขึ้นมาชิดหน้าอก ใช้มือทั้งสองข้างกอดเข่าเอาไว้

"ลุงตู่" เปิดทำเนียบให้ "ออทิสติกไทย" แสดงความสามารถส่งเสริมจ้างงานคนพิการในชุมชน 

วันที่ 1 มีนาคม 2565 "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา"  นายกรัฐมนตรี เปิดทำเนียบรัฐบาลให้ "นายสุชาติ ชมกลิ่น" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นำเสนอประเด็นความคืบหน้าการจ้างงานคนพิการ ตาม”โครงการจ้างงานคนพิการในชุมชน ในส่วนความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงานและสถานประกอบการ ประจำปี 2565 จำนวน 1,000 ตำแหน่ง”

โดยมี ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารสถานประกอบการเอกชน และตัวแทนคนพิการ 2 คน คือ”ทิว" และ "หม่อน" ศิลปิน Art Story by Autisticthai ได้เป็นตัวแทนคนพิการทุกประเภทที่ร่วมโครงการจ้างงานชุมชนกระทรวงแรงงานประจำปี 2565  ร่วมแสดงความขอบคุณ ฯพณฯนายกรัฐมนตรี  

โดย "ทิว” ได้มอบผลงานภาพวาดเหมือน ด้วยเทคนิควาดภาพด้วยสีกาแฟ และ “หม่อม”สาธิตการ Sketภาพเพื่อนำเข้าระบบanimation ”โครงการจ้างงานคนพิการในชุมชน กระทรวงแรงงาน" ช่วยให้คนพิการทุกประเภทในพื้นที่ทั่วประเทศ มีเงินเดือนและรายได้ประจำอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน รวมมูลค่ากว่า ปีละ 116 ล้านบาท และกระทรวงแรงงาน ตั้งเป้าหมายขยายกลุ่มเป้าหมายเพิ่ม ร้อยละ 20 ในระยะ 4 ปี

สปสช. แจก ATK เฟส 2 ให้กลุ่มเสี่ยงตรวจโควิด ขอรับได้ผ่านแอปฯ เป๋าตัง - หน่วยบริการร่วมโครงการ

เริ่มวันแรก 1 มี.ค. 65 สปสช. แจก ATK เฟส 2 ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงตรวจ COVID-19 ยื่นขอรับชุดตรวจได้ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง หรือรับได้ที่หน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการ

วันนี้ (1 มี.ค. 65) เป็นวันแรกที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แจกชุดตรวจ ATK เฟส 2 ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงตรวจ COVID-19 ด้วยตนเอง เริ่มตั้งแต่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป ผ่านแอปเป๋าตัง แนวทางในการรับชุดตรวจ ATK เฟส 2 สำหรับประชาชนคนไทยทุกสิทธิที่เป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อ COVID-19 สามารถทำตามขั้นตอน ดังนี้

รับบริการผ่านมือถือแบบสมาร์ตโฟน
• เข้าแอปฯ เป๋าตัง/กระเป๋าสุขภาพ เลือก “ฟรี ชุดตรวจโควิด”
• ทำแบบประเมินความเสี่ยงก่อนรับชุดตรวจ COVID-19
• หากมีความเสี่ยง ระบบจะให้ค้นหาหน่วยบริการใกล้ฉันและโทรติดต่อสอบถาม
• เดินทางไปรับพร้อมมือถือที่มีแอปเป๋าตัง เพื่อใช้สแกน QR Code แอปถุงเงินของหน่วยบริการ
• ได้รับชุดตรวจ 2 ชุด นำกลับมาตรวจและบันทึกผลผ่านแอปเป๋าตัง/กระเป๋าสุขภาพ อีก 14 วัน หรือวันที่ 15 สามารถไปรับใหม่ได้อีกครั้ง หากมีความเสี่ยง (เปลี่ยนจำนวนวันจาก 2 ชุดต่อ 10 วัน เป็น 2 ชุดต่อ 14 วัน ตามหลักเกณฑ์ใหม่ของกระทรวงสาธารณสุข)

สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยดาวน์โหลดแอปฯ เป๋าตัง สามารถดาวน์โหลดและลงทะเบียนได้ที่ https://krungthai.com/link/paotang-ktbwallet


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top