Saturday, 17 May 2025
ECONBIZ NEWS

“บิ๊กตู่” สั่งทุกหน่วยงานดันส่งออก ปีนี้โตต่อเนื่อง 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับทราบรายงานของทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับสถานการณ์การส่งออกในภาพรวมทั้งในส่วนข้อมูลปี 2564 ที่มูลค่าการส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์  271,173.5 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราการเติบโตที่ 17.1% และการประเมินการเติบโตในปี 2565 ที่คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.0 – 4.0%  

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อรักษาความต่อเนื่องของการส่งออกที่ขณะนี้กำลังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอุตสาหกรรมของหลายประเทศกำลังฟื้นตัว ความตกลง RCEP ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 ซึ่งความต่อเนื่องของการส่งออกจะสร้างความความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในภาพรวม เพราะเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ และส่งผลไปถึงการจ้างงานทั้งในอุตสาหกรรมหลักและเอสเอ็มอีที่เกี่ยวเนื่องในห่วงโซ่การผลิต  

ก.อุตฯ ส่งผ้าไหมมัดหมี่บุกตลาด ‘Minimal Style’ ยกระดับผลิตภัณฑ์ผ้าไทยระดับพรีเมียม

กระทรวงอุตสาหกรรม หนุนผู้ประกอบการ ยกระดับผ้าไหมไทยในระดับพรีเมียม สร้างอัตลักษณ์ไหมไทยให้เป็นที่รู้จัก พร้อมเปิดคอลเลกชันใหม่ในแบบ “Minimal Style” เน้นความธรรมดาที่แปลกตา และลายไม่ซ้ำ เล็งเปิดตลาดใหม่จากผ้าไหมไทยในต่างประเทศ!

นางวรวรรณ ชิตอรุณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการยกระดับพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอและผ้าพื้นเมือง โดยสนับสนุนให้สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรม สิ่งทอ หน่วยงานเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอด้วยการออกแบบเชิงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมสู่อีสานแฟชั่น โดยตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562 มีการดำเนินโครงการใน ระยะที่ 1 ด้วยการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการออกแบบ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์สิ่งทอและผ้าทอพื้นเมือง เพื่อทำให้ผู้ประกอบการสิ่งทอและเครื่องแต่งกายผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และสามารถเข้าสู่ตลาดใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

สำหรับผลการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมที่ผ่านมา ได้เกิดผ้าไหมมัดหมี่ลวดลายใหม่กว่า 119 ลาย รวมทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับ (Accessories) กว่า 108 ผลิตภัณฑ์ โดยผู้ประกอบการนำไปผลิตและจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้จริง สร้างโอกาสทางการตลาดในผลิตภัณฑ์ผ้าไหมแบบใหม่ในกลุ่มตลาดใหม่ พัฒนาผู้ประกอบการผ้าไหมและผู้ที่เกี่ยวข้องธุรกิจผ้าพื้นเมืองในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กว่า 1,600 คน สร้างรายได้ สร้างงานให้ชุมชน รวมทั้งสร้างโอกาสทางการตลาด และสร้างยอดขายในประเทศกว่า 6,500,000 บาท (เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาใหม่)

'บางจาก' ลงทุนสตาร์ตอัปสหราชอาณาจักร ต่อยอดสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด

บางจาก ลุยลงทุนในสตาร์ตอัป ต่อยอดสู่กรีน ไฮโดรเจนแห่งอนาคต ผ่านบริษัทย่อยในสหราชอาณาจักร เพิ่มสัดส่วนธุรกิจสีเขียว ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

15 ก.พ. 65 นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ BCP Innovation Pte. Ltd. (BCPI) บริษัทในเครือ ได้ลงนามในข้อตกลงเบื้องต้นเพื่อลงทุนใน Transitus Energy ผู้ดำเนินธุรกิจพลังงานสะอาดแห่งอนาคตในสหราชอาณาจักร โดย BCPI เป็นผู้ลงทุนหลักของบริษัทดังกล่าวด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 40% โดยถือว่าเป็นนโยบายการลงทุนในธุรกิจเปลี่ยนโลก เช่น ธุรกิจไฮโดรเจน และการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่จะช่วยให้โลกไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ได้ในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า

‘พรรคกล้า’ พบทูตจีนคนใหม่ร่วมถก ศก.สองประเทศ โฟกัส ‘e-Commerce - ท่องเที่ยว - อุตสาหกรรมสีเขียว’

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรค, นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค, นายเทมส์ ไกรทัศน์ ผู้เสนอตัวสมัคร ส.ส.ภูเก็ต เข้าพบ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ‘คนใหม่’ โดยได้มีการหารือประเด็นเศรษฐกิจการค้า โดยเฉพาะเรื่อง e-Commerce รวมถึงประเด็นการท่องเที่ยวที่ไทย ที่เฝ้ารอต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีน โดยท่านทูตพร้อมร่วมมือกับพรรคกล้า ในการประสานงานด้านนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศต่อไป

นายกรณ์ กล่าวว่า ท่านทูตได้แสดงความยินดีกับพรรคกล้าที่มีอายุครบ 2 ปี เมื่อวานนี้ โดยได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันเรื่องเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ ช่วงปีที่ผ่านมา ยอดการค้าระหว่างไทยกับจีน มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก มีการพูดคุยกันถึงโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมสีเขียว และการพัฒนาธุรกิจ e-Commerce ระหว่างกันในอนาคต

ครม. รับทราบแนวทางส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ให้เดินหน้ามาตราการสนับสนุนการใช้รถยนต์/รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิต EV ย้ำความเป็น Detroit of Asia 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติ รับทราบแนวทางการดำเนินงานส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 และครั้งที่ 1/2565   เพี่อส่งเสริมให้เกิดการผลิต การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ให้เป็นไปตามเป้าหมายการผลิตและการใช้ยานยนต์ไร้มลพิษ (Zero Emission Vehicle: ZEV) ของยานยนต์ทุกประเภทอีกด้วย  

เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาและขับเคลื่อนมาตรการสนับสนุนฯ ทั้งในส่วนของมาตรการทางภาษี และไม่ใช่ภาษีโดยเป็นมาตรการระยะสั้น ระหว่างปี 65 – 68   โดยในช่วง 2 ปีแรก (ปี 65 – 66) มาตรการสนับสนุนฯ จะให้ความสำคัญกับการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศอย่างกว้างขวางโดยเร็ว  ครอบคลุมทั้งการนำเข้ารถยนต์/รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) และกรณีรถยนต์/รถยนต์กระบะ/รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ (CKD)  ผ่านการยกเว้นหรือลดอากรนำเข้า ลดอัตราภาษีสรรพสามิต และ/หรือให้เงินอุดหนุนตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งนี้  เพื่อเพิ่มอุปสงค์ยานยนต์ไฟฟ้าในภาพรวม สร้างแรงจูงใจและดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ของผู้ประกอบการในไทย 

ส่วนช่วง 2 ปีถัดไป (ปี 67 - 68) มาตรการสนับสนุนฯ จะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศเป็นหลัก โดยยกเลิกการยกเว้น/ลดอากรนำเข้า รถยนต์สำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) แต่ยังคงมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิต และ/หรือให้ เงินอุดหนุนตามเงื่อนไขที่กำหนดต่อไป  เพื่อทำให้ต้นทุนรถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปทั้งคันที่นำเข้าสูงกว่ารถยนต์/ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ  ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเร่งผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ  รองรับแนวโน้มความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น ลดการนำเข้าชิ้นส่วนและอุปกรณ์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งจะเป็นการสนับสนุนการผลิตรถยนต์/รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ 

น้ำปลาร้า ‘แม่บุญล้ำ’ จัด 2 กิจกรรมใหญ่ เอาใจแม่ค้าและคนไทยทั้งประเทศ 

แม่ค้าร้านตำ ร้านยำ มีเฮ! ยิ่งซื้อ ยิ่งล้ำ ยิ่งใช้ ยิ่งรวย กับกิจกรรม ‘รวยล้ำล้ำกับแม่บุญล้ำ’ ลุ้นบัตรทองคำ กับ ‘น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ’ พร้อมกับ เอาใจชาว TikTok ชวนสร้างสรรค์คลิปสุดล้ำ ร้อง ทำ กิน เต้น กับเพลงแม่บุญล้ำ กิจกรรม ‘สนุกอร่อยล้ำกับแม่บุญล้ำ’ ชิงรางวัลสุดล้ำ ตลอดเดือน ก.พ. นี้

คุณพิไรรัตน์ บริหาร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพชรดำฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตน้ำปลาร้าแบรนด์ ‘แม่บุญล้ำ’ กล่าวว่า ‘จากจุดเริ่มต้นของแบรนด์น้ำปลาร้าไทยในชื่อ ‘แม่บุญล้ำ’ ที่อยู่ในแวดวงนี้มามากกว่า 38 ปี ได้ปฏิวัติสินค้าน้ำปลาร้าของตนแบบพลิกโฉม ตั้งแต่การผลิตด้วยระบบปลอดเชื้อ โรงงานระดับมาตรฐานโลก จนปัจจุบันเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและส่งออกไปยังหลายๆ ประเทศทั่วโลก ภายใต้แนวคิดและความเป็นผู้นำในตลาดน้ำปลาร้า ‘ล้ำความคิด ล้ำความอร่อย’ เพื่อผลักดันให้น้ำปลาร้าเป็นหนึ่งในเครื่องปรุงคู่ครัว เพื่อเป็นการรุกตลาดน้ำปลาร้าในปี 2565 นี้ จึงได้จัดหนัก 2 กิจกรรมใหญ่ เอาใจแม่ค้าและคนไทยทั้งประเทศ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้’

กิจกรรมแรก เอาใจกระแส TikTok โซเชียลมีเดียสุดฮิต น้ำปลาร้า ‘แม่บุญล้ำ’ ชวนสายล้ำ!! แค่โชว์ล้ำง่ายๆ ก็ได้เงินหมื่น!! ร่วม ‘กิจกรรมสนุกอร่อยล้ำกับแม่บุญล้ำ’ โชว์ Step ร้อง ทำ กิน เต้น ประกอบเพลงแม่บุญล้ำ ผ่าน TikTok กดใช้เสียงเพลงแม่บุญล้ำ ใครล้ำเกินหน้าเกินตา ชนะใจโซเชียล รับรางวัลเงินสด 10,000 บาท แจกให้พร้อมมีรางวัลปลอบใจให้อีกเพียบ! เพียงทำง่ายๆ แค่ 3 ขั้นตอน!!

1. ครีเอทคลิปสุดล้ำ ลง TikTok โดยใช้เพลงแม่บุญล้ำ
2. แท็กชื่อ TikTok @Maeboonlamofficial พร้อมติดแฮชแท็ก #สนุกอร่อยล้ำกับแม่บุญล้ำ #น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ #แฮปปี้มาร์เก็ต
3. แชร์ลิงก์จาก TikTok ไปที่หน้า Facebook Fanpage แฮปปี้ มาร์เก็ต ชาแนล พร้อมติดแฮชแท็ก #สนุกอร่อยล้ำกับแม่บุญล้ำ #น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ #แฮปปี้มาร์เก็ต ส่งทุกความล้ำได้ตั้งแต่ 1-28 กุมภาพันธ์ 2565 แล้วรอลุ้นผลกันภายใน 10 มีนาคม 2565

กิจกรรมที่สอง ‘รวยล้ำล้ำกับแม่บุญล้ำ’ เอาใจร้านตำ ร้านยำ หรือร้านอาหารที่ซื้อสินค้าน้ำปลาร้าต้มสุกปรุงรสตราแม่บุญล้ำ สูตรฝาแดง ขนาด 2 ลิตร ขั้นต่ำ 1 ลัง หรือ สูตรใด ขนาดใดก็ได้ มูลค่าขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป มีสิทธิ์ได้รับคูปอง 1 ใบ และซื้อสินค้าน้ำปลาร้าต้มสุกปรุงรสตราแม่บุญล้ำ สูตรใด ขนาดใดก็ได้ ทุก 2,500 บาท มีสิทธิ์ได้รับคูปอง 10 ใบ เขียนชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร หย่อนกล่องที่พนักงานขาย ลุ้นบัตรทองคำมูลค่า 25,000 บาทต่อจังหวัด (1 จังหวัด ต่อ 1 รางวัล) เฉพาะร้านอาหาร ร้านตำ ร้านยำ ในพื้นที่ กรุงเทพฯ, นครราชสีมา, ขอนแก่น, อุดรธานี, อุบลราชธานี, เชียงใหม่, เชียงราย, ภูเก็ต และกาฬสินธุ์ รวม 9 รางวัล ยิ่งซื้อมาก ยิ่งมีสิทธิ์มาก ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2565

ติดตามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ Facebook และ TikTok แม่บุญล้ำ และ แฮปปี้ มาร์เก็ต ชาแนล

‘ก.อุตฯ’ ผนึก ‘พลังงาน’ ปั้นขยะเป็นไฟฟ้าใช้ในภาคอุตฯ พร้อมหนุนตั้งโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะ ลดการฝังกลบ

กระทรวงอุตสาหกรรม จับมือ กระทรวงพลังงาน ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือการบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมเพื่อผลิตไฟฟ้า (Waste-to-Energy) และการส่งเสริมการผลิตการใช้พลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานในภาคอุตสาหกรรม โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แสดงความยินดีในความร่วมมือในครั้งนี้ นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน และนายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ชี้แจงแนวทางการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงพลังงานลงนามในบันทึกความเข้าใจการบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมเพื่อผลิตไฟฟ้า (Waste-to-Energy) และการส่งเสริมการผลิตการใช้พลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีระยะเวลาความร่วมมือ 4 ปี มีวัตถุประสงค์เพื่อการบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ และได้พลังงานไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพ เพื่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ สร้างมูลค่าจากขยะอุตสาหกรรม สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ ที่เน้นในการพัฒนา 3 ด้าน คือ เศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) หรือโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่มีความต้องการให้ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุดในทุกกระบวนการ และสอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมให้เป็นอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industry) และนโยบายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด รวมทั้งการส่งเสริมการผลิต การใช้พลังงานทดแทน และการอนุรักษ์พลังงานในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะนำไปสู่ความยั่งยืนทางพลังงานของประเทศ

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้วางแผนการดำเนินงาน (Roadmap) กำหนดเป้าประสงค์ (Achievement Target) และเป้าความสำเร็จย่อยเป็นระยะ ๆ (Milestone) โดยมีคณะกรรมการร่วมฯ ขับเคลื่อนการดำเนินงานตามบันทึกความร่วมมือเพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. 2065 โดยได้มอบหมายให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลธุรกิจอุตสาหกรรมรวมถึงวัตถุอันตรายด้านการผลิต สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย ตามกรอบของกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ เป็นผู้ดำเนินงาน

นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวต่อว่า กรอ. จะเร่งดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ โดยสนับสนุนข้อมูลพื้นที่ที่มีศักยภาพสำหรับการตั้งโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับขยะอุตสาหกรรมในประเทศไทย เช่น ปริมาณ ประเภท และคุณสมบัติของขยะอุตสาหกรรม รวมทั้งข้อมูลผู้ประกอบกิจการขยะอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อสนับสนุนให้ขยะอุตสาหกรรมเข้าสู่ระบบการจัดการที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยได้สำรวจปริมาณขยะอุตสาหกรรมที่มีค่าความร้อนที่เหมาะสมสำหรับนำมาเป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตไฟฟ้า เช่น เศษพลาสติก เมื่อทราบปริมาณและพื้นที่เป้าหมายแล้ว จะนำมาวางแนวทางความเป็นไปได้ในการตั้งโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรมต่อไป

'รมว.เฮ้ง' สนองนโยบาย 'ลุงตู่' ลุยฝึกอาชีพแก้ไขปัญหาความยากจน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีนโยบายพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง สังคมไทยมีความสงบสุข สามัคคีและเอื้ออาทร ให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กระทรวงแรงงานมีนโยบายให้คนทุกกลุ่มมีอาชีพ มีงานทำ มีรายได้ มีการส่งเสริมการฝึกทักษะอาชีพ ตลอดจนดูแล เรื่องสวัสดิการและความคุ้มครองให้กับแรงงาน พัฒนาศักยภาพแรงงานของคนทุกกลุ่มให้มีทักษะในการทำงานหรือการประกอบอาชีพอิสระ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ารับการฝึกอาชีพสาขาต่างๆ และในขณะนี้มีคนว่างงานจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงกำชับให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานเร่งดำเนินการฝึกอบรมเพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับปร+ะชาชนเป้าหมาย ขจัดความยากจนให้เกิดผลสำเร็จ    

นายประทีป ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพิ่มเติมว่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มีหลักสูตรการฝึกอบรมให้กับผู้ว่างงาน ผู้ตกงานจากสถานการณ์โควิด – 19 ระยะเวลาการฝึกอบรมหลักสูตรละ 5 วัน มีค่าอาหารให้ผู้ฝึกอบรมวันละ 100 บาท มีเป้าหมายดำเนินการทั้งสิ้น 20,000 คน เศษ ดำเนินการฝึกทุกหน่วยงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานทุกจังหวัดทั่วประเทศ  หลากหลายหลักสูตร อาทิ หลักสูตร Smart Farmer การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ การสร้างสื่อมัลติมีเดียเพื่อการท่องเที่ยว การบำรุงรักษาเครื่องยนต์เล็กเพื่อการเกษตร การประกอบธุรกิจร้านกาแฟ การแปรรูปผลิตผลทางการเกษตร การทำผลิตภัณฑ์จากผ้า และหลักสูตรอื่นๆ อีกมากมาย

โดยที่ผ่านมาผู้ผ่านการฝึกอบรมนำความรู้ไปประกอบอาชีพและทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ดังเช่นนางบัน บุญภา อายุ 45 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 14 บ้านหินโงม ตำบลสร้างนกทา อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ มีอาชีพเป็นเกษตรกรทำนาตามฤดูกาลและเลี้ยงวัว เข้าฝึกอาชีพกับสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานอำนาจเจริญ หลักสูตรการจักสานผลิตภัณฑ์จากเส้นพลาสติกขนาด 6 มิลลิเมตร ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจักสานผลิตภัณฑ์จากเส้นพลาสติก จากแต่ก่อนไม่มีความรู้อะไรเลย พอมาฝึกอบรม ได้ใช้ความรู้ที่ได้เล่าเรียนมาไปจักสานตะกร้าจากเส้นพลาสติกแล้วนำลงขายในเฟซบุ๊กของน้องสาว ต่อมาจึงได้พัฒนาฝีมือเพิ่มขึ้นนำลงขายในเฟซบุ๊กของตัวเอง และในเฟซบุ๊กของกลุ่มสานตะกร้าบ้านหินโงม ทำให้มีรายได้เสริมเพิ่มเข้ามาใช้จ่ายในครอบครัว เดือนละ 4,000 บาท

โดยช่องทางในการจัดจำหน่ายก็มีขายตามเฟซบุ๊ก ของตัวเอง ชื่อว่าบัน บุญภา และขายผ่านเฟซบุ๊กของกลุ่มจักสานตะกร้าพลาสติกบ้านหินโงม นอกจากนี้ก็ไปจดทะเบียน OTOP กับสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งหากสำนักงานพัฒนาชุมชน มี event มีงานทางกลุ่มก็จะไปร่วมจัดจำหน่ายสินค้าโดยนำตะกร้าจากกลุ่มนี้ออกไปนำขายจัดจำหน่ายเพิ่มรายได้อีกช่องทางหนึ่ง

'กอบศักดิ์' ชี้ 3 ปัจจัยเสี่ยงในโลกเศรษฐกิจ หากเหตุ 'รัสเซีย-ยูเครน-พันธมิตร' ปะทุ!!

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ โพสต์เฟซบุ๊กถึงปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจหากเกิดสงครามระหว่างรัสเซีย - ยูเครน ว่า ...

ถึงเวลาที่เราต้องคิดเรื่อง Plan B ในกรณีของยูเครน !!!

ไม่มีใครอยากให้เกิดความขัดแย้ง ไม่อยากให้เกิดสงคราม อยากให้มีทางลงสวยๆ ที่ทุกคนตกลงยอมความกันได้ 

แต่จากสัญญาณต่างๆ ที่ออกมา ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา 

1.) การอพยพคนออกจากยูเครนของสถานทูตต่างๆ ซึ่งล่าสุด อิสราเอล ที่มีหน่วยข่าวกรองดีที่สุดประเทศหนึ่ง กำลังเร่งนำคนอิสราเอลออกยูเครนภายในวันอังคารที่จะถึงนี้ เช่นกัน 

2.) การเคลื่อนไหวของกองทัพและยุทโธปกรณ์ของรัสเซียรอบๆ ยูเครน

3. การประชุมล่าสุด 62 นาทีระหว่างประธานาธิบดี Biden และ Putin ก็ไม่ได้มี breakthrough ซึ่งส่งผลอะไรที่จับต้องได้ในเชิงการเปลี่ยนใจ แต่ได้เป็นโอกาสในการส่งสัญญาณเตือนตรงๆ ว่า US will react decisively and impose swift and severe costs if Russia invade Ukraine.  

ทั้งหมดหมายความว่า เราควรจะเตรียมคิดไว้เบื้องต้นว่า จะต้องปรับตัวอย่างไร หากสถานการณ์ที่ยูเครนลุกลามมากขึ้น

สิ่งที่จะตามมาในเชิงเศรษฐกิจ ที่เราต้องรับมือ เมื่อปัญหาเริ่มลุกลามขึ้น คือ

1.) ความผันผวนของสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งในส่วนหุ้น และ สินทรัพย์ทางเลือก

2.) ราคาน้ำมันและราคา Commodities บางตัวที่จะเพิ่มขึ้น (น้ำมันอาจจะทะลุ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล) จากการที่รัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกในน้ำมัน ก๊าซ ที่ยุโรปพึ่งพา และเป็นแหล่งผลิตสินค้า Commodities บางตัว เช่น พาลาเดี่ยม ที่จะมีนัยไปถึงการผลิต Chip ในตลาดโลก  

ทั้งหมดนี้ จะมีผลต่อเนื่องไปยังปัญหา Global supply disruption รวมทั้ง เพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อและทิศทางนโยบายการเงินของประเทศต่างๆ 

3.) การไหลเวียนของ Fund Flows ในโลกไปยัง Safe Haven ต่างๆ ทั้งในส่วนของ ทองคำ พันธบัตรรัฐบาล โดยเฉพาะ ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่มีความลึกมีสภาพคล่องที่ดี และจะส่งผลไปถึงค่าเงินดอลลาร์ต่อไป

INTERLINK ขอบคุณกลุ่มลูกค้าคนพิเศษ 

คุณสมบัติ - ดร.ชลิดา อนันตรัมพร ประธานกลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ และประธานมูลนิธิ อินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ ต้อนรับกลุ่มลูกค้าคนพิเศษในงาน "INTERLINK THANK YOU VIP 2022" เพื่อตอบแทนที่สนับสนุน เชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าและผลิตภัณฑ์ LINK ด้วยดีเสมอมา ในบรรยากาศฟังดนตรีสบาย ๆ ริมชายหาด และพูดคุยเทรนด์เทคโนโลยียอดฮิต พร้อมมีกิจกรรมแจกของรางวัลมากมาย อีกทั้งได้นิมนต์พระมาให้ทุกท่านร่วมทำบุญใส่บาตรริมหาดหัวหิน ทั้งอิ่มบุญ อิ่มใจไปพร้อม ๆ กัน ณ โรงแรมเชอราตัน หัวหิน เมื่อ 12-13 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top