Sunday, 4 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

แสงกระสือ ประสบการณ์ตรงเรื่องราวสุดหลอน!!! | TIME TO BELIEVE EP.9

TIMETOBELIEVE
💀 TIME TO BELIEVE ถึงเวลาหลอน EP.9
จะพาไปหลอนกับเรื่องราวของ สมาชิกวง THREE WITH ONE กับประสบการณ์ขนหัวลุก เรื่องราวสุดหลอนของกระสือ ที่มาพร้อมแสงกระสือผ่านหัว!!!

ดำเนินรายการโดย 'วายุ เอี่ยมรัมย์' ที่จะพาคุณไปพบเจอกับความหลอนจนนอนไม่หลับ

แขกรับเชิญที่จะผ่านไปหลอนกับ วง THREE WITH ONE

หลอนกับ TIME TO BELIEVE ตอนอื่น ๆ ก่อนได้ที่ : https://youtube.com/playlist?list=PL60bae1syuyKp57Sp4n4g0w3Klvpe1SiT

🎥 ช่องทางรับชม
Facebook: THE STATES TIMES PODCAST
YouTube: THE STATES TIMES PODCAST
TikTok: THE STATES TIMES PODCAST

สภาพ ‘สยาม’ ภายใต้การนำของ ‘จอมพล ป.’ คนรวยอยู่เหนือกฎหมาย คนจนกลายเป็นโจร

ใครที่ได้ดู ‘ขุนพันธ์’ ภาคแรก จะเห็นว่า ‘หลวงโอฬาร’ คนไทยใจทาส ผู้ยอมทรยศชาติอำนวยทางให้ทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกอย่างสะดวกโยธิน แต่พอมาภาคสอง เราก็ได้รู้จัก ‘ไทยถีบ’ ผ่านตัวละคร ‘เสือใบ’ ผู้กล้าปล้นญี่ปุ่น ขณะที่นักการเมืองและข้าราชการไทยยอมอำนวยความสะดวกด้วยเม็ดเงินที่ได้รับ และเมื่อมาถึงภาคสาม ก็ได้สะท้อนของยุคการเมืองที่รุนแรงและสังคมอันเหลื่อมล้ำ สมัยหลังสงครามมหาเอเชียบูรพา คนรวยอยู่เหนือกฎหมาย คนจนถูกกล่าวหาว่าเป็นโจร และข้าราชการทหารภายใต้ผู้นำเผด็จการพร้อมพิพากษาทุกคน 

ขอออกตัวก่อนว่าวันนี้ผมไม่ได้มาชวนท่านผู้อ่านไปชมภาพยนตร์เรื่อง ‘ขุนพันธ์’ นะครับ แต่ผมอยากมาชวนให้นึกถึงยุคสมัยนั้น ยุคที่เราต้องอาศัย ‘ศรัทธา’ มาก ๆ ถึงจะอยู่ได้อย่างปกติสุข 

หากจะเท้าความ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก็ต้องนับเนื่องมาจากหลังการแก่งแย่งชิงดีของคณะราษฎร 2475 จนสะเด็ดน้ำ ได้ผู้นำในแบบ Supreme Leader ไม่เกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหมพร้อมยกตนขึ้นเทียมเจ้าอย่าง ‘จอมพล ป. พิบูลสงคราม’ ที่บรรดาเยาวรุ่นและอาจารย์คลั่งปฏิวัติยกเป็น Idol 

ข้อดีอย่างหนึ่งในช่วงนั้นคือการสร้างความรักชาติอย่างยิ่งยวด การสร้างรัฐชาติให้คนไทยได้เป็นทหารถ้วนทั่วกัน บรรยากาศก่อนมีสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยราวกับถูกตรึงไว้ด้วยความเชื่อของผู้นำ ที่พยายามจะสร้างให้สยามเป็นมหาอำนาจ จากการได้ศึกษาจากเมืองนอกและไปดูตัวอย่างมาจากญี่ปุ่นผสมกับความเป็นฟาสซิสต์ สร้างให้เกิดรัฐนิยมที่แตกต่างไปจากทุกยุค ซึ่งในช่วงก่อน 8 ธันวาคม 2484 ประเทศเรามีความเข้มแข็งด้วยความเชื่อและรักชาติเป็นอย่างยิ่ง 

ทำไม ? ต้องก่อน 8 ธันวาคม 2484 ...ก็เพราะก่อนหน้านั้นเราเป็นมิตรกับญี่ปุ่น เราเชื่อว่าผู้นำทหารของเราจะไม่นำประเทศให้กลายเป็นกึ่งเมืองขึ้นของญี่ปุ่น เรามีความเตรียมพร้อมในการรักษาชาติ ผู้นำประเทศปลุกเร้าความรักชาติ จนเข้าขั้นคลั่งอยู่ทุกวัน เรามีนายร้อยชาย เรามีนายร้อยหญิง เรามียุวชนทหารผู้หาญกล้า แห่งปากน้ำชุมพร ผู้ต่อต้านการยกพลขึ้นบกของญี่ปุ่นอย่างสุดกำลังเพื่อพิทักษ์แผ่นดินไทย 

วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ตั้งแต่เวลา 02.00 น. ญี่ปุ่นส่งกำลังพลเข้ารุกรานไทยในหลายพื้นที่ชายทะเลของไทยได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยจำเป็นต้องเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเวลาถัดมา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้น ญี่ปุ่นที่เคยช่วยให้ไทยได้ดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงคืนมาจากฝรั่งเศส โดยมีคำกล่าวอ้างว่าในคืนวันที่ 7 ธันวาคม ประมาณ 23.00 น. ญี่ปุ่นได้ส่งเอกอัครราชทูตเข้าพบนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขออาศัยดินแดนไทยเป็นทางผ่านในการเคลื่อนทัพ แต่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม อยู่ระหว่างเดินทางไปราชการที่ต่างจังหวัด เพราะคิดว่าญี่ปุ่นคงจะยังไม่ลงมือรบ ทำให้ขาดผู้มีอำนาจในการสั่งการ ส่วนฝั่งญี่ปุ่นก็ไม่คิดจะรอคำอนุญาตใด ๆ บุกขึ้นฝั่งโจมตีอย่างไม่ให้คนไทยได้รู้ตัว จึงได้เกิดการปะทะกับคนไทยผู้รักชาติตลอดการยกพล ก่อนที่จะมีประกาศให้หยุดยิงในช่วงเช้าประมาณ 07.30 น. ตามประกาศดังนี้....

“...ประกาศของรัฐบาล ได้รับโทรเลขจากจังหวัดต่าง ๆ ตั้งแต่เวลา 02.00 น. ว่าเรือรบญี่ปุ่นได้ยกทหารขึ้นบกที่จังหวัดสงขลา ปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร และบางปู ทางบกได้เข้าทางจังหวัดพิบูลสงคราม ทุกแห่งดังกล่าวแล้วได้มีการปะทะสู้รบกันอย่างรุนแรงสมเกียรติของทหารและตำรวจไทย 07.30 น. วันนี้ รัฐบาลไทยได้สั่งให้ทหารและตำรวจทุกหน่วยหยุดยิงชั่วคราวเพื่อรอคำสั่ง ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังเจรจากันอยู่ ผลเสียหายทั้งสองฝ่ายยังไม่ปรากฏ...กรมโฆษณาการ 8 ธันวาคม 2484”

ต่อมาในวันที่ 9 ธันวาคม 2484 ได้มีการเรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นการด่วนเพื่อที่รัฐบาลจะได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ทางรัฐบาลได้ยินยอมให้ญี่ปุ่นผ่านประเทศไทย เพื่อไปมาเลเซีย สิงคโปร์ และพม่า ‘เพราะไม่มีทางจะต่อสู้ต้านทานกำลังกองทัพญี่ปุ่นได้จึงยอมตามคำขอ’ ว่ากันว่าการประชุมครั้งนั้นเป็นการประชุมที่สลดใจเป็นที่สุด ตามบันทึกของประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์ อดีตเลขาธิการรัฐสภา ว่า.... 

“มวลสมาชิกสภาได้รับทราบดังนั้นแล้ว เพราะเหตุที่ได้กล่าวแล้วว่า คนไทยทุกคนได้รับการปลุกใจให้รักชาติ ให้ทำการต่อสู้ศัตรู ตามกฎหมายกำหนดหน้าที่ของคนไทยในการรบเมื่อทราบว่ารัฐบาลยินยอมให้กองทัพญี่ปุ่นผ่านไป โดยไม่ได้มีการต่อสู้ตามที่เคยประกาศชักชวนปลุกใจไว้ อันตรงกันข้ามกับจิตใจคนไทยในขณะนั้น จึงทำให้การประชุมในครั้งนั้น เป็นการประชุมที่แสนเศร้าที่สุด ทั้งสมาชิกสภา รัฐมนตรี ได้อภิปรายซักถามโต้ตอบกันด้วยน้ำตานองหน้า ความรู้สึกของทุกคนในขณะนั้น คล้ายกับว่าเด็กถูกผู้ใหญ่ที่มีกำลังมหาศาลรังแก จะสู้ก็สู้ไม่ได้ ทั้งมีความวิตกว่า ประเทศไทยได้สูญเสียเอกราชอธิปไตยไปแล้ว”

สรุปคือปลุกใจอย่างบ้าคลั่ง สวนทางกับการกระทำจริง ๆ ซึ่งนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งแห่งความเสื่อมศรัทธาต่อผู้นำ เมื่อญี่ปุ่นเข้ามาประเทศก็เกินเงินเฟ้อเต็มระบบ เกิดความเหลื่อมล้ำตามที่กล่าวไว้ข้างต้น นักการเมือง ข้าราชการก็ใส่เกียร์ว่าง ใครกอบโกยได้ก็กอบโกย บ้างก็กลายไปเป็นโจรในเครื่องแบบ จนกระทั่งคนธรรมดากลายเป็นคนจน คนจนก็กลายไปเป็น ‘โจร’

นาทีระทึก!! ‘นักเรียน ม.2’ ถูกคนร้ายบุกยิงดับ หน้ามัสยิด ในปัตตานี จนท. เร่งตามล่าผู้ก่อเหตุ คาดหลบหนี ‘อ.ยะรังฯ’

เด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 นั่งอยู่กับแม่หน้ามัสยิด ถูกคนร้ายขับรถมายิง เสียชีวิต 1 ราย ที่ ปัตตานี
.
(10 มี.ค.66)  เวลาประมาณ 08.35 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุเหตุใช้อาวุธปืนยิง ที่ม้านั่งหินขัด หน้ามัสยิดดารุสนัดวะตุสอิสลามียะห์บริเวณโรงเรียน ประชารักษ์ ม.6 ต.ปุยุค อ.เมือง จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เป็นนักเรียน ชั้น ม.2 ทราบชื่อ ด.ญ.กูตักวา เงินสองสี อายุ 14 ปี ชาวปัตตานี ถูกกระสุนปืนเข้าบริเวณหน้าอกด้านซ้าย นำส่งโรงพยาบาลปัตตานี และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ศรชล.จัดกิจกรรม “รักษ์ทะเลไทย ไปกับ ศรชล.ภาค 3 เก็บขยะชายหาด” จังหวัดสตูล เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนา ศรชล. ประจำปี 2566

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดสตูล /ผอ.นก.พตต.ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3/ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสตูล ร่วมกับ ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดสตูล กองสารนิเทศ สน.ฝอ.ศรชล.ภาค 3 ร่วมกันจัดกิจกรรม “รักษ์ทะเลไทย ไปกับ ศรชล.ภาค 3 เก็บขยะชายหาด” จังหวัดสตูล เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนา ศรชล. ประจำปี 2566 ณ ชายหาดทะลดาว (บ้านบ่อเจ็ดลูก) หมู่ที่ 1 ต.ปากน้ำ อ.ละงู จังหวัดสตูล โดยมี น.อ.แสนย์ไท บัวเนียม รอง ผอ.ศรชล.จว.สต.ฯ/ผบ.นก.พตต.ศรชล.ภาค 3 เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมฯ และ น.ส.อรุณี  แสงหยัง ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดสตูล เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมฯ

ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดสตูล ประกอบด้วย ศรชล.จว.สต. ศคท.จว.สต. ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดสตูล ทัพเรือภาคที่ 3 ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสตูล สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสตูล สำนักงานประมงจังหวัดสตูล สถานีเรือละงู ด่านศุลกากรสตูล สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสตูล สถานีตำรวจน้ำสตูล ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนจังหวัดสตูล อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา สถานีเรือละงู องค์การบริหารส่วนตำบลปากน้ำ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านบ่อเจ็ดลูก และประชาชนในพื้นที่ จำนวน 200 คน สำหรับการจัดกิจกรรมฯ ประกอบด้วย

การให้ความรู้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

กู้ออนไลน์ ต้องรู้ทันมิจฉาชีพ! | TIME TO KNOW EP.16

ทนายบอน ณัฐนันท์ กัลยาศิริ เผยว่ามีประชาชนมาปรึกษาว่าโดยหลอกกู้ออนไลน์กว่า 300 ราย จึงอยากเตือนประชาชนว่าอย่ากรอกข้อมูลส่วนตัวอะไรในเว็บไซต์ง่ายๆ ต้องพิจารณาให้ดี ต้องรู้ทันมิจฉาชีพ เพราะการกู้เงินออนไลน์ ไม่เพียงแต่เสียเงินเท่านั้น ยังเสียสุขภาพจิต มีความเครียด และกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ มาติดตามรายละเอียดเพื่อให้รู้เท่าทันมิจฉาชีพได้ในคลิปนี้…

วันนี้ได้รับเกียรติจาก 'คุณณัฐนันท์ กัลยาศิริ' (ทนายบอน)
ทนายความหัวหน้าสำนักงาน สำนักงานกฎหมายประชาธรรม

ดำเนินรายการโดย อ๊อดโต้ วสันต์ 
Content Manager THE STATES TIMES

รับชม TIME TO KNOW ตอนอื่นๆ ได้ที่ :  https://youtube.com/playlist?list=PL60bae1syuyLeCUW3J3YQWxrNs4ZAeXBp 

🎥 ช่องทางรับชม
Facebook: THE STATES TIMES PODCAST
YouTube: THE STATES TIMES PODCAST
TikTok: THE STATES TIMES PODCAST

สารพัดข้ออ้าง!! 'เยอรมนี' อ้างเหตุภัยไซเบอร์ ขอเดินตามเกมสหรัฐฯ ร่วมแบนเทคโนโลยี 5G ของ Huawei และ ZTE

กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที เมื่อสำนักข่าว Zeit Online ของเยอรมนีเปิดเผยว่า ทางรัฐบาลเยอรมนี ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี โอลาฟ ซอลซ์ มีแผนที่จะประกาศห้ามใช้อุปกรณ์เทคโนโลยี 5G ของบริษัทผู้ผลิต Huawei และ ZTE ของจีน ตามชาติพันธมิตรอย่าง สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น 

โดยได้อ้างมติที่พิจารณาร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย และหน่วยด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของเยอรมนีที่หารือกันมานานหลายเดือน จนได้ข้อสรุปให้ระงับสัญญาการติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายเทคโนโลยี 5G สัญชาติจีน ด้วยเหตุผลด้านภัยคุกคามความมั่นคงทางไซเบอร์ และความปลอดภัยทางข้อมูลของผู้ใช้งาน 

แต่เหตุผลหลักคือ ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทสัญชาติจีนทั้ง 2 แห่งกับรัฐบาลปักกิ่ง ที่สร้างความไม่ไว้วางใจให้กับมหาอำนาจตะวันตก ที่มองว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้เป็นเครือข่ายการคมนาคมยุคใหม่ในประเทศ

ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ตอบตกลงในการติดตั้งระบบเครือข่าย 5G ของบริษัทจีนในประเทศไปแล้วบางส่วน และหากรายงานข่าวของสื่อเยอรมันเป็นความจริง ก็จะครอบคลุมถึงระบบอุปกรณ์ที่ได้ติดตั้งไปแล้วด้วย ที่ต้องรื้อถอนออกไป ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างมากให้แก่รัฐบาลจีน

นายเซียง ลี่กัง ผู้อำนวยการสำนัก Information Consumption Alliance ในกรุงปักกิ่งกล่าวว่า จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีการยืนยันกับทางจีนว่าข่าวนี้เป็นจริงหรือไม่ แต่ถ้าเยอรมนียืนกรานที่จะแบนอุปกรณ์เทคโนโลยี 5G ของจีนจริง จะสร้างผลเสียให้เยอรมนีมากกว่า

เพราะจากข้อมูลของสำนักสำรวจ Strand Consult พบว่าบริษัทเทเลคอมของเยอรมันในคลื่นสัญญาณ 5G จากอุปกรณ์ของ Huawei แล้วถึง 59% แซงหน้าระบบเก่า 4G ที่ใช้อยู่ 57% ไปแล้ว 

และหากต้องรื้อถอนระบบที่ติดตั้งไปแล้วของบริษัทจีน เพื่อวางระบบใหม่หมด รัฐบาลเยอรมนีต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกหลายพันล้านยูโรโดยไม่จำเป็น และฟันธงได้เลยว่าไม่มีทางหาผู้รับเหมาประเทศไหนสามารถวางระบบได้ในราคาที่จีนเสนอให้แน่นอน 
 

หลังม่าน WW2 คราบน้ำตาของชาวญี่ปุ่น บนผืนธงชาติอเมริกา เมื่อค่ายกักกันยุ่น มีสภาพไม่ต่างจากนรกบนดิน

จริงๆ แล้ว อเมริกาซ่อนจุดด่างดำอัปลักษณ์ไว้ใต้ผืนธงชาติมากมาย เลยต้องคุ้ยประวัติศาสตร์บางด้านมาเล่าสู่กันฟัง  

สงครามโลกครั้งที่สองเป็นการรบกันระหว่างมหาอำนาจสองขั้วคือ ฝ่ายอักษะและฝ่ายสัมพันธมิตร  

ฝ่ายอักษะคือ ญี่ปุ่น, เยอรมัน และอิตาลี ส่วนสัมพันธมิตรคือ ฝรั่งเศส, อังกฤษ, รัสเซีย และจีน ส่วนอเมริกาตอนนั้นยังนอนแคะสะดือดูสถานการณ์ ไม่ได้ร่วมหัวจมท้ายกับใครช่วงต้นสงคราม  

แต่อเมริกานอนเกาไข่เล่นได้ไม่นาน เช้าตรู่วันที่  7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 ฝูงบินญี่ปุ่นก็ถล่มเพิร์ลฮาร์เบอร์ที่ฮาวาย ทหารอเมริกันตายเพียบ เล่นเอาอเมริกันทั้งประเทศเต้นผางอย่างโกรธแค้น ชะ..ไอ้พวกแจ้บ (คำนี้ใช้เรียกชาวญี่ปุ่นในอเมริกาเวลานั้น) บังอาจมาหย่อนระเบิดบ้านกูได้

อเมริกันนั้นยัวะมาก ประกาศสงครามดังลั่นโลก พอวันรุ่งขึ้นวันที่ 8 ธันวาคม ลุงแซมประกาศสงครามกับญี่ปุ่นทันที แถมแรงแค้นยังกระเพื่อมไปถึงชาวญี่ปุ่นทุกคนในอเมริกา โดยเฉพาะฮาวาย ซึ่งเวลานั้นมีชาวญี่ปุ่นมาตั้งรกรากเป็นจำนวนมาก รัฐบาลอเมริกันออกกฎหมายบังคับให้คนญี่ปุ่นในอเมริกา ทิ้งบ้านเรือนร้านค้า แล้วกวาดต้อนเข้าไปอยู่ในค่ายกักกัน ถึงแม้ชาวญี่ปุ่นเหล่านั้นจะได้สัญชาติอเมริกันก็ตาม หรือแม้แต่ชาวญี่ปุ่นที่เกิดในอเมริกา ซึ่งได้สัญชาติอเมริกันตั้งแต่เกิด แต่รัฐบาลไม่แคร์กับสิทธิเสรีภาพของพลเมืองอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นเหล่านี้แต่อย่างใด

ประธานาธิบดี แฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ ออกคำสั่งฝ่ายบริหารที่ 9066 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1942  มอบอำนาจให้ผู้บังคับบัญชาทหารท้องถิ่นกำหนด "พื้นที่ทหาร" เพื่อลงดาบบุคคลใดก็ตามที่มีบรรพบุรุษชาวญี่ปุ่น พูดง่ายๆ คือลากพวกนี้ไปเข้าค่ายกักกันให้หมดนั่นเอง  

คำสั่งนี้เหมือนฝันร้าย ทำให้ชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นนับแสนต้องทิ้งบ้านเรือนร้านค้าที่ตัวเองเป็นเจ้าของ  เอาติดตัวไปแต่เพียงเสื้อผ้า เพื่อเข้าไปอยู่ในค่ายกักกันตามคำสั่ง แถมรัฐยังยึดที่ดิน ร้านค้า บ้านเรือน ทรัพย์สินของอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ทำให้หลายครอบครัวหมดตัวในพริบตา 

สิ่งที่รัฐบาลอเมริกันทำในเวลานั้น ไม่ได้แตกต่างไปจากนาซีเยอรมันกระทำต่อชาวยิวเลยแม้แต่น้อย แต่ละครอบครัวได้รับหมายเลขยืนยันตัวบุคคล สนามแข่งม้าแซนตาแอนิตาในลอสแอนเจลิสเป็นศูนย์แรกรับใหญ่ที่สุด รองรับได้มากกว่า 18,000 คน และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนถูกบังคับให้อาศัยอยู่ในคอกม้าอย่างแออัดยัดเยียด

แม้อเมริกาเพิ่งเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สองในตอนท้าย และพลอยฟ้าฟลอยฝนได้รับชัยชนะไปด้วยในที่สุด แต่ความเกลียดชังและอคติที่มีต่อชาวญี่ปุ่นในอเมริกายังไม่จางหายไป ยังมีการคุมขังต่อเนื่อง มีการปล่อยตัวชาวญี่ปุ่นเหล่านี้บ้าง ก็เฉพาะที่ถูกคัดสรรแล้วว่าจงรักภักดีต่ออเมริกาจริง นอกนั้นถูกกักขังกักกันต่ออีกหลายปี แม้กระทั่งทารกแรกเกิดที่เกิดในค่ายกักกันก็ไม่ได้รับการปล่อยตัว 

ค่ายกักกันชาวญี่ปุ่นมีทั้งสิ้น 10 แห่งในหลายรัฐ ทั้งแอริโซน่า อาคันซอร์ แคลิฟอร์เนีย โคโลราโดไอดาโฮ ยูทาห์ และไวโอมิ่ง  ทั้งหมดตั้งอยู่ในสถานที่ทุรกันดาร มีสภาพความเป็นอยู่เลวร้าย ค่ายปรับทัศนคติที่รู้จักกันดีที่สุด คือ ค่าย Manzanar ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาเซียร์ร่า เนวาดา  

ค่ายกักกันทุกแห่งมีสภาพไม่ต่างจากนรกบนดิน   หลายคนตาย เพราะถูกเจ้าหน้าที่ยิง เพียงแค่เดินเฉียดกำแพงค่าย ช่วงเวลาฝันร้ายในค่ายกักกันกินเวลาประมาณ 3 ปี มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยราว 2,000 คน จนกระทั่งวันที่ 18 ธันวาคม 1944 มีการประกาศยกเลิกกักกัน แต่เมื่อออกจากค่ายกักกันต้องเผชิญฝันร้ายซ้ำสอง เพราะสิ้นเนื้อประดาตัวทุกครอบครัว

ทางรอดใหม่ของประเทศ!! ‘อิหร่าน’ โวพบแหล่งลิเทียม ขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก คาดมีมากถึง 8.5 ล้านตัน เป็นรอง ‘ชิลิ’ ที่มีอยู่ 9.2 ล้านตัน

อิหร่านประกาศพบแหล่งลิเทียม (Lithium) ขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกในจังหวัดทางตะวันตก ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณลิเทียมสำรองอยู่มากถึง 8.5 ล้านตัน

สถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิหร่านอ้างคำแถลงของ โมฮัมหมัด ฮาดี อาห์มาดี เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม เหมือง และพาณิชย์เมื่อวันเสาร์ (4 มี.ค.) ที่ผ่านมาว่า “เราพบแหล่งลิเทียมที่จังหวัดฮาเมดัน (Hamedan) ซึ่งถือเป็นการค้นพบครั้งแรกในอิหร่าน”
 

ลิเทียมซึ่งได้ฉายาว่า “ทองคำสีขาว” (white gold) คือหนึ่งในแร่หายาก หรือ “แรร์เอิร์ธ” ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ไฟฟ้า

 

ทั้งนี้ หากตัวเลข 8.5 ล้านตันของกระทรวงอุตสาหกรรมอิหร่านได้รับการยืนยัน จะทำให้สาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้กลายเป็นเจ้าของแหล่งลิเทียมใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจาก “ชิลี” ซึ่งมีปริมาณลิเทียมสำรองอยู่ 9.2 ล้านตัน ตามข้อมูลจากสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS)

ลิเทียมเป็นวัสดุจำเป็นที่ใช้ผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนในรถยนต์ EV รวมถึงแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนที่สามารถชาร์จซ้ำได้ โดยในปีที่แล้วราคาของโลหะหายากชนิดนี้พุ่งสูงขึ้นมากตามความต้องการชิ้นส่วนรถยนต์ EV ในตลาดที่เพิ่มขึ้น
 

นับถอยหลัง 'โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่' อีกตำนานเบอร์ 9 ของลิเวอร์พูล

ท่ามกลางกระแสซึ่งดูจะไม่ยอมลดราวาศอกลงง่าย ๆ กับศึกแห่งศักดิ์ศรีของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก คู่ระหว่าง 'แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด' กับ 'ลิเวอร์พูล' ที่ตามสำนวนดั้งเดิมของเกาะอังกฤษเรียกว่าสงคราม 'Red Heat' ก่อนแปลงมาเข้ากับปากคนไทยว่า 'ศึกแดงเดือด' นับเป็นตำนานมหากาพย์แห่งสีเสื้อนับเกินร้อยปี

ผลการแข่งขันออกมาอย่างไรผมไม่ขอขยายต่อ

แต่สำหรับเหล่า 'เธอะ ค็อป' แล้ว มีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องให้ความสนใจมากกว่า เพราะไม่กี่วันก่อนหน้า ผู้เล่นหมายเลข 9 คนปัจจุบันของสโมสร 'โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่' (Roberto Firmino) เลือกจะไม่ต่อสัญญากับลิเวอร์พูลหลังจากจบฤดูกาลนี้ โดยเปิดเผยการตัดสินใจผ่านตัวแทนของเขาเอง ใจความว่า

"ผมมีเวลาของผม และมันก็ถึงเวลาที่จะต้องไป กับลิเวอร์พูลนั้นช่างเป็นช่วงที่ยิ่งใหญ่ งดงาม และประสบความสำเร็จที่สุดในชีวิตของผม ร่วมกับผู้จัดการทีม เพื่อนร่วมงาน กับพวกเขาทั้งหมดนั่น"

ปฏิกิริยาต่อการเอ่ยลาของบ๊อบบี้ครั้งนี้ แสดงออกให้เห็นจากทุกมุมของอัฒจันทร์แอนฟิลด์ ทันทีที่เขาย่างเท้าลงเหยียบสนามหญ้า และค่ำคืนนั้นเขายังปิดสกอร์ส่งท้ายด้วยรอยยิ้มอันแสนมีความสุขที่สุดครั้งหนึ่งเช่นที่เห็นกันตลอดมา

"หลังจากเรายิงประตูที่ห้าได้ ผมหันมองไปที่ม้านั่งสำรองเพื่อคุยกับผู้เล่นที่ต้องการอยากที่จะทำประตูต่อไปให้กับทีมในค่ำนี้ และเฟอร์มิโน่ก็พูดขึ้นมาว่า 'ผมจะลงครับ ผมต้องการทำประตู' จากนั้นไม่นานเขาได้ในที่สุด" เจอร์เก้น คล็อปป์ ยอดกุนซือจากเยอรมันกล่าวหลังเกมแดงเดือดอันน่าจดจำ

เชื่อว่าแฟนบอล 'ลิเวอร์พูล' วันนี้ส่วนใหญ่จะรู้สึกผูกพันกับบ๊อบบี้ เฟอร์มิโน่ เพราะเขาคือทุกอย่างของทีม ทุกครั้งที่ลงสนามเขาคือคนสร้างรอยยิ้มให้แฟนบอลได้อยู่เสมอ แต่หลังจากนี้ไป คงต้องเป็นผู้เล่นคนอื่นที่จะลงมาทำงานหนักแทนเขา

ครั้งหนึ่งคล็อปป์เคยพูดถึง 'โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่' ไว้อย่างจับใจ "...ทีมฟุตบอลก็เหมือนวงออร์เคสตรา คุณต้องการคนที่แตกต่าง เพื่อเล่นเครื่องดนตรีที่แตกต่างกัน บางชนิดดังกว่า บางชนิดดังไม่มาก แต่ทั้งหมดมีความสำคัญต่อจังหวะของเรา และสำหรับผู้เล่นอย่างบ๊อบบี้ เขาสามารถเล่นเครื่องได้ถึง 12 ชิ้นในวง!"

"...เป็นเรื่องปกติที่สิ่งนี้มันจะเกิดขึ้นหลังจากที่ตัวผู้เล่นสัญญาหมดลง และผู้เล่นเองได้ตัดสินใจลงไปแล้ว เราก็แค่ต้องเคารพต่อสิ่ง ๆ นั้น และค่ำนี้ ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะพอทราบมาบ้างแล้ว เขาจึงได้รับการต้อนรับอันแสนยอดเยี่ยม และประตูที่เขาทำคือประตูที่สนามแห่งนี้ต้องการมากที่สุด และอยากจะเห็นมากที่สุด" เจอร์เก้นพูดถึงนักเตะซึ่งเขามอบความรักให้ราวน้องชายร่วมอุทร
 

ขี่ช้างหลบไป!! เท่เกิน! เด็กหญิง ป.4 เมืองตรัง ขี่ม้าไปโรงเรียน ช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีสมาธิ-การเรียนดีขึ้น

เด็กหญิงชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านทุ่งส้มป่อย อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง ขี่ม้าไปเรียนหนังสือโดยมีคุณพ่อคอยขี่ม้าอีกตัวตามประกบ นอกจากจะประหยัดค่าน้ำมันแล้วยังเป็นการออกกำลังกายและฝึกสมาธิได้อีกทางหนึ่งด้วย ด้านผู้อำนวยการโรงเรียนเผยหลังเลี้ยงม้าน้องกลายเป็นจิตอาสาและเด็กเรียน พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ

วันที่ 8 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ตรัง รายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 65 หมู่ที่ 1 ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง พบ ด.ญ.สุกัลย์ชนก ชัยทอง หรือ น้องหยก อายุ 10 ขวบนักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านทุ่งส้มป่อย อ.นาโยง จ.ตรัง กำลังขึ้นขี่ม้าลูกผสมสีขาวหม่น อายุประมาณ 6 ปีเพื่อไปเรียนหนังสือ โดยระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนเกือบ 3 กิโลเมตร มีคุณพ่อคือนายจิระพงษ์ ชัยทอง อายุ 49 ปี ขี่ม้าสีน้ำตาล-ดำ คอยตามประกบ เพื่อระวังรถเวลาข้ามถนนให้กับลูกสาว สร้างความฮือฮาให้กับชาวบ้านได้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเด็กผู้หญิงคนแรกในจังหวัดตรังที่ขี่ม้าไปโรงเรียนได้อย่างแคล่วคล่อง ว่องไว โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ขี่ม้าถึงโรงเรียนแล้วและเมื่อเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จแล้วคุณพ่อของน้องหยก จะพาม้าทั้งสองตัวกลับบ้าน ส่วนช่วงเย็นรถเยอะกลัวว่าไม่ปลอดภัยก็จะขับรถมารับน้องหยกแทน

น้องหยก เริ่มขี่ม้าไปโรงเรียนประมาณ 1 ปีแล้ว แต่ไม่ได้ขี่มาทุกวัน เนื่องจากคุณพ่อไม่ว่างตามมารับมาส่ง แต่หากมีเวลาคุณพ่อก็จะให้น้องหยกขี่ม้ามาโรงเรียนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับม้า ประหยัดค่าน้ำมันและได้ออกกำลังกายยามเช้า โดยตลอดสองข้างทาง มีชาวบ้านให้ความสนใจ แห่บันทึกภาพและชื่นชมในความสามารถที่เกินตัวของน้องหยกตลอดทางและที่โรงเรียน น้องหยกกลายเป็นฮีโร่ของเพื่อนๆ ที่ทุกคนต่างอยากจะขี่ม้า โชว์ความเท่เหมือนอย่างน้องหยกบ้าง

สำหรับม้าลูกผสมทั้งสองตัวนี้เจ้าของคือคุณพ่อของน้องหยก ซื้อมาจาก จ.กาญจนบุรี เมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยตัวแรกสีน้ำตาล-ดำ ชื่อซาร่า ซื้อมาในราคา 180,000 บาท ส่วนตัวสีขาวหม่นชื่อจัสติน ราคา 100,000 บาท เป็นม้าเพศเมียทั้งสองตัว อายุประมาณ 6 ปี นิสัยเชื่องมาก ไม่ดุร้าย อ่อนโยน โดยหลังซื้อม้ามาเลี้ยงเพิ่มอีก 2 ตัว น้องหยกก็ตั้งใจหัดขี่ม้าเรื่อยมา จนคุณพ่อวางใจและให้ขี่ม้ามาโรงเรียนได้ โดยน้องหยกยังทำหน้าที่ตัดหญ้าให้ม้า ป้อนหญ้าม้า และอาบน้ำให้ม้า จนกลายเป็นความรักความผูกพัน สมใจคุณพ่อที่อยากให้ลูกสาวทั้งสามคน มีสัก 1 คนที่ชื่นชอบม้าเป็นชีวิตจิตใจเหมือนกับตน ซึ่งที่บ้านของน้องหยก มีม้าทั้งหมด 4 ตัวเป็นม้าพันธุ์พื้นเมือง 2 ตัว และม้าลูกผสม 2 ตัว และน้องหยกขี่ม้ามาโรงเรียนได้ทั้งสองตัวคือจัสตินกับซาร่า

โดยพบว่าหลังจากที่น้องหยกได้ขี่ม้าและคลุกคลีอยู่กับม้าแล้ว ทำให้นิสัยของน้องเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากลูกคนสุดท้องที่ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง ร้องไห้บ่อย กลายเป็นเด็กเรียน ใจเย็น มีสมาธิ มีจิตอาสาสูง ร่าเริงและกล้าแสดงออกมากขึ้น โดยพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

นายจิระพงษ์ ชัยทอง คุณพ่อของน้องหยก กล่าวว่า ม้าสีขาวชื่อจัสติน ส่วนสีน้ำตาลชื่อซาร่า ส่วนลูกสาวฝึกขี่ม้ามาปีกว่าแล้ว ซึ่งลูกสาวเห็นตนเลี้ยงและดูเป็นตัวอย่าง ต่อมาจึงหัดขี่เองโดยขี่ไปโรงเรียนมานานเป็นปีแล้ว ซึ่งคุณพ่อต้องตามประกบ ส่วนสาเหตุที่น้องชอบขี่ม้าคงมาจากสายเลือด โดยระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนประมาณ 2 กิโลกว่า แต่ขี่ไม่ทุกวันเพราะนอกจากจะประหยัดแล้ว เด็กยังได้ออกกำลังกายไปด้วย โดยมีชาวบ้านชอบและสนับสนุนกันทุกคน ซึ่งเวลาตนไม่อยู่ น้องก็จัดการเองหมด

ส่วน ด.ญ.สุกัลย์ชนก ชัยทอง หรือน้องหยก กล่าวว่า ที่ชอบขี่ม้าเพราะมันคุ้นและน่ารักดี ซึ่งตนก็ต้องเลี้ยงม้าด้วยการอาบน้ำและป้อนหญ้าให้กินด้วย โดยตัวสีขาวที่ขี่ชื่อจัสติน ซึ่งการขี่ม้าทำให้ได้ออกกำลังกายและประหยัดค่าใช้จ่ายไปด้วย ชาวบ้านเห็นแล้วขอถ่ายรูปเยอะมาก ซึ่งจะขี่มามาโรงเรียนนานเท่าไหร่นั้นไม่แน่ใจ แต่ชอบ โดย 1 อาทิตย์จะขี่ม้ามาโรงเรียน 2 ครั้ง ซึ่งตอนแรกก็กลัว แต่ตอนนี้มั่นใจขึ้นมากแล้ว
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top