Thursday, 9 May 2024
THE STATES TIMES TEAM

ปีนี้ 'อาลีบาบา' โกยไปเท่าไหร่!?

ยังเฉียบเหมือนเดิม หลังจาก Alibaba รักษาฟอร์มยอดขายของวันเทศกาล 11.11.2020 ได้อย่างคงเส้นคงวา โดยปีนี้กวาดยอดขายตั้งแต่ช่วงนาฬิกาเริ่มหมุนไปถึง 1.71 ล้านล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ทำไว้ 1.16 ล้านล้านบาท

 

คปส.ได้ซีน ปัดตอบยุรัฐประหาร

นายกฤตย์ เยี่ยมเมธากร เลขาเครือข่ายประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ (คปส.) บุกหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ยื่นหนังสือถึง ผู้บัญชาการทหารบก ให้กำลังใจ ผบ.ทหาร ผบ.ตำรวจ และทหารทั่วประเทศ เพื่อให้มีพลังแก้ไขปัญหาและปกป้องสถาบัน

ประเด็นยื่นจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ผบทบ. ทำรัฐประหาร เลขาคปส. เลี่ยงตอบ ย้ำวันนี้มาให้กำลังใจเท่านั้น ขณะเดียวกันชายสวมเสื้อเหลืองชูป้ายเตรียมป่วน ระบุข้อความว่า “การรัฐประหารคือกบฏ” ก่อนรีบแยกย้ายไร้เหตุชุลมุน

‘คนละครึ่ง’ ดึงเงินได้เกินคาด

แม้ช่วงแรกที่โครงการของรัฐอย่าง ‘คนละครึ่ง’ จะถูกสบประมาทเบาๆ ว่าไม่น่ากระตุ้นกำลังซื้อคนไทยได้มากนัก แต่กลับกันโครงการนี้ เริ่มดูดเงินจากกระเป๋าประชาชนให้ออกมาใช้จ่ายกันได้เยอะเกินคาด

แล้วตอนนี้โครงการคนละครึ่งเดินหน้าไปถึงไหน?

อัพเดทข้อมูลของกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2563

มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกว่า 5.7 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 7,387,647 คน

มียอดการใช้จ่ายผ่านแอพฯ เป๋าตังของธนาคารกรุงไทยราว 1.1 หมื่นล้านบาท เงินที่ประชาชนใช้จ่ายเองอยู่ที่ 5.61 พันล้านบาท ภาครัฐร่วมจ่ายไป 5.40 พันล้านบาท คิดเป็น 18.01% จากกรอบงบ 30,000 ล้านบาท มียอดการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 212 บาทต่อครั้ง

แต่ส่วนใหญ่ใช้ต่อบิลทะลุเกิน 300 บาท จังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด คือ กรุงเทพ / สงขลา / นครศรีธรรมราช / สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่

สำหรับโครงการคนละครึ่ง ของกระทรวงการคลัง เป็นโครงการเพื่อร้านค้ารายเล็ก และจำกัดสิทธิ์ไม่ให้ร้านค้ารายใหญ่เข้าร่วม โดยรัฐบาลจะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ประชาชนครึ่งหนึ่ง คิดเป็นวงเงินคนละไม่เกิน 3 พันบาท และใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าได้ไม่เกินวันละ 300 บาท

ฉะนั้นหากคิดจากฐานผู้รับสิทธิ์ที่กำหนดไว้ทั้งหมดที่ 10 ล้านคน จะทำให้เกิดเม็ดเงินไหลเวียนจากฝั่งประชาชน 3 หมื่นล้านบาท และพอมาบวกกับอีกครึ่งจากรัฐบาล จะทำให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินไปสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยไหลไปร้านค่าย่อยๆ ได้ราว 6 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว

ส่วนใครที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน ยังเหลือพื้นที่อีกราว 2.3 ล้านคนที่สามารถลงรอบใหม่ได้ในวันนี้ (11 พฤศจิกายน พ.ศ.2563)

‘กางเกงปังมากขาแม่!’ เปลี่ยนลุคใหม่ ‘ทรัมป์’ ต้อนรับว่างงาน!

ปังปุลิเย่! เห็นลุคใหม่ของ "โดนัลด์ ทรัมป์" (ว่าที่อดีต) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ทางพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง มาดามทุซโซ ประเทศอังกฤษได้ออกมาแปลงโฉมให้ บอกเลยว่า ถูกใจเจง ๆ

เป็นที่ทราบกันดีว่า มาดามทุซโซเป็นพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งที่เป็นแหล่งรวมการปั้นหุ่นคนดังทั่วโลก แน่นอนว่า ต้องมีประธานาธิบดีของอเมริกาอย่าง "โดนัลด์ ทรัมป์" ด้วยเช่นกัน

ซึ่งที่ผ่านมา ทางพิพิธภัณฑ์คุมลุค President ด้วยการสวมสูทเต็มยศ ทว่าล่าสุด อย่างที่เรารู้กัน ทรัมป์มีแนวโน้มจะเสียเก้าอี้ประธานาธิบดีให้กับ "โจ ไบเดน" ผู้ท้าชิงแห่งเดโมแครต ทางมาดามทุซโซ ณ กรุงลอนดอน ก็เลยจัดการแปลงโฉมให้ทรัมป์ไปเป็นนักกอล์ฟซะเลย

เรื่องของเรื่อง เพราะทรัมป์ชื่นชอบกีฬากอล์ฟเอามากๆ ก่อนหน้านี้เคยมีธุรกิจสนามกอล์ฟเปิดมากกว่า 200 แห่ง แต่เอาจริง ๆ เรื่องที่ต้องตบโต๊ะฉาด! คือลุคชุดกอล์ฟปัง ๆ นี่เอง กางเกงเป็นขาม้าเล็กๆ นะฮะ แถมมาในลายสกอตโทนม่วง นี่เป็นหนึ่งในแพนโทนสีของปี 2021 นะจ้ะทู้กโคนนนน!

ชอบอ่ะลุคนี้ ต้อนรับการว่างงานได้ลงตัวเป๊ะมาก ผ่ามผ๊าม!

อ้างอิง: https://www.mirror.co.uk/news/politics/madame-tussauds-gives-donald-trump-22975037

‘จะวันไหนก็ทำไรฉันไม่ได้หร๊อก!’ ท่องคาถานี้ไว้...ไม่กระเทือนกระเป๋าตังค์

อ๊ากกกก!

.

เป็นอาการคันไม้คันมือ อยากจิล้วงเอากระเป๋าตังค์ออกมา แล้วรูดบัตรเครดิต ปรื๊ดๆๆๆๆๆ

.

ใจเย็ลๆ ก่อน ก็รู้ว่าวันนี้วันที่ 11.11 หรือที่เรียกว่า วันคนโสด หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ วันลาซาด้า เอ้ย! วันโชปี๊! เอ้ย! วันอาลีบาบา! เอ้ย! มันก็คือวันช้อปปิ้งออนไลน์แบบสุดติ่งกระดิ่งแมวนี่เองงงง!

.

เล่าให้ฟังอีกนิดนึง วันนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1993 ที่มหาวิทยาลัยนานกิง ประเทศจีน โดยเป็นการเชิญชวนให้เหล่าคนโสดออกมาซื้อของขวัญให้ตัวเอง แต่ด้วยอากาศที่หนาวเย็น ตอนหลังจึงหันมาช้อปปิ้งออนไลน์แทน แถมต่อมา แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชยักษ์ใหญ่อย่างค่ายอาลีบาบาก็ปลุกปั้นอีเว้นท์นี้จนยอดขายถล่มทลาย และกลายเป็นวันที่ทุกคนต้องช้อปปิ้งงงงงง!

.

โอม สติค่ะสติ จงเรียกสติกลับคืนมา จำได้ไหมว่า หนี้บัตรเครดิตของเก่ายังค้างอยู่อีกเท่าไร เอางี้ มี 2 คาถายั้งสติมาฝากจ้ะ

.

หนี้ๆๆๆๆ: ท่องไว้เลย ท่องให้ขึ้นใจ ถ้ายังมีหนี้เก่าอยู่ โปรดอย่าสร้างหนี้เพิ่ม เข้าใจแม่นะ!

.

ไซเอ้าๆๆๆ (sign out): ท่องไว้เหมือนกัน ถ้าเผลอหลุดเข้าไปในเว็บ หรือแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ใดๆ ออกมาด่วนๆ!

.

เอาไปลองดูนะ แต่ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็โยนมือถือลงน้ำไปเลย (จะดีเหรอ?) หื๋มม อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลย ถ้าจะช้อปฯ อะไรจริงๆ ก็คำนวนงบการเงินของตัวเองให้ดีแล้วกัน ถ้าไม่เดือดร้อนระยะยาว ซื้อพอกรุบกริบก็คงจะได้ล่ะม้างง (อิอิ)

สัญญาณบวก!! จาก ‘โจ ไบเดน’

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ได้นายโจ ไบเดน แห่งพรรคเดโมแครต มาเป็นผู้นำมะกัน ด้วยผลคะแนนโหวตท่วมท้นเหนือ ทรัมป์ 290 ต่อ 214

.

คำถามต่อมาที่หลายๆ คนรอลุ้น คือ โจ ไบเดน จะทำให้อุณหภูมิโลกร้อนระอุขึ้นกว่าเดิม หรือเบาบางลง โดยเฉพาะกับประเทศไทย

.

พรายพล คุ้มทรัพย์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ เชื่อว่า โจ ไบเดน จะทำให้การค้าโลกและเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น จากการดำเนินนโยบายที่เป็นระบบ

.

โดยไบเดนจะดำเนินการให้การค้าระหว่างประเทศกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง และนั่นจะเป็นผลดีต่อ ‘ประเทศไทย’ ในด้าน ‘การค้าการส่งออก’ ที่เป็นหนึ่งในคู่ค้าสำคัญกับสหรัฐฯ

.

สอดคล้องกับ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก ที่มองว่า ไบเดนจะทำให้ความสงบเรียบร้อยของโลกดีขึ้น

.

เพราะไบเดนมีแนวโน้มในการดึงบรรยากาศการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการค้าของเอเชียในตลาดอเมริกาให้ค่อยๆ กลับมาดี เหมือนสมัยที่ นายบารัก โอบาม่า ได้ทำไว้

 

ยิ่งไปกว่านั้น ไบเดนน่าจะหลีกเลี่ยงการทำสงครามการค้ากับจีน และหันมาผูกมิตรกับจีนและประเทศใกล้เคียง ซึ่งก็รวมถึงไทยด้วย ให้กลายเป็นมิตรกับสหรัฐอเมริกามากยิ่งขึ้น

.

แต่นายศุภชัย ทิ้งมุมมองที่น่าสนใจไว้ว่า ประเทศไทยต้องเร่งปรับตัวในเรื่องสิ่งแวดล้อมให้มาก เพราะพรรคเดโมแครต จะเน้นย้ำนโยบายด้านนี้เป็นหลัก โดยไม่คิดกีดกันทางการค้าในเชิงของภาษีอากร

.

พูดง่าย ๆ ก็คือ เดโมแครตจะให้ความสนใจกับทุกประเทศที่มีการลงทุนเกี่ยวข้องกับความเป็นธรรมชาติที่สะท้อนไปถึงความปลอดภัยในชีวิตคนอเมริกันมากขึ้น

.

ตรงนี้จึงเป็นสัญญาณบวกต่อภาคส่งออกไทย เช่น ภาคการผลิตอาหารที่มีมาตรฐานความปลอดภัยที่จะสร้างโอกาสในตลาดส่งออกไทย-สหรัฐฯ ได้ชัดกว่ายุคทรัมป์ บนแต้มต่อจากการรับมือได้ดีกับโควิด-19 มาก่อนหน้านี้

งานงอก!! เจ้าหนี้หน้าเลือด

สารพัดวิกฤติกำลังทำให้คนไทยขาดสภาพคล่อง ทางออกเร่งด่วนที่คิดออกไวๆ เลยไม่พ้น ‘แหล่งเงินกู้’ ที่ส่วนใหญ่มักมาเงินกู้นอกระบบ
.
หนี้นอกระบบ เป็นปัญหาที่ยิ่งทำให้คนจน ยิ่งจนหนักกว่าเดิมจากดอกเบี้ยมหาโหด และตามมาสู่ปัญหาสังคมมากมาย
.
เมื่อเป็นปัญหามากกว่าทางออก นายกรัฐมนตรี ‘บิ๊กตู่’ เลยสั่งให้มีการเอาผิดเจ้าหนี้นอกระบบกฎหมายอย่างจริงจัง
.
โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2559 จนถึงสิ้นเดือนกันยายน พ.ศ.2563 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จับเงินกู้ผิดกฎหมายสะสม 7,476 ราย
.
เมื่อปิดกั้นเงินผิดกฎหมาย ก็ต้องหาทางออกเงินถูกกฎหมายให้ประชาชน ซึ่ง ‘บิ๊กตู่’ ได้เข็นเงินกู้ที่เรียกว่า ‘พิโกไฟแนนซ์’ (PICO Finance) ออกมา
.
‘พิโกไฟแนนซ์’ นี้เป็นสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงการคลัง ถูกออกแบบมาเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ
.
สำหรับผู้ประกอบการที่จะดำเนินธุรกิจ ‘พิโกไฟแนนซ์’ ถูกกำหนดให้ปล่อยกู้เรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใดๆ ได้ไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปี ส่วนผู้กู้จะกู้เงินในระบบได้ง่ายกว่าเดิม รายละไม่เกิน 50,000 บาท
.
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อดีของ ‘พิโกไฟแนนซ์’ คือ ผู้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันและไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันสามารถเข้าถึงได้หมด แถมเงินต้นและดอกเบี้ยลดลงเรื่อยๆ
.
นับแต่ปี พ.ศ.2559 ที่เริ่มเปิดให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ก็มีผู้สนใจจำนวนมาก มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อนี้รวม 858 ราย ใน 72 จังหวัด
.
ส่วนคนที่สนใจและได้รับอนุมัติสินเชื่อก็มีจำนวนทั้งสิ้น 328,300 บัญชี คิดเป็นวงเงิน 8,250.38 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 25,130 บาทต่อบัญชี

คมนาคมชงงบ 6 แสนล้าน (จะพอใช้เหรอ?)

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้เปิดเผยผลการประชุมจัดทำคำของบประมาณรายจ่าย ประจำปี พ.ศ.2565 จ่อของบทะลุ 6.15 แสนล้านบาท

.

โดยมอบให้แต่ละหน่วยงานจัดลำดับความสำคัญให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีโดยกรมทางหลวง (ทล.) นำโด่งของบกว่า 3.6 แสนล้านบาท โดยกว่า 8 หมื่นล้านทุ่มโครงการแบริเออร์ยางพารา

.

นายศักดิ์สยามได้กล่าวว่า “เป็นเรื่องปกติที่แต่ละหน่วยจะตั้งคำของบประมาณไว้สูงเพื่อสำนักงานประมาณพิจารณาปรับลดอีกครั้ง”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top