Friday, 10 May 2024
THE STATES TIMES TEAM

ตร. เตือน 6 ภัยออนไลน์ส่งท้ายปี ที่มิจฉาชีพฉวยโอกาสหลอกหลวงประชาชน

วันนี้ (27 ธันวาคม 2566) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งช่วงเวลาของการส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เป็นช่วงเวลาที่พี่น้องประชาชนออกไปท่องเที่ยว ซื้อของขวัญ และทำกิจกรรมต่าง ๆ ในวันหยุดร่วมกับครอบครัว นั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเอาโอกาสนี้มาเตือนพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังตนเอง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ เพราะอย่าลืมว่า แม้จะเป็นวันหยุด แต่มิจฉาชีพไม่เคยหยุด ซึ่งรูปแบบของภัยออนไลน์ที่พี่น้องประชาชนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มีดังนี้

1. “การหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการทางออนไลน์” โดยมิจฉาชีพจะหลอกลวงด้วยการโฆษณาขายสินค้าราคาถูก หรือส่วนลดพิเศษเฉพาะในช่วงเทศกาล เพื่อจูงใจให้เหยื่อหลงเชื่อสั่งซื้อสินค้า

2. “การหลอกเอาข้อมูลส่วนบุคคล” โดยมิจฉาชีพจะแอบอ้างเป็นร้านค้าต่าง ๆ แล้วโฆษณาว่าจะมีโปรโมชันพิเศษในช่วงเทศกาล หรือแจกของรางวัลต่าง ๆ แต่จะต้องลงทะเบียนก่อน หากเหยื่อหลงเชื่อ กรอกข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์มือถือ และข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ก็จะถูกมิจฉาชีพนำไปใช้แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบต่อไป

3. “การหลอกรับบริจาค” โดยในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประชาชนอาจต้องการทำบุญเพื่อให้เกิดความเป็นศิริมงคลกับชีวิต มิจฉาชีพอาจมีการประกาศเชิญชวนให้ร่วมทำบุญ โดยอ้างบุคคลหรือกิจกรรมต่างๆ จึงควรตรวจสอบข้อมูลในกิจกรรมที่จะร่วมทำบุญว่า เป็นความจริงหรือไม่ อย่างไร ก่อนจะร่วมบริจาคเงินร่วมทำบุญออนไลน์ต่าง ๆ

4. “การสร้างข่าวปลอม” เพื่อสร้างยอดติดตาม หรือสร้างความตื่นตระหนก ซึ่งมิจฉาชีพอาจเอาเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่เป็นความจริงหรือบิดเบือน เกี่ยวกับ อุบัติเหตุ การเดินทาง หรือเหตุการณ์อื่น ๆ ในช่วงเทศกาล มาเผยแพร่เพื่อแสวงหาประโยชน์ หรือสร้างความเสียหายให้สังคม

5. “การหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม” ที่เกี่ยวข้องกับเทศกาล เช่น แอปพลิเคชันแต่งรูปปลอม แอปพลิเคชันจองที่พักปลอม เป็นต้น โดยหากเหยื่อหลงเชื่อติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม ก็อาจถูกมิจฉาชีพควบคุมเครื่องระยะไกล หรืออาจถูกเข้าถึงข้อมูลภายในโทรศัพท์มือถือได้

6. “การหลอกขายทัวร์และที่พักราคาถูก” ซึ่งในช่วงเทศกาล กลุ่มมิจฉาชีพมักจะหลอกลวงด้วยการแอบอ้างเป็น โรงแรม ที่พัก หรือบริษัททัวร์ จากนั้นจะลงโฆษณาในช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะที่พบได้บ่อยคือทางสื่อสังคมออนไลน์ ที่มักจะมีการสร้างเพจปลอมเพื่อหลอกลวงพี่น้องประชาชน

โดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังและอย่าเชื่อในสิ่งที่ราคาถูกหรือดีเกินจริง เพราะสิ่งที่เห็นหรือได้ยินในสื่อสังคมออนไลน์ อาจเป็นกลลวงของมิจฉาชีพในการหลอกลวงแสวงหาประโยชน์จากพี่น้องประชาชน โดยขอให้ยึดหลัก “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ

สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงทางสื่อสังคมออนไลน์ สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เพชรบูรณ์ Army Open House มทบ.36 จัดกิจกรรมเปิดบ้านทหารใหม่ ต้อนรับผู้ปกครองและญาติทหารใหม่ ก่อนส่งตัวกลับบ้านช่วงปีใหม่

ที่อาคารเอนกประสงค์มณฑลทหารบกที่ 36 (มทบ.36) อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ พลตรีวัชรพงศ์ แก้วแจ้ง ผบ.มทบ.36 เป็นประธานเปิดกิจกรรมเปิดบ้านทหารใหม่ (open house) หน่วยฝึกทหารใหม่ มทบ.36 โดยมีพ่อแม่ผู้ปกครองทหารใหม่เข้าร่วมในกิจกรรมจำนวนมาก โดยมีการแสดงของทหารใหม่ในชุดต่างๆ สร้างความประทับใจให้แก่พ่อแม่ผู้ปกครองและญาติทหารใหม่เป็นอย่างมากหลังได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจของบุตรหลานที่เข้ามารับการฝึกทหาร

สำหรับการจัดกิจกรรมเปิดบ้านทหารใหม่ (open house) หน่วยฝึกทหารใหม่ มทบ.36ได้เปิดโอกาสให้พ่อแม่ผู้ปกครองทหารใหม่ได้เยี่ยมชมภายในหน่วยทหารให้ทราบถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ รับรู้ข้อมูลข่าวสาร และมีความเชื่อมั่นว่าหน่วยทหารจะดูแล การฝึกภายใต้มาตรการและข้อสั่งการของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด

พลตรีวัชรพงศ์ แก้วแจ้ง ผบ.มทบ.36 กล่าวว่า ทหารใหม่ที่เข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการได้ทำการฝึกอบรมให้มีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ มีความรู้ความสามารถที่จะปฏิบัติงานตามภารกิจของหน่วย แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในทุกภารกิจนอกจากนี้การกองทัพบกยังส่งเสริมให้มีการอบรมในวิชาชีพต่างๆ รวมถึงมีโอกาสสมัครเข้ารับราชการในส่วนของกองทัพบกต่อไป 

สำหรับหน่วยฝึกทหารใหม่ของ มทบ.36 ผลัด 2 รุ่นปีพุทธศักราช 2566 เข้าประจำการในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 จำนวน 110 นาย ทำการฝึกตามหลักสูตรทหารใหม่ 6 สัปดาห์ และฝึกหลักสูตรเฉพาะหน้าที่ทหารใหม่ 3 สัปดาห์ ซึ่งได้เสร็จสิ้นการฝึกตามหลักสูตรทหารใหม่แล้ว และในวันนี้ทหารใหม่ทุกนาย จะได้อยู่พร้อมครอบครัวและญาติ กินข้าวด้วยกัน รวมทั้งจะได้กลับไปเยี่ยมบ้านในห้วงเทศกาลปีใหม่ด้วยก่อนจะกลับมาปฎิบัติหน้าที่ตามกรมกองต่างๆต่อไป ทำให้บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างมีความสุขกันทั่วหน้า

ฉายาตำรวจ แห่งปี 66 “ต่อ”เฟรนด์ลี่-เชอร์ล็อค”นพ” “จ๋อ”-โคนันนครบาล -“เต่า”-มือปราบกังฉิน” “จี”-ที่สุดของแจ้

วันที่ 27 ธันวาคม ที่ศูนย์ปฏิบัติการสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย นายไพโรจน์ เทศนิยมนายกสมาคม นายสมชาย จรรยา นายสุรชัย นิโคธานนท์ อุปนายก นายธนากร ริตุ ประชาสัมพันธ์สมาคมฯ แถลงข่าวฉายาตำรวจ ประจำปี 2566 ปีนี้มีทั้งหมด 11 ฉายา

นายไพโรจน์ กล่าวว่า ปีนี้ สื่อมวลชนสายงานด้านอาชญากรรมได้ติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนำเสนอผลงานสู่สายตาประชาชน เพื่อสะท้อนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงร่วมกันตั้งฉายาตำรวจประจำปีขึ้นถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา ซึ่งเกณฑ์ในการตั้งฉายานั้น มีการประชุมร่วมกันกับตัวแทนสื่อมวลชนจากสังกัดต่างๆ เสนอรายชื่อนายตำรวจเข้ามา และทำการคัดเลือกในปีนี้เหลือเพียง 11 นาย ดังนี้

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล  ผบ.ตร.ฉายา  “ต่อ เฟรนด์ลี่” 
สื่อมวลชนสายอาชญากรรม ขนานนามให้ว่าเป็น “มือปราบสายธรรมะ” เนื่องจากเป็นนายตำรวจที่ใช้หลักธรรมในการทำงานและหลักรัฐศาสตร์ เดินสายปฏิบัติธรรมตามสถานที่ต่างๆในขณะเดียวกัน “บิ๊กต่อ” ยังเป็นคนเรียบง่ายไม่ถือเนื้อถือตัว บ่อยครั้งจะเห็นภาพของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ร่วมวงกินข้าว กินก๋วยเตี๋ยวกับผู้ใต้บังคับบัญชา เวลาออกเดินสายตรวจเยี่ยมกำลังพลตามโรงพักต่างๆที่ห่างไกล และยังวางตัวเป็นกันเองกับลูกน้อง เน้นสวัสดิการให้ลูกน้อง ใครต่อใครก็เข้าถึงได้เป็นคนเสมอต้นเสมอปลายเป็นที่รักของลูกน้องจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของฉายาว่า “ต่อเฟรนด์ลี่”

พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร. ฉายา “สุภาพบุรุษสีกากี” เป็นนายตำรวจที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับ ด้วยฝีไม้ลายมือในการทำงานและผ่านงานระดับ ตร. ทุกหน้างาน ทั้งงานปราบปราม, งานสืบสวน และความมั่นคง เป็นนายร้อยตำรวจรุ่น 40 เกษียณอายุราชการปี 2567 และเป็นรองผบ.ตร.อาวุโส อันดับที่ 1 ในการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนที่ 13 และคนที่ 14 ที่ผ่านมา ทำให้มีลุ้นเป็นตัวเต็งนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.ถึงสองครั้ง แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวัง เมื่อไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร. แต่ยังก้มหน้าก้มตาทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย ไม่มีแม้จะฟ้องร้องหรือทวงสิทธิ์แต่อย่างใด แม้จะมีกระแสข่าวว่าจะโยก พล.ต.อ.รอย ไปรับตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นการตอบแทนที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผบ.ตร. เพื่อแก้ปัญหาด้านคุณธรรม คืนความเป็นธรรมและเยียวยาความรู้สึกผิดหวังให้พล.ต.อ.รอย สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้น “บิ๊กรอย” ก็ยังคงปักหลักทำงานในหน้าที่ จึงเป็นที่มาของฉายาว่า “สุภาพบุรุษสีกากี”

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ฉายา “โจ๊ก รอได้”
หากเอ่ยถึงชื่อ “บิ๊กโจ๊ก” เชื่อได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก และด้วยฝีไม้ลายมือการทำงานที่ปรากฏต่อสายตาประชาชน ประกอบกับอายุราชการที่ยังคงเหลืออีกหลายปี ทำให้ถูกจับตาว่ามีสิทธิ์ที่จะขึ้นเป็น ผบ.ตร.และสื่อมวลชนสายตำรวจวิเคราะห์ว่า หากไม่มีอะไรสะดุด ในปี 2567 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะกลายเป็นอาวุโสอันดับ 1 ทันที และก็อาจจะมีสิทธิ์ได้ใช้นามเรียกขาน “พิทักษ์ 1” แต่ก็ต้องผ่านอีกกี่ขวากหนามบนเส้นทางสู่ ผบ.ตร. อีกทั้งเจ้าตัวก็เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า “ตนเองรอได้ ใครอยากเป็นผบ.ตร.ก็เป็นไปก่อน” จึงเป็นที่มาของฉายา “โจ๊ก รอได้”

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ  ผู้ช่วย ผบ.ตร.ฉายา “หลวงโดดปราบยา”
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ มีชื่อเล่นว่า “หลวง” เป็นนายตำรวจที่เก่งทั้งบู๊และบุ๋นและเป็นหนึ่งเดียวในระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้รับความไว้วางใจจาก ผบ ตร. ดูแลงานครบทุกหน้างานและทุกมิติ ทั้งงานสืบสวน สอบสวน งานป้องกันปราบปราม งานมั่นคงและกิจการพิเศษ อีกทั้งยังได้รับมอบหมายให้ดูแลงานป้องกัน บำบัด ผู้ติดยาเสพติด ที่ผ่านมานำกำลังตำรวจระดมกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติดจับผู้ต้องหาได้มากกว่า 60,000 คนขยายผลจนไปถึงผู้ซื้อและตัวแทนจำหน่ายยาเสพติด 209 แห่งทั่วประเทศ ยึดของกลาง ยาเสพติด อาวุธปืนเถื่อน กระสุน และวัตถุระเบิดได้อีกเป็นจำนวนมาก จนได้รับการเสนอชื่อกระโดดข้ามห้วยเป็นข้าราชการพลเรือน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จึงเป็นที่มาของฉายา “หลวงโดดปราบยา”

พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฉายา “จ้าว แข็งโป๊ก”
พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง นามเรียกขาน “น.1” ด้วยฝีไม้ลายมือที่เป็นที่ยอมรับให้คุมพื้นที่เมืองหลวง กรุงเทพมหานคร เป็นนายตำรวจที่ได้ชื่อว่ามีความตงฉิน ยอมหักไม่ยอมงอ และไม่ยอมรามือให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาที่ออกนอกลู่นอกทาง เน้นย้ำภารกิจสำคัญสูงสุด “ถวายความปลอดภัย” รวมถึงการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล กำชับเรื่องปัญหายาเสพติด บ่อนการพนัน สถานบริการ และการแต่งตั้งที่ผ่านมาหลายคนคิดว่า พล.ต.ท.ธิติ  ต้องได้ย้ายหรือไม่ก็ขยับขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. เนื่องจากเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ แต่ก็ยังรักษาเก้าอี้ “น.1.” ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นจึงเป็นที่มาของ ฉายา “จ้าว แข็งโป๊ก”

พล.ต.ท.ไตรรงค์  ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร. ฉายา “บิ๊กอรรถกัดไม่ปล่อย”
พล.ต.ท.ไตรรงค์  มีชื่อเล่นว่า “อรรถ” ที่ผ่านมาเคยเป็นหัวหน้าทีมคดี “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุเกินกว่า 15 ปี 2 คดี และคดีข่มขืนกระทำชำเรา 1 คดี ในพื้นที่ สน.ลุมพินี โดยทำคดีอย่างตรงไปตรงมาไม่เลือกปฏิบัติ แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะมีตำแหน่งใหญ่ก็ตามช่วงในรอบปีที่ผ่านมาก็ฝากผลงานไว้มากมาย จากการที่สวมหมวกเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT นำกำลังไล่กวาดล้างจับกุมเครือข่ายพนันออนไลน์ ที่สร้างความเดือดร้อนมอมเมาเยาวชนและพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก และเกาะติดไล่ล่าชนิดถอนรากถอนโคน จึงเป็นที่มาของ ฉายา “บิ๊กอรรถกัดไม่ปล่อย”

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ฉายา “เพชฌฆาต โจรไซเบอร์”
พล.ต.ท.วรวัฒน์ เป็นอีกหนึ่งนายตำรวจที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับของประชาชน ที่ผ่านมานำกำลังขุนพลไซเบอร์ออกปราบปรามเหล่าร้าย กวาดล้างภัยออนไลน์กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งเว็บพนันออนไลน์ต่างๆ ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน รวมไปถึงการจับกุมแก๊งมิจฉาชีพหลอกนักเรียน ม.6 โอนเงินดาวน์ผ่อนซื้อไอโฟน 13 ทางออนไลน์ เกือบ 2 หมื่นบาท สุดท้ายปิดเฟซบุ๊กหนี นักเรียน ม.6 เครียด ตัดสินใจผูกคอเสียชีวิต และทุกครั้งที่มีการปฏิบัติการ พล.ต.ท.วรวัฒน์ จะลงพื้นที่คุมงานเองเสมอ ขณะเดียวกันยังแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์กลโกงของคนร้ายต่างๆให้รับทราบเปรียบเสมือนการให้วัคซีนทางไซเบอร์กับพี่น้องประชาชนให้รู้เท่าทันมีสติเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ จึงเป็นที่มาของ ฉายา “เพชฌฆาต โจรไซเบอร์”

พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 ฉายา “ที่สุด ของแจ้”
พล.ต.ท.จิรสันต์ หรือที่สื่อมวลชนเรียกว่าติดปากว่า “บิ๊กจี” แต่น้อยคนจะรู้ว่าชื่อเล่นจริงๆของ พล.ต.ท.จิรสันต์ มีชื่อว่า “แจ้” และด้วยบุคลิกที่เป็นนายตำรวจใฝ่รู้ มาดสุขุม นุ่มลึก มีรอยยิ้มและสมองเป็นอาวุธ บวกกับสไตล์การทำงานคลุกคลีตีฝุ่นเป็นกันเองกับผู้ใต้บังคับบัญชา ยามว่างลงพื้นที่เสริมสร้างสัมพันธ์ระหว่างตำรวจกับประชาชน พล.ต.ท.จิรสันต์ เป็นรอง ผบช.น.ยาวนานถึง 5 ปีทุกครั้งที่มีการแต่งตั้งก็คาดหมายว่าจะได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้บัญชาการตำรวจ เพราะจะเกษียณอายุราชการในปี 2567 แต่สุดท้าย ปรากฏชื่อได้เป็นผู้บัญชาการ ซึ่งถือเป็นปีสุดท้ายก่อนเกษียณแต่ที่สำคัญไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 หรือที่ใครเรียกว่าผู้บัญชาการตัวเลข จึงเป็นที่มาของฉายา “ที่สุด ของแจ้”

พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น.  ฉายา “เชอร์ล็อคนพ”
พล.ต.ต.นพศิลป์ เรียกได้ว่าเป็นนักสืบยุค 5 จีจริงๆ มีผลงานเป็นที่ยอมรับมากมาย ด้วยประสบการณ์ที่สะสมบนเส้นทางนักสืบได้ถ่ายทอดวิชาแก่นักสืบรุ่นหลัง และบ่อยครั้งมักจะถูกดึงตัวมาอยู่ในชุดทีมคลี่คลายคดีสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลายยุคหลายสมัย ล่าสุดกับผลงานการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” ถือว่าเป็น“ตัวจักร” สำคัญ และเป็นบทพิสูจน์ชุดคลี่คลายคดีหลังศาลชั้นต้นสั่งจำคุกนายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” 20 ปี จน ผบ.ตร.ชื่นชมยกเป็นโมเดลให้นักสืบรุ่นใหม่ และด้วยฝีไม้ลายมือเป็นที่ประจักษ์ ทำให้ชื่อของรองนพศิลป์ ติดทำเนียบเป็นนักสืบชั้นครูของวงการตำรวจไทย เทียบคล้ายกับนักสืบดังในภาพยนตร์ “เชอร์ล็อคโฮล์ม” และในอดีตมีนักสืบชั้นครูอย่าง “เชอร์ล็อคนู” พล.ต.ท.มนู หอมหวล  จึงเป็นที่มาของ ฉายา “เชอร์ล็อคนพ”

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ฉายา“มือปราบกังฉิน”
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เป็นมือปราบที่ไม่เคยเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ และผ่านคดีดังมากมายที่เกี่ยวข้องกับการจับข้าราชการระดับสูง ที่ทุจริตเรียกรับสินบน ด้วยภาพของการปราบข้าราชการทุจริตคอรัปชั่น เรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ ฮั้วประมูลงานต่างๆ ตั้งแต่สมัยเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ปัจจุบันได้รับ ความไว้วางใจให้ขยับตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แต่ยังคงรับผิดชอบหน่วยงาน (บก.ปปป.) ล่าสุดเป็นผู้นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมนายวีระชาติ รัศมี  นายกเทศบาลตลุกดู่ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี ลูกเขยของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยจับกุมตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ จ.167-169/2566 ข้อหาร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ และร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จึงเป็นที่มาของ ฉายา “มือปราบกังฉิน”

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล “โคนัน นครบาล”
พล.ต.ต.ธีรเดช เป็นหนึ่งในลูกหม้อนครบาล ด้วยฝีมือระดับตำนานน

พัทลุง-พช.พัทลุง ประชุมวางแผนขับเคลื่อนกิจกรรมพัฒนาสตรี ประจำปี พ.ศ.2567

วันที่ 26 ธันวาคม 2566  เวลา 13.30 น. ณ โรงแรม ชัยคณาธานี ดร.นาที  รัชกิจประการ  ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน (ประธาน กพสจ.) ร่วมกับ นายเสรี จิตรเวช  พัฒนาการจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วย นายประโมทย์ ดำจวนลม  ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน ดำเนินการจัดประชุมคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด (กพสจ.) พัทลุง ครั้งที่ 3/ 2566 เพื่อติดตามแนวทางการพัฒนาอาชีพของสตรี และการจัดกิจกรรมวันสตรีสากล ประจำปี พ.ศ. 2567 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลพระชนมพรรษา  6 รอบ 28 กรกฏาคม 2567 การจัดกิจกรรมเนื่องในวันสตรีสากล ประจำปี พ.ศ.2567 ที่ประชุมได้มีมติให้ใช้ชื่อกิจกรรม ภายใต้โครงการ "รวมพลังสตรี ทำความดี เทิดไท้ 72 พรรษา องค์ราชัน" โดยกำหนดจัดกิจกรรมในวันที่ 8 มีนาคม 2567 ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุง 

ในการประชุมครั้งนี้มีหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานและคณะกรรมการ กพสจ. เข้าร่วมประชุม จำนวน 45 คน

ปีใหม่นี้ เตือนสายแว้น โชว์ยกล้อ ขับขี่ประมาทหวาดเสียว บิ๊กไบค์ยกล้อชลบุรี โดนแล้ว! ศาลสั่งริบรถ จำคุก 1 เดือน

วันนี้ (27 ธ.ค.66) เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ ผู้บังคับการตำรวจจราจร ในฐานะคณะทำงานศูนย์ป้องกันและปราบปราบการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องของ ตร. เปิดเผยถึงกรณี จับกุมดำเนินคดี “โต้ง เมืองไทย” ขับขี่บิ๊กไบค์โชว์ยกล้อ เป็นกระแสในโซเซียลมิเดีย ถูกศาลพิพากษาสั่งริบรถบิ๊กไบค์ของกลาง จำคุก 1 เดือน โทษจำรอ 2 ปี

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้ปรากฎภาพจากเพจเฟซบุ๊คของ “โต้ง เมืองไทย” ต่อมาคณะทำงานได้สืบสวนข้อมูลพิสูจน์ทราบได้ว่า คือ นายอิศรายุทธ สงวนนามสกุล ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ยี่ห้อ Yamaha รุ่น R7 ในลักษณะยกล้อ บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 มุ่งหน้า จว.ชลบุรี พร้อมข้อความ “ใกล้ถึงวันแล้ว เอาหน่อยๆ” เชิญชวนชาวแก๊งค์สองล้อออกมารวมตัวในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2567 คณะทำงานฯ จึงได้มีการบูรณาการร่วมกับ ภ.จว.ชลบุรี โดย พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และ พ.ต.อ.อรรถพล อิทธโยภาสกุล ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ ท้องที่เกิดเหตุสืบสวนสอบสวนจนสามารถติดตามนำตัว นายอิศรายุทธฯ เจ้าของเพจเฟซบุ๊ค และเป็นเจ้าของรถบิ๊กไบค์ในคลิปวีดีโอดังกล่าว ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่งฟ้องต่อศาลพัทยา ต่อมาศาลมีคำพิพากษาลงโทษปรับ 2,400 บาท จำคุก 1 เดือน โทษจำรอ 2 ปี และริบรถจักรยานยนต์ของกลาง  

พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฯ กล่าวว่า ในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน มีพี่น้องประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนากันมาก ทำให้อาจมีการรวมตัวกันเพื่อแข่งรถ หรือขับขี่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในวงกว้าง คณะทำงานป้องกันและปราบปราบการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ได้ขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยทั้งการโพสชักชวน เชิญชวน บนสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆก็ดี ทั้งการรวมตัวบนท้องถนนก็ดี จึงอยากประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร ให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา รวมถึงการป้องปรามไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎหมายการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดอุบัติเหตุ โดยจะปฏิบัติงานตลอดช่วงเทศกาลไม่มีวันหยุด ประชาชนสามารถแจ้งเหตุร้ายที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สปข.6 จัดงาน '63 ปี สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6' ภายใต้แนวคิด “PRD 6 Generate D ทันโลกดิจิทัล” บนพื้นฐานความถูกต้อง รวดเร็ว เชื่อถือได้ ยืนหยัดสู่มิติใหม่ของการสื่อสารอย่างมุ่งมั่น

เมื่อวันที่ (25 ธ.ค. 66) ที่อาคารห้องส่งสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดสงขลา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายเศวต เพชรนุ้ย ปลัดจังหวัดสงขลา เป็นประธาน “งาน 63 ปี สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6“ โดยมี ดร.ธีรพงศ์ เพชรรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 ร่วมให้การต้อนรับ

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “PRD 6 Generate D ทันโลกดิจิทัล” ด้วย 3 D ที่หมายถึง D ตัวแรก (Digital) = การปฏิรูปจากสื่อเดิมสู่สื่อดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่ทิ้งสื่อหลัก โดยสื่อดิจิทัล จะซับพอร์ทงานหลักอย่างเต็มประสิทธิภาพ D ตัวที่ 2 D Idol =  การสร้างตัวตนให้บุคลากรสำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 เป็นนักสร้างสรรค์สื่อ ที่พร้อมจะเป็นต้นแบบในช่องทางสื่อออนไลน์ทุกเเพลตฟอร์ม และ D ตัวสุดท้าย คือ D-Prompt = ที่จะแสดงถึงประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว ฉับไว เริ่มต้นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้อย่างทันทีทันใด บนพื้นฐานความถูกต้อง รวดเร็ว เชื่อถือได้ ยืนหยัดสู่มิติใหม่ของการสื่อสารอย่างมุ่งมั่น 

สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 กรมประชาสัมพันธ์ มีภารกิจในเรื่องของการสื่อสารการประชาสัมพันธ์ เป็นสื่อกลางสร้างความเข้าใจระหว่างประชาชนกับภาครัฐ และภาครัฐกับประชาชน โดยมีสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ในสังกัดพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง จำนวน 9 สถานี สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จำนวน 2 สถานี และยังมีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอีก 7 จังหวัด ซึ่งปัจจุบันเราอยู่ในยุคของการเปลี่ยนผ่านการผสมผสานที่เราจะต้องมีการพัฒนาทั้งสื่อวิทยุและสื่อโทรทัศน์ ควบคู่กับการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น TikTok YouTube Facebook ฯลฯ ให้เอื้อซึ่งกันและกันในการประชาสัมพันธ์ข่าวสารที่ถูกต้อง รวดเร็ว เชื่อถือได้ ภายใต้คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของสื่อ มีการใช้ภาษาที่ถูกต้อง สามารถสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตได้

สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย พิธีทางศาสนา ทั้งศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม การมอบรางวัลประชาสัมพันธ์จังหวัดดีเด่น และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยดีเด่นของสำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 ประจำปี 2565 การจัดการแข่งขันกีฬาที่เน้นความสนุกสนานความรักความสามัคคี และงานสังสรรค์ในช่วงค่ำ

พิษณุโลก แม่ทัพภาคที่ 3 เปิด Open House หน่วยฝึกทหารใหม่ รุ่นปี 2566 ผลัดที่ 2 คืนความสุขให้น้อง คนเล็ก และครอบครัว

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 เวลา 09.00 น. พลโท ประสาน  แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 ร่วมตรวจเยี่ยมกิจกรรม “เปิดบ้านทหารใหม่” ของทหารใหม่ รุ่นปี 2566 ผลัดที่ 2 เพื่อเชิญชวนให้ครอบครัวทหารใหม่ เข้าเยี่ยมหน่วยในวันเสร็จสิ้นการฝึก และมีการปล่อยพักบ้าน ของหน่วยฝึกทหารใหม่ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 4 และหน่วยขึ้นตรงกองพลทหารราบที่ 4 ในพื้นที่ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตำบลบ้านคลอง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 

กองทัพภาคที่ 3 จัดกิจกรรม “เปิดบ้านทหารใหม่” ของทหารใหม่รุ่นปี 2566 ผลัดที่ 2 ให้ครอบครัวน้องๆทหารใหม่เข้าเยี่ยมชมหน่วยในวันเสร็จสิ้นการฝึก และร่วมแสดงความยินดีกับน้องๆทหารใหม่ในโอกาสสำเร็จการฝึกหลักสูตรการฝึกทหารใหม่ โดยมีผู้ปกครองร่วมเป็นสักขีพยานแห่งความภาคภูมิใจในครั้งนี้ รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองน้องๆทหารใหม่ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมหน่วยทหารเพื่อเสริมสร้างสายใยความสัมพันธ์อันดี ระหว่างหน่วยทหารกับครอบครัวน้องๆทหารใหม่ ร่วมแสดงความยินดีกับน้องๆทหารใหม่ที่ผ่านการฝึกหลักสูตรตลอด 6 สัปดาห์ พร้อมกับให้ทหารใหม่ ได้แสดงมุทิตาจิตต่อผู้ปกครอง และจัดการแสดงทางทหารของทหารใหม่ ก่อนจะปล่อยลาพักกลับบ้านหลังจากฝึกจบหลักสูตร และยังเป็นการประชาสัมพันธ์การสมัครเป็นทหารกองประจำการในผลัดต่อๆ ไปด้วย นอกจากนี้ กิจกรรม“Open House” ภายในงานมีการแสดงขีดความสามารถของน้อง ๆ ทหารใหม่ด้วย

ในการนี้ พลโท ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ให้การต้อนรับและพบปะพูดคุยกับครอบครัวของน้องๆทหารใหม่ สร้างสายใยความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยทหารกับครอบครัวของทหารใหม่ พร้อมแนะแนวทางการรับราชการเป็นทหารอาชีพ เพื่อเป็นกำลังสำคัญของกองทัพบก ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความภาคภูมิใจ และรอยน้ำตาแห่งความสุข

สัมภาษณ์
1. คุณ จำเนียร คลองตะเคียน มารดา พลฯ ธงขัย ชำนาญ ร.4พัน.3
2. คุณ เปรมมิกา วิโรจน์ไพศาล มารดา พลฯ นครินทร์ วิโรจน์ไพศาล ร.4 พัน.3

ผบช.สตม. จับมือผู้ว่า , นายก อบจ.ภูเก็ต เปิดประชุมสภากาแฟจังหวัดภูเก็ต ระดมความคิดสร้างเมืองภูเก็ตให้เข้มแข็ง พร้อมรับนักท่องเที่ยวอย่างประทับใจ ลั่นต้องช่วยกันควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้เสียภาพลักษณ์การท่องเที่ยว

วันนี้ (26 ธ.ค.66) เวลา 08.00 น. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. เป็นประธานในการประชุมสภากาแฟสัญจร จว.ภูเก็ต โดยมี นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต , นายเรวัต อารีรอบ นายก อบจ.ภูเก็ต,​ พล.ร.ท.สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 , นายประสิทธิ์ สินเสาวภาคย์ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต , ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต, แรงงานจังหวัดภูเก็ต หน่วยงานราชการและภาคเอกชน ทุกภาคส่วน เข้าร่วมในการประชุม ณ ตม.จว.ภูเก็ต

พล.ต.ท.อิทธิพล ฯ กล่าวว่า ที่เชิญทุกภาคส่วนมาประชุมสภากาแฟในวันนี้ เนื่องจากภูเก็ตเป็นจังหวัดที่สำคัญที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีนโยบายเปิด Visa Free ดึงนักท่องเที่ยวจากหลายๆ ประเทศ เช่น จีน รัสเซีย อินเดีย เป็นต้น จึงอยากมารับฟังปัญหาจากทุกภาคส่วน เพื่อบูรณาการกันแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วครบวงจร

ด้าน นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร ประธานหอการค้า จ.ภูเก็ต กล่าวว่า เรามีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพำนักระยะยาว และมาต่อวีซ่า ขอให้ทำอย่างรวดเร็ว ประทับใจ อย่าให้เกิดปัญหาความล่าช้า อยากให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดเรื่องการป้องกันความปลอดภัย โดยเฉพาะพวกที่เข้ามาทำงานสีเทา เป็นมาเฟีย อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยกวดขัน นอกจากนี้เรื่อง Big Data การแชร์ข้อมูลกันระหว่างหน่วยงาน เช่น การแจ้งที่พักของชาวต่างชาติ จะทำให้มีข้อมูลของชาวต่างชาติทั้งหมด ภาคเอกชนจะได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง จากการรวบรวมข้อมูลของเจ้าหน้าที่

ผบช.สตม.ฯ กล่าวต่อว่า ในด้านความมั่นคงของจังหวัด อยากให้จังหวัดภูเก็ตมีคณะทำงานเพื่อคัดชาวต่างชาติหรือคนต่างด้าว เพื่อผู้ที่มีพฤติการณ์เป็นภัยต่อสังคม สามารถสนับสนุนข้อมูลให้ ตม.พิจารณาเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้  นอกจากนี้เราต้องช่วยกันดึงนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีศักยภาพเข้ามาลงทุนในไทยให้มากๆ เพื่อช่วยรัฐบาล และเสริมศักยภาพด้านการท่องเที่ยว

นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า อบจ.ภูเก็ต สนับสนุนรายได้ไปยังสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว ลูกค้าบางรายกว่าจะเข้ามาประเทศไทยเพื่อลงทุนได้ ค่อนข้างยากลำบาก เพราะฉะนั้นเข้ามาแล้ว เราต้องดูแลเขาเป็นอย่างดี ในเอเชียของเรามี 10 ประเทศที่เป็นคู่แข่งเกาะภูเก็ต เราต้องแข่งขันอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันรักษาภาพลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ต

นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช กงสุลกิตติมศักดิ์ ฮังการี กล่าวว่า เรามีนักลงทุนที่ยังไม่ได้รับการส่งเสริม คือนักลงทุนที่มาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเศรษฐกิจแรก 4 แสนล้าน มาจากการท่องเที่ยว แต่อีกด้านมาจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ บ้านจัดสรร คอนโด วิลล่า ภูเก็ตกำลังจะเป็นแบรนด์ดิ้งระดับโลก ใกล้ฮาวาย คนที่มาซื้ออสังหา มองอนาคตอีก 5-10 ปีข้างหน้า ส่วนใหญ่เป็นยุโรปตะวันออก จึงอยากให้ภาครัฐ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ช่วยสนับสนุนและผลักดันด้วย 

ด้าน นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวทิ้งท้ายว่า หลังจากนี้จะไปตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองการอยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าว เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อน ควบคุมและคัดกรองชาวต่างชาติที่มาก่อความวุ่นวาย กระทบภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และขอบคุณ ผบช.สตม.ที่มาแนะนำสิ่งที่มีประโยชน์ให้กับชาวภูเก็ต 

(สุรินทร์) มทบ.25 จัดงานวันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบปีที่ 55 'ค่ายวีรวัฒน์โยธิน' เพื่อ ระลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของ พลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธิน

วันที่ 26 ธันวาคม 2566 เวลา 07.09 น. ที่ อนุสาวรีย์ พลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธิน พลตรีชินวิช เจริญพิบูลย์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 พร้อมด้วยคุณอุไรวรรณ เจริญพิบูลย์ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขามณฑลทหารบกที่ 25 จัดพิธีบวงสรวงสักการะอนุสาวรีย์ พลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธิน เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนามณฑลทหารบกที่ 25 ค่ายวีรวัฒน์โยธิน ครบรอบปีที่ 55 เพื่ออุทิศบุญกุศล และเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของพลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธิน และกำลังพลที่ได้เสียสละชีวิต ในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ตลอดจนเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่หน่วย 

โดยจัดให้มีพิธีสงฆ์ และตักบาตร บริเวณหน้ากองบังคับการมณฑลทหารบกที่ 25 โดยมี พันเอก จิรัฏฐ์ ช่วงฉ่ำ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี นายสัดทัด แสนทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พันตำรวจเอก วรายุส์  จันทร์เยี่ยม รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ และกำลังพล มณฑลทหารบกที่ 25 รวมทั้งครอบครัว ร่วมพิธีฯ มณฑลทหารบกที่ 25 เดิมคือ “ค่ายวีรวัฒน์โยธิน” จังหวัดทหารบกสุรินทร์ ซึ่งวีรกรรมอันกล้าหาญของ พลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธิน กองทัพบกจึงได้ขอพระราชทานนามค่ายแห่งนี้ว่า “ค่ายวีรวัฒน์โยธิน” เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2511 เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังระลึกถึงคุณงามความดีอันยิ่งใหญ่ของท่าน ในการปฏิบัติการรบในสงครามมหาเอเชียบูรพา

บริษัท อุบลราชธานี ดีเวลลอปเม้นท์ จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อการจัดทำร่างรายงานและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประชุมรับฟังความคิดเห็น ประชาชนครั้งที่ 2

วันนี้ (26 ธ.ค. 66) เวลา 08:30 น.-12:00 น. ณ.วัดบ้านทุ่งเทิง ต.ทุ่งเทิง อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานีบริษัท  อุบลราชธานี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด

จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 ต่อการจัดทำร่างรายงานและมาตรการ โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม อุบลราชธานี ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) ตั้งอยู่ที่ ตำบล นากะแซง และตำบลทุ่งเทิง อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งดำเนินการโดย บริษัทโฟร์เทียร์คอนซัลแตนต์ จำกัด ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาโครงการ โดยมี นายสุริยา บุตรจินดา หัวหน้าส่วนสำนักงานจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดการประชุม

ทั้งนี้มีประชาชนในพื้นที่ตั้งโครงการฯ และพื้นที่รัศมี 5 กิโลเมตรโดยรอบ โครงการฯ จาก 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เดชอุดม อ.ทุ่งศรีอุดม 5 ตำบล ได้แก่ต.นากระแซง ต.สมสะอาด ต.ทุ่งเทิง ต.นาห่อม และต.หนองอ้ม จ.อุบลราชธานี รวมกว่า 1,200 คน มาร่วมรับฟังการประชุม บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

นายสุริยา บุตรจินดา กล่าวว่า การจัดการประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีเปิดเวทีให้ทุกคนได้แสดงความเห็น และข้อเสนอแนะที่มีการจัดตั้ง นิคมอุตสาหกรรมอุบลราชธานี ตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมชนและบ้านของเราขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ มีเหตุผลในการพูดคุย เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนจังหวัดอุบลราชธานีของเราให้เดินหน้าต่อไปได้ 

ด้านคุณณัฐวัฒน์ เลิศสุรวิทย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารโครงการ นิคมอุตสาหกรรมอุบลราชธานี กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการนำเสนอข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอุบลราชธานี โดยในวันนี้ได้มีการจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชนเป็นครั้งที่ 2 เพื่อนำเสนอผลงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม มาตรการป้องกันและแก้ไข ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ ให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับทราบ และขอขอบคุณทุกความเห็น ทุกข้อเสนอแนะจากผู้นำชุมชน ประชาชน รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ซึ่งทางโครงการฯ จะนำความเห็นเหล่านี้ ไปกำหนดเป็นมาตรการในการดูแลโครงการ ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนและสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขและยั่งยืนตลอดไป

ด้าน น.ส. นันยา ฮูมเมลิงค์ วิศวกร จากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ. จะนำรายงานและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ผ่านความเห็นชอบไปกำกับดูแลโครงการ รวมทั้งบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมภายใต้กรอบการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) คือ การพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของพื้นที่ ให้เจริญเติบโตไปพร้อมกับความเจริญของ ชุมชนและการรักษาสภาพแวดล้อมที่ดีอย่างสมดุลเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดย ความร่วมมือกันของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top