Wednesday, 19 March 2025
THE STATES TIMES TEAM

อุดรธานี -ประธานสภาเวียดนามและคณะเยือนอุดรฯ เพื่อกระชับสัมพันธ์ไมตรี พร้อมเปิดถนนอาหารวัฒนธรรมเวียดนาม "เวียดนามทาวน์"

ประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและคณะเยือนจังหวัดอุดรธานี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ให้การต้อนรับนายเวือง ดิ่ง เหวะ ประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและคณะในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อกระชับสัมพันธไมตรี พร้อมเปิดถนนอาหารวัฒนธรรมเวียดนาม"เวียดนามทาวน์ สัญลักษณ์ของการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและเวียดนาม ที่จังหวัดอุดรธานี

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ที่ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดอุดรธานี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นายศรัณย์ศักด์ ศรีเครือเนตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยคณะหัวหน้าส่วนราชการ และนายสุทิน พัชระนาคิน นายกสมาคมชาวไทยเชื้อสายเวียดนามแห่งประเทศไทย ชุมชนชาวเวียดนามในไทย ให้การต้อนรับนายเวือง ดิ่ง เหวะ ประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และคณะในโอกาสเดินทางมาเยือนจังหวัดอุดรธานี เพื่อกระชับสัมพันธไมตรี หารือข้อราชการ ในประเด็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือไทย-เวียดนาม, การสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องอุดรธานี-ท้ายเงวียน การดูแลชาวไทยเชื้อสานเวียดนามที่อาศัยอยู่ในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งจังหวัดอุดรธานีมีชาวเวียดนามอาศัยอยู่มากที่สุด และถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการพัฒนาจังหวัดอุดรธานี นอกจากนี้จังหวัดอุดรธานียังมีการส่งเสริมความร่วมมือสามเหลี่ยมมรดกโลก (บ้านเชียงอุดรธานี-หลวงพระบาง-ฮาลองเบย์ กวางนิงส์) มาตั้งแต่ 30 สิงหาคม 2547 และเป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานประธานาธิบดี โฮจิมินห์ในไทยแห่งที่ 3 (แหล่งศึกษาและท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์โฮจิมินห์ ตำบลเชียงพิณ อำเภอเมืองอุดรธานี)

จากนั้นนายเวือง ดิ่ง เหวะ ประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พร้อมด้วยนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และคณะ ได้เดินทางไปที่ทำการสำนักงานชาวเวียดนามจังหวัดอุดรธานี เลขที่ 23/41 ถนนศรีสุข ซอย 2 เพื่อเยี่ยมชุมชนชาวเวียดนามในไทย และเปิดถนนอาหารวัฒนธรรมเวียดนาม "เวียดนามทาวน์" ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี ซึ่งเวียดนามทาวน์ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ระหว่างไทยและเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดอุดรธานี โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแขกผู้มีเกียรติ พี่น้องชาวไทยเชื้อสายเวียดนามจังหวัดอุดรธานี สมาคมชาวเวียดนามจังหวัดอุดรธานี สมาคมนักธุรกิจไทย-เวียดนามแห่งประเทศไทย ชมรมนักธุรกิจชาวเวียดนามจังหวัดอุดรธานี เทศบาลนครอุดรธานี และภาคส่วนต่าง ๆ ร่วมบูรณาการความร่วมมือทำให้เกิดขึ้น โดยสำนักงานชาวเวียดนามจังหวัดอุดรธานี และเวียดนามทาวน์ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น เป็นมิตรภาพที่ยั่งยืนต่อกันของพี่น้องชาวอุดรธานี และชาวไทยเชื้อสายเวียดนามจังหวัดอุดรธานี

นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2519 ซึ่งนับเป็นเวลา 47 ปี ที่ทั้งสองประเทศได้เชื่อมสัมพันธ์ไมตรี ในฐานะมิตรประเทศที่ดีต่อกัน และในปีนี้ยังเป็นปีที่สำคัญ เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี แห่งการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและเวียดนาม อันจะส่งผลให้เกิดความเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยและเวียดนามเกิดขึ้นในทุกระดับ โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่นและการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพเศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว (BCG) ของไทย และยุทธศาสตร์การพัฒนาสีเขียวของเวียดนาม เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและอนุภูมิภาค

โอกาสนี้นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยนายศรัณย์ศักด์ ศรีเครือเนตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาคเอกชนของจังหวัดอุดรธานี ได้ร่วมหารือข้อราชการ กับ นายเวือง ดิ่ง เหวะ ประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และคณะรัฐสภา ณ โรงแรมเซ็นทารา อุดรธานี และในโอกาสเดินทางเยือนจังหวัดอุดรธานีครั้งนี้ นายเวือง ดิ่ง เหวะ ประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน) ตำบลบ้านตาด อำเภอเมืองอุดรธานี

'ทวี' ลุยจัดระเบียบ 'กระท่อม-กัญชา' รัฐมนตรียุติธรรม เตรียมวางมาตรการคุมเข้ม 'กระท่อม - กัญชา' แม้ไม่ใช่ยาเสพติดตามกฎหมาย แต่ประขาชนไม่ไว้ใจ ลั่นต้องไม่มีวางขายเกลื่อน

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ในประเด็นนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติด ว่า  นโยบายของรัฐบาล ของกระทรวงยุติธรรม และ ป.ป.ส. ที่ดูแล คือ เราจะแก้ปัญหายาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ให้ประชาชนเป็นผู้ประเมินว่าการแก้ปัญหายาเสพติดเราได้ทำอย่างจริงจัง  

1.ปริมาณการค้ายาเสพติดต้องลดลง หมดได้ยิ่งดี 

2.ลดจำนวนผู้เสพ ผู้ใช้ และลดผู้ติดใหม่ 

มันมีเทคนิคที่สำคัญ คือปัจจุบัน ถึงจะแก้ไขตรงนั้นเกือบหมด แค่ปรากฏว่า มีพืชบางชนิด เช่นกระท่อม กับ กัญชา เป็นวาระทางกฎหมาย ในส่วนของกัญชา รัฐมนตรีสาธารณสุขกำลังดำเนินการเรื่องกฎหมาย

ส่วนของกระท่อม ได้คุยเลขาธิการ ป.ป.ส. คงต้องมีมาตรการ ไม่ใช่ให้วางขายเกลื่อน แม้ว่าเราจะจัดการยาเสพติดที่เป็นยาบ้า หรือตัวอื่นๆแล้ว ซึ่งตอนนี้รู้สึกลงลด แต่ความรู้สึกไม่ปลอดภัยในกระท่อม ประชาชนยังเห็นว่าเป็นอันตราย โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องมีมาตรการควบคุมที่เข้มขึ้น

เป็นวาระร่วมกันที่จะเอาลูกหลาน เอาคนที่มีคุณภาพกลับเข้ามาสู้สังคม ปัญหายาเสพติดจึงเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วน จึงเป็นวาระ แห่งชาติที่จะต้องเร่งการแก้ไข้ ในพื้นที่ภาคใต้ ไม่ใช่พื้นที่ผลิตยาเสพติด แต่เป็นพื้นที่ของการแพร่ระบาดแล้วก็เป็นทางผ่านของยาอีหรือยาเสพติดที่ไปประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งปริมาณ การแพร่ระบาด ตัวเลขที่เราค้นพบค่อนข้างสูง จึงเป็นปัญหา สำคัญที่ต้องมาแก้ไข

ต้องการจัดการนักค้า ซึ่งนักค้ารายสำคัญ ต้องคุยกับเพื่อนข้าราชการว่า ต้องไม่มีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไปส่งเสริม ข้าราชการหมายถึงทุกระดับ รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐ หรือบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องทางด้านอิทธิพล ครั้งนี้เราจะใช้มาตราการทางด้านการป้องกัน การดำเนินการ สุดท้ายเราจะติดตามทางการเงิน แล้วเราจะร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ พื้นที่ชายแดน สงขลา นราธิวาส เขตติดต่อชายแดนทั้งหมด จะเป็นพื้นที่ที่มีการผสมทั้งแพร่ระบาดและการค้ายาเสพติด ต้องดูอย่างเคร่งครัดแล้วคงต้องมีมาตรการจับกุม ดำเนินคดีกับผู้สนับสนุน แม้จะเป็นข้าราชการ หรือทางการเมือง ต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา

‘ดร.สุวินัย’ เผย ถึงเวลาโละทุกระบบ รับมือความเปลี่ยนผันสู่ ‘ยุคดาต้านิยม’ ชี้!! ปัญญา-กลยุทธ์ของ ‘ผู้นำวิถีปราชญ์’ คือหัวใจหลัก พาสังคมฝ่ามหาวิกฤติ

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 66 ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suvinai Pornavalai' ในหัวข้อ ‘ทบทวน The Great Reset : ใครรู้ทันและเตรียมพร้อม คนนั้นรอด’ โดยระบุว่า…

‘The Great Reset’ หมายถึง การ ‘โละ’ ระบบทุกอย่างในโลกใบนี้ ในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เพื่อเข้าสู่ยุคดาต้านิยม (Dataism) เต็มตัว

ที่ผ่านมา โลกได้ผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมมาแล้ว 4 ครั้ง

๐ ครั้งที่ 1 อยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1760-1840 เป็น ‘การปฏิวัติใช้เครื่องจักรไอน้ำ’ ในทุกอุตสาหกรรม ซึ่งนำไปสู่การผงาดขึ้นของยุคทุนนิยมช่วงต้น

๐ ครั้งที่ 2 อยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1820-1925 เป็น ‘การปฏิวัติใช้ไฟฟ้า’ ในทุกอุตสาหกรรม เริ่มมีการใช้สายพานในการผลิต ทำให้เกิดการผลิตแบบแมส  (Mass Production) ในระบบทุนนิยม ตามมาด้วยการเกิดชนชั้นกลาง (Middle Class) ในฐานะที่เป็นผู้บริโภคหลักของเศรษฐกิจทุนนิยม

๐ ครั้งที่ 3 อยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1969-2010 เป็น ‘การปฏิวัติใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต’ มาใช้ในทุกอุตสาหกรรมในยุคทุนนิยมโลกาภิวัฒน์ (Globalization) ที่เป็นยุคทุนนิยมช่วงปลายๆ ที่งอมแล้ว (Mature Capitalism)

๐ ครั้งที่ 4 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 เป็นต้นมา เป็น ‘การปฏิวัติใช้อัลกอริทึมและปัญญาประดิษฐ์’ ในทุกอุตสาหกรรม ทะยานจากยุคเก่า (หรือทุนนิยม) เข้าสู่ยุคใหม่ หรือ ‘ยุคดาต้านิยม’ (Dataism) แทน

เพราะเหตุนี้เอง การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 จึงเป็นการ ‘โละระบบ’ ครั้งใหญ่สุดในรอบ 100 ปีที่คนในโลกไม่เคยเจอมาก่อน

ชาวโลกส่วนใหญ่จึงมองไม่ออกว่า อนาคตจะเป็นยังไงต่อไป…

แต่ที่แน่ๆ อาชีพเก่าๆ จะหายไปมากกว่าครึ่ง โดยจะมีอาชีพใหม่เข้ามาแทน รายได้ของคนส่วนใหญ่ที่ไม่ปรับตัวจะลดลง คนส่วนใหญ่จะไม่สามารถทำอาชีพใหม่ที่สร้างเงินดีๆ ได้ มีแต่คนส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถปรับตัว โดยการ Reskill ได้

ปัญหาความเหลื่อมล้ำจะยิ่งทวีความรุนแรง รวมทั้งปัญหาทางสังคม ระบบราชการ หากไม่ปรับตัวจะอยู่ไม่ได้ เพราะประชาชนจะกดดันผ่านเครือข่ายโซเชียล ขณะเดียวกัน ปัญหาต่างๆ จะถาโถมกดดันรัฐบาลไม่หยุดหย่อน

คนไทยควรตระหนักให้ดีว่า… ประเทศไทยเรากำลังเผชิญกับโลกที่ไม่ใช่ใบเดิมอีกต่อไป

ผู้ที่จะนำพาองค์กร นำพาสังคม นำพาบ้านเมืองให้ฝ่าผ่านวิกฤตโละระบบทั้งหมด (Great Reset) นี้ได้จะต้องเป็นผู้ที่สามารถ ‘คิดเชิงระบบ’ (Systems Thinking) อย่างเป็นนักยุทธศาสตร์ ได้เท่านั้น

ลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของเทคโนโลยีในยุคดาต้านิยม โดยเฉพาะอัลกอริทึมคือ มันทำให้คนเรา ‘มีความเป็นมนุษย์น้อยลง’ (Downgrading Humans)

ผลที่ตามมาคือมันกำลังทำลาย ‘สังคม’ แบบที่มนุษย์ควรจะมี กลายเป็น ‘สังคมเสมือน’ ที่แตกแยก แตกร้าวเกินเยียวยา และช่วงชิงความใส่ใจเพื่อนมนุษย์ (Human Attention) ที่เราควรมีให้กับมนุษย์ด้วยกันที่อยู่ตรงหน้าหรือรอบข้าง ให้ไปอยู่ที่หน้าจอมือถือของแต่ละคนแทน

ผู้นำประเทศหรือนักการเมืองที่คิดเชิงระบบไม่ได้ หรือไม่สามารถเห็นผลกระทบเชิงลบที่ระบบย่อยต่างๆ ส่งผลต่อระบบใหญ่องค์รวม หรือ ‘โลกกาย่า’ (Gaia) ใบนี้ได้… ย่อมนำพาประเทศของตัวเองไปสู่หายนะ

เพราะผู้นำแบบนี้ย่อมไม่สามารถทำให้ประชาชนของตนตื่นรู้ และตระหนักถึงผลรวมแห่งการกระทำของแต่ละคน และชี้ทางออก-ทางสว่างที่เป็นความหวังให้แก่คนทั้งประเทศได้

ผู้นำที่คิดเชิงระบบอย่างนักยุทธศาสตร์ได้ ย่อมสามารถจัดการวิกฤติระบบที่เป็นปัญหา Complexity ได้ เพราะ The Great Reset คือรูปแบบหนึ่งของปัญหา Complexity เชิงระบบนั่นเอง

นิยามของผู้นำ (Leader) ในยุควิกฤติ คือ ผู้ที่สามารถนำพาผู้คนก้าวข้ามผ่านข้อจำกัดและอุปสรรคทั้งปวงได้

ภูมิปัญญากลยุทธ์ของผู้นำและวิถีปราชญ์ผู้นำ คือหนึ่งในหัวข้อหลักที่คนไทยต้องติดอาวุธทางปัญญาให้แก่ตัวเอง ในช่วงวิกฤติใหญ่ ซึ่งเป็นช่วงที่สำคัญมาก เพราะมันสามารถเปลี่ยนอนาคตของประเทศไทยไปอย่างไม่หวนกลับได้

เหตุการณ์วันนี้และและการตัดสินใจของปัจเจกซึ่งเป็นตัวละครหลักในประวัติศาสตร์หน้านี้ มันจะกลายเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ในวันข้างหน้า โดยที่มันจะมีส่วนกำหนดเส้นทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทยต่อจากนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

ประวัติศาสตร์เป็นเพียงเส้นทางผ่านวิกฤติทั้งหลาย โดยตัวมันเองจึงหามี ‘จุดจบอันงดงาม’ ทางประวัติศาสตร์เสมอไปไม่

สถานการณ์โลกที่กำลังจะบานปลายจากวิกฤติโควิด ไปเป็นมหาวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำ และสงครามครั้งใหญ่ที่ใกล้จะเกิด

เครือข่ายมันสมองของประเทศนี้จากทุกฝ่ายทุกวงการ ต้องเข้ามาช่วยกันระดมความคิด ระดมสมอง เพื่อแก้ไขสถานการณ์วิกฤติระดับโลกจากทุกความเป็นไปได้ที่มี หรือมีทางที่เป็นไปได้มากกว่านั้น ขณะที่คนจำนวนมากรวมทั้งนักการเมืองส่วนใหญ่ ยังไม่ทันได้ตั้งตัวต่อทุกเหตุการณ์ที่โหมกระหน่ำเข้ามา

ภูมิปัญญากลยุทธ์เพื่อฝ่าวิกฤติของผู้นำจึงสำคัญมากถึงมากที่สุด

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมหาวิกฤติที่เหนือความคาดหมายสำหรับคนทั่วไป โดยปกติมักเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะตัดสินใจได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

เพราะการตัดสินใจเป็นเรื่องของ ‘การตัดสินด้วยใจของผู้นำ’

ดังนั้น ผู้นำจึงต้องมีใจเป็นใหญ่ มีใจเป็นประธานในที่ประชุม เมื่อวิกฤติรอบด้านพากันมาชุมนุม คนเป็นผู้นำจึงต้องกุมสภาพจิตให้มั่นและต้องใช้ความกล้าหาญในการตัดสินใจ

การตัดสินใจที่ถูกที่ถูกเวลา คือ ยอดแห่งกลยุทธ์ทั้งปวง

ผู้นำที่เป็นจอมปราชญ์ คือ ผู้ที่ผ่านการฝึกตนจนชำนาญ ถึงขั้นที่สามารถหยั่งเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ จึงย่อมนำพาตนเองและคนอื่นออกจากภยันตราย โดยไม่รอให้ภัยมาถึงตัวก่อน

จอมปราชญ์จึงเป็นผู้มีสายตายาวไกล ผู้ผสานคัมภีร์หลากหลาย ให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับชีวิต
ปราชญ์ที่แท้ต้องเสนอ ‘ทางเลือก’ เพื่อพาสังคมออกจากมหาวิกฤติ

จะเห็นได้ว่า ปัญญาฝ่าวิกฤติของปราชญ์ คือ ‘หฤทัยแห่งพิชัยสงคราม’ ในทุกสมัย ซึ่งมีค่ายิ่งกว่าแก้วแหวนเงินทองใดๆ ในช่วงเผชิญกับวิกฤติในสมรภูมิชีวิต

มหาวิกฤตินี้จะมาในรูปของ ‘The Great Reset’ ซึ่งเป็นบททดสอบใหญ่ ที่ผู้คนทั้งประเทศจะได้เรียนรู้ร่วมกันครั้งใหญ่อีกครั้ง จากของจริงด้วยประสบการณ์จริง หลังจากวิกฤติโควิดหมดไปแล้ว 
ตอนนี้โลกกำลังเข้าสู่โหมดเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกกับสงครามใหญ่

สุวินัย ภรณวลัย

ลำปาง-ศฝท.มทบ.32 จัดพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตน และสวนสนามของนศท.

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 32 จัดพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตน และสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร ประจำปีการศึกษา 2566  เนื่องในวันนักศึกษาวิชาทหาร จากวีรกรรมอันกล้าหาญของ “ยุวชนทหาร” ที่ร่วมกับทหาร ตำรวจ และราษฎรอาสา ต่อต้านทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่จังหวัดชุมพร และในหลายพื้นที่ทางภาคใต้ของไทย เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484 ณ สนามพิทยุทธยรรยงค์ ศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี อ.เมือง จ.ลำปาง โดยมี พลตรี พรชัย นพรัตน์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 เป็นประธาน 

ในการนี้ได้มีการจัดแสดงของนศท.อาทิ การแสดง ศิลปะป้องกันตัวมวยไทย, การแสดงประกอบเพลงบ้านเกิดเมืองนอน เป็นต้น และพิธีมอบรางวัลการสวนสนามของ นศท.ในประเภทต่างๆ, รางวัลกองร้อยสวนสนามขวัญใจสื่อมวลชน, รางวัลผู้บังคับกองพันสวนสนาม SMART LEADER ROTCS. และรางวัลปฎิบัติหน้าที่เป็นผู้บังคับกองผสม 

ทั้งนี้เพื่อให้ นศท.ได้แสดงออกถึงสมรรถภาพ ระเบียบวินัย มีโอกาสพบปะและรับฟังโอวาทจากผู้บังคับบัญชาชั้นสูง รวมถึงเป็นการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ของ นศท. และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติต่อไป

#8ธันวาวันนักศึกษาวิชาทหาร

(สุรินทร์) หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มทบ.25 จัดพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร

วันที่ 8 ธันวาคม 2566 เวลา 13.30 น. พลตรี ชินวิช เจริญพิบูลย์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็นประธาน พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร ณ ลานสโมสร ค่ายวีรวัฒน์โยธิน มณฑลทหารบกที่ 25 มี พันโท กฤษฎา ตะเภาพงษ์ ผู้บังคับหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 25 ผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารและนักศึกษาวิชาทหารทั้งชายและหญิงเข้าร่วมพิธี จำนวน 16 โรงเรียน จำนวนทั้งสิ้น 326 คน ประกอบด้วย กองพันเดินสวนสนาม 2 กองพัน พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหารอันมีเกียรตินี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาวิชาทหาร ได้กระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อหน้าผู้บังคับบัญชาระดับสูง และประชาชนทั้งหลายว่าจะยึดถืออุดมการณ์และดำรงไว้ ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตลอดจนเป็นสถาบันตัวอย่างในการสร้างวินัยให้แก่คนในชาติ พร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยและร่วมพัฒนาชาติไทยให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป อีกทั้งยังมุ่งหมายให้นักศึกษาวิชาทหาร ผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินกิจกรรมร่วมกัน 

เพื่อแสดงออกถึงพลังของนักศึกษาวิชาทหารซึ่งเป็นกำลังสำรองของชาติ ให้เป็นที่ปรากฏแก่สายตาของผู้บังคับบัญชาและ ประชาชนทั่วไป เนื่องในวันนักศึกษาวิชาทหาร หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ได้ริเริ่มประกอบพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหารในส่วนกลางครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2509 ณ พระลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) โดยมี จอมพล ถนอม กิตติขจร ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธี และได้ประกอบพิธีดังกล่าวเป็นประจำทุกปี โดยมอบให้หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน รับผิดชอบการจัดพิธีสวนสนามฯ โดยได้รับการสนับสนุนจากสถานศึกษาวิชาทหารต่างๆ ซึ่งแต่เดิมเคยจัดประมาณเดือนพฤศจิกายนของทุกปี แต่เมื่อปี 2542 กองทัพบก ได้อนุมัติให้วันที่ 8 ธันวาคม เป็น “วันนักศึกษาวิชาทหาร” เพื่อระลึกถึงวีรกรรมของยุวชนทหาร ที่ร่วมต่อต้านทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่จังหวัดชุมพร ดังนั้น หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน จึงได้กำหนดให้เป็นวันประกอบพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหารทั่วประเทศ สำหรับในส่วนภูมิภาคได้มอบให้หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ประกอบพิธีนี้พร้อมกันกับส่วนกลาง จึงถือได้ว่าพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหารนั้น เป็นพิธีสำคัญและเป็นเกียรติแก่นักศึกษาวิชาทหารทุกคน

รัฐเปอร์ลิสเปิดการท่องเที่ยวปี 2024-2025 มกุฎราชกุมารทรงเป็นประธาน คาดนักท่องเที่ยวเพิ่ม 3.5 ล้านคน สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย ได้รับเกียรติเข้าร่วม

เมื่อค่ำวันที่ (7 ธ.ค.66) ที่ผ่านมา ณ คอนเวนชั่น ฮอล เมืองคาการ์ (Kangar) รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย  ได้จัดให้มีกิจกรรมการเปิดการท่องเที่ยวรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย 2024-2025 (2567-2568)ขึ้น หน่วยงานการท่องเที่ยว ภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน สมาคมการท่องเที่ยว สมาคมนักข่าวจากรัฐต่างๆ รวมถึง สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย เข้าร่วม 

โดยมี ตวนกูไซยิดไฟซุดดิน ไซยิดจามาลุลไลล์ (Tuanku syed Faizuddin Syed Jamalullail Raja Muda Perlis) มกุฎราชกุมารแห่งรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย  พร้อมพระชายา ทรงเป็นประธานในพิธีเปิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนพิธีเปิด แขกรับเชิญจากภาคต่างๆ ได้เดินทางมาถึงโดยมีการต้อนรับพร้อมกำหนดตามที่นั่งตามจุดที่กำหนด โดยคณะสื่อจากสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้ฯ และสื่อจากรัฐเปอร์ลิสและรัฐต่างๆ ได้รับเกียรติจัดให้มีที่นั่งด้านหน้าติดขอบเวที

เวลาประมาณ 20.00 น.มกุฎราชกุมารแห่งรัฐเปอร์ลิสพร้อมพระชายา และผู้ติดตาม เสด็จมาถึง ได้รับการตั้งแถวต้อนรับจากทางเข้า คณะผู้จัดงานนำเสด็จนขึ้นประทับที่นั่งบนเวที มีการขอดุอาร์ (ขอพร) พร้อมมีการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้าน การขับร้องเพลง การนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวมัลติวิชั่นผ่านจอ

โมฮัมหมัดสุกรี รอมลี  มุขมนตรีรัฐเปอร์ลิส กล่าวว่า ท่านมกุฎราฃกุมารมาเป็นประธานเมื่อค่ำวันที่ 7 ฮันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งพระองค์ท่านได้เชิญชวนประชาชนชาวเปอร์ลิสทุกคนร่วมเป็นทูตการท่องเที่ยว พร้อมที่จะเป็นเจ้าบ้านที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมต้อนรับ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการท่องเที่ยว ที่พัก โรงแรม  รวมถึงร้านอาหาร 

นอกจากนั้น พระองค์ท่าน ยังกล่าวว่า ทุกฝ่ายจะต้องมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยว เพื่อให้รัฐเปอร์ลิสเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเปอร์ลิสกับจังหวัดชายแดนภาคใต้

พระองค์ยังได้กล่าวอีกว่า การเตรียมพร้อมผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงต่างๆ ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวมีความสุขในขณะที่มาท่องเที่ยว ประชาชนทุกคนทุกกลุ่มทุกเพศทุกวัยในรัฐเปอร์ลิสจะต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดี พร้อมต้อนรับ มอบความสุข ความสงบให้กับผู้ที่มาเยือนรัฐเปอร์ลิสทุกคน

“เปอร์ลิสเป็นพื้นที่ทีมีศักยภาพสูงไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศก์ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัฒนธรรม ฯลฯ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมการท่องเที่ยวระหว่างรัฐต่างๆ ของมาเลเซีย  ความก้าวหน้าทางการท่องเที่ยว จำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาให้ดีขึ้น ให้นักท่องเที่ยวเที่ยวมีความสุข และกลับมาเที่ยวซ้ำอีก” 

โดยในปี 2022 จากสถิติมีนักท่องเที่ยว 2.2 ล้านคน คาดว่าในปีการท่องเที่ยว 2024-2025 รัฐเปอร์ลิสจะมีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ 3.5 ล้านคน

นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้รับการติดต่อประสานงานจากสมาคมท่องเที่ยวรัฐเปอร์ลิส และ สมาคมนักข่าวรัฐเปอร์ลิส โดยผ่าน คุณตูแวตานียา มือนิงิง ประธานอนุกรรมการฝ่ายต่างประเทศของสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้ฯ เป็นผู้ประสานงาน นำคณะของเรา 4 คน มาเยือนและมาเป็นแขกของงานเปิดโลกการท่องเที่ยวรัฐเปอร์ลิส 2024-2025 

“ท่านมกุฎราชกุมารแห่งรัฐเปอร์ลิส ทรงเป็นประธานในพิธีเปิด ซึ่งจัดได้ยิ่งใหญ่มาก เป็นงานอันซีนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวรัฐเปอร์ลิส ถือเป็นเกียรติย่างสูงของสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย รวมถึงพวกเราทั้ง 4 คนที่ได้รับเกียรติมาร่วมงานในครั้งนี้  สมาคมฯ พร้อมที่จะประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบ...

นอกจากนั้น พระองค์ท่านมกุฎราชกุมารแห่งรัฐเปอร์ลิส ก็ยังได้สนทนากับคณะพวกเราและทรงฉายภาพร่วมกัน ถือเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ของสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทยและคณะที่ได้เดินทางมาครั้งนี้ครับ”

#perlis #thailand #tahunmelawatperlis2024 #PWP #สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย #ไชยยงค์มณีรุ่งสกุล #ตูแวตานียามือนิงิง #KasemLimaphan #เกษมลิมะพันธุ์

พิษณุโลก มทบ.39 จัดพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร ประจำปีการศึกษา 2566 เนื่องในวันนักศึกษาวิชาทหาร

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00 พลตรี กิตติพงศ์ ชื่นใจชน รองแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหารมณฑลทหารบกที่ 39 ประจำปีการศึกษา 2566 เนื่องในวันนักศึกษาวิชาทหาร ณ สนามกีฬาพระองค์ดำ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม (ส่วนทะเลแก้ว) ตำบลพลายชุมพล อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก โดยมีผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหาร - ตำรวจ และผู้บริหาร, อาจารย์ผู้กำกับนักศึกษา, นักศึกษาวิชาทหาร เข้าร่วมพิธีมากกว่า 1,000 คน และได้มีพิธีมอบโล่เกียรติคุณให้กับ 5 สถานศึกษา และใบประกาศให้กับอาจารย์ผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหาร จำนวน 6 นาย 

ซึ่งพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหารเป็นพิธีอันมีเกียรติ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาวิชาทหารได้กระทำสัตย์ปฏิญาณตนว่าจะยึดถืออุดมการณ์และดำรงไว้ ซึ่งสถาบันหลักของชาติและการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อแสดงออกถึงพลังของนักศึกษาวิชาทหารซึ่งเป็นกำลังสำรองของชาติ ให้เป็นที่ปรากฏแก่สายตาของผู้บังคับบัญชาและประชาชนทั่วไป เนื่องในวันนักศึกษาวิชาทหาร 8 ธันวาคม มณฑลทหารบกที่39 #หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหารมณฑลทหารบกที่39 พิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร 2566 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงข่าวจัดการแข่งขันรักบี้ฟุตบอลประเพณี ตำรวจไทย-ตำรวจมาเลเซียชิงถ้วย “รุจิรวงศ์” ครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 12-15 ธ.ค.66 ณ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

วันที่ 8 ธ.ค.66 เวลา 11.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง  ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ประธานคณะกรรมการอำนวยการบริหารการกีฬาประเภทรักบี้ฟุตบอล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานแถลงข่าวการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณีตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ชิงถ้วย "รุจิรวงศ์" ครั้งที่ 34 โดยมี พล.ต.ต.เทอดศักดิ์ รุจิรวงศ์ ที่ปรึกษาคณะทำงานการจัดการแข่งขันฯ และพ.ต.อ.เศรษฐสิริ นิพภยะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

สำหรับการแข่งขันกีฬารักบี้ประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย มีวัตถุประสงค์
เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ก่อให้เกิดความรัก ความสามัคคีระหว่างตำรวจไทยกับตำรวจมาเลเซียอย่างเน้นเฟ้น ในการบูรณาการทำงานร่วมกัน ตลอดจนเพิ่มศักยภาพการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่จะมาคุกคามประชาชนระหว่างสองประเทศ โดยการจัดการแข่งขันครั้งแรก เมื่อปีพุทธศักราช 2504 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในยุคสมัยของ พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ ได้ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลานานกว่า 62 ปี มีการจัดการแข่งขันมาแล้วถึง 34 ครั้ง โดยจะมีการหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ในการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลชิงถ้วย "รุจิรวงศ์" ครั้งที่ 34 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ระหว่างวันที่ 12 - 15 ธ.ค.66 และจะมีการแข่งขันจริงในวันที่ 14 ธ.ค.66 ณ สนามกีฬาราชนาวี สัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

การแข่งขันกีฬารักบี้ประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ครั้งที่ 34 แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. การแข่งขันชิงถ้วย "รุจิรวงศ์" ประเภทอายุไม่เกิน 45 ปี
2. การแข่งขันชิงถ้วย "สุวิมล" ประเภทอาวุโส อายุเกิน 45 ปีขึ้นไป

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชน และข้าราชการ
ตำรวจ ร่วมรับชมผ่านและส่งกำลังใจแก่นักกีฬาตำรวจไทยในการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณี ระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ชิงถ้วย "รุจิรวงศ์" ครั้งที่ 34 ในวันที่ 14 ธ.ค.66 ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ณ สนามกีฬาโรงเรียนนานาชาติรักบี้ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

ตม.สนามบิน ย้ำมาตรการคุ้มครองข้อมูลบุคคลป้องกันมั่วเช็กคนเข้าออกประเทศ

วันนี้ (8 ธ.ค.2566) พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ในฐานะโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้เปิดเผยมาตรการการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เดินทางเข้า - ออกประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีบุคคลภาครัฐ เอกชน และหน่วยงานต่างๆ มักประสานขอตรวจสอบข้อมูลคนเข้า - ออกประเทศ โดยอ้างเหตุผลทางคดี หรือเหตุผลทางด้านความมั่นคง ส่งผลกระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และส่งผลต่อความมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลบุคคลในฐานข้อมูลตรวจคนเข้าเมือง 

พล.ต.ต.เชิงรณ ฯ เปิดเผยว่า กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 มีภารกิจในการตรวจอนุญาตบุคคล ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่เดินทางเข้า – ออกราชอาณาจักรผ่านด่านท่าอากาศยานนานาชาติทั้ง 5 แห่ง ประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานกรุงเทพ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลการเดินทางเข้า - ออกราชอาณาจักรของบุคคลที่เดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองสนามบินดังกล่าว มักมีบุคคลหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ร้องขอเพื่อทำการตรวจสอบ โดยอ้างว่าเพื่อใช้ประกอบเป็นหลักฐานทางกฎหมายในหลายกรณี ซึ่งการขอตรวจสอบดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลของผู้เดินทาง และก่อให้เกิดความเสียหายได้ ประกอบกับปัจจุบันประเทศไทยได้มี พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หรือที่เรียกว่า กฎหมาย PDPA ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2565 โดยกฎหมายดังกล่าวมีเจตนารมณ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ และเพื่อป้องกัน แก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดสิทธิพื้นฐานของเจ้าของข้อมูลซึ่งประชาชน และสังคม อาจเกิดความวิตกกังวลในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลของตน ดังนั้น กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 จึงได้กำหนดมาตรการการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนที่เดินทางเข้า – ออกราชอาณาจักรทางด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานในสังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 โดยมีมาตรการตามหนังสือ บก.ตม.2 ที่ 0029.312/8295 ลง 1 ธ.ค.66 โดยสรุป ดังนี้

1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ต้องดำเนินการเท่าที่จำเป็นภายใต้กรอบกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารทางราชการ พ.ศ.2540  โดยจะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากเจ้าของข้อมูลไว้ก่อนล่วงหน้าหรือในขณะนั้น  หรือเป็นกรณีที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดให้กระทำได้ด้วยบทบาทภารกิจหน้าที่ในการตรวจอนุญาตบุคคลทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่เดินทางเข้า – ออกราชอาณาจักรด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานในสังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 เช่น    

1.1 การเข้าถึงและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล กรณีเมื่อพบการแจ้งเตือนในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง แจ้งนายตำรวจผู้ควบคุมระดับสารวัตรขึ้นไป ดำเนินการตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในระบบฐานข้อมูลนั้น เช่น กรณีเป็นบุคคลต้องคำสั่งศาลห้ามเดินทาง กรณีมีหมายจับคดีอาญา กรณีบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย เป็นต้น

1.2 การเข้าถึงและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะกรณีที่มีคำสั่งศาลหรือกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ 
หรือหน่วยงานของรัฐใช้อำนาจตามกฎหมายที่จะขอข้อมูลและมีการแจ้งขอเป็นหนังสือราชการ เช่น การใช้อำนาจของพนักงานสอบสวน ตาม ป.วิอาญา 

1.3 การเข้าถึงและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล กรณีได้รับการสั่งการจากผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 เพื่อการนำไปใช้ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยภายใต้ดุลยพินิจและอำนาจตามกฎหมาย 

ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เกินสมควรแก่กรณี อันอาจเข้าข่าย เป็นการกระทำละเมิด ดังนั้น ในการเข้าถึงและการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กระทำโดยจำกัดเท่าที่จำเป็นแก่กรณีที่มีการร้องขอหรือสั่งการและเป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น

2. การป้องกันการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล ต้องดำเนินการ ดังนี้
2.1 ดำเนินการกำหนดสิทธิ และจำกัดสิทธิของเจ้าหน้าที่ในสังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ในการเข้าถึง หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลโดยการจำกัดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้สามารถเข้าถึงได้โดยเจ้าหน้าที่เฉพาะราย หรือบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่ หรือได้รับมอบหมายที่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ มีการเพิกถอนสิทธิ เมื่อมีการลาออก เปลี่ยนตำแหน่ง หรือย้ายตำแหน่ง ตามคำสั่ง 

2.2 ให้หน่วยงานในสังกัดกำหนดแนวทางการทำงานที่เป็นมาตรฐาน (Standard Operating Procedure หรือ SOP) ในการเข้าถึง และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเท่านั้น เพื่อป้องกันการเปิดเผย การล่วงรู้ หรือการลักลอบทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล การลักลอบถ่ายภาพหรือจัดพิมพ์รวมถึงการลักขโมยอุปกรณ์จัดเก็บ หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล การลักลอบนำอุปกรณ์เข้าออก เป็นต้น

2.3 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต้องปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของราชการ พ.ศ.2544

3. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ต้องดำเนินการตรวจสอบข้อมูลบันทึกกิจกรรม
การใช้งาน หรือการเก็บบันทึกการเข้า - ออก (Log Files) ระหว่างการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย การเข้าถึงการใช้ข้อมูล การทำลายข้อมูล หรือการนำไปใช้โดยมิชอบ รวมทั้งการแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต 

4. ข้าราชการตำรวจในสังกัดทุกนายที่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดเก็บและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ต้องปฏิบัติตามมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดหากพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล หรือนำข้อมูลส่วนบุคคลไปเปิดเผยโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ หรือการเปิดเผยข้อมูลนั้นไม่เป็นไปตามบทบัญญัติกฎหมาย ให้ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการทางวินัยและอาญาพร้อมทั้งรายงานให้ ผบก.ตม.2 ทราบโดยเร็ว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ขอเชิญชวนเข้าร่วมงานกาชาดประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 8 - 18 ธันวาคม นี้ อิ่มบุญ อิ่มใจไปพร้อมกัน

พล.ต.ต.หญิง สมพร พูลเกษม ผู้บังคับการกองสารนิเทศ เปิดเผยว่า ด้วยสภากาชาดไทยจัดงานกาชาดประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 8 - 18 ธันวาคม 2566 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร และทางระบบ Online ภายใต้แนวคิด “งานวันกาชาด 100 ปี รื่นรมย์สุขฤดี ณ ที่แห่งการให้” พร้อมเชิญชวนผู้เข้าร่วมงานย้อนวันวานด้วยการ “นุ่งโจงห่มไทยเที่ยวงานวันกาชาด” โดยในปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมออกร้านในงานกาชาดด้วยเช่นกัน ณ โซน 5 

สำหรับสำนักงานตำรวจแห่งชาติปีนี้ มีกองบัญชาการตำรวจสันติบาล กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นเจ้าภาพ ซึ่งมีการจัดกิจกรรมมากมาย ได้แก่ นิทรรศการเกี่ยวกับวิวัฒนาการตำรวจไทย “ย้อนรอย 100 ปีกิจการตํารวจไทย” มีมุมให้ผู้เข้าชมงานได้ร่วมถ่ายภาพกับภาพเหมือนของตำรวจโบราณ , ความรู้เกี่ยวกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ “ตํารวจไซเบอร์ผู้พิทักษ์ภัยออนไลน์ 24 ชั่วโมง” , กิจกรรมบนเวทีและการแสดงของศิลปินผู้มีชื่อเสียงมากมาย ที่จะมาสร้างความสนุกในทุกวัน โดยในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ จะได้พบกับ คุณอินดี้ อินทัช เหลียวรักวงศ์ , ฟังเพลงยุค 90”S โดย คุณต๊ะ บอยสเกาท์ , ร่วมเล่นเกมส์กับคุณน้ำหวาน เดอะเฟซ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม “สนุกกับเกม” ได้แก่ เกมปาโป่ง และเกมตักไข่นำโชค ให้ผู้เข้าร่วมชมร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ร่วมสนุกและชิงของรางวัลมากมายอีกด้วย

ในส่วนร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจ มีการออกร้านจำหน่ายสินค้าของสมาคมแม่บ้านตำรวจ ซึ่งคัดสรรสินค้าคุณภาพงานฝีมือจากหน่วยงานและครอบครัวข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ , มีการลุ้นรางวัลกับกิจกรรม “พฤกษากาชาด” และจำหน่ายสลากกาชาดของสมาคมแม่บ้านตำรวจ เพื่อออกรางวัลให้กับผู้โชคดี โดยมีของรางวัลใหญ่มากมาย นอกจากนี้ ในแต่ละวันจะมีศิลปินดารามาร่วมกิจกรรมที่ร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจในทุกวันอีกด้วย สำหรับในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ จะได้พบกับ คุณแจ๊ส ชวนชื่น , คุณหมิว ลลิตา , คุณบอย พีชเมคเกอร์ และคุณเจี๊ยบ พิจิตรา

นอกจากนี้ ผู้บังคับการกองสารนิเทศ กล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 8 ธันวาคมนี้ เวลา 17.00 น. ขอเชิญประชาชนร่วมเฝ้าทูลละอองพระบาท รับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงานกาชาด ประจำปี 2566 “งานวันกาชาด 100 ปี รื่นรมย์สุขฤดี ณ ที่แห่งการให้” ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร

พร้อมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมงานกาชาด ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 8 - 18 ธันวาคม 2566 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ในร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ณ โซน 5 อิ่มบุญ อิ่มใจไปพร้อมกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top