Thursday, 9 May 2024
THE STATES TIMES TEAM

สื่อมวลชนและผู้ประกอบการท่องเที่ยวมาเลเซียและอินโดนีเซีย เยือน ศอ.บต. รับฟังการดำเนินการขับเคลื่อนด้านการพัฒนาในพื้นที่ จชต. พร้อมเปิดมุมมองด้านการท่องเที่ยวชายแดนใต้ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

เมื่อวันที่ (29 พฤศจิกายน 2566) ที่ผ่านมา พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ มอบหมายให้ นาวาเอก จักรพงษ์ อภิมหาธรรม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน ศอ.บต. ให้การต้อนรับ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย ซึ่งนำคณะสื่อมวลชนและผู้ประกอบการท่องเที่ยวมาเลเซียและอินโดนีเซียกว่า 42 คน พบปะผู้บริหารของ ศอ.บต. และรับฟังการดำเนินการขับเคลื่อนด้านการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  ณ ห้องประชุมน้อมเกล้า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) อ.เมือง จ.ยะลา ในโอกาสเดินทางมาเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อร่วมกิจกรรมสานสัมพันธ์สื่อมวลชนและผู้ประกอบการท่องเที่ยวคาบสมุทรมลายูครั้งที่  1 ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม 2566 ซึ่งจัดโดยสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทยและภาคีเครือข่าย เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวมาเลเซียและอินโดนีเซีย โดยเฉพาะเขตพัฒนาเศรษฐกิจ IMTGT และกระชับมิตรระหว่างสื่อมาเลเซีย อินโดนีเซีย และสื่อไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อแลกเปลี่ยนแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นระหว่างผู้ประกอบท่องเที่ยวทั้ง 3 ประเทศและเปิดมุมมองหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในอนาคต

นาวาเอก จักรพงษ์ อภิมหาธรรม กล่าวว่า จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีลักษณะเฉพาะ แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศไทย โดยประชากรมากกว่าร้อยละ 80 นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งรัฐบาลไทยได้ตระหนักถึงความพิเศษของวิถีชีวิต และความศรัทธาของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามในพื้นที่ จึงได้จัดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่พิเศษ มีนโยบายการพัฒนาที่ตอบสนองต่อวิถีชีวิตและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพในการดำเนินชีวิตตามอัตลักษณ์และความเชื่อของตนเอง โดยเมื่อปี พ.ศ. 2524 รัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. มุ่งเน้นบทบาทในการบูรณาการความร่วมมือและสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายสูงสุด คือ “ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถอยู่ร่วมกันได้ในวิถีพหุวัฒนธรรม อย่างยั่งยืน” ปัจจุบัน ศอ.บต. ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานกว่า 40 แห่ง เพื่อขับเคลื่อนภารกิจด้านการพัฒนา อีกทั้งเป็นหน่วยรับผิดชอบในการกำกับดูแล ติดตาม และประเมินการดำเนินงานในภาพรวม  โดยได้มีการแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ การยกระดับคุณภาพชีวิต การสร้างหลักประกันด้านสังคมจิตวิทยา เพื่อสร้างสังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง และ การสนับสนุนการแสวงหาทางออกโดยสันติวิธี นอกจากนี้ ศอ.บต. มีภารกิจในการเสริมสร้างความเข้าใจที่ดีและการรับรู้อันดีเกี่ยวกับสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ให้แก่กลุ่มเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ด้าน ดาโต๊ะ ซัมซีร อาลัม เอส เอ็ม คัยรุดดีน ผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศ สำนักงานเลขานุการ องค์กร Kebangkitan Nusantara Sejahtera หรือ SKNS จากรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า ทางกลุ่มของตนต้องการที่จะพัฒนาความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นในเรื่องของ Eco Tourism การท่องเที่ยวเชิงอัตลักษณ์ และประวัติศาสตร์ที่มีร่วมกัน โดย SKNS เชื่อมั่นในความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างกลุ่มมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้และประชาชนในทาง 4 รัฐตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย 

ทั้งนี้ โครงการสานสัมพันธ์สื่อมวลชน เริ่มต้นวันแรกเข้าจากด่านเบตง จ.ยะลา จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี จ.สงขลา พบปะ ผู้บริหาร ศอ.บต. ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารองค์กรการท่องเที่ยว ผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ชมแหล่งท่องเที่ยวอันซีนและแหล่งใหม่ของแต่ละจังหวัด และสัมมนาหัวข้อ ความร่วมมือการพัฒนาการท่องเที่ยวและเขตเศรษฐกิจ IMTGT ที่จังหวัดสงขลา ก่อนเดินทางกลับผ่านด่านสะเดา

หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ให้การช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกให้กับราษฎรชาวลาวในการทำคลอดฉุกเฉิน ข้ามฝั่งท่าเรือน้ำลึกอำเภอบ้านแพง นำส่งโรงพยาบาลบ้านแพง จังหวัดนครพนม

กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้รับแจ้งจาก ท่าเรือน้ำลึกอำเภอบ้านแพง ว่ามีราษฎรชาวลาวเจ็บป่วยฉุกเฉิน ทราบชื่อ นางแหม่ม จันทะลัก อายุ 17 ปี ราษฎรบ้านท่าสะอาด เมืองปากกะดิ่ง แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว มีอาการปวดท้องใกล้คลอด จึงได้จัดกำลังพลเข้าให้การช่วยเหลือนำราษฎรหญิงชาวลาวใกล้คลอด ลงมาจากเรือแล้วนำขึ้นยังฝั่งท่าเรือฯ พร้อมกับประสาน รพ.บ้านแพง เพื่อนำหญิงใกล้คลอด นำส่งโรงพยาบาลบ้านแพง จังหวัดนครพนม 

และเมื่อรถฉุกเฉินพร้อมบุคลากร โรงพยาบาลบ้านแพง มาถึง ปรากฎว่า ราษฎรหญิงชาวลาว ทนเจ็บท้องไม่ไหว หน่วยจึงได้อำนวยความสะดวกในการกันพื้นที่ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ของ โรงพยาบาลบ้านแพง ได้ทำคลอดฉุกเฉิน ณ พื้นที่ บริเวณท่าเรือน้ำลึกอำเภอบ้านแพง ตำบลไผ่ล้อม อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม โดยการช่วยเหลือราษฎรชาวลาวในครั้งนี้เป็นการช่วยเหลือด้านมนุษย์ธรรม ที่หน่วยได้ปฏิบัติด้วยดีตลอดมา และเพื่อรักษาและสืบสานความสัมพันธ์อันดีระหว่างราษฎรทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง ให้คงอยู่สืบไป การทำคลอดฉุกเฉินเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ราษฎรหญิงชาวลาว ได้ให้กำเนิดทารกเพศหญิง ปลอดภัยทั้งแม่และลูก พร้อมน้ำส่ง โรงพยาบาลบ้านแพง เพื่อดูแลรักษาหลังการคลอดต่อไป มารดาและญาติของราษฎรหญิงชาวลาว มีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก พร้อมขอบคุณที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 ให้การช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี

ประชาชน นักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่งไทยไปลอยกระทง ณ วัดอรุณราชวราราม ในงาน 'ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม Loy Krathong : River of Culture'

ประชาชน นักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่งไทยไปลอยกระทง ณ วัดอรุณราชวราราม ในงาน “ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม Loy Krathong : River of Culture” โดยวธ.ร่วมมือภาครัฐ-เอกชน เน้นให้ประชาชน ร่วมสืบสานคุณค่าสาระประเพณีไทย พร้อมเตรียมเสนอยูเนสโกขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 เวลา ๑๘.๐๐ น. ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้จัดงานประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช 2566 “ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม Loy Krathong : River of Culture” โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน พร้อม คณะทูตานุทูต ประเทศลาว สิงคโปร์ เกาหลี ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และอินโดนีเซีย พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมด้วย นายสุรพล เศวตเศรนี ประธานการจัดงาน Bangkok River Festival 2023 นายโชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) นางอาทินันท์ พีชานนท์ รองประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยกรุ๊ปฯ และผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้อำนวยการเขตบางกอกใหญ่ ประธานสภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร ภาคีเครือข่ายที่ร่วมงาน ซึ่งภายในงานมีประชาชน นักท่องเที่ยวจำนวนมากแต่งชุดไทยมาเที่ยวงาน และร่วมลดขยะด้วยการลอยกระทงร่วมกัน

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า งานประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช ๒๕๖๖ “ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม Loy Krathong : River of Culture” เป็นหนึ่งในโครงการส่งเสริมและเผยแพร่ค่านิยมและวัฒนธรรมความเป็นไทย กิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรม ประเพณี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยที่ ประเพณีลอยกระทง เป็นประเพณีสำคัญที่พี่น้องชาวไทยจะได้ร่วมกันอนุรักษ์สืบสาน ร่วมงานด้วยความรู้ ความเข้าใจ และความภาคภูมิใจ เพราะเป็นประเพณีที่เต็มไปด้วยคุณค่า ความหมายที่จะสร้างสรรค์สังคม และชุมชนให้ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของธรรมชาติที่มีคุณต่อมนุษย์นับแต่อดีตจนปัจจุบัน และความเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาและวิถีชีวิตที่งดงามของคนไทยที่ได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา 

“งานลอยกระทง ณ วัดอรุณฯ ปีนี้ เป็นการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดกิจกรรม เพื่อเผยแพร่และสืบสานคุณค่าสารัตถะประเพณีลอยกระทง แล้ว ยังได้มีการจัดประกวดกระทงในประเภทสวยงามและสร้างสรรค์ การจัดแสดงผลงานของเด็กและเยาวชนที่ได้รับรางวัลจากการประกวดสื่อแนวคิดสร้างสรรค์ ยกระดับวันลอยกระทงท้องถิ่น จากท้องถิ่นสู่เลอค่า การแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์กรมศิลปากร การแสดงทางวัฒนธรรม การแสดงดนตรีลูกทุ่งจากศิลปินที่มีชื่อเสียง ตลอดจนการสาธิตอาหารไทย ขนมโบราณ การสาธิตมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชุมชนต่าง ๆ มาให้พวกเราได้สัมผัสในหลากหลายรูปแบบ ถือเป็นงานลอยกระทงที่งดงามเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรม” นายเสริมศักดิ์ กล่าว

โดยนายเสริมศักดิ์ ประธานพิธีได้มอบรางวัลการประกวดกระทงประเภทสวยงามและสร้างสรรค์ จำนวน ๑๒ รางวัล และมอบรางวัลจากการประกวดสื่อแนวคิดสร้างสรรค์ ยกระดับวันลอยกระทงท้องถิ่น จาก Local สู่เลอค่า รวมจำนวน ๘ รางวัล จากนั้น ประธานพิธีพร้อมคณะฯ ได้ร่วมลอยกระทงพร้อมกัน ณ บริเวณท่าน้ำ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร จากนั้นได้รับชมการแสดงดนตรีออร์เคสตร้า “รุ่งอรุณ สู่ค่ำคืน” ผลงานเพลงที่รังสรรค์พิเศษเพื่องานลอยกระทง โดย สมเถา สุจริตกุล ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีสากล-ประพันธ์เพลงร่วมสมัย)  พุทธศักราช ๒๕๖๕

นักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานลอยกระทง ณ วัดอรุณฯ ได้ชมและร่วมสนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ การสาธิตการทำกระทงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การสาธิตการทำอาหารและขนมโบราณ กิจกรรมลานอรุณ รักษ์ไทย by Thai Group  ได้ความรู้จากนิทรรศการเผยแพร่คุณค่าสาระความสำคัญของประเพณีลอยกระทง  ชมกระทงสวยงามและสร้างสรรค์ ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดในงาน  ชมผลงานจากการประกวดสื่อแนวคิดสร้างสรรค์ ยกระดับวันลอยกระทงท้องถิ่น จาก local สู่เลอค่า และยังได้ชิมอาหารและขนมจากโครงการ “๑ จังหวัด ๑ เมนู เชิดชูอาหารถิ่น” 

ของกรุงเทพมหานครและพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ ข้าวตอกตั้ง แกงเหงาหงอด และชมชิมการสาธิตอาหารไทยโบราณ อาหารท้องถิ่น ได้แก่ หมูโสร่ง ขนมถุงเงินถุงทอง ขนมบัวลอย ดอกพิกุล ขนมต้มญวน เมี่ยงดอกบัว ขนมวงและขนมบัว ขนมกระทงทอง ขนมล่าเตียงไส้มะพร้าวกุ้ง ขนมพวงประทัด ขนมตระกูลทอง (ทองหยิบ ทองเอก ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน จ่ามงกุฏ สเน่ห์จันท์) น้ำสมุนไพร ขนมจีนน้ำยาเห็ด ขนมไข่ปลา ข้าวเหนียวมะม่วง และในช่วงดึกยังได้เพลิดเพลินกับการแสดงดนตรี โดยวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร และปิดท้ายด้วยความบันเทิงการเพลงลูกทุ่งจากศิลปินนักร้องดาวรุ่ง นัน ไมค์ทองคำ และที่สำคัญยังได้ร่วมกันลดปริมาณขยะ ๑ ครอบครัว ๑ กระทง ลอยผ่านรางน้ำหรือสไลเดอร์ อย่างสะดวกปลอดภัย ณ บริเวณท่าน้ำวัดอรุณฯ จึงเป็นค่ำคืนที่สวยงามและประทับใจยิ่ง

นอกจากนี้ ในส่วนภูมิภาค กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยังสนับสนุนให้จังหวัดต่าง ๆ ได้จัดกิจกรรมเพื่อสืบสานประเพณีลอยกระทง คงอัตลักษณ์วัฒนธรรมของท้องถิ่น เช่น งานเผาเทียนเล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย / งานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป 1000 ดวง จังหวัดตาก / งานประเพณียี่เป็ง จังหวัดเชียงใหม่ / งานประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม / งานประเพณีลอยกระทงที่ จังหวัดมหาสารคาม อุดรธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และนราธิวาส เป็นต้น ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.culture.go.th หรือ เฟสบุ๊กกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และประชาสัมพันธ์จังหวัดของภูมิภาคต่าง ๆ

กระบี่-เจ้าสัวสมชัย เอไอเอส advance info service จำกัด พร้อมสาธุชน ร่วมบุญกฐินสมทบทุนสร้างพระธาตุมหาเจดีย์วัดคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ยอดกฐิน 5 ล้านกว่าบาท

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 ณ วัดคลองท่อม ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ มีการจัดทอดกฐินสามัคคี เพื่อสร้างพระธาตุวัดคลองท่อม พระครูสถิตนราธิการ เจ้าคณะตำบลคลองท่อมใต้ เจ้าอาวาสวัดคลองท่อม ฝ่ายสงฆ์ ประธานกฐินโดย คุณ สมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ประธานกรรมการ การบริหาร บริษัทแอดวานซ์อินโฟเซอร์วิสจำกัด(มหาชน) พร้อมด้วยคุณอังศวี สิทธิโชคสุขสกุล และครอบครัว คุณโกสินทร์ อัศววิริยะกิจและครอบครัว คุณอนุวัฒน์ บุษรานิพรรณ์และครอบครัว คุณชนิสรา อัครหิรัญกุลและครอบครัว เป็นประธานกฐินร่วม นายพิริยะศรีสุขสมวงศ์นายกเทศมนตรีตำบลคลองท่อมใต้ ข้าราชการตำรวจทหาร ท้องถิ่นอบต. พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนที่มีความศรัทธา หลั่งไหลมาร่วมงานกันอย่างเนืองแน่น แม้ในช่วงเช้าจะมีฝนตกลงมาอย่างหนักแต่พุทธศาสนิกชนและผู้มีจิตศรัทธาก็ยังคงมาร่วมบุญกันอย่างหนาแน่น 

มีการจัดตั้งโรงทานสำหรับผู้ที่มาร่วมบุญกฐิน พุทธศาสนิกชนที่นำปัจจัยและองค์กฐินมาร่วมแห่รอบพระอุโบสถครบ 3 รอบพร้อมขบวนฟ้อนรำและกลองยาวโดยมีพระครูสถิตนราธิการเจ้าคณะตำบลคลองท่อมใต้เจ้าอาวาสวัดคลองท่อมพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ร่วมรับองค์กฐินและปรับประพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนทั้งนอกและในพื้นที่เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ปัจจัยทั้งสิ้นเป็นเงิน 5,154,105 บาท  ซึ่งการทอดกฐินครั้งนี้เพื่อสมทบทุนสร้างพระธาตุเจดีย์วัดคลองท่อม ต่อไป

ทั้งนี้พิธีทอดกฐินหรือทำบุญกฐินเป็นประเพณีทำบุญของชาวคลองท่อมที่ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติหรืองานบุญประจำปีหลังเทศกาลการออกพรรษาโดยจะมีชาวบ้านร่วมทำบุญบริจาคปัจจัยเปิดโรงทานทำอาหารคาวหวานเลี้ยงสาธุชนเป็นจำนวนมากเพื่อรองรับสาธุชนที่มาร่วมบุญในครั้งนี้และได้สืบสานทำนุบำรุงศาสนสถานและสืบทอดบริวารพระพุทธศาสนาที่เป็นศาสนาประจำท้องถิ่น ต่อไป

นราธิวาส-ผบ.พล.ร.15 เยี่ยมน้องทหารใหม่ หน่วยฝึกทหารใหม่ เน้นย้ำต้องดูทหารใหม่เสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ หน่วยฝึกทหารใหม่ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 151 ค่ายกรมนราธิวาสราชนครินทร์ ตำบล มะรือโบออก อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 เดินทางมาเพื่อตรวจเยี่ยมดูความพร้อมของหน่วยฝึกทหารใหม่ เมื่อทหารกองประจำการ หรือน้องทหารใหม่ เข้าไปอยู่ในหน่วยฝึกทหารจะต้องได้รับการดูแลทั้งในเรื่องของหลักสูตรการฝึก และเรื่องของคุณภาพชีวิต ซึ่งต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีเริ่มตั้งแต่การเข้านอนยันตื่นนอน การรับประทานอาหาร และการฝึก และยังรวมไปถึงการส่งเสริมในเรื่องของการต่อยอดด้านการศึกษา น้องทหารใหม่จะต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกด้านเมื่อก้าวเข้าสู่รั้วทหาร พร้อมเน้นย้ำผู้บังคับหน่วยฝึก ผู้ฝึก รวมถึงครูทหารใหม่ ให้ยึดรูปแบบการฝึกตามระเบียบจากกรมยุทธศึกษาทหารบก และมาตรการการควบคุมโรคจากกระทรวงสาธารณสุข ต้องดูแลเอาใจใส่ทหารใหม่ในทุกนาย เสมือนดูแลคนในครอบครัว เพราะทหารกองประจำการ เมื่อเข้ามาอยู่ในรั้วทหาร เปรียบเสมือนเป็นน้องคนเล็ก ของกองทัพบก พร้อมทั้งเน้นย้ำในเรื่องมาตรการป้องกันโรคลมร้อน (Heat Stroke) โดยให้ครูฝึกต้องเป็นตัวอย่างที่ดี รวมถึงเรื่องสิทธิกำลังพลที่น้องทหารใหม่พึงได้ พร้อมทั้งการประชาสัมพันธ์การเข้าสู่การเป็นทหารอาชีพ 

โดย พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชากองพลทหารราบที่ 15 กล่าวว่า "การฝึกทหารใหม่ ต้องคิดว่าน้องๆ ที่เข้ามาเป็นพลทหารกองประจำการ เข้ามาอยู่ในบ้านของเรา เปรียบเสมือนเป็นน้องคนเล็ก เรามีหน้าที่ดูแล บ่มเพาะ และปลูกฝังให้มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบในความเป็นทหาร และสุภาพบุรุษ เปลี่ยนทัศนคติที่ดีให้เกิดขึ้นในจิตใจของน้องๆ เปลี่ยนความคิดจากการเป็นพลเรือน ให้มีจิตใจเป็นทหารอย่างเต็มภาคภูมิ รักในสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สำหรับวิธีการฝึกนั้นจะต้องอยู่บนพื้นฐานบนความถูกต้อง เป็นไปตามระเบียบการฝึก ทั้งนี้ขอให้ผู้ปกครองได้มีความมั่นใจในกระบวนการฝึกของกองทัพบก ว่าจะทำให้บุตรหลานของทุกท่านเป็นผู้ที่มีศักยภาพ เป็นบุคลากรที่ดีของกองทัพบก และประเทศชาติต่อไป

กระบี่ -ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 ตรวจความพร้อมบรรเทาสาธารภัย เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติในทุกรูปแบบ พร้อมเคียงข้างประชาชน

ตามประกาศศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ฉบับที่ 2 (74/2566) เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างและคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง (มีผลกระทบช่วงวันที่ 24-27 พฤศจิกายน 2566 ) ด้วยหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้ตอนล่าง ในช่วงวันที่ 25-27 พฤศจิกายน 2566 ประกอบมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่างจะมีฝนตกชุกและมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่ง 

เมื่อ 24 พ.ย. 66,พ.อ.ธนวัฒน์ สายสกุลรัตน์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15/ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 เป็นประธานในพิธีตรวจสภาพความพร้อมของกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะของศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 ณ กองบังคับการ กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่ไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่มได้ในหลายพื้นที่ของจังหวัดกระบี่ พร้อมจัดชุดติดตามสถานการณ์ในพื้นที่และประสานงานกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ต่อไป

ทั้งนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 เราพร้อมที่จะเคียงข้างและดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ หากต้องการความช่วยเหลือสามารถแจ้งได้ที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 หมายเลขโทรศัพท์ 075-702777

ผบ.ตร.สั่งชุดสืบสวนตรวจสอบที่มาของคลิปคนคล้ายเสี่ยแป้ง ไลฟ์สาเหตุการหนี ไม่ได้รับความเป็นธรรม และสั่งเร่งติดตามจับกุม พร้อมให้จเรตำรวจตรวจสอบเนื้อหาคลิป พาดพิงตำรวจ ยืนยันทำความจริงให้ปรากฎ ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

เมื่อวานนี้ (24 พ.ย.66) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวว่า “ จากกรณีมีคลิปชายหน้าคล้าย นายชวลิต ทองด้วง หรือนายแป้ง นาโหนด ออกมาเผยถึงเหตุของการหนี และไม่ได้ความเป็นธรรมนั้น ได้รับรายงานในเบื้องต้นแล้ว ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.ที่ดูแลงานสืบสวน ตรวจสอบที่มาที่ไปของคลิป ว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร มีการถ่ายคลิปที่ไหน ถ่ายในช่วงไหน พร้อมเร่งติดตามจับกุมนายชวลิต มาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ในส่วนของเนื้อหาในคลิป คงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้จเรตำรวจลงไปตรวจสอบ ว่ามีการพาดพิงตำรวจคนใดบ้าง มีข้อเท็จจริงอย่างไร ผิดถูกว่าไปตามพยานหลักฐาน ต้องทำความจริงให้ปรากฎ ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ซึ่งหากตำรวจทำผิดจริง จะต้องถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาดทั้งทางวินัย อาญา และปกครอง 

ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชน ให้ใช้วิจารณญาณในการรับฟังสื่อโชเชียล ตำรวจพร้อมที่จะดำเนินการตามข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ทำความจริงให้ปรากฎ และให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีการกลั่นแกล้งใคร ซึ่งหากคิดว่าไม่ได้รับความยุติธรรมอย่างไร ตำรวจก็พร้อมที่จะประสานงาน ดำเนินการให้ แต่ทั้งนี้ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายที่ให้อำนาจไว้

สตม. มอบเทียนกระทงน้อยกระตุ้นท่องเที่ยว เปิดแผนลอยกระทงสุวรรณภูมิ

ตามนโยบายนายกรัฐมนตรีที่เร่งกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศโดยได้มีการลดเงื่อนไขการขอวีซ่าเข้าประเทศไทย สําหรับนักท่องเท่ียว สัญชาติจีน อินเดีย ไต้หวัน และคาซัคสถาน ในช่วงเดือนท่ีผ่านมาโดยคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดิน ทางเข้ามาเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยเป็นจํานวนมาก ซึ่งสํานักงานตรวจคนเข้าเมืองได้จัดทํามาตรการในการ สนองตอบตามนโยบายดังกล่าวโดยเฉพาะการเร่งปรับปรุงการอํานวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมืองภายใต้หลัก ความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง

วันนี้ (24 พ.ย.66) พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พร้อมด้วย รอง ผบช.สตม. ได้มาเป็นประธานปล่อย แถวกําลังพล ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ ที่อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมี พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 พร้อมด้วยข้าราชการในสังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 เข้าร่วมพิธี

ซึ่งการปฏิบัติตามแผนดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามแผนการอํานวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมืองในช่วง เทศกาลลอยกระทง 2566 โดยจะมีการปฏิบัติในช่วงวันที่ 24 – 28 พ.ย.2566 ซึ่งคาดการว่าจะมีนักท่องเที่ยว เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าวจํานวนกว่าวันละ 50,000 คน

โดยสํานักงานตรวจคนเข้าเมืองได้มีมาตรการในการเตรียมความพร้อมรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทาง เข้ามาในประเทศไทยทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ที่สําคัญ ดังนี้
1. จัดกําลังพลจากด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ เข้าเสริมกําลังพลที่ขาดแคลนกว่า 150 นาย
2. มีการจัดกําลังพลให้เต็มอัตรากําลังทุกช่องตรวจในช่วงที่มีเที่ยวบินลงพร้อมกันหนาแน่น เพื่อเร่งระบาย
ปริมาณผู้โดยสารที่สะสมในโถงพักรอให้ได้ภายใน 30 นาที
3. รับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่อาสาจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ช่วยให้คําแนะนําและจัดเตรียมเอกสารให้แก่
ผู้โดยสารรอรับการตรวจหนังสือเดินทาง เพื่อลดระยะเวลาระหว่างตรวจหนังสือเดินทางไม่เกิน 45 วินาที/คน

ทั้งนี้ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. ได้มอบอาหารสําเร็จรูปและเครื่องดื่มแก่กําลังพลเพื่อเป็น ขวัญกําลังใจ และมอบของที่ระลึกเป็นเทียนรูปกระทงให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในช่วงเทศกาล ลอยกระทงเป็นที่ระลึก ช่วยสร้างสีสันและบรรยากาศที่น่าชื่นชมแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา

มูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชน PECF Thailand ผ่าตัดต้อกระจกเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมให้ผู้สูงอายุ 100 คนฟรี!

ระหว่างวันที่ 19-21พฤศจิกายน 2566 มูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชน  PECF Thailand ได้ออกหน่วยให้บริการ “ตรวจคัดกรองเพื่อผ่าตัดต้อกระจก”สำหรับผู้สูงอายุ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ณ โรงพยาบาลละงู จังหวัดสตูล

มีวัตถุประสงค์ เพื่อมุ่งหวังให้ผู้สูงอายุในถิ่นทุรกันดารได้เข้าถึงการรักษาโรคต้อกระจกได้รวดเร็ว ลดเวลารอคอย หลังจากผู้สูงอายุได้ตรวจคัดกรองแล้วมีกำหนดให้บริการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียม จำนวน 100 คน คิดเป็น หญิง 56 คน ชาย 44 คน เฉลี่ยอายุผู้เข้ารับการรักษาอยู่ที่ 67 ปี  

ทั้งนี้การดำเนินโครงการดังกล่าว ต้องขอขอบคุณในความร่วมมืออย่างดีจากคณะแพทย์ และบุคคลากรของโรงพยาบาลละงู จังหวัดสตูล  ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลในเขตพื้นที่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกท่านจากมูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชน  PECF Thailand ที่เป็นส่วนหนึ่งเพื่อส่งต่อรอยยิ้มผ่านการมองเห็นให้แก่ผู้สูงอายุในครั้งนี้

'เชียงราย' รับตัวคนไทยจากพื้นที่ขัดแย้งในเมียนมาจากฝ่ายเมียนมาเพิ่มเติมอีก 24 คนกลับไทย ณ จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2 อำเภอแม่สาย

 

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 เวลา 11.30 นาฬิกา กองกำลังผาเมือง โดย พันเอก ณฑี ทิมเสน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง/ประธานคณะกรรมการชายแดน ส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC) ฝ่ายไทย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย สถานีตำรวจภูธรแม่สาย อำเภอแม่สายด่านศุลกากรแม่สาย ร่วมรับตัวคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบกลับภูมิลำเนา จำนวน 24 คน (ชาย 16 คน, หญิง 8 คน) ณ จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2 อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และส่งมอบให้กับ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย ดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top