Saturday, 17 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

เทศบาลเมืองฉะเชิงเทราส่งมอบศูนย์พักคอย(โรงพยาบาลสนาม) ใต้ร่มพระบารมี เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ให้แก่โรงพยาบาลพุทธโสธร 

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม 2564 เวลา 14.00 น. ณ โรงเรียนเทศบาล2 พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) นายกลยุทธ ฉายแสง นายกเทศมนตรีเมืองฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ  ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ร่วมส่งมอบ ศูนย์พักคอย (โรงพยาบาลสนาม)ใต้ร่มพระบารมี เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ให้แก่โรงพยาบาลพุทธโสธร สำหรับรับผู้ป่วยระดับสีเขียวเข้ารับการดูแลตามมาตรการสาธารณสุข โดย แพทย์หญิง สมบัติ ชุติมานุกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพุทธโสธรเป็นผู้รับมอบ

สำหรับศูนย์พักคอยใต้ร่มพระบารมี เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ตั้งอยู่ที่อาคารเอนกประสงค์ โรงเรียนเทศบาล 2 พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) สามารถรองรับผู้ป่วยโควิดระดับสีเขียว ได้จำนวน 185 เตียง โดยเทศบาลได้ทำการติดมุ้งลวดกันยุง พัดลมระบายอากาศ เครื่องปรับอากาศ ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด ปรับปรุงห้องน้ำ ห้องอาบน้ำและซักผ้า เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าพัก  ห้องจัดเตรียมอาหารสำหรับผู้กักตัว  ห้องปฎิบัติการสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ ติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ต เพื่อติดต่อสื่อสารระหว่างทีมแพทย์และผู้ป่วย รวมทั้งได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำความสะอาดฆ่าเชื้อภายในอาคารก่อนรับผู้ป่วย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  สำหรับศูนย์พักคอย(โรงพยาบาลสนาม) ใต้ร่มพระบารมี เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา นี้จะอยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลพุทธโสธร เพื่อใช้รองรับและให้การดูแลผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ที่มีอาการไม่รุนแรง เข้ารับการรักษาพยาบาล เป็นการแบ่งเบาภาระให้แก่โรงพยาบาลในพื้นที่ต่อไป


 

ชลบุรี – นายกเมืองพัทยา รับมอบเครื่องออกซิเจนไฮโฟลว์ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 จากภาคเอกชน รวมน้ำใจร่วมบริจาคจำนวน 5 เครื่อง รวมมูลค่า 1.25 ล้านบาท

วันที่ 13 ส.ค.64 ที่โรงพยาบาลเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา นายมาโนช หนองใหญ่ และนายแพทย์สมเกียรติ บวรเสรีผไท ที่ปรึกษาหัวหน้ากลุ่มการแพทย์ โรงพยาบาลเมืองพัทยา ร่วมรับมอบ “เครื่องออกซิเจนไฮโฟลว์” (Oxygen High Flow) หรือเครื่องให้อากาศผสมออกซิเจนอัตราการไหลสูง จากผู้มีจิตศรัทธาและหน่วยงานภาคเอกชนในพื้นที่เมืองพัทยา ที่ร่วมกันบริจาคให้แก่โรงพยาบาลเมืองพัทยา จำนวน 5 เครื่อง เครื่องละ 250,000 บาท รวมมูลค่า 1,250,000  บาท เพื่อนำไปใช้ดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่กำลังรักษาตัวที่โรงพยาบาลเมืองพัทยา

ทั้งนี้ ผู้มีจิตศรัทธาและภาคเอกชน ห้างร้าน ที่ร่วมบริจาคซื้อ “เครื่องออกซิเจนไฮโฟลว์” (Oxygen High Flow) ประกอบด้วย นางสมร หนองใหญ่ 1 เครื่อง น.ส.สายยัน สายสมุทร จำนวน 1 เครื่อง บริษัทคอร์ เทคโนโลยี คอนซัลแต้นส์ จำกัด บริษัท พิสุทธิ์ เทคโนโลยี จำกัด และกลุ่มเพื่อน รวม 3 เครื่อง

สำหรับ “เครื่องออกซิเจนไฮโฟลว์” (Oxygen High Flow) ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญในการช่วยชีวิตผู้ป่วยภาวะหายใจล้มเหลว หรือมีภาวะพร่องออกซิเจน และเพื่อเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของผู้ป่วยได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งมีความสำคัญมาก ในการช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19


ภาพ/ข่าว  นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

“ไม่ให้ผ่าน ไม่ให้ขาย ไม่ให้เสพ” ศอ.ปส.จ.ชุมพรโชว์ผลงาน รวบผู้ค้ายาทั้งยาบ้าและไอซ์มูลค่านับล้าน

วันนี้ 13 สค. 64 เวลา 10.30 น. ณ ค่าย อส.จ.ชุมพร นายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผวจ. ชุมพร ,นายพิทักษ์   พิศสิริวัฒนสุทธิ์ ปลัดจังหวัดชุมพร และเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครรักษาดินแดน จังหวัดชุมพร(อส.จ.ชุมพร) ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหายาเสพติดทั้งยาบ้า จำนวน 8,000 เม็ด ,กัญชา 1 แท่ง และยาไอซ์ มีน้ำหนัก 2 กิโลกรัม

นายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผวจ.ชุมพร เปิดเผยว่า การจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดในครั้งนี้ เป็นการขยายผลการจับกุม จากผู้ค้ายาบ้า จากวันที่ 5 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้สืบทราบว่าจะมีการส่งมอบยาอีก 2 ครั้งในวันที่ 8 และ 12 สิงหาคม 2564 จึงได้สั่งการให้ชุดเฉพาะกิจโชคชัยวางแผนเข้าจับกุมกลุ่มผู้ค้ายา

โดยในวันที่ 8 สิงหาคม 2564  มีบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง ได้นำกล่องสินค้ามาวางไว้บริเวณหน้าอู่ซ่อมรถ ซ.รุ่งเรือง ต.ปากน้ำชุมพร แต่ผู้ค้ายาเสพติดไหวตัวทัน จึงหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้ จึงตรวจยึดของกลางทีมีการบรรจุเป็นหีบห่อด้วยผ้าขนหนูขนาดใหญ่ เพื่อพรางตบตาเจ้าหน้าที่ ภายในพบยาบ้า 1 ห่อ นับได้จำนวน 8,000 เม็ด

ต่อมาวันที่ 12 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมาได้สืบทราบว่า จะมีการส่งมอบของอีกครั่ง โดยมีคน 2 คนออกไปรับของ จึงซุ่มดูบริเวณโรงแรมในพื้นที่ของ ต.บางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร พบมีผู้ต้องหา 2 คนมารับของ จึงได้จับกุมพร้อมของกลางพบเป็นยาไอซ์จำนวน 2 กิโลกรัม จึงทำการบันทึกจับกุมและนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชุมพรเพื่อดำเนินคดีมียาเสพติดไว้ในครอบครองต่อไป


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

นราธิวาส - หมู่บ้านนี้ไม่มีโควิด!! มอบป้ายประกาศ - ธงสีฟ้า ให้แก่หมู่บ้านและชุมชน ที่ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่อำเภอสุคิรินและอำเภอแว้ง

นายอับดุลนัสเซอร์ หะมิ พัฒนาการอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธีมอบป้ายประกาศและธงสีฟ้า "หมู่บ้าน/ชุมชน สีฟ้า" ให้แก่หมู่บ้านและชุมชน ที่ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด - 19 ในพื้นที่อำเภอสุคิรินและอำเภอแว้ง

นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวว่า "หมู่บ้าน/ชุมชน สีฟ้า" เป็นหนึ่งในแนวคิดของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเฝ้าระวังควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยให้ประชาชนในชุมชน ร่วมทำและร่วมตัดสินใจกันเอง ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ในระดับหมู่บ้าน อาทิเช่น การคัดกรองผู้เดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงเพื่อกักตัว 14 วัน การปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุข เว้นระยะห่าง, สวมหน้ากาก, ล้างมือ, ตรวจอุณหภูมิร่างกาย, สแกนไทยชนะ อย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง การส่งเสริมให้มีการปลูกและใช้สมุนไพรในการรักษาและป้องกันโรคโควิด-19 การค้นหาผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง Rex-ray และรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันฉีดวัคซีนแล้วไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เพื่อจัดตั้งเป็น "หมู่บ้าน สีฟ้า" เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดในระดับต่ำ และเป็นแบบอย่างที่มีระบบดูแลตนเองในหมู่บ้านหรือชุมชน และสามารถคลี่คลายและผ่านพ้นสถานการณ์วิกฤตของโรคโควิด-19 และได้มอบพันธุ์ไม้ฟ้าทะลายโจร ให้กับหมู่บ้าน/ชุมชน ที่ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดนราธิวาส จาก 13 อำเภอ มีจำนวน 119 หมู่บ้าน/ชุมชน ในส่วนของอำเภอสุคิริน มีจำนวน 18 หมู่บ้าน อำเภอแว้ง มีจำนวน 7 หมู่บ้าน

ในส่วนของสำนักงานพัฒนาชุมชนแต่ละอำเภอ ได้มอบพันธุ์พืช สมุนไพร เช่น ฟ้าทะลายโจร ขิง ขมิ้น ข่า ตะไคร้ ชะอม ให้กับหมู่บ้านดังกล่าว และจะมีเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนเข้าไปติดตามในหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ประชาชนทุกหมู่บ้านได้ปลูกพืชผักสวนครัว และสมุนไพร ใช้ให้เป็นประโยชน์ในการป้องกันและรักษาโรคต่าง ๆ ตามนโยบายของอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร และเสริมสมุนไพร รักษาโควิด - 19

โดยมีนายอรุณ ศรีใส นายอำเภอสุคิริน ,นายรุสดี ปูรียา นายอำเภอแว้ง ,หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้การต้อนรับ


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

รวบแล้ว!! ‘เจ๊เจี๊ยบ’ หัวหน้าขบวนการ ขนแรงงานลงประจวบฯ กก.สส.บก.ตม.3 แถลงการจับกุมตัว

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 และ ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ 

คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 64 เกิดเหตุ รถขนคนต่างด้าวจำนวน 42 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคง จว.ประจวบคีรีขันธ์ จับกุมที่ จุดตรวจประชารัฐ อ.คลองวาฬ จว.ประจวบคีรีขันธ์ โดยจากการตรวจสอบพบ นายพีระ เป็นผู้ขับขี่ เบื้องต้นจากการซักถามคนต่างด้าวให้การว่าจะเดินทางกลับพม่าทางช่องทางด่านสิงขร โดยได้จ่ายค่าดำเนินการประมาณ 5,000-8,000 บาท ต่อมาได้ตรวจสอบพบว่าในกลุ่มคนต่างด้าวดังกล่าวมีผู้ติดโควิด-19 จำนวน 16 คน จึงทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องควบคุมตัวกลุ่มคนต่างด้าวและคนขับรถดังกล่าวไว้ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อฯ เสียก่อน

ต่อมา กก.สส.บก.ตม.3 ได้ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนขยายผล นายพีระ โดยนายพีระ ได้รับสารภาพทราบว่า ตนเป็นคนขับรถของบริษัท มีชื่อแห่งหนึ่ง ต่อมาตามวันเวลาเกิดเหตุ ได้รับคำสั่งจากนายจ้างชาวไทยให้มารับคนต่างด้าวกับนายหน้าชาวไทยที่ จว.สมุทรสาคร เพื่อเดินทางไปยังด่านสิงขร จว.ประจวบฯ หลังจากรับคนงานแล้วจึงได้รับค่าดำเนินการจำนวนหนึ่งจากนายหน้า พร้อมทั้งได้ข้อมูลผู้ประสานงานที่ จว.ประจวบฯ โดยเมื่อเดินทางไปถึงให้ประสานงานกับ น.ส. เจี๊ยบ เพื่อจะได้นัดหมายพบกันต่อไป ต่อมาจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.3 ทำให้ทราบภายหลังว่าเป็น น.ส.วณิชย์นารา ซึ่งนอกจากกระทำความผิดในคดีนี้แล้ว ยังตรวจสอบพบว่ามีหมายจับของศาลจังหวัดตาก ที่ จ.115/2564 ข้อหาฉ้อโกง จึงได้ทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบแหล่งกบดาน

ต่อมาวันที่ 10 ส.ค. 64 จึงได้เข้าจับกุมตัว น.ส.วณิชย์นารา ได้ที่บริเวณหน้าแมนชั่นแห่งหนึ่ง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่กบดานของ น.ส.วณิชย์นารา โดยเบื้องต้นจากการตรวจค้นพบพยานหลักฐานทั้งการติดต่อสื่อสารและด้านการเงินสอดคล้องกับคำให้การของ นายพีระ ซึ่งฝ่ายสืบสวนสอบสวนจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับกลุ่มเครือข่ายดังกล่าวต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ขยายผลจับกุมเครือข่าย "แก๊งนำพาคนจีน หลบหนีเข้าเมือง"

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 และ ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ

สืบเนื่องจากการจับกุมขบวนการลักลอบขนคนจีนเข้าประเทศ โดยจับกุมที่จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 64 ที่ผ่านมานั้น นายสมบุญ ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวได้ให้ข้อมูลว่า ตนได้รับการชักชวนให้ทำงานขนคนครั้งนี้ จากนายไชศักดิ์หรือใหญ่ โดยร่วมทำกันมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งในครั้งก่อน ๆ นายสมบุญ จะทำหน้าที่ขับรถนำคอยแจ้งเรื่องด่านตรวจ ส่วนนายใหญ่จะทำหน้าที่ขับรถคนขนต่างด้าว แต่ในครั้งที่ถูกจับกุมนี้ได้เปลี่ยนหน้าที่กัน โดยนายใหญ่ทำหน้าที่ขับรถนำทางและคอยแจ้งเรื่องด่านตรวจ ส่วนนายสมบุญทำหน้าที่ขับรถขนคนต่างด้าวไปส่งที่หมายและทำให้ถูกจับกุมซึ่งทุก ๆ ครั้ง นายใหญ่ จะเป็นคนรับงานขนคนต่างด้าวและรายละเอียดต่าง ๆ จากนั้นจึงมาชักชวนนายสมบุญให้ร่วมทำงาน โดยแบ่งหน้าที่และแบ่งเงินที่ได้รับด้วยกัน นายใหญ่ เป็นคนรับงานขนคนต่างด้าวมาจากผู้สั่งการ ที่ จว.เชียงราย โดยไม่ได้สนใจว่าคนต่างด้าวที่ตนรับขนนั้นจะเข้าประเทศโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เมื่อทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว กก.สส.บก.ตม.3 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายจับตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 331/64 ลง 19 ก.ค.64 ข้อหา "ร่วมกันช่วยเหลือซ่อนเร้นด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม"

ต่อมาได้ดำเนินการสืบสวน ทราบว่า นายใหญ่ หลบหนีและพักอาศัยอยู่บ้านพัก ย่านธัญบุรี คลอง 11 จว.ปทุมธานี จึงได้วางแผนจับกุม เมื่อพบตัวชายลักษณะคล้ายนายใหญ่บุคคลตามหมายจับจึงได้แสงตัว และแสดงหมายจับให้ นายไชศักดิ์หรือใหญ่ ทราบ ก็รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับและไม่เคยถูกจับกุมมาก่อน จึงได้จับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป จับกุมได้ที่ถนนภายในหมู่บ้านกรีนการ์เดนโฮม คลอง 11 ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญญบุรี จว.ปทุมธานี

จากการซักถามนายใหญ่ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับงานมาจากผู้สั่งการ ซึ่งอยู่ที่ อ.แม่สาย จว.เชียงราย โดยการนัดรับคนต่างด้าวทุก ๆ ครั้ง จะนัดรับที่ บริเวณบึงหนองปึ๋ง อ.เมือง จว.เชียงราย ได้รับค่าจ้างตามจำนวนคนต่างด้าว หัวละ 5,000 บาท โดยจะได้รับค่าจ้างเมื่อส่งคนต่างด้าวถึงที่หมาย เงินที่ได้รับค่าจ้างเมื่อหักค่าน้ำมันออก ก็จะแบ่งกับ นายสมบุญ

ซึ่งตนชักชวนมาร่วมงาน โดยแบ่งกันคนละครึ่งทางการสืบสวนพบว่า นายใหญ่ มีการใช้โทรศัพท์ติดต่อผู้สั่งงาน/ว่าจ้างหลายครั้ง และมีจำนวนเงินโอนเข้าออกเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

ชุมพร – สาธารณสุขจังหวัดชุมพร แถลงยืนยัน ตามที่สื่อโซเชียลบางแห่ง ที่ระบุว่า “เข้าเวรโควิดหมอเซ็น 1,000 ได้จริง 400” ตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง!!

วันนี้ (12 ส.ค. 64) เวลา 16.00 น. ณ ห้องประชุมสาธารณสุขจังหวัดชุมพร ได้เปิดแถลงข่าว ในกรณีที่เป็นข่าวในสื่อโซเชียน โดยมี นพ.จิรชาติ เรื่องวัชรินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นพ.อนุ ทองแดง นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรม รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร และ นพ. ฉัตรชัย พิริยประกอบ รอง ผอ.รพ. ชุมพรเขตอุดมศักดิ์ โดยมีสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวในครั้งนี้จำนวนหนึ่ง

นพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร กล่าวว่า จากกรณีเมื่อวาน (11 ส.ค. 64) กรณีที่มีสื่อโซเชียล มีการนำเสนอประเด็น ที่กระทบต่อขวัญกำลังใจแก่บุคคลากรทางการแพทย์และเป็นการสร้างความเข้าใจผิดให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยมีข้อความที่ระบุว่า “เข้าเวรโควิดหมอเซ็น 1000 ได้จริง 400” ซึ่งประเด็นนี้ เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะมีการพาดพิงถึงการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงค่าเสี่ยงภัย ของบุคลากรการแพทย์ของจังหวัดชุมพรในช่วงระหว่างเดือนมกราคม - มีนาคม 2564 โดยเมื่อเช้านี้ ได้มีการประชุมบุคลากรของสาธารณสุขจังหวัดชุมพรและโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เพื่อทำการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น และได้มีการตั้งคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ให้เป็นที่ประจักษ์และเพื่อความโปร่งใสแก่ทุกๆคนทุกๆฝ่าย ซึ่งชื่อเต็มของเบี้ยเลี้ยงนี้มีชื่อว่า “ค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเสี่ยงภัย ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการ เฝ้าระวัง สอบสวน ป้องกัน ควบคุมและรักษาผู้ป่วยโควิด-19” ซึ่งเงินในโครงการนี้ จะได้รับอนุมัติมาจากกรมบัญชีกลาง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในแต่ละจังหวัด โดยเงินในส่วนนี้ ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรทางการแพทย์จะมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยงบประมาณในส่วนนี้ จะได้รับการจัดสรรตามปริมาณงานและความเสี่ยง โดยจะดูจากจำนวนยอดของผู้ป่วยโควิด - 19 ในพื้นที่ของแต่ละจังหวัดเป็นหลัก

ในส่วนของจังหวัดชุมพรในภาพรวม เราจะมีกรรมการมาดูแลในงบประมาณดังกล่าว เพื่อทำการตรวจสอบให้ตรงตามข้อระเบียบของการเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนนี้ให้เที่ยงตรงและต้องมีความถูกต้อง โดยผ่านการพิจารณาของกรรมการจังหวัด จากนั้นก็จะมีการเบิกจ่ายเงินส่วนนี้ กระจายไปยังโรงพยาบาลต่างๆและสำนักงานสาธารณสุขต่าง ๆ ในทุกพื้นที่ทุกอำเภอ เพื่อให้เป็นไปในทางเดียวกันทั้งจังหวัด

สำหรับงบประมาณดังกล่าวที่ได้รับจัดสรรมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 - มีนาคม 2564 ซึ่งในช่วงนั้น จังหวัดชุมพรมีจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 น้อยอยู่เมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆ เราก็จะได้น้อยกว่าซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ ในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม 2564 มีการแพร่ระบาดในพื้นที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม 2564 จึงทำให้ปริมาณงานของบุคคลากรทางการแพทย์มีมากขึ้น ทำให้เงินงบประมาณที่รับการจัดสรรไม่เพียงพอ ในหลายแห่งเช่นที่ รพ.หลังสวน ,รพ. ปากน้ำ ,ชุมพร สาธารณสุขอำเภอท่าแซะ จึงได้มีการทำบันทึกเสนอของบประมาณเพิ่มเติมมาที่สาธารณสุขจังหวัดชุมพร ซึ่งเราก็ได้ทำของบประมาณเพิ่มเติมไปที่กระทรวงสาธารณสุข แล้วก็ได้เงินกลับมาได้ครบทุกคน

แล้วจากการตรวจสอบในเบื้องต้น ก็ยังไม่พบการทุจริตในเงินงบประมาณส่วนนี้ในจังหวัดชุมพร และการเบิกจ่ายก็ยังถูกต้องตรงกันทั้งหมด ดังนั้นขอยืนยันว่าไม่มีการทุจริตในเงินส่วนนี้พื้นที่จังหวัดชุมพร และผมก็ได้นำเรียนไปยังผู้บริหารของกระทรวงเรียบร้อยแล้ว


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร

ตม.จังหวัดจันทบุรี จับชาวลาว!! แอบย่องผ่านเข้าไทย ถูกรวบพร้อมขบวนการช่วยเหลือนำพา 3 คดี

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 และ ว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้

“จับชาวลาว แอบย่องผ่านเข้าไทย ถูกจับพร้อมขบวนการช่วยเหลือ”
ในห้วงเวลาที่ผ่านมาการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายในแนวชายแดนจังหวัดจันทบุรีมีความเข้มงวด และกวดขันจับกุมผู้กระผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง อย่างต่อเนื่อง ในกรณีนี้ชุดสืบสวน ตม.จว.จันทบุรี ได้ทำการสืบสวนทราบว่า จะมีขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผ่านในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีจึงได้วางแผนสกัดจับกุมโดยบูรณาการกำลังปฏิบัติกับทหารพรานและตำรวจภูธรพื้นที่ ซึ่งต่อมาขณะที่ตั้งจุดสกัดได้ตรวจพบรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูสุ สีฟ้า ทะเบียนจังหวัดนครราชสีมา ลักษณะตรงตามข้อมูลที่ทำการสืบสวนจึงได้ทำการเรียกขอตรวจสอบ ซึ่งเมื่อรถยนต์กระบะคันดังกล่าวถูกเรียกก็แสดงพิรุจโดยเคลื่อนตัวช้าๆก่อนเข้ามาที่จุดสกัด จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ขับคือนายวิรุธ (ขอสงวนสกุล) สัญชาติไทย อายุ 26 ปี มีผู้โดยสารนั่งมาในแคป 2 คน ตรวจสอบแล้วพบว่าคือ นายแม็ก สัญชาติลาว อายุ 28 ปี และนางเม สัญชาติลาว อายุ 24 ปี ไม่มีเอกสารหนังสือเดินทางอย่างใด สอบถามรับว่าหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวนำส่งดำเนินคดี

การแจ้งข้อกล่าวหา : นายวิรุธ “ช่วยเหลือซ่อนเร้นด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” นายแม็ก และนางเม “ เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ของกลาง : รถยนต์กระบะ มีแคป ติดหลังคา ทะเบียนจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 1 คัน

สถานที่เกิดเหตุวันเวลาเกิดเหตุ : จุดตรวจหน้ากองร้อย ทพ.นย.546 (คลองโป่งน้ำร้อน) ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จว.จันทบุรี

จากการสอบถาม นายแม็กและนางเมให้ข้อมูลว่าเป็นสามีภรรยากันทำงานอยู่จังหวัดไพลิน ประเทศกัมพูชา หลักจากสถานการณ์โควิดที่กัมพูชารุนแรงและไม่มีงานจึงคิดจะกลับประเทศลาวโดยใช้ไทยเป็นทางผ่านเนื่องจากถนนหนทางสะดวก จึงลักลอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติและแอบทำงานเก็บเงินในจันทบุรีเกือบ 1 เดือน จากนั้นจึงติดต่อจ้างนายวิรุธ คนละ 8,500 บาท ให้ส่งกลับบ้าน ส่วนนายวิรุธรับสารภาพว่าปกติทำงานขับรถส่งผลไม้ส่วนงานรับงานขนส่งแรงงานนั้นทำเป็นครั้งคราว

ซึ่งในเคสนี้ก็รับว่าได้รับการติดต่อจากจ้างจากนายแม็กจริง โดยจะนำคนทั้งสองไปส่งที่จังหวัดนครราชสีมา แล้วจะจ้างเพื่อนของนายวิรุธรับไปส่งต่อยังชายแดนหนองคายต่อไป ซึ่ง ตม.จว.จันทบุรี จะดำเนินการสืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป 

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

 

“พระครูแจ้” ภิกษุ พระผู้มีแต่ให้ ได้เมตตาช่วยเหลือประชาชนให้ฉีดวัคซีน พร้อมแจกปัจจัยบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อเทิดพระเกียรติในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหา

วันที่ 12 สิงหาคม 2564 ที่ภายในวัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ มีความเมตตาต่อประชาชนผู้ประกอบอาชีพ วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างและผู้ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่  จึงได้ประสานความร่วมมือกับทาง  นายแพทย์พิเชษฐ พัวพันกิจเจริญ  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางพลี สมุทรปราการ จัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้ประชาชนทั่วไปและผู้ที่ขับขี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างรวมถึงคนขับรถแท็กซี่  ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนให้ได้รับการฉีดวัคซีน ฟรี จำนวน 2,000 คน เพื่อเป็นการร่วมเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหา ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนวัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

โดยท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้เห็นถึงความสำคัญของประชาชนที่ประกอบอาชีพ 2 อาชีพนี้ เนื่องจากเป็นงานบริการที่มีความเสี่ยงในการรับเชื้อโควิด-19 ประกอบกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ยังคงมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเช้าทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้มีพิธีเปิดกรวยถวายราชสักการะหน้าพระฉายาลักษณ์  โดยนายแพทย์ พิเชษฐ พัวพันกิจเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางพลี เป็นผู้เปิดกรวยดอกไม้

จากนั้น ในช่วงบ่ายของวันที่ 12 สิงหาคม 64 ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง พร้อมด้วย นายแพทย์พิเชษฐ พัวพันกิจเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางพลี ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและให้กำลังใจบุคคลากรทางการแพทย์ยังโรงพยาบาลสนาม โดยท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้เมตตามอบเงินสดให้บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลสนาม คนละ 500 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ อีกทั้ง ยังเป็นการแสดงออกถึงความห่วงใยที่มีต่อบุคลากรทางการแพทย์ และเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหา อีกด้วย


ภ่พ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ  รายงาน

กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี จับกุมตรวจยึดยาเสพติดประเภท 1 ยาบ้า จำนวน 102,000 เม็ด ที่ลักลอบข้ามฝั่งมาจากประเทศเพื่อนบ้าน

กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ได้จัดกำลัง ชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว กองร้อยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 2105 ซึ่งมี พันตรี ยงยุทธ ดวงสุริยา ผู้บังคับกองร้อยกองร้อยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 2105 บูรณาการร่วมกับ สภ.โพนพิสัย, ฝ่ายปกครองอำเภอโพนพิสัย โดยได้รับแจ้งจากสายลับแจ้งว่าจะมีการลักลอบส่งมอบยาเสพติดตามเส้นทางการเกษตรริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณหมู่บ้านหนองกุ้งใต้ หมู่ที่ 2 ตำบลกุดบง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย

จึงได้วางกำลังเข้าดักซุ่มจนกระทั้งถึงเวลา 07.15 น. พบเรือกรีบเพลาลอยลำมายังริมฝั่งแม่น้ำโขง พร้อมกับได้โยนสิ่งของ เป็นกระสอบสีดำ จำนวน 1 กระสอบ ขึ้นมายังริมฝั่งแม่น้ำโขงแล้วกลับออกไปทันที เจ้าหน้าที่จึ่งซุ่มรออยู่จนกระทั้ง เวลา 08.30 น. ได้มีบุคคลขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามา 2 คน โดยรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาจอดยัง จุดที่โยนกระสอบดังกล่าวพร้อมกับได้ลงมาแบกกระสอบเพื่อกลับขึ้นรถจักรยานยนต์

เจ้าหน้าที่จึงแสดงตนจะเข้าทำการตรวจสอบ แต่เมื่อบุคคลดังกล่าวพบเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่ จึงแสดงอาการกำลังจะวิ่งหลบหนี ชุดเจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัว หลังจากนั้นชุดจับกุมจึงตรวจสอบภายในกระสอบพบเป็น ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 จำนวน 17 แพ็ค ประมาณ 102,000 เม็ด จึงได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งต่อไปยัง สถานีตำรวจภูธรโพนพิสัย เพื่อดำเนินคดีต่อไป


ภาพ/ข่าว  เดวิท โชคชัย รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top