Wednesday, 14 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

เพิ่มศักยภาพกลุ่มนาแปลงใหญ่-เพชรบุรี ด้วย ‘เครื่องจักรกลการเกษตร’ (Machinerisation policy)

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติเป็นประธานการส่งมอบเครื่องจักรกลการเกษตรและวัสดุอุปกรณ์ต่อพ่วง แก่กลุ่มแปลงใหญ่ข้าวหมู่ที่ 1,2,3 ตำบลห้วยข้อง อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ภายใต้โครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด พร้อมด้วย นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ โดยมีนายชาญณรงค์ พวงสั้น เกษตรจังหวัดเพชรบุรี ให้การต้อนรับ สำหรับการส่งมอบเครื่องจักร มีดังนี้

1. รถฟาร์มแทรกเตอร์ ขนาด 50 แรงม้า จำนวน 2 คัน พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วง ได้แก่ ใบมีด, จอบหมุน, ผาน, ขลุบหมุน ล้อเหล็ก, เวทถ่วงล้อ พร้อมทะเบียน พรบ. จำนวน 2 ชุด

2. รถบรรทุกดีเซล ขับเคลื่อน 4 ล้อ ขนาด 15.5 แรงม้า จำนวน 1 คัน

3. เครื่องอัดฟาง พร้อมเชือกอัดฟาง จำนวน 1 เครื่อง

4. โดรนเพื่อการเกษตร ขนาดบรรจุ 15 ลิตร จำนวน 1 เครื่อง ในวันที่ 20 กันยายน 2564 ณ หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยข้อง อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มุ่งหวังให้เกษตรกรมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีความหลากหลายมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาศักยภาพความเข้มแข็ง บริหารจัดการแปลงใหญ่ โดยใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมสมัยใหม่ต่อยอดด้านคุณภาพมาตรฐาน แปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม และเชื่อมโยงตลาด รวมทั้งสร้างโอกาสในการเพิ่มคุณภาพผลผลิต การลดต้นทุนการผลิต และมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน

ชุมชนดุสิตป่วยติดเตียง – ติดเชื้อโควิดรอบใหม่! ‘พันธมิตรจิตอาสาห่วงใย’ ลุยมอบอาหารปันสุข เติมอิ่ม บรรเทาทุกข์

เกาะติดภาระกิจ ครัวปันอิ่ม วันที่  20 กันยายน 2564  ที่ชุมชนวัดประชาระบือธรรม 3 เขตดุสิต นายสมชาย จรรยา อุปนายก สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย พร้อมตัวแทนพันธมิตรจิตอาสา ประกอบด้วย มูลนิธิสหชาติ สถาบันพระปกเกล้า หลักสูตรประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่น 1 (ปสม.1) หลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่น 12 (สสสส.)

ร่วมส่งมอบข้าวกล่องอุ่นร้อนพร้อมทาน และหน้ากากอนามัย แก่ชาวชุมชนวัดประชาระบือธรรม 3 โดยมี นางประดับศรี ดาราสิชฌน์ ประธานชุมชน พร้อมคณะกรรมการ และอสส.จ.ส.ท. ร่วมกันรับมอบเพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ชาวบ้านที่ป่วยติดเตียง หรือกักตัวรักษาการติดเชื้อโควิด-19 อยู่ในบ้าน และส่วนหนึ่งนำส่งมอบให้ชาวบ้าน ที่ออกมารับข้าวด้วยตนเองได้นำไปรับประทาน

สำหรับชุมชนวัดประชาระบือธรรม 3 มีผู้อาศัยอยู่ 138  ครัวเรือน จำนวนประชากรมากกว่า 600  คน มีผู้ที่ติดเชื้อโควิด และทำการรักษาหายแล้ว จำนวน 39 คน และหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย พบมีผู้ติดเชื้อใหม่ เพิ่มอีก 4 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างทำการรักษาตามระบบสาธารณสุข  นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน รวมทั้งผู้ป่วยติดเตียง 10 คน ผู้สูงอายุประมาณ 100 คน  อาชีพของคนในชุมชนส่วนใหญ่ค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นลูกจ้าง เป็นผู้ยากไร้

เพชรบุรี - ทำเก๋!! ชวนประชาชนไดร์ฟทรู ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้บนรถ บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลพระจอมเกล้า

เมื่อวันที่ 20 กันยายน นายแพทย์เกรียงศักดิ์ คำอิ่ม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี พร้อมด้วยคณะแพทย์ พยาบาล หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเปิดจุดบริการประชาชนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้บนรถ (Drive Thru Vaccine COVID-19) ที่บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลพระจอมเกล้า เพชรบุรี

นายแพทย์เกรียงศักดิ์ เปิดเผยว่าอยากให้ชาวเพชรบุรีทั้งหมดได้รับวัคซีนให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอายุ ทุกคน ซึ่งจากการติดตามผลการฉีดวัคซีน มีความห่วงใยคนที่มีความเคลื่อนไหวลำบาก เดินทางมาลำบาก ไม่สามารถที่จะเข้าถึงบริการได้ จึงร่วมแรงร่วมใจกันเปิดไดร์ฟทรู เพื่อกลุ่มคนที่พอเคลื่อนไหวได้แต่ญาติพี่น้องลำบากที่จะพามา การฉีดบนรถ หรือไดร์ฟทรู วันอาทิตย์ วันหยุด จะช่วยให้ฉีดได้สะดวกไม่ต้องลงจากรถและยังมีความสำคัญเนื่องจากว่าวันธรรมดา ญาติ ลูกหลาน ไม่สามารถพามาได้ ทั้งนี้แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทั้งหมด มีความรู้สึกยินดีที่จะให้บริการ แม้เป็นวันหยุดก็ไม่ยอมหยุดมาช่วยกันทำงานตรงนี้ เพื่อรักษาชีวิตพี่น้องของชาวเพชรบุรีทุกคน

นายสันทัด รัตนะนิรุตติ ชาวเพชรบุรี เปิดเผยว่าได้ขับรถพามารดามารับวัคซีน ที่ผ่านมามารดาตนมีความกลัวมากเรื่องวัคซีน แม้ว่าลูก ๆ ทุกคนที่ฉีดวัคซีนแล้วพยายามบอกแม่ให้ไปแต่ก็ไม่ยอมฉีด จนได้ข่าวว่าโรงพยาบาลพระจอมเกล้ามีบริการแบบไดร์ฟทรู คิดว่าเป็นวิธีที่ดี ลองคุยกับแม่ดูจนยอมตกลง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยพบวิธีนี้มาก่อน พอมาเห็นเป็นการบริการได้ดีมากทำให้แม่ลดความกลัว และก็จะพาแม่มาฉีดเข็มที่ 2 อีกครั้ง

ระยอง - รอง ผบช.ภ.2 รรท.ผบก.ภ.จว.ระยอง เป็นประธานเปิดการแข่งขันยิงปืน ตามโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาการใช้วาวุธปืน และการยิงปืนของข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดระยอง

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 64 เวลา 08.30 น.ที่สนามยิงปืน หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดระยอง(นปพ.) อ.เมือง จ.ระยอง พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รอง ผบช.ภ.2 รรท.ผบก.ภ.จว.ระยอง เป็นประธานเปิดการแข่งขันยิงปืน ตามโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาการใช้วาวุธปืนและการยิงปืนของข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ปีงบประมาณ พ.ศ.2564 มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 16 ทีม ทุก สภ.ในพื้นที่จังหวัดระยองส่งข้าราชการตำรวจในสังกัดเข้าร่วมจำนวน 3 ทีมแบ่งเป็น ทีม A ได้แก่ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ทีม B ได้แก่มือดีของแต่ละ สภ. และ ทีม C สุ่มจากตำรวจใน สภ.ทีมละ 3 คน รวมทั้งสิ้น 144 นาย ผู้แข่งขันต้องใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.เท่านั้น ผู้ชนะแต่ละทีมจะได้รับถัวยรางวัลจาก พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รอง ผบช.ภ.2 รรท.ผบก.ภ.จว.ระยอง

พล.ต.ต.มานะ กล่าวว่า การจัดโครงการฝึกอบรมฯ ดังกล่าวให้กับข้าราชการตำรวจผู้ที่ปฏิบัติงานด้านการปราบปรามอาชญากรรมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อยในชีวิต และทรัพย์สินให้แก่ประชาชน จำเป็นอย่างยิ่งต้องมีการพัฒนาคน และการฝึกใช้อาวุธปืนให้มีความพร้อม มีความรู้ความเข้าใจ และทักษะการใช้อาวุธปืนพกสั้นประจำกาย และฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ ซึ่งการฝึกยิงปืนดังกล่าวเป็นหนึ่งในการพัฒนาบุคคล หากตำรวจยิงปืนแม่นยำ เข้าระงับเหตุถูกวิธี ยิงยับยั้งโจรผู้ร้ายได้ถูกจุด สามารถป้องกันความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น ป้องกันชีวิตประชาชนและชีวิตตนเอง อีกทั้งเป็นการสร้างความมั่นใจกับพี่น้องประชาชน ซึ่งส่งผลให้การปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และยังสร้างศรัทธาและความเชื่อมั่น ต่อองค์กรตำรวจ ตามหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ โดยแท้จริง

"สมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิสซุม” จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี พ.ศ. 2564 "New Normal" สุดยิ่งใหญ่!

เมื่อวันที่ 16-18 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา "สมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม" (ไทย) ดำเนินการจัดสัมมนาเครือข่ายผู้ปกครองบุคคลออทิสติกและการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ผ่านระบบทางไกลและ FB สมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม (ไทย) ระหว่าง16-18 ก.ย. 2564 สำเร็จเสร็จสิ้นในภารกิจดังกล่าว นับเป็นการประชุมที่ประสบความสำเร็จ สมาชิกเข้าประชุมในระบบ Zoom ทั่วประเทศ และหลายท่านติดตามผ่านเพจในเครือข่ายออทิสติกไทยด้วย

การจัดประชุมดังกล่าว ครบถ้วนทั้ง ภาคเวทีวิชาการ ที่มีวิทยากรทั้งไทยและต่างประเทศ เช่นจาก SAAC หรือ St. Andrew’s Autism Center โดย Bernard Chew และDennis Aug ประเทศ สิงค์โปร์มาร่วมสัมมนาแลกเปลี่ยนกับคณะนักวิชาการและผู้บริหารสมาคมฯของประเทศไทย เน้นต้นแบบระบบการจัดสวัสดิการที่พักอาศัยสำหรับบุคคลออทิสติกในประเทศสิงค์โปร์ ซึ่งถือเป็น Best Pratise. ที่ดี โดยแบ่งเป็นSession ต่าง ๆ

Session ที่ 1 ด้านนโยบาย  การสัมมนากล่าวรายงาน โดย อ.ชูศักดิ์ จันทยานนท์ นายกสมาคมกล่าวเปิดโดยอธิบดีสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรม พก. และนำเสนอแนวคิด “Human to Ability” ที่กรม พก.กำหนดเป็นเป้าหมายหลักในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการกว่า 2 ล้านคน โดยนโยบายการทำงาน แบ่งเป็น 3 ระดับ คือระดับชาติ (National Lever)เน้น Big Data ด้านคนพิการ การขับเคลื่อนการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวก การเสริมพลังคนพิการและภาคีเครือข่าย ระดับเชิงประเด็น (Sectorial Lever) เน้นการส่งเสริมอาชีพและการจ้างงานคนพิการ การปรับเปลี่ยนระบบการจดทะเบียนคนพิการ ให้เป็นระบบดิจิตอล การปรับระบบ การจัดให้มี One Stop Service การปฎิรูปการดำเนินงานกองทุนคนพิการ การปรับปรุงระเบียบด้านสวัสดิการคนพิการและการช่วยเหลือคนพิการที่ไม่มีผู้ดูแลหรือมีแต่ไม่สามารถดูแลคนพิการได้  ทั้งนี้เน้นการบริหารจัดการองค์กรที่ดี และการพัฒนากำลังคนที่ทำงานด้านคนพิการทั้งระบบ 

ช่วงต่อมาผู้เชี่ยวชาญ กรม พก. คุณณัฐอร อินทร์ดีศรี บรรยายถึง กรอบแนวคิดและความคืบหน้าในการจัดทำ อันบัญญัติสวัสดิการคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ ที่ผ่านการพิจารณาจากอนุกรรมการด้านสวัสดิกราคนพิการและเตรียมนำเสนอคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติต่อไป

Session ที่ 2 ส่วนความร่วมมือภาคธุรกิจ คุณรมมุก เพียจันทร์ ผู้แทนจากกลุ่มTrue นำเสนอเรื่องการสนับสนุนการขับเคลื่อนงานกับภาคีออทิสติกไทย ทั้งสมาคมและมูลนิธิออทิสติกไทยและชุมชน เช่น การร่วมจัดงานวันออทิสติกโลก การจัดจ้างงานบุคคลออทิสติก การสนับสนุนการจัดตั้ง”ธนาคารชุมชนออทิสติก” การเปิดช่องทางการตลาดออนไลน์ การสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม การพัฒนาแอปฟลิเคชั่นและระบบการคัดกรองความต้องการจำเป็นพิเศาหรือ STS

Session ที่ 3 ด้านวิสาหกิจเพื่อสังคม ผอ.นภา เศรษฐกร  ผอ.สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม(สวส) ให้เกียรติบรรยายพิเศษ เรื่อง”การขับเคลื่อนวิสาหกิจเพื่อสังคม” ซึ่งเครือข่ายออทิสติก มีความเข้าใจและเข้มแข็งในเรื่องนี้มาก มีวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย 2 แห่ง คือ บริษัทออทิสติกไทย วิสาหกิจเพื่อสังคม ที่มี Brand Art Story by Autisticthai /Bran For All Coffee และ บริษัทเด็กพิเศษวิสาหกิจเพื่อสังคมจังหวัดพังงา มีBran ผลิตภัณฑ์ของตนเอง

Session ที่ 4 ด้านกรณีศึกษาในประเทศ กรณีตัวอย่างการจัด”ศูนย์ดำรงชีวิตอิสระคนพิการ” หรือ ศูนย์ IL คุณธีรยุทธ สุคนธวิท ประธานสภาศูนย์การดำรงชีวิตอิสระฯ ซึ่งบุกเบิกงานนี้มากว่า 20ปี ได้อธิบาย”แนวคิด ประเภทการจัดบริการ และแนวการจัดการ” ให้รับทราบ ซึ่งนับว่า ศูนย์IL มีกิจกรรมที่สนับสนุนคนพิการทางกายและการเคลื่อนไหวครบทุกมิติ ทั้งมิติสุขภาพ ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบหลักประกันสุขภาพ มิติสังคม ที่มีบริการข้อมูลข่าวสาร บริการให้คำปรึกษาฉันท์เพื่อน บริการฝึกทักษะการดำรงชีวิตอิสระ บริการผู้ช่วยคนพิการ และการพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ เช่น การประสานการรับสิทธิต่าง ๆ รวมถึงช่วงโควิด-19ก็ได้จัดความช่วยเหลือคนพิการในสังกัดหน่วยบริการด้วย

Session ที่ 5 การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ นอกจากประธานกลุ่มโซนภาคของสมาคมจะถอดบทเรียนการทำงานร่วมกัน ในประเด็นการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ ซึ่งรายละเอียดติดตามได้ในเวปไซต์ออทิสติกไทยดอทคอม

Session ที่ 6 องค์ความรู้จากต่างประเทศ มีการเชิญวิทยากรต่าง ๆ ประเทศจาก SAAC ประเทศสิงคโปร์ตามกล่าวข้างต้น เล่าถึงระบบการจัดการResidential Home Day Activity Center ทำให้กลุ่มผู้นำสมาคม สามารถนำแนวคิดมา Adopt and Adapt เพื่อนำสู่การพัฒนาระบบ”บ้านพิทักษ์สิทธิออทิสติกในประเทศไทยได้  ตัวอย่างชุดความคิด เรื่อง 10 มิติที่ควรคำนึงถึง ในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตบุคคลออทิสติก (สุขภาพ การศึกษา ที่พักอาศัย การเดินทาง ความเป็นพลเมือง เศรษฐกิจ การสร้างงาน/สร้างอาชีพ ความสัมพันธ์กับครอบครัว สันทนาการ และคุณค่าความเป็นมนุษย์ ) เป็นหลักสำคัญในการออกแบบบริการกับบุคคลออทิสติกทุกระดับ) โดยการจัดการในบ้านพิทักษ์ในสิงคโปร์ เน้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เรียกว่าKey Learning Domains ได้แก่ ทักษะการสื่อสาร ทักษะเชิงสมรรถนะ การปฎิบัติกิจวัตรประจำวัน การฝึกอาชีพขั้นพื้นฐานที่เน้น คุณค่าที่ได้ทำงาน นันทนาการ กีฬา ศิลปะ และการพัฒนาทักษะสังคมอารมณ์ ส่วนด้านการบริหารจัดการเน้น  การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชน โดยระบบของสิงคโปร์รัฐจะอุดหนุนงบประมาณให้บางส่วน และผู้ปกครองสนับสนุนบางส่วน รวมทั้งการจัดหาผู้สนับสนุนต่าง ๆ ด้วย

 

ประจวบคีรีขันธ์ - “หัวหิน” คึกคัก นทท.เต็มชายหาด พร้อมเปิดรับต่างชาติเดือน ต.ค.นี้

วันที่ 20 ก.ย. นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน มอบหมายให้ นายมนตรี ชูภู่ นางสาวบุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน พร้อมผู้บริหารและ สท. ดูแลประชาชนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม ของเทศบาลเมืองหัวหินรอบสุดท้ายอีก 4,000 คน ที่ รพ.หัวหิน ตามที่เทศบาลเมืองหัวหินใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท จัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์ม จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ให้กับประชาชนในพื้นที่จำนวน 27,500 คน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของเมืองหัวหินและสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว สถานประกอบการและประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ระลอกแรกจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งเพื่อเตรียมความพร้อมรับการเปิดเมืองหัวหินในเดือน ต.ค.นี้

นายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน เปิดเผยว่าจากกระแสการเปิดเมืองหัวหินรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่ต้องกักตัวตามโครงการหัวหินรีชาร์ท ล่าสุดมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่เป็นไปตามเป้าหมาย ทำให้มีนักท่องเที่ยวจาก กทม. จังหวัดปริมณฑล เดินทางมาเที่ยวพักผ่อนตากอากาศที่ อ.หัวหินช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะชายหาดหัวหินตลอดแนวตั้งแต่หน้าโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทและวิลลา หัวหิน ไปทางหมู่บ้านเขาตะเกียบ มีนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ เดินเล่นชายหาดอยู่เต็ม ส่งผลดีทำให้ธุรกิจม้าเช่าชายหาด ร้านอาหารซีฟู้ดทางลงชายหาดมีบรรยากาศคึกคักเป็นอย่างมาก รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวอื่น เช่นตลาดโต้รุ่งหัวหิน เริ่มมีนักท่องเที่ยวจับจ่ายซื้อของ การจราจรบนถนสายหลักมีรถหนาแน่น เป็นสัญญาณที่ดีในการท่องเที่ยวก่อนถึงช่วงไฮซีซั่น

แม้ว่าการเดินทางท่องเที่ยวจะมีข้อจำกัดจากการกำหนดเคอร์ฟิวก็ตาม สำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดเมืองหัวหิน นอกจากวัคซีนแล้ว เทศบาลได้รับนโยบายให้ทำโครงการสมาร์ทซิตี้ ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดความคมชัดสูงแล้ว 118 จุด จำนวน 486 ตัวในพื้นที่ 86 ตารางกิโลเมตร พร้อมระบบควบคุม 24 ชม. กล้องวงจรปิดสามารถติดตามใบหน้าบุคคลที่มีข้อมูลพื้นฐานจากหน่วยงานด้านความมั่นคงป้อนเข้าระบบ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวหรือติดตามการเดินทางประชาชนในพื้นที่

ตราด - ตำรวจท่องเที่ยวตราด พร้อมดูแลนักท่องเที่ยว ขานรับโครงการ “เกาะช้างทูเก็ตเตอร์”

วันที่ 20 ก.ย. 64 พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศิริเจริญนำ สว.ส.ทท.6 กก.2 บก.ทท.1(ตำรวจท่องเที่ยวตราด) เปิดเผยว่า ตามที่ภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องของ จ.ตราด ได้กำหนดเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั่วไป ตามโครงการเปิดการท่องเที่ยวรูปแบบพิเศษ ที่มีมาตรการในเรื่องความปลอดภัยการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ควบคู่กันไปด้วย ภายใต้ชื่อ เกาะช้างทูเก็ตเตอร์ “KOH CHANG TOGETHER” โดยใช้แหล่งท่องเที่ยวเกาะช้างเป็นพื้นที่นำร่อง เริ่มตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค.64 เป็นต้นไป และก็เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ ให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนในพื้นที่เกาะช้างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของตำรวจท่องเที่ยวตราด ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมในการดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ แก่นักท่องเที่ยวในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเต็มที่ 

หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์’ ทรงกรุณาประทานยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร แด่เรือนจำกลางเชียงใหม่ 100,000 เม็ด

วันที่ 20 กันยายน 2564 หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ทรงกรุณาให้ นางสาวชญาณิศา ฐาณิชณาณัณ กรรมการผู้จัดการบริษัท เดอะไบบูรี่ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำเชิญยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรประทาน ให้ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ เพื่อใช้ช่วยเหลือบรรเทาภัยเบื้องต้นในสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัส (โควิด-19) ที่กำลังแพร่ะบาดในเรือนจำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ในเรือนจำ ผู้ต้องขังในเรือนจำกลาง และเรือนจำในเครือข่าย โดยมี พันตำรวจตรีชัยรัตน์ กิจงาม เป็นผู้อ่านหมายหนังสือประทานยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรทุกหมู่เหล่า

นายยุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย เลขานุการในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า โดยแต่เดิม หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ทรงมีความห่วงใยต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่าเสมอมา ทรงจัดหาสิ่งของต่าง ๆ ที่พอจะช่วยเหลือ บรรเทาภัย และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้า และผู้ประสบภัยจากโรคระบาด โควิด-19 มาโดยตลอด ซึ่งตลอดช่วงเวลา 2 ปี ของการแพร่เชื้อโรคระบาดนี้ พระองค์ท่านมีรับสั่งให้คณะทำงานในส่วนพระองค์ แบ่งสายงานหาทางให้ความช่วยเหลือประชาชนทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และเขตปริมณฑล รวมทั้งต่างจังหวัดมาโดยตลอด

ตำรวจเตือน! บุคคลนำคลิปหรือภาพลามกของตน ไปเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์เพื่อแลกเงิน เสี่ยงถูกดำเนินคดี

วันที่ 20 ก.ย.2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่มีบุคคลที่เรียกตัวเองว่า เซ็กซ์ครีเอเตอร์(Sex Creator) หรือพอร์นฮับเบอร์(Porn hubber)นำภาพหรือคลิปของตนเองในลักษณะลามกอนาจาร เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ผ่าน เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น OnlyFans หรือเว็บไซต์อื่นที่มีลักษณะเดียวกัน รวมถึงกลุ่มลับต่าง ๆ ที่เปิดรับสมาชิกและมีการเรียกเก็บค่าเข้ากลุ่ม เพื่อรับชมคลิปหรือภาพลามกอนาจาร โดยผู้ที่ปรากฏในคลิป ผู้ผลิต หรือ ผู้นำคลิปไปเผยแพร่ ได้รับประโยชน์ใด ๆ จากผู้อื่นเป็นค่าตอบแทนจากการกระทำดังกล่าวนั้น ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดในลักษณะดังกล่าวมาโดยตลอด

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ฯ กล่าวว่าแม้พฤติการณ์ดังกล่าวในหลายประเทศอาจถือว่าไม่เป็นความผิด แต่สำหรับประเทศไทย กฎหมายได้บัญญัติไว้เป็นความผิดอย่างชัดเจน จึงขอให้เข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการบังคับใช้กฎหมายด้วย และขอเรียนชี้แจ้งข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ ดังนี้

กรณีผู้ที่ปรากฏในสื่อลามกเป็นผู้ใหญ่ (อายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป)

- เพื่อประสงค์แห่งการค้าฯ นำเข้า ผลิต  เผยแพร่สื่อลามกอนาจารฯ  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ป.อาญา มาตรา 287(1)

- นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

- “ครอบครอง” สื่อลามกที่บุคคลในสื่อลามกอายุ 18 ปีขึ้นไปไม่ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมาย ยกเว้น ครอบครองสื่อลามกเด็ก หรือ Child Pornography (บุคคลในสื่อลามกอายุต่ำกว่า18ปี)ฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ป.อาญา มาตรา 287/1

ฝากถึงพี่น้องประชาชน เซกซ์ครีเอเตอร์ และพอร์นฮับเบอร์ หรือผู้ที่คิดอยากทำเนื้อหาที่มีลักษณะลามก(Sex content)ที่จะนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ขอให้ตระหนักถึงผลกระทบด้านอื่น นอกเหนือจากในแง่ของกฎหมาย เนื่องจากเนื้อหาที่ถูกเผยแพร่ดังกล่าว ไม่สามารถถูกทำให้หายไปได้ แต่จะยังคงวนเวียนอยู่ในโลกออนไลน์ วันหนึ่งท่านต้องมีครอบครัว วันหนึ่งท่านต้องออกจากวงการไปมีวิถีชีวิต หรือมีหน้าที่การงานอย่างอื่นที่อยู่นอกวงการนี้ ท่านและคนรอบตัวของท่าน คือคนที่จะได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้โดยตรง ขออย่าให้เห็นแก่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า เพราะค่าตอบแทนเม็ดงามในวันนี้เป็นเพียงยาพิษเคลือบน้ำตาล ที่จะตามส่งผลร้ายแรงในอนาคตต่อไป

ทั้งนี้ขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ผบช.ปส ตรวจยึดกัญชา 20 กิโลกรัม ส่งทางพัสดุ!! พร้อมของกลางรวมกว่า 1 ล้านบ้าน ที่โกดังบริษัทพัสดุแห่งหนึ่ง ในจว.พระนครศรีอยุธยา

วันที่ 19 ก.ย. 64 พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผบก.ปส.3 พร้อมด้วยชุดจับกุม นปส.เพลินจิต กก.1 บก.ปส.3 ร่วมกับ ปป.7 สปป.ป.ป.ส., ฝขว.ศปก.ทบ. ได้ทำการสืบสวนกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดทางโซเชียล ส่งทางพัสดุไปรษณีย์โดยขยายผลจากเมื่อวันที่  18 ก.ย.64 ชุดจับกุม ได้ทำการตรวจยึดกัญชา น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม ที่โกดังบริษัทพัสดุแห่งหนึ่ง จว.พระนครศรีอยุธยา   

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการขับเคลื่อนตามนโยบายดังกล่าวภายใต้การอำนวยการ ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.,พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผช.ผบ.ตร.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top