Wednesday, 14 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

กาฬสินธุ์ – เทศบาลร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้าน อสม. ลงขันสร้างบ้าน มอบบ้านผู้หายป่วยโควิด-19

เทศบาลตำบลเขาพระนอน อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้าน อสม. ร่วมบริจาคเงินสด สิ่งของ วัสดุอุปกรณ์ สำหรับสร้างบ้านให้ครอบครัวผู้หายป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 และฐานะยากจน ซึ่งรักษาหายดีแล้ว ไม่มีที่อยู่อาศัย ก่อนนำเครื่องอุปโภค บริโภค มอบให้เป็นทุนเริ่มต้นชีวิตใหม่ บรรยากาศเป็นไปด้วยความปลาบปลื้มปิติ

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2564 ที่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 8 บ้านนากุงใต้ ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายสันติ จัตุพันธ์ นายอำเภอยางตลาด เป็นประธานพิธีมอบบ้านให้กับผู้ยากไร้ โดยมีนายดนุพงษ์  ภูตรี นายกเทศมนตรีตำบลเขาพระนอน นายวัฒนา  แสนตรี กำนันตำบลเขาพระนอน พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้าน ข้าราชการ ผู้นำชุมชน ชาวบ้าน อสม. ร่วมพิธี  ทุกคนที่ร่วมพิธีต่างปฏิบัติป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งคัด ทั้งจำกัดจำนวนคน ตรวจวัดอุณหภูมิ รักษาระยะห่าง และสวมหน้ากากอนามัย 100% 

นายสันติ จัตุพันธ์ นายอำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่เทศบาลตำบลเขาพระนอน ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้าน อสม.ได้ร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์ เพื่อดำเนินการก่อสร้างที่พักอาศัยให้กับครัวเรือนผู้ยากไร้ โดยเฉพาะครอบครัวผู้หายป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 นั้น เป็นการช่วยเหลือแบ่งปัน เอื้ออาทรให้แก่กันและกัน ตามแนวทางโครงการกาฬสินธุ์แฮปปี้เนสโมเดล คนกาฬสินธุ์ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง ของผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับประชาชน โดยสร้างบ้านได้อยู่อาศัย และสร้างขวัญกำลังใจ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนผู้ยากไร้ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ด้านนายวัฒนา แสนตรี กำนันตำบลเขาพระนอน กล่าวว่า บ้านที่ทำพิธีมอบในวันนี้เป็นครอบครัวของนายถวัลย์ สมคะเน อายุ 60 ปี และสมาชิกในครอบครัวรวม 6 คน เดิมไปทำงานในจังหวัดพื้นที่เสี่ยงและติดเชื้อโควิด-19 จึงขอเดินทางกลับรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามสวนธรรมโชติปัญญาราม เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 จนกระทั่งหายดี แต่ครอบครัวนายถวัลย์ ไม่มีที่อยู่อาศัย จึงได้ประสานกับเทศบาลตำบลเขาพระนอน และผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้านใน ต.เขาพระนอน หาแนวทางช่วยเหลือครอบครัวนี้

ขณะที่นายนายดนุพงษ์  ภูตรี นายกเทศมนตรีตำบลเขาพระนอนกล่าวว่า ทั้งนี้ ได้ร่วมกับพระครูปริยัติธรรมนุโยค เจ้าอาวาสวัดวารีราษฎร์หนองกุง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพุทธรักษา พร้อมชาวบ้าน อสม.มีมติร่วมแรงร่วมใจกันบริจาคเงินก่อสร้างบ้านให้ครอบครัวนายถวัลย์ ซึ่งใช้พื้นที่ของญาตินายถวัลย์ โดยเป็นบ้านชั้นเดียว พร้อมติดตั้งระบบสาธารณูปโภคทั้งระปา ไฟฟ้า รวมยอดบริจาค 35,000 บาท เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2564 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2564 กำหนดทำพิธีมอบบ้านในวันนี้

 

กรุงเทพฯ - วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต แจกถุงยังชีพให้กับ วินมอเตอร์ไซด์พื้นที่ท่าแร้ง เขตบางเขน จำนวน 1,500 ชุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต ถนนรามอินทรา ซอยวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ สืบสานต่อยอดบูรพาจารย์ ผู้ก่อตั้งวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต หลวงพ่อใหญ่ พระครูภาวนาภิธาน วิ. แจกถุงยังชีพให้กับ วินมอเตอร์ไซด์พื้นที่ท่าแร้ง เขตบางเขน จำนวน 1,500 ชุด ซึ่งมีพระครูใบฎีกาสันติ กิตฺติโสภโน ผู้สนองงานเจ้าอาวาสฝ่ายเผยแพร่พระพุทธศาสนา  พร้อมด้วยคณะลูกศิษย์ และชมรมทหารพราน ค่ายปักธงชัย กรุงเทพมหานคร ร่วมกันจัดโรงทานวัดห่วงใย วินมอเตอร์ไซด์ สายใยศรัทธา เพื่อปวงประชาเป็นสุข 

เนื่องในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพ การดำเนินชีวิตประจำวัน และฐานะทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดความยากลำบากในหมู่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย หรือตกอยู่ในภาวะที่ต้องปรับรูปแบบการดำรงชีวิตอย่างกะทันหัน และส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนจำนวนมาก ทั้งทางตรง และทางอ้อม เนื่องจากหลายธุรกิจจำเป็นต้องหยุด ต้องปิด ไม่สามารถเปิดได้ตามปกติ  ทางวัดและประชาชนที่มีจิตศรัทธา ร่วมกันแจกถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง หน้ากากอนามัย ยารักษาทั่วไป  และบทสวดมนต์ ให้กับประชาชนที่ด้อยโอกาส และยังสามารถดำรงชีพต่อไปได้ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ สำหรับผู้ที่มีจิตศรัทธา สามารถร่วมบุญได้ที่วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต


ภาพ/ข่าว วะจะนะชัย วาจาพารวย รายงาน

ชาวแฟลตดินแดงเกือบ 8,000 ครัวเรือน ปลื้ม! ‘รมว.เฮ้ง’ ห่วงใย มอบข้าวสารบรรเทาความเดือดร้อน

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่มอบข้าวสารขนาดถุงละ 5 กิโลกรัม ครัวเรือนละ 1 ถุง ให้แก่ชาวบ้านชุมชนดินแดงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 7,700 ครัวเรือน ในพื้นที่แฟลตดินแดง 3 จุด โดยมี นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย จุดแรกที่โครงการฟื้นฟูเมืองดินแดงระยะที่ 1 (ดินแดงแปลงจี) หลังมัสยิดมูฮายีรีน นายสมัย แสงชาติ ประธานคณะกรรมการชุมชนโครงการฟื้นฟูเมืองดินแดงระยะที่ 1 (ดินแดงแปลงจี) เป็นผู้รับมอบ จุดที่สอง ที่บริเวณสนามอาคาร 8 ชั้น แยกประชาสงเคราะห์ ตรงข้ามโรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ นางศิริเพ็ญ สาปณ ประธานชุมชนดินแดง 1 เป็นผู้รับมอบ และจุดที่สาม ที่บริเวณลานกีฬา 51 ซอยประชาสงเคราะห์ 11 ใกล้ตลาดเคหะชุมชนดินแดง 2 โดยมี นายวิชาญ เขียวแก้ว ประธานคณะกรรมการเคหะชุมชนดินแดง 2 เป็นผู้รับมอบ

โดย นายสุรชัย กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานและประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยติดเตียง และชาวแฟลตดินแดงที่ไม่มีรายได้เนื่องจากผลกระทบโควิด จึงได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงาน ในวันนี้ท่านรัฐมนตรีสุชาติ ชมกลิ่น ได้มอบหมายให้ผมลงพื้นที่มอบข้าวสารขนาดถุงละ 5 กิโลกรัม ครอบครัวละ 1 ถุง รวมทั้งสิ้น 7,700 ครัวเรือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านชุมชนดินแดงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว

 

‘คุณสมบัติ’ บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดงานการแข่งขันสุดยอดทักษะ สายสัญญาณและเน็ตเวิร์ค ปีที่ 9 ชิงถ้วยพระราชทาน และเงินรางวัลรวมกว่า 400,000 บาท

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธาน บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดงาน Cabling & Networking Contest #9 (การแข่งขันสุดยอดทักษะสายสัญญาณและเน็ตเวิร์ค ปีที่ 9) โดยมีคุณวิวัฒน์ มหาผลศิริกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีให้เกียรติกล่าวเปิดงาน ซึ่งครั้งนี้เป็นรอบคัดเลือกภาคตะวันออกนับเป็นการพลิกโฉมการแข่งขันมาในรูปแบบ Fully Online ผ่านระบบ Zoom

โดยการสัมมนาช่วงเช้าได้รับการตอบรับอย่างดีจากนิสิต นักศึกษากว่า 630 คน และช่วงบ่ายที่จัดส่งอุปกรณ์ไปถึงมหาวิทยาลัย เพื่อทำการแข่งขันออนไลน์พร้อมกันกว่า 30 คน เพื่อคัดตัวแทนไปรอบชิงชนะเลิศ เพื่อชิงถ้วยพระราชทาน และเงินรางวัลรวมกว่า 400,000 บาท

???? LIVE จากสนง.ใหญ่ อินเตอร์ลิ้งค์ กรุงเทพฯ

Qatar Talk การทูตชั้นเซียน!! สุดยอดมือประสาน ‘ตะวันตก’ กับ ‘ชาติมุสลิม’ | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

Qatar Talk การทูตชั้นเซียน !! สุดยอดมือประสาน ‘ตะวันตก’ กับ ‘ชาติมุสลิม’

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ​ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
.

.

สืบ ตม.2 รวบ ‘หนุ่มโมร็อกโก Overstay กว่า 300 วัน’ จับกุมส่ง พงส.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2, พ.ต.อ.รุ่งศักดิ์ แสงเสียงฟ้า รอง ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.ชัยธนันท์ จิรปิยเศรษฐ์ ผกก.สส.ปป.บก.ตม.2 ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้

ผู้ถูกจับกุมเป็นชาย สัญชาติโมร็อคโค อายุประมาณ 23 ปี ได้รอที่โถงผู้โดยสารเพื่อรอการเช็คอินและเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยไปยังประเทศรัสเซีย โดยสายการบินกาตาร์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน QR833 ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดตรวจได้เดินตรวจตราความสงบเรียบร้อย จึงได้ขอสุ่มตรวจเอกสารและหนังสือเดินทางของผู้โดยสาร และส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ตรวจข้อมูลเพิ่มเติมจากระบบสารนิเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (BIOMETRIC) และ APPS พบข้อมูลการเข้ามาในราชอาณาจักรของชายสัญชาติโมร็อคโค โดยสารการบินสายมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH786 ซึ่งอยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนดอนุญาต จำนวน 300 วัน ตรงกับข้อมูลในหนังสือเดินทาง และชายสัญชาติโมร็อกโก ไม่มีเงินเพียงพอในการจ่ายค่าปรับ จึงได้ดำเนินการจับกุมส่ง พงส.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

สืบสวน ตม.1 จับหนุ่มแดนโสม Overstay ‘หนีคดีแฝงตัวหลอกสาวไทย กว่า 20 ราย’ มูลค่าความเสียหายนับล้านบาท

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากหญิงสาวผู้เสียหายชาวไทย ว่าได้ถูกชายชาวเกาหลีใต้รายหนึ่ง หลอกลวงเอาทรัพย์สินแล้วหลบหนีหายไป โดยคาดว่าน่าจะได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ภายในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงเอาทรัพย์สินในลักษณะเช่นเดียวกัน กว่า 20 ราย มูลค่าความเสียหายนับล้านบาท เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.1 จึงได้ทำการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เสียหายและสืบสวนจนทราบว่า ชายคนดังกล่าวคือนายคิม อายุ 30 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ มีพฤติกรรมหลอกลวงผู้เสียหายโดยเฉพาะหญิงชาวไทย ผ่านทางแอพพลิเคชั่นหาคู่ออนไลน์ โดยจะทำการตีสนิทจนเหยื่อตายใจและหลงเชื่อ และจะให้เหยื่อโอนเงินให้โดยผ่านบัญชีคนไทย ซึ่งทำกับเหยื่อซึ่งเป็นหญิงชาวไทยจำนวนกว่า 20 ราย นอกจากนี้

 

รวบหนุ่มตะวันออกกลาง! อดีตพ่อค้ายาเสพติดหัวหมอ แปลงโฉมตนเอง เปลี่ยนสัญชาติ - ชื่อสกุล - วันเดือนปีเกิด หวังตบตา สุดท้ายไม่รอด สืบสวน ตม.1 ตะครุบทันควัน!!

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้

คดีนี้สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้สืบสวนติดตามขบวนการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองของกลุ่มชาวตะวันออกกลาง อันเนื่องมาจากสถานการณ์ความไม่สงบในภูมิภาคดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลการจับกุมมาแล้วนับสิบราย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่า มีกลุ่มชาวตะวันออกกลางที่มีประวัติถูกจับกุมดำเนินคดีและผลักดันออกนอกราชอาณาจักร พร้อมกับมีการบันทึกข้อมูลในบัญชีบุคคลต้องห้าม (Blacklist) และดำเนินการส่งกลับไปยังประเทศต้นทางเป็นที่เรียบร้อย มีการลักลอบกลับเข้ามาในประเทศอีกครั้ง โดยมีพฤติการณ์หลบซ่อนตัวอยู่ในย่านสุขุมวิทเพื่อจะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกต เนื่องจากย่านดังกล่าว มีชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวตะวันออกกลางพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับตำหนิรูปพรรณของกลุ่มดังกล่าว พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 จึงได้ มีประชุมสั่งการ ให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่หาข่าวและตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบกับบุคคลต่างด้าวรายหนึ่งเดินเตร็ดเตร่อยู่ริมถนน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองคนต่างด้าวก็แสดงท่าทีมีพิรุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจึงแสดงตัวและขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวหรือหนังสือเดินทาง ผลการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าบุคคลต่างด้าวคนดังกล่าวคือนาย โมฮัมเมด ถือหนังสือเดินทางสัญชาติ อียิปต์ และจากการสอบถามพบว่าคนต่างด้าวรายนี้เดินทางเข้ามา ในราชอาณาจักรและพำนักอยู่ในราชอาณาจักร

โดยการอนุญาตสิ้นสุดมาเป็นเวลากว่า 1 ปี เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม ที่ กก.สส.บก.ตม.1 จนได้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางของนายโมฮัมเมดว่า นายโมฮัมเมดเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุม เมื่อปี 2561 ในพฤติกรรมเป็นมาเฟียอาหรับ ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในบริเวณซอยนานาให้กับนักท่องราตรีชาวต่างชาติ

 

สืบสวน ตม.1 จับหนุ่มแดนมังกร ใช้รอยตราประทับเข้าเมืองปลอม เบื้องหลังเกี่ยวข้องขบวนการลักลอบนำเข้าชุดตรวจ ATK COVID-19 ผิดกฎหมาย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้

สืบเนื่องจาก กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ร่วมกับ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ได้ร่วมกันทำการสืบสวนและทราบข้อมูลจากสายลับว่า มีชายชาวจีนซึ่งมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้าชุดตรวจ ATK COVID-19 ผิดกฎหมายจากประเทศจีนเข้ามาในประเทศไทย และอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย หลบซ่อนตัวอยู่แถวบริเวณ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังสืบสวนติดตามตัวบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีนดังกล่าว

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เดินทางไปเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับขบวนการลักลอบนำเข้า ATK COVID-19 ผิดกฎหมาย จนกระทั่งพบคนต่างด้าวสัญชาติจีนลักษณะตรงตามที่สายลับได้แจ้ง ทราบชื่อภายหลังคือ นายไห่หนิง อายุ 31 ปี สัญชาติจีน เมื่อคนต่างด้าวเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็แสดงอาการตระหนกตกใจและรีบจะขึ้นรถยนต์ส่วนตัวขับออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อทำการขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวหรือหนังสือเดินทาง และทำการตรวจสอบสิ่งของในรถยนต์คันดังกล่าว กลับไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่เมื่อนายไห่หนิง นำหนังสือเดินทางมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเพื่อให้ตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูโดยละเอียดก็พบว่าในหน้า 24 ของหนังสือเดินทางดังกล่าว พบพิรุธของรอยตราประทับการเข้าเมืองและประเภทวีซ่าหลายประการ เช่น เดินทางเข้าในราชอาณาจักร

โดยได้รับวีซ่าประเภทท่องเที่ยวและขออนุญาตอยู่ต่อ แต่กลับพบรอยตราประทับขาเข้าอีกครั้ง โดยที่ไม่พบรอยตราประทับการออกนอกราชอาณาจักร ปรากฏในหน้าหนังสือเดินทางของนายไห่หนิงแต่ประการใด อีกทั้งในรอยตราประทับดังกล่าวยังพบอีกว่าประเภทวีซ่าที่ระบุในตราประทับขาเข้าเป็น “STN” ซึ่งไม่มีในสารบบประเภทวีซ่าของประเทศไทย และสิ่งผิดปกติอื่น ๆ อีกหลายประการ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายไห่หนิง มาตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกด้วยระบบ BIOMETRICS ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอีกครั้ง

ปรากฏว่าพบข้อมูลเพียงว่านายไห่หนิงเดินทางเข้ามาและได้ขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรจนวันอนุญาตสิ้นสุด และไม่ได้ขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรอีกแต่ประการใด นอกจากนี้นายไห่หนิง ยังเกี่ยวข้องขบวนการลักลอบนำเข้า ATK COVID-19 ผิดกฎหมายอีกด้วย

 

สจ.เมืองพิจิตร อาสาเป็นมัคคุเทศก์ พาเที่ยวกราบไหว้ขอพร “ศาลเจ้าแม่ทับทิม” องค์แรกในไทย!

จังหวัดพิจิตร เมืองเล็ก ๆ แต่น่ารัก มีประวัติศาสตร์และเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ที่หลายท่านอาจยังไม่รู้ว่า ที่ตำบลท่าฬ่อ อำเภอเมืองพิจิตร มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนเคารพนับถือ “ศาลเจ้าแม่ทับทิม” ประดิษฐานอยู่ ณ ที่แห่งนี้

นายอนุศร คำจริง สจ.เมืองพิจิตร รับอาสาเป็นมัคคุเทศก์พาไปท่องเที่ยวกราบไหว้ขอพรที่ศาลเจ้าแม่ทับทิม ซึ่งมีตำนานเล่าขานว่า เป็นเจ้าแม่ทับทิมองค์แรกที่ชาวจีนไหหนำนำมายังประเทศไทยด้วย คนจีนมีความเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือจะคอยให้ความคุ้มครองปกป้อง ให้พ้นจากภัยอันตรายและนำพาให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง  ดังนั้นไม่ว่าจะย้ายหรืออพยพไปอยู่แห่งหนใดก็จะมีการอัญเชิญสิ่งที่ตนเคารพนับถือติดตัวไปด้วย เราจึงมักเห็นศาลเจ้าพ่อหรือ เจ้าแม่ อยู่ในทุกที่ที่มีคนไทยเชื้อสายจีนพำนักอยู่  ศาลเจ้าแม่ทับทิม ( ตุ้ยบ่วยเต่งเหนี่ยง ) ที่ตำบลท่าฬ่อ อำเภอเมืองพิจิตร

โดย นายทนงค์ คำเผื่อน นายก ทต.ท่าฬ่อ , นางลัดดา คล้ายชาวนา เลขา นายก ทต. ท่าฬ่อ , นายสิทธิพงษ์ แสงสมัย กำนันตำบลท่าฬ่อ ได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาว่า...เจ้าแม่ทับทิมซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลเจ้าแห่งนี้ ได้ถูกอัญเชิญมาพร้อมกับเจ้าพ่อกวนอู  มาจากเกาะไหหลำ มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ในราว พ.ศ.2410 หรือประมาณ 154 ปี ที่ผ่านมา โดยชาวจีนซึ่งมีอาชีพเป็นเจ้าของอู่ต่อเรือในบ้านท่าฬ่อ เป็นผู้อัญเชิญมาจากประเทศจีน หลังจากที่ได้อัญเชิญมาถึงที่ตำบลท่าฬ่อเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้มีการปลูกสร้างศาลขนาดใหญ่ถวายแด่องค์เจ้าแม่ทับทิมและเจ้าพ่อกวนอูให้เป็นที่สักการะบูชาของชาวบ้านและมีผู้ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาทั้งใกล้ไกลมากราบไหว้ขอพรบนบานศาลกล่าวแล้วสมหวังกันมากมาย

นับแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันและจากประวัติความเป็นมาของ องค์เจ้าแม่ทับทิมท่าฬ่อ อาจจะนับได้ว่าเป็นองค์เจ้าแม่ทับทิมองค์แรกที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย

นอกจากนี้ภายในศาลเจ้าแม่แห่งนี้ ยังมีถาวรวัตถุอันล้ำค่าอีกหลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือเกี้ยว ที่ใช้เป็นที่ประทับขององค์เจ้าแม่ ซึ่งได้นำมาจากประเทศจีน ตัวเกี้ยวทำมาจากไม้แกะสลักทั้งหลังเป็นลายดอกไม้และสัตว์ต่าง ๆ ตามแบบศิลปะของจีน และศาลเจ้าแห่งนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานขององค์เจ้าพ่อกวนอู เจ้าพ่อ-เจ้าแม่  ปึงเถ่ากงม่า และภายในยังพบโป๊ยป้อ วัตถุกายสิทธิ์  ซึ่งเป็นอาวุธประจำเซียนทั้ง 8 จำนวน 2 ชุด (16 อัน) ระฆังโบราณ ที่ถูกจารึกเป็นภาษาจีนและสิ่งหนึ่งซึ่งเรียกความสนใจให้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมสักการะนั่นคือ โต๊ะรูปทรงโบราณที่ถูกสร้างคล้ายกับบังลังก์ของเปาบุ้นจิ้นที่ใช้ในการนั่งตัดสินคดีความต่าง ๆ

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top